คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Say hi my dog - Krisyeol (5)
SAY HI MY DOG
rate : PG-15
author : @__Jyjcy
tag on twt : #ซฮมด
พักหลังมานี้เขาใช้ชีวิตติดบ้านกว่าปกติ ไม่ค่อยออกไปเที่ยวที่ไหน วันนี้ถือเป็นวันดีๆ ที่เขาจะไปหาพ่อกับแม่ซึ่งทำงานอยู่สำนักงานกระทรวงแห่งหนึ่งในโซล แน่นอนว่าคริสต้องขอตามชานยอลออกไปข้างนอกด้วย การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้ช่างเป็นอะไรที่น่าเบื่อสิ้นดี คนทั้งคู่เดินทางด้วยรถบัสต่อด้วยรถไฟใต้ดินจนไปโผล่ที่หน้าตึกสูงใหญ่ มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น แต่คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่ทำงานในกระทรวงทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนจะสามารถเข้าออกได้ตามใจ โชคดีที่ชานยอลเป็นถึงลูกชายผู้อำนวยการระดับสูงจึงเป็นที่จดจำของยามเฝ้าประตูหรือเจ้าหน้าที่ทุกคนได้
“ แม่คร้าบบบบบบ คิดถึงที่สุดเลย ” ร่างโปร่งวิ่งโผกอดหญิงวัยกลางคนที่ยืนสง่าอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ คริสยืนรออยู่ตรงประตูอย่างกลัวๆ กลัวๆ ที่จะเดินเข้ามา ห้องทำงานส่วนตัวผนังถูกฉาบด้วยสีเหลืองอ่อนสบายตา แจกันดอกไม้สีสันสดใสถูกวางไว้แทบทุกมุมในห้อง
“ ทำไมวันนี้เห็นแม่คำสัญกว่าตู้เกมส์ในห้างหละ ” เธอประชดลูกชายโดยไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ชานยอลยื่นปากงอนๆ พลางกอดผู้ให้กำเนิดแน่นขึ้นไปอีก “ แม่อ่ะ ก็ผมคิดถึงแม่นี่ครับ แล้วพ่อทำงานอยู่ในห้องนู้นหรือเปล่าครับ ”
“ วันนี้พ่อมีประชุมอภิปรายกับท่านรองนายกฯ กว่าจะกลับคงมืดเลยหละจ้ะ ว่าแต่ นั่น … ” ปาร์คแฮมิหรี่ตามองไปยังร่างสูงที่ยืนเป็นเงาอยู่ตรงประตู
“ อ๋อ นั่นคริสครับ เพื่อนผมเอง ”
“ เข้ามาใกล้ๆ ก็ได้จ้ะพ่อหนุ่ม ” เธอยิ้มชวนอย่างเป็นมิตร เมื่อคริสเดินเข้ามาใกล้พอที่แสงจากหน้าต่างจะกระทบใบหน้าให้เห็นเด่นชัด แฮมินิ่งไปสักพักเพราะความดูดีของคริสซึ่งหาที่ติไม่ได้ ใบหน้าหล่อคมราวเทพบุตรที่หลุดมาจากนิยาย ยิ่งคนตัวสูงทั้งสองมายืนข้างกัน เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าดูเป็นอะไรที่เหมาะสมกันเสียจริง แฮมิชอบชมว่าลูกชายตัวเองหล่อ แต่เมื่อยืนเทียบกับคริสแล้วคงต้องเปลี่ยนมาใช้คำว่า น่ารัก แทน
“ สวัสดีครับคุณแม่ ” คริสก้มหัวลงอย่างสุภาพ
“ แม่ฉันตังหาก ” ชานยอลหันขวับพูดขึ้นแทรกบทสนทนา คนเป็นแม่เห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ เรียกแม่ก็ได้จ้ะ แม่ไม่ถือ ”
“ แม่อ้ะ แม่มีลูกคนเดียวนะครับ ” ชานยอลทำท่าทางเหมือนเด็กหกขวบที่โดนยึดของเล่นยังไงยังงั้น คริสแอบมองคนข้างๆ ลอบยิ้มออกมาอย่างขบขัน
เมี๊ยววววววววววววววว !
แมวเปอร์เซียสีขาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวหรูยกตัวขึ้นยืนพร้อมกับหางตั้งตรงเป็นสัญญาณแห่งการต่อสู้ มันแยกเขี้ยวมาที่คริสอย่างไม่ต้อนรับนัก อาจจะเป็นเพราะสัญชาติญาณของสัตว์ที่เมื่อได้กลิ่นของศัตรูย่อมมีปฏิกิริยาแบบนี้ คริสเองก็เช่นกัน เขาจ้องไปยังแมวตัวนั้นด้วยสายตาพิฆาตราวกับว่าหากจ้องนานกว่านี้แมวตัวนั้นจะสลายตายหายไปต่อหน้า ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในร่างมนุษย์คงได้เกิดสงครามแน่งานนี้
“ เชอร์ตี้ ” แฮมิกดเสียงต่ำดุใส่สัตว์เลี้ยงของตน
ชานยอลและคริสนั่งลงบนโซฟาตัวยาว ส่วนผู้เป็นแม่ก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตนและจดจ่อกับแม็คบุ๊คเครื่องประจำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเป็นลูกถูกเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังโดยมีคริสนั่งฟังอยู่เงียบๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องหอพัก ยกเว้นอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องที่เกี่ยวกับคริส นั่นเป็นความลับที่แสนพิศวงซึ่งไม่อาจระบายหรือเล่าให้ใครฟังได้ แม้แต่แม่ของตนเอง ปาร์คแฮมิเป็นทุกอย่างสำหรับชานยอล เธอมีคำปรึกษาดีๆ ให้ลูกชายของเธอเสมอ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชานยอลจะเติบโตมาเป็นเด็กชายที่ยิ้มแย้มแจ่มใสมองโลกในแง่ดีเช่นนี้ หากจะดีกว่านี้ถ้าเขาสามารถระบายสิ่งที่จุกอยู่ที่หน้าอกของเขาได้ ยิ่งคิด หัวใจยิ่งถูกบีบ
แม่ครับ … ผมกำลังมีความรัก
ความรักต้องห้ามที่ผมบอกแม่ไม่ได้
ถ้าคนที่ผมรัก ไม่ใช่ผู้หญิง … และไม่ใช่คน
ชานยอลอยากจะทำตัวให้ห่างจากคริส แต่ทำเท่าไหร่กลับรู้สึกว่าใกล้กันมากกว่าเดิม สงครามเล็กๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เสียงหัวเราะก็ตามมาทุกครั้งไป มือเรียวยกหมอนซึ่งเป็นเซตคู่กับโซฟาตัวหรูฟาดอีกคนเต็มแรงหลายที คริสเองก็ไม่ยอมยกหมอนอีกใบตีชานยอลคืน ปาร์คแฮมิที่นั่งทำงานอยู่เห็นแล้วก็อดยิ้มตามภาพตรงหน้าไม่ได้ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะสร้างความวุ่นวายและเสียงดังแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญเลยสักนิด พวกเขาเล่นกันเหมือนเด็กสลับกับหันไปพูดคุยกับแม่ชองตนจนนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสอง ถือเป็นช่วงเวลานอนของเด็กอนุบาลแล้วสินะ ชานยอลเริ่มตาปรือพร้อมจะหลับทุกเมื่อ เขากอดหมอนใบเล็กไว้ก่อนที่หัวจะตกและเอียงไปมาอย่างไร้การทรงตัว คริสที่มองอยู่อมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเอื้อมแขนไปกระชับไหล่ของอีกคนให้หัวกลมมาพิงไหล่กว้างของตนเอง
“ อ้าว ถึงว่าทำไมเงียบไป หลับซะแล้วเหรอ ” ผู้เป็นแม่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารเมื่อเห็นว่าชานยอลเงียบไปและขณะนี้ศีรษะของลูกชายพิงกับไหล่ของเพื่อนสนิท ท่าทางจะสนิทกันมากเสียด้วย เธอยิ้มให้คริสก่อนจะขอตัวออกไปจัดการธุระข้างนอกให้เสร็จแล้วจะรีบกลับมา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะกลับมาเร็วพอที่จะเห็นบางอย่าง …
ใบหน้าคมเลื่อนมาจนปลายจมูกสัมผัสกับแก้มใส ริมฝีปากบางสัมผัสกับริมฝีปากอวบอิ่มอย่างนุ่นนวลและเนิ่นนาน ไม่ใช่ครั้งแรกที่คริสลักหลับชานยอลแบบนี้ แต่นั่นแทบจะทุกคืนจนราวกับว่าเป็นกิจวัตรที่ต้องทำไปเสียแล้ว
ผู้เป็นแม่ได้แต่แอบมองอึ้งๆ อยู่หลังกำแพง สมองของเธอประมวลผลอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่การกระทำของคนเป็นเพื่อนจะทำกัน คริสอาจไม่ใช่แค่เพื่อนของชานยอล แล้วทำไมชานยอลถึงไม่บอกเธอ ชานยอลกำลังมีความลับกับเธองั้นหรือ แฮมิไม่คิดโกรธหรือถือโทษอะไร หากชานยอลรักใคร เธอก็ยินดีจะเปิดใจให้เสมอ แต่บอกได้เลยว่าคริสช่างเหมาะสมกับลูกชายของเธอเสียจริง บุคลิกที่ดูสุขุม เป็นผู้ใหญ่ แต่หากได้รู้จักจริงๆ ก็ดูขี้เล่นและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดไว้นั้นเป็นไปได้ไหม หากใช่ เธอก็ยินดีต้อนรับคริสและได้เรียกเธอว่าแม่อย่างเต็มปาก
.
.
.
“ ฮัลโหลครับพี่ยูชอน ”
“ โรงพยาบาลอะไรครับ ! ”
“ ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ”
ร่างโปร่งยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางเร่งรีบ คริสและชานยอลยืนอยู่หน้ากระทรวงฯ เตรียมที่จะกลับหอเพราะนี่ก็เย็นมากแล้วแต่ท่าทางจะไม่เป็นเช่นนั้นเพราะชานยอลได้รับโทรศัพท์จากยูชอนเพื่อนสนิทของยุนโฮโทรมาบอกว่ายุนโฮท้องเสียอย่างหนักเพราะอาหารเป็นพิษ ถ้าเดาไม่ผิดคงไม่พ้นอาหารเม็ดที่คริสแกล้งให้กินเป็นแน่
“ นายรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันกลับมา ”
“ ผมไปด้วยสิ ”
“ รอตรงนี้แหละ ไปไม่นานหรอก ”
“ รีบกลับมานะ ”
ชานยอลหายลับไปท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมาขวักไขว่ ยิ่งเป็นเวลาเลิกงานแบบนี้ผู้คนยิ่งพลุกพล่าน คริสที่ยืนรออยู่หน้าตึกสูงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเป็นระยะ ทำไมเวลาที่เขาไม่ได้อยู่กับชานยอล เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าแบบนี้กัน เขายืนมองผู้คนที่เดินออกจากตึกสลับกับนั่งยองคลายความเมื่อย ส่วนชานยอลเมื่อถึงโรงพยาบาลก็เข้าไปเยี่ยมรุ่นพี่ยุนโฮ ก้มหัวขอโทษที่รีบมาจนลืมซื้อของเยี่ยมติดไม้ติดมือมา ยุนโฮยิ้มกว้างไม่ติดใจอะไรแค่ชานยอลมาเยี่ยมเขาก็ดีใจมากแล้ว
“ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษ ร่างกายได้รับโปรตีนเกินความพอดี พี่ก็คิดอยู่ว่าพี่กินมากเกินไปหรือไง ก็ไม่นะ แปลกจริงๆ ” ชานยอลที่นั่งข้างเตียงหลุดหัวเราะออกมาจนยุนโฮเลิกคิ้วสงสัย จะไม่ให้มากเกินความพอดีได้ยังไงเล่นกินอาหารสุนัขไปขนาดนั้น
“ หัวเราะอะไรเหรอชานยอล ”
“ เอ่อ เปล่าครับ ”
“ อยากออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ จัง อยู่ที่นี่เหงามาก ชานยอลมาเยี่ยมพี่บ่อยๆ ได้ไหม ”
“ แน่นอนครับ ผมจะมาบ่อยๆ เลย ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้คนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมๆ กับสายฝนที่เริ่มโปรยปราย เวลาที่ชานยอลได้คุยกับยุนโฮ เขามีความสุข แต่มีความสุขในรูปแบบของพี่ชายน้องชาย ซึ่งยุนโฮไม่เคยคิดเช่นนั้น ตอนนี้ชานยอลมีความสุข จนลืมไปว่าทิ้งใครบางคนไว้ ลืมไปว่าฝนกำลังตก และตกหนักขึ้นเรื่อยๆ …
ท้องฟ้ากว้างเข้าสู่รัตติกาล เมื่อฝนตกด้วยยิ่งทำให้ท้องฟ้าดำสนิทมองไม่เห็นดาวแม้แต่ดวงเดียว แสงไฟกระพริบพร้อมกับเสียงครืดคราดที่กำลังคำรามอยู่เบื้องบน ดวงไฟที่ลอดให้เห็นผ่านหน้าต่างตึกของกระทรวงฯ ถูกปิดทีละห้องจนไม่เหลือไว้ให้สิ้นเปลืองพลังงาน ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย ยกเว้นเสียจากคริสที่ยืนกอดตัวเองท่ามกลางสายฝนที่โหมลงมาอย่างหนัก ไหล่หนาเริ่มสั่นเพราะความหนาว ในหัวของเขามีเพียงใบหน้าของชานยอล หลายชั่วโมงล่วงเลยผ่านไปกลับไร้วี่แวว หรือมันจะเป็นอีกครั้งที่เขาถูกทิ้ง
คริสนึกกลัวขึ้นมา เขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน
สุนัขตัวอื่นเคยโดนทิ้งแบบเขาไหม หรืออาจเป็นเขาตัวเดียวที่ถูกทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้
คริสคนนี้ที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ในร่างของสุนัขหรือมนุษย์ ก็ไม่มีใครต้องการ …
ตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาสองทุ่มแล้ว เขาสะดุ้งเมื่อจำได้ว่าทิ้งคริสไว้หน้าตึกกระทรวง นึกอีกที คริสคงไม่ใช่คนที่สามารถรออะไรนานๆ ได้ ป่านนี้เขาอาจหนีกลับหอไปแล้ว ชานยอลขอยืมร่มของยุนโฮติดมือไปด้วยก่อนจะขอลากลับบ้าน ถึงจะคิดแบบนั้นก็อยากจะกลับไปที่กระทรวงฯ ให้แน่ใจว่าคริสกลับหอไปแล้ว แต่ในความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฎข้างหน้าคือร่างสูงที่คุ้นตายืนก้มหน้านิ่งตัวเปียกโชก ชานยอลที่กางร่มอยู่อีกฝั่งของถนนยืนมองอีกคนพร้อมน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นอีกครั้ง คริสเป็นหมาที่ดื้อและโง่ที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา ทำไมชอบทำให้เขาเป็นห่วง ทำไมชอบทำให้เขาร้องไห้ ทำไมชอบทำให้หัวใจของเขากรีดร้อง …
“ กลับบ้านกัน ” ชานยอลที่เพิ่งข้ามมาจากด้านฝั่งถนนยื่นร่มให้อีกคนพ้นจากสายฝนที่ถาโถมลงมาอย่างหนัก
“ ทำไมเพิ่งมาป่านนี้ ! ” เสียงใหญ่ดังขึ้นขณะที่ใบหน้าของเขายังคงก้มมองพื้นอยู่ ทั้งโมโห ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ หลายอารมณ์จนเขาจัดการกับมันไม่ถูก
“ …… ”
“ ผมถามว่าทำไมเพิ่งจะมาป่านนี้ ! ” เป็นครั้งแรกที่คริสขึ้นเสียงกับเขา ชานยอลเป็นฝ่ายที่ก้มหน้าแทน คริสเงยหน้าขึ้นจ้องคนตัวเล็กกว่าด้วยดวงตาคมที่แดงก่ำเพราะความโมโหและเพราะเขาร้องไห้ไปพักหนึ่งแล้ว ไม่มีใครทำให้คริสร้องไห้ได้แม้แต่เจ้านายเก่าที่ทิ้งเขาไป แม้แต่ตอนที่ต้องพลัดพรากจากแม่และพี่น้อง ชานยอลเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกเดียวดายขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าหากวันพรุ่งนี้ไม่มีชานยอล ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
“ ขอโทษ … ”
“ จะทิ้งกันไปสินะ คิดจะทิ้งผมแบบนี้เลยสินะชานยอล ! ”
“ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ! ”
“ แล้วคิดแบบไหน ! ผมเป็นภาระของคุณใช่ไหม มันคงจะดีถ้าผมออกไปจากชีวิตของคุณซะ หมาโง่ๆ ตัวนึงที่ไม่มีประโยชน์อะไร ดีแต่เป็นภาระของคนอื่น สมควรแล้วที่จะถูกทิ้ง ผ… ” ยังไม่ทันจบประโยคชานยอลก็โผกอดร่างสูงแน่น ร่มที่กางกันฝนหลุดมือร่วงลงพื้น หัวกลมแนบกับแผ่นอกของคริส น้ำตาของเขาไหลลงแอบแก้มพร้อมๆ กับสายฝนที่ตกอย่างหนักไม่มีทีท่าจะซาลงเลย สองมือหยาบยกขึ้นกอดตอบอีกคน นาทีนี้มีเพียงร่างของคนสองคนกลางทางเท้าที่ไร้ผู้คน นาทีที่เสียงหัวใจของเขาเต้นไปพร้อมๆ กัน ยิ่งคริสรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระนั่นทำให้หัวใจของชานยอลเจ็บปวด ชานยอลไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าคริสจะทำให้การใช้ชีวิตของเขาผิดแปลกไปจากเดิมบ้าง ทว่ากลับรู้สึกว่านั่นเป็นความสุขรูปแบบใหม่ที่เข้ามาและมีค่ากว่าสิ่งอื่นใด
.
.
.
ร่างโปร่งหยิบผ้าเช็ดตัวที่ขึ้นเช็ดหัวคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียง ดวงตากลมของชานยอลดูไร้เดียงสาเสมอไม่ว่าเวลาไหนๆ คริสเอาแต่จดจ้องมันราวกับอัญมณีที่ล้ำค่า มีเพียงเสียงฝนที่กำลังตกพรำและเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงของคนทั้งคู่เท่านั้น มือเรียวเช็ดหัวคนที่ตนรักอย่างเบามือแต่ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมืออุ่นทั้งสองข้างของอีกฝ่ายยกขึ้นโอบเอวบางไว้ ดวงตาทั้งสองจ้องกันอย่างหาความหมาย แม้ไม่รู้คำตอบทั้งหมดแต่กลับสัมผัสได้ว่าพวกเขาต้องการกันมากเพียงไหน คำว่ารักและโหยหาลอยอยู่เต็มดวงตาคู่สวย น้ำตาเริ่มเอ่อล้นที่ดวงตากลมอีกครั้ง โกรธตัวเองที่ใจแข็งไม่พอ โกรธตัวเองที่เดินมาตามทางที่มีแต่ขวากหนามทิ่งแทงให้เจ็บปวดทั้งที่รู้ดีแต่ก็ยังจะเลือกเส้นทางนี้ ร่างสูงสวมกอดชานยอลอย่างอ่อนโยนก่อนจะพลิกตัวให้อีกคนหันหลังให้เตียงนอนขนาดคิงไซส์ เขากดจูบลงบนประกบริมฝีปากบาง รสหวานในโพรงปากส่งไออุ่นมาจนร่างกายร้อนผ่าว ชานยอลหลับตาพริ้มรับสัมผัสจากคนรักอย่างรู้งาน แขนสองข้างยกขึ้นคล้องคอก่อนร่างโปร่งจะถูกเบียดให้นอนราบไปกับเตียง ชานยอลค่อยๆ แกะปลอกคอที่เกะกะออกให้พ้นทาง ปลายจมูกโด่งซุกไซร้ลงบนซอกคอขาว รีมฝีปากขบเม้มจนเป็นรอยอย่างเห็นได้ชัด ใบหูถูกลิ้นร้อนลากผ่านจนคนในอ้อมกอดถึงกับอ่อนระทวย
“ อ อาาาา … ค คริ คริส ” เสียงครางจากความสุขสมช่างอ่อนหวานจนอยากได้ยินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันเบื่อ แก่นกายของทั้งสองเริ่มแข็งตัวด้วยความใคร่ เสื้อเชิ้ตตัวบางถูกสะกิดกระดุมให้หลุดออกจนหมด มือหนาเลื่อนมาคลึงยอดอกสีชมพูก่อนจะก้มหัวลงใช้ฟันขบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว หากเขาเป็นสุนัขที่แข็งแกร่ง ชานยอลก็คงเป็นลูกแมวไร้เดียงสาตัวหนึ่งเท่านั้น
“ คริส … ย … อย่า ”
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คริสอาจไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เชื่องและว่าง่ายอย่างที่ชานยอลคิด สุดท้ายร่างของพวกเขาก็เปลือยเปล่า กอดก่ายกันและกันอย่างเร่าร้อน เสียงลมหายใจประสานหนักหน่วง
“ ชานยอล คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหม ”
“ ม..ไม่เคยคิดเลยซักนิด ”
“ งั้น … อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ ”
เสียงครางแสนรื่นหูของทั้งคู่ประสานกันพร้อมกับเสียงหายใจหอบหลังจากแท่งร้อนถูกส่งมายังช่องรักสีชมพูจนบีบรัดให้คริสรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ ครางไม่เป็นภาษา เหมือนกับชานยอลที่จิกผ้าปูที่นอนแน่นพยายามเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงอันแสนน่าอายหลุดออกมา
“ ผมรักชานยอล ผ .. อาาา ผมรักคุณ ”
“ ฉ… ฉันก็รักนาย คริส ”
สาบานว่าคริสไม่เคยรู้เรื่องอย่างว่าที่มนุษย์ทำกันแต่คืนนี้เขากลับทำมันได้อย่างชำนาญ เหมือนสัญชาติญาณของบุรุษที่มีอยู่ในตัวมันแสดงอำนาจออกมาจนถึงขีดสุด เขารู้ว่าต้องทำยังไงให้อีกฝ่ายครางออกมา รู้ว่าจะทำยังไงให้อีกฝ่ายเรียกหาแต่เขา ยามเมื่อชานยอลขยับกายเบื้องใต้ร่างสูง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ไอร้อนปะทุเร่า แต่ในขณะเดียวกันก็แสนอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยรัก เมื่อเสร็จภารกิจ คริสก็ล้มตัวนอนลงข้างๆ ชานยอลที่กำลังนอนหายใจหอบ แขนแกร่งชันตัวให้สูงขึ้นเอื้อมหน้าไปจุมพิตหน้าผากของคนรักอย่างปลอบโยน
“ ผมรักคุณ ”
“ รักมากกว่าอีก ” ชานยอลหันไปกอดกอดคนรัก แนบแก้มบนแผงอกของคริส ฟังเสียงคริสหายใจจนเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมๆ กัน
.
.
.
แสงอาทิตย์ยามเช้าเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ ผ้าห่มผืนหนาคือเครื่องสร้างความอบอุ่นแต่ก็ไม่เท่ากับร่างกายของคนที่นอนข้างๆ ใครคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดคริสทั้งคืน แผงขนตายาวช่างน่าหลงใหล ริมฝีปากสีชมพูอ่อนรูปกระจับเผยอขึ้นเล็กน้อยจากการถูกกดทับ คริสจุมพิตลงไปเบาๆ ที่กระหม่อมบาง แผ่นหลังเปลือยเปล่าถูกลูบไล้อย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม
“ อื้อ ” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นในลำคอก่อนดวงตากลมโตจะค่อยๆ เปิดขึ้น ชานยอลยิ้มบางเมื่อตื่นมาพบคนรักอยู่ตรงหน้า ความเจ็บปวดที่ได้รับแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คริสเลื่อนหน้ามากะจะสร้างรอยกุหลาบที่ซอกคอชานยอลอีกครั้งแต่อีกฝ่ายกลับถอยหนี
“ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวก็ไม่เป็นอันทำอะไรพอดี ” ก็เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอน พอจะหลับคริสก็รุกล้ำเค้าหลายครั้งจนหอบกันไปหลายยก นี่คงตอบเปลี่ยนคำสถบจาก ไอ้หมาบ้า เป็น ไอ้หมาหื่น แทนแล้วหละมั้ง
.
.
.
วันหยุดสุดสัปดาห์หมดไปกับการเดินเที่ยวเล่นในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคู่รักและกลุ่มเด็กวัยรุ่นเดินสวนกันอย่างขวักไขว่ มือของเขาสองคนกระชับกันแน่น วิ่งแทรกผ่านท่ามกลางฝูงชนที่กำลังพลุกพล่าน รอยยิ้มระบายบนใบหน้า เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ดังอยู่ไม่จางหาย คริสจูงคนตัวเล็กวิ่งกว่าเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ จับโน่นมาดู จับนี่มาใส่ราวกับเด็กๆ กระทั่งมาหยุดยืนหายใจหอบปนหัวเราะอยู่ที่ลานน้ำพุกว้างขวางที่หนุ่มสาวมักใช้เป็นที่นัดพบกัน จะว่าไปที่นี่ก็ถือเป็นศูนย์รวมวัยรุ่นยุคใหม่หน้าตาดี แต่งตัวล้ำสมัย ยิ่งผู้หญิงไม่ต้องพูดถึง แม้สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวยแต่พวกเธอก็พกความมั่นใจสวมเสื้อสายเดี่ยว กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นโชว์ผิวขาวสวยอย่างเต็มที่ คริสมองตามสะโพกที่เดินโยกย้ายไปตามการเคลื่อนที่จนน้ำลายแทบจะไหล อย่าคิดว่าไม่ทัน ชานยอลรีบยกมือขึ้นปิดตาอีกคนอย่างหึงหวง ปากเบะงอนเหมือนเด็กๆ จนคริสอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ของสวยๆ แบบนี้มองครั้งเดียวก็เบื่อแล้ว แต่ของน่ารักแบบนี้ ต่อให้มองอีกกี่ครั้งก็ไม่มีทางเบื่อ คริสเลื่อนใบหน้ามาหอมแก้มอีกคนเบาๆ จนบรรดาเด็กผู้หญิงที่จับกลุ่มยืนอยู่ไม่ไกลส่งเสียงวี้ดว้ายกันยกใหญ่ ไม่ใช่เพราะอิจฉาก็คงเป็นพวกสาววายนั่นแหละ ทั้งสองมานั่งพักในร้านไอศกรีมที่ถูกตกแต่งได้อย่างน่ารักเหมาะกับคู่รักมานั่งสวีทแบบลับตาผู้คน ไอศกรีมถ้วยใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะระหว่างคนสองคน ช้อนยาวยื่นป้อนให้อีกฝ่าย รอยยิ้มชัดเด่นตลอดเวลาและไม่มีทีท่าว่าจะเลือนหายไป แม้แต่พนักงานสาวยังแอบมองยกถาดปิดปากด้วยความเขินอายแต่ก็แอบคิดเสียดายผู้ชายหน้าตาดีทั้งคู่ที่กลายมาเป็นคู่รักกันซะเอง
“ เป็นอะไรเหรอ ” ชานยอลเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายเมื่อคริสเกาแขนตัวเองจนเกิดรอยแดง
“ มันคันๆ น่ะ ”
“ อย่าเกาสิ แดงหมดแล้วเห็นไหม ”
“ เดี๋ยวมันก็หายครับ สงสัยแพ้เหงื่อ ”
ชานยอลพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะกลับไปสนใจไอศกรีมด้านหน้าของตนต่อ คริสพยายามอดทนและกลับมาตักไอศกรีมเข้าปากแต่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติกับร่างกายของเขา ผิวขาวที่เรียบเนียนกลับมีขนสีทองขึ้นแซมเล็กน้อย หากไม่สังเกตก็ไม่เห็นแต่ทว่ามันผิดปกติ มือหนาเลื่อนมือมาคลำที่ก้นกบตนเองหลังจากรู้สึกนั่งไม่สบายและปวดเมื่อย
!!
ห … หาง
ตาคมเบิกโตด้วยความตกใจ ลูกตากรอกไปมาอย่างวิตกเมื่อสัมผัสเจอสิ่งประหลาดแต่กลับรู้สึกคุ้นเคย ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะยาวเพียงไม่ถึงสิบเซนติเมตรแต่ก็รู้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราได้ตลอดไป
ประโยคนี้เป็นจริงเสมอ หลายครั้งที่ชานยอลเคยคิดว่าหากคริสกลายเป็นสุนัขโกลเด้นสี่ขาเหมือนเดิม ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ในสมองขาวโพลนไปหมด ไม่มีคำตอบลอดเล็ดออกมา เวลาผ่านเลยไปและไม่คิดย้อนถามคำถามนี้กับตัวเองอีกเลย เช่นเดียวกันกับคริส … จนวันหนึ่ง วันที่เข็มนาฬิกาเดินย้อนทางของมัน
ได้กลิ่นดราม่าแล้ว T_T ช่วงเอ็นซีนี่กากมากค่ะขอโทษด้วยจริงๆ ไรเตอร์ไม่เก่งเท่าไหร่เลยตัดฉับๆๆ ไม่บรรยายถึงอารมณ์มาก แค่พอหอมปากหอมคอแต่ก็ฟินได้ใช่เปล่า กร้าก แต่พี่คริสจนขึ้นหางงอกแล้ว อย่าด่าไรเตอร์ พยายามไม่ให้หน่วงละนะแต่ว่าทำไงได้ เรื่องมันต้องมีเป็นไปตามเรื่อง มาแบบไม่มีเหตุมีผลก็ต้องกลายร่างคืนแบบไม่มีเหตุมีผลเหมือนกัน ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ จะบอกว่า ตอนจบแล้ว T________T
ความคิดเห็น