คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : So Special สงกรานต์ : วัน'ครอบครัว ของผม'
--------------------------------------------------------------
สุดท้ายก็รอดตายค่ะ ดีใจมาก เเละมันทำให้ภัสรู้ว่า 'ชีวิตภัส ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่รักเลย '
ตอนนี้กลับมาบ้านที่หาดใหญ่เเล้วค่ะ เคลียร์เรื่องร้านที่นี่เรียบร้อยเเล้ว ปรากฏว่า ต้องย้ายร้านค่ะ TT เเต่ไม่ใกล้จากสาขาเดิมเท่าไร^^
--------------
ตอนพิเศษ สงกรานต์
“คัท! ”
เสียงผู้กำกับตะโกนมาแต่ไกล ทำให้ผมที่กำลังทำหน้าระรื่นเป็นพรีเซ้นต์เตอร์ลูกอมยี่ห้อหนึ่งอยู่หยุดแอคติ้งแล้วรีบคว้ากระดาษทิชชู่จากพี่ช่างแต่งหน้ามาคายลูกอมรสชาตินรกส่งมาเกิดนี่ออกจากปากผมเสียที หลังจากที่อมมันมาได้ซักพัก =_____= ถ้าถามว่าโฆษณาตัวนี่ ค่อนข้างจะได้เงินเสียเหลือเกิน แต่เงินน่ะผมไม่สนเท่าไหร่หรอก มันเทียบกันไม่ได้กับการทรมานอมลูกอมรสมะเขือเทศที่โคตรอี๋~ แล้วให้ทำหน้าฟิลประมาณว่า มันเป็นลูกอมที่หล่นลงมาจากฟ้า ประมาณนั้น!
ได้โปรดอย่าถามว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร .. ขอให้คิดถึงน้ำมะเขือเทศเติมน้ำหวานแล้วใส่เกลืออัดเม็ดดูสิครับ รสชาติสุดบรรยายจนต้องรีบคายภายในสองวิหลังจากที่ลิ้นแตะ
“ แหมมม น้องแกรมค่า~ พรุ่งนี้สงกรานต์ไปเที่ยวไหนดีค่ะ?”
พี่ต้า หรือเจ๊ตาต้า สาวประเภทสองที่ถูกจัดอันดับว่า หน้าตา(ไม่)ดี ชนะเลิศ จีบปากจีบคอพูดกับผม
“ ไม่ครับ ผมคงไม่เล่น โตแล้ว” ผมตอบไปอย่างบ่ายเบี่ยง ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่า เจ๊แกจะล่อลวงผมไปทำมิดีมิร้าย
“ โตจริงรึเปล่าค่ะ คิกๆ”
=___________________=<<< อารามแบบ เอ่อออออออออออ???
“ ถ้าอยากเล่น น้ำ ล่ะก็ โทรหาพี่ตาต้าได้ยี่สี่ชั่วโมงเลยนะค่า ”
เจ๊แกว่าจบก็...สะบัดตูดเดินบิดไปทำงานต่อทันที เฮ้อ~ ผมเจอคนแบบนี้บ่อยมาก ตั้งแต่ที่เริ่มเซ็นต์สัญญาหลังปีใหม่กับไอ้เด็กเมื่อวานซืนลูกเจ้าของบริษัทโฆษณา จนนับไปนับมาก เฮ้ยยย เกือบสามเดือนแล้วที่มาทำงานในวงการบันเทิงโยที่ผมไม่ได้ชอบสักนิด แต่ที่ยอมเซ็นต์เนี่ยเพราะเห็นแก่เด็กมัน มันคงโดนพ่อกับพี่ชายล้างสมองแล้วส่งมาตื้อผมแน่ๆ
เฮ้อ~ ถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดสิบของวัน ผมคงอายุสั้นไปเยอะเลยแหละ คิดแล้วก็ได้แต่ เซ็ง เซ็ง เซ้ง ไม่รู้ว่าผมจะเซ็งอะไรนักหนา กะอีแค่ไอ้เด็กเวรของผมไม่มา เพราะมันไปดูหอมหาลัยกับเพื่อน แต่พูดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ ทำไมมันไม่ไปดูวันอื่นว่ะวันที่กูไม่มีงานอ่ะ
แล้วทำไมต้องไปคิดถึงมันด้วยเนี่ย!
ตอนแรก ก็แค่อยากแกล้งมัน ให้มันคอยมาดูแลผมเพราะว่า ไอ้งานดูแลนายแบบคงไม่ใช่แนวมัน มันคงจะทำไปด้วยความเต็มประดามากกว่าเต็มใจ ผมแค่อยากให้มันทรมานให้มันรู้เสียบ้างว่า การที่ผมมาเป็นนายแบบผมไม่ชอบ และการที่มันมาดูแลผมมันก็ไม่ชอบเหมือนกัน หึ! แฟร์ดี อยู่กันอย่างอึดอัดแบบนี้แหละ ดีแล้ว พอมันสุดจะทดจริงๆมันก็จะไปฟ้องพ่อแล้ว สัญญาก็อาจโมฆะได้ ตอนนั้น...... ผมคิดแค่นั้น...จริงๆ
แต่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าผมคิดแค่ไหน กับมัน รู้เพียงแค่ วันนี่เป็นวันแรกที่มันไม่มาดูผมถ่ายแบบหรือโฆษณา ผมกลับเอาแค่มองเหม่อแล้วถอนหายใจเฮือกๆ จนคนในสตูฯถามบ่อยๆ
“ อ้าวแกรม เป็นไงถ่ายโฆษณาตัวแรกของชีวิต หลังจากที่ถ่ายแต่ภาพมานาน”
เสียงของซีนอนทักมาระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปลานจอดรถ ซีนอนเป็นทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ในวงการที่ผมรู้จัก เขาน่ะเรียกได้ว่าคิวทอง รับงานยาวไปถึงสองปีหน้า =___= ทั้งในเอเชียและยุโรปรวมถึงอเมริกา เป็นนายแบบที่อินเตอร์จริงๆ
“ ก็ดี ว่าแต่นายมีอะไร ” ผมยักไหล่ให้ พร้อมกับถามซีนอนต่อ
“ เปล่า~ แค่มาทักทาย แล้ววันนี้น้องชายสุดที่รักฉันไปไหนแล้วล่ะ ”
“ เป็นพี่ที่ดีจริงๆ เรื่องน้องตัวเองยังมีหน้ามาถามคนอื่น เฮ้อ...ไม่รู้ว่าครอบครัวไม่อบอุ่น หรือว่า นายมันเป็นพวกแปลกแยกสังคม ฉันว่าอย่างหลังมากกว่า ดูพ่อแม่แล้วก็น้องๆนาย เขาก็ปกติดี”
“ อบอุ่นคร้าบบบบบบบบ อบอุ่น ! มันก็ตามประสาของคนมีพ่อแม่....แท้ๆ”
ประโยคหลังเหมือนเสียดแทงเข้าไปในขั้วหัวใจของผมจริงๆ ..... เพราะ คนที่ผมเรียกว่า ‘พ่อแม่’ เขาเป็น เพียงพ่อแม่ทูนหัวเท่านั้น ที่จริงก็คือ เป็นเพื่อนสนิทของพ่อแม่จริงๆ ที่จากไป ผมไม่เคยเห็นหน้า ‘พ่อแท้ๆ’ หรอกครับ เท่าที่จำความได้ แม่มิกิ แม่แท้ๆที่เป็นชาวญี่ปุ่นของผม ไม่เคยพูดถึงเรื่อง ‘พ่อ’ จนเมื่อ ผม12ขวบ แม่มิกิโดนรถชนเสียชีวิต ผมจึงโดนอุปการะโดยเพื่อนของแม่ทั้งสองคน ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ย? มันก็คงสุขมั้งครับ แต่ก็คงอบอุ่นไม่เท่าแม่แท้ของตัวเอง
“ ฮึ... งั้นกลับบ้านก่อนดีกว่า ไหนๆก็จะวันครอบครัวแล้ว ขอตัวกลับไปอยู่กับ พ่อแม่ไม่แท้ก่อนแล้วกัน เชิญคนครอบครัวอบอุ่น! บ้างานต่อไปนะครับ บาย ”
ซีนอนกำหมัดแน่น ขบกรามเป็นสัน ดวงตาดูเกรี้ยวกราดน่ากลัวคนอื่นคงจะกลัวกับท่าทางแบบนี้ แต่สำหรับผมมันเหมือนแมวที่กำลังขู่ฟอดๆ จนขนหางพองมากกว่า ไม่ได้น่ากลัวสักนิด ผมยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะออกรถไปอย่างรวดเร็ว
RRRRRRR
เสียงริงโทนที่ตั้งไว้เฉพาะคนพิเศษ ดังขึ้น ผมกดรับและสวมBluetooth ปลายสายเจ้าของเสียงใสๆรีบทักทายอย่างเป็นกันเอง นี่เป็นปีที่8 แล้วที่ผมได้ใช้ชีวิตร่วมกับแม่มัดจี
“ แกรมลูก อยู่ไหนครับ”
“ ขับรถอยู่ครับ ”
“ แกรมจ๊ะ แม่กับพ่อต้องไปดูสาขาที่เมลเบิร์นน่ะลูก พอดีผู้จัดการที่นั่นน่ะ เขาเข้าข่ายยักยอกเงิน พ่อเขาไม่สบายใจ เลยอยากไปสอบสวนเอง จากนั้นแม่ว่าจะไปเยี่ยมเคียฟที่ซิดนีย์ พ่อกับแม่คงไปนานหน่อย”
เคียฟที่แม่ว่าคือลูกชายแท้ของแม่มัดจีกับพ่อคาล เคียฟเป็นคนเก่งทำงานดี เขาเป็นหนุ่มใหญ่ที่ใครๆก็หมายปอง อายุอานามก็สามสิบกว่าๆแล้ว มีแฟนก็คบๆเลิกๆตามประสา ‘คนที่ยังไม่ใช่’
“ ครับ งั้นแค่นี้นะครับ ”
“ ครับลูก แม่รักแกรมนะครับ”
“ครับ”
ผมกดวางสายของแม่ไป มือถือที่กำลังจะวางมันลงก็ต้องค้างไว้เท่านั้น เพราะมีสายหนึ่งเข้ามา เป็นสายที่ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะโทรมา?
ร้อยวันพันปี ขนาดสึนามิเกิดมันยังไม่โทรมาเลย โลกจะแตกป่ะว่ะ?
“ ฮัลโหล”
[ ฮะ คุณแกรม เชลนะ คือจะโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้ผมลางานอีกวันนะ พอดีจะไปเที่ยวสงกรานต์ที่โคราช]
ไอ้เด็กเปรตมันพูดแบบอ้อนตีนสุดๆ =_= ให้ตายเถอะ มันไม่รู้หรือว่ามันไม่ได้ดูตารางงานของผมกันแน่ว่าพรุ่งนี้ผมไม่มีงาน
มันช่างเป็นคนที่ไม่ใส่ใจนายแบบในสังกัดตัวเองเลย อย่างนี้มันต้องแกล้งซะหน่อย หึหึ
“ จะบ้าเหรอนายนี่! จะมาลาต่อกันสองวันได้ไง” ผมทำเสียงดุไปตามสไตล์ ทั้งๆที่ในใจเนี่ยยิ้มจนแก้มจะปริแล้ว เต่ใจมันไม่มีแก้มเอาเป็นว่า ยิ้มจนกล้ามเนื้อหัวใจปริ
[ โหย คุณแกรม ให้ผมไปเหอะนะ]
เสียงมันอ่อนลงแบบกลัวๆ หึหึ สมน้ำหน้า! คิดว่าจะสงสารเหรอไม่มีทางโว้ยย
“ แล้วไปกับใคร กี่คน!”
[ ไปคนเดียวครับ คุณกะ..] มันพูดยังไม่ทันจบประโยคผมก็แทรกเข้าไปก่อน
“ งั้นฉันไปด้วย เจอกันพรุ่งนี้ 6 โมงหน้าบ้าน ห้ามเลท!”
[ เฮ้ยย ! คุณเดี๋ยวๆ อยากเพิ่งวางนะ คุณจะไปทำมั้ย แล้ว....ไม่มีงานหรือไง คุณจะ..]
ติ๊ด.
ไม่ฟังมันแพล่มหรอกครับตัดสายทิ้งแม่.งเลย =_= หึหึ คอยดูพรุ่งนี้เหอะมึง!
ผมมารอไอ้เด็กเวรอยู่ที่หน้าบ้านของมัน วันนี้ดูจะเงียบผิดปกติ จนสักพักเชลมันก็เดินมาหาผมด้วยหน้ายุ่งๆ
“ ผมบอกคุณหรือยังว่าผม ไม่ ให้ คุณ ไป ” มันเน้นเสียงทุกคำพูดจนผมก็ตกใจ กับสีหน้าและท่าทางของมันที่รมณ์ไม่จอยส์สุดๆ ราวกับว่าประจำเดือนไม่มาแล้วหงุดหงิด
“ ก็จะไป นายมีปัญญาเหรอ? ” น้ำเสียงกวนตีนของผมก็ลอยไปเตะต่อมโมโหของมันอย่างจังเลยล่ะครับ แล้วมันก็ด่าๆ ว่าๆผมสารพัดจนแม่มันคงจะได้ยิน เลยเรียกให้เข้าไปคุยกันในบ้านดีๆ เชลมันก็มีส่งสายตามาค้อนผมนิดๆ แล้วก็อัญเชิญผมเข้าบ้านมันอย่างเป็นทางการ(ครั้งแรก)
บ้านมันก็อบอุ่นดีครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ไม่เว่อร์เหมือนบ้านคนดังหลายๆคน สวนหน้าบ้านที่จัดไม่กว้างมากแต่มีพืชหลายอย่างปลูกอย่างละนิดอย่างละหน่อยจนสวยงามและร่มรื่นไปอีกแบบ
“ สวัสดีครับคุณน้า ” เมื่อเจอแม่ของเชลมันจังๆก็รีบมือไม้อ่อนทันทีเลยครับ แม่เชลเป็นคนที่ดูอบอุ่นและก็น่ารักไปตามประสาคนอายุราวสี่สิบกว่าๆ
“ จ้า ว่าแต่ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ ” คุณน้าร้องถามผมเบาๆ สายตาเอ็นดูและเป็นมิตร ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนเป็นคนที่ผมรู้จักมานาน
“ แกรมไงแม่ นายแบบคนที่ซีนเล่าให้แม่ฟังน่ะ ”
“ อ๋อ นึกว่าใคร เรียกแม่ก็ได้จ๊ะแกรม แหม..หล่ออย่างนี้นี่เอง พ่อเราถึงอยากได้มาทำงานหนักหนาน่ะ แล้ววันนี้จะไปไหนกันจ๊ะมาแต่เช้าเชียว ” คุณแม่ก็ดูจะปลื้มผมมาก แต่ชินแล้วครับ คนมันหล่อไปไหนก็มีแต่คนมอง(อ้วกกกกกกกกก)
“ เชลบอกว่าจะไปโค...” เชลมันกระโดด(เขย่ง)ขึ้นมาเอามือปิดปากผมไว้ แม่มันก็มองอาการปัญญาอ่อนของลูกชาย กับ อาการเลิ่กลัก ของผมสลับกันไปมา โดยที่แม่เองก็คงจะงงๆบ้างแล้วแหละ
“ ผมกับพี่แกรมจะไปสนามหลวงฮะ”
ปฎิกิริยาของผมแทบเปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่อได้ยินคำว่า ‘สนามหลวง’ เฮ้ย???? ไหนบอกจะไปโคราชฟร่ะ ไปไมเนี่ย? สนามหลวง
แม่มันก็เลิกคิ้วสูงอย่างโคตรงง ผมก็หันหน้าไปหามันอย่างงงๆ เหมือนกัน
“ ก็เชล...เชลจะ..ไป..จะไป... ไปถ่ายรูปพระเมรุฮะแม่”
พระเมรุ?????????????
โอ้วมายบุดดา มันมีกะจิตกะใจไปถ่ายด้วยเลยว่ะ
หลังจากที่มันบรรยายให้ท่านแม่ของมันฟังถึงสรรพคุณ เอ้ย! พระเมรุว่ามีความสวยงามวิจิตรตะการตาขนาดไหน เป็นยังไง อะไรทำมาจากไหน ส่วนโน่นส่วนนี่ของพระเมรุ อย่างละเอียดราวกับเป็นมัคคุเทศน์น้อยอะไรเทือกนั้น แม่มันก็อนุญาตให้ไป
พอก้าวแรกที่มันเช้ามาให้รถมันก็ด่าผมเป็นสเต็ปๆ ว่าที่จริงมันน่ะจะมาเซอร์ไพรส์ วันเกิดแม่มัน แม่มันเกิดวันนี้ครับ เลยอ้างผมว่าไปโคราชเพื่อจะไม่ให้ผมตามมันกลับมาทำงาน(ดูเหตุผลมันซิ) แล้วจากนั้นมันก็ใช้ผมสารพัด(กูเป็นเจ้านายมึงนะเว้ยยย) ตั้งแต่ไปเอาของขวัญยันเค้กที่มันสั่งทำ จนในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้านเสียที
“ Happy birthday to you. Happy birthday to you. Happy birthday Happy birthday
Happy birthday to you
.. วู้ๆๆๆ สุขสันต์วันเกิดฮะแม่ ”
ถามว่าทำไมผมถึงมาอยู่ในบรรยากาศอันอบอุ่นของครอบครัวนี้ ผมตอบได้ว่าผมโดนชวนมา งานเลี้ยงเล็กๆในครอบครัว มีแม่ พ่อ แล้วก็ลูกชาย กับเจ้านายของลูกชาย โดยไร้เงาของลูกชายคนโต
“ แล้วนี่แกรม ไม่กลับไปอยู่บ้านกับคุณแม่เหรอจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ที่อบอุ่นคล้ายๆกับแม่มัดจีที่กำลังไปทำงานอยู่เลยครับ ผมส่ายหน้าน้อยๆให้เธอ
“ คุณแม่ไปต่างประเทศครับ แต่ว่าคุณแม่จริงๆ เสียไปนานแล้ว”
หลังจากนั้นเธอก็ถามผมเรื่องคุณแม่จริงๆ ผมก็เล่าให้เธอฟังอย่างละเอียด พอเธอฟังก็ถึงกับน้ำตาคลอด้วยความสงสารผม
“ เห็นมั้ยเชล พี่แกรมไม่มีคุณแม่อยู่ด้วย ยังเข้มแข็งเลย ดูเป็นตัวอย่างซะนะ”
แล้วเชลมันก็พยักหน้าแบบขอไปทีของมัน จากนั้นก็ค้อนผม(อีกแล้ว) แล้วเดินหายเข้าไปในครัวพร้อมกับพ่อของมัน
“ แม่เองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานมั้ย ถ้ายังไง เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ แล้วแกรมยังคอยเป็นห่วงเชลอย่างนี้แม่ก็สบายใจ เพราะพ่อเค้าน่ะ ก็บ้าแต่งาน ส่วนลูกชายแม่อีกคนก็บ้าพอๆกัน แม่ก็คงจะห่วงแต่เชลนี่แหละ เลยอยากฝากให้ดูๆกันหน่อยนะลูก”
แม่พูดด้วยเสียงที่อบอุ่น ที่ฟังกี่ครั้งก็ยังเหมือนอะไรสักอย่างที่มาหล่อเลี้ยงหัวใจ ใบหน้ายิ้มแย้มแบบผู้ใหญ่ทำให้ผมคลายกังวลและไม่รู้สึกเกร็งกับคนคนนี้
มือเล็กๆเรียวๆของแม่ลูบผมของผมอย่างแผ่วเบา
“ ถ้าไม่มีใครจริงๆ บางทีถ้าแกรมไม่ว่า แม่ก็อยากให้แกรมคิดซะว่า ‘นี่เป็นครอบครัวของแกรม’อีกครอบครัวหนึ่งนะจ๊ะ”
บางที ครอบครัวของผมไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ เพราะตอนนี้ในความรู้สึกผม มันอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบคร้บ
ความคิดเห็น