ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ficแก้บน TonJames: To love and be loved is everything!!

    ลำดับตอนที่ #6 : Fic TonJames ตอนพิเศษ The Gambling 5/5

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 54


    ในช่วงที่เป็นเพลงอยากให้ทุกคนเปิดเพลงตามไปด้วยนะคะ มันจะได้อารมณ์มากกกกกก

    Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง

    ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด

    ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ

    ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ

    ......

    อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด

    ......


    Fic TonJames ตอนพิเศษ The Gambling 5/5

    Type: AU PG-15 และ NC-20บางตอน

    เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ

     

    คุณเคยเล่นพนันมั๊ย

    ผมว่าทุกคนคงเคย

    ถ้าคนที่คุณรักเล่นพนันล่ะ

    คุณจะลงโทษเขายังไง!!!

    ..........................................................

     

    หลายๆคนคงจะชอบแกล้งคน ผมน่ะไม่ค่อยจะแกล้งใครหรอกนะ แต่ถ้าลองได้แกล้งก็ขอจัดหนักๆหน่อยล่ะกัน เอาให้จำไปไม่ลืมเลย แต่การแกล้งของผมก็ไม่ได้ว่าจะเอาสนุกอย่างเดียว...มันมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ด้วย

    ในตอนเช้าที่สดใสท่ามกลางรถราที่ขวักไขว่ไปมา ถ้าใครมาเห็นรถที่ผมกำลังนั่งอยู่ตอนนี้คงจะแปลกใจ บรรยากาศในรถเหมือนข้างหนึ่งเป็นกลางวันอีกข้างหนึ่งเป็นกลางคืน แล้วไม่ใช่กลางคืนธรรมดานะเป็นคืนเดือนมืดซะด้วย ในฝั่งคนนั่งผมกำลังนั่งฮัมเพลงสบายอารมณ์ ในขณะที่ผั่งคนขับมีคนตัวสูงนั่งหน้าอึนเสียยิ่งกว่าอึน สายตาอึนๆที่ปรายมามองผมเป็นระยะๆบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ถ้าถามว่าทำไมคนตัวสูงถึงเป็นแบบนี้ มันมาจากบทลงโทษของผม

    บทลงโทษของผมก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรือพิสดารแปลกประหลาดอะไร แค่คนตัวสูง ห้ามพูด กับผมแม้แต่คำเดียว อย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา อาจจะครึ่งวัน หนึ่งวัน สามวัน คือจนกว่าผมจะพอใจนั่นเอง ทำไมผมถึงลงโทษแบบนี้ ก็เพราะผมรู้ดีว่าการห้ามเจมส์ไม่ให้พูดดูจะทรมานกว่าการให้อดข้าวอดน้ำซะอีก ยิ่งห้ามพูดกับผมด้วยแล้ว ดูจะทำให้เขาทรมานทุรนทุรายมากทีเดียว เขาชอบพูดชอบคุยกับผมมาก สังเกตุได้จากทุกคืนที่เราคุยโทรศัพท์กัน เชื่อมั๊ยละว่าผมมักจะฟังเขาคุยจนผมเผลอหลับไปเลยล่ะ...

    ที่สำคัญที่การลงโทษครั้งนี้ดูจะทรมานสำหรับคนตัวสูงมาก เพราะเขาต้องแสดงออกมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเพื่อให้ผมเข้าใจและรับรู้ ทุกอารมณ์ ทุกความรู้สึก ทุกความต้องการ ที่เขาต้องการถ่ายทอดมาถึงผม

    “เจมส์...ต้นอยากกินอาหารญี่ปุ่น...เย็นนี้ไปกินกันนะ” เรามักจะไปหาอะไรกินด้วยกันช่วงเที่ยงหรือเย็นหลังเลิกเรียนแบบนี้เสมอ

    คนตัวสูงพยักหน้ารับสองสามทีให้ผมรู้ว่าเข้าได้ยินและเห็นด้วย “แล้ว...ไปร้านไหนดีอ่ะ” ผมจงใจตั้งคำถามใส่เขา ทั้งๆทีรู้ว่าเขาโดนลงโทษอยู่ ก็อยากจะรู้ว่าจะหลุดพูดออกมามั๊ย

    เจมส์หันมามองหน้าผมแป๊ปนึงแล้วหันกลับไปสนใจถนนข้างหน้าต่อ ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ผมรู้สึกสนุกแหะ ลองแหย่ไปเรื่อยๆดีกว่า

    “งั้นวันนี้เจมส์เลี้ยงนะ” ปกติเวลากินข้าวกันเราจะแบ่งกันจ่ายคนละครึ่งหรือผลัดกันเลี้ยง คราวนี้ผมแกล้งแหย่ให้เขาเลี้ยงข้าว ดูซิว่าจะหลุดพูดออกมามั๊ย

    คนตัวสูงปรายตามองผมด้วยสายตาอึนๆ ผมเดาว่าคงจะหงุดผมพอสมควรเลยละ เขาพยักหน้าแรงๆทีนึง ประมาณว่าเลี้ยงก็ได้วะ!! แต่ก็ยังคงควบคุมตัวเองไม่ให้พูดออกมา สารภาพตามจริงนะผมรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ผมกำลังคิดว่าผมอาจจะโรคจิตเล็กๆนะที่ชอบแกล้งแฟนตัวเองแบบนี้

    ผมหัวเราะเบาๆให้กับคนขับหน้าอึนของผมที่ทำเสียงจิจ๊ะอยู่เรื่อยๆเหมือนเด็กโดนขัดใจ ผมขยับตัวไปทางเบาะคนขับเอียงหัวลงไปพิงกับไหล่คนตัวสูง จะเอาแต่แกล้งเขาอย่างเดียวก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ผมควรจะอ้อนนิดอ้อนหน่อยให้คนโดนลงโทษมีกำลังใจบ้าง

    ผมเอาคางเกยกับไหล่หนา พยายามส่งสายตาหวานๆให้คนหน้าอึน เขาชำเลืองมองผมสักพักแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ  มือหนายกขึ้นมาลูบหัวผมไปมาเบาๆ ถึงตอนนี้สายตาจะยังดูหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่เจ้าตัวดูผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว แม้จะอยู่ในช่วงลงโทษแต่ผมคิดว่ายังไงเราก็เป็นแฟนกัน จะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาแกล้งก็คงจะไม่ดี เราต้องรู้จักประคับประคองอารมณ์ของคนรักไม่ให้ติดลบจนเกินไป

    เราเดินทางมาถึงมหาลัย คนตัวสูงเดินมาส่งผมถึงใต้ตึกเรียน ผมแปลกใจอยู่หน่อยๆเพราะปกติเขามักจะส่งผมแค่ที่ลานจอดรถ อาจจะเป็นเพราะว่าเปลี่ยนสถานะภาพกันแล้วมั่งเขาเลยกล้าเดินมาส่งผมให้คนอื่นเห็นแบบนี้ เขายื่นหนังสือและชีทเรียนให้ผม ถึงมันจะไม่ใช่ของหนักมากมายอะไรแต่ก็เหมือนเป็นความเคยชินไปแล้วที่คนตัวสูงจะถือให้ผมเสมอ  

    “เจมส์...รีบไปเรียนนะ...แล้วตั้งใจเรียนด้วยล่ะ”  ผมโบกมือให้เขาหน่อยๆเป็นสัญญาณว่าผมจะขึ้นตึกเรียนแล้ว ผมหันหลังจะเดินเข้าในตึกเรียนแต่ต้องชะงักตัวไว้ เพราะเจมส์ดึงแขนผมไว้เบาๆ ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามคนตรงหน้าว่ามีอะไร ซึ่งเขาไม่สามารถพูดตอบผมได้เพราะโดนลงโทษอยู่

    คนตัวสูงจับมือผมให้หงายมือแล้วแบมือออก ก่อนจะใช้นิ้วเรียวของตัวเองแทนปากกาวาดบางอย่างลงไปในมือผม เขาค่อยๆลากช้าๆเพื่อจะให้ผมเข้าใจในทุกสัมผัสที่นิ้วเรียวลากผ่าน ผมมองตามปลายนิ้วของเขาพยายามเก็บรายละเอียดทุกสัมผัส ....รูปหัวใจ....คือสิ่งที่คนตัวสูงวาดลงไปบนฝ่ามือของผม เด็กบ้านี่!!! ขนาดพูดไม่ได้แต่ยังทำผมเขินได้อีก เก่งจริงนะไอ้เรื่องแบบนี้

    ผมเห็นแววตาวิบวับที่คนตัวสูงส่งมาให้ น่าหมั่นไส้จริงๆ รู้ว่าผมเขินอยู่ยังจะทำเป็นมองแบบนี้อีก ผมเหวี่ยงทั้งหนังสือเรียนทั้งชีทในมือผมออกไปตีไหล่ไอ้เด็กบ้าของผมแรงๆ คนตัวสูงไม่ตอบโต้อะไรเพียงแค่หัวเราะขำๆ หยิกแก้มผมหนึ่งทีด้วยความรวดเร็วแล้วก็ต้องรีบวิ่งจากไป เพราะผมกำลังเตรียมจะทุบหัวไอ้เด็กเจ้าเล่ห์นี่ แต่ไม่ทันเจ้าตัววิ่งหนีไปได้ซะก่อน

    “นั่นแน่ๆๆๆๆๆ.....ฮิ้ววววว......อร๊ายยยยยย” เสียงโห่เฮหนวกหูพวกนี้ดังตามมาหลังจากที่คนตัวสูงวิ่งกลับไป ก็ไม่ได้มาจากที่ไหนไกล เหล่าเดอะแก็งของผมเนี่ยแหละ จะเสียงดังกันทำไมเนี่ยคนเขามองกันหมดแล้ว

    What!!! ผมทำเป็นถามเสียงดังๆใส่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้รีบวิ่งขึ้นตึกเรียนไป ผมไม่ต่อความด้วยหรอกเพราะเห็นวี่แววแล้วว่ายังไงผมก็ต้องแพ้ เวลาโดนใครแซวเรื่องความรักผมมักจะไปไม่เป็นซะทุกที

    ......

    ......

    ผมนั่งอยู่ใต้ตึกเรียนมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมกำลังรอแฟนมารับไปกินข้าวเหมือนอย่างทุกๆวัน วันนี้เรานัดกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน แต่ปกติเขาจะไม่เคยปล่อยให้ผมรอนานขนาดนี้นะ ไม่รู้มีอะไรรึป่าว

    “...ติ๊ด...ติ๊ด....” เสียงข้อความเข้าเรียกความสนใจจากผม คงเป็นคนตัวสูงแหละ สงสัยคงจะติดธุระอะไรอยู่แน่เลย

    ...My knight....

    I had a meeting. -_____-“”

    …I will go.

    …Love  >o<

    ถึงจะลงโทษให้ห้ามพูดด้วยแต่ก็ไม่ได้ห้ามส่งข้อความนี่นะ อย่างงี้ก็คงไม่ผิดกฏผมพอจะอนุโลมได้ แฟนผมนี่ก็ฉลาดพอตัวแหะ คนตัวสูงติดธุระจริงๆอย่างที่ผมคิดไว้ คงประชุมงานกลุ่มับเพื่อนแน่เลยเพราะอีกไม่ถึงเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้ว

    ผมส่งข้อความกลับไป

    .

    .. My lord...

    Dont worry. ^_____^

    ...I walk to you.

    ... ^o^

    บางทีผมก็คิดเหมือนกันนะว่าผมนี่ท่าจะเป็นเอามาก ตั้งแต่คุยกับเจมส์มาเนี่ยตัวผมเองเปลี่ยนไปมาก บางอย่างที่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะทำได้ก็ทำมาแล้ว ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้รู้สึกก็รู้สึกมาแล้ว ความรักนี่ทำให้คนเราเปลี่ยนไปจริงๆนะ

    ผมค่อยๆเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินนอกอาคาร ผ่านตึกเรียนต่างๆ ตึกเรียนของเราห่างกันพอสมควรแต่ถ้าไม่รีบร้อนอะไรก็สามารถเดินเท้าไปหาได้อยู่ ผมเองก็ไม่ได้บอบบางขนาดเดินไปไหนมาไหนเองไม่ได้เปลี่ยนเป็นเดินไปหาคนตัวสูงบ้างก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

    ผมมาถึงตึกเรียนของเด็กนิติฯแล้ว และกำลังมองหาร่างสูงๆอยู่ ด้วยสรีระแบบนั้นไม่ต้องเสียเวลาหานาน ผมเจอเขากำลังนั่งอยู่กับเพื่อนๆในคณะ น่าจะประชุมงานกันอยู่เพราะดูเคร่งเครียดกันพอสมควร ผมเลือกที่จะหาที่นั่งรอไกลออกมาหน่อยเพราะไม่อยากไปทำลายสมาธิและที่สำคัญคือ ผมยังไม่อยากเป็นประเด็นมากนัก เพราะแค่นี้แทบทุกคนที่ผ่านไปมาก็มองผมกันแตกตื่นแล้ว ก็พอจะรู้ว่าที่มองน่ะเพราะอะไร เดือนคณะBJMมาทำอะไรแถวนี้

    ผมนั่งรออยู่เงียบๆ จนคนในกลุ่มที่ประชุมกันอยู่เริ่มลุกขึ้นขยับตัวเก็บข้าวของ คงจะเลิกประชุมกันแล้ว ผมลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปหาคนตัวสูง แต่ก็ต้องชะงัก มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปหาคนตัวสูงในมือถือถุงใบใสข้างในผมสามารถสังเกตุเห็นได้ว่าเป็นเค้กก้อนเล็กก้อนหนึ่ง

    น้องผู้หญิงคนนั้นยื่นถุงเค้กให้เจมส์ ซึ่งเจ้าตัวดูงงๆแล้วถามกลับไปประมาณว่าให้ใคร น้องผู้หญิงคนนั้นยังคงแสดงเจตนารมณ์อยู่ว่าจะให้คนตัวสูง เจ้าตัวจึงรับเอาถุงเค้กนั้นไปพร้อมกับส่งคำขอบคุณกลับไป ผมจะไม่อะไรหรอกนะถ้าสายตาที่น้องผู้หญิงส่งไปให้เจมส์เป็นสายตาธรรมดา แต่นี่มันไม่ธรรมดา!!! ผมดูออก และชัดมากขึ้นเมื่อน้องผู้หญิงไม่จบแค่ให้ของแต่กลับชวนคุยต่อ ทำหน้าตาแอ๊บแบ๊วส่งสายตาระริกระรี้ซะขนาดนั้น ผมชักจะอารมณ์ขึ้นมานิดๆแล้วซิ

    ผมค่อยๆเดินไปหาสองคนนั้นเงียบๆ ตาของผมพยายามเก็บทุกรายละเอียด ผมสังเกตุคนแถวนั้นเริ่มพุ่งความสนใจมาที่ผมทันทีเมื่อผมเริ่มออกเดิน นี่คงจะซุ่มดูกันได้สักพักแล้วซิท่า ผมพยายามรักษาภาพพจน์ตัวเองนับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ในใจไปเรื่อยๆ แต่แล้วไอ้ที่นับไว้ก็ไม่ช่วยอะไรเลยเมื่อน้องผู้หญิงคนนั้นเล่นหนักมากกว่าเดิม

    น้องผู้หญิงหยิบหมวกออกจากกระเป๋าสะพานของตัวเองเหมือนจะเอามาอวดคนตัวสูง แล้วทำเป็นใส่ๆถอดๆอยู่สองสามทีก่อนจะยื่นให้คนตัวสูงและพูดประมาณว่าให้ใส่ให้หน่อย...อ้าว อิเด็กนี่!! ใส่หมวกเองไม่เป็นต้องมาให้ผู้ชายใส่ให้ แล้วผู้ชายที่ไหนมีเยอะแยะไม่ไป มาให้แฟนพี่ใส่ให้ น้องช่างกล้า!! ผมเห็นเจมส์อิดๆออดๆแต่พอน้องผู้หญิงเขย่าตัวไปมาแบบไม่ยอม คนตัวสูงจึงจัดๆหมวกแล้วใส่ให้

    ผมเดินเข้าไปหาทั้งคู่แบบเงียบๆแต่ผมคงแผ่รังสีอะไรบางอย่างออกมาแรงไปหน่อยเพราะยังไม่ทันจะก้าวไปถึงตัวเจมส์ก็หันมาเจอผมซะก่อน คนตัวสูงดูตกใจมากที่เห็นผมอยู่ตรงนั้นรีบเดินมาหาผมทันที น้องผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะตกใจปนงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น

    ผมปรายตามองคนตัวสูงที่ตอนนี้หน้าเสียจนไม่รู้จะเสียยังไง เขาเหมือนจะพูดอะไรซะอย่างออกมาแต่ผมยกนิ้วชี้หน้าไว้เป็นการเตือนว่าเขาโดนลงโทษอยู่ห้ามพูดกับผม

    “เสร็จธุระยัง?” ผมถามคนตัวสูงแต่เสียงที่ใช้ดังและคมพอที่คนบริเวณนั้นจะได้ยินกันชัดเจน น้ำเสียงที่ออกมาบ่งบอกได้ดีว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหน

    คนตัวสูงพยักหน้าหงิกงักบอกให้ผมรู้ว่าเขาเสร็จธุระแล้ว เจมส์พยายามจะจับมือผมเพื่อพาผมเดินออกไปจากตรงนั้น แต่ผมขืนตัวไว้และจ้องหน้าเขา

    “ต้นมานั่งรอเจมส์ตั้งนานแล้วนะ มัวแต่ทำอะไรไร้สาระ!!อยู่ได้” ผมเน้นคำว่าไร้สาระแรงๆ ผมพูดประโยคนี้เพื่อที่จะบอกเขาว่าผมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่แรก

    เจมส์รีบยกมือส่ายไปมาประมาณว่าไม่มีอะไร เออ..รู้ว่าไม่มีอะไร เพราะถ้ามีอะไรล่ะก็ ผมไม่ยืนนิ่งๆแบบนี้แน่

    ผมจิกตามองถุงเค้กในมือคนตัวสูง ซึ่งเจ้าตัวพยายามทำภาษามือบอกผมว่าไม่มีอะไร “อยากกินมากนักหรือไง!! นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะผมไม่ต้องการคำตอบ ผมแค่ต้องการเหวี่ยง!!

    คนตัวสูงส่ายหัวไปมาแรงๆประมาณว่า..ผมไม่ได้อยากกินจริงๆนะ.. “ไม่อยากกินแล้วจะถือไว้ทำไม!! ผมสื่อสารชัดเจนลงในประโยคว่าผมไม่ต้องการให้เขารับของจากคนอื่น เจ้าตัวดูจะเข้าใจที่ผมต้องการสื่อ เขาเดินกลับไปหาน้องผู้หญิงคนนั้น เหมือนจะเอาถุงเค้กไปคืน แต่คนตัวสูงเหมือนคิดอะไรได้กลับตัวเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน เขาเดินไปข้างกำแพงและวางถุงเค้กนั้นลงใน..ถังขยะ!!.. แล้วรีบเดินกลับมาหาผม

    ต้องบอกว่าการกระทำของเจมส์ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาเลยทีเดียว นี่ถ้ากรี๊ดได้ผมจะกรี๊ดดังๆซะที ผมมองอย่างเหยียดๆ ไปที่น้องผู้หญิง น้องเขาเองเมื่อเห็นเค้กตัวเองโดนหย่อนลงถังขยะก็หน้าหดเลยทีเดียว ผมได้เสียงเพล้งๆจากใบหน้าของน้องเขา นี่ถ้ามุดดินได้เธอคงทำไปแล้วล่ะ จริงๆผมไม่ใช่คนร้ายกาจนะแต่ผมยอมรับว่ารู้สึกสะใจเล็กๆ

    เราออกมาจากมหาลัยและไปกินข้าว ถึงผมจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังทำตัวนิ่งๆตลอดเวลาตั้งแต่ที่เรากินข้าวจนส่งผมถึงบ้าน เจมส์เองก็พยายามเอาอกเอาใจตลอดเวลา อาจจะเกินเหตุไปด้วยซ้ำ คอยตักนู้นตักนี่ให้ คอยเดินโอบเอวอยู่ข้างๆ เปิดปิดประตูรถให้อีกตาหาก นี่ถ้าอุ้มผมเดินได้คงทำไปแล้วล่ะ เจ้าตัวคงอยากให้ผมอารมณ์ดีเหมือนเดิม

    ผมเองก็รู้อยู่เต็มอกนะ ว่าเจมส์ไม่ได้คิดอะไรกับน้องผู้หญิงคนนั้น ผมมาลองคิดๆดู คนตัวสูงดูแลผมดีมากๆๆๆตลอดวันนี้ทั้งที่ตัวเองไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดกับผมได้ทำให้รู้สึกผิดยังไงบอกไม่ถูก

    เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นหน้าจอปรากฏชื่อคนโทรเข้า...My knight.... เจมส์โทรมาหาผมได้ยังไงในเมื่อผมยังไม่อนุญาตให้พูดกับผมได้เลยนิหน่า หรือว่าเจ้าตัวมีเรื่องร้ายแรงอะไรรึเปล่านะ เพราะอย่างคนตัวสูงไม่มีทางขัดคำสั่งผมอยู่แล้ว ผมรีบกดรับสายและตั้งใจฟังเสียงจากโทรศัพท์

    เสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียงของเจมส์แต่เขาไม่ได้กำลังพูดกับผม เขากำลัง...ร้องเพลง...

    ...มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้

    มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที        ... เสียงนุ่มๆที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น ผมตั้งใจฟังทุกคำที่เสียงร้องนุ่มๆนั่นเปล่งออกมา

     

    แม้ว่ามันไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที

    แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้                                                ... เหมือนภาพเหตุการณ์ของเราสองฉายเข้ามาในหัวของผม

     

    ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม

    เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม ... ผมเห็นภาพแผ่นหลังแข็งแรงที่คอยบังผมให้ลงบันไดโดยไม่โดนชน

    หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม

    ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน   ... ผมเห็นภาพคนช่างพูดที่นั่งอยู่บนทางเท้าเพื่อรอช่างซ่อมรถเป็นเพื่อนผม

     

    มันคงเป็นความรัก ที่มีคำว่าชีวิต เลยฟังดูมีความหมาย

    มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้การรอคอย เป็นเรื่องง่ายดาย ...ผมเห็นภาพมือแข็งแรงที่คอยรับหนังสือเรียนผมไปถือให้ทุกวัน

    แม้ว่ามันไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดอะไรมากมาย

    แต่ว่าการรอคอยนี้ก็คุ้ม เพราะมีเธอเป็นจุดหมาย            ...ผมเห็นภาพที่คนตัวสูงจะนั่งรอผมเลิกเรียนที่เดิมทุกวัน ไม่ว่าเย็นหรือดึกแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น

     

    จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม

    เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม     ...ผมเห็นภาพดอกกุหลาบสีแดงยับๆดอกหนึ่งที่คนตัวสูงยื่นให้ผม เป็นดอกกุหลาบที่สวยที่สุดสำหรับผม

     

    หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม

    ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน   ...ผมเห็นภาพคนตัวสูงตั้งชื่อเขาในโทรศัพท์ให้ผมว่า ...My knight..

     

    ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป

    ในวันนั้นหันมามองเถอะ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้       ... ผมเห็นภาพเขานั่งรอผมอยู่หน้าผับด้วยแววตาของความเป็นห่วง

     

    และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม

    เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม  ...ผมเห็นภาพเขาย่อตัวให้ผมขี่หลังเพื่อเล่นน้ำทะเล

     

    หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม

    ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ ถ้ารอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป

    ได้ยินไหม...... คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน......         ...ผมเห็นภาพเราสองคนกอดกันครั้งแรก มันเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในชีวิตของผม

     

    มันคงเป็นความรัก................

    ผมกำลังร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงร้องไห้ แต่ผมไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้จริงๆตอนนี้ นี่ผมจะเป็นบ้ามั๊ยเนี่ยยิ้มไปร้องไห้ไป ปลายสายวางไปแล้วแต่เป็นเสียงข้อความเข้าแทน

    ...My knight....

    What happened!!

    You cry????

    Wait a minute... I'm going.

    ไอ้เด็กตื่นตูม แค่ผมร้องไห้ก็ทำซะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่าผมร้องไห้ทำไม แต่ผมไม่โทรไปห้ามหรอกนะ เพราะผมเองก็อยากเจอหน้าเขาหมือนกัน มีบางอย่างที่ผมอยากจะบอกเขา

    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียงรถจอดหน้าบ้านทำให้ผมรู้ว่าเจมส์มาถึงแล้ว ผมรีบวิ่งลงไปหาคนตัวสูง แววตาแสดงถึงความเป็นห่วงของเขาส่งมาหาผมทันทีที่เห็นผม เหมือนเจ้าตัวอย่างจะถามว่าผมเป็นอะไรแต่เพราะโดนลงโทษอยู่เลยพูดไม่ได้ คนตัวสูงดึงแขนผมไปแล้วเขียนข้อความด้วยปลายนิ้วลงไปที่แขนผม เขาถามว่าผมร้องไห้ทำไม

    “เพราะเจมส์นั่นแหละ” เจ้าตัวดูทำหน้างงๆกับคำตอบของผม ประมาณว่าผมไปทำอะไรให้พี่เสียใจ เขาดึงแขนผมไปเขียนข้อความอีกครั้ง ...ขอโทษ... เอากับเขาซิ ยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไรแน่ก็ขอโทษซะแล้ว แต่ผมรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก เขาไม่ได้แค่เขียนคำว่าขอโทษที่แขนผมเฉยๆแต่เจ้าตัวลงไปคุกเข่าที่พื้นต่อหน้าผมด้วย คงประมาณว่าเขาต้องการขอโทษจริงๆที่ทำให้ผมร้องไห้

    “เจมส์...พอเหอะ...ต้นเลิกลงโทษแล้ว” ผมหัวเราะเบาๆตอนนี้น้ำตาที่เพิ่งแห้งไปกลับไหลออกมาอีกแล้ว

    “ต้นร้องไห้ทำไม เป็นอะไร เจมส์ทำอะไรให้รู้สึกแย่หรอ เจมส์ขอโทษนะๆ หยุดร้องนะๆๆๆ” พอผมเลิกการลงโทษคนตัวสูงก็ลุกขึ้นมากอดผมไว้หลวมๆแล้วรั่วคำถามมาเป็นชุด มือหนาคอยเช็ดน้ำตาบนหน้าผมอย่างเบาๆ

    ผมใช้มือทั้งสองข้างของผมจับหน้าคนตัวสูงไว้ ตาของเราสองคนประสานกัน ผมเห็นเงาของผมสะท้อนในดวงตาของเขา ผมมั่นใจว่าตอนนี้ความรู้ รัก แสดงออกมาชัดจากดวงตาของเราสองคน

    “เจมส์...ต้นรักเจมส์นะ” ผมยังไม่เคยบอกรักเขาเลย ไม่ใช่ว่าผมลืม ไม่ใช่ว่าผมอาย แต่ผมแค่ต้องการให้เราสองคนมั่นใจในความรู้สึกของกันและกันก่อน

    “เจมส์ก็รักต้นที่สุดในโลกเลย” แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันจะเป็นจริงตลอดไป แต่ผมก็ยินดีที่จะรับมันไว้ เขาดึงตัวผมให้ชิดกับตัวเขา ตาเรียวมองมาที่ริมฝีปากผม ผมเข้าใจความหมายและความต้องการของเขาดี แต่ก่อนที่เขาจะประทับจูมลงมา ผมขัดคนสูงขึ้นมาก่อน

    “เจมส์...ต้องสัญญามาก่อนว่า ต่อไปนี้จะไม่เล่นพนันอีก ...โดยเฉพาะพนันจีบคนอื่นเนี่ย” เอาจริงๆนะ ผมไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ ยิ่งคนตัวสูงเป็นคนดื้อๆไม่ชอบการท้าทายซะด้วย ผมล่ะอดจะหวั่นใจไม่ได้จริงๆ เกิดเพื่อนยุหรือท้าให้ไปจีบดาวเดือนคณะอื่นอีก ผมไม่แย่หรอ

    “ครับๆ...สาบานเลยก็ได้ครับ ...ผมขอสาบานว่าต่อไปนี้ไม่เล่นพนันอีก ...โดยเฉพาะพนันจีบคนอื่น...และผมก็ขอสาบานว่าต่อไปนี้ผมจะรักพี่ต้นไปตลอดชีวิตชั่วฟ้าดินสลายตราบนานเท่านานเลย” พอให้พูดได้นี่ นิสัยส่วนตัวมาเลยนะ

    “เจมส์!! อย่าเวิ่น” ผมเหวี่ยงเขาเล่นๆ คนตัวสูงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ต้นกล้าว่าเจมส์หรอ...โดนดีแน่” แววตาเจ้าเล่ห์ที่ผมไม่ชอบถูกเจ้าตัวนำออกมาใช้อีกครั้ง ผมพยายามจะออกจากอ้อมกอดเขา แต่ไม่ทันซะแล้ว ผมโดนคนตัวสูงลากขึ้นรถแล้วจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยล็อคประตูฝั่งผมไว้ให้เรียบร้อย

    “เจมส์...จะไปไหน” ผมถามเขาเมื่อเขาสตาร์ทรถจะออกจากหน้าบ้านผม แววตาและน้ำเสียงของคนตัวสูงแบบในตอนนี้ผมจำได้ดีเขาเคยใช้กับผมเมื่อตอนที่เราไปทะเลด้วยกัน!! “ไปบ้านเจมส์ไง”

    ผมไม่รู้ว่าผมโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มารักเด็กดื้อ ขี้เวิ่น ขี้อึน ที่สำคัญคือเจ้าเล่ห์ที่สุด แต่ถึงยังไงผมก็รักไปแล้วล่ะนะ แล้วก็มีแต่จะรักมากขึ้นด้วย .............แต่ตอนนี้ผมควรคิดก่อนว่าผมจะทำยังไงดีถึงจะกลับบ้านได้อย่างสวัสดิภาพโดยไม่มีส่วนไหนสึกหรอ!!! คุณว่าผมควรทำยังไงดีเนี่ย...                ..............

     

     

     

     

    จบแล้วจ้า

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    หลายคนคงคิดแบบว่ากว่ามันจะจบ..5555 กำลังคิดว่าจะมีตอนพิเศษของตอนพิเศษมั๊ย ยังไงแนะนำตอนพิเศษของ The Gambling กันได้นะคะว่าควรมีมั๊ยควรเป็นยังไง หลังไมค์ไปที่กาน้ำเดือดแล้ว หรือทวิตที่@nansuku นะคะ

     

    สปอยเรื่องหน้า คาดว่าจะมีประมาณสามถึงห้าตอนจบค่ะ

    ของที่ผมอยากได้...ไม่ว่าด้วยวิธีใด...ผมก็จะเอามาให้ได้...แม้ว่าต้องทำลายของชิ้นอื่นก็ตาม

    คนที่ผมต้องการ....ไม่ว่าด้วยวิธีใด...ผมก็จะเอามาให้ได้...แม้ว่าเขาจะมีเจ้าของแล้วก็ตาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×