ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IRC project 2.0] Call of duty : GOAT จารชนคนเกรียนแบ๊ะ

    ลำดับตอนที่ #7 : Intermezzo 2-1 : Re

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 57


    "เอ้า เงียบได้แล้วเจ้าพวกเด็กใหม่"

    ชายวัยกลางอายุราวห้าสิบในชุดสีเทาคล้ายเครื่องแบบทหาร ผมสั้นเรียบร้อยสีดำมีผมสีขาวประปรายบ่งบอกถึงอายุ ใบหน้ามีทั้งรอยแผลรอยย่นเล็กน้อยไปตามอายุและประสบการณ์  เดินผ่านประตูเลื่อนกระจกใสเข้ามายังในห้องที่มีโต๊ะและเก้าอี้รายล้อมเหมือนกับห้องประชุม บนเก้าอี้มีเด็กหนุ่มสาวใส่ชุดละม้ายคล้ายกับชุดที่เขาใส่อยู่นั่งอยู่รอบโต๊ะ

    พวกเขาและเธอทันทีที่ได้ยินเสียงก็หยุดทำกิจกรรมทุกอย่างและหันหน้าตรงมาจดจ่อกับชายที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง พวกเขาสังเกตเห็นป้ายชื่อบนอกด้านซ้าย เป็นภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า

    'Aspect G. Kafka'

    ชายคนนี้เป็นทั้งหัวหน้าครูฝึกและผู้บังคับบัญชาของหนุ่มสาวที่อยู่ในห้องทั้งหมด

    หน่วยจารชนที่ได้ลับคัดเลือกเป็นพิเศษ อเลฟ ซีโร่

    "เอาล่ะ วันนี้มีภารกิจแรกของพวกคุณเข้ามาแล้ว" เขาเดินมายังหน้าห้องแล้วหน้าจอโฮโลแกรมสีฟ้ากินพื้นที่กำแพงด้านหน้าห้องก็ฉายขึ้นมา ประกอบด้วยข้อมูล ภาพ และแผนที่

     

    [ภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน]

    เป้าหมาย : บุตรสาวคนเล็กของตระกูลแมกซ์มิลแลน

    สถานที่ : โกดังร้างชานเมืองหลวงเขตสอง

     

    "ตัวประกันของเราโดนจับไปเมื่อสองวันที่แล้วระหว่างที่ตามพ่อของเธอมาเจรจาธุรกิจที่เขตสอง จากนั้นก็ติดต่อเรียกค่าไถทั้งหมดห้าสิบล้านหน่วย"

    "ข้อมูลจากตำรวจในพื้นที่ คนร้ายเป็นกลุ่มแก๊งค้ายาในพื้นที่ ตรวจจับไอดีของผู้ที่เข้าออกบริเวณโกดัง มีไอดีซ้ำๆ เข้าออกอยู่ 13 ราย คงประมาณจำนวนของคนร้ายได้ประมาณนี้"

    อาสเปเลื่อนมือจากเหนือศีรษะไปยังพื้นด้านล่าง หน้าจอเบื้องหน้าก็ดับลง เขาเดินมายังโต๊ะที่มีลูกศิษย์ของเขานั่งอยู่รายล้อม แล้วภาพโฮโลแกรมสามมิติสีฟ้าใสที่โชว์ภาพอาคารก็ลอยโผล่ขึ้นมาจากโต๊ะเบื้องหน้าพวกเขา

    "นี่คือภาพจำลองของโกดังเป้าหมาย" อาสเปอธิบายพร้อมชี้นิ้วมาทางอาคารคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยม

    "มีทางเข้าออกได้ทั้งหมดสามทาง ทางแรกคือประตูหน้า" เขาหมุนปรับภาพโฮโลแกรมที่ลอยขึ้นมาให้หันไปยังผู้ฟังพร้อมกับขยายภาพ "ทางนี้เป็นประตูโล่งๆ ลอบเข้าไปลำบาก เราจะส่งหน่วยจู่โจมเข้าไปทางนี้"

    "สองคือประตูด้านหลัง แต่จากพิมพ์เขียวของโกดังแล้วเมื่อเข้าไปจะพบกับมุมอับ"

    "สุดท้ายคือช่องระบายอากาศจากบนหลังคา จะมีหน่วยของเราสองนายไปทางนี้" อาสเปพูดพร้อมสบตามายังเหล่าผู้ฟังทั้งหลาย "มีบันไดพาดให้ปีนขึ้นไปยังดาดฟ้าอยู่ด้านข้างอาคาร ช่องระบายอากาศนี้จะเชื่อมกับชั้นสองของโกดังและหน้าห้องตัวประกันเลย"

    เขาย่อภาพโฮโลแกรมกลับมาอีกครั้ง และซูมไปยังอาคารฝั่งที่อยู่ตรงข้ามโกดัง เป็นตึกคอนกรีตสำนักงานสูงประมาณห้าชั้น

    "บนดาดฟ้าของอาคารนี้จะมีพลซุ่มยิงประจำอีกหนึ่งคน" อาสเปเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้ฟังอีกครั้ง "เพราะมีความเป็นไปได้ว่าขณะที่หน่วยจู่โจมบุกเข้าไปทางประตูหน้า อาจจะมีพวกศัตรูผ่านช่องระบายอากาศขึ้นมาบนหลังคา รวมถึงทางประตูด้านหลังด้วย"

    "สรุปแล้วภารกิจนี้ใช้หน่วยของเราทั้งหมดสามนาย มีใครสงสัยจะถามอะไรเพิ่มไหม ?"

    "มีรายละเอียดเรื่องอาวุธที่ศัตรูใช้ไหมครับ" ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม

    "ดี" อาสเปชื่นชมให้กับความละเอียดรอบคอบของลูกศิษย์และอธิบายต่อ"ดูจากประวัติคดีของคนกลุ่มนี้แล้ว เหมือนจะใช้อาวุธสงครามยุคเก่าดัดแปลงเป็นกระสุนเลเซอร์ เช่น AK-47L MP5L เป็นต้น แต่ดูจากสถานการณ์แล้วพวกนายน่าจะได้ต่อสู้ประชิดมากกว่า มีใครจะถามอะไรอีกไหม"

    "มีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดเกี่ยวกับห้องตัวประกันไหมคะ"

    "จากที่ฝ่ายเทคนิคของเราแกะมาได้ ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณห้าคูณห้าเมตรได้ ด้านขวามีตู้เก็บของขนาดใหญ่กั้นอยู่ ตัวประกันอยู่ในมุมอับหลังตู้เก็บของ"

    "มีพวกนั้นอยู่ในห้องตัวประกัน 1 คน ด้านหน้าห้องตัวประกัน 1 คน เปลี่ยนทุกๆ 6 ชั่วโมง"

    การสอบถามยังดำเนินต่อไป เหล่าชายหนุ่มแหละหญิงสาวต่างถามข้อมูลทุกๆ อย่างเท่าที่พวกเขาและเธอจะคิดออก ทั้งนี้ก็เพื่อเก็บรายละเอียดของภารกิจเอาไว้ให้ครอบคลุมที่สุด รวมถึงมีการเสนอและอภิปรายวิพากย์วิจารณ์กลยุทธ์ต่างๆ กันอีกด้วย เนื่องจากหน่วยอเลฟซีโร่นั้นไม่ได้รับระบอบของทหารเข้ามาใช้ เนื่องจากเนื้อแท้ของจารชนนั้นต้องมีความเป็นปัจเจกที่สูง คำสั่งของหัวหน้าจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าหากคุณมีเหตุผลที่ดีพอและมีเวลาที่จะอธิบาย

     

    "มีกฏอยู่สามข้อสำหรับภารกิจครั้งนี้" อาสเปพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังมากขึ้น

    "หนึ่ง ให้ใช้ได้แต่ร่างมนุษย์เท่านั้น"

    "สอง ในห้องตัวประกัน ห้ามใช้อาวุธปืนใดๆ ทั้งสิ้น"

    "สาม ห้ามประมาทและห้ามตาย"

     

    "ภารกิจนี้จะใช้คนทั้งหมดสี่คน" อาสเปสะบัดมือซ้ายขึ้นมาขึ้นดูรายชื่อ

    "แดช สโนว์ โกสต์ โครว์ ถึงตาของพวกคุณสี่คนแล้ว"

    "แดชกับโกสต์จะเป็นคนที่บุกเข้าไปในโกดัง" ชายที่ยืนอยู่สั่งการไปยังเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของเขา "ส่วนสโนว์ เธอคอยสนับสนุนจากบนดาดฟ้าตึกฝั่งตรงข้าม"

    "ค่ะ!" หญิงสาวที่ชื่อสโนว์ขานรับ

    "ส่วนโครว์ ขาของนายยังไม่หายดีใช่มั้ย งั้นนายรับหน้าที่ประสานงานกับทางนักรบรับจ้าง" อาสเปพูดพลางมองไกลออกไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังสุดของห้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาหลับอยู่

    "เฮ้ โครว์ !" เขาตะโกนซ้ำไปยังชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง

    "ครับๆๆๆ รับทราบครับ" เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจนได้

    "รับทราบอะไรรึโครว์ ไหนลองอธิบายมาคร่าวๆ ซิ"

    "ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจช่วยตัวประกันครับ ศัตรูมีประมาณสิบสามคน โกดังมีทางเข้าออกสามทาง จะใช้นักรบรับจ้างบุกเข้าไปด้านประตูหน้า ด้านหลังและด้านบนมีสโนว์คอยจัดการอยู่บนดาดฟ้าของตึกอีกฟาก ส่วนโกสต์กับแดชจะบุกเข้าไปทางทางระบายอากาศ ส่วนผมก็คอยติดต่อประสานงานครับ!"

    ชายหนุ่มคนนี้ตอบได้อย่างคล่องแคล่ว ราวกับว่าข้อมูลต่างๆ จะไหลผ่านเข้าไปในสมองของเขาได้แม้ยามหลับ


    ในสายตาของโกสต์แล้วหมอนี่เป็นคนครึ่งนกกาประหลาดพอสมควร ถ้าจำไม่ผิดนกกาที่เขารู้จักผ่านสารานุกรมจะไม่กล้าบ้าบิ่นแบบเขาแน่ๆ

    ชายที่ชื่อว่าโครว์เป็นชายหนุ่มผมสีเงินร่างกายกำยำ สูงกว่าเขาเสียอีก โกสต์เคยได้ยินมาว่าเขาป่วยเป็นโรคเม็ดเลือดขาวผิดปกติจากกรรมพันธุ์ที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ ตอนเด็กๆ เขาเล่าว่าเป็นโรคป่วยติดเชื้อบ่อยมาก ตัวเล็กผอมกะหร่องจนโดยแกล้งบ่อยๆ โชคดีที่ได้พบกับอายุรแพทย์อัจฉริยะ คุณหมอชวาร์ซ รักษาเขาจนโตขึ้นมาแข็งแรงได้แบบนี้

    ในภารกิจต่างๆ เขาเองก็ทำได้ดีพอสมควร เนื่องจากวิธีการคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขานั้นมีประสิทธิภาพราวกับเป็นแผนที่ได้วางไว้อย่างดิบดีจนไม่น่าเชื่อว่าสามารถคิดได้ในระยะเวลาสั้นๆ ถึงแม้ว่าเขาจะในพื้นที่ที่เสี่ยงตายและเต็มไปด้วยห่ากระสุนก็ตาม ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างสนใจเรื่องจิตวิทยาการสงครามค่อนข้างมากอีกด้วย

    การทดสอบโดยซิมูเลเตอร์เขาก็ทำคะแนนได้สูงที่สุดแทบจะทุกครั้ง ได้ยินว่าเขาเป็นคนเดียวที่สอบผ่านภารกิจพิเศษที่เอาไว้ให้ลิ้มรสความสิ้นหวังและการถูกจับเป็นเชลยและทรมาณ วิธีการผ่านที่ผู้คุมสอบคาดหวังคือทำยังไงก็ได้ให้ไม่เปิดปากสารภาพข้อมูลออกมา แต่เจ้านี่กลับแหกคุกออกมาได้ทั้งๆ ที่มือยังถูกล่ามด้วยโซ่อยู่ด้วยซ้ำ

     

    "ศัตรูจะเปลี่ยนเวรในช่วงเช้าก่อนหกโมงตรง เวลาที่ดีที่สุดที่จะชิงตัวประกันคือตีห้าครึ่ง ก่อนที่จะมีศัตรูที่เหลือเข้ามาตอนประมาณหกโมงเล็กน้อย"

    "พวกเธอสี่คนพบกันที่ที่จอดรถชั้น G เวลาเที่ยงคืนตรง" อาสเปพูดพลางดูนาฬิกาที่อยู่บนกำแพงห้อง เหลือเวลาอีกราวแปดชั่วโมงที่สี่คนที่เหลือจะต้องเตรียมตัว

    "แยกย้ายได้" เขาพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×