คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] If u play (HanSoo) - part 1
If u play
Pairing : Luhan x D.O. ft. Kai , Baekhyun
Writer : Gornhai
Rating : NC-17
140608
Part 1
แสงไฟสลัวสาดรับกับแสงสีในยามค่ำคืน กลิ่นและควันจากปลายมวนบุหรี่หลากตระกูลลอยคลุ้งเตะจมูกเหล่านักท่องราตรีที่ชื่นชอบมันยิ่งนัก น้ำสีสวยชวนลิ้มลองหากเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์กำลังถูกดื่มลงสู่ร่างราวกับน้ำเปล่าที่ดื่มกันอยู่ทุกวี่วัน
ดวงตากลมโตปราดมองรอบกายอย่างไม่ได้พึงพอใจด้วยนัก หากไม่จำเป็นเขาคงไม่มาอยู่ในที่แบบนี้คนเดียวหรอก แต่ที่ต้องมานั่งรอเก้อก็เพราะไอ้เพื่อนตัวดีที่นัดมาเจอกันดันติดต่อไม่ได้ซะนี่ หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่เพิ่งจบมาทำงานได้ไม่ถึงปีถึงกับต้องกระชับเสื้อสูทเรียบร้อยให้เข้าที่กว่าเดิมเพราะสายตาพวกที่ชอบมองมาแปลกๆ ใบหน้าเรียบเฉยที่เก็บความประหม่าเอาไว้ทำทีไม่สนใจกับสิ่งรอบข้างเพราะเขากำลังจะจากโต๊ะตัวเล็กนี่ไปแล้ว
“คอยดูนะแพคฮยอน กล้าทิ้งให้ฉันมานั่งรอเป็นชั่วโมงแบบนี้ .... ”
โดคยองซูคิดไม่ทันจะจบ และยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ
“อื้ม .......”
เสียงครางของหญิงสาวในชุดวาบหวิวดังขึ้นก่อนที่ร่างของหล่อนจะถูกชายหนุ่มที่กำลังกอดกันแน่นดันลงมาให้นอนราบไปบนโต๊ะของเขา ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าทำอะไรอย่างนี้ สองคนที่กดจูบกันอย่างเมามันไม่ได้สนใจเจ้าของโต๊ะเลยว่ากำลังทำหน้าไม่ถูกแค่ไหน เสียงฮือฮาจากคนรอบข้างดังขึ้น หลายคนกำลังยิ้มอย่างพอใจและส่งเสียงเชียร์กับการแสดงออกที่เขาคิดว่ามันช่างน่าไม่อายเหลือเกิน
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มในเชิ้ตสีเข้มที่เนกไทหลุดลุ่ยตวัดตาขึ้นมองเจ้าของโต๊ะ เขาหลิ่วตาให้ทั้งที่ยังป้อนจูบกับคนใต้ร่าง คยองซูกำมือแน่นเพราะรู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าสุดจะทน
.. ไม่เอาน่ะ กลับดีกว่า
คยองซูข่มใจคว้าเอากระเป๋าสตางค์ที่วางบนโต๊ะมาถือไว้ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อคนๆนั้นยังคงยักคิ้วให้เขาอีกรอบ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องไม่พอใจและไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้ แต่คงไม่มีเวลาหาคำตอบหรอกในเมื่อรู้ตัวอีกทีแก้วเครื่องดื่มของตัวเองที่ยังเหลืออยู่ค่อนแก้วก็ถูกเขายกสาดไปยังคนทั้งสองแล้ว บทเพลงจังหวะสนุกกำลังเล่นไปอย่างเดิม แต่ทุกสายตากลับจ้องค้างกับเหตุการณ์ที่ดูท่าจะไม่สนุกเสียแล้ว คยองซูไม่ได้คิดจะแคร์นอกจากยิ้มสะใจแล้วกระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ
“คงจะสดชื่นขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ถอยออกมาดูผลงานตัวเอง หญิงสาวดันตัวเองขึ้นพร้อมกับที่ชายหนุ่มขยับออกมาด้วยเพราะเปียกไปหมด หล่อนกรีดร้องอย่างตกใจที่ใครบังอาจมาทำเรื่องแบบนี้
“อะไรกันเนี่ย !! ลู่หานคะ ใครทำแบบนี้คะเนี่ย” คนถูกถามก็เห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้เขามีสิ่งอื่นให้สนใจกว่านี่สิ ใบหน้าได้รูปกับผมปัดเป็นทรงเปียกปอนไปหมด เขาจ้องคนที่ยืนยิ้มเยาะเย้ยมาให้ เพลย์บอยหนุ่มได้แต่ยืนหน้าตึงนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำขนาดนี้ เขามองคนตัวเล็กเดินจากไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ดูท่าว่าวันนี้พ่อหนุ่มเพลย์บอยเลื่องชื่อจะถูกหยามเพียงเพราะผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งเข้าเสียแล้ว
“สมน้ำหน้าจริงไอ้คนไร้มารยาท” พูดกับตัวเองขณะเปิดประตูรถออกอย่างไม่รีบร้อน คยองซูสตาร์ทรถขึ้นและก็ต้องแปลกใจที่จู่ๆมันก็ดับลง เขาแอบสงสัยว่าวันนี้ตัวเองคงทำงานมากไปจนเบลอ มันคงมากขนาดที่ทำให้ลืมดูว่าน้ำมันรถมันเกลี้ยงได้ขนาดนี้แล้ว
“โอ๊ย อย่าบอกนะ..” นี่มันอะไรกัน รู้ไหมว่าเขาง่วงจะแย่อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดของ แต่โชคยังเข้าข้างเขาอยู่เมื่อเพื่อนตัวดีที่ทิ้งเขาเอาไว้นั้นโทรกลับมาเสียแล้ว คยองซูรีบรับสายและไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้แก้ตัวอะไรเลย
“อืมๆ รู้แล้ว ไม่ได้โกรธหรอก .. แต่หมดอารมณ์แล้ว นายมารับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ เร็วๆล่ะ” พูดจบก็กดตัดสายไป เขาถอนหายใจกับตัวเองที่จะว่าไปมันก็แค่เรื่องเล็กๆเท่านั้น
ขณะที่คยองซูยืนมุดเข้าไปเอาของในรถออกมานั้น พอถอยหลังจะออกมาก็ปรากฎว่ามีใครสักคนกำลังขวางเขาเอาไว้ ร่างสูงที่ยืนบังอยู่ทางด้านหลังเอื้อมมือยึดกับขอบรถเอาไว้ไม่ให้เจ้าของมันขยับหนี ใบหน้าตกใจรีบหันกลับแต่ร่างกายที่แนบกันอยู่ทำให้แก้มชนเข้ากับสันจมูกโด่งเสียก่อน คยองซูตกใจกับเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้ตั้งตัว
“คุณ ..” คยองซูตกใจก่อนจะผลักคนตรงหน้าออกไปให้พ้น
“หึ กลัวเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเจ้าเล่ห์มา คยองซูพอจะรู้ว่ามันเรื่องอะไรจึงเชิดหน้าเก็บซ่อนความหวั่นใจเอาไว้
“มากไปรึเปล่า คุณเป็นใครผมไม่รู้จัก จะกลัวทำไม”
“อ้าวเหรอ น่าแปลกนะ ที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักฉันหรอก”
“โทษนะ ผมก็แค่เคยได้ยิน ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรพิเศษ” คยองซูบอก เห็นแบบนั้นลู่หานจึงทำหน้าไม่ชอบใจขึ้นมา ชายหนุ่มกำลังอดกลั้นกับเรื่องเมื่อครู่อยู่แท้ๆ แต่เขาคิดว่ามันคงน้อยไปในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะรู้สึกอะไรราวกับคนที่ไม่ได้ทำ
“เอาล่ะ งั้นจะไม่อ้อมค้อมนะ ฉันว่านายหน้าตาก็ดี ไม่นึกว่าจะมารยาททรามแบบเมื่อกี้เลยจริงๆ” เสียงทุ้มพูดออกไปตรงๆอย่างไม่ต้องคิดอีกแล้ว
“ว่าไงนะ!”
“ว่าอย่างที่ได้ยินนั่นแหละ มารยาทน่ะ รู้จักมั้ยคำว่ามารยาท สาดน้ำมาได้ยังไงโดยไม่นึกถึงคนอื่น” ลู่หานพูดไม่ทันจบ คนที่ยืนอ้าปากค้างเพราะถูกด่าว่ามารยาททรามก็รีบแทรกขึ้นมาก่อนเพราะทนไม่ไหว
“ใครกันแน่ที่มารยาททราม พวกคุณต่างหากล่ะที่ไม่รู้จักคำว่ามารยาท มีอย่างที่ไหนถึงต้องมาโชว์ความรักอันดูดดื่มในที่แบบนี้ แล้วที่ล้มลงมาที่โต๊ะของผมเนี่ย รู้เอาไว้ซะว่ามันทุเรศสิ้นดี อ้อ .. อีกอย่างนะ แค่นั้นมันยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าผมมีเมตตานะ ป่านนี้คุณคงได้ไปเย็บแผลที่หัวเพราะว่าผมตกใจกลัวจึงยกเก้าอี้ทุบเพื่อป้องกันตัวไปแล้ว”
“โฮ่ ! เก่งนี่ นอกจากจะปฏิบัติเก่งแล้ว ยังปากเก่งสมกับที่ทำเลยนะ” ลู่หานขยับเข้าหาคยองซูอีกครั้งจนคนตรงหน้ายืนติดอยู่กับรถ
“จะทำอะไรน่ะ” คยองซูมองอย่างตกใจ หารู้ไม่ว่าแสงไฟเพียงน้อยนิดยามเมื่อจับกับใบหน้าของตนเข้านั้นจะทำให้น่ามองจนคนตรงหน้าอดจะรู้สึกไม่ได้ ลู่หานมองลงมาหยุดที่ริมฝีปากได้รูปก่อนจะเงยขึ้นสบตาคู่นั้น
“ก็แค่อยากลองพิสูจน์ดูว่าปากนายนอกจากจะด่าเก่งแล้ว เรื่องอื่นจะเก่งด้วยรึเปล่า” ด้วยความที่ลองมาแล้วไม่เลือกหน้า คนตรงหน้าที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาไม่อยากจะทำ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนนั้นใกล้ตัวคยองซูเข้ามาเรื่อยๆ แก้มเนียนถูกปลายจมูกโด่งเฉียดไปแค่นิดเดียว ดวงตากลมโตตวัดมองใบหน้าหล่อเหลา คนมองรู้สึกร้อนขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก อีกไม่กี่วินาทีถ้าเขาไม่รีบครอบครองริมฝีปากนี้มีหวังต้องขาดใจแน่ๆ ไม่รอช้าชายหนุ่มรีบก้มลงหวังจะจูบให้สาแก่ใจ แต่แล้ว ..
“โอ๊ย!!!” ลู่หานร้องเสียงหลง ร่างสูงงอตัวลงพลางกุมมืออยู่ที่เป้าของตัวเองอย่างทรมาน เขาเงยหน้ามองคนต้นเหตุอย่างไม่ต้องสงสัย คยองซูกอดอกยืนยิ้มอย่างเหนือกว่า
“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่อยากจะเล่นกับคนอย่างคุณ”
“.. หนอย ทำมาได้นะ” ลู่หานเจ็บใจที่ถูกคนอายุน้อยกว่ายืนลอยหน้าลอยตาพูดใส่เขาหลังจากที่ทำร้ายกันได้ง่ายๆแบบนี้ เขารวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วหวังจะเอาคืน แต่คยองซูก็แค่ก้าวถอยมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“อีกอย่าง ไม่ใช่แค่ปากหรอกนะที่เก่ง ขาของผมมันทำงานเร็วซะด้วยสิ ถ้าอยากลองก็เข้ามาเลย” คยองซูเผลอได้ใจกับท่าทางไม่มีกำลังแย่ของลู่หาน แต่เขาคิดผิด เพราะวินาทีเดียวเท่านั้นที่ทั้งร่างของตัวเองถูกคนตรงหน้าพุ่งเข้าหาอย่างง่ายดาย ลู่หานใช้กำลังที่มากกว่าดึงให้มาประชิดตัวจนแทบจะแยกกันไม่ออก คยองซูถูกดันให้หันหลังแล้วล็อคแขนเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีได้
“โอ๊ย..”
“อะไรกัน มีฤทธิ์ได้แค่นี้เหรอ ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ให้ท่า” ลู่หานจงใจพูดแหย่ให้เจ็บใจเล่น และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเสียด้วยเมื่อคนถูกกล่าวหากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ไอ้บ้า ปล่อยนะ ใครให้ท่าคุณ ทุเรศ” ร่างเล็กดิ้นไปมาแต่ไม่มีผลอะไรเลย ลู่หานรู้สึกชอบใจที่ได้แกล้งเพราะรู้ดีว่าทำให้เจ็บใจแบบนี้คงได้ผลดีกว่าต่อว่าตรงๆ เพราะดูท่าเจ้าตัวคงไม่ยอมรับง่ายๆ
“เมื่อกี้นี้ฉันยังไม่ได้พิสูจน์เลย ขอลองใหม่แล้วกันนะ” เขาก้มลงหมายจะสานต่อจากเมื่อครู่ และก่อนที่จมูกของเขาจะจรดลงที่แก้มนั้น เสียงรถที่แล่นเข้ามาหน้าลานจอดทำพวกเขาหันไปมอง
“แพคฮยอน!!”
คยองซูร้องเรียกชื่อเพื่อนตัวเอง ขณะที่ลู่หานเผลอเท้าเล็กๆนั่นก็เหยียบลงมาที่เท้าของเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!!” ชายหนุ่มร้องออกมาเป็นครั้งที่สองแล้ว ร่างเล็กที่เป็นอิสระรีบดันตัวเองออก
“สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่นนะ มาเล่นกับโดคยองซู .. คืนนี้ฝันดีนะครับคุณรูปหล่อไร้น้ำยา บ๊ายบาย” ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปยังรถของเพื่อนรักทันที ทิ้งเพลย์บอยไร้น้ำยาที่ว่าไว้เพียงลำพัง
คยองซูขึ้นรถไม่ทันไรคนขับก็ยิงคำถามมาให้อย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะคยองซู” แพคฮยอนถามอย่างสงสัยกับท่าทางของเพื่อนรัก คนฟังยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจนัก
“ลู่หานใช่มั้ย เค้าฮอตจะตายไป ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้านะนั่น ระวังไว้ล่ะ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันกันเล่า พูดแล้วก็เจ็บใจชะมัด”
“นั่นๆๆ .. ให้มันแน่เถอะนะ เมื่อกี้ฉันเห็นหรอกน่ะ”
“เฮ้ย .. พูดอะไรน่ะ นายเห็นอะไร”
“ก็นัวเนียอะไรกันอยู่น่ะ ถ้าฉันไม่มาพอดีมีหวังนายเสร็จเค้าไปแล้ว” คยองซูทำท่าจะเถียงแต่แพคฮยอนก็เอาแต่หัวเราะเขาจึงหันมองไปนอกรถพลางทำหน้าไม่สบอารมณ์
“ไร้สาระ ..”
แพคฮยอนแอบมองเพื่อนตัวเองขณะบังคับพวงมาลัยไปตามถนน ใครจะไม่คิดล่ะก็ในเมื่อฝ่ายนั้นเป็นถึงทายาทกิจการส่งออกอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีแถมหน้าตาหล่อเหลาเอาการที่มีสองเชื้อชาติอย่างจีนและเกาหลีรวมอยู่ก็ยิ่งทำให้โดดเด่นจนเป็นที่หมายปองของสาวๆทุกคน และไอ้จุดที่ขึ้นชื่อว่าแบดในเรื่องพรรค์นั้นจนเข้าขั้นเพลย์บอยก็กลับเป็นการเพิ่มเสน่ห์ของเจ้าตัวเข้าไปอีก ไม่แปลกเลยที่คนๆนี้จะเป็นที่รู้จักของใครต่อใครมากมาย เพื่อนของเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังและบางเวลาออกจะเป็นคนซีเรียสจนไม่สนใจใครด้วยซ้ำ คงไม่ได้จัดอยู่ในประเภทที่เข้าตาทางฝ่ายนั้นหรอก แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานก็เคยมีข่าวกับผู้ชายด้วยกันมาไม่น้อย และเหตุการณ์ที่เขาแอบเห็นมาเมื่อครู่ก็ทำให้อดเป็นห่วงคยองซูไม่ได้
ทางด้านคนที่เพิ่งถูกหยามมาหมาดๆก็ได้แต่ยืนทื่ออย่างคนไม่มีฟอร์ม ลู่หานมองตามท้ายรถคันนั้นจนลับตาทั้งที่ทำอะไรไม่ได้ ความเจ็บใจก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างคงอกแตกตายแน่ๆ ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อมือของคนทางด้านหลังก็เอื้อมมาจับบ่าไว้เสียก่อน
“เอาน่ามึง ..” ร่างสูงหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่โผล่มาเร็วเกินจะทันใจ
“อะไรจงอิน มึงแอบดูเหรอ”
“เปล่าเว้ย ที่สาธารณะ บังเอิญมันเห็น”
“เออ ไม่ต้องมาซ้ำเติม เกิดมาไม่เคยถูกใครปฏิเสธไมตรียังไม่เท่าไหร่ แต่ถูกหยามแบบนี้ยังไม่เคยเลยว่ะ”
“แหม .. ถูกคุณโดคยองซูเมินเข้าหน่อยล่ะเสียอารมณ์เชียวนะ”
“ว่าไงนะ” ลู่หานถามเสียงเบาพลางทำหน้าสงสัย จงอินยิ้มมุมปากอย่างคาดถูกกับเพื่อนคนนี้
“ว่าไงอะไร”
“ก็คุณโดคยองซูอะไรนั่นน่ะ นายรู้จัก .. ”
“เออดิ แต่ก็อย่างว่าแหละ นายคงไม่รู้จักหรอก วันๆเคยสนใจอย่างอื่นบ้างมั้ยวะนอกจากงานกับผู้หญิง”
“แล้วยังไง ฉันก็แค่สงสัยละวะ”
“บอกให้ก็ได้ คนๆนั้นน่ะ โดคยองซู หลานชายสุดรักของประธานโด บริษัทเกี่ยวกับพวกอาหารแปรรูปน่ะ เพิ่งโตมาได้ไม่กี่ปี นายไม่รู้จักก็ไม่แปลกหรอก” ใบหน้าไม่แสดงอาการใดๆนอกจากหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นอย่างใช้ความคิด
“เฮ้ๆ คิดอะไรอยู่วะ”
“หึ .. ก็แค่คิดอะไรสนุกๆน่ะ”
จงอินขมวดคิ้วพลางส่ายหน้ากับรอยยิ้มของเพื่อนรัก เวลาที่บอกว่ากำลังมีเรื่องสนุกทีไร คนอื่นก็มักจะไม่สนุกด้วยเลย
.. หึ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับคนอย่างฉัน
◆◆◆◆◆◆
ถ้าเช้านี้อากาศสดใส จิตใจของโคคยองซูคงแจ่มใสกว่าเป็นไหนๆ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนทีไรเขาก็อดจะสะใจไม่ได้ทุกที ผู้ชายอย่างนั้นที่ดูหลงตัวเองและมารยาททราม ชีวิตดูไม่มีอะไรนอกจากไร้สาระไปวันๆ มาเจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว เขาล่ะเกลียดนักคนไม่เอาไหนแบบนั้น ถึงแพคฮยอนจะเคยกล่าวถึงอีกฝ่ายว่าเป็นใครมาจากไหนแต่จากที่ดูแล้วมันตรงข้ามเห็นๆ
.. ไร้สาระจริงๆ
ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวเท้าไปตามทางเดินเพื่อตรงไปยังห้องของท่านประธาน เมื่อคืนนี้มีข้อความบอกให้มาพบแต่เช้า สงสัยคงจะไม่พ้นเรื่องงานอย่างทุกที .. คยองซูไม่ได้นึกเอะใจอะไรมากนัก ใบหน้าจริงจังขณะเดินตัวตรงไปตามทางนั้นกลับเป็นที่จดจ้องของพนักงานหลายคนที่มักจะแอบมองตามโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้
ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย แปลกอยู่อย่างเดียวที่โต๊ะของแม่เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานจะไร้ร่างอันบอบบางของหล่อนที่ปกติแล้วคยองซูจะเห็นว่าคุณเธอจะเอาแต่นั่งเมคอัพอยู่บ่อยๆจนน่าไล่ไปอยู่แผนกอื่นให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาคงไม่ใจร้ายไปฟ้องท่านประธานกับเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้หรอก ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหน้ากันมากแค่ไหนก็ตาม เขาไม่สนใจจะคิดเรื่องนี้ให้เปลืองสมอง สองมือพร้อมกับประเป๋าทำงานผลักประตูบานใหญ่เข้าไปอย่างเคยชินเหมือนทุกครั้ง
“คุณอา ...” คยองซูเงียบค้างไปเมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีใครเลย ตรงโต๊ะทำงานที่ปกติแล้วคุณอาของเขาจะนั่งอยู่ตอนนี้นั้นมันกลับว่างเปล่า
“ไม่อยู่หรอกเหรอ” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็หมุนตัวกลับเพื่อจะไปนั่งรอที่ชุดรับแขกตรงมุมห้อง แต่แล้วไม่ทันจะได้ก้าวเท้าต่อไปอีก สิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาพูดอะไรแทบไม่ออก ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ โซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงกลางข้างโต๊ะตัวเตี้ยกำลังมีร่างของชายคนหนึ่งนอนเอนอยู่ตามลงมาด้วยร่างของหญิงสาวในชุดกระโปรงสั้นรัดรูปที่ไม่ต้องบอกคยองซูก็รู้ว่าใคร เขาไม่เห็นหน้าฝ่ายชายเพราะผมยาวๆของเจ้าหล่อนนั้นได้บดบังไปจนหมดระหว่างที่ริมฝีปากคงกำลังบดเบียดกันอยู่อย่างไม่อาย แต่ที่แน่ๆ เขารู้ว่านั่นไม่ใช่ท่านประธานอย่างแน่นอน
อึดใจใหญ่ที่คยองซูทนไม่ไหว เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาทนไม่ได้แล้วจริงๆ ให้ตายสิ !!
“นี่ !!!!!!!!!!!!!!”
เสียงร้องดังขึ้นให้คนทั้งสองรู้ตัว ซึ่งอันที่จริงมันน่าจะรู้แต่แรกที่เขาเข้ามาแล้วด้วยซ้ำไป สองร่างผละออกจากกันทันที คนที่นอนหงายไม่มีทีท่าว่าจะตกใจอะไรเลย ต่างกับแม่เลขาสาวที่เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนจ้องอยู่
“คุณคยองซู ..” หล่อนเอ่ยเสียงแผ่วใบหน้าซีดเผือด
“งานไม่มีรึไงคุณเยริม”
“เอ่อคือ คือ”
“ออกไปได้แล้ว”
“คะ คือว่า คุณคยองซูคะ อย่าบอก ..”
“ถ้าไม่ออกไปเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องแน่” สิ้นคำสั่งหญิงสาวก็กุลีกุจอวิ่งออกจากห้องไปด้วยสภาพที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มหน้าตาดีที่มองตามราวกับเสียดายของหวานถ้วยใหม่ที่เพิ่งได้ชิมไปแค่นิดเดียว ใบหน้านั้นหันมาขณะที่นิ้วเรียวยาวจะเช็ดลิปสติกที่ติดอยู่มุมปากออกไป
“ดุจริงนะ”
“นี่คุณ ...” คยองซูแทบช็อกเมื่อพบว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผู้ชายคนนี้จะมานั่งลอยหน้าลอยตาให้เขาเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง ท่าทางตกใจของคยองซูทำเอาลู่หานได้แต่ยิ้ม ชายหนุ่มมองคนอายุน้อยกว่าที่ดูจะจริงจังไปเสียทุกเรื่องจนน่าเป็นห่วง
“ทำหน้าอย่างกับเห็นผี”
“คุณ ...”
“ฉันชื่อลู่หาน เรียกให้ถูกหน่อยสิ” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี และก็ได้ผล คยองซูประมวลเหตุการณ์อย่างรวดเร็วก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกยั่วโมโหเสียเอง
“ลู่หาน .. ขอบคุณที่บอกชื่อนะครับ ว่าแต่คุณมาที่นี่ทำไม มีธุระอะไร แล้วเข้ามาได้ยังไง...”
“ครับๆ ทราบแล้วครับ ทีละคำถามก็ได้ นี่นายจะถามด้วยมั้ยว่าฉันจะกลับตอนไหน แล้วก่อนมาทานข้าวกับอะไร ทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ มีแฟนแล้วหรือยัง ...”
“นี่คุณ” คยองซูพยายามกดเสียงให้พูดออกไปอย่างมีสติที่สุด แต่สำหรับคนยียวนกวนประสาทตรงหน้านั้นทำไมจะดูไม่ออกว่าเขากำลังโกรธ ร่างสูงยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนบ้าง
“อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ เดี๋ยวไม่น่ารักหรอกนะ”
“เรื่องของฉัน”
“ไม่ได้หรอก .. เอ แต่อย่างนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ” ลู่หานเข้ามาใกล้ท่าทางไม่น่าไว้ใจ คยองซูกลืนน้ำลายลงคอเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ถ้าเขาถูกทำอะไรแบบนั้นขึ้นมาอีกล่ะ
“ถอยออกไปนะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“อะไรกัน ดุจริงนะพ่อคุณ เมื่อคืนนี้รอดไปได้แต่คราวนี้ใครกันนะจะมาช่วย หืม คุณหนูคยองซู”
“ผมไม่ใช่คุณหนู อย่ามาเรียกแบบนี้นะ”
ลู่หานยกยิ้มขึ้นขณะที่เอาแต่ยั่วโมโหคนตรงหน้าที่ทำเขานอนเจ็บใจและหาทางเอาคืนแทบทั้งคืน กลายเป็นว่าได้แต่นอนคิดเรื่องนี้จนจะหลับก็ใกล้เช้าเสียแล้ว
ลู่หานบอกคยองซูให้ใจเย็นๆ แต่ที่จริงแล้วตัวเองต่างหากล่ะที่ใจไม่เย็นเลยสักนิด ไม่รู้ทำไมเวลาที่ทำให้เด็กอายุน้อยกว่าตัวเองหลายปีคนนี้หลุดโมโหออกมาได้มันถึงรู้สึกพึงพอใจหนักหนา เขากำลังสนุกอยู่สินะ .. ร่างสูงไม่หยุดขยับเข้าหาอีกฝ่ายที่ค่อยๆถอยหลังไปจนแทบจะถึงผนังห้องแล้ว คยองซูไม่อยากจะแพ้แต่ก็ไม่กล้าจะให้ลู่หานถึงตัวอย่างเมื่อคืน เขาตัดสินใจยกกำปั้นขึ้นแต่ก็ถูกรวบมือเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อย...”
“นายจะทำร้ายฉันแบบนี้จะให้ปล่อยได้ยังไง”
“คุณ .. ผมจะพูดดีๆนะ กรุณาถอยออกไป ไม่อย่างนั้น...” พูดไม่ทันจบลู่หานก็ถือโอกาสยื่นหน้าเข้าไปหาเสียใกล้จนปลายจมูกเกือบสัมผัสกันอยู่แล้ว .. แต่ก็เหมือนโชคช่วยเอาไว้ ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว
นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วที่คยองซูรอดมาจากผู้ชายที่ชื่อลู่หานได้
“อ้าว .. เจอกันแล้วเหรอ โทษทีนะคยองซู อาไปคุยโทรศัพท์เสียนานเลย”
ร่างของชายวัยกลางคนผู้เป็นถึงท่านประธานกำลังเดินลิ่วผ่านประตูเข้ามาอย่างอารมณ์ดี แต่คนทั้งสองที่ยืนอยู่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย คยองซูอ้าปากโวยวายขึ้นให้คุณอาของตัวเองฟัง
“อาครับ คนๆนี้มาทำอะไรในห้องของอา แล้วเค้าก็ยังจะ...” พอถึงตรงนี้คยองซูก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อคนเป็นผู้ใหญ่เอาแต่มองอย่างงุนงง ขณะที่ตัวต้นเหตุกลับไปยืนห่างจากเขาเสียไกลตั้งแต่แต่ตอนไม่รู้ และยังทำท่าราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิด คยองซูมองลู่หานสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งท่าทีแสร้งทำไม่รู้ยิ่งทำให้เขาอยากเข้าไปกระทืบเท้าเข้าให้อย่างเมื่อคืนเสียเหลือเกิน
“อะไรกัน อะไรกัน เราไปว่าคุณลู่หานเค้าแบบนั้นได้ยังไงกันคยองซู แล้วที่ทำน่ะทำอะไร” ท่านประธานถามขึ้น แล้วหยุดฟังว่าหลานชายจะตอบอย่างไรให้หายข้องใจ
“ก็เมื่อกี้เค้า..”
“อะไรครับคุณคยองซู ผมไปทำอะไรคุณ” เป็นลู่หานที่แย้งขึ้นบ้าง
“ก็นายฉวยโอกาสกับฉันไงไอ้คนไร้มารยาท แกล้งทำหน้าไม่รู้แล้วคิดว่าจะได้ผลรึไง” คยองซูขึ้นเสียง และแน่นอนที่บุคคลที่สามจะยืนมองเฉยๆไม่ได้เมื่อเห็นคนของตัวเองมีท่าทางเอาเรื่องแบบนั้น
“คยองซู ! .. พอได้แล้วนะเรา พูดอะไรให้เกียรติคุณลู่หานเค้าบ้างสิ นี่อาเข้ามาก็ไม่เห็นว่าเค้าจะได้ทำอะไรเลย”
“แต่ ...”
“คุณลู่หานเป็นถึงทายาทแอลเคกรุ๊ปนะ”
“อะ แอลเค ...” คยองซูอึ้งไปกับสิ่งที่คุณอาของเขาบอก นึกถึงที่แพคฮยอนเคยพูดไว้เกี่ยวกับคนๆนี้แต่เขาไม่เห็นจะรู้เลยว่าเป็นถึงทายาทของกิจการขนาดใหญ่ที่ใครๆก็ต้องรู้จักอย่างแอลเคกรุ๊ป
“ใช่น่ะสิ เพราะงั้นเลิกไร้มารยาทกับเค้าได้แล้ว” เสียงเด็ดขาดของท่านประธานกดต่ำลงเพื่อปรามให้หลานชายหยุดไร้มารยาท และก็ได้ผล ลู่หานยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มมาให้อย่างคนไม่รู้ร้อนอะไร ชายหนุ่มลอบมองคนน่ารักทำหน้าบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลา และเขาก็ดูออกว่าคยองซูกำลังกัดฟันบังคับให้ตัวเองไม่แสดงออกมามากกว่า
“ว่าไงนะครับอา” เสียงใสที่เวลานี้แทบไม่เหลือความใสในน้ำเสียงนั้นโพล่งออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ แค่ที่ท่านประธานแนะนำอีกฝ่ายให้รู้จักเขาก็ทำเขาอึ้งอยู่แล้ว แต่นี่ ..
“เอาเป็นว่าอย่างที่บอกนะครับคุณลู่หาน ผมดีใจอย่างมากที่ทายาทแอลเคกรุ๊ปอย่างคุณอุตส่าห์มาขอดูงานที่บริษัทเล็กๆอย่างบริษัทเรา เพิ่งรู้จากทางคุณเมื่อคืนนี้เอง เลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับอะไรเลย”
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ คุณพ่อก็เพิ่งอนุมัติเสียดึกดื่นอย่างนั้น จริงๆวันนี้ผมก็แค่ขอมาก่อนน่ะครับ อยากมาทำความรู้จักกันไว้ก่อน” ลู่หานยิ้มขณะที่ท้ายประโยคจะมองมาที่คยองซู คนถูกมองกลับคิดว่ารอยยิ้มนั้นดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจสักนิด
“แต่บริษัทเราก็เพิ่งเติบโตมาได้ไม่นาน เป็นแค่บริษัทเล็กๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับท่านประธาน ถ้าเรื่องเทคโนโลยีการบรรจุทางเรายังเป็นรองที่นี่อยู่มาก”
.. ตรงไหนกัน
คยองซูได้แต่คิดในใจว่าอีกฝ่ายช่างตอแหลได้แนบเนียนจริงๆ มันใช่ที่ไหนกันล่ะ แล้วยิ่งมาบอกว่ากิจการของพวกตัวเองยังตามหลังพวกเขาอยู่นั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เป็นถึงกลุ่มส่งออกชั้นแนวหน้าของประเทศกับแค่เทคโนโลยีการบรรจุถึงกับต้องมาดูงานที่นี่เชียวหรือ แล้วถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง คนที่มาจะเป็นใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมคนระดับนี้ถึงต้องลงทุนมาเองด้วย มันน่าแปลกจริงๆ
คุณอาของเขาก็เอาแต่ยิ้มอยู่นั้นแหละ รู้บ้างมั้ยว่าอีกฝ่ายก็แค่ยกยอปอปั้นตามมารยาทเท่านั้นเอง เขานั่งอึดอัดอยู่ระหว่างคนทั้งสองที่ยิ้มแย้มให้กันจนน่าหมั่นไส้ คยองซูไม่ได้รู้สึกยินดีหรือคล้อยตามที่ผู้ชายคนนี้พูดเลยด้วยซ้ำ
“คุณพ่อติดประชุมที่เมืองจีน อีกสามวันถึงจะกลับน่ะครับ คงจะรีบหาโอกาสมาเยี่ยม”
“ยินดีอย่างยิ่งครับคุณลู่หาน .. นี่คยองซู อาดีใจนะที่หลานจะได้ร่วมงานกับคุณลู่หานตั้งสองเดือนเชียว”
“สองเดือน .. นานขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คยองซูบ่นเบาๆกับตัวเองแต่ก็ไม่แคล้วจะถูกอาของเขาส่งสายตามาให้อย่างรู้ทัน ส่วนคนถูกว่าน่ะเหรอ ก็กำลังตีสีหน้าให้ดูเป็นคนดีอยู่น่ะสิ
ลู่หานคิดในใจอย่างง่ายๆกับตัวเอง แต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ นี่เขาลงทุนทำขนาดนี้เพียงเพื่ออยากเอาคืนอีกฝ่ายขนาดนั้นเชียวหรือ
◆◆◆◆◆◆
หนึ่งวันผ่านไปแล้วกับเรื่องที่ทำให้ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความสุขเท่าไหร่นัก พอมาเช้าวันนี้คยองซูเลยมีอาการเงียบๆเรียกความสงสัยจากคนเป็นแม่ได้ไม่ยาก แต่เขาก็แสร้งทำปกติเมื่อถูกถาม
“เฮ้อ .....” ชายหนุ่มถอนหายใจกับตัวเองเบาอยู่ที่หน้าบ้านก่อนออกไปทำงาน สายตาทั้งคู่ก็เป็นอันต้องสะดุดอยู่ที่รถอีกคันตรงรั้วหน้าบ้าน ไม่ต้องบอกคยองซูก็รู้ว่าเป็นใคร
“มาทำไม” คำถามสั้นๆเปล่งออกไปเมื่ออีกฝ่ายก้าวย่างมาหาถึงหน้าบ้าน
“แหม เย็นชากันจังนะคยองซู”
“อย่ามาเรียกเหมือนสนิทกันได้มั้ย” ท่าทางคยองซูไม่ค่อยเป็นมิตรและติดจะไม่พอใจแต่ลู่หานกลับตรงข้าม ชายหนุ่มรู้ดีว่ายิ่งตัวเองแลดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้นเท่านั้น .. แค่เริ่มต้นก็ได้เปรียบเสียแล้ว
“นี่จะไม่ชวนฉันเข้าไปทำความรู้จักกับคุณแม่นายหน่อยเหรอ” ลู่หานแสร้งทำเป็นมารยาทดีจนออกนอกหน้า ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้าไปจริงๆแต่ถูกคยองซูขวางไว้เสียก่อน
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไม่ไป .. แต่นายต้องไปกับฉัน”
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ แม่ผมงั้นเหรอ คุณรู้เหรอว่าผมอยู่กับแม่”
“อ้อ .. ก็แปลกเหรอ ปกติคนเราก็อยู่กับแม่ไม่ใช่เหรอ” ลู่หานรีบพูดไปเหมือนเขาไม่ได้รู้อะไรทั้งนั้นทำให้คยองซูคลายสีหน้าสงสัยลง นึกถึงเมื่อวานนี้ที่ท่านประธานโดบอก
“หลานชายผมเป็นแบบนี้ล่ะครับ แกเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก โตมากับแม่เลยออกจะเป็นคนจริงจังไปบ้าง อย่าถือสาแกเลยนะครับ”
“นี่ คุณลู่หาน ใครจะไปกับคุณ”
“ก็ไปทำงานไง นายต้องไปกับฉัน”
“แล้วทำไมผมต้องทำอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ฉันเพิ่งมาทำงานเองนะ นายควรจะดูแลและแนะนำอะไรหลายๆอย่างตั้งแต่เริ่มเลยสิ”
“พูดเป็นเล่น คุณเป็นเด็กใหม่เพิ่งเริ่มทำงานรึไง เป็นถึงลูกท่านประธานเมื่อวานต่อหน้าคุณอาก็ออกจะเก่ง หรือจริงๆแล้วว่างมากเลยแค่มาหาอะไรสนุกๆทำ” คยองซูพูดรัวออกมาเป็นชุดจนลู่หานต้องยกสองมือห้ามไว้เสียก่อน
“โอโห เผ็ดแต่เช้าเลยนะ”
“อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะผมไม่ชอบ”
“โมโหตลอดเวลามันไม่ดีนะ ยิ้มบ้างคงน่ารักไม่เบา แต่แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ” ลู่หานยั่วโมโหจนคยองซูทนไม่ไหว ร่างเล็กกำมือแน่นก่อนจะตะโกนใส่อย่างหมดความอดทน
“สรุป แค่ไปทำงานเอง ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำแล้ว!”
“นั่นสินะ .. เฮ้อ งั้นฉันคงต้องบอกท่านประธานจริงๆแล้วสิว่านายไม่ให้ความร่วมมืออย่างที่คิดเลย” ว่าแล้วก็เตรียมกดโทรศัพท์ไปหาประธานจริงๆ ได้ยินอย่างนั้นแล้วคยองซูก็ต้องทำตาโตก่อนจะรีบคว้ามือลู่หานเอาไว้
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความอย่างที่บอกไง ท่านประธานไม่ได้บอกหรอกเหรอว่านายต้องเป็นคนคอยดูแลฉันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”
“.............”
“แต่ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามท่านดูแล้วกัน”
แน่นอนที่คยองซูไม่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้ว เขาโทรไปถามคุณอาสุดรักด้วยตัวเองทันที คำตอบที่ได้ก็เป็นไปอย่างที่อีกฝ่ายบอก เป็นแบบนี้แล้วเขาจะทำอย่างไรล่ะ ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่ปั้นหน้าให้แตกน้อยที่สุดเท่านั้นเอง
ใบหน้าน่ารักหันมามองอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่อีกคนยิ้มพอใจอย่างหาใดเปรียบได้ในเช้านี้ คยองซูไม่รู้หรอกว่าลู่หานไปพูดอะไรกับคุณอาเหมือนกับที่ยังติดใจไม่หายเรื่องที่อีกฝ่ายจะมาดูงานที่บริษัทของเขาทำไม มันดูไร้สาระเกินไปแล้ว
“จะไปก็รีบไปสิ สายแล้วจะหาว่าไม่เตือน” คยองซูเดินนำไปที่รถของอีกฝ่ายทันที คนที่เอาแต่อมยิ้มเลยเดินตามไปอย่างพอใจเหมือนทุกครั้ง
◆◆◆◆◆◆
ห้องทำงานขนาดกว้างพอสมควรมีเพียงความเงียบได้ไม่นาน ก็ตามมาด้วยเสียงคุยโทรศัพท์ของผู้ชายทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เพียงแต่คนหนึ่งคุยเรื่องงานแต่อีกคนคุยเรื่องส่วนตัว
คยองซูนั่งอยู่ที่เก้าอี้โต๊ะทำงานของตัวเองขณะที่คุยกับเรื่องงานผ่านทางโทรศัพท์อยู่ โดยมีลู่หานนั่งตรงข้ามและกำลังเพลิดเพลินกับการหยอดคำหวานลงไปในโทรศัพท์มือถือเหมือนคนว่างงาน เจ้าของห้องมองหน้าอย่างไม่พอใจทั้งที่ปากก็พูดเรื่องงานไปด้วย ชายหนุ่มอายุมากกว่ายังคงทำตัวตามสบายต่อไป
“ครับ .. แล้วน้องยูมิทานข้าวรึยัง”
“ไว้วันหยุดพี่จะไปรับนะครับ”
“ครับ คิดถึงสิ มากด้วย”
“น่ารักมากไปแล้วนะ อย่าทำให้อดใจไม่ไหวสิ”
ทุกคำที่ลู่หานพูดนั้นถึงจะหมายถึงคนในสาย แต่สายตาของเขากลับเอาแต่จ้องหน้าคยองซูเหมือนกับว่าที่พูดออกไปตั้งใจจะบอกคนทางนี้มากกว่า คยองซูกำโทรศัพท์ที่ยังแนบกำหูไว้แน่นเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขานึกถึงสิ่งที่แพคฮยอนพูดเอาไว้เมื่อวันก่อน
“อ่ะ ครับๆ ขอโทษครับผมฟังอยู่” เสียงตะกุกตะกักของคยองซูที่เผลอเงียบไปให้ปลายสายรอทำให้ลู่หานหัวเราะออกมาเบาๆ คนตัวเล็กไม่มีทางเลือกจึงหมุนเก้าอี้หันไปอีกทางแล้วพยายามคุยเรื่องงานต่อไป คนที่จงใจแกล้งจึงได้แต่มองตามแล้วนึกขันอยู่ในใจ เขากดตัดสายสาวสวยที่เพิ่งเจอเมื่อไม่นานก่อนจะนั่งจ้องคนตรงหน้าเสียเพลิน ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนั้นพอถูกแกล้งเข้าหน่อยแก้มขาวๆก็ขึ้นสีด้วยความโมโห ทำไมมันน่ารักจังนะ .. แต่เดี๋ยวก่อน ลู่หานหยุดความคิดทั้งหมดเอาไว้แล้วยกมือเสยผมเหมือนกำลังเตือนตัวเอง
.. เฮ้ๆ นี่มันยังไงกันนะ นายแค่อยากมาเอาคืนเด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอวะ
แม้จะเที่ยงแล้วแต่คยองซูก็กำลังวุ่นกับงานจนแทบลืมไปว่าได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เขาง่วนอยู่กับชั้นขนาดใหญ่ที่เรียงเต็มไปด้วยแฟ้มงานมากมาย มือบางสองข้างวางแฟ้มที่อุ้มอยู่ลงที่โต๊ะแล้วจึงหันกลับไปที่ชั้นนั้นอีกครั้ง แฟ้มสุดท้ายที่จะต้องเอาลงมาดันอยู่สูงจนเกินจะเอื้อม แขนทั้งคู่ยืดไปเต็มที่หวังว่าปลายนิ้วจะแตะมันได้สักนิดแต่ก็ไม่ง่ายเลย ร่างเล็กเขย่งเท้าอยู่อย่างนั้น แฟ้มถูกดึงออกมาจากชั้นบนสุดได้อย่างง่ายดาย .. แต่ไม่ใช่เพราะเขาหรอก
มือของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเป็นฝ่ายดึงมันออกมาให้แทน คยองซูยังอยู่ในอาการตกใจจึงเผลอปล่อยให้ลู่หานแอบกดจมูกลงที่ข้างแก้มของเขา
“ทำอะไรน่ะ ..”
“อย่าขยับสิ ฉันหยิบอีกแฟ้มอยู่เห็นมั้ย” ลู่หานทำเป็นเอื้อมมือไปหยิบเอาแฟ้มที่สูงกว่านั้น ยิ่งเป็นการเบียดเข้าหาคยองซูจนตัวแนบชิดติดกันอยู่หลายวินาที คนตัวเล็กใจเต้นแรงขึ้นก่อนจะหันไปดันให้อีกฝ่ายถอยออกไปอย่างเหลืออด แฟ้มที่ถือเอาไว้จึงหล่นลงมาที่พื้น
“เฮ้ .. หล่นหมดแล้วเห็นมั้ย”
“ก็ช่างสิ คุณต่างหากล่ะ ที่ตั้งกว้างยังมายืนเบียดตรงนี้ทำไม”
“ก็ฉันจะเอาแฟ้มตรงนี้”
“คุณจะเอาไปทำไม คุณมีสิทธิ์อะไรจะมาเอาแฟ้มของบริษัทผมไปดู” คยองซูพูดไปตามความจริงหวังจะให้อีกฝ่ายจนมุม แต่ท่าทางไม่ยี่หระของลู่หานก็ทำเอาเขายิ่งโมโหไปใหญ่
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ถ้าเป็นความลับไม่ดูก็ได้” ลู่หานไหวไหล่
“อย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ ที่คุณมาที่นี่เพราะอะไร จะมาแก้แค้นที่ผมทำคุณเจ็บใจเอาไว้ใช่มั้ยล่ะ” คยองซูทำหน้าจริงจังกับเรื่องที่เขาไม่ขำด้วยเลย ถึงตรงนี้ลู่หานจึงเงียบไปก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา สมแล้วกับที่เป็นเด็กหัวไวและตรงไปตรงมา แต่ก็คงได้แค่นี้ล่ะนะ
“นี่ จะบอกอะไรให้นะคุณหนูคยองซู” ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ให้คนตัวเล็กต้องเดินถอยไปจนติดผนัง ลู่หานยกแขนสองข้างขึ้นยึดไว้กับผนังไม่ให้คนตรงหน้าหนีไปไหน แก้มขาวๆพยายามเชิดขึ้นอย่างไม่กลัวเกรงทั้งที่หวั่นใจจะแย่อยู่แล้ว ลู่หานไม่รู้ตัวหรอกว่านับวันไอ้ท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้เขาอยากเข้าใกล้ไปใหญ่
“คุณจะบอกอะไรก็รีบพูดมา ..”
“หึ .. ก็แค่จะบอกว่านายคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ลองคิดดูสิ คนอย่างฉันจะว่างขนาดเอาเวลามาทำเรื่องไร้สาระถึงที่นี่งั้นเหรอ”
“กะ ก็ใช่น่ะสิ เพราะอย่างนั้นไงผมถึงคิดว่ามันแปลกๆ คนอย่างคุณเหรอจะมาดูงานที่นี่”
“นั่นไงล่ะ เพราะงั้นไอ้เรื่องมาแก้แค้นนายยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย” ลู่หานเอ่ยเรียบๆด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่คยองซูไม่เคยเห็นมาก่อน และมันก็เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายดูน่าเชื่อถือขึ้นมาถึงขนาดที่เขาเถียงไม่ออก แสดงว่าที่ผ่านมาก็แค่แกล้งแหย่เขาเล่นๆ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงจะคิดไปเองเรื่องที่จะถูกคนๆนี้เอาคืน นั่นสินะ อีกฝ่ายคงไม่ว่างมาทำเรื่องไร้สาระเพียงเพราะเขาคนเดียวหรอก คยองซูใจเต้นแรงกับคนตรงหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่สมฐานะขึ้นมา แต่แล้วเมื่อได้ยินประโยคต่อไปความไว้ใจที่อุตส่าห์ก่อตัวก็มลายหายไปจนหมด
“แต่มาตอนนี้ คงไม่ใช่แค่อยากได้แนวทางไปปรับปรุงงานอย่างเดียวแล้วล่ะ”
“............”
“เริ่มอยากได้อย่างอื่นด้วยแล้วสิ”
คนฟังหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ผิดจริงๆว่าที่แท้แล้วผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นคนที่ควรอยู่ห่างเอาไว้จะดีที่สุด
“มันจะมากไปแล้วนะ! คุณทำเกินไปแล้ว” คยองซูขึ้นเสียงด้วยความโกรธที่ถูกทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอะไรสักอย่างที่อยากทำอะไรด้วยก็ได้ ลู่หานรู้สึกได้ใจ เขาไม่ตอบอะไรนอกจากอมยิ้มกับตัวเอง ร่างเล็กออกแรงผลักให้อีกฝ่ายถอยห่างออกไป และมันคงไม่ได้ผลหรอกหากว่าอีกคนไม่ตั้งใจจะปล่อยมือออกมาจริงๆ
“ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วย” คนเป็นผู้ใหญ่กว่าแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับว่าเรื่องที่เขาแสดงออกนั้นเป็นเรื่องปกติที่ออกมาจากใจ
“ถามว่าทำไมงั้นเหรอ ก็เพราะคนอย่างคุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำกับผมอย่างนี้ไงเล่า”
“แล้วต้องอยู่ในฐานะอะไรล่ะถึงจะทำได้” จบประโยคที่ทำเอาต่างคนต่างนิ่งก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เกิดขึ้น ครู่เดียวเท่านั้นคยองซูก็ตัดบทขึ้นทันที
“ไม่ ไม่มี .. ไม่มีเงื่อนไขว่าจะเป็นใครหน้าไหนทั้งนั้น อย่ามาเปลี่ยนประเด็นเลยดีกว่า” แม้จะอธิบายให้กระจ่างชัดแค่ไหน แต่คนฟังก็ยังไม่ยอมเข้าใจอยู่ดี หรืออันที่จริงลู่หานจงใจไม่ยอมมากกว่า รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
“หึ แล้วหน้าอย่างฉัน เพลย์บอยไร้น้ำยาที่นายเคยว่าเอาไว้คนนี้ พอจะมีสิทธิ์บ้างมั้ยที่จะทำอะไรกับนาย” คำพูดล่วงเกินกันแบบนี้คยองซูไม่เคยนึกเลยว่าจะได้ยิน ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่เข้าใจว่าคนๆนี้ต้องการอะไรกันแน่
“คุณมันร้ายจริงๆ คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ฉันเหรอ ..” พูดไม่ทันจบก็เงียบไป สายตาเจ้าเล่ห์ก้มมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า คยองซูกลืนน้ำลายอย่างคนที่ไม่มีทางจะต่อกร ลู่หานยังไม่ละใบหน้าออกห่างแก้มใสที่เขาอยากได้มาครอบครองจนทนไม่ไหว
“ฉันก็แค่ต้องการ ... นาย”
พูดออกไปแล้ว ลู่หานรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่เขาไม่ใช่คนคิดเยอะหรอกนะ คนอย่างเขากับเรื่องแค่นี้มันง่ายดายจะตายไป เป้าหมายที่แท้จริงแม้จะบอกเหยื่อไปแต่มันก็ใช่ว่าเขาจะเสียเปรียบเสียหน่อย
หมัดเล็กๆยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่มือที่ใหญ่กว่ากลับรับมันเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที ลู่หานรวบแขนคยองซูยึดไว้ที่ผนัง คนตัวเล็กตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“ปล่อยผม ...”
“ไม่เคยมีใครกล้าปฎิเสธฉันเลยนะ แต่ดูนายทำเข้าสิ รังเกียจมากเลยเหรอ”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ โอ๊ย ..” คยองซูดิ้นเท่าไหร่แรงที่บีบข้อมือของเขาก็มากขึ้นเท่านั้น ทั้งที่เป็นผู้ชายด้วยกันแท้ๆแต่ทำไมเรี่ยวแรงถึงได้ต่างกันอย่างนี้ หรือเพราะเขาไม่ค่อยออกกำลังกายกันนะ น่าเจ็บใจจริงๆ
ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีโน้มใบหน้าลงไปหาคนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ รอยยิ้มของเขาหายไปขณะมองตาคู่นั้นที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ในใจเผลอคิดอะไรไปไกลจนแทบตกใจตัวเองเหมือนกัน เขาปล่อยมือออกก่อนจะถูกคนตัวเล็กทุบลงมาที่หน้าอก
“ผมเกลียดคนอย่างคุณจริงๆ”
คยองซูวิ่งหนีออกไปจากห้องทำงาน ทิ้งลู่หานให้ยืนลูบหน้าอกตัวเองป้อยๆเหมือนกำลังซึมซับสัมผัสนั้นเอาไว้ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
◆◆◆◆◆◆
ตั้งแต่วันนั้นมาคยองซูก็ลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้ง เขาคิดว่าตัวเองรู้ทันอีกฝ่ายตลอด แต่เอาเข้าจริงเขาก็ดูไม่ออกเลยว่าทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่ และที่สำคัญเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วย
แต่ละวันชีวิตการทำงานของเขาก็ต้องมีคนๆนี้อยู่ข้างกายแทบไม่ห่างเพราะเป็นคำสั่งของท่านประธานที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่จะว่าไปคยองซูก็ไม่เห็นว่าลู่หานจะสนใจเรื่องงานอย่างที่บอกเอาไว้เลย แต่เขาก็ไม่อยากจะถามเพราะแค่เห็นหน้ากันทุกวันก็ทรมานจะแย่แล้ว
“นี่ หายโกรธรึยัง”
“อะไรของคุณ ผมยุ่งอยู่ไม่เห็นเหรอ” คยองซูตอบสั้นๆก่อนจะร้องออกมาเมื่อถูกมือนั้นดึงแฟ้มที่เขากำลังอ่านออกไป
“เอาคืนมานะ”
“พักบ้างก็ได้”
“มันงานผม”
“ดื้อจริงๆนะ” ลู่หานโยนแฟ้มนั้นลงไปอีกมุมของโต๊ะทำงาน ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้จนคนตัวเล็กต้องถอยกรูดออกไป ถ้าเป็นแต่ก่อนลู่หานคงชอบใจกับท่าทางแบบนี้ แต่วันเดี๋ยวนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากจะเห็นมันเลยจริงๆ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะคว้ามือนั้นให้นั่งลงตามเดิม
“จะไปไหน ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า .. เอ้านี่ ซื้อมาฝาก” เค้กส้มในกล่องถูกวางลงบนโต๊ะทำงาน
“อะไรน่ะ”
“เค้กไง”
“ตอนทำงานอยู่เนี่ยนะ”
“ก็คิดว่าชอบ”
“รู้ได้ไง”
“เดาเอา”
“........” คยองซูขมวดคิ้ว
“อย่าถามมากเลย นายน่าจะขอบคุณมากกว่านะ”
“ขอบคุณทำไมในเมื่อผมไม่ได้ขอ แล้วอีกอย่างเห็นมั้ยว่าเอกสารกองเต็มหน้าอยู่เนี่ย”
“โอเคๆ งั้นไว้ฉันซื้อไปฝากที่บ้านนายก็ได้ จะได้ไม่เป็นการรบกวนเวลางาน”
ถึงตรงนี้คยองซูก็ลุกขึ้นยืนทันที คนๆนี้ทำไมต้องวุ่นวายกับเขานักนะ
“ไม่ต้องเลย คุณไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ นี่ฉันยังไม่มีโอกาสไปสวัสดีครอบครัวนายเลยนะ”
“แล้วคุณจะทำแบบนั้นไปทำไมเล่า” คยองซูเกือบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก่อนที่นึกได้แล้วจะรีบเก็บอาการโกรธนั้นเอาไว้และนั่งลงตามเดิม
“ขอบใจแล้วกันนะที่ซื้อมาฝาก” ช่างเป็นการตัดบทที่ง่ายดายเกินไปสำหรับคนที่ยืนอยู่ ลู่หานยังคงไม่ยอมแพ้จึงขยับเข้าใกล้กว่าเดิม
“งั้นฉันป้อน”
“คุณจะบ้าเหรอ” คยองซูรีบคว้าเอาส้มอันเล็กจิ้มเค้กเข้าปากไปเพราะเขาไม่อยากจะเสี่ยงกับคนตรงหน้าที่มักจะทำจริงอย่างที่พูดทุกที ลู่หานเลยยืนยิ้มไปโดยปริยาย คยองซูเกลียดตัวเองมากที่สู้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยสักที
นับแต่นั้นมา ลู่หานก็ทำทุกอย่างที่เขาคิดว่าคยองซูจะชอบและถูกใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเหมือนรู้ทันแต่อย่างน้อยที่ทำไปก็หวังว่าจะหวั่นไหวไปกับเขาบ้าง ใครๆก็ชอบมองว่าเขาเป็นคนใจเย็นตามแบบฉบับเพลย์บอยที่ล่องลอยไปวันๆ แต่กับคนๆนี้แล้วเขากลับไม่ยอมปล่อยไป ในเมื่อไม่มีทางอื่นคนอย่างเขาก็เลือกจะดวลกันตรงๆอย่างนี้ล่ะ แล้วอีกฝ่ายจะต้องเสียใจที่เคยสบประมาทคนอย่างเขาเอาไว้
การแก้แค้นอันแสนโรแมนติกจึงเริ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ฝนข้างนอกตึกบริษัทตกลงมาได้สักพักแล้ว ความมืดเข้าแทนที่ยามเย็นพาให้คนที่อยากกลับบ้านรู้สึกเบื่อหน่าย ดวงตากลมโตฉายแววผิดหวังที่จะต้องเหนื่อยกับการขับรถฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาบนท้องถนนอย่างนี้
“กลับบ้านเถอะคยองซู ฉันจะไปส่ง”
“ผมเอารถมาเอง ไม่ได้มากับคุณซะหน่อย”
“พรุ่งนี้ก็มาด้วยกันเลยสิ วันนี้ก็กลับกันได้แล้ว รู้หรอกน่ะว่าไม่อยากขับรถกลับ”
“อะไรของคุณ พูดแบบนี้หมายความว่าไง” คยองซูตีสีหน้ารำคาญที่อีกฝ่ายทำเป็นมีน้ำใจและเผลอๆก็ดูจะรู้ใจเขาอีกด้วย เขารู้สึกขัดใจพลางเดินหนีจากข้างหน้าต่างที่ยืนอยู่ไปนั่งลงที่โซฟาตัวนุ่ม ทิ้งให้อีกคนหันมองตาม
“หมายความว่ารู้ว่านายเหนื่อยมาทั้งวันล่ะสิ .. อารมณ์แบบนี้ฉันก็เคยเป็น” ลู่หานอธิบายหวังว่าจะให้เข้าใจ คยองซูนั่งตรึกตรองตามที่ได้ยินเลยตกลงรับปากลู่หานไป อย่างน้อยๆคิดเสียว่าผู้ชายคนนี้นอกจากน่ารำคาญไปวันๆแล้วก็น่าจะมีประโยชน์อะไรบ้าง ให้สมกับที่คุณอาอุตส่าห์เทคแคร์เสียอย่างดี
“ครับ ..กลับก็กลับ”
เย็นวันนั้นลู่หานมาส่งคยองซูถึงที่บ้าน และไม่ลืมถือโอกาสจับมือเป็นของแถมก่อนกลับ แค่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเข้าหน่อยเขาก็พอใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
ชายหนุ่มนั่งพาดมืออยู่ที่พวงมาลัยรถขณะที่มองคนตัวเล็กวิ่งหลบฝนเข้าไปในบ้านของตัวเอง นิ้วยาวยกขึ้นเสยผมลวกๆโดยปราศจากรอยยิ้มเหมือนก่อนหน้า จู่ๆก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาจึงกดรับเมื่อเห็นชื่อเบอร์ที่ปรากฏ
“ว่าไงจงอิน”
“ทำอะไรอยู่วะ ไม่ออกมาดื่มเหรอวันนี้ เด็กๆมึงถามหากันใหญ่”
“งั้นเหรอ .. ยุ่งอยู่น่ะ ว่าแต่มึงเถอะ ที่บ้านไม่ว่ารึไงครับคุณคิมจงอิน”
“อย่ามาปากดีนะลู่หาน เรื่องของกูน่ะ ที่โทรมาจะถามว่าไอ้เรื่องที่กำลังทำเนี่ย เป็นไงบ้างวะ”
“... ช่างกูเหอะน่ะ”
“เออ เพลาๆบ้างนะมึง ไอ้ที่ต้องการจะได้แล้วทิ้งเนี่ย เลือกคนหน่อยนะเว้ย”
“เออน่ะ นั่นก็เรื่องของกูเหมือนกัน”
ลู่หานวางสายจากเพื่อนรักที่รับรู้แผนการของเขาแต่แรก เขาส่ายหน้าไปมาแล้วดึงตัวเองกลับมาสนเรื่องที่ตั้งใจไว้อีกครั้ง นึกถึงที่จงอินพูดแล้วก็อยากจะหัวเราะ
“เลือกคนงั้นเหรอ .. หึ จะต้องคิดอะไรให้มากวะ กับอีแค่เด็กคนเดียว”
.
.
Tbc. part 2
หวัดดีค่า ^^
ห่างหายจากการลงฟิคไปนาน (จริงๆระหว่างปั่นฟิคยาวจะชอบมาระบายด้วยการลงชอทฟิค) เรื่องนี้จริงๆแล้วเป็นฟิครีไรท์ค่ะ แต่รีใหม่ แก้ใหม่จนแทบไม่เหมือนเรื่องเดิมแล้วซะงั้น เนื้อเรื่องออกจะการ์ตูนไปหน่อยก็เอาสนุกกันไปนะคะ แอบไม่มั่นใจว่าจะสนุกรึเปล่า
สำหรับคู่นี้คืออยากสนองนีดส์มากกกกกกก จิ้นมานาน แต่ไม่คิดว่าจะได้เขียนฟิคคู่นี้เลย งือๆๆๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากเขียนเรื่องยาวของคู่นี้บ้าง (ซึ่งไม่รู้จะตอนไหนTT)
มีทั้งหมด3พาร์ทจบค่ะ ขอไปปั่นที่เหลือแล้วจะรีบมาลงนะคะ ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านค่ะ ><!!
ปล. มีแท็กด้วยดีมั้ยคะ นิดนึงๆ เผื่อมีคนหลงแท็กมา 5555 #ifuplay ละกันนะ *^*
ความคิดเห็น