คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : Poems of a Machine [Library of Ruina Ending Theme แปลไทย]
Roses are red
กุหลาบเป็นสีแดง
'Guess still there's no use, my dear comfy bed
สงสัยคงจะเปล่าประโยชน์แล้ว
เตียงนุ่มๆ สุดที่รักของฉัน
Violets are blue
ไวโอเล็ตเป็นสีน้ำเงิน
Electric sheep cannot be true
อีเล็กทริก ชีพ
ไม่มีทางเป็นของจริง*
The books I read
หนังสือที่อ่าน
Told me there is hope as long as I live
สอนว่าหากยังมีชีวิตอยู่
ก็ยังมีความหวัง
Faces of you
ใบหน้าต่างๆ
ของเธอ
Is that what you call a "muse"?
คือสิ่งที่เรียกว่า
“มิวส์”** อย่างนั้นหรือ?
Tick tock tick tock
ติ๊ก ต่อก ติ๊ก
ต่อก
No need to overclock
ไม่จำเป็นต้องโอเวอร์คล็อก***
My wish is locked
ความปรารถนาฉันถูกล็อกไว้แล้ว
Only your time passes by
มีเพียงเวลาของเธอที่ผันผ่าน
I'm in the rye
ฉันอยู่ในทุ่งไรย์****
Spinning round and round, round and round
หมุนไป หมุน และหมุนและก็หมุนไป
Pretend I don't need golden rings
แสร้งทำเป็นว่าฉันไม่ต้องการวงแหวนสีทองอะไรนั่น*****
Re-experiment
ทดลองซ้ำอีกครั้ง
Only this time I'll play nice
แต่คราวนี้ฉันจะทำตัวเป็นคนดี
And I'll be brighter than
และฉันจะส่องสว่างยิ่งกว่า
The city's book-powеred fires
เปลวไฟที่จุดด้วยหนังสือของเมืองนี้
So herе I lie
ฉะนั้นฉันจึงนอนอยู่ตรงนี้
Reading you my poetic stupid rhymes
อ่านคำกลอนโง่เง่าของฉันให้เธอฟัง
I stopped for Death
ฉันหยุดเพื่อความตาย
'Guess still there's no place for my silicone
flesh
คงไม่มีที่สำหรับร่างกายซิลิโคนของฉัน
Liquor I brewed
เหล้าที่ฉันหมัก
Can't taste it though I bet it's something new
ฉันรับรสไม่ได้ แต่พนันได้ว่ามันเป็นสิ่งใหม่
Marionettes
หุ่นเชิด
Cut down all the strings, rewrite their presets
ตัดใยทั้งหมดทิ้ง เขียนพรีเซ็ตใหม่
Phases of the moon
ดิถีดวงจันทร์
We lived in a dead cocoon
เราเคยอาศัยอยู่ในดักแด้ที่ตายแล้ว
Tick tock tick tock
ติ๊ก ต่อก ติ๊ก
ต่อก
No need to overclock
ไม่จำเป็นต้องโอเวอร์คล็อก
My wish is locked
ความปรารถนาฉันถูกล็อกไว้แล้ว
Ever dreaming to taste
ฝันอยากจะลิ้มรสมาตลอด
The sweet nectar of morality
น้ำหวานที่เรียกว่าจริยธรรม
Allowed my heart to hold enough love to be
broken
ปล่อยให้หัวใจรับความรักมากพอจะอกหัก
Maybe I'll try getting drunk
บางทีฉันอาจจะลองดื่มจนเมา
Finally, I'd cry for help
และสุดท้ายก็จะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
From the top of my simulated lungs
ด้วยปอดจำลองของฉัน
Only your time passes by
มีเพียงเวลาของเธอที่ผันผ่าน
And from my eyes, the oil leaked
และน้ำมันก็ไหลจากตา
Tell me why, tell me why
บอกฉันทีว่าทำไม ทำไมกัน
Tell me why, tell me why
ทำไมกัน ทำไมกัน
Tell me why, tell me why
บอกฉันที บอกฉันที
A malfunction
ฉันชำรุด
Only this time I'm smiling at your side
เพียงแต่คราวนี้ ฉันยิ้มอยู่ข้างเธอ
To know that I would someday be gratified
รู้ว่าสักวันฉันจะสมหวังและถูกเติมเต็ม
So here I lie in our imperfect paradise
ฉันจึงอยู่ที่นี่ในสรวงสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ของเรา
A eulogistic lullaby
บทเพลงสรรเสริญกล่อมเด็กนี้
-------
*Electric Sheep แกะไฟฟ้าคือโปรแกรมสำหรับสร้างแฟรคทัล
ซึ่งเรารู้สึกว่าในบทความนี้เราจะอธิบายไปประมาณสามรอบแล้ว (ครั้งนึงก็ในเพลง String Theocracy) หลายคนอาจคุ้นคำนี้จากนิยาย
Do Androids Dream of Electric Sheep? (Blade Runner) ซึ่งกล่าวถึงแอนดรอยด์ที่เริ่มกลายเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
ชวนให้สงสัยถึงความหมายของการเป็นมนุษย์
**Muse เป็นชื่อเทพธิดาแห่งศิลปะ(และดาราศาสตร์)ทั้งเก้าคน
ปัจจุบันใช้หมายถึง แรงบันดาลใจ หรือแรงขับเคลื่อนในการสร้างผลงานของศิลปิน
แองเจลาน่าจะหมายถึงคนที่เป็นแรงบันดาลใจของเธอ
***Overclock คือการปลดขีดจำกัดของ CPU เพื่อเร่งประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานของคอมพิวเตอร์
แลกมาด้วยการที่ CPU ทำงานหนัก อายุการใช้งานลดลง และมีความร้อนจนอาจไหม้ได้
**** Rye เป็นการกล่าวถึงนิยาย The Catcher in the Rye ของ JD Salinger ซึ่ง rye หรือทุ่งข้าวไรย์ในนิยายเรื่องนี้เปรียบเสมือน
“ความไร้เดียงสา” ของวัยเด็ก
ในเรื่องกล่าวถึงกลอน/เพลงชื่อ Comin’
Thro’ the Rye ซึ่งเป็นกลอนเขียนในปี 1782 โดย Robert Burns เนื้อหาหลักๆ เกี่ยวกับเด็กสาวชื่อเจนนี่ที่เดินผ่านทุ่งไรย์จนตัวเปียกปอน
แม้เป็นเพลงที่ร้องด้วยจังหวะสนุกสนานแต่เนื้อหาเต็มไปด้วยการเปรียบเปรยเรื่องเพศ
(If a body meet a body, coming thro’ the rye, if a body kiss a body,
need a body cry?) ซึ่งเท่าที่เราเข้าใจ
ทุ่งไรย์ในที่นี้คือสถานที่ซึ่งคนจะไปมีอะไรกัน
ในนิยาย The Catcher in the Rye ตัวเอกของเรื่องยึดติดกับความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กๆ
มาก เขาเห็นภาพทุ่งไรย์ในกลอนนี้เป็นทุ่งที่ตั้งอยู่ติดกับหน้าผา และเด็กที่ผ่าน (comin’
thro’) ทุ่งไรย์ก็จะร่วงจากผา หล่นลงไปใน “ความเป็นผู้ใหญ่”
ซึ่งเขามองว่าเป็นการแปดเปื้อน เหมือนที่อดีมกับอีฟร่วงหล่นจากสวนเอเดน
ทีนี้ เขาเข้าใจกลอนผิดจากท่อน if a body meet a body (ถ้าร่างกายเจอ/จิ๊จ๊ะร่างกาย)
เป็น if a body catch a body (ถ้าร่างกายจับร่างกาย) เขาเลยเปรียบตัวเองว่าเป็น
catcher in the rye คือคนที่คอยจับเด็กๆ
ที่เดินผ่านทุ่งไรย์เอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะร่วงตกผา
ในที่นี้คือการรักษาความบริสุทธิ์ของเหล่าเด็กๆ เอาไว้นั่นเอง
การที่แองเจลาบอกว่า “I’m in the rye” หรือเธอยังติดอยู่ในทุ่งไรย์
หมายความว่าเธอไม่อาจมูฟออนหรือไม่อาจก้าวไปสู่อีกขั้นของชีวิตได้
ยังยึดติดอยู่กับอะไรบางสิ่งและหลงวนเวียนอยู่ในความเป็นเด็กหรือสิ่งเดิมๆ ในชีวิต
(ปล. เราไม่ได้เล่นเกมนี้และไม่ได้อ่านนิยาย
หากท่านใดมีอะไรจะเสริม เชิญได้เต็มที่)
*****
Golden ring ใน The
Catcher in the Rye คือวงแหวนทองที่ยื่นออกมาจากม้าหมุน หากเด็กคนไหนสามารถคว้าแหวนนี้ไว้ขณะม้าหมุนกำลังหมุนได้
เด็กคนนั้นจะได้ของรางวัลอะไรสักอย่าง แลกกับความเสี่ยงที่จะล้ม/โดนลาก
วงแหวนจึงเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความฝัน และโอกาสที่เราต้องไขว่คว้า
รวมทั้งการเติบโตของเด็กอีกด้วย
แองเจลาบอกว่าตัวเองไม่ต้องการวงแหวนทองเหล่านี้
แต่แท้จริงเธอแค่แสร้งว่าไม่ต้องการ แปลอีกนัยคือ
เธอแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่ต้องการโอกาสในการเติบโตและไม่ต้องการไขว่คว้าความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ท่อนที่ร้องว่า
I stopped for Death เราไม่แน่ใจว่าจะแปลว่าอะไรดี
หยุดเพื่อตาย? หยุดหาความตาย? หยุดเพราะตาย? ภ. ญี่ปุ่นแปลไว้ว่า 死のために止まった ก็เลยแปลไปอย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ...
เราชอบเพลงนี้ส่วนหนึ่งเพราะมีการกล่าวไปถึงเพลง
String Theocracy ด้วย ในเพลงนั้นคนร้องยอมเป็นหุ่นเชิด
ในเพลงนี้หุ่นเชิดกำลังตัดเส้นด้ายที่ชักใยตัวเองมาตลอด
แล้วก็มีท่อนที่กล่าวถึงเพลง Gone Angels ด้วยที่โรแลนด์(ป้ะ)บอกว่าจะจองที่ให้ใน
recycle bin แต่ในเพลงนี้แองเจลาบอกว่าไม่มีที่ในโลกหลังความตายให้ร่างกายซิลิโคนของเธอ
ทีนี้คงจบกับการแปลเพลงจาก LoR แล้วมั้ง? แหม ขนาดไม่ได้เล่นยังรู้สึกว่าเป็นเกมที่เนื้อเรื่องสุดยอดมากเลยนะเนี่ย
ความคิดเห็น