NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #61 : Special: ชะตาลิขิตถึงอนาคต (1)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 67


    ยุคคามาคุระ เดือนธันวาคม ปี 1200

    “ระหว่างที่ข้าคุยธุระอยู่ เจ้าไปสำรวจรอบๆคฤหาสน์ได้นะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิขอรับ ถ้าข้าทำแบบนั้น-”

    “ไม่เป็นไรหรอก กว่าข้าจะคุยเสร็จก็อีกนานเลยเพราะงั้นเจ้าไปเถอะ” นานมาแล้วในยุคคามาคุระ มีชายหนุ่มสองคนมายังคฤหาสน์แห่งหนึ่ง โดยคฤหาสน์ที่ว่านี้เป็นคฤหาสน์ของตระกูลที่มีชื่อว่าชิโรซากิ ชายหนุ่มในชุดผู้ดีมาที่นี่เพื่อทำธุระได้คุยกับชายหนุ่มผมสีดำสั้นและมีผ้าพันแผลปิดตาทั้งสองข้างผู้เป็นคนรับใช้คนสนิทของเขาให้ไปเดินเล่นแถวคฤหาสน์ได้เลยเพราะคิดว่าธุระที่ว่านั้นน่าจะเวลานานพอสมควร

    “แต่ว่า-”

    “จะขัดคำสั่งข้างั้นรึ?” เจ้านายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้มซึ่งขัดกับประโยคที่พูดมาเหลือเกิน ด้านคนรับใช้จึงเกิดอาการทำตัวไม่ถูก

    “เอ่อ…งั้นเอาเป็นข้าอยู่กับท่านซักพักแล้วค่อยไปเดินเล่น…ก็ได้ขอรับ”

    “…อึฮึๆๆ” คนเป็นเจ้านายได้ฟังคำตอบแล้วก็หัวเราะเล็กน้อย “เป็นคำตอบที่ไม่เลวเลยนะ เอาตามที่เจ้าว่าก็ได้”

     

     

    .

    .

    .

    ‘เข้าใจแล้วว่าทำไมนายท่านถึงได้บอกให้ไปเดินเล่นรอ…’ หลายนาทีผ่านไปที่คฤหาสน์ชิโรซากิ คนรับใช้หนุ่มได้แยกตัวจากเจ้านายตนออกมาเดินเล่นแถวๆคฤหาสน์พลางคิดในใจว่าเข้าใจเลยว่าทำไมเจ้านายถึงได้บอกให้เขาไปเดินเล่นรอได้เลย


    เพราะเนื้อหาที่คุยนั้น มันเป็นเรื่องธุรกิจที่ทาสที่ถูกซื้อมาอย่างเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยซักนิดเดียว


    “วันนี้มีแขกมางั้นเหรอ”

    “ใช่~ หน้าตาหล่อเหลาเอาการสมกับผู้ดีเลยล่ะ” และระหว่างนั้นเองเขาก็ไปได้ยินบทสนทนาของสาวใช้สองคนที่กำลังยกอาหารไปเสิร์ฟเข้าพอดี แถมพวกเธอยังพูดถึงเจ้านายของตนด้วย

    “ว่าแต่แขกท่านนั้นมาคนเดียวเหรอ”

    “เปล่าหรอกมีคนรับใช้มาด้วยนะ แต่เห็นว่าคนใช้คนนั้นมีผ้าพันตาอยู่สงสัยตาบอดล่ะมั้ง แต่พกดาบติดตัวไปด้วยทั้งๆที่ตาบอดนี่แปลกชะมัด”

    “...” ชายหนุ่มผ้าปิดตาที่แอบไปอยู่บนต้นไม้ได้ฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ทำได้แค่ข่มไว้ในใจเพราะอยากฟังว่าสาวใช้พวกนั้นจะคุยอะไรต่อ

    “ทำไมพูดแล้วนึกถึงคุณหนูเล็ก-”

    “ชู่ว! เจ้าอย่าพูดถึงนางสิ”

    ‘คุณหนูเล็ก? หมายถึงคุณหนูปริศนาของที่นี่งั้นเหรอ’ ชายหนุ่มคิดในใจ เพราะเขาเคยได้ยินข่าวลือมาผ่านๆว่า ตระกูลชิโรซากินี้มีบุตรสาวอยู่ 2 คนแถมขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่งดงามยิ่งกว่าสตรีนางอื่นๆในเมืองเสียอีก ทว่าบุตรสาวคนเล็กนั้นแทบจะไม่มีใครเคยได้เห็นนางเลยซักครั้ง แต่ก็มีชาวบ้านลือกันว่าที่นางไม่ปรากฏตัวออกมาอาจจะเป็นเพราะนางอาจจะสวยเกินไปจนคนในบ้านอิจฉาและไม่ต้องการให้ใครมาเชยชมนางก็ได้ แถมพวกเขาก็เล่าลือเติมแต่งกันไปเองว่าหญิงสาวปริศนาคนนั้นคือสาวงามอันดับ 1 ของเมืองแม้จะยังไม่เคยเห็นหน้าก็ตาม


    บอกตามตรงตอนเขาได้ยินข่าวนี้ก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆว่าชาวบ้านคิดได้ยังไงกันเนี่ย


    “ถึงเจ้าจะบอกให้อย่าพูดถึงนางก็เถอะ แต่ตอนนี้นางยังอยู่ที่เรือนเล็กอยู่ใช่มั้ย”

    “ใช่ ถ้าเป็นเวลานี้ก็คงจะคลานออกมารับลมตามเคยล่ะมั้ง” แล้วเสียงบทสนทนาของหญิงรับใช้สองคนก็ค่อยๆหายไป พอชายหนุ่มเห็นว่าสองคนนั้นพ้นจากสายตาตนแล้วจึงกระโดดลงมาจากต้นไม้

    “เรือนเล็กงั้นเหรอ…” ชายหนุ่มว่าพลางแกะผ้าปิดตาออกอย่างหลวมๆและดึงผ้าออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ

    ที่เขาปิดไว้ไม่ใช่เพราะตาบอด แต่เป็นเพราะนัยน์ตาของเชาแทนที่จะเป็นสีดำหรือน้ำตาลเหมือนอย่างชาวญี่ปุ่นทั่วไป

    “ลองไปที่นั่นดูดีกว่า”

    แต่เพราะตาของเขามันเป็นสีฟ้าครามที่แปลกแยกจากคนอื่นต่างหาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกจับขายเป็นทาสในตลาดมืดตั้งแต่ 5 ขวบ แต่โชคดีที่เขาได้เจ้านายคนปัจจุบันของเขามาเจอเข้าและซื้อตัวไป ถึงจะให้สถานะเป็นคนรับใช้แต่เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน

    “บ้านหลังนั้น…คงจะเป็นเรือนเล็-หือ? หิมะ?” ในตอนนั้นเองเขาก็ไปเห็นบ้านไม้เรือนเล็กๆหลังหนึ่งเข้า แต่ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่หิมะตกพอดิบพอดีเพราะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวด้วย

    ‘หิมะก็ตกถูกจังหวะ-’ และแล้วเขาก็เห็นหญิงสาวเรือนผมสีครามยาวสลวยในชุดกิโมโนสีเขียวมิ้นต์นั่งตรงระเบียงและยื่นมือออกมารองรับหิมะที่กำลังตกอยู่

    ‘คนๆนั้น…ใช่คุณหนูที่ว่า-’

    “?”

    “?!” ทันใดนั้นเอง หญิงสาวคนนั้นก็หันหน้ามาทางเขาพอดิบพอดีราวกับว่ามีคนบอกเธอว่ามีคนมาเยือนที่แห่งนี้ทั้งๆที่ตรงนั้นมีเธออยู่คนเดียว

    ทันทีที่นัยน์ตาสีฟ้าครามและนัยน์ตาสีเทาของหญิงสาวได้สอดประสานสายตา ราวกับโลกทั้งใบได้หยุดหมุน เวลาที่เดินนั้นช้าลงเสมือนให้เขาได้ยลโฉมงามผู้ถูกเล่าลือว่างดงามที่สุดในเมืองได้อย่างเต็มที่

    ใบหน้าของเธอนั้นอ่อนวัยและเกลี้ยงเกลา แพขนตางามงอน นัยน์ตาสีเทาดั่งเมฆครึ้มมองมาทางชายหนุ่มด้วยความสงสัย ไม่รู้หรอกว่าหากมีใครมาเห็นแล้วจะบอกนางว่าสวยเหมือนอะไร

    แต่สำหรับเขาแล้ว เธอคนนั้นงดงามจนแทบจะหยุดหายใจประหนึ่งตนได้พบกับเจ้าหญิงผู้เลอโฉม แต่พอคิดดูอีกทีคำว่าเจ้าหญิงอาจจะไม่ถูกนัก

    ต้องเรียกว่า เขาได้ใช้โชคที่มีอยู่ทั้งชีวิตเพื่อมาพบกับนางฟ้าแห่งเหมันต์ฤดูตรงหน้านี้ชัดๆ

    “…ใครน่ะ”

    “?!” เสียงของหญิงสาวทำให้เขาหลุดจากภวังค์ ชายหนุ่มจึงสะบัดหัวเรียกสติและเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเปิดตาอยู่จึงรีบหาผ้ามาปิดตา

    “ไม่ต้องปิดหรอก ที่นี่ไม่มีใครนอกจากข้ากับเจ้าและที่สำคัญสภาพของข้ามันอนาถกว่าเจ้าตั้งเยอะแยะ”

    “…” ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปทันที “หมายความว่า…ยังไงเหรอขอรับ”

    “...มานี่หน่อย” เธอกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเดินมาหาตน ตอนแรกชายหนุ่มเกิดความลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปหา

    “ถึงสีตาของเจ้าจะไม่เหมือนคนๆอื่นแต่เจ้าก็ยังมองเห็นอยู่ดีใช่รึเปล่า”

    “มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ทำไมท่านถึงได้บอกว่าตัวเองอนาถกันล่ะขอรับ”

    “...” หญิงสาวที่นั่งห้อยขาอยู่ไม่ตอบอะไรนอกจากถกกระโปรงขึ้นเผยให้เห็นขาของเธอที่ซูบผอมผิดปกติกว่าชาวบ้านชาวช่อง

    “ข้าเดินไม่ได้”

    “?!” แน่นอนว่าชายหนุ่มได้ยินคำตอบก็ถึงกับตัวชาไปในทันที สาเหตุที่เธอไม่เคยปรากฏตัวออกมาเป็นเพราะเหตุนี้เองหรอกเหรอ

    “แต่ว่านะ…”

    “?”

    “ปกติไม่ค่อยมีใครมาที่เรือนเล็กนี่ แล้วเจ้าหาเจอได้ยังไง”

    ‘แย่แล้ว!? จะตอบว่าเพราะได้ยินที่คนใช้คุยก็เลยเสี่ยงดวงมาก็ไม่ได้อีก!?’ ประโยคคำถามของหญิงสาวทำเอาคนถูกถามเหงื่อตกคิดหาคำตอบว่าควรจะตอบยังไงไม่ให้ดูน่าสงสัยดี

    “เอ่อ…ข…ข้าหลงทางน่ะขอรับ พอดีว่าเจ้านายของข้ามาทำธุระที่นี่แล้วบอกให้ข้าไปเดินเล่นเป็นการฆ่าเวลาไปก่อน”

    “…” สาวเจ้าเอามือเท้าคางหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนัก “…เอาเถอะ จะเหตุผลอะไรก็ช่างแค่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีข้าก็ไม่ถือสาอะไรหรอก”

    “ขอบพระคุณขอรับ” ชายหนุ่มพูดขอบคุณด้วยความโล่งใจก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองท้องฟ้าด้วยแววตาเหม่อลอยแต่แฝงความเศร้าหมองเอาไว้

    “ไม่ชอบฤดูหนาวเหรอขอรับ”

    “เปล่าหรอก แค่เห็นเจ้าแล้วข้ารู้สึกสมเพชตัวเองน่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าข้าเดินได้เหมือนคนปกติ ข้าอยากจะออกไปท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาดูซักครั้งก็คงจะดี”

    “...”

    “ท่านแม่ข้าก็จากไปเพราะโรคร้าย ท่านเจ้าบ้านชิโรซากิตอนนี้เป็นแม่ใหม่ที่ท่านพ่อแต่งงานหลังจากท่านแม่เสียแต่สุดท้ายท่านพ่อก็จากข้าไปอีกคน ส่วนท่านเจ้าบ้านนางเกลียดขี้หน้าข้าตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วยิ่งมารู้ว่าเป็นผู้พิการก็ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่” หญิงสาวเอ่ยราวกับเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับชายหนุ่มกลับรู้สึกเจ็บปวดแทน

    “อย่าว่าแต่ออกไปข้างนอกเลย แม้แต่เพื่อนข้าก็ยังไม่มี เผลอๆไม่มีอยากเป็น-”

    “ข้าเป็นให้ได้” แต่แล้วชายหนุ่มก็พูดโพล่งขึ้นมาทำให้หญิงสาวเงียบไปทันที

    “หากท่านต้องการเพื่อน ข้าจะเป็นเพื่อนให้ท่านเองขอรับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายท่านของข้าชื่นชอบในการท่องเที่ยว งั้นข้าจะเป็นเพื่อนทางจดหมายของท่านแล้วส่งจดหมายเล่าประสบการณ์ที่ข้าเคยพบเจอ แบบนี้ดีมั้ยขอรับ?”

    “...” ด้านหญิงสาวฟังแล้วถึงกับอึ้งกิ่มกี่จนพูดอะไรไม่ออก แต่แววตาของเธอจากที่เคยเศร้าหมองอยู่เริ่มมีประกายขึ้นมาเล็กๆ “มัน…จะไม่ลำบากเจ้า…ใช่มั้ย”

    “เพื่อให้ท่านมีความสุขแล้ว มันก็ไม่ได้ลำบากหรอกขอรับ” สิ้นประโยคของเขา เธอก็เอามือกุมหน้าอกและก้มหน้าลงราวกับไม่อยากให้เห็นสีหน้าของตน


    แต่ถึงอย่างนั้น


    “ขอบคุณนะ” เธอก็เอ่ยคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะกลับมาเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

    “จะว่าไป…เจ้าชื่ออะไร คุยกันมาตั้งนานข้าก็ลืมถามชื่อไปซะสนิทเลย”

    “เอ๊ะ? อ่า…นั่นสินะขอรับ” คนผมดำเกาแก้มแก้เขินที่เขาและเธอต่างคุยกันมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ได้ถามชื่อกันเลย แต่พอพูดถึงชื่อแล้วนั่นก็ให้เขานึกย้อนไปถึงบทสนทนาอดีตหลังจากที่เจ้านายซื้อตนมาแล้ว

    จะว่าไปเจ้าชื่ออะไรเหรอ

    ข้าไม่มีชื่อขอรับ

    ว่าไงนะ? ไม่มีชื่องั้นเหรอแบบนี้ต้องคิดหาชื่อดีๆให้ซะแล้วสิ ว่าแต่เอาชื่อไหนดีนะ~’

    ‘...’

    เอาล่ะ! คิดได้แล้ว งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าชื่อ–’


    ซาโตรุ ข้าชื่อซาโตรุ แล้วท่านล่ะขอรับ”

    “...ยูกิฮิเมะ ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะ”

     

     

     




     

    .

    .

    .

    talkๆdesu: fun fact ถ้าใครอ่านตอนพิเศษของเรียวตะตอนแรก ตอนที่อาจารย์ให้ข้อมูลภารกิจปัดเป่าแม่มาเบื้องบนบอกว่าอายุยืนมาตั้งแต่สมัยเฮอัน แต่จริงๆแล้วแม่เป็นคนยุคคามาคุระเด้อแค่ยุคเฮอันมันเป็นยุคทองของผู้ใช้คุณไสยกับคำสาป เบื้องบนเลยเข้าใจไปแบบนั้น

    ในเมื่อเรามีตอนพิเศษเรียวตะแล้ว จะไม่มีตอนพิเศษหม่อมแม่ยูกิฮิเมะได้อย่างไร จริงๆไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้แต่ว่ามันมีประเด็นที่จะไปพูดถึงในซีซั่น 3 อยู่ก็เลยเล่าดีกว่า

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บะบุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     S Q W E E Z   T H E M E  @  D E K - D  

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×