ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แปลเพลงของ Mili + AWAAWA

    ลำดับตอนที่ #69 : Poems of a Machine [Library of Ruina Ending Theme แปลไทย]

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 64



    Roses are red

    กุหลาบเป็นสีแดง
    'Guess still there's no use, my dear comfy bed

    สงสัยคงจะเปล่าประโยชน์แล้ว เตียงนุ่มๆ สุดที่รักของฉัน
    Violets are blue

    ไวโอเล็ตเป็นสีน้ำเงิน
    Electric sheep cannot be true

    อีเล็กทริก ชีพ ไม่มีทางเป็นของจริง*
    The books I read

    หนังสือที่อ่าน
    Told me there is hope as long as I live

    สอนว่าหากยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีความหวัง
    Faces of you

    ใบหน้าต่างๆ ของเธอ
    Is that what you call a "muse"?

    คือสิ่งที่เรียกว่า “มิวส์”** อย่างนั้นหรือ?

    Tick tock tick tock

    ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก
    No need to overclock

    ไม่จำเป็นต้องโอเวอร์คล็อก***
    My wish is locked

    ความปรารถนาฉันถูกล็อกไว้แล้ว

    Only your time passes by

    มีเพียงเวลาของเธอที่ผันผ่าน
    I'm in the rye

    ฉันอยู่ในทุ่งไรย์****
    Spinning round and round, round and round

    หมุนไป หมุน และหมุนและก็หมุนไป
    Pretend I don't need golden rings

    แสร้งทำเป็นว่าฉันไม่ต้องการวงแหวนสีทองอะไรนั่น*****
    Re-experiment

    ทดลองซ้ำอีกครั้ง
    Only this time I'll play nice

    แต่คราวนี้ฉันจะทำตัวเป็นคนดี
    And I'll be brighter than

    และฉันจะส่องสว่างยิ่งกว่า
    The city's book-pow
    еred fires

    เปลวไฟที่จุดด้วยหนังสือของเมืองนี้
    So her
    е I lie

    ฉะนั้นฉันจึงนอนอยู่ตรงนี้
    Reading you my poetic stupid rhymes

    อ่านคำกลอนโง่เง่าของฉันให้เธอฟัง


    I stopped for Death

    ฉันหยุดเพื่อความตาย
    'Guess still there's no place for my silicone flesh

    คงไม่มีที่สำหรับร่างกายซิลิโคนของฉัน
    Liquor I brewed

    เหล้าที่ฉันหมัก
    Can't taste it though I bet it's something new

    ฉันรับรสไม่ได้ แต่พนันได้ว่ามันเป็นสิ่งใหม่
    Marionettes

    หุ่นเชิด
    Cut down all the strings, rewrite their presets

    ตัดใยทั้งหมดทิ้ง เขียนพรีเซ็ตใหม่
    Phases of the moon

    ดิถีดวงจันทร์
    We lived in a dead cocoon

    เราเคยอาศัยอยู่ในดักแด้ที่ตายแล้ว

    Tick tock tick tock

    ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก
    No need to overclock

    ไม่จำเป็นต้องโอเวอร์คล็อก
    My wish is locked

    ความปรารถนาฉันถูกล็อกไว้แล้ว

    Ever dreaming to taste

    ฝันอยากจะลิ้มรสมาตลอด
    The sweet nectar of morality

    น้ำหวานที่เรียกว่าจริยธรรม
    Allowed my heart to hold enough love to be broken

    ปล่อยให้หัวใจรับความรักมากพอจะอกหัก
    Maybe I'll try getting drunk

    บางทีฉันอาจจะลองดื่มจนเมา
    Finally, I'd cry for help

    และสุดท้ายก็จะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
    From the top of my simulated lungs

    ด้วยปอดจำลองของฉัน
    Only your time passes by

    มีเพียงเวลาของเธอที่ผันผ่าน
    And from my eyes, the oil leaked

    และน้ำมันก็ไหลจากตา
    Tell me why, tell me why

    บอกฉันทีว่าทำไม ทำไมกัน
    Tell me why, tell me why

    ทำไมกัน ทำไมกัน
    Tell me why, tell me why

    บอกฉันที บอกฉันที
    A malfunction

    ฉันชำรุด
    Only this time I'm smiling at your side

    เพียงแต่คราวนี้ ฉันยิ้มอยู่ข้างเธอ
    To know that I would someday be gratified

    รู้ว่าสักวันฉันจะสมหวังและถูกเติมเต็ม
    So here I lie in our imperfect paradise

    ฉันจึงอยู่ที่นี่ในสรวงสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ของเรา
    A eulogistic lullaby

    บทเพลงสรรเสริญกล่อมเด็กนี้

     

     

    -------

    *Electric Sheep แกะไฟฟ้าคือโปรแกรมสำหรับสร้างแฟรคทัล ซึ่งเรารู้สึกว่าในบทความนี้เราจะอธิบายไปประมาณสามรอบแล้ว (ครั้งนึงก็ในเพลง String Theocracy) หลายคนอาจคุ้นคำนี้จากนิยาย Do Androids Dream of Electric Sheep? (Blade Runner) ซึ่งกล่าวถึงแอนดรอยด์ที่เริ่มกลายเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ชวนให้สงสัยถึงความหมายของการเป็นมนุษย์

    **Muse เป็นชื่อเทพธิดาแห่งศิลปะ(และดาราศาสตร์)ทั้งเก้าคน ปัจจุบันใช้หมายถึง แรงบันดาลใจ หรือแรงขับเคลื่อนในการสร้างผลงานของศิลปิน แองเจลาน่าจะหมายถึงคนที่เป็นแรงบันดาลใจของเธอ

    ***Overclock คือการปลดขีดจำกัดของ CPU เพื่อเร่งประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานของคอมพิวเตอร์ แลกมาด้วยการที่ CPU ทำงานหนัก อายุการใช้งานลดลง และมีความร้อนจนอาจไหม้ได้

    **** Rye เป็นการกล่าวถึงนิยาย The Catcher in the Rye ของ JD Salinger ซึ่ง rye หรือทุ่งข้าวไรย์ในนิยายเรื่องนี้เปรียบเสมือน “ความไร้เดียงสา” ของวัยเด็ก

              ในเรื่องกล่าวถึงกลอน/เพลงชื่อ Comin’ Thro’ the Rye ซึ่งเป็นกลอนเขียนในปี 1782 โดย Robert Burns เนื้อหาหลักๆ เกี่ยวกับเด็กสาวชื่อเจนนี่ที่เดินผ่านทุ่งไรย์จนตัวเปียกปอน แม้เป็นเพลงที่ร้องด้วยจังหวะสนุกสนานแต่เนื้อหาเต็มไปด้วยการเปรียบเปรยเรื่องเพศ (If a body meet a body, coming thro’ the rye, if a body kiss a body, need a body cry?) ซึ่งเท่าที่เราเข้าใจ ทุ่งไรย์ในที่นี้คือสถานที่ซึ่งคนจะไปมีอะไรกัน

    ในนิยาย The Catcher in the Rye ตัวเอกของเรื่องยึดติดกับความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กๆ มาก เขาเห็นภาพทุ่งไรย์ในกลอนนี้เป็นทุ่งที่ตั้งอยู่ติดกับหน้าผา และเด็กที่ผ่าน (comin’ thro’) ทุ่งไรย์ก็จะร่วงจากผา หล่นลงไปใน “ความเป็นผู้ใหญ่” ซึ่งเขามองว่าเป็นการแปดเปื้อน เหมือนที่อดีมกับอีฟร่วงหล่นจากสวนเอเดน

    ทีนี้ เขาเข้าใจกลอนผิดจากท่อน if a body meet a body (ถ้าร่างกายเจอ/จิ๊จ๊ะร่างกาย) เป็น if a body catch a body (ถ้าร่างกายจับร่างกาย) เขาเลยเปรียบตัวเองว่าเป็น catcher in the rye คือคนที่คอยจับเด็กๆ ที่เดินผ่านทุ่งไรย์เอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะร่วงตกผา ในที่นี้คือการรักษาความบริสุทธิ์ของเหล่าเด็กๆ เอาไว้นั่นเอง

    การที่แองเจลาบอกว่า “I’m in the rye” หรือเธอยังติดอยู่ในทุ่งไรย์ หมายความว่าเธอไม่อาจมูฟออนหรือไม่อาจก้าวไปสู่อีกขั้นของชีวิตได้ ยังยึดติดอยู่กับอะไรบางสิ่งและหลงวนเวียนอยู่ในความเป็นเด็กหรือสิ่งเดิมๆ ในชีวิต

    (ปล. เราไม่ได้เล่นเกมนี้และไม่ได้อ่านนิยาย หากท่านใดมีอะไรจะเสริม เชิญได้เต็มที่)

    ***** Golden ring ใน The Catcher in the Rye คือวงแหวนทองที่ยื่นออกมาจากม้าหมุน หากเด็กคนไหนสามารถคว้าแหวนนี้ไว้ขณะม้าหมุนกำลังหมุนได้ เด็กคนนั้นจะได้ของรางวัลอะไรสักอย่าง แลกกับความเสี่ยงที่จะล้ม/โดนลาก วงแหวนจึงเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความฝัน และโอกาสที่เราต้องไขว่คว้า รวมทั้งการเติบโตของเด็กอีกด้วย

    แองเจลาบอกว่าตัวเองไม่ต้องการวงแหวนทองเหล่านี้ แต่แท้จริงเธอแค่แสร้งว่าไม่ต้องการ แปลอีกนัยคือ เธอแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่ต้องการโอกาสในการเติบโตและไม่ต้องการไขว่คว้าความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง

    ท่อนที่ร้องว่า I stopped for Death เราไม่แน่ใจว่าจะแปลว่าอะไรดี หยุดเพื่อตาย? หยุดหาความตาย? หยุดเพราะตาย? ภ. ญี่ปุ่นแปลไว้ว่า 死のために止まった ก็เลยแปลไปอย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ...

     

    เราชอบเพลงนี้ส่วนหนึ่งเพราะมีการกล่าวไปถึงเพลง String Theocracy ด้วย ในเพลงนั้นคนร้องยอมเป็นหุ่นเชิด ในเพลงนี้หุ่นเชิดกำลังตัดเส้นด้ายที่ชักใยตัวเองมาตลอด แล้วก็มีท่อนที่กล่าวถึงเพลง Gone Angels ด้วยที่โรแลนด์(ป้ะ)บอกว่าจะจองที่ให้ใน recycle bin แต่ในเพลงนี้แองเจลาบอกว่าไม่มีที่ในโลกหลังความตายให้ร่างกายซิลิโคนของเธอ


    ทีนี้คงจบกับการแปลเพลงจาก LoR แล้วมั้ง? แหม ขนาดไม่ได้เล่นยังรู้สึกว่าเป็นเกมที่เนื้อเรื่องสุดยอดมากเลยนะเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×