ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #189 : She is inside, He is outside

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 64


    She is inside, He is outside
    Inspiration: Kabukicho Love Hotel 「さよなら歌舞伎町」 (Film, 2014) & Tokyo Tarareba Girls 「東京タラレバ娘」 (Drama, 2017)
    Playlist: Phoebe Bridgers – Motion Sickness












    .

    อาการปวดหัวรุมเร้าเริ่มกลับมาเยือนเป็นเพื่อนเธออีกครั้ง หลังจากการต้องเร่งทำงานเขียนบทละครหามรุ่งหามค่ำอย่างหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียวสำหรับเซระ ไคริ ผู้ยึดอาชีพนักเขียนบทถึงกว่าสองปีเข้าไปแล้ว แต่กลับยังไม่มีผลงานไหนเข้าตากรรมการให้ได้ชื่นใจเลยกระทั่งบทละครสั้นสักเรื่องเดียว ฟังคล้ายอาจเป็นเรื่องเศร้า หากกระนั้นเรื่องปากท้องก็ดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเธอ ถึงส่วนหนึ่งจะมาจากการส่งเสียของแม่ที่แม้จะบ่นกระปอดกระแปดเรื่องความฝันลมๆ แล้งๆ ของลูกสาวคนกลาง แต่ก็คอยส่งเงินและอาหารมาให้จากฮาวายที่ย้ายไปตั้งหลักแหล่งพร้อมกับพี่สาวคนโตทีละเล็กละน้อยในทุกๆ เดือน แม้เธอจะปฏิเสธความช่วยเหลือหลังเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ สาขาการเขียนเชิงสร้างสรรค์จากมหาวิทยาลัยโทไค ซึ่งในช่วงนั้นก็ยังทำงานแปลรวบกับงานคอลัมนิสต์อิสระเท่าที่พอจะมีคนจ้างไปด้วย หากก็ทำให้เธอมีเงินเก็บพอที่จะกินอยู่อย่างกระเหม็ดกระแหม่ได้สักหนึ่งปี เป็นระยะเวลาที่เธอกำหนดเส้นตายให้แก่ตัวเองว่าจะลองพยายามกับเส้นทางอาชีพที่ได้วาดหวังไว้ดูสักตั้ง ถ้าหลังจากนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จ เธอก็จะตัดสินใจยอมแพ้แล้วไปหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์อย่างที่ได้ร่ำเรียนมา ด้วยเหตุฉะนี้เอง เวลาเกือบหนึ่งปีที่เธอหมายมั่นไว้จึงดำเนินไปอย่างไม่ขัดสน อันที่จริงมันควรจะมั่นคงด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะความโง่เขลาของตัวเองเหลือเกินในตอนนั้น

    และถ้าไม่ใช่เพราะความโง่งมต่อผู้ชายคนนั้น

    มันไม่ใช่การพบกันครั้งแรก แต่เธอได้ทำความรู้จักกับเขาครั้งแรกเป็นเวลาราวๆ หนึ่งปีครึ่งแล้วจากร้านเดนนีส์ที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไอเดียของเธอตัน ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก จนต้องมานั่งหาแรงบันดาลใจบนชั้นสอง พลางทอดมองออกไปยังท้องถนนเบื้องล่างภายนอกซึ่งไม่ใคร่จะมีผู้คนสัญจรกันคลาคล่ำนัก จนล่วงเช้าก่อนพระอาทิตย์ฉายแสงจึงจะขึ้นรถไฟกลับไปยังอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ในเซตะกายะเพื่อพักผ่อน นอกจากเหล่าพนักงานเสิร์ฟที่กลายเป็นคนคุ้นหน้าจากกิจวัตรหลายสัปดาห์ของเธอแล้วนั้น ไคริก็ไม่นึกว่าจะได้รับปฏิสัมพันธ์จากผู้คนที่ผ่านมาและผ่านไปคนไหนอีก กระทั่งเขาที่กำลังเดินตามพนักงานเสิร์ฟไปยังโต๊ะว่างด้านในของร้านจะร้องเรียกชื่อของเธอในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างวันกลางสัปดาห์อันเงียบเหงา จากเสี้ยวหน้าที่ผินออกไปด้วยความไม่แน่ใจ แล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นความยินดียิ่งทันทีที่นัยน์ตาจ้องสบกัน รีบกล่าวแนะนำตัวเองว่าชื่อมัตสึมูระ โฮคุโตะ ทำงานอยู่ที่นิตสารสำหรับผู้หญิงหัวเล็กๆ ซึ่งเธอเคยเขียนคอลัมน์เล็กๆ ให้ในช่วงหนึ่ง แน่นอนว่าเธอจำเขาไม่ได้ จะคลับคล้ายคลับคลาหรือก็ไม่เลยด้วยซ้ำ อาจเพราะเมื่อเธอแวะเข้าไปก็มักจะตรงดิ่งไปหาหัวหน้างานแล้วรีบเร่งจากไปเสมอ กระนั้นก็ไม่รังเกียจที่จะได้ร่วมโต๊ะกับเพื่อนใหม่ในโลกเก่า เขาอายุมากกว่าเธอห้าปี แต่ท่าทีของเขาไม่ทำให้เธอรู้สึกเกร็งเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกัน เขาคอยใส่ใจถามไถ่เรื่องราวของเธอและเป็นผู้ฟังที่ดีมาก กระทั่งไคริไม่เคยคาดคิดเลยว่าเพียงค่ำคืนเดียวที่ได้มีคนรับฟังปัญหาชีวิตของตัวเองที่กดเก็บไว้ซึ่งไหลเรื่อยออกมาไม่รู้จบ จะไปจบลงที่อพาร์ตเมนต์ของเธออย่างง่ายดายเช่นนั้นเอง

    สำหรับไคริ มันไม่ใช่ความรักในช่วงแรกเริ่ม เธอมั่นใจ เมื่อสิ่งที่เธอต้องการมาตลอดก็แค่ใครสักคนที่คอยรับฟังเคียงข้าง และทำทีเหมือนว่าเข้าใจอย่างที่โฮคุโตะเป็น...หรือไม่ก็แสร้งเป็น เพียงเพื่อจะได้สมประสงค์กับหญิงผู้เป็นรักแรกพบ หากเมื่อเวลาผันผ่านไปไม่ทันวงโคจร เธอก็กลับใจเต้นระรัวกับสัมผัสเพียงแผ่วที่ริมฝีปากเท่านั้น ทว่าในห้วงขณะที่เธอผู้เริ่มจากศูนย์ตกหลุมรักเขาจนถึงร้อย ความจริงก็จะพลันโถมกระหน่ำเข้าใส่

    เขาคนที่คอยเป็นกำลังใจในทุกวินาทีตั้งแต่เธอเริ่มลงมือเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง อีกฟากของพระจันทร์ เรื่องรักสามเส้าแนวอีโรติกเสียดสีสังคมระหว่างพนักงานหนุ่มประจำโรงละคร นักแสดงสาววัยดึก และนักศึกษาสาวผู้ต่อต้านสังคม อันเป็นผลงานสะท้อนชีวิตจริงของเธอเองในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงเกลียดชังสังคมเนื่องจากปัญหาเรื่องเพื่อนในคณะจนมักหนีจากแคมปัสในโชนันไปแกร่วอยู่ที่โรงละครในคาบุกิโจบ่อยๆ พนักงานหนุ่มประจำโรงละครที่ชื่อจุนก็คือชายขายตั๋วรอบดึกผู้เป็นรักข้างเดียวของเธอ ส่วนนักแสดงสาววัยดึกในชีวิตจริงก็คือป้าแม่บ้านที่มักจะมานั่งเอกเขนกดูหนัง (หรือไม่ก็คงหลับ) อยู่แถวหน้าเสมอ เธอทุ่มเทแรงใจให้กับผลงานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริง ก่อนจะถูกแต้มแต่งสีสันลงไป จนแทบไม่มีเค้าโครงความเป็นจริงหลงเหลืออยู่ให้ได้ระแคะระคายเลย อีกทั้งเรื่องราวในช่วงชีวิตสั้นๆ ของไคริก็ถือเป็นความลับที่เธอไม่เคยปริปากบอกใครเว้นก็แต่โฮคุโตะในอีกห้าปีให้หลังนี้คนเดียว ในตอนนั้น เขาคนที่กดจูบเธอเพราะอิทธิพลของความรักในอดีตช่างเปี่ยมไปด้วยความรักและความใคร่ที่อัดแน่นอย่างล้นเอ่อ จนไคริไม่เคยนึกฝันเลยว่าชายคนที่รักเธอสุดหัวใจผู้นี้ จะกล้าขโมยบทภาพยนตร์ที่มาจากมันสมองของเธอไปเสนอให้กับค่ายหนังที่เคยเปรยๆ ถึงบ่อยๆ และได้รับอนุมัติให้ดำเนินการสร้างทันทีที่ทีมงานอ่านบทเรื่องนี้จบ การที่เขาคอยบอกให้เธอแก้บทละครในหลายๆ จุดทั้งที่เคยว่ามันสมบูรณ์ดีอยู่แล้วก็คงจะเป็นการถ่วงเวลารอขั้นตอนการดำเนินงานนั่นเอง เธอได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดในตอนที่รู้สึกถึงความเหินห่างจากชายคนรัก และความจริงที่ไขขานหลังแอบสะกดรอยตามเขาไปยังกองถ่ายภาพยนตร์ที่มีชื่อเดียวกับบทดั้งเดิมซึ่งเธอรู้จักดี โดยผู้กำกับที่เคยผ่านงานภาพยนตร์เรื่องโปรดของเธอซึ่งบอกเล่าเรื่องราวความรักของผู้คนในสถานเริงรมย์ของคาบุกิโจอันลวงตา คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่เธออาละวาดด่าทอใส่โฮคุโตะพร้อมกับเขื่อนน้ำตาจากความพยายามที่อีกไม่นานคงพรั่งพรูเป็นสายเลือด บางทีถ้าเขาเข้ามาโอบกอดเธอไว้แน่นๆ และประทับริมฝีปากพร้อมกับความรู้สึกข้างในใจเหมือนอย่างที่เป็นมา ไคริก็คิดว่าจะยกโทษให้กับความเลวร้ายทุกอย่างของเขา

    แต่กลับมีเพียงคำพูดประโยคเดียวให้เธอได้สดับ

    “ความรักมันกินไม่ได้หรอก”

    ทำลายหัวใจอันร้าวรานของเธอจนยับเยินไม่เหลือชิ้นดี

    เธอได้แต่จมจ่อมอยู่กับความรักและความฝันที่ถูกช่วงชิงไปพร้อมๆ กัน ระยะเวลาหนึ่งปีที่ตั้งมั่นแต่เดิมถูกเหยียดขยายออกไปก็เพราะโฮคุโตะเป็นเหตุผลนั้น เธอไม่อยากยอมแพ้ให้กับคนสารเลวที่ได้กลายเป็นนักเขียนบทละครและภาพยนตร์แนวดราม่าสะท้อนสังคมด้านมืดที่ได้รับความนิยมมากมายภายในเวลาแค่หนึ่งปีครึ่ง ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟู่ฟ่าในคอนโดสูงที่รปปงงิ ซึ่งมันควรจะเป็นชีวิตของเธอ หากแต่เหตุผลที่ทำให้ไคริเจ็บใจมากที่สุดก็คือบทละครเรื่องอื่นหลังจากนั้นที่เขาเป็นคนเขียนมันขึ้นเองจริงๆ กลับออกมาดีกว่าอีกฟากของพระจันทร์ ชนิดคนละขุม จากความรัก ความเสียใจที่ท่วมท้น ได้แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นความแค้นจนเกินหยั่ง ไคริตั้งมั่นว่าจะต้องขึ้นไปอยู่เหนือกว่าเขาให้ได้ในสักวันหนึ่ง แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมากเพียงไร ก็ไม่มีผลงานอะไรดีๆ ออกมาสักเรื่องเดียว เหมือนกับว่ายิ่งกดดันตัวเองเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งกดตัวเองจมลงไปเท่านั้น จนแม้แต่บทละครสั้นสักตอนก็ยังต้องขยำเป็นก้อนกลม แล้วโยนลงถังขยะไปด้วยความหงุดหงิดใจอันเหลือแสน อาการปวดหัวรุมเร้าเข้ากลืนกินอยู่เกือบหนึ่งปีกว่าที่จะทุเลาจนหายดี ขณะที่เขาก้าวนำหน้าไปไกลโข เธอกลับยังย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน

    กระทั่งเธอจะได้พบกับโปรดิวเซอร์ละครหนุ่ม พร้อมกับบทละครแนวทริลเลอร์ ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวที่ต้องการล้างแค้นชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกซึ่งพรากทุกอย่างไปจากชีวิตของเธอ โดยมีหญิงปริศนาให้ความร่วมมือด้วย เธอแค่ลองแต่งมันคร่าวๆ ด้วยความคับข้อง หลังจากได้ดูตอนหนึ่งของภาพยนตร์ทีวีซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายทริลเลอร์รวมเรื่องสั้นชื่อดัง โดยมีชื่อของมัตสึมูระ โฮคุโตะ เป็นคนเขียนบทตอนที่เธอชอบที่สุด ด้วยเพราะไม่อยากยอมรับ เธอจึงเลือกระบายมันออกมาเป็นบทละครไปได้หนึ่งตอน แต่เมื่อลองเอาไปนั่งอ่านที่ร้านอาหารยี่สิบสี่ชั่วโมงในวันถัดมา ก็รู้สึกว่ามันช่างกลวงเปล่าและงี่เง่าสิ้นดี หากในตอนที่กลับเข้ามาในร้านจากการคุยโทรศัพท์ทางไกลกับพี่สาวอีกที เธอก็เป็นต้องงุนงงและประหลาดใจอย่างล้นพ้น เมื่อได้เห็นชายผู้หนึ่งกำลังนั่งอ่านบทบนโต๊ะของเธออย่างตั้งใจ

    เขาแนะนำตัวว่าชื่ออาเบะ เรียวเฮ เป็นโปรดิวเซอร์ละครของช่องเจแปนเทเรบิที่บทภาพยนตร์ของโฮคุโตะเพิ่งจะผ่านตาเธอไปเมื่อคืนนี้เอง เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท แต่ด้วยอาชีพการงานที่เมื่อเห็นว่าปึกกระดาษเหล่านี้เป็นบทละครก็อดที่จะกวาดตามองไม่ได้ ก่อนจะเห็นว่าตัวบทของเธอนั้นน่าสนใจดีทีเดียว เขาอยากให้เธอลองเขียนผังตัวละคร เรื่องย่อ และบทละครเรื่องนี้เป็นละครสั้นห้าตอนมานำเสนอให้แก่เขา นั่นเป็นครั้งแรกที่ไคริรู้สึกเหมือนกับได้มองเห็นแสงอาทิตย์ส่องสว่างหลังจากเมฆหมอกที่บดบังในเงามืดอยู่แสนนาน เธอตกปากรับคำโดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ จากคนที่เคยเฉื่อยแฉะก็กลายมาเร่งปั่นงานหนักจนแทบไม่ได้กินได้นอน เธอแทนตัวเองลงไปเป็นตัวละครหญิงในเรื่อง ยิ่งเมื่อคิดถึงคนรักสารเลวเท่าไหร่ พล็อตก็ยิ่งพร่างพรูออกมาเท่านั้น จริงอยู่ที่เธอทุ่มเทให้กับบทละครสั้นเรื่องนี้อย่างเต็มที่ หากก็ต้องขอสารภาพว่าแม้แต่ตอนที่อ่านทวนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเส้นตายหนึ่งวัน เธอก็ยังคิดว่านี่ช่างเป็นพล็อตเรื่องที่โง่เง่าสิ้นดี มันแทบไม่มีแก่นสารอะไรเลยนอกจากความแค้นแบบโง่ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่นก็คือเธอ แต่ถ้าบทละครเรื่องนี้จะทำให้พอมีโอกาสก้าวขึ้นไปหาโฮคุโตะได้เพียงนิดแล้วล่ะก็...ไคริก็ยอม

    แต่ในวันที่เธอเดินตัวเกร็งเข้าไปในตึกของช่องเจแปนเทเรบิเป็นครั้งแรก ก็กลับต้องผิดหวังเมื่ออาเบะจะออกจากห้องประชุมมาหาเธอที่ยืนรออยู่กับเลขาฯสาว เอาแต่ก้มหัวขอโทษปะหลกๆ บอกว่าวันนี้มีธุระด่วนเข้ามา แต่สัญญาว่าจะรีบอ่านบทละครของเธอแล้วนำเสนอให้กับหัวหน้าอย่างเร็วที่สุด ทั้งสีหน้าและท่าทีของเขาแสดงความรู้สึกผิดอย่างมากเสียจนไคริต้องเป็นฝ่ายเกรงอกเกรงใจแทนและรีบละล่ำละลักบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆ ที่เมื่อเดินคอตกจากมาและสวนทางกับชายผู้หนึ่ง เธอถึงได้เข้าใจ

    ระหว่างนักเขียนบทคนดังกับนักเขียนบทโนเนมอย่างเธอ มันย่อมเทียบกันไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว

    รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาซึ่งกำลังแนบหูโทรศัพท์อยู่เลือนหายไปทันทีที่ได้จ้องสบสายตากับเธอ สีหน้าของเขาแสดงความตกใจพร้อมกับริมฝีปากที่อ้าขึ้นเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง หากไคริจะเพียงรีบก้าวฝีเท้าบนรองเท้ารัดส้นจากไปให้เร็วที่สุดโดยไม่หันไปมอง

    เธอแปลกใจอยู่เหมือนกันที่น้ำตาไม่ไหล นึกเกลียดชังตัวเองที่ในใจยังเต้นรัวทั้งที่เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน และไม่เคยคิดว่าจะมีความรักใดๆ หลงเหลืออยู่ให้กับเขาอีกแม้เพียงเศษเสี้ยว หากเมื่อได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เธอก็ต้องยอมรับความจริงว่าแท้จริงแล้วไม่มีวันไหนเลยที่จะลืมผู้ชายใจร้ายคนนั้นได้ลง

    หัวสมองของเธอปวดหนึบ หากก็หยุดครุ่นคิดถึงเรื่องของเขาตลอดเส้นทางโดยสารไม่ได้ กระทั่งเมื่อก้าวพ้นชั้นใต้ดินออกจากสถานีรถไฟถึงได้รู้ว่าฝนตก เพราะมัวแต่ตื่นเต้น แถมยังเหนื่อยอ่อนทั้งคืน จนลืมใส่ใจพยากรณ์อากาศจากช่องข่าวตอนเช้าที่มักเปิดทิ้งไว้ไม่ให้ต้องเงียบเหงาอยู่เสมอ เธอไม่อยากยืนแกร่วรอฝนที่ไม่รู้ว่าจะหยุดตกเมื่อไหร่ สิ่งที่ต้องการเพียงอย่างเดียวในตอนนี้คือการพักผ่อนเพราะอาการปวดหัวตุบๆ ไม่ยอมหยุด ที่พักของเธออยู่ห่างจากสถานีอีกไม่ไกล แล้วจึงตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน ก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไปโดยไม่ใส่ใจว่าเนื้อตัวจะต้องเปียกปอน

    สภาพของเธอเปียกโชกไปหมดเมื่อมาถึงอพาร์ตเมนต์ จนในใจนึกรู้สึกผิดอยู่ครามครันที่ทำให้น้ำหยดเป็นสายขณะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักบนชั้นสองจนถึงทางเดินแคบๆ แต่เมื่อเลี้ยวพ้นหัวมุมเข้าไป เธอก็จะได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าห้องข้างเคียง เขากำลังยกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่ม ทั้งเนื้อตัวที่ก็กำลังเปียกปอนเช่นเดียวกัน ไคริจำได้ว่านั่นเป็นห้องของผู้เช่ารายใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อต้นสัปดาห์นี้เอง ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเพราะนั่นคือช่วงที่เธอกำลังปั่นผลงานชิ้นความหวังนี้อย่างทรหด แต่รู้จากผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ตอนลงไปซื้อข้าวกินในเย็นวันหนึ่งว่าเป็นผู้หญิง ฉะนั้นผู้ชายที่มานั่งรออยู่ตอนนี้ก็น่าจะเป็นคนรัก เธอมองดูเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาครู่หนึ่งในตอนที่กำลังไขกุญแจห้อง และทันทีที่เขาหันใบหน้ามาสบตากับเธอ ส่งรอยยิ้มกว้างพร้อมค้อมหัวส่งให้เป็นเชิงทักทาย นั่นจะเหมือนกับปฏิกิริยาเร่งเร้าที่ทำให้เธอเดินตรงไปหาเขาแล้วเอ่ยออกมาว่า “ไปเช็ดตัวที่ห้องฉันก่อนไหม?” อย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้กล้าเชิญชวนผู้ชายแปลกหน้าเข้าห้องแบบนี้

    แถมเขายังอาจจะเป็นคนรักของสาวห้องข้างๆ ด้วยอีก

    ไคริคิดว่าเขาคงจะปฏิเสธ ทว่าชายหนุ่มกลับลุกขึ้นยืนพร้อมกับถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อและกระป๋องเบียร์ในมือ ส่งน้ำเสียงสดใสอย่างแข็งขันพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกว้างกล่าว “ขอบคุณมากครับ” ขณะเดินตามเธอที่สภาพม่อลอกม่อแลกไม่ต่างกันเข้าไปในห้อง

    “ช่วยเข้าไปรอในห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้”

    เขาวางข้าวของลงบนพื้นทางเดิน แล้วทำตามที่เจ้าของห้องบอกอย่างว่าง่าย

    ขณะที่เธอก็เดินออกไปเอาผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้ตรงระเบียงเข้ามา เขาควรจะได้เปลี่ยนชุดใหม่ด้วย พลันนั้นที่เธอจะระลึกบางอย่างขึ้นได้ เมื่อเดินไปเปิดลิ้นชักตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มของโฮคุโตะที่เขาไม่ได้เก็บกลับไปด้วยออกมา ข้างในอกของเธอก็เต้นรัวไม่หยุด

    ในตอนที่ผลักบานประตูห้องน้ำเข้าไป ชายหนุ่มที่มองเห็นเงาร่างของเธออยู่แล้วจากบานกระจกซึ่งกำลังส่องอยู่ก็จะหมุนตัวขวับกลับมา เอ่ยคำว่า “ขอบคุณครั...” ที่ยังไม่ทันจบประโยคดี เธอก็จะกระทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือโผเข้ามาสวมกอดจากด้านหน้า ร่างที่บอบบางและเนื้อตัวที่ยังคงเปียกปอนนั้นสั่นเทา เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น และเมื่อหญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงผะแผ่วว่า “กอดฉันที” พร้อมกับลมหายใจที่รดรินผ่านเสื้อยืดตัวบางกับความสั่นไหวภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวของเธอ สติของเขาก็พลันแตกกระเจิง รสชาติของเบียร์อาซาฮีที่เป็นจูบแรกของเธอกับโฮคุโตะในคืนนั้นกำลังถูกเล่นซ้ำใหม่กับชายแปลกหน้าในวันนี้ ยิ่งเมื่อเขามอบความชื้นแฉะผ่านปลายลิ้นเข้ามาที่ทำให้เธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่ถ้าอ้อมแขนแข็งแกร่งนั้นไม่ได้ตระกองกอดเธอไว้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่อเด็กสาวข้างห้องที่อาจจะเป็นคนรักของชายผู้นี้ก็พลันมลายหายไป อุณหภูมิในตัวของเธอพุ่งสูงจนแทบจะระเบิดเช่นเดียวกับการตอบสนองที่อ่อนไหวขึ้นทุกขณะเมื่อคิดว่าเขาคืออดีตชายคนรักของเธอ












    2021年01月15日
    ______________
    ★ คอมมิชชั่นจากคุณ beli  ส่งท้ายปีอีสแบคคคค! ตอนแรกลังเลมากว่าจะเอาเป็นสีพระเอกอีกดีไหม แต่ไม่งั้นเราก็จะไม่ได้พบเจออะไรใหม่ๆ เลยว่างั้นเอาเป็นสีนางเอกแทนบ้างแล้วกันนะ อยากเล่นสีม่วงจากชเวรี คนที่ทำให้เราชอบสีม่วงมากที่สุดสักที ไคริเลยเปลี่ยนมาทำผมสีม่วงด้วยประการฉะนี้ แต่ก็เลือกให้สีตาเป็นสีของพระเอกนะ (อาเบะจังด้วย เมาท์ ตอนแรกจะเปลี่ยนบทโฮคุเป็นสีเขียววงอื่น แต่ไม่มีใครเหมาะเลย เพราะสีเขียวมันสายธรรมชาติ สายคนดี อิการิก็ไม่ได้ว่ะ ยังไม่เปิงใจ) ที่ก็สวยมาก ชอบโทนสีที่เค้าเลือกมากๆ ดูสิว่ามีลงอายชาโดว์ให้ด้วย ซึ่งกูให้เค้าละเลงเมคอัพเอง โทนสี ท่าโพสเองหมดเลย ฟรีสไตล์ทุกอย่าง กูบรีฟไปแค่สีผม เสื้อผ้าแบบหยิบจับโน่นนี่นั่นมา เป็นบรีฟแบบไล่ควาย ที่เค้าก็วาดเสร็จเร็วมากไม่แพ้กันในสองวัน! ซึ่งกูสั่งไปสองรูปด้วย! ที่เลือกบรีฟแบบไม่มีฉากแต่ให้ลงสีเพราะชอบเค้าวาดภาพผู้หญิงเต็มตัวแนวนี้เลยขอลองสั่งดูหน่อย แล้วก็วี้ดว้ายมาก ตอนเห็นคือกรี๊ด! ถูกใจใช่เลย! รู้สึกว่ามันให้ฟีลแฟชั่น เข้ากับฟิคอินดี้แบบญี่ปุ่นดี (เดี๋ยวเอาอุตะกาตะกับบิ๊กแบงสวีทมาลงต่อด้วยๆ >_<) เป็นนักวาดที่วาดผู้หญิงออกมาได้ถูกใจกูจริง บ้าจัง ส่วนอีกรูปมาจากฟิคคิสแอนด์ครายของพี่ฟุกกะ ตอนแรกก็ว่าจะเอามาลงแล้วแหละแต่ยังแปลงพาร์ทของเก็นตะไม่เสร็จ ฉะนั้นก็รอไปก่อนนะ ห่วยพอๆ กับพาร์ทฟุกกะแหละไม่ต้องลุ้นมาก ลุ้นอย่างเดียวคือรูปคอมมิชที่สวยมากดีกว่า เชื่อกูเถอะว่ามันสวยจริง!
    ★ หลังจากที่กูประกาศกร้าวว่าจะแต่งฟิคอุมิเป็นสัตว์เลี้ยงแบบคิมิเปให้จงได้ และก็แต่งไปได้นิดนึงแล้ว (ผ่านมาเป็นปีกูก็ยังแต่งไม่จบเหรอ orz) ทีนี้ตอนแต่งก็คิดว่าทำไมฉากชวนอุมิเข้าห้องมันคุ้นๆ เหมือนเคยแต่งแล้วจัง แล้วก็นึกได้ว่าเอ้า เคยมีฟิคเรื่องนี้ที่ยังไม่ได้เอามาแปลงเลยนี่ และอย่างที่เคยบอกว่ามีตอนต่อที่เป็นนางเอกอีกคน แต่ไม่เอาลงแล้วจ้าเพราะไม่ชอบบทไคโตะตอนอยู่กับนางเอกอีกคน ยังยืนยันว่าไม่อยากแต่งหรือแปลงไคโตะในบทที่จะไม่ชอบมากๆ เพราะกูชอบเค้ามากๆ (ตอนนี้รักแล้ว) แต่อาจจะเอาตอนต่อไปแปลงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ไคโตะแทน เพราะถึงพล็อตจะห่วย แต่ก็ชอบภาษาตอนนั้น ชอบแต่งฟิคที่บรรยายยาวๆ แทบไม่มีบทพูดแบบนี้ จำได้ว่าแต่งแบบชิวจริง แต่งก็สนุก อ่านก็สนุก เห้อทำไมมันดี T-T และตอนนี้หลีกทางให้เมนกูทั้งสามวงหน่อยค่า (อย่าถามว่าอ้าวไทกะไม่ใช่เหรอ ใช่จ้า เสือก) แต่ถึงจะเอาลงใหม่ก็จะไม่เปลี่ยนแล้วเพราะแคสต์นี้เปิงสุด ทั้งที่ตอนแรกไม่ใช่สามคนนี้เลย (ตอนนั้นกูสายนักแสดงจ้า บทโฮคุโตะเป็นคุโบะ ไคโตะเป็นสุดะ บทอาเบะจังตอนนั้นไม่เด่นหรอก ใส่ชื่อไปมั่วๆ ส่วนบทเคนทาโร่มาดนายแบบหัวทองจากเรื่องทาราเรบะนี่แหละที่เป็นพระเอกจริงในเวอร์นั้นจะอยู่ข้างห้อง แต่ช่างเถอะ ไม่สลักสำคัญอะไรกับเวอร์นี้แล้ว) หรือต่อให้ลองสลับบทสามคนนี้มันก็จะไม่เป๊ะเท่านี้ เพราะฉายา Pet Tiger ไม่ได้มาเล่นๆ (โดนลุคสัตว์เลี้ยงหลอกแท้ๆ กู) ส่วนเพลงประกอบที่เป็นฝรั่งเพราะตอนนั้นติดเพลงนี้มาก หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเพลงญี่ปุ่นที่ตรงใจ แล้วพอฟังเพลงนี้ก็คือเอ้า เราจะหาให้เมื่อยทำไมในเมื่อฟีลนี้มันใช่ที่สุดแล้ว!
     ขอพื้นที่สปอยล์หน่อยเพราะมันมาไกลได้แค่นี้แหละ ไคโตะจะชอบไคริมาก ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ๆ ถึงจะไม่รักและเห็นเป็นตัวแทนแฟนเก่าก็ไม่เป็นไร เพราะไคริยังรักโฮคุโตะที่สุด ส่วนโฮคุโตะจะไม่กลับมาหาไคริเพราะมีแฟนใหม่ไปแล้ว โบกพัดเท่าไหร่ไฟก็ไม่ขึ้นเพราะถ่านมอดไปแล้ว แถมจะรำคาญไคริที่ชอบมาหาเรื่องหรือฟูมฟายใส่ด้วย ส่วนอาเบะจังจะเป็นคนดูแลบทให้ไคริ รู้เรื่องความสัมพันธ์กับโฮคุโตะเลยคอยดูแลไคริเป็นอย่างดี จนสุดท้ายไคริก็จะชอบ ส่วนใครจะได้เป็นพระเอกตัวจริงไม่ต้องถามเพราะนี่ก็ไม่เคยคิดไปถึง แต่ถ้าให้เชียร์นะ ผลตอบแทนของความดี ไคริจะได้เลี้ยงอุมิ เอ้ยผิดๆ ไคริจะได้คู่กับอุมิแน่นอน
    ★ ปล. ชื่อไคริใช้คันจิตัวนี้ 海麗 ตัวข้างหลังแปลว่าสวย เว่อร์หน่อยก็ขอโทษแล้วกัน นี่สรรหาชื่อในสต็อกที่ใช้คันจิ  เหมือนอุมิไว้พร้อม ไม่งั้นก็แนวซัมเมอร์ ชายหาด มีเป็นตั้ง ส่วนชื่อไคริเอามาจาก KH ที่อุทาดะร้องเพลงประกอบ อุทาดะร้องเพลงเอวา แล้วเกี่ยวตรงไหน ใช่ ไม่เกี่ยวแค่กูจะเล่าเฉยๆ ส่วนชื่อเรื่องมาจากชื่อเพลงของวง Mass of the Fermenting Dregs เป็นวงร็อคญี่ปุ่นที่แนวเพลงไปกับเราไม่ได้จริง แต่ชอบชื่อมากเลยขอหยิบยืมมาหน่อยละกันนะ / สุดท้ายขอพื้นที่กรี๊ดไคโตะในโชคุระวันนี้ด้วยโว้ย (จดไว้หน่อยว่าเป็นเพลง ha-ha ของจิน) หลีกทางหน่อยแฟนใหม่จะเดิน จากที่วางพล็อตแนวชอบนางเอกข้างเดียวใสๆ ไปพันล้านเรื่อง กูว่าแนวเอโระต้องมาได้แล้วนะ (ผ่านไปเกือบปี มาแล้ว มาจริง กลายเป็นว่าไม่มีใสๆ แล้ว กรรม)
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×