ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้าทำทุกอย่างเพื่อนาทีนี้ [TheKingdom]

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่สี่ เถ้าธุลี

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 54


    บทที่สี่ เถ้าธุลี

    “ฆ่าพวกมันซะ อย่าให้เหลือซากทิ้งไว้ โดยเฉพาะนางกำนัล” เสียงเย็นเฉียบจากใต้ผ้าคลุมเอ่ยขึ้น เสียงอันนเยียบเย็นที่ทำให้ภาคย์ศิราขนลุกซู่ เสียงแบบนี้นแทบจะไม่เหมือนเสียงคน เหมือนไม่มีชีวิต

    แต่ภาคย์ศิราไม่มีเวลาให้หวาดกลัว แค่ได้ยินคำว่า ฆ่า เขาก็ไม่รอฟังให้จบประโยค ภาคย์ศิราใช้จังหวะนั้นยกเท้าขึ้นถีบทหารตรงหน้าทันที ร่างสูงใหญ่ของทหารร่างบึ้กล้มลงไปกับพื้นด้วยความไม่ได้ตั้งตัว ภาคย์ศิราไม่รอให้คนถูกถีบยืนขึ้นมาได้ ชายหนุ่มรีบคว้ามือเพจแล้วออกวิ่งทันที

    จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงเขาไม่ใช่ผู้ชายแข็งแรงขนาดจะสู้รบปรบมือกับไอ้ทหารพวกนี้ได้ แต่ถ้าแค่ถีบแล้วหนีล่ะก็ ยังอยู่ในระดับที่ไม่เหนือไปกว่าความสามารถ

     “ท่านภาคย์ศิรา ระวังค่ะ!!!

     “เฮ้ย!!!

    วิ่งออกมาได้ไม่เท่าไหร่ อยู่ๆเพจก็หวีดร้องขึ้น เธอขืนมือไว้แล้วกระชากให้ภาคย์ศิราล้มลงทันเวลาเฉียดฉิวก่อนที่ชายหนุ่มจะวิ่งเอาตัวเองเข้าไปเสียบกับปลายดาบของนายทหารผมสั้นคนนั้นพอดี เธอยื่นมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า ภาคย์ศิราเบิกตากว้างจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าเมื่อเห็นแสงสว่างสีชมพูเรืองแสงออกมาจากฝ่ามือเพจ แล้วนายทหารผมสั้นที่ไม่รู้โผล่มาได้ยังไงคนนั้นก็กระเด็นไปสองเมตร

     “กรี้ดดดดดดด ท่านภาคย์ศิรา!!” พอเพจหันกลับมาดูชายหนุ่มที่ถูกนางกระชากล้มอยู่ก็ต้องร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัวอีกรอบ เมื่อนายทหารผมยาวโผล่มายืนคล่อมภาคย์ศิราไว้และกำลังเงื้อดาบที่ด้ามประดับด้วยอัญมณีสีดำมีลายเหมือนเกล็ดงู

     “ว๊ากกกก!!” ภาคย์ศิราได้แต่แหกปากร้องตะโกน เขาพยายามจะยกข้าขึ้นยันไอ้ผมทองนี่ออกไปแต่ก็ขยับตัวไม่ได้

    !!ชิบหาย!!

    นี่มันไม่ตลกเลยนะ! เขาจะมาตายตรงนี้ไม่ได้ ถ้าจะมาตายที่โลกนี้เขายอมตายตั้งแต่ตอนรถชนนั่นดีกว่า อย่างน้อยศพเขาก็จะอยู่ที่นั่น พ่อกับแม่เขาจะได้ไม่ต้องค้างคาใจ! เขาจะมาตายอย่างนี้ไม่ได้! ไม่เอานะ!!

    ขณะที่ภาคย์ศิราเริ่มสวดมนตร์ เพจยื่นมือมาทางทหารผมยาว แล้วสีชมพูสดใสก็เจิดจ้าขึ้นจากฝ่ามือนางกำนัลสาวอีกครั้ง ทีนี้ร่างของทหารผมยาวที่กำลังตวัดดาบลงบนร่างภาคย์ศิราก็กระเด็นไปชนกำแพงของตึกข้างๆอย่างแรง

    ภาคย์ศิราเห็นว่ารอดแล้วถึงกับน้ำตาร่วงออกมาหยดนึงอย่างโล่งอก แต่ก็ยังไม่สามารถขยับตัวได้อยู่ดี ในจังหวะที่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมขวัญตัวเองที่แตกกระเจิงออกไปกลับเข้าร่าง ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นทหารผมสั้นที่กระเด็นออกไปตอนแรกโผล่มายืนข้างหลังเพจ

     “ข้างหลัง!!!!” ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง พยายามจะลุกขึ้นวิ่งไปช่วย แต่ก็ไม่สามารภขยับตัวได้ และสิ่งที่เขาเห็นต่อมา ก็เปลี่ยนจิตใจเขาไปตลอดกาล

    อัญมณีสีขาวบนดาบของทหารผมสั้นราวกับจะทอแสงเจิดจ้าขึ้น ภาคย์ศิราร้องลั่น ดังกว่าตอนที่มีดาบเงื้ออยู่บนตัวเขาเองเสียอีก ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนลุกขึ้นให้ได้ แต่ก็เปล่าประโยชน์ เขาได้แต่ร้องเสียงหลงเมื่อปลายดาบปักทะลุอกนางกำนัลสาว ปลายดาบทะลุร่างบอบบางปักลงกับพื้น พอเจ้าของดาบกระชากดาบขึ้น เลือดก็ไหลนองทันที กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ปลายดาบโชกไปด้วยเลือดสีสดจนหยดลงที่พื้น ภาคย์ศิราช็อคจนตาค้าง หยุดความพยายามจะขยับตัวลงทันที

    ยังไม่ตายหรอกมั้ง เพจยังไม่ตายหรอก เมื่อกี้เขายังจับมือเธออยู่เลย คงยังไม่เป็นไรหรอก ถูกแทงแผลเดียว เดี๋ยวไปหาหมอก็คงหาย เพจจะไม่เป็นไร ชายหนุ่มพยายามปลอบตัวเอง พยายามตั้งสติที่เหลืออยู่น้อยเต็มที

    แต่ความหวังที่ภาคย์ศิราพยายามบอกตัวเองก็ดับวูบ เมื่อปลายดาบปักลงบนร่างเพจอีกครั้ง อัญมณีสีขาวลายเกล็ดงูเรื่อเรือง คราวนี้ร่างหญิงสาวไหม้เกรียมทันทีจนกลายเป็นเถ้าธุลี เมื่อลมพัดผ่านอีกครั้ง ละอองเถ้าก็ฟุ้งกระจายหายไปในอากาศ แม้แต่เลือดที่เคยนองพื้นและเปื้อนปลายดาบก็หายไปด้วย ทิ้งไว้แต่กลิ่นคาวเลือด กลิ่นเหม็นไหม้ และกลิ่นของความตาย

     “พอลลุค” ฆาตกรที่ยังคงถือดาบอยู่ในมือเรียกฝาแฝดผู้พี่ที่กำลังเดินตรงไปหาภาคย์ศิราหลังจากโดนเหวี่ยงออกไป

     “ข้าประมาทไปหน่อย” เจ้าของชื่อพอลลุคบอกเสียงเรียบๆ เขาเดินมาหยุดตรงหน้าภาคย์ศิรา แล้วเงื้อดาบขึ้นตั้งใจจบงานที่ค้างไว้

    ว่ากันว่าคนเราจะเข้าใจชีวิตมากที่สุด ก็เมื่อวินาทีสุดท้ายของชีวิตนี่แหละ ภาคย์ศิราเข้าใจแล้ว เขาคิดถึงโลกของเขา คิดถึงชีวิต คิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงน้องๆ คิดถึงเพื่อน คิดถึงสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ คิดถึงสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่ก็ทำลงไปแล้ว คิดว่าคนเรามันก็แค่นี้เองสินะ เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย ให้ตายเถอะนี่เขายังไม่ทันได้เจ็บด้วยซ้ำ! แต่ก็นั่นแหละ เขากำลังจะตาย

    ภาคย์ศิราหลับตาแล้วเริ่มสวดมนตร์

    แต่ปลายดาบก็ยังไม่ปักลงมาเสียที ภาคย์ศิราลืมตาขึ้นเห็นทหารทั้งสองคนกำลังขมวดคิ้วมองไปทางปากซอยของตรอกแห่งนี้ ทั้งสองหันกลับมามองหน้ากัน

     “อาซาเลีย” พอลลุคกระซิบเสียงเบา เมื่อภาคย์ศิรากระพริบตาอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของทหารทั้งสองนายก็หายไปแล้ว

    ชายหนุ่มถอนหายใจ พยายามขยับตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อจากนั้น เสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังมาจากถนนทางปากซอย

     “ภาคย์ศิรา!!” เสียงร้อนรนร้องลั่น

    ...เขารอดแล้วใช่มั้ย....

    คนถูกเรียกหันไปมองต้นเสียง เห็นเรือนร่างสวยสะคราญวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาจนพระเกศาสีแดงสดยุ่งเหยิง พระนางทรุดวรองค์ลงข้างๆชายหนุ่ม พระหัตถ์เรียวยาวปัดไปสำรวจไปทั่วร่างภาคย์ศิราหาร่องรอยการบาดเจ็บพลางตรัสถาม “เป็นอะไรหรือเปล่า เพจล่ะ!

     “ผมขยับตัวไม่ได้” ภาคย์ศิราตอบ พยายามอย่างหนักไม่ให้เสียงสั่น  พอถูกตรัสถามถึงเพจ ภาคย์ศิราแทบไม่อยากจะขยับตัวไปไหนอีกแล้ว

    เขาจะบอกไปได้ยังไงว่าเพจตายแล้ว และเป็นเพราะเขาเอง ที่เพจต้องตายเป็นเพราะเขาเอง ถ้าเขาไม่มานอนตัวแข็งแบบนี้เขาคงช่วยอะไรเธอได้บ้าง ถ้าเขาวิ่งเร็วกว่านี้พวกนั้นคงไล่ตามมาไม่ทัน ถ้าเขาถีบไอ้ทหารนั่นแรงกว่านี้มันคงกลับมาทำเพจไม่ได้ ถ้าเขาไม่รั้นจะออกจากวังเจ้าหญิงเธอคงไม่ต้องติดตามมาเจอเรื่องแบบนี้

     “ใจเย็นๆนะ” ตรัสก่อนจะนาบฝ่ามือลงตรงกลางอกภาคย์ศิรา แสงสว่างเรืองรองขึ้นจากพระหัตย์ ภาคย์ศิราอุ่นวาบไปทั้งตัว ก่อนจะสะดุ้งเฮือกและกลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง

    ตอนนั้นเองที่เสียงโหวกเหวกของคนอีกหลายคนวิ่งตามเจ้าหญิงเข้ามา

     “พระองค์หญิง อย่าเสด็จมาแต่องค์เองสิพระพุทธเจ้าค่ะ!!” เสียงแหบห้าวเสียงหนึ่งในหลายๆเสียงทูลกับองค์หญิง ภาคย์ศิราเห็นผู้พูดเป็นชายร่างสันทัด ผิวสีน้ำผึ้ง ผมสีดำสนิท ดวงตาคมสีม่วงไวโอเล็ต ติดตามเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างๆเจ้าหญิง พร้อมด้วยนายทหารหลายคนกรูกันตามเข้ามา

     “ภาคย์ศิรา เพจอยู่ไหน” เจ้าหญิงตรัสถามอีกครั้งโดยไม่สนใจผู้ติดตามตาสีม่วงที่กำลังสั่งพวกทหารให้กระจายกำลังอารักษ์ขาพระนาง เจ้าหญิงอาซาเลียช้อนท่อนพระกรพยุงให้ภาคย์ศิราลุกขึ้นนั่ง พระหัตย์อีกข้างยังคงปัดป่ายสำรวจไปทั่วจนภาคย์ศิราต้องคว้าพระหัตถ์ไว้ แล้วส่ายศีรษะว่าเขาไม่เป็นไร

     “เพจล่ะ” องค์หญิงตรัสถามซ้ำ

     “ผมไม่รู้ ผมเห็นเพจถูกแทงสองครั้ง หลังจากนั้นก็..” ภาคย์ศิราละล่ำละลักเสียงสั่นๆ ยังรวบรวมสติได้ไม่ครบ “กลายเป็นเถ้า”

    เหล่าทหารพากันฮือฮาเมื่อได้ยินคำตอบของภาคย์ศิรา หลายคนเดือดดาล หลายคนเศร้าสลด เจ้าหญิงอาซาเลียเบิกพระเนตรกว้างเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะปิดเปลือกพระเนตรลงครู่หนึ่งราวกับไว้อาลัยให้ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ

     “พอลลุค กับคาสเตอร์ แน่” ชายนัยตาสีม่วงสันนิฐานถึงฆาตกร

    เจ้าหญิงพยักหน้าก่อนจะเปิดพระเนตรอีกครั้ง “ป่านนี้คงหายตัวกลับวังฟทอเชียสไปแล้ว”

     “ภาคย์ศิรา ทำไมพวกมันถึงทำร้ายเจ้า” องค์หญิงตรัสถาม ทรงกุมมือชายหนุ่มไว้แน่นเมื่อสัมผัสได้ว่ามันเย็นเยียบ

     “พ...เพราะผม เพราะผมชวนเพจออกมา เธอบอกแล้วว่ามันอันตราย” ภาคย์ศิรางึมงำแทบไม่เป็นภาษา จมอยู่กับห้วงความรู้สึกผิดและสะเทือนใจอย่างหนักจนไม่ได้ยินกระแสรับสั่งด้วยซ้ำ

     “ฟังข้า ตั้งสติสิภาคย์ศิรา! ใจเย็นๆ” เจ้าหญิงอาซาเลียพยายามเรียกสติชายหนุ่มคืนมา

     “เพราะผมไม่ยอมฟัง ผมคิดแต่อยากออกมาเที่ยว ผมมันเลว คิดแต่เรื่องของตัวเอง เอาแต่ใจ เพจถึงได้เป็นแบบนี้ ผมทำให้คนตาย! ผม.....!

    ประโยคงึมงำจับใจความไม่ได้ของภาคย์ศิราถูกหยุดกลางคันด้วยจุมพิตจากเจ้าหญิง ภาคย์ศิราเบิกตาค้างกับรสชาติของริมฝีปากแสนหวาน สติทั้งหมดที่กระจัดกระจายกลับเข้าร่างอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนจูบแรกที่เจ้าหญิงประทาน ครั้งนั้นเป็นจุมพิตอันหยอกเย้าไร้ความหมาย แต่ครั้งนี้ริมฝีปากอุ่นๆที่ภาคย์ศิราสัมผัสราวกับส่งผ่านคำปลอบโยนและช่วยมอบพลังมาให้ ชายหนุ่มจูบตอบโดยไม่อยากให้มันจบลง มือข้างหนึ่งยกขึ้นประคองพระพักตร์องค์หญิงอย่างเคลิบเคลิ้ม

     “ภาคย์ศิรา ข้ารู้เจ้ากำลังสะเทือนใจ แต่ตอนนี้เจ้าต้องตั้งสติ แล้วตอบคำถามของข้า” สุรเสียงนุ่มนวลตรัส ดวงพระเนตรสีทองสุกปลั่งสะกดสายตาชายหนุ่มไว้

    ภาคย์ศิรารวบรวมสติ สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วบอกตัวเองให้เข้มแข็ง บอกตัวเองว่าอย่างอแง ต่อจากนี้ไปจะอ่อนแอไม่ได้

     “ผมกับเพจอยู่ในตลาด แล้วไปเห็นพวกนั้นเข้า เพจบอกว่าเป็นคนที่ชื่อครอคัส กับทหารสองคน เราเห็นมันเข้าไปในร้านๆนึง ผมไม่รู้ว่าเป็นร้านอะไร แล้วเพจก็รีบพาผมออกมา แต่พวกนั้นเห็นเข้า ผมคิดว่ามันพยายามปิดปากเรา”

     “ครอคัสงั้นหรอ เพจว่าอย่างนั้นหรอ” เจ้าหญิงตรัสถามอย่างแปลกใจ

     “ครับ เขาใช้ผ้าคลุมคลุมปิดไว้ทั้งตัว แต่เพจบอกว่าแหวนที่มือเป็นแหวนประจำตัวของครอคัส” ถาคย์ศิราทูลตอบ พยายามนึกย้อนรายละเอียดทุกอย่างให้ได้ เพราะยิ่งเขานึกได้มากเท่าไหร่ ก็คงจะยิ่งเป็นประโยชน์ในการลงโทษฆาตกรนั่นมากขึ้นเท่านั้น แม้เขาจะยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าระบบยุติธรรมที่นี่เป็นอย่างไร

     “แล้วทหารสองคนที่ว่า เป็นฝาแฝด คนนึงผมสั้นคนนึงผมยาวใช่มั้ย” ตรัสถามอีก

     “ครับ”

     “เมอร์รุส” คราวนี้พระองค์หญิงหันไปตรัสกับชายนัยตาม่วง “ให้ทหารค้นให้ทั่วตลาด เผื่อพวกมันยังอยู่ ระวังอย่าให้ทาทาร่าไหวตัวล่ะ ข้าว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ แล้วก็ให้ใครตามวิลิโอไปที่วังข้าด้วย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×