คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #60 : { JaeDo } โรงเรียนวังโฮฮวา | หม่อมราชวงศ์ยุนโอ
"คุณเตนล์"
ภายในห้องรับรองที่ตกแต่งเอาไว้ได้อย่างสวยงามและสะดวกสบาย
ร่างของหม่อมเจ้านั่งหลังตรงตามวิสัยเปิดหน้าหนังสือเพื่อทำรายงาน
ต่อให้มียศเป็นถึงหม่อมเจ้า หรือต่อให้เป็นถึงประธานนักเรียน
ก็ยังต้องเรียนและต้องทำงานส่งอยู่ดี เมื่อถูกขานชื่อ หม่อมเจ้าชิตพลก็พักมือไว้นอกกระดาษป้องกันไม่ให้หมึกจากปากกาหยดลงไปให้เลอะจะดูไม่สวยงาม
ใบหน้าที่สง่าแต่เรียบเฉยเงยขึ้นมองผู้ที่พึ่งเข้ามาใหม่อย่างถือวิสาสะเข้ามา
"องค์ชาย"
เพราะความสัมพันธ์ที่คืบหน้าจนองค์ชายรัชทายาทแทยงไม่เรียกหม่อมว่าหม่อมเหมือนตอนแรกๆ
แล้ว กลับเรียกชื่อ แต่ยังต้องมีคำนำหน้าอยู่แต่ก็เฉพาะเวลาอยู่ข้างนอกเท่านั้นแหล่ะ
เมื่ออยู่ด้วยกันก็เรียกแค่ชื่อเฉยๆ จนหม่อมเจ้าอยากจะหยิกให้เนื้อเขียว
"ถ้าจะเสด็จไปข้างนอกไม่ต้องมาบอกถึงที่ก็ได้"
"เราอยากเจอคุณเตนล์ก่อนจะออกไปนี่"
"จะเสด็จกลับกี่โมง"
"กลับมาทันนอนกอดคุณเตนล์แน่นอน"
"ไปเถอะครับ"
หม่อมเจ้ายิ้มออกมาบางๆ แล้วส่ายหน้าช้าๆ องค์ชายแทยงเดินอ้อมโต๊ะทำงานมายืนข้างๆ โน้มตัวลงไปหอมแก้มนิ่มๆ แรงๆ
สูดกลิ่นหอมดังฟอดใหญ่ การกระทำที่ไม่ได้เกรงใจคนที่มาด้วยเลยสักนิด
หม่อมราชวงศ์ยุนโอยืนถอนหายใจรอบที่ร้อย เบื่อกับความรักที่พักนี้ชักจะเอาใหญ่
ทั้งหอม ทั้งจูบกันต่อหน้าเขานับไม่ถ้วน องค์ชายชักจะทำอะไรเกินไปแล้ว
กว่าจะออกจากตัวโรงเรียนได้ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ
จนอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงแสงอาทิตย์คงลาลับขอบฟ้า เมื่อผืนนภาสีฟ้าสดใสกำลังค่อยๆ เฟดตัวสีเข้มขึ้นผสมกับแสงสีส้มเหลืองของพระอาทิตย์ที่ลู่ไปตามทิวไม้ใหญ่กระทบบนพื้น
"ไม่ใช่เรื่องของกระหม่อมแท้ๆ"
คำพูดของชายร่างสูงอีกคนที่ยืนพิงรถมินิคูเปอร์เปิดประทุนสีฟ้าน้ำทะเล แว่นกรอบเรโทรเลนส์กระจกสีชาถูกขยับขึ้นให้เข้าทีกับแนวผมสีน้ำตาลที่ถูกเสยไปด้านหลัง
ท่าทางสง่าราวกับได้รับการฝึกมาอย่างดีและดูภูมิฐานจากเครื่องแต่งกายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาขอบดำ
กางเกงแสลคและรองเท้าหนังหัวแหลม
ผิดกับอีกสองคนที่พึ่งมาถึงยังสวมเครื่องแบบนักเรียนอยู่
"เพราะองค์ชายเอาแต่บอกลาหม่อมอยู่นั้นแหล่ะ
ถึงได้ปล่อยให้พี่อาจารย์คุณชายต้องรอนาน"
สรรพนามที่หม่อมราชวงศ์ยุนโอเรียกเสียยาวยืด แต่ก็เป็นยศศักดิ์ที่ถูกต้องของอีกคน
เมื่อบุคคลคนนี้คือหม่อมราชซอยองโฮ ที่เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษ
แม้จะอายุมากกว่าแต่ก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะเรียกว่าพี่นำหน้าก็ไม่แปลก
ทั้งสามคน.. จริงๆ ก็มีอีกคน
แต่วันนี้เจ้าตัวไม่มาร่วมด้วย สนิทกันตั้งแต่เด็กอย่างที่บอก
แม้อายุจะห่างกันกว่า 7 ปี แต่ก็เคารพกันเป็นพี่เป็นน้อง
เมื่อคุณชายยองโฮเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่อเมริกาก็ได้รับจดหมายเชิญจากทางโรงเรียนเพื่อให้เข้ามาดำรงหน้าที่เป็นอาจารย์ทดแทนอาจารย์ที่เกษียณไปก่อนหน้า
เมื่อไม่เห็นว่าเป็นเรื่องเดือดร้อนอะไร
การได้เข้ามาเป็นอาจารย์ทันทีที่เรียนจบชีวิตก็ดูจะสงบและมั่นคงดี
เป็นอาจารย์ไปวันๆ ไม่พอยังได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเด็กแสบพวกนี้ด้วย
นี่คิดในใจนะ หากจะพูดออกมาจริงๆ ใครได้ยินเข้าคงจะบอกว่าคุณชายยองโฮมีกิริยาที่ไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะกับองค์ชายรัชทายาทอย่างองค์ชายแทยง
และเพราะเหตุนี้
เมื่อมีอาจารย์คนสนิทคอยหนุนหลังอยู่
ทำให้ยามที่องค์ชายต้องการเสด็จไปที่ไหนก็จะมีสารถีประจำตัวขับรถให้ตลอด
หรือบางทีก็อาศัยรถจากบ้านของคุณชายดงยองเหมือนกัน
แต่ในคราวนี้เห็นว่ามีเรื่องไม่สบายใจต่อกันระหว่างคุณชายดงยองและคุณชายยุนโอ
องค์ชายจึงไม่อยากไปกวนน้ำต่อให้ขุ่น สู้มารบกวนพี่ชายคนสนิทนี่น่าจะสบายใจกว่า
"คิดไว้หรือยังว่าจะเสด็จไปที่ไหน" จริงๆ แล้วเมื่ออยู่กันในที่ลับตา
พวกเขาแทบจะไม่ใช้คำราชาศัพท์ หรือคำพูดที่ไพเราะอะไรกันเลยด้วยซ้ำ
คำหยาบมากมายที่พูดออกมาไม่เกรงใจยศศักดิ์หรืออายุเลยสักนิด
แต่ก็อย่างว่าตอนนี้ยังอยู่ในโรงเรียน ให้ติดคำราชาศัพท์ไว้สักหน่อย
แต่ยังมีโทนน้ำเสียงที่ไพเราะอยู่ จะได้ไม่ถูกนินทาได้
"ยังไม่คิดเลย"
ตอบไปก็เปิดประตูขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับ
ส่วนคุณชายยุนโอก็กระโดดขึ้นไปนั่งด้านหลังซึ่งเป็นที่ประจำ จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าพวกเขาจะขับรถกันไม่เป็น
แต่เพราะอายุที่ยังไม่ถึง 18 ดี จึงยังไม่มีใบขับขี่ หากเป็นยามปิดเทอม
หรือตอนที่อยู่ในวัง
หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ระแวกโรงเรียนพวกเขาก็คงจะขับคนละคันไล่บี้กันเหมือนรถแข่งในสนาม
ด้วยความที่โรงเรียนแห่งนี้คือโรงเรียนวังโฮฮวา เพียงแค่การทำผิดกฎเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้ชื่อเสียงด่างพร้อย
ไปถึงรายงานที่หม่อมเจ้าชิตพลต้องเขียนรายงานไปตามจริงถึงพฤติกรรมอันไม่สมควรของพระคู่หมั้น
ซึ่งนั้นคงทำให้องค์ชายถูกงอนแน่นอน
ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็เถอะ
แค่ผิดกฎโรงเรียนยังไม่ควร (ไม่นับรวมกับพฤติกรรมที่เป็นช่องโหวงของกฎนะ)
การกระทำผิดกฎหมายหรือจะควร
หากขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่นอกจากจะโดนโทษทางกฎหมายแล้วยังโดนโทษจากวังด้วย
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสด็จแม่ก็กำชับนักหนาเชียวละ
อาจจะถูกประชาชนไม่พอใจ ลามไปจนถึงขั้นไม่ให้ความเคารพบ้าง ดังนั้น
การออกไปนอกรั้วโรงเรียนที่ใช้สิทธิ์อันไม่ชอบธรรมอาศัยช่องโหวงของกฎโรงเรียนออกไปแล้ว
ก็ต้องพึ่งรถและสารถีเพียงคนเดียวที่อายุเกินและสามารถขับขี่ได้
นั้นคืออาจารย์หม่อมราชวงศ์ยองโฮ คนที่ถูกเรียกให้มารอรับตั้งแต่บ่ายสามโมง
แต่กว่าองค์ชายจะเสด็จออกจากห้องรับรองของหม่อมเจ้าได้ก็ปาไป 4 โมงกว่า
"กว่าจะเข้าในเมือง
ซื้อของเสร็จก็คงกลับไม่ทันประตูโรงเรียนปิดแล้ว" คุณชายยุนโอบ่น
พอขับรถออกมาตามเส้นทางเดียวที่เป็นทางเข้าโรงเรียน
สองทางขนาบข้างไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่มากมาย แม้จะดูเปลี่ยว แต่ก็ปลอดภัย
เพราะเขตุแถวนี้จะมีเหล่าคนที่มองไม่เห็นทั้งหลายคอยดูแลคุ้มกันอยู่
"งั้นคืนนี้ก็นอนข้างนอกสิ"
"ไม่ได้"
คำพูดสั้นๆ
ที่ออกจากปากองค์ชายเรียกให้คนขับรถหันไปมองสักพักก็กลับไปมองทางเช่นเดิม
"อ้อ
จริงสิ ต้องกลับไปนอนกอดหม่อมเจ้านี่นา"
เพราะเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงเอ่ยแซวได้อย่างไม่กลัวหัวจะหลุดออกจากบ่า
คำพูดที่ทำให้สารถีจำเป็นเบ้ปากพยักหน้าออกมาอย่างเบื่อหน่าย
"อ๋อออ
คนมีความรัก"
"มีนานแล้วครับผม"
อย่างที่พูดไป เมื่อพ้นระยะของคนอื่น เมื่อไร้รัศมีหน้าต่างมีหูประตูมีตา
ทั้งสามก็จะใช้ศัพท์และคำพูดที่เป็นกันเองเท่านั้น
"แล้วนึกครึ้มใจอะไรจะออกไปซื้อของ"
"ซื้อให้เตนล์"
"เนื่อง?" ยองโฮเอ่ยถามซ้ำอีกรอบ ในเมื่อปกติเมื่อองค์ชายแทยงชวนไปข้างนอก
ไม่งอนหม่อมเจ้าที่ไม่ค่อยสนใจจนต้องไปหาเรื่องให้หม่อมดุ
ก็จะเป็นคุณชายยุนโอที่งอนคุณชายดงยองจนต้องหาเรื่องให้โดนดุ
ทั้งคู่นี่ไม่ต่างกันเลยจริงๆ นะ
แต่คราวนี้กลับชวนออกไปซื้อของ ทั้งๆ ที่เพียงแค่องค์ชายยกโทรศัพท์ใส่หูไม่เกิน 3
ชั่วโมงของทุกอย่างที่อยากได้ก็จะมากองอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ
"ไม่มี
อยากให้เฉยๆ"
"เพื่อ????" ทั้งสองคนที่เหลือแทบจะเหลือกตามองบน
ลำไยกับความองค์ชาย นี่ถ้าหม่อมบอกอยากได้ดาวสักดวงก็คงหามาให้ได้ทันที
"พวกคนรักไม่สมหวังจะมาเข้าใจอะไร"
คำพูดที่ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นองค์ชายคนสำคัญคงจะจอดรถกระทืบยัดใส่กระโปรงรถไปแล้ว
ใช่สิ
ทั้งคุณชายยองโฮที่ยังโสดไร้สถานะกับคุณชายยุนโอที่มีว่าที่แล้วแต่ยังไม่หมั้นเพราะอีกฝ่ายรั้งแต่จะปฏิเสธ
จะไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเท่ากับคนที่เต็มใจหมั้นกันทั้งคู่แถมยังดูท่าจะรักกันดีจนหน้าหมั่นไส้
"จะซื้ออะไรก็ไม่รู้
จะออกไปไหนก็ไม่รู้ แล้วยังเสือกบอกจะกลับให้ทันโรงเรียนปิด"
เป็นเวลาหลายชั่วโมงจนพระอาทิตย์ลับของฟ้าไปได้เกือบชั่วโมงแล้ว
มินิคูเปอร์จอดหน้าลานกลางห้างเพื่อให้คนของสำนักราชวังมารับรถไปจอดให้
RRRRrrrrrrrr
โทรศัพท์เครื่องบางที่ถูกวางไว้ตรงที่วางแก้วตรงกลางระหว่างเบาะนั่งทั้งสองแผดร้องเสียงดังจนผู้เป็นเจ้าของที่กำลังจะเปิดประตูลงไปต้องก้มมอง
พลางนึกในใจว่าเกือบลืมโทรศัพท์ไว้บนรถอีกแล้ว
"สวัสดีครับ"
เมื่อเห็นรายชื่อคนโทรเข้ามาเป็นบุคลากรจากโรงเรียนวังโฮฮวา
น้ำเสียงที่ตอบรับสายเข้าไปก็ถูกปรับให้ดูภูมิฐานมากขึ้น ยองโฮเปิดประตูรถ
แต่พอก้าวขาออกไปได้ข้างเดียวก็ต้องหยุดก่อนเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่ปลายสายพูด
(ตอนนี้ที่โรงเรียนไฟดับ
น่าจะมีปัญหากับที่จ่ายไฟขึ้นเขา ผมติดต่อไปทางนั้นแล้ว
แต่ก็อยากจะรบกวนอาจารย์ช่วยเป็นเรื่องไปดูทางนั้นหน่อยได้ไหมครับ)
"อ่า.."
ยองโฮเหลือบตามองสองคนที่ยืนล้วงกระเป๋าตีหน้าเซ็งๆ รอเขาอยู่
เมื่อคิดว่าธุระขององค์ชายมันช่างไร้สาระเสียเหลือเกินจึงตกปากรับคำ
แล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับเช่นเดิม
"ขึ้นรถครับ"
"ห้ะ???"
แทบจะพูดออกมาพร้อมกันทั้งคู่
ยองโฮโบกมือให้คนที่มารอรับรถให้ไปเสีย
"ไฟที่โรงเรียนดับ
ต้องไปดูที่จุดจ่ายไฟ"
"พี่ว่าไงนะ??" เมื่อไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น
แจฮยอนก็แทบถลาเข้าไปเกาะรถ
"ไฟที่โรงเรียนดับ
ต้องไปดูที่จุดจ่ายไฟ" ยองโฮพูดประโยคเดิมซ้ำอีกรอบ
คว้าเอาสายเบลเข้ามาใส่ให้เรียบร้อย
"พี่ไปส่งผมที่โรงเรียนก่อนดิ"
"ไปทำไม โรงเรียนไฟดับนำ"
"เออ
ไปส่งก่อน" แจฮยอนงอแงจะไปที่โรงเรียนเสียให้ได้
ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้เอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักทันทีที่ได้ยินเรื่องไฟดับ
"เตนล์ไม่เป็นไรแน่นะ"
(ไม่เป็นไรครับ)
"ตอนนี้อยู่ทีไ่หน
มืดมากหรือเปล่า"
(จุดเทียนแล้วครับ
กำลังจะเขียนรายงานต่อ)
"พอเลย
ไฟดับขนาดนี้ยังจะทำงานต่ออีก เดี๋ยวไปรับออกมานอนข้างนอกนะ"
(ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก)
"ไม่ได้หรอก
บนเขาทั้งมืด ทั้งน่ากลัว อาจจะร้อนนอนไม่สบายตัว แมลงอีก เตนล์จะนอนได้เหรอ"
(ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าประธานนักเรียนหนีไปสบายคนเดียวแบบนี้
แล้วนักเรียนคนอื่นๆ จะพึ่งใครล่ะ)
"โถ่เตนล์ ผ่อนลงบ้างก็ได้ จะยึดมั่นถือมั่นอะไรขนาดนั้น"
(ถ้าไม่ทำแบบนี้
ก็คุมแทยงไม่อยู่สิ) เพราะนักเรียนทั้งโรงเรียนยังคุมง่ายกว่าแทยงคนเดียวเสียอีก
ยองโฮเคลื่อนรถออกไปตามเส้นทางเดิม
เพื่อไปส่งยุนโอกลับโรงเรียน จริงๆ แล้วจุดจ่ายไปก็อยู่ที่ตีนเขาปากทางขึ้นไปยังโรงเรียนนั้นแหล่ะ
"แล้วคุณชายดงยองล่ะ??" เพราะคุณชายยุนโอไม่มีสิทธิพิเศษอะไรทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆ ได้ ตอนนี้แทบนั่งไม่ติดเบาะ
อยากรู้ว่าหม่อมราชวงศ์ดงยองว่าที่คู่หมั่นจะอยู่อย่างไรในเวลาแบบนี้
"ยุนโอถามถึงดงยองน่ะ"
(คุณชายดงยองเหรอ
แยกกันตั้งแต่ตอนเย็นแล้วตอนนี้ก็ไม่รู้สิ)
"เตนล์บอกไม่รู้" แทยงหันไปมองแจฮยอนที่ตอนนี้ถ้าบินได้ก็คงจะบินไปแล้ว
"พี่เร็วสุดได้แค่นี้เหรอ?"
"ให้เร็วกว่านี้ซื้อรถสปอร์ตให้สิ"
ทั้งยองโฮและแทยงไม่เข้าใจว่าทำไมยุนโอถึงดูร้อนรนขนาดนี้
เป็นห่วงอะไรนักหนา คนอย่างคุณชายดงยองนะหรือจะเป็นอะไร ท่าทางแข็งๆ ทำงานเก่ง
และดูไม่กลัวอะไรนะหรือจะเป็นอะไร
ป่านนี้คงกำลังเดินว่อนไปทั่วหอเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
ดีไม่ดีอาจจะไปทั่วโรงเรียนแล้วก็ได้
เพราะภาพลักษณ์ภายนอกที่ถูกแสดงออกมาเช่นนั้น
ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่ดูเก่งไปเสียทุกอย่างอย่างหม่อมราชวงศ์ดงยองจะกลัวความมืดมากแค่ไหน
เรื่องเดียวที่น้อยคนนักจะรู้
และหนึ่งในคนจำนวนน้อยนั้นก็มีหม่อมราชวงศ์ยุนโอด้วย
เส้นทางที่เปิดโล่งเพราะเป็นเวลากลางคืน
เมื่อไปถึงตีนเขาแล้วแทนที่จะจอดเพื่อดูจุดจ่ายไฟ
ยองโฮก็ขับขึ้นเขาเพื่อไปถึงยังหอพักหลังโรงเรียนด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่รถคันเล็กนี่จะไปได้
ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง เพียงแค่ล้อรถจอดสนิทกับพื้นปูนที่ถูกปูเอาไว้เป็นทางเดิน
คุณชายยุนโอก็แทบจะบินลงจากรถจนแทบเรียกไม่ทัน
"วิ่งไปในความมืดเช่นนั้นจะมองอะไรเห็น เอ้า เอาไป"
คุณชายยองโฮโยนไฟฉายอันเล็กที่พกติดรถเอาไว้ให้
คุณชายยุนโอรับมาถือไว้ตะโกนขอบคุณไปแล้วรีบวิ่งเข้าตึกคคนางค์เพื่อไปหาคนที่ใจกำลังเป็นกังวลและเป็นห่วงถึงที่สุด
------------------------------------------------------
หายไปนาน กลับมาก็สั้น 555555555
ตอนหน้าจบนะคะ
ใครจำเนื้อเรื่องไม่ได้ อนุญาตให้กลับไปอ่านใหม่ค่ะ !!!!!
#โรงเรียนวังโฮฮวา
@mellopizery
ความคิดเห็น