ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sf | os } NCT - #taeten #jaedo #johnil

    ลำดับตอนที่ #61 : { JaeDo } โรงเรียนวังโฮฮวา | จูบ

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 60




     

     

    กลัว

     

     

     

     

     

     

     

     

    สำหรับตัวหม่อมราชวงศ์ดงยองแทบไม่เคยมีประวัติหรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้กลัวความมืดเช่นนี้มาก่อน จนเมื่อหลายปีก่อนที่เคยติดอยู่ในลิฟต์ แม้จะอยู่ชั้น 1 รู้แน่ๆ ว่าไม่ตกลงไปตาย แต่เพราะลิฟต์ที่เปิดไม่ออก ความมืดเนื่องจากไฟดับ กดปุ่มสัญญาณความช่วยเหลือได้คำตอบกลับมาเพียงแค่ "ประตูลิฟต์เปิดไม่ออก" อากาศภายในค่อยๆ หายไป อากาศร้อนอบอ้าวเช่นตอนนี้ ความเงียบและความมืดเช่นตอนนี้ ดงยองพึ่งเข้าใจก็ตอนนั้นว่าตัวเองกลัวที่แคบ ความมืด และความเงียบแค่ไหน

     

     

     

     

    ร่างกายที่สั่นเทาในความมืด มันสั่นมาจากภายในจนรับรู้ถึงน้ำใสๆ ที่เหมือนจะกลั่นมาเอออยู่ที่ขอบตา

     

    อยากจะขอร้องให้ใครมาช่วย แต่ร่างกายกลับไม่ทำตาม เหมือนถูกบังคับให้อยู่นิ่ง เหมือนลืมไปแล้วว่าการจะขยับตัวมันทำยังไง มันเหมือนจะเวอร์เกินไป แต่เชื่อเถอะ เพราะคุณไม่ได้เป็นคนที่เข้าใกล้ความรู้สึกกลัวแบบที่หม่อมราชวงศ์ดงยองกำลังรู้สึกอยู่ คุณถึงไม่เข้าใจ

     

     

    ความมืดมองอะไรไม่เห็นเหมือนคนตาบอด อากาศร้อนอบอ้าวในห้องปิดจนแทบหายใจไม่ออก เสียงที่ได้ยินคือลมและกิ่งไม้ครูดไปกับผนังห้อง

     

    คนที่นั่งกอดตัวเองอยู่ตัวสั่น น้ำตาไหลจนแห้ง และไม่มีแรงจะไหลต่อ

     

     

     

     

     

    "คุณชาย !"

     

     

     

     

    ประตูห้องที่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายเป็นเพราะประตูไม้สลักบานสวยไม่ได้ลงกลอนไว้อย่างที่เคยทำเป็นประจำราวกับรู้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น แสงแฟลชที่สาดส่องมาเหมือนเป็นไฟแห่งความหวัง ดงยองเงยหน้ามอง แม้จะไม่เห็นอะไรเพราะแสงที่ส่องมามันย้อนแสง แต่น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใจและกังวลอย่างเห็นได้ชัด

     

    เพียงครู่เดียวก่อนจะคิดว่าคนๆนี้เป็นใคร อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นก็รั้งร่างทั้งร่างที่กำลังสั่นเทาเข้ามากอดแน่น

     

    "ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ผมจะอยู่ที่นี้กับคุณชาย"

     

    คุณชายแจฮยอน..

     

    ผละอ้อมกอดออกมา แสงโทรศัพท์ที่ถูกวางคว่ำหน้ากับโต๊ะ ทำให้มองเห็นใบหน้าของอีกคนไม่ถนัดนัก แต่ก็ได้ยินเสียงหอบหายใจหนักราวกับเป็นเสียงสะอื้นในลำคอยิ่งอดสงสารไม่ได้

     

    "ไม่ต้องกลัวนะครับ จะไม่มีใครมาทำอันตรายกับคุณชายได้ถ้าผมยังอยู่ที่นี้"

     

    ฝ่ามือกว้างทาบไปที่ไหล่และแก้มนิ่มที่เปียกชื้น

     

    "ฮึก"

     

    เสียงแรกที่ออกมาจากลำคอ ใบหน้าหวานเบะปากออกมาเหมือนคนจะร้องไห้กับน้ำใสๆ ที่ปล่อยออกมาราวกับกำลังโล่งใจ ฝ่ามือเย็นชื้นและกำลังสั่นค่อยๆ ยกขึ้นมาซ้อนทับมืออุ่นที่แนบไปกับแก้มของตัวเอง

     

    มืออุ่นๆ กับเสียงลมหายใจหอบถี่

     

    "คุณชาย.." แจฮยอนเรียกเบาๆ

     

     

     

     

     

     

    ผมเคยกังวลเกี่ยวกับเขา

     

     

     

     

     

    ผมเคยคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมามันไม่ใช่เรื่องจริง

     

     

     

     

     

    เป็นเพียงการอยากเอาชนะ ความคิดบ้าๆแบบนี้อยู่ในหัว

     

     

     

     

    "ฮือออออออออออ" ปล่อยโฮออกมาจนยุนโอต้องรวบตัวลูกนกที่กำลังสั่นเทาในห้องมืดๆ เช่นนี้เข้ามาในอ้อมกอดแล้วลูบหลังเบาๆ เป็นการปลอบประโลม

     

    ไม่กี่คนที่จะรู้ว่าหม่อมราชวงศ์ดงยองจะกลัวที่แคบ กลัวความมืด เช่นนี้

     

    เหตุการณ์เมื่อคราวนั้นเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่พวกเขาได้เจอกัน ค่อนข้างจะเป็นเหตุสุดวิสัย มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาถูกเรียกไปดูตัวว่าที่คู่หมั้น บนโรงแรมหรูระดับห้าดาว ห้องอาหารของแขก VVIP อยู่ชั้นบนสุด หม่อมราชวงศ์ดงยองเข้าลิฟต์เพื่อกดขึ้นไปยังชั้นบน แต่ระบบไฟฟ้าของโรงแรมเกิดขัดข้องทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยของลิฟต์ทำงานจึงไม่สามารถเปิดลิฟต์ได้ เป็นเวลาเกือบ 40 นาที ถ้าหากว่าภายในลิฟต์มีคนสัก 5 คนคงได้ขาดอากาศหายใจตายไปแล้ว

     

    และคนที่คอยให้ความช่วยเหลือกดรับสัญญาณจากภายในลิฟต์ก็คือคุณชายยุนโอที่พึ่งมาถึงก่อนลิฟต์จะเสียได้ไม่นาน นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรู้และเข้าใจความรู้สึกของคุณชายดงยองดี

     

    วินาทีที่ประตูลิฟต์เผยออกให้เห็นร่างของอีกคนที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ใบหน้าแดงก่ำ หอบหายใจรุนแรงราวกับคนหายใจไม่ออก ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มือกุมปิดปากแน่น ร่างกายสั่นเทาราวกับลูกนก ความประทับใจแรกเป็นภาพเช่นนั้น แต่คุณชายดงยองคงจำไม่ได้ เพราะเมื่อเห็นว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็เล่นสลบไปจนต้องช่วยอุ้มส่งโรงพยาบาล

     

    เมื่อพบกันในภายหลัง คนขี้กลัวในสายตาของยุนโอก็กลับกลายเป็นคนที่ดูเก่งไปเสียทุกอย่างจนแทบไม่เชื่อ แถมยังเอาแต่ปฏิเสธเรื่องการหมั้นเสียงแข็ง นั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกท้าทาย ความอยากเอาชนะในคราแรกกลับกลายว่าเป็นตัวเองทีตกหลุมรักก่อน ผลจากการกระทำที่เขานึกอยากแกล้งคุณชายดงยองคือการถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนึกอยากจะเลิกไปเสียหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ต้องแพ้ทางให้หัวใจตัวเอง

     

    ยิ่งเสียงสะอื้นบนอกกับแรงกุมเสื้อจากคุณชายดงยองยิ่งตอกย้ำว่าเขาทิ้งคนๆ นี้ไปไม่ได้

     

    จะทิ้งหัวใจตัวเองลงไปได้ยังไง ในเมื่อใจมันรักขนาดนี้

     

     

     

     

     

    "ให้ผมได้เป็นคนที่อยู่ข้างๆคุณชายตลอดเวลาได้หรือเปล่า"

     

     

     

     

    "..ยุนโอ"

     

    "บางสิ่งที่ผมไม่อาจสูญเสียมันไปได้คือหัวใจของผม ความรักของผม.. คือคุณ คุณชายดงยอง"

     

    "..."

     

    "เป็นผมไม่ได้หรือ?"

     

    เสียงสะอื้นค่อยๆ หายใจ คุณชายดงยองดูท่าจะสงบลงกว่าเมื่อสักครู่เยอะ แสงไฟสลัวจากแฟลชโทรศัพท์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในตอนนี้

     

    "..."

     

    ความเงียบจากคุณชายดงยองไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหวังไปสักเท่าไร หากเป็นยามปกติยุนโอคงทั้งโดนดุ โดนด่า หรืออาจจะโดนตีแรงๆ ไปแล้วก็ได้

     

    ร่างบางที่นั่งซบเขาอยู่เมื่อครู่ค่อยๆ พยุงตัวเองมานั่งปกติ เงยหน้าที่เปื้อนน้ำตามองไปยังคนที่ตัวใหญ่กว่า คนที่ไม่เคยไว้ใจเลยว่าคำบอกรักที่เขาเคยบอกอยู่ทุกครั้ง มันคือเรื่องจริง

     

    แววตาทั้งสองคู่ที่จ้องมองลึกเข้าไปภายในเพื่อมองหาคำตอบที่มักถูกถามอยู่เสมอ

     

     

     

     

     

     

    "ทำไมคุณชายถึงผลักไสผมตลอดเวลา"

     

    "ทำไมคุณชายไม่ลองให้โอกาสผมบ้าง"

     

    "คำบอกรักที่ผมบอกคุณชายเสมอ มันไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจคุณชายเลยใช่ไหม"

     

    "คุณชายถึงไม่เชื่อมัน"

     

     

     

    "ไม่เชื่อใจผม"

     

     

     

     

     

    ความเงียบที่ทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายชัดเจนและยิ่งชัดเมื่อทั้งสองเริ่มเข้าใกล้มากขึ้น

     

    ความเงียบที่ทำให้ได้ยินไปถึงเสียงหัวใจที่คล้ายจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

     

    ความเงียบที่ทำให้เผลอไปกับสายตาที่จ้องเข้ามาจนคิดอะไรไม่ออก ราวกับกำลังมอมเมาคนที่กำลังอ่อนไหวในตอนนี้

     

    "..ยุน..."

     

    ไม่รอให้ได้พูดคำอะไรออกมาต่อจากนี้ กลีบปากนิ่มถูกจรดทับด้วยส่วนเดียวกัน

     

    แทบทุกสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่นอกอาคารราวกับเลือนหายไป มีเพียงเสียงหัวใจเท่านั้นที่ได้ยินในตอนนี้

     

     

     

     

    ทำไมที่ผ่านมาถึงไม่รู้

     

     

    ว่าความรู้สึกแบบนี้มัน...

     

     

     

     

     

     





     

     

     

     

     

    ---------------------------

     

    เวลาผ่านไปร่วม 2 ชั่วโมงได้ แม้จะเป็นระยะเวลาไม่นานนัก แต่มันก็นานสำหรับการอยู่เฉยๆ ในความมืดโดยที่ไม่ได้ทำอะไร แถมแสงสว่างเพียงอย่างเดียวภายในห้องก็ดับลงหลังจากผ่านไป 20 นาทีด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีแสงสว่างจากพระจันทร์เพียงเล็กน้อยที่ต้องเปิดหน้าต่างและผ้าม่าน ซึ่งต้องแลกกับแมลงตัวเล็กที่สามารถเข้าห้องมาได้อย่างง่ายดาย ทำให้ภายในห้องที่ควรจะเงียบและมีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ กลับมีเสียงของกระดาษแข็งพัดแหวกอากาศไปมาเพื่อไล่แมลงและให้อากาศที่เย็นขึ้นกว่าเดิมสักหน่อย

     

    "..."

     

    ยังไม่มีคำพูดใดออกจากทั้งคู่ ท่ามกลางความมืดเช่นนี้ ในป่าในเขา มองออกไปนอกหน้าต่างแม้จะมีพระจันทร์ให้แสงอยู่ร่ำไรแต่ทิวไม้ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่เพราะความมืดที่ทำให้มองอะไรไม่เห็น หม่อมราชวงศ์ดงยองจึงทำได้แค่นั่งกำชายเสื้ออีกคนอย่างปล่อยไม่ได้นิ่งๆ ส่วนคุณชายยุนโอก็ถือกระดาษพัดวีให้อีกคนสบายตัวขึ้นมาหน่อย

     

    ไม่คิดจะรีบถามเพื่อเอาคำตอบใดๆ ที่เคยถามไปมันก็มากมายแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อพ้นผ่านคืนนี้ไป หากยังได้ยินคำตอบเป็นปฏิเสธคุณชายยุนโอก็ไม่คิดจะล้มเลิกความคิดที่จะรักคุณชายดงยองต่อ

     

    "..พอแล้ว"

     

    คุณชายดงยองใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยื่นไปจับมือของอีกคนที่เห็นไหวๆ ในความมืด แสงสว่างจากพระจันทร์ไม่ทำให้มองเห็นอะไรชัดนัก แต่ก็ยังพอจะเห็นได้หากสิ่งนั้นขยับ

     

    "เดี๋ยวยุงกัด"

     

    "ไม่เป็นไร" จริงๆ แล้วในห้องของคนที่เตรียมพร้อมทุกอย่างอย่างคุณชายดงยองก็มีทั้งเทียน ไฟแฉ็ก ไฟฉาย ยาจุดกันยุง แทบทุกอย่าง เพียงแค่ตอนนั้นมันกลัวจนคิดอะไรไม่ทันเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่กล้าจะใช้ให้อีกคนเดินไปหยิบมาให้ด้วย

     

    "ผมไม่เมื่อยหรอก"

     

    "..คือ.." ริมฝีปากนิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ยุนโอก็เงียบเพื่อรอฟัง ไม่บ่อยนักหรอกที่อีกคนจะยอมพูดด้วยดีๆ ถ้าจะบอกว่าเป็นครั้งแรกเลยก็คงไม่ผิดนัก

     

    นึกแล้วก็น่าขำ ทนให้ด่ามาตั้งนาน แต่ก็ยังชอบอยู่ดี สงสัยจะเป็นพวกโรคจิตเสียละมั้ง

     

     

    "ผมตัดสินใจแล้ว" น้ำเสียงแหบพร่าจากคุณชายดงยองราวกับพยายามเค้นคำพูดออกมา แรงกำที่ชายเสื้อจนรู้สึกได้ ไหนจะมือบางที่จับข้อมือห้ามไม่ให้คุณชายยุนโอพัดต่ออีก

     

    "คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรตอนนี้ ถ้าคุณเหนื่อยคุณก็พักก่อน ผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก"

     

    "..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ" เมื่อยุนโอเข้าใจเจตนารมณ์ผิด น้ำเสียงที่ติดจะขัดใจก็พูดออกมาเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง หากตอนนี้มีแสงสว่างเพียงพอคงทำให้ยุนโอเห็นใบหน้าที่กำลังคิดไม่ตก เม้มปากสลับคลายสูดลมหายใจเข้าออกเหมือนให้กำลังใจตัวเอง

     

    "ต่อให้คุณชายปฏิเสธผม ผมก็ไม่คิดจะเลิกรักคุณชายหรอกนะ" ราวกับเป็นเรื่องตลกระหว่างทั้งคู่ไปเสียแล้ว แต่มันกลับเป็นเหมือนตลกร้ายที่ย้ำเข้าไปในใจไม่น้อย แม้แต่คนที่พูดเองยังแทบน้ำตาตกใน แต่ก็เอาเถอะ เหมือนจะเริ่มชินขึ้นมาสักหน่อยแล้วล่ะ

     

    "ก็บอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นไงเล่า"

     

    "..." ไม่รู้ทำไมถึงหุบยิ้มไม่ได้ สงสัยหม่อมราชวงศ์ยุนโอจะทำชื่อเสียงของตระกูลเสื่อมเสียด้วยการเป็นบ้าไปแล้วเสียละมั้ง

     

    "..ผม.. ตัดสินใจแล้ว"

     

    "...ครับ"

     

    "เงียบก่อนได้ไหมล่ะ"

     

    สุดท้ายก็โดนดุอีกแล้ว

     

    "ฮะฮะ ครับ"

     

    แต่เขาก็ดันชอบเสียนี้

     

    "ผมตัดสินใจแล้ว"

     

    "ครับ"

     

    "จิ๊"

     

    คราวนี้ไม่แค่เสียง มือที่กำชายเสื้ออยู่ดีๆ ก็ปล่อยออกมาตีเข้าที่หน้าขาแรงอย่างคนลืมตัวว่าตัวเองกลัวความมืดอยู่ ไม่รู้มองเห็นได้ยังไงว่าขาอยู่ตรงไหน ถ้าเกิดไปพลาดไปโดนส่วนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กันจะทำยังไง มืดๆ แบบนี้มองไม่ถนัด มันไม่ฟีลนะ(??)

     

    "ถ้าพูดอีกจะตีปากแล้วนะ"

     

    "จะตีโดนเหรอครับ"

     

    "นี่ !!"

     

    "ผมแค่สงสัยเฉยๆ เอง"

     

    แล้วก็โดนตีที่ขาอีกหนึ่งที

     

    "ตรงนั้นไม่ใช่ปากนะครับคุณชาย"

     

    "คุณชายยุนโอ เลิกกวนประสาทผมสักที ไม่งั้นที่ผมคิดไว้ผมจะเลิกคิดมันเสียเดี๋ยวนี้เลย"

     

    "เอ้า คุณชายคิดอะไรไว้ล่ะครับ"

     

    "... ผมไม่พูดกับคุณแล้ว"

     

    "ไม่เป็นไร แค่คุณไม่ไล่ผมไปไหนอีกก็พอ" อาจจะเพราะคุณชายยุนโอชินกับความมืดมากกว่า การมองเห็นในที่มืดแม้จะไม่ถนัดตานักแต่ก็สามารถรู้ได้ว่ามืออีกคนอยู่ตรงไหน ก็เล่นวางไว้ที่ตักอยู่แบบนั้นนะสิ

     

    ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าจับมือของอีกคนขึ้นมาแนบที่ปากซ้อนมือแทรกเข้าตามร่องนิ้วแล้วกระซิบเบาๆ พอให้ได้ยินชัดในห้องที่เงียบๆ เช่นนี้

     

     

     

    "ปากอยู่ตรงนี้ครับ"

     

     

     

    พรึ่บ

     

     

    ฉับพลันความมืดทั้งมวลก็ถูกแทรกด้วยแสงไฟทั่วห้อง ความสว่างว้าบที่เข้ามาทันทีทำให้ทั้งคู่ต้องหลับตาแน่นไว้สักครู่แล้วค่อยๆ ลืมกระพริบช้าๆ เพื่อปรับแสงที่สว่างจนเกินไป

     

    "..."

     

    ดวงตาสีแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างนัก ใบหน้าที่เคยอวดเก่งแค่ไหนตอนนี้ก็เหมือนเป็นเด็กตัวน้อยที่กำลังงอแง ไม่ต่างจากวันแรกที่เจอเลยสักนิด ผิดก็ตรงที่วันนี้ดูดีกว่า ก็คราวนั้นคุณชายดงยองเล่นสลบเหมือดไป แต่ครั้งนี้ไม่ ยังมีแรงมาต่อปากต่อคำกับเขาอยู่ก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีกว่าอยู่แล้ว

     

    "คุณชายเปิดไฟไว้ทั้งห้องแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอครับ"

     

    เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังเงียบอยู่แบบนั้น คุณชายยุนโอก็มองไปทั่วห้อง เรียกได้ว่าทั้งห้องแทบไม่มีไฟดวงไหนที่ปิดเอาไว้เลย สว่างขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าอีกคนเป็นคนกลัวความมืดมากแค่ไหน

     

    "..."

     

    "แล้วแบบนี้เปิดไฟนอนทุกคืนเลยไหมครับ"

     

    "..."

     

    "เปลืองไฟโรงเรียนแย่ ผมว่าที่โรงเรียนไฟดับเพราะห้องคุณชายใช้ไฟเปลืองนี่แหล่ะ"

     

    "..."

     

    "ฮะฮะ ผมล้อเล่นนะ ขำหน่อยสิ"

     

    "..."

     

    "..."

     

    ไม่ว่าจะพูด จะแหย่ยังไง อีกฝ่ายก็เอาแค่มองอยู่แบบนั้น เงียบราวกับเป็นคนละคนที่นั่งชิดแทบเบียดเขาเพราะความกลัวเมื่อครู่เลย

     

    ไฟมาแล้ว เขาก็คงไม่ต้องการเราแล้วสินะ

     

    ความคิดที่ทำให้รอยยิ้มแกนๆ จากคุณชายยุนโอที่พยายามแสดงออกมาให้ปกติที่สุด แต่รอยยิ้มที่ดวงตาไม่ยิ้มนั้นไม่ได้น่าดูเลยสักนิด รอยยิ้มแบบนี้ที่อีกฝ่ายมากยิ้มให้ ดงยองเกลียดที่สุด

     

    เหมือนคนมีเรื่องเศร้าอยู่ตลอด ถ้าบอกว่ารักจะยิ้มเศร้าๆ แบบนี้ไปทำไม

     

     

     

     

     

    "โอ๊ยยยย !!!"

     

     

     

     

    อยู่ๆ มือเล็กก็ยกขึ้นมาหยิกเข้าที่แก้มใหญ่ๆ ของหม่อมราชวงศ์ยุนโออย่างแรงจนสะดุ้ง เผลอร้องสุดเสียงอย่างหมดลุค เมื่อกี้กะจะทำเป็นเท่แล้วจากไปเหมือนทุกที กลับถูกหยิกแก้มแรงแบบนี้ไม่ขำเลยสักนิด

     

    "หยิกผมทำไมครับ" รีบกุมมืออีกฝ่ายให้ปล่อยมือจากแก้มสักที แต่ยังไม่ทันได้ปล่อยคนหน้าหวานก็น้ำตาผล่อยออกมาอีกทีจนทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว

     

    "คุณชาย ผมไม่ได้จะดุคุณเลยนะ ก็คุณหยิกผมอ่ะ"

     

    "ฮึก ฮืออออออออออ" ร้องไห้หนักกว่าตอนไฟดับอีก

     

    "โอเคๆ คุณจะหยิกผมก็ได้ หยิกสองข้างก็ได้ แต่คุณต้องหยุดร้องนะ" จับมืออีกข้างขึ้นมาหยิกแก้มตัวเอง เจ็บก็เจ็บ พอได้หยิกก็หยิกเสียจนแก้มยืด คราวนี้ไม่ใช่แค่คุณชายดงยองแล้วล่ะที่จะร้อง เขาก็แทบจะทนไม่ไหวเหมือนกัน

     

     

     

     

    "ผมจะหมั้น"

     

     


     

    "..ห้ะ?"

     

    น้ำเสียงที่สะอื้นอยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะหมั้น คนที่ถูกหยิกแก้มทั้งสองข้างถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ กลัวว่าที่ได้ยินเมื่อครู่จะได้ยินผิดหรือเปล่า

     

    "ผมจะหมั้น"

     

    ดงยองเอ่ยอีกรอบ

     

    สิ่งที่คิดเมื่อครู่คือเรื่องนี้ หากคิดย้อนกลับไปคุณชายยุนโอก็พยายามพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างเพียงแค่เขาไม่เปิดใจ หากจะลองเปิดใจให้อีกฝ่ายได้ทำความรู้จักมากกว่านี้.. ไม่สิ ให้เขาได้ทำความรู้จักอีกฝ่ายมากกว่านี้

     

    ก็คงจะดี

     

    การหมั้นอาจหมายถึงการแต่งงานในอนาคต แต่การเรียนรู้ ทำความรู้จักซึ่งกันและกันในครั้งนี้อาจจะพบกับจุดจบที่ไม่สวยงาม ถึงคราวนั้นหากจะถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากคำว่าหมั้นจะเป็นเหมือนเชือกที่ผูกรั้งทั้งคู่เอาไว้ หากมันจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวเพราะยังไม่มั่นใจว่าตนรู้สึกรักคุณชายยุนโอไปหรือยัง หากมันจะเป็นเช่นนั้นจริง

     

    ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ

     

     

     

    เพราะตอนนี้ สิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้ว่า ที่ๆไม่ต้องกลัว ความมืดก็ทำให้อุ่นใจได้เพียงแค่ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากอีกคน แสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่ถูกสาดส่องเข้ามามันทำให้หัวใจดวงน้อยที่แทบจะหมดแรงถูกกระตุ้นให้เต้นต่อจนเต้นแรงแทบเหนื่อยหอบ

     

    "ผมจะหมั้นกับคุณ"

     

    คำพูดที่เน้นย้ำอีกครั้ง

     

    "..หยิกผมแรงกว่านี้อีกทีสิครับ ผมอยากแน่ใจว่าไม่ได้ฝันอยู่"

     

    "คุณมันบ้าหรือไง"

     

    "ผมก็ว่างั้น"

     

    ต่อให้โดนหยิกจนแก้มจะเขียว แต่ก็ยังมีรอยยิ้มที่ยิ้มไปทั้งหน้าทั้งตา ยิ้มที่ถูกส่งต่อมายังหัวใจของคนมองจนอดจะยิ้มตามไม่ได้

     

    สองมือที่หยิกอยู่ที่แก้มถูกจับออกมากุมเข้ากับสองมือของอีกคน ร่างสูงกว่าโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ รดลมหายใจอุ่นร้อนเข้าใกล้อีกคนเรื่อยๆ จนริมฝีปากแตะกันช้าๆ

     

    สัมผัสเนิ่นนานไม่ได้รุกล้ำเข้าไปมากกว่านั้น คุณชายยุนโอก็ละริมฝีปากออกมาพร้อมเปร่งวาจาที่ออกมาจากหัวใจส่งไปถึงใจอีกคนให้มันก้องกังวาลอยู่แบบนั้น ให้มันหยุดอยู่ที่คุณชายดงยองเพียงคนเดียว

     

     

     

     

    "ผมสัญญาว่าจะรักคุณ ตลอดทั้งชีวิตของผม"

     

    "อืม"

     










    -----------------------------------------------------

    จบจริงๆ แล้วค่ะ

    งงไหมทำไมอัพ 2 รอบทั้งๆ ที่เวลาห่างกันไม่นาน คืองี้ จะอัพตั้งแต่เมื่อวานละไฟดับ เน็ตพัง เลยจะมาอัพวันนี้ ปั่นๆ ไป เอ้อ ไม่จบ แต่อัพก่อนละกัน นึกว่าครึ่งหลังจะเสร็จพรุ่งนี้เพราะว่านี่มีงานไง เลยจะไปทำงานก่อน แต่งานเสร็จเร็วค่ะ (ปรบมือ) จะนอนก็ไม่หลับ คือมันพึ่งตีหนึ่งกว่าๆ เลยปั่นฟิคต่อ เอ้า จบ เห็นทุกคนร้องเรียนมา ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งนะ คิดว่าจะแต่งไม่จบจริงๆ แต่มันจบอ่ะ เออ ก็ตามนั้นแหล่ะ 


    หวานไหมคะ นี่มีความเขินอ่ะ เขินทำไมก็ไม่รู้ เขิน อิอิ

    #โรงเรียนวังโฮฮวา

    @mellopizery







    ป.ล. เหลือคู่ #johnil ปิดท้ายจะจบซีรี่ส์นี้แล้วนะคะ ลากยาวมานานเหลือเกิน ใครรออ่านจอห์นอิลหน่องมอขอสปอยเบาๆ ไว้ก่อนว่าหน่วงสุดในสามคู่นี้เลยค่ะ แหะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×