ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sf | os } NCT - #taeten #jaedo #johnil

    ลำดับตอนที่ #60 : { JaeDo } โรงเรียนวังโฮฮวา | หม่อมราชวงศ์ยุนโอ

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 60


    "คุณเตนล์" 

     

    ภายในห้องรับรองที่ตกแต่งเอาไว้ได้อย่างสวยงามและสะดวกสบาย ร่างของหม่อมเจ้านั่งหลังตรงตามวิสัยเปิดหน้าหนังสือเพื่อทำรายงาน ต่อให้มียศเป็นถึงหม่อมเจ้า หรือต่อให้เป็นถึงประธานนักเรียน ก็ยังต้องเรียนและต้องทำงานส่งอยู่ดี เมื่อถูกขานชื่อ หม่อมเจ้าชิตพลก็พักมือไว้นอกกระดาษป้องกันไม่ให้หมึกจากปากกาหยดลงไปให้เลอะจะดูไม่สวยงาม ใบหน้าที่สง่าแต่เรียบเฉยเงยขึ้นมองผู้ที่พึ่งเข้ามาใหม่อย่างถือวิสาสะเข้ามา 

     

    "องค์ชาย" 

     

    เพราะความสัมพันธ์ที่คืบหน้าจนองค์ชายรัชทายาทแทยงไม่เรียกหม่อมว่าหม่อมเหมือนตอนแรกๆ แล้ว กลับเรียกชื่อ แต่ยังต้องมีคำนำหน้าอยู่แต่ก็เฉพาะเวลาอยู่ข้างนอกเท่านั้นแหล่ะ เมื่ออยู่ด้วยกันก็เรียกแค่ชื่อเฉยๆ จนหม่อมเจ้าอยากจะหยิกให้เนื้อเขียว 

     

    "ถ้าจะเสด็จไปข้างนอกไม่ต้องมาบอกถึงที่ก็ได้" 

     

    "เราอยากเจอคุณเตนล์ก่อนจะออกไปนี่" 

     

    "จะเสด็จกลับกี่โมง" 

     

    "กลับมาทันนอนกอดคุณเตนล์แน่นอน" 

     

    "ไปเถอะครับ" หม่อมเจ้ายิ้มออกมาบางๆ แล้วส่ายหน้าช้าๆ องค์ชายแทยงเดินอ้อมโต๊ะทำงานมายืนข้างๆ โน้มตัวลงไปหอมแก้มนิ่มๆ แรงๆ สูดกลิ่นหอมดังฟอดใหญ่ การกระทำที่ไม่ได้เกรงใจคนที่มาด้วยเลยสักนิด หม่อมราชวงศ์ยุนโอยืนถอนหายใจรอบที่ร้อย เบื่อกับความรักที่พักนี้ชักจะเอาใหญ่ ทั้งหอม ทั้งจูบกันต่อหน้าเขานับไม่ถ้วน องค์ชายชักจะทำอะไรเกินไปแล้ว 

     

    กว่าจะออกจากตัวโรงเรียนได้ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ จนอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงแสงอาทิตย์คงลาลับขอบฟ้า เมื่อผืนนภาสีฟ้าสดใสกำลังค่อยๆ เฟดตัวสีเข้มขึ้นผสมกับแสงสีส้มเหลืองของพระอาทิตย์ที่ลู่ไปตามทิวไม้ใหญ่กระทบบนพื้น  

     

    "ไม่ใช่เรื่องของกระหม่อมแท้ๆ" คำพูดของชายร่างสูงอีกคนที่ยืนพิงรถมินิคูเปอร์เปิดประทุนสีฟ้าน้ำทะเล แว่นกรอบเรโทรเลนส์กระจกสีชาถูกขยับขึ้นให้เข้าทีกับแนวผมสีน้ำตาลที่ถูกเสยไปด้านหลัง ท่าทางสง่าราวกับได้รับการฝึกมาอย่างดีและดูภูมิฐานจากเครื่องแต่งกายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาขอบดำ กางเกงแสลคและรองเท้าหนังหัวแหลม ผิดกับอีกสองคนที่พึ่งมาถึงยังสวมเครื่องแบบนักเรียนอยู่ 

     

    "เพราะองค์ชายเอาแต่บอกลาหม่อมอยู่นั้นแหล่ะ ถึงได้ปล่อยให้พี่อาจารย์คุณชายต้องรอนาน" สรรพนามที่หม่อมราชวงศ์ยุนโอเรียกเสียยาวยืด แต่ก็เป็นยศศักดิ์ที่ถูกต้องของอีกคน เมื่อบุคคลคนนี้คือหม่อมราชซอยองโฮ ที่เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษ แม้จะอายุมากกว่าแต่ก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะเรียกว่าพี่นำหน้าก็ไม่แปลก  

     

    ทั้งสามคน.. จริงๆ ก็มีอีกคน แต่วันนี้เจ้าตัวไม่มาร่วมด้วย สนิทกันตั้งแต่เด็กอย่างที่บอก แม้อายุจะห่างกันกว่า 7 ปี แต่ก็เคารพกันเป็นพี่เป็นน้อง เมื่อคุณชายยองโฮเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่อเมริกาก็ได้รับจดหมายเชิญจากทางโรงเรียนเพื่อให้เข้ามาดำรงหน้าที่เป็นอาจารย์ทดแทนอาจารย์ที่เกษียณไปก่อนหน้า เมื่อไม่เห็นว่าเป็นเรื่องเดือดร้อนอะไร การได้เข้ามาเป็นอาจารย์ทันทีที่เรียนจบชีวิตก็ดูจะสงบและมั่นคงดี เป็นอาจารย์ไปวันๆ ไม่พอยังได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเด็กแสบพวกนี้ด้วย นี่คิดในใจนะ หากจะพูดออกมาจริงๆ ใครได้ยินเข้าคงจะบอกว่าคุณชายยองโฮมีกิริยาที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกับองค์ชายรัชทายาทอย่างองค์ชายแทยง 

     

    และเพราะเหตุนี้ เมื่อมีอาจารย์คนสนิทคอยหนุนหลังอยู่ ทำให้ยามที่องค์ชายต้องการเสด็จไปที่ไหนก็จะมีสารถีประจำตัวขับรถให้ตลอด หรือบางทีก็อาศัยรถจากบ้านของคุณชายดงยองเหมือนกัน แต่ในคราวนี้เห็นว่ามีเรื่องไม่สบายใจต่อกันระหว่างคุณชายดงยองและคุณชายยุนโอ องค์ชายจึงไม่อยากไปกวนน้ำต่อให้ขุ่น สู้มารบกวนพี่ชายคนสนิทนี่น่าจะสบายใจกว่า 

     

    "คิดไว้หรือยังว่าจะเสด็จไปที่ไหน" จริงๆ แล้วเมื่ออยู่กันในที่ลับตา พวกเขาแทบจะไม่ใช้คำราชาศัพท์ หรือคำพูดที่ไพเราะอะไรกันเลยด้วยซ้ำ คำหยาบมากมายที่พูดออกมาไม่เกรงใจยศศักดิ์หรืออายุเลยสักนิด แต่ก็อย่างว่าตอนนี้ยังอยู่ในโรงเรียน ให้ติดคำราชาศัพท์ไว้สักหน่อย แต่ยังมีโทนน้ำเสียงที่ไพเราะอยู่ จะได้ไม่ถูกนินทาได้ 

     

    "ยังไม่คิดเลย" ตอบไปก็เปิดประตูขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับ ส่วนคุณชายยุนโอก็กระโดดขึ้นไปนั่งด้านหลังซึ่งเป็นที่ประจำ จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าพวกเขาจะขับรถกันไม่เป็น แต่เพราะอายุที่ยังไม่ถึง 18 ดี จึงยังไม่มีใบขับขี่ หากเป็นยามปิดเทอม หรือตอนที่อยู่ในวัง หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ระแวกโรงเรียนพวกเขาก็คงจะขับคนละคันไล่บี้กันเหมือนรถแข่งในสนาม ด้วยความที่โรงเรียนแห่งนี้คือโรงเรียนวังโฮฮวา เพียงแค่การทำผิดกฎเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้ชื่อเสียงด่างพร้อย ไปถึงรายงานที่หม่อมเจ้าชิตพลต้องเขียนรายงานไปตามจริงถึงพฤติกรรมอันไม่สมควรของพระคู่หมั้น ซึ่งนั้นคงทำให้องค์ชายถูกงอนแน่นอน  

     

    ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็เถอะ แค่ผิดกฎโรงเรียนยังไม่ควร (ไม่นับรวมกับพฤติกรรมที่เป็นช่องโหวงของกฎนะ) การกระทำผิดกฎหมายหรือจะควร หากขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่นอกจากจะโดนโทษทางกฎหมายแล้วยังโดนโทษจากวังด้วย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสด็จแม่ก็กำชับนักหนาเชียวละ อาจจะถูกประชาชนไม่พอใจ ลามไปจนถึงขั้นไม่ให้ความเคารพบ้าง ดังนั้น การออกไปนอกรั้วโรงเรียนที่ใช้สิทธิ์อันไม่ชอบธรรมอาศัยช่องโหวงของกฎโรงเรียนออกไปแล้ว ก็ต้องพึ่งรถและสารถีเพียงคนเดียวที่อายุเกินและสามารถขับขี่ได้ นั้นคืออาจารย์หม่อมราชวงศ์ยองโฮ คนที่ถูกเรียกให้มารอรับตั้งแต่บ่ายสามโมง แต่กว่าองค์ชายจะเสด็จออกจากห้องรับรองของหม่อมเจ้าได้ก็ปาไป 4 โมงกว่า 

     

    "กว่าจะเข้าในเมือง ซื้อของเสร็จก็คงกลับไม่ทันประตูโรงเรียนปิดแล้ว" คุณชายยุนโอบ่น พอขับรถออกมาตามเส้นทางเดียวที่เป็นทางเข้าโรงเรียน สองทางขนาบข้างไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่มากมาย แม้จะดูเปลี่ยว แต่ก็ปลอดภัย เพราะเขตุแถวนี้จะมีเหล่าคนที่มองไม่เห็นทั้งหลายคอยดูแลคุ้มกันอยู่  

     

    "งั้นคืนนี้ก็นอนข้างนอกสิ"  

     

    "ไม่ได้" คำพูดสั้นๆ ที่ออกจากปากองค์ชายเรียกให้คนขับรถหันไปมองสักพักก็กลับไปมองทางเช่นเดิม 

     

    "อ้อ จริงสิ ต้องกลับไปนอนกอดหม่อมเจ้านี่นา" เพราะเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงเอ่ยแซวได้อย่างไม่กลัวหัวจะหลุดออกจากบ่า คำพูดที่ทำให้สารถีจำเป็นเบ้ปากพยักหน้าออกมาอย่างเบื่อหน่าย 

     

    "อ๋อออ คนมีความรัก" 

     

    "มีนานแล้วครับผม" อย่างที่พูดไป เมื่อพ้นระยะของคนอื่น เมื่อไร้รัศมีหน้าต่างมีหูประตูมีตา ทั้งสามก็จะใช้ศัพท์และคำพูดที่เป็นกันเองเท่านั้น 

     

    "แล้วนึกครึ้มใจอะไรจะออกไปซื้อของ" 

     

    "ซื้อให้เตนล์"  

     

    "เนื่อง?" ยองโฮเอ่ยถามซ้ำอีกรอบ ในเมื่อปกติเมื่อองค์ชายแทยงชวนไปข้างนอก ไม่งอนหม่อมเจ้าที่ไม่ค่อยสนใจจนต้องไปหาเรื่องให้หม่อมดุ ก็จะเป็นคุณชายยุนโอที่งอนคุณชายดงยองจนต้องหาเรื่องให้โดนดุ ทั้งคู่นี่ไม่ต่างกันเลยจริงๆ นะ แต่คราวนี้กลับชวนออกไปซื้อของ ทั้งๆ ที่เพียงแค่องค์ชายยกโทรศัพท์ใส่หูไม่เกิน 3 ชั่วโมงของทุกอย่างที่อยากได้ก็จะมากองอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ 

     

    "ไม่มี อยากให้เฉยๆ" 

     

    "เพื่อ????" ทั้งสองคนที่เหลือแทบจะเหลือกตามองบน ลำไยกับความองค์ชาย นี่ถ้าหม่อมบอกอยากได้ดาวสักดวงก็คงหามาให้ได้ทันที  

     

    "พวกคนรักไม่สมหวังจะมาเข้าใจอะไร" คำพูดที่ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นองค์ชายคนสำคัญคงจะจอดรถกระทืบยัดใส่กระโปรงรถไปแล้ว ใช่สิ ทั้งคุณชายยองโฮที่ยังโสดไร้สถานะกับคุณชายยุนโอที่มีว่าที่แล้วแต่ยังไม่หมั้นเพราะอีกฝ่ายรั้งแต่จะปฏิเสธ จะไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเท่ากับคนที่เต็มใจหมั้นกันทั้งคู่แถมยังดูท่าจะรักกันดีจนหน้าหมั่นไส้ 

     

    "จะซื้ออะไรก็ไม่รู้ จะออกไปไหนก็ไม่รู้ แล้วยังเสือกบอกจะกลับให้ทันโรงเรียนปิด" 

     

    เป็นเวลาหลายชั่วโมงจนพระอาทิตย์ลับของฟ้าไปได้เกือบชั่วโมงแล้ว มินิคูเปอร์จอดหน้าลานกลางห้างเพื่อให้คนของสำนักราชวังมารับรถไปจอดให้  

     

    RRRRrrrrrrrr 

     

    โทรศัพท์เครื่องบางที่ถูกวางไว้ตรงที่วางแก้วตรงกลางระหว่างเบาะนั่งทั้งสองแผดร้องเสียงดังจนผู้เป็นเจ้าของที่กำลังจะเปิดประตูลงไปต้องก้มมอง พลางนึกในใจว่าเกือบลืมโทรศัพท์ไว้บนรถอีกแล้ว 

     

    "สวัสดีครับ"  

     

    เมื่อเห็นรายชื่อคนโทรเข้ามาเป็นบุคลากรจากโรงเรียนวังโฮฮวา น้ำเสียงที่ตอบรับสายเข้าไปก็ถูกปรับให้ดูภูมิฐานมากขึ้น ยองโฮเปิดประตูรถ แต่พอก้าวขาออกไปได้ข้างเดียวก็ต้องหยุดก่อนเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่ปลายสายพูด 

     

    (ตอนนี้ที่โรงเรียนไฟดับ น่าจะมีปัญหากับที่จ่ายไฟขึ้นเขา ผมติดต่อไปทางนั้นแล้ว แต่ก็อยากจะรบกวนอาจารย์ช่วยเป็นเรื่องไปดูทางนั้นหน่อยได้ไหมครับ) 

     

    "อ่า.." ยองโฮเหลือบตามองสองคนที่ยืนล้วงกระเป๋าตีหน้าเซ็งๆ รอเขาอยู่ เมื่อคิดว่าธุระขององค์ชายมันช่างไร้สาระเสียเหลือเกินจึงตกปากรับคำ แล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับเช่นเดิม 

     

    "ขึ้นรถครับ" 

     

    "ห้ะ???" แทบจะพูดออกมาพร้อมกันทั้งคู่ ยองโฮโบกมือให้คนที่มารอรับรถให้ไปเสีย  

     

    "ไฟที่โรงเรียนดับ ต้องไปดูที่จุดจ่ายไฟ" 

     

    "พี่ว่าไงนะ??" เมื่อไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น แจฮยอนก็แทบถลาเข้าไปเกาะรถ 

     

    "ไฟที่โรงเรียนดับ ต้องไปดูที่จุดจ่ายไฟ" ยองโฮพูดประโยคเดิมซ้ำอีกรอบ คว้าเอาสายเบลเข้ามาใส่ให้เรียบร้อย  

     

    "พี่ไปส่งผมที่โรงเรียนก่อนดิ" 

     

    "ไปทำไม โรงเรียนไฟดับนำ" 

     

    "เออ ไปส่งก่อน" แจฮยอนงอแงจะไปที่โรงเรียนเสียให้ได้ ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้เอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักทันทีที่ได้ยินเรื่องไฟดับ 

     

    "เตนล์ไม่เป็นไรแน่นะ" 

     

    (ไม่เป็นไรครับ) 

     

    "ตอนนี้อยู่ทีไ่หน มืดมากหรือเปล่า" 

     

    (จุดเทียนแล้วครับ กำลังจะเขียนรายงานต่อ) 

     

    "พอเลย ไฟดับขนาดนี้ยังจะทำงานต่ออีก เดี๋ยวไปรับออกมานอนข้างนอกนะ" 

     

    (ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก) 

     

    "ไม่ได้หรอก บนเขาทั้งมืด ทั้งน่ากลัว อาจจะร้อนนอนไม่สบายตัว แมลงอีก เตนล์จะนอนได้เหรอ" 

     

    (ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าประธานนักเรียนหนีไปสบายคนเดียวแบบนี้ แล้วนักเรียนคนอื่นๆ จะพึ่งใครล่ะ) 

     

    "โถ่เตนล์ ผ่อนลงบ้างก็ได้ จะยึดมั่นถือมั่นอะไรขนาดนั้น" 

     

    (ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็คุมแทยงไม่อยู่สิ) เพราะนักเรียนทั้งโรงเรียนยังคุมง่ายกว่าแทยงคนเดียวเสียอีก 

     

    ยองโฮเคลื่อนรถออกไปตามเส้นทางเดิม เพื่อไปส่งยุนโอกลับโรงเรียน จริงๆ แล้วจุดจ่ายไปก็อยู่ที่ตีนเขาปากทางขึ้นไปยังโรงเรียนนั้นแหล่ะ 

     

    "แล้วคุณชายดงยองล่ะ??" เพราะคุณชายยุนโอไม่มีสิทธิพิเศษอะไรทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆ ได้ ตอนนี้แทบนั่งไม่ติดเบาะ อยากรู้ว่าหม่อมราชวงศ์ดงยองว่าที่คู่หมั่นจะอยู่อย่างไรในเวลาแบบนี้ 

     

    "ยุนโอถามถึงดงยองน่ะ" 

     

    (คุณชายดงยองเหรอ แยกกันตั้งแต่ตอนเย็นแล้วตอนนี้ก็ไม่รู้สิ) 

     

    "เตนล์บอกไม่รู้" แทยงหันไปมองแจฮยอนที่ตอนนี้ถ้าบินได้ก็คงจะบินไปแล้ว  

     

    "พี่เร็วสุดได้แค่นี้เหรอ?" 

     

    "ให้เร็วกว่านี้ซื้อรถสปอร์ตให้สิ" 

     

    ทั้งยองโฮและแทยงไม่เข้าใจว่าทำไมยุนโอถึงดูร้อนรนขนาดนี้ เป็นห่วงอะไรนักหนา คนอย่างคุณชายดงยองนะหรือจะเป็นอะไร ท่าทางแข็งๆ ทำงานเก่ง และดูไม่กลัวอะไรนะหรือจะเป็นอะไร ป่านนี้คงกำลังเดินว่อนไปทั่วหอเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ดีไม่ดีอาจจะไปทั่วโรงเรียนแล้วก็ได้ 

     

    เพราะภาพลักษณ์ภายนอกที่ถูกแสดงออกมาเช่นนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่ดูเก่งไปเสียทุกอย่างอย่างหม่อมราชวงศ์ดงยองจะกลัวความมืดมากแค่ไหน  

     

    เรื่องเดียวที่น้อยคนนักจะรู้ และหนึ่งในคนจำนวนน้อยนั้นก็มีหม่อมราชวงศ์ยุนโอด้วย 

     

    เส้นทางที่เปิดโล่งเพราะเป็นเวลากลางคืน เมื่อไปถึงตีนเขาแล้วแทนที่จะจอดเพื่อดูจุดจ่ายไฟ ยองโฮก็ขับขึ้นเขาเพื่อไปถึงยังหอพักหลังโรงเรียนด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่รถคันเล็กนี่จะไปได้ ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง เพียงแค่ล้อรถจอดสนิทกับพื้นปูนที่ถูกปูเอาไว้เป็นทางเดิน คุณชายยุนโอก็แทบจะบินลงจากรถจนแทบเรียกไม่ทัน 

     

    "วิ่งไปในความมืดเช่นนั้นจะมองอะไรเห็น เอ้า เอาไป" คุณชายยองโฮโยนไฟฉายอันเล็กที่พกติดรถเอาไว้ให้ คุณชายยุนโอรับมาถือไว้ตะโกนขอบคุณไปแล้วรีบวิ่งเข้าตึกคคนางค์เพื่อไปหาคนที่ใจกำลังเป็นกังวลและเป็นห่วงถึงที่สุด

     







    ------------------------------------------------------

    หายไปนาน กลับมาก็สั้น 555555555

    ตอนหน้าจบนะคะ 

    ใครจำเนื้อเรื่องไม่ได้ อนุญาตให้กลับไปอ่านใหม่ค่ะ !!!!!


    #โรงเรียนวังโฮฮวา

    @mellopizery

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×