คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #60 : - ICE[2] 51 - ขอบคุณ
‘ ICE[2] 51 ’
____________
“ คุณยูฮวานอยากได้น้ำผลไม้เพิ่มไหมค่ะ? ” ปาร์ค ยูฮวานก้มลงมองน้ำผลไม้ในแก้วที่เหลืออยู่เพิ่งเล็กน้อยเท่านั้น ใบหน้าหวานพยักหน้าทั้งรอยยิ้มพลางมองดูแม่บ้านที่ค่อยๆรินน้ำผลไม้ให้
“ คุณจุนซูกับพี่ชายคุณยูฮวานยังไม่กลับมาเลยนะคะ ” ใบหน้าหวานพยักหน้ารับน้อยๆ หลังจากที่เขาได้ทานข้าวเย็นกันแล้วพี่ชายทั้งคู่ก็ออกไปจากบ้านพร้อมกับรถของพี่ชายตนเองโดนบอกเขาเอาไว้เพียงแค่ว่า นอนพักไปก่อนก็ได้แล้วพี่เขาจะกลับมา
“ ให้โทรตามไหมคะ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าให้พี่ๆเขาอยู่ด้วยกันก็ดีแล้วฮะ ”
...บางทีเขาทั้งคู่อาจจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากขึ้นก็เป็นได้
.
.
“ ลมเย็นดีนะว่าไหม ” รถคันงามจอดอยู่ริมถนนที่เบื้องหน้านั้นเป็นทะเล ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาขับรถมาถึงนี้ได้แต่พอมารู้อีกทีเขาก็ได้พามายังทะเลเบื้องหน้า รถสปอร์ตสีแดงที่เจ้าของๆมันจงใจเปิดหลังคาที่จะได้รับลมจากทะเลแทนที่จะเป็นแอร์ที่อยู่ในรถ
“ หนาวไหมจุนซู ” ตั้งแต่ที่เขาพาร่างเล็กมาตามคำขอ แม้ว่าเขาจะพูดหรือถามอะไรคิม จุนซูก็ยังคงเงียบไม่ยอมตอบอะไรเขาเลยแม้กระทั้งถามว่าไปไหนเจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบอะไร สุดท้ายแล้วยูชอนก็เลยต้องเอื้อมมือไปหยิบเสื้อหนาวที่พอมีติดรถบ้างเอามาห่มให้คนข้างๆแก้หนาวไปพลาง
“ นาย...มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า ” หลังจากที่ปล่อยให้มันเงียบมาตั้งนาน คนที่สงสัยมาตั้งแต่ต้นก็เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้ รอยยิ้มจางๆจากใบหน้าหวานนั้นทำให้เขาไม่อาจที่จะละสายตาออกห่าง
“ มีความสุขไหมยูชอน ” เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านไป ปอยผมที่พัดปลิวไปตามแรงลมแลทำให้ภาพเบื้องหน้าแลดูสวยขึ้นแม้ว่าใบหน้าหวานจะมีรอยยิ้มแต่สิ่งที่เขากำลังจะสื่อนั้นเหตุใดมันถึงได้แลดูเศร้าหมองยิ่งนัก
“ ..... ”
“ มีความสุขไหม...ตั้งแต่ได้รู้จักกับคิมจุนซูน่ะ ” ถ้าจะให้เขาเล่า ไม่ว่าจะเริ่มจากจุนซูหรือว่ายูชอน ทั้งคู่ต่างก็คงตอบเหมือนๆกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เริ่มรู้จักกับอีกฝ่ายรู้แค่ว่าพ่อแม่ของทั้งคู่รู้จักกันและถ้าจะให้พูดว่าเพื่อนคนแรกที่มี ภาพแรกของคำว่าเพื่อนนั้นก็คืออีกฝ่าย
...ไม่รู้ตอนนั้นที่รู้จัก รู้แค่ว่าเพื่อนคนแรกที่มีก็คนๆนี้หล่ะ
“ ความรู้สึกที่ได้เจอกับนาย มันเลยคำว่ามีความสุขไปแล้วจุนซู ” ใบหน้าหวานค่อยๆเงยขึ้นมองใบหน้าอีกคนที่สบมองมาทางตนเองเช่นกัน ดวงตากลมเล็กที่มองดวงตาคมที่ตอนนี้ไม่รู้เลยภายในนั้นกลับคิดอะไรอยู่
...ให้ฉันรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความคิดของนายจะได้ไหมยูชอน
“ การได้เจอนาย การได้รู้จักนายมันทำให้ฉันรู้จักคำว่า สนุก...สนุกที่ได้ไปไหนมาไหนกับนายได้ทำอะไรด้วยกันหลายๆอย่างด้วยกัน โกรธ...โกรธที่บางครั้งนายไม่ฟังฉันจนเจ็บตัว ดีใจที่ใครทุกๆครั้งนายอยู่ข้างๆฉัน เวลาที่ฉันไม่เหลือใครหรือแม้การสูญเสียครั้งแรกในชีวิต ฉันก็ได้นายเนี่ยแหละที่ทำให้ฉันสามารถอยู่รอดต่อไป นิทานของนายมันสร้างความทรงจำดีๆให้ฉัน ทำให้ฉันไม่รู้จักคำว่าเหงา ตั้งแต่ฉันมีนายมาฉันไม่เคยเหงาเลยรู้ไหมจุนซู ”
ปาร์ค ยูชอนคนโง่ เขาไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้จู่ๆจุนซูก็ขอให้เขาพาออกมาที่ไหนซักแห่ง จู่ๆก็เงียบจนทำให้เขาสงสัยและเป็นห่วงและจู่ๆก็ถามอะไรที่ไม่เคยถามมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้เขาก็คงทำได้แค่รั้งเพื่อนตัวเล็กของเขาเข้ามากอด
“ นายเป็นเพื่อนที่ฉันรักมาที่สุดเลยรู้ไหม ไม่ว่าฉันจะต้องสูญเสียอะไรไปอีก...สิ่งนั้นต้องไม่ใช่นาย คิมจุนซู ” สัมผัสที่เปียกชื้นตรงบริเวณเสื้อเชิ้ตของเขาทำให้เขานั้นต้องกระชับกอดคนในอ้อมแขนเขามากขึ้น
...คำตอบของนายมันช่างทำให้ฉันทรมานเหลือเกินยูชอน
“ นายรักฉันบ้างไหมยูชอน ” หลังจากที่ปลอบมานาน ในสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจถามมันออกมา คำถามนี้เขาไม่ได้เพิ่งคิดมัน...แต่เขาคิดมันมาหลายวันแล้วว่าควรที่จะถามดีไหมเพราะหัวใจของเขานั้นเขาไม่มั่นใจว่ามันจะทนรับสภาพความเจ็บได้อีกไหม แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าได้มันควรจะได้รู้กันไปเสียทีจะได้ไม่ต้องนั่งเจ็บแบบนี้ต่อไป
...นายควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ได้แล้ว
“ ฉันรักนายจุนซู แต่... ”
“ .... ”
“ ความรักที่ฉันมีให้นายนั้น มันคือมิตรภาพ ฉันรักนายในแบบเพื่อน ”
“ ขอบคุณสำหรับคำตอบนะ ” คนที่ได้คำตอบอย่างชัดเจนแล้วค่อยๆผละออกมาจากอ้อมกอดอีกฝ่ายช้าๆ มือขาวยกขึ้นบาดคราบน้ำตาออกลวกๆทั้งที่พยายามจะไม่ให้อีกฝ่ายเห็นแต่กลับกลายเป็นว่ายูชอนนั้นแหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยร่างเล็กเช็คคราบน้ำตาออกให้
ตั้งแต่ไหนแต่ไหร่แล้วที่เขามักจะได้ยินคำบอกรักออกจากปากของยูชอนอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งโดยเฉพาะตอนเด็กๆ หลายครั้งที่ปาร์คยูชอนต้องฝันร้ายจนทำให้คนข้างๆพลอยสะดุ้งตื่นและต้องปลุกให้ตื่นเมื่อนั้นก็จะมีมืออุ่นๆที่คอยจับกันจนกระทั้งผ่านความโหดร้ายนั้นไป คำขอที่อยากให้ทุกคืนของการหลับใหลของปาร์คยูชอนจำเป็นต้องมีคิมจุนซูนอนอยู่ข้างๆ เสียงที่ยังไม่แตกหนุ่มดีนักเอ่ยคำพูดนั้นอย่างไม่ได้ระอาย เพราะนั้นคือความรู้สึกจริงๆจากใจเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“ จุนซู...เขารักจุนซูนะ ”
“ เขาก็รักนายยูชอน นอนได้แล้ว..เดี๋ยวเขาจะจับมือยูชอนทั้งคืนเลยนะโอเค๊? ”
“ ฉันนี้มัน...แย่จังเลย ” เอ่ยบอกทั้งเสียงยิ้มเยาะของตนเอง ใบหน้าคมส่ายเบาๆก่อนจะลูบผมนิ่มของอีกฝ่ายไปพลาง สายลมที่ยังคงพัดผ่านไม่ได้ทำให้เขาร้อนไป ไม่ได้ทำให้เขาหนาวไป แต่มันกลับทำให้ใจของเขาหนาวสุดขั้ว
“ ฉันแย่กว่านายเยอะจุนซู นายทำอะไรให้ฉันตั้งมากมายแต่สิ่งที่ฉันทำให้นายนั้นมันกลับเป็นสิ่งที่ทำร้ายนายทั้งนั้น ขอโทษนะจุนซู...ฉันขอโทษ ” ใบหน้าหวานส่ายช้าพร้อมกับโผเข้ากอดร่างสูงแน่น
“ ฉันรักนายนะยูชอน ” ทุกๆครั้งที่จุนซูพูดเขากลับมองว่ามันไม่สมควรแต่ณ.ตอนนี้ เวลานี้ ช่วงเวลานี้เขากลับมองว่ามันช่างอบอุ่นเหลือเกิน รู้สึกว่ามันไม่สมควรที่คนเลวๆอย่างเขาจะได้มัน
คิมจุนซู...นายไม่ได้ผิดที่นายรักเขา แต่ถ้าเรื่องนี้จะมีใครผิด...มันก็คงผิดตรงที่คนที่จุนซูรักเป็นเขาและผิดตรงที่คนที่เขารักไม่ใช่จุนซู
สายลมเย็นที่พัดผ่านราวกับอยากที่จะช่วยแบ่งปันความทุกข์ของทั้งคู่ให้ออกไป คำขอสุดท้าย คำขอที่คนขอคิดว่ามันอาจจะมากเกินหากแต่คนที่ถูกขอกลับคิดว่ามันยังน้อยเกินไปสำหรับการที่เขาได้ทำลายความรู้สึกส่วนหนึ่งไป ริมฝีปากทั้งคู่ที่แตะกันช้าๆเพียงผิวเผินเท่านั้นก็ได้กลับแนบแน่นขึ้น เนินนาน...
คำขอครั้งสุดท้าย...แล้วคิมจุนซูในวันพรุ่งนี้จะไม่ใช่คิมจุนซูในวันนี้
_____________
...เขาควรจะทำยังไงดี
คิมแจจุงก้มลงมองตั๋วเครื่องบินในมือ มือไม้ของเขานั้นสั่นไปหมด เวลาเครื่องออกนั้นคือแปดโมงเช้าแต่เขาต้องออกไปก่อนหน้านั้นแต่ประเดนคือชองยุนโฮยังไม่ไปทำงาน ส่วนเรื่องที่ทางที่เขาจะไปนั้นเขาก็ได้จ้างคนขับรถเอาไว้แล้วโดยที่ห้ามบอกชองยุนโฮโดนเด็ดขาดหรือถ้าจะบอกก็ให้บอกหลังจากไปส่งเขาเสร็จแล้ว
ใบหน้าหวานหันมองกระเป๋าเดินทางขนาดกลางที่วางอยู่กลางห้องอย่างเตรียมพร้อม เขาเดินไปลากกระเป๋าเดินทางนั้นไปยังหน้าประตูก่อนจะเปิดประตูออกแล้วเดินออกมาด้านนอก ยามเช้าแบบนี้ที่ใครหลายคนได้ทำงานในส่วนของตนจนไม่ได้เข้ามาสนใจในบ้านใหญ่มากเท่าไหร่นักนั้นทำให้บ้านในตอนนี้เงียบสงบ แต่ถึงกระนั้นก็คงไม่พ้นสายตาของชองยุนโฮ
“ จะไปไหนน่ะ...แจจุง ”
“ ยุนโฮ ” ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคาดฝันว่าชองยุนโฮจะมาเห็นเขา แต่เขามั่นใจว่าไม่ว่าเขาจะหนีไปด้วยวิธีไหนก็ตามมันคงไม่ง่ายเท่ากับการเผชิญกับชองยุนโฮอย่างซึ่งๆหน้าอีกแล้ว
“ ว่าไง เธอกำลังจะไปไหนเหรอ ” ถึงตอนนี้คิมแจจุงถึงได้ตระนักว่าเขานั้นไม่ควรจะเล่นลิ้นกับคนตรงหน้าทั้งๆที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่ยุนโฮจะไม่รู้ว่าเขานั้นกำลังจะไปไหน บางทีร่างสูงก็คงอยากที่จะให้เขาบอกมันเองกับปาก
...แต่จะให้เขาเริ่มยังไงดี
“ คือ...ฉัน ” มันช่างเป็นเรื่องที่ยากนักที่คนมั่นใจสูงอย่างคิมแจจุงจะกลับกลายมาเป็นคนที่ประหม่าขนาดนี้ “ จะหนีฉันไปอีกแล้วเหรอแจจุง ”
“ ฉันไม่ได้หนีไปไหนทั้งนั้น ” สุดท้ายคนที่หาเสียงของตนเองเจอก็พูดออกมา ดวงตากลมโตที่หลบจากการจ้องก็ได้เงยขึ้นสบตาร่างสูงตรงๆ
“ ฉันแค่อยากไปเที่ยวบ้าง เผื่อไฟในใจฉันมันจะได้มอดลงบ้าง บางทีการได้ไปเที่ยวไปไหนไกลๆอาจจะทำให้ฉันลืมความทรงจำที่เจ็บปวดของฉันไปได้บ้าง ”
“ เธอก็คิดอะไรแบบเด็กๆ คิดเหรอว่าออกไปข้างนอกนี้แล้วมันจะทำให้เธอมีความสุข มันจะทำให้เธอลืมความทุกข์หรือว่ามันจะสามารถดับไฟทุกข์ในใจเธอได้น่ะ ”
“ แล้วทำไมนายไม่ปล่อยให้เด็กอย่างฉันทดลองความคิดเด็กๆของตนเองบ้างล่ะ ”
“ เพราะนั้นจะกลายเป็นอันตรายต่อตัวเธอ ” พูดจบร่างสูงก็คว้ากระเป๋าเดินทางออกมาจากมือขาวเพื่อที่จะลากไปเก็บแต่เจ้าของของมันกลับไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“ ได้โปรดยุนโฮ ฉันรู้ว่าที่นายทำที่นายห้ามนั้นมันก็เพื่อฉัน...แต่ได้โปรดฉันโตพอแล้วฉันพร้อมแล้วที่จะเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว ฉันอยากเดินได้ด้วยตนเองบ้างเพราะสักวันนายก็อาจจะไม่ได้อยู่ประครองฉันไปตลอดฉะนั้น...ถ้าวันนั้นฉันต้องอยู่คนเดียวฉันก็จะได้ชินกับมัน ” คำพูดนั้นทำให้คนที่พยายามจะรั้งเอาไว้กลับต้องชะงัก
“ ฉันเรียนรู้ความเจ็บของตนเองมาเยอะแล้วและฉันก็มั่นใจพอที่จะแก้ไขความเจ็บปวดนั้นได้แล้วยุนโฮ ” มือขาวแตะลงที่มือหนาที่กุมที่จับกระเป๋าของเขาไว้แน่น แจจุงแกะมือของยุนโฮออกพร้อมกับกุมมันเอาไว้
“ ฉันในอดีตอาจจะทำให้นายไม่มั่นใจ แต่ต่อไปนี้ฉันจะทำให้นายมั่นใจว่าสองขาของฉัน สองมือนี้มันจะพาฉันไปข้างหน้าด้วยตัวของฉันเอง ” ใบหน้าคมหันมองร่างบางที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมแต่ถึงกระนั้น...
“ ไม่...ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว ” คราวนี้กระเป๋าเดินทางถูกวางทิ้งเอาไว้แต่กลับเป็นร่างบางเองที่ถูกชองยุนโฮลากกลับเข้ามาในห้อง ร่างบองบางถูกโยนลงบนเตียงพร้อมกับร่างสูงที่ตรงเข้าขึ้นคร่อมร่างบางเพิ่งรั้งเอาไว้ไม่ให้เดินหนีหายไปไหนอีก
...ทำไมชองยุนโฮถึงต้องกลัวเขาหนีหายไปไหนขนาดนั้น หน้าที่นี้นายทำมันดีเกินไป
“ ยุนโฮ! ปล่อยนะ ”
“ ก็หาเหตุผลที่มันดีกว่านี้สิ ” แต่ต่อให้เหตุผลของคิมแจจุงมีเทพนางฟ้ามาช่วย เขาก็คงไม่ยอมที่จะปล่อยไปง่ายๆ “ ที่ฉันพูดไปทั้งหมดนั้นแหละเหตุผลของฉัน ”
“ แต่ยังไงฉันก็ขอโทษที่ไม่ได้บอกนาย ขอโทษทีนายมารู้ตอนที่ฉันกำลังจะไป ”
“ รู้ตัวแล้วเหรอ ” บ้างทีส่วนหนึ่งของคำว่าโกรธของเขาอาจจะรวมด้วยการที่ร่างบางนั้นไม่ยอมบอกอะไรให้เขารับรู้เลย มันเป็นไปไม่ได้ที่คนที่คอยจับตามองทุกฝีก้าวของคิมแจจุง อย่างเขานั้นจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวเลย ผิดถนัดเขาก็แค่อยากให้มันออกมาจากปากของเจ้าตัวเองก็เท่านั้น
“ นะยุนโฮ...ฉันไม่ได้ไปอยู่ถาวร แค่อยากให้ใจฉันมันสงบว่านี้ แล้วฉันจะกลับมาเป็นคิมแจจุงคนใหม่” ดวงตาคมสบมองเข้าที่ดวงตากลมโตที่ฉายแววมุ่งมั่นกว่าทุกๆครั้ง
“ ยุนโฮ... ” เสียงหวานครางเบาๆเมื่อจู่ๆคนที่ขึ้นคร่อมเมื่อกี้กลับรั้งร่างบางเข้ามากอด คนที่ถูกกอดก็ได้แต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ยอมปล่อยให้เขาโดยอีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้น แม้ว่าอ้อนกอดอุ่นนี้จะพยายามบอกอะไรเขาแต่คิมแจจุงกลับไม่เข้าใจมันเอาเสียเลย
“ เครื่องขึ้นกี่โมง... ”
“ แปดโมง แต่ต้องไปเช็คอินหกโมงครึ่ง ” พูดจบยุนโฮก็ผละออกก่อนจะเดินตรงออกไปจากห้องโดยไม่ลืมที่จะตะโกนกลับมาแล้วลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกไปพร้อมกับตนเองด้วย
“ ไม่รีบไปแล้วตกเครื่องฉันไม่รู้ด้วยแล้วนะ ”
...แล้วฉันจะลองดูเธอ
_______________
“ ไปถึงนู่นแล้วก็โทรบอกฉันด้วยนะยูชอน อื้อๆ...ยูฮวานเองก็ด้วยนะ ดูแลตัวเองดีๆนะรู้ไหม มีอะไรก็โทรมาบอกพี่ได้เหมือนกันนะ ”
อ้อมกอดที่สวมกอดกันครั้งแล้วครั้งเล่า ถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้อีกฝ่ายผ่านอ้อมกอดราวกับต้องการที่จะให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกของตนเองผ่านสัมผัสนี้ อ้อมกอดที่จะติดตรึงพวกเขาไปจนกว่าจะได้เจอกันใหม่ ซึ่งไม่รู้ระยะเวลาที่แน่นอน
“ คุณหนูจะไม่ไปส่งคุณยูชอนหน่อยเหรอคะ ” เสียงของแม่บ้านที่ดังขึ้นหลังจากที่เห็นว่าคุณหนูของตนเองนั้นแต่ยืนจ้องอยู่ที่หน้าประตูบ้านมองจนกระทั้งรถที่เขาเป็นคนบอกให้ไปส่งพี่น้องคู่นั้นหายลับไปไกลเสียแล้ว
“ ไม่หรอกครับป้า...ถ้าผมไป ผมอาจจะไม่ปล่อยให้ยูชอนไปก็ได้ฮะ ” พูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นไปบนห้องนอนตนเอง ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่เขาเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ห้องที่เปรียบเสมอเป็นโลกทั้งใบของเขา เพราะมันได้เก็บอะไรมากมายเอาไว้ที่นี่
เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นอย่างเจ็บปวดเจ็บๆคนเดียว มือเล็กๆทั้งสองข้างที่กำแน่นเพื่อช่วยระบายความเจ็บปวดนี้ เขาสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้ว...แล้วเขาต้องทำมันให้ได้ คิมจุนซู ร้องให้พอแล้วพรุ่งนี้แล้ววันต่อๆไป มันจะไม่ใช่เขาคนนี้อีกแล้ว
“ ฉันจะรอนายกลับมา ”
...กลับมาเจอฉันในสภาพที่ดีกว่านี้ สภาพที่เราเป็นเพื่อนรักกันต่อไป
______________
ความเงียบที่ปกคลุมเขามามากกว่าครึ่งชั่วโมงนั้นมันได้เริ่มทำให้คนอย่างคิม แจจุงอึดอัดขึ้นมา เพราะตั้งแต่ที่เขามาที่สนามบินเขาก็ได้แต่นั่งอยู่เฉยๆปล่อยให้ชองยุนโฮจัดการเรื่องต่างๆโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ
“ ยุนโฮ... ” เมื่ออดทนกับความเงียบไม่ได้ เด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆก็ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขาไม่ชอบอยู่กับความเงียบแบบนี้
“ .... ” แม้อีกคนจะไม่ได้ขานรับกลับ แต่ดวงตาคมที่เหล่มองมาทางเขานั้นเป็นตัวบอกได้ดีว่าร่างสูงตรงหน้าเขานั้นกำลังจะรับฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้ แจจุงเม้มริมฝีปากของตนเองน้อยๆ รู้สึกเหมือนคอแห้งมาเสียกะทันหัน
“ ขอบคุณนะ...ที่ยอมให้ฉันไป ” พูดเสร็จก็ก้มหน้าลงอย่างต้องการที่จะหลบหลีกสายตาคมคู่นั้น เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นในลำคอของอีกฝ่ายทำเอาเด็กน้อยที่ตัวหดเหลือสองนิ้วต้องสงสัย
“ หลายปีที่ฉันอยู่กับเธอมาน่ะ มันก็พอที่จะทำให้ฉันเรียนรู้ได้ว่าคนอย่างเธอ ถ้าตั้งใจจะทำอะไรไว้แล้ว...ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนเธอก็ต้องทำมันอยู่ดี เพราะฉะนั้น... ”
“ ..... ”
“ สู้ฉันปล่อยเธอไปตอนที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ มันน่าจะดีกว่าตอนที่ฉันไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้แล้ว...อย่างน้อยๆถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะได้ช่วยได้ ”
มันก็ไม่ใช่คำพูดที่ซึ้งอะไรนัก หากแต่สำหรับคนที่กล้ามเนื้อหัวใจบอบบางแบบเขาแล้วนั้นมันกลับทำให้น้ำใสๆค่อยๆกลิ้งไหลออกจากดวงตา ริมฝีปากอิ่มที่ว่าเม้มแน่นแล้วยิ่งแน่นเข้าไปอีกจนแทบเป็นเส้นตรง แล้วก็เมื่อไหร่ไม่รู้...ที่ร่างกายของคิมแจจุงไม่ทำตามคำสั่งของสมอง
“ ฉันปล่อยให้เธอเลือกแล้ว อย่าทำให้ความเชื่อฉันของฉันผิดหวังนะแจจุง ฉันไม่ได้ปล่อยให้เธอไปทำเรื่องบ้าๆ ที่ปล่อยน่ะ...อยากให้เด็กน้อยอย่างเธอโตขึ้นกว่านี้อีกนิด ” มือหนาค่อยๆยกขึ้นปาดน้ำตาให้คนที่โผ่เข้ากอดตนเบาๆ ดวงตากลมโตที่ค่อยๆหลับลง
...ถ้าในอดีตของคิมแจจุงที่ไม่อยากที่จะอยู่ร่วมโลกกับชองยุนโฮ
...ถ้างั้นปัจจุบันของคิมแจจุงคงอยากที่จะมีชองยุนโฮอยู่ข้างๆแบบนี้ตลอดไป
“ เธอควร...เข้าไปได้แล้วนะ ” ดวงตากลมที่หลับอยู่นั้นค่อยลืมขึ้นมอง นาฬิกาบนข้อมือขาวถูกเจ้าของๆมันยกขึ้นมาดู...เขากอดยุนโฮมาครึ่งชั่วโมงเลยเชียวเหรอ?
“ แล้วมือถือน่ะ...มันมีเอาไว้โทรเพราะฉะนั้น โทรมาหาฉันบ้างเข้าใจไหมคิมแจจุง ” รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหวานปรากฏขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ค่อยๆลุกขึ้นยืน มือขาวหยิบกระเป๋าถือขึ้นมาถือแล้วกระชับมันแน่น
“ ยุนโฮ...ขอบคุณนะ ”
“ ครับ ”
“ แล้ววันที่ฉันกลับมา...ฉันจะกลับมาหานายเป็นคนแรก ”
“ อ่าฮะ... ”
“ แล้วก็...จะกลับมาเอาบริษัทแม่ฉันคืนด้วย ” คำพูดนี้ทำเอาร่างสูงหลุดหัวเราะออกมา อ้อมกอดอุ่นๆถูกถ่ายทอดให้กันอีกครั้งก่อนที่ร่างบางจะแยกตัวออกมาแล้วค่อยๆก้าวออกไปจากตรงนี้ ชองยุนโฮที่ทำได้แค่เพียงยืนมองอยู่ตรงนี้จนกระทั้งร่างบางหายเข้าไปข้างใน รอยยิ้มที่เคยระบายอยู่บนใบหน้ากลับค่อยๆเจือจางลง
“ คุณยุนโฮครับ.. ”
“ อื้อ ตามไป ” แล้วจู่ๆเขาก็หลุดขำออกมาราวกับคนบ้า เด็กน้อยอย่างคิมแจจุง ยังไงก็ยังคนเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ คิดว่าเขาเพิ่งรู้วันนี้รึยังไงว่าเจ้าตัวจะไปอเมริกา
แอ๊ดด..///
หลังจากวันที่เขาเริ่มสงสัยคิมแจจุง วันนั้นเขาก็ใช้โอกาสหนึ่งในการเดินเข้าไปในห้องของร่างบาง รื้อของออกมาจนกระทั้งพบตั๋วเครื่องบินที่มีกำหนดชัดเจน
“ คิมแจจุง... ” หลังจากวันที่เขาเจอเขาก็ได้ขอให้คนติดตามแจจุงไปในวันที่ร่างบางต้องไปอเมริกาซึ่งนั้นก็คือ...ตามคิมแจจุงไปทุกๆทีที่ร่างบางไปในระหว่างที่เจ้าตัวอยู่ที่อเมริกา เพราะเขารู้ว่าต่อให้เขาทำลายเอกสารนี้เสีย ยังไงร่างบางก็ต้องหาทางไปได้อยู่ดี
...นี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
“ เด็กน้อยอย่างเธอ...ฉันจะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไงกัน ” หึ....
_____________
ความคิดเห็น