คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER FOUR
MY STORY IS A LIE:: CHAPTER FOUR
....โง่
....โง่มากเลยจริงๆ ที่ฉันนั่งรอเขาอยู่อย่างนั้น ทั้งๆ ที่เขากลับไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น!
ฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ออก พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาอีก แต่พอนึกถึงใบหน้าและน้ำเสียงที่เฉยชาของเจนัวขึ้นมาทีไหร่มันก็ยิ่งไหลพรั่งพรูออกมายิ่งกว่าเดิมเสียอีก ผู้ชายคนนี้ทำฉันร้องไห้เพราะเขามามากเหลือเกิน
....เมื่อไหร่จะหยุดสักทีนะเจนัว หยุดสักทีเถอะ ได้โปรด....
น่าแปลกอยู่เหมือนกันที่ฉันขับรถกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วยความรู้สึกซ้ำๆ เหมือนคนหมดแรงและอ่อนล้า ฉันขับรถตรงเข้าไปเก็บในโรงจอดรถ ปาดน้ำตาบนแก้มทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก้าวลงรถมา แสงไฟสลัวๆ ที่ถูกเปิดไว้หน้าประตูบ้านสว่างพอที่จะทำให้ฉันเห็นว่ามีคนยืนอยู่ตรงนั้น ฉันรีบก้าวเท้าเดินหน่อยๆ พลางยกนิ้วชี้ขึ้นเกลี่ยคราบน้ำตาอีกครั้ง
“พี่คิม ....ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” ถ้าฉันจำไม่ผิดตอนนี้น่าจะประมาณตีหนึ่งแล้ว...
“ยัง... วันนี้คุณพ่อกลับมาจากฮ่องกง ท่านรอทานข้าวเย็นพร้อมน้ำขิงอยู่ตั้งนาน แต่น้ำขิงก็ไม่กลับมา พี่โทรไปหาก็ปิดเครื่อง นายเหมก็เหมือนกัน”
....ฉันลืมเรื่องคุณพ่อไปสนิทเลย ให้ตายสิ! แล้วพี่เหมหายไปไหน วันนี้ตั้งแต่ตอนเช้าก็ไม่ได้เจอด้วย
“ขิงขอโทษค่ะพี่คิม” ฉันพูดอะไรต่อไม่ออก พี่คิมเองก็น่าจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันจึงไม่ได้ถามอะไรออกมาต่อเช่นกัน ...เขาเพียงแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น
ทั้งๆ ที่ฉันควรจะอยู่ต้อนรับคุณพ่อแต่ฉันกลับไปนั่งรอผู้ชายที่ไม่เคยสนใจใยดีฉันเลย
และการที่พี่คิมยืนรอฉันอยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่านานแค่ไหนมันทำให้ฉันไม่กล้ามองตาเขาเลย
พี่คิมไม่ใช่คนใจร้อนวู่วามเหมือนพี่เหม ....แต่ก็สุขุมเยือกเย็นจนน่ากลัวเลยล่ะ
“เอาไว้ตอนเช้าพี่ว่าขิงไปขอโทษคุณพ่อเองดีกว่า แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง?” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเป็นเอกลักษณ์ของพี่คิมถามกลับมา ...มันฟังดูอบอุ่นยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
“ยังเลยค่ะ”
“ขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมา เดี๋ยวพี่จะทำโจ๊กไว้ให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่คิม พอดีขิงไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เดี๋ยวขิงขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ” ฉันปฏิเสธความเป็นห่วงของพี่คิมไปเพราะไม่อยากรบกวน
“ถ้าจะไม่ทานข้าว ดื่มนมสักแก้วก็ยังดี ขิงขึ้นไปข้างบนก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่เอาขึ้นไปให้”
“แต่ ...ก็ได้ค่ะ” ฉันปฏิเสธพี่คิมเป็นครั้งที่สองไม่ลง ...ฉันรู้ว่าตัวเองทำนิสัยแย่ๆ ออกไปมาก เพราะมั่วแต่คิดเรื่องของเจนัวจนลืมคิดถึงคนใกล้ตัวอย่าง พี่คิม พี่เหม และคุณพ่อ และฉันก็เผลอทำลายความหวังดีของพวกเขาอยู่เสมอ
....ฉันนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ คุณว่ามั้ย?
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าวันนี้ดูมีสีสันขึ้นมาเมื่อมีคุณพ่อมาร่วมด้วย แต่แทนที่ประเด็นสนทนาหลักจะเป็นเรื่องสารทุกข์สุขดิบของคุณพ่อที่ไม่ได้กลับบ้านมานานหลายเดือนมันกลับเป็นเรื่องของฉันกับเจนัวแทน
“คราวที่แล้วพ่อมาก็ทะเลาะกัน ตอนนี้ก็ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?”
“...ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ เริ่มทำอะไรต่อไม่ถูก พอหันไปมองหน้าพี่เหมหวังจะหาตัวช่วยแต่พี่ชายตัวดีกลับก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปากอย่างไม่อยากยุ่งเกี่ยว
.....ก็แหงล่ะ ถ้าพี่เหมพูดเดี๋ยวคุณพ่อก็จะวกกลับเข้าเรื่องของตัวเองกับคู่หมั้นอีก ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเหมือนจะไปด้วยดีอย่างที่คุณพ่อคาดหวัง แต่ฉันก็ดูออกได้ไม่ยากเลยว่าพี่เหมไม่ได้คิดอะไรกับเธอไปมากกว่านั้น
“คู่นี้ทะเลาะกันบ่อยแต่เดี๋ยวก็ดีกันแล้วล่ะครับ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” พี่คิมหันมามองฉันก่อนจะช่วยพูดอีกแรง ถึงแม้ในความเป็นจริงมันจะไม่ตรงกับที่พี่คิมพูดสักเท่าไหร่ ....แต่ก็ยังดีกว่าจะให้คุณพ่อรู้ว่าความรักของฉันกับเขาตอนนี้มันร้าวแค่ไหน
“ทะเลาะกันอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานกัน .....นี่พ่ออยากจะอุ้มหลานเต็มทีแล้ว อีกอย่างลูกกับเจนัวก็คบกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ น่าจะลงเอยกันได้สักที”
“แล้วตอนที่พ่อคบกับแม่” จู่ๆ ฉันก็พูดอีกเรื่องขึ้นมาเสียงอ่อน “....พ่อเคยทำให้ท่านเสียใจไหมคะ?” คุณพ่อขมวดคิ้วแปลกใจที่จู่ๆ ฉันก็ถามเรื่องแบบนี้ บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าแม่ของฉันท่านเสียชีวิตหลังจากที่คลอดฉันออกมา ฟังดูแล้วใจหายนะ ....เพราะฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุการตายของท่านอยู่เสมอ
“อื้ม... เคยสิ หลายครั้งเลยล่ะ พ่อเป็นคนเจ้าชู้ แต่พอได้แต่งงานกับแม่ของลูกก็เลยเลิกไป เพราะพ่อสัญญาว่าจะเลิกเจ้าชู้และไม่มีวันทำให้แม่เสียใจอีก แล้วพ่อก็ทำมันได้จริงๆ ....พ่อเชื่อว่าเจนัวก็เหมือนกัน”
ยิ่งได้ยินคุณพ่อคาดหวังไว้แบบนี้ฉันก็ยิ่งกลัวว่าจะทำให้ท่านผิดหวัง ...ฉันอยากร้องไห้ชะมัดเลย
“ไม่รู้สิค่ะ บางทีเขาอาจจะทำไม่ได้ก็ได้ หรือไม่ ....ก็อาจจะไม่ทำเลย”
“อะไรนะ?”
“คือขิง...”
“พอเถอะครับพ่อ เลิกพูดเรื่องรักๆ ใคร่ บนโต๊ะอาหารสักที เดี๋ยวอาหารเช้าก็พลอยไม่อร่อยไปด้วยหรอก วันนี้พ่อบอกว่าจะออกไปหาคุณลุงพิษณุไม่ใช่เหรอครับ รีบๆ ทานเถอะ ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนแล้วกัน” พี่เหมที่ตอนแรกไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำตอนนี้พูดขึ้นมาอย่างเหลืออดแล้วตัดบทด้วยการลุกเดินหนีออกไปจากโต๊ะอาหารทันทีซึ่งนั่นก็ทำให้คุณพ่อมองตามหลังพี่เหมด้วยสายตาตำหนิ
“ไอ้ลูกคนนี้นี่มันจริงๆ เลย!! ดูมันทำเถอะ!”
วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันไม่คิดจะออกจากบ้านไปไหน อาจจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนด้วยล่ะมั้ง อารมณ์ของฉันเลยเฉื่อยชา หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จคุณพ่อก็ออกไปหาคุณลุงพิษณุ ส่วนพี่คิมก็เข้าบริษัท เหลือฉันกับพี่เหมที่อยู่บ้าน แต่อยู่กันคนละที่ ....ฉันนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก ส่วนพี่เหมน่าจะอยู่ที่สระว่ายน้ำล่ะมั้ง
[ผงซักฟอกสูตรพิเศษผสมโสมสกัดแท้จากเกาหลี คืนความขาวสะอาดตาให้แก่เสื้อของคุณด้วยผงซักฟอกบีสท์บรีสแอคแทค ...]
ติ๊ด!
[อย่านะคะคุณคาวี!!! อย่าทำฉัน ....กรี๊ด!!!!!]
ติ๊ด!
[จะรักก็ไม่รัก จะทิ้งก็ไม่ทิ้ง เธอทำเหมือนฉันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอะไร~]
ติ๊ด!
[ค่ะ คุณสรยุทธ เมื่อวานนี้สำนักข่าวจีจีทีวีของประเทศญี่ปุ่นได้มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับสาหร่ายสีขาวที่ใกล้จะสูญพันธุ์ลงที่บริเวณแทบเกาะโกะกุมน นอกจากนี้...]
ติ๊ด!
[เพิ่มความมั่นใจให้ขอบบิกินีของคุณด้วยวักซ์ครีมขจัดขนภายในสามนาที...]
ติ๊ด!
[ซีอิ๊วถั่วดำตราไก่กินเป็ด....]
ติ๊ด!
[ดื่มน...]
ติ๊ดๆๆ !
[หลักจากที่เมื่อวานมีข่าวเรื่องภาพหลุดเปลือยอกของนางแบบสาวดาวรุ่ง...]
ติ๊ด!
[สาถิ...]
เอ๊ะ...
ฉันรีบกดย้อนกลับไปช่องข่าวซุบซิบดาราเพราะรู้สึกคุ้นกับเหตุการณ์ในข่าวที่เพิ่งถูกกล่าวถึงเมื่อครู่แต่ฉันดันกดเปลี่ยนช่องซะก่อน
ติ๊ด!
[ไม่ค่ะ ไม่ใช่แน่นอน ลินว่าน่าจะเป็นคนหน้าคล้ายกันมากกว่าเพราะว่าเมื่อวานลินไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานที่วัดกับคุณแม่ทั้งวันเลย (แล้วที่มีข่าวว่าน้องลินไม่กินเส้นกับไฮโซสาวคุณน้ำขิง พิศาสดิลกสกุลเพราะเรื่องคุณเจนัวจริงหรือเปล่าคะ?) อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะเพราะลินกับเขาเราก็ไม่ได้รู้จักกันเลย แต่ถ้ากับเจนัวตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันค่ะ]
อะไร... ยัยนี่กำลังพูดอะไรอยู่!!
(แล้วเรื่องรอยช้ำบนหน้าน้องลินจะแก้ข่าวว่ายังไงคะ? เพราะตามข่าวบอกว่าน้องลินกับคุณน้ำขิงมีปัญหากันเรื่องคุณเจนัว) อันนี้ไม่จริงเลยค่ะ ก็บอกแล้วไงคะว่าเมื่อวานลินไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานกับคุณแม่ที่วัดมาแล้วจะเอาเวลาไหนไปทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นล่ะคะ ส่วนเรื่องรอยช้ำบนหน้าลินคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการที่ลินซ้อมละครผิดคิวมากว่า อุ้ย! ...เผลอพูดไปจนได้ (น้องลินรับงานละครแล้วเหรอครับ?) ก็ค่ะ แต่ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้มากนะคะ ขออุบไว้ก่อนดีกว่า (กับคุณเจนัวมีโอกาสที่จะพัฒนามากกว่าเพื่อนหรือเปล่าคะ? เพราะว่าตอนนี้เริ่มมีข่าวว่าน้องลินตกเป็นมือที่สามแล้ว) แหม ลินก็ไม่ได้ไร้ศิลธรรมขนาดไปแย่งแฟนคนอื่นหรอกคะ ...ถ้าเขาเองก็ไม่ไร้ศิลธรรมมายุ่งกับลินก่อน J(พูดแบบนี้ก็แสดงว่ามีโอกาสพัฒนามากเกินกว่าเพื่อนใช่มั้ยคะ?) ลินก็แค่พูดเล่นๆ ค่ะ แต่ว่าอนาคตลินก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ ณ วันนี้เป็นเพื่อนกันจริงๆ .... ]
พึบ! ติ๊ด!
“....พี่เหม!!” ฉันแหวเสียงดังลั่นเพราะจู่ๆ พี่เหมที่เพิ่งเดินเข้ามาดึงรีโมทออกจากมือฉันไปกดเปลี่ยนช่องเฉยเลย!
“ดูแล้วทุกข์ร้อนเองจะดูไปทำไม ดูอะไรที่มันมีสาระซะบ้าง เดี๋ยวสักวันจะเป็นบ้าตาย” พี่เหมหันมาบอกหลังจากที่ทิ้งตัวนั่งลงๆ ข้างกับฉันบนโซฟาตัวเดียวกัน ฉันพยายามจะแย่งรีโมทคืนแต่พี่เหมก็เอามันหนีและสุดท้ายก็เอามันยัดใส่ไว้ใต้เสื้อยืด!
“อยากได้ก็แย่งดิ” พี่เหมพูดหน้าตายเพราะรู้ว่ายังไงฉันก็ไม่กล้าแย่งคืนเด็ดขาด ให้ตายสิ! ใช้วิธีที่น่าเกลียดจริงๆ เลย!
“พี่โตแล้วนะ เลิกแกล้งขิงสักที!!” ฉันแว้ดใส่พี่เหมเสียงดัง อารมณ์กำลังเดือดดาลกับข่าวซุบซิบดาราที่ว่า!
“หัดดูอะไรที่มันมีสาระซะบ้าง นี่ พี่นำเสนอเลยช่องนี้” พี่เหมกดเปลี่ยนช่องทีวีอีกครั้ง และชื่อช่องที่ขึ้นอยู่ตรงมุมด้านล่างของจอก็ทำเอาฉันรู้สึกแปลกๆ ชอบกล
‘ตามติดชีวิตสัตว์โลก’
[แรดเป็นสัตว์กีบคี่ คือมีเล็บ 3 เล็บทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง ลำตัวล่ำหนา ขาสั้นใหญ่ ตาเล็ก ใบหูตั้ง ผิวหนังหนามาก....]
“นี่พี่กำลังหลอกด่าขิงอยู่รึไง!?”
“รายการมันก็แค่อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ พี่ไปหลอกด่าขิงตอนไหนกัน ถ้าพี่ด่าว่าขิงแรดตรงๆ อย่างนี้ก็ว่าไปอย่าง -o-”
“พี่เหม!!!” ฉันตวาดเสียงดัง ในขณะที่พี่เหมกลับนั่งนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย!
“นี่.... ขิงคิดจะเอาเรื่องแต่งงานที่คุณพ่อพูดเมื่อเช้าไปใช้ผูกมัดไอ้เจนัวหรือเปล่า” สายตาของพี่เหมจ้องอยู่ที่จอLED ข้างหน้า แต่ปากกลับเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงนิ่ง ....เปลี่ยนเรื่องเร็วจริงเชียว
“แล้วทำไมขิงจะคิดไม่ได้เล่า!” ฉันสวนกลับอย่างรวดเร็วเพราะยังรู้สึกโมโหอยู่
“เปล่า.... พี่ก็แค่จะเตือนไว้ก่อนว่าเปล่าประโยชน์”
“ไม่แน่วิธีนี้อาจจะใช้ได้ผลก็ได้ ใครจะไปรู้”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยขิง ยิ่งขิงทำแบบนี้มันก็จะยิ่งทำให้ขิงเจ็บ ขิงก็รู้ ...พี่เองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกเธอสองคนเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวพี่แล้วไอ้หมอนั่นมันไม่ใช่เพื่อนพี่ด้วยเนี่ย” พี่เหมพูดแล้วหันมามองฉัน สีหน้าแสดงถึงอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด
นั่นสินะ.... ความเป็นจริงฉันก็รู้ว่าเป็นยังไง แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้อยู่ทุกครั้งไป
“ยังไงขิงก็โง่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ถ้าจะโง่ต่อไปให้มันสุดๆ ก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ... บางทีขิงน่าจะลองทำอะไรสักอย่างที่มันมีจุดหมายบ้าง ....ไม่ใช่วิ่งไล่ตามเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แบบนี้” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นและรู้สึกว่านัยน์ตาเริ่มร้อนผ่าว “แต่พี่เหมไม่ต้องห่วงหรอก ฮึก .....ขิงบังคับให้เขาแต่งงานกับขิงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ยังไงขิงก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ แน่” น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาอีกครั้ง ไหลออกมาทั้งๆ ที่กำลังพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ...ฉันเกลียดตัวเองจริงๆ ที่อ่อนแอแบบนี้....
“...พี่จะทำยังไงกับเธอดีนะน้ำขิง” พี่เหมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นฉันร้องไห้ ก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอดแล้วขยี้ผมฉันเบาๆ อย่างปลอบโยน “...ถ้าพี่ย้อนเวลาไปได้ พี่จะไม่ปล่อยให้มันกับเธอรู้จักกันเลย สาบานเลยจริงๆ”
แต่สำหรับฉันถึงแม้จะย้อนเวลาไปได้สักกี่ครั้ง ฉันก็เลือกที่จะรักเขา ...แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องมันเป็นเหมือนกับตอนนี้....
...ไม่มีวันเด็ดขาด
ความคิดเห็น