ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ {Lab.} Ruemaretias

    ลำดับตอนที่ #6 : ข้อมูที่ไม่เกี่ยวข้อง

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 53


    Felasia(ฟีเีลเซีย)

         

                  บิชช็อบ เกรกอรี่           เทพเจ้าธอร์                    ธันเดอริก                     

     

       

    ซาคิวบัส                       ซิกมันต์ที่3                       เรจิน่า        

    เมืองฟิเลเซียตั้งอยู่บนหุบเขา ฝั่งตะวันตกติดชายฝั่งทะเลและฝั่งตะวันออกติดป่าของเผ่าฟูดีนัน
    เป็นเมืองแห่งความมั่งคั่งและมีระเบียบการปกครองตามระบบชนชั้น
    ผู้คนในเมืองมีวิถีทางแห่งชาตินักรบ เกรียติยศและศักดิ์ศรี คืออุดมการณ์ของชีวิต
    ทั้งยังเป็นเมืองที่น่าเกรงขามทางด้านยุทธศาตร์การรบที่มีกองพลทหาร 1 แสน
    แม้ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกถูกอสูรกายจากเกาะวาร็อกและวังน้ำวนปิปากอม
    รุกรานและอาละวาดอย่างบ้าคลั่งหลายครั้งหลายครา
    แต่ด้วยสายเลือดแห่งอัศวิน ชาวฟิเลเซียจึงปราบพวกอสูรกายเหล่านี้ลงได้ทุกครั้ง
    ชาวเมืองนี้คืออาริยะชนผู้ทะนงในเผ่าพันธุ์ตนเองยิ่งนัก
    และถูกปกครองโดยเจ้าชายแห่งสายลม
    ซิกมันต์ที่ 3
    ผู้หยิ่งทะนงในชาติตระกูลตัวเอง และภูมิใจกับเกียรติ์แห่งอัศวิน
    แต่มักดูแคลนชนเผ่าอื่นว่าต้อยต่ำกว่า และยังมีเจ้าหญิงแห่งสายลม
    เรจิน่า
    พระพี่นางที่รักในศักดิ์ศรี แต่ไม่ดูแคลนผู้อื่น เพราะเธอมีหัวใจที่เปิดกว้างและรักอิสรภาพ

    ครั้นเมื่อกองทัพทมิฬนับแสนแห่ง
    ซาโลม บุกมาประชิดพรมแดนเมืองฟิเลเซีย
    มันจึงเป็นสงครามครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพชาติทมิฬกับอัศวินเลือดนักสู้
    เจ้าชาย
    ซิกมันต์ที่3 นำทัพออกรบโดยมี บิชช็อบ เกรกอรี่ นักบวชศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่
    ผู้มีอาคมแก่กล้า สามารถร่ายมนต์อันเชิญอัศวินเทพสวรรค์ ให้ลงมาช่วยสู้รบได้
    เพียงตวัดหอกแสงเทวะครั้งเดียวจากอัศวินเทพสวรรค์ ประกายแสงแห่งสวรรค์พุ่งออกมา
    ทำลายกองทัพทมิฬจนแตกพินาศยับเยิน จนต้องถอยกลับไปตั้งทัพใหม่
    จอมเวทย์อัคคี จึงได้ว่าจ้างนักปราชญ์มนต์ดำซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาต
    กับบิชช็อบ เกรอกอรี่ มาแต่ครั้งอดีต ให้มาช่วย หากจะล้มฟิเลเซียให้ได้ก็
    ต้องล้ม บิชช็อบให้ได้เสียก่อน ดังนั้น นักปราชญ์มนต์ดำจึงเรียก ปีศาจสาว
    ซาคิวบัส
    ให้ลอบไปยั่วยวนบิชช็อบ เพื่อทำลายฌานอันแก่กล้า แม้บิชช็อบจะได้สติ
    และขับไล่นางปีศาจสาวไปได้ แต่ก็สูญเสียพลังเวทมนต์ไปบางส่วน
    และไม่สามารถร่ายมนต์อันเชิญ อัศวินเทพสวรรค์มาช่วยได้อีก
    ดังนั้นกองทัพแห่งไฟทมิฬจึงฮึกเฮิม และบุกประจัญกองทัพอัศวินที่กำลังเสียขวัญอย่างดุเดือด
    จนกองทัพอัศวินต้องถอยร่นไปตั้งหลัก ณ หน้าเมืองฟิเลเซีย
    บิชช็อบจึงแนะนำ เจ้าชายซิกมันต์ที่ 3 ว่า ทางหุบเขาทางตะวันตกมีวิหาสายฟ้า
    ธันเดอริก
    ซึ่งเป็นนกของธอร์์์์์์์์ื เทพเจ้าแห่งสายฟ้า ผู้มีแสนยานุภาพร้ายกาจและสามารถช่วยรบได้
    ดังนั้นเจ้าชายแห่งสายลม จึงออกเดินทางไปพบกับ เทพเจ้าธอร์
    แต่ด้วยความหยิ่งทะนงและไม่ยอมก้มหัวให้ใครของเจ้าชายซิกมันต์ที่ 3
    หนำซ้ำยังดูหมิ่นเทพเจ้าธอร์ ผู้ซึ่งเป็นเทพแห่งสงคราม จนเกิดการสู้รบขึ้น
    แต่เหมือนดั่งนกกระจอกหาญเข้าปะทะกับพญาอินทรี เพียงไม่ถึงอึดใจ
    เจ้าชาย
    ซิกมันต์ที่ 3 จึงพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และถูกกักขังเอาไว้ที่หุบเขาเทพเจ้า

    เมื่อเจ้าหญิง
    เรจิน่าแห่งเมืองฟิเลเซียรู้ข่าวที่น้องชายถูกกักขัง จึงวิตกกังวลยิ่งนัก
    เจ้าหญิงจึงได้ไปขอร้องเจ้าชาย
    ฮารีซันแห่งฟุริคาอันให้ช่วยเหลือ
    และแล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังหุบเขาตะวันตกเพื่อช่วยเหลือเจ้าชาย
    ซิกมันต์ที่ 3
    ด้วยความเอื้ออาทรของเจ้าชาย
    ฮารีซัน ผู้มีจิตใจเปี่ยมไปด้วยความดีงาม
    และด้วยความอ่อนหวานของเจ้าหญิงเรจิน่า ทั้งสองจึงเกิดความรักขึ้นในห้วงหัวใจ
    และกลายเป็นสายใยแห่งเสน่หา ที่มัดดวงใจทั้งสองเข้าด้วยกัน
    เมื่อทั้งสองมาพบเทพเจ้าธอร์ เจ้าชายแห่งธรณีฮารีซัน จึงคุกเข่าอ้อนวอน
    ขอร้องให้ปล่อยตัวเจ้าชาย
    ซิกมันต์ที่ 3 เทพเจ้าธอร์เห็นความนอบน้อมของเจ้าชายฮารีซัน
    ที่เห็นชีวิตคนอื่นสำคัญกว่าเกียรติ์ของตนเอง ดังนั้นจึงยอมปล่อยตัวเจ้าชาย
    ซิกมันต์
    และทั้งหมดจึงเล่าเรื่องราวของสถานการณ์บ้านเมืองตัวเองให้พระองค์ฟัง
    เทพเจ้าธอร์ จึงมอบ
    นกธันเดอริกให้เพื่อช่วยเหลือชาวเมืองฟิลาเซีย
    ความรักระหว่างเจ้าชายฮารีซันและเจ้าหญิง
    เรจิน่า ก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นเป็นทวีคูณ
    แต่เจ้าชาย
    ซิกมันต์นั้น หยิ่งทะนงในชาติตระกูลตนเองเป็นอย่างยิ่ง
    จึงไม่ใคร่จะยอมรับเจ้าชาย
    ฮารีซัน ที่เป็นเพียงแค่หัวหน้าเผ่าเล็กๆ เท่าไรนัก

    เมื่อทั้งสองเมืองจับมือกันเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมกันต้านศึกกับกองทัพ
    ซาโลม
    เจ้าหญิง
    เรจิน่าและเจ้าชายซิกมันตจึงสถาปนาฟิเลเซียเป็นราชอาณาจักรฟิเลเซีย
    และประกาศสงครามกับกษัตริย์ซาดินและกองทัพไฟทมิฬแห่ง
    ซาโลม
    แม้ทั้งสองเมืองจะร่วมมือกัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถปราบกองทัพซาโลมอันแข็งแกร่งได้
    ดังนั้นเจ้าชาย
    ฮารีซันจึงเดินทางไปขอความร่วมมือจากอีกเมืองหนึ่งทางตอนใต้
    ซึ่งนั่นก็คือประเทศ
    แอนดีซอง

       <<<Back 

       

    จอร์มันการ์ด                    อาลาน่า                      อองเดร    

    ประเทศแอนดีซอง อัครสถานซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่เกาะแอนดีสที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นน้ำแข็ง
    และมีพื้นที่กินดินแดนทางภาคใต้ของทวีป และมีมังกรทะเล
    จอร์มันการ์ด
    ว่ายวนเวียนอยู่รอบๆเกาะ
    แอนดีซองป็นอาณาจักรแห่งการค้าที่รุ่งเรืองที่สุด
    เป็นเมืองที่มีความหรูหราและฟุ่มเฟือยของผู้คน โดยมี เจ้าหญิงสายชล
    อาลาน่า
    ผู้เลอโฉม อ่อนโยนและรักวิถีชีวิตที่สงบ และยอดอัศวินองค์รักษ
    อองเดร
    ผู้จงรักษ์ภักดีต่อราชสำนักและคอยพิทักษ์องค์หญิง และเมือง
    แอนดีซอง
    ภายใต้หน้ากากเหล็กที่ซ่อนอารมณ์เย็นชาดุจน้ำแข็งใต้ทะเลที่มิอาจหยั่งรู้ความรู้สึกนึกคิด
    ชายผู้นี้เองเป็นผู้ที่มีอำนาจควบคุมกำลังพล 3 เหล่าทัพของเมือง
    แอนดีซองไว้

    เมื่อเจ้าชาย
    ฮารีซันเดินทางมาถึงเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อองเดรได้ขัดขวางไว้
    เพราะเกรงว่าจะไม่ได้ผลประโยชน์จากการร่วมกันทำสงคราม
    และถือโอกาสที่มังกรทะเล
    จอร์มันการ์ดว่ายผ่านมา ต่อสู้กับเจ้าชายฮารีซัน
    แต่เจ้าชายแห่งธรณี
    ฮารีซัน ได้ชัยชนะและขับไล่มังกรทะเลไป
    อองเดรยังไม่ลดละ เตรียมจะห่ำหั่นกับฮารีซันให้ถึงที่สุด
    ขณะที่ทั้งสองกำลังจะลงมือสู้กันนั้น เจ้าหญิง
    อาลาน่าได้เข้ามาห้ามไว้
    เพราะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากวงน้ำศักดิ์สิทธิ์ในปราสาท
    เจ้าหญิงตัดสินใจจะช่วย
    ฮารีซันทางด้านการส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์เท่านั้น
    แต่จะไม่ร่วมรบกับกองทัพ
    โซลอมด้วย เพราะเธอนั้นเป็นผู้รักสันติ
    เจ้าหญิง
    อาลาน่าแนะนำให้ฮารีซันสถาปนาเมืองฟูดีนันให้เป็นอานาจักร
    เพื่อให้มีศักดิ์และสิทธิเท่าเทียมกับอาณาจักรทั้งสาม
    เมื่อเจ้าชาย
    ฮารีซันกลับมาถึงเมือง จึงสถาปนามาเป็นอาณาจักรฟูดีนัน
    จากชนเผ่าที่รักสันติ แต่ด้วยภัยร้ายที่มาคุกคาม จึงต้องหันมาทำสงครามเพื่อรักษาเอกราชของเผ่าพันธุ์

    และแล้ว ทวีปเมอริเซีย จึงก่อกำเนิดเป็น 4 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
    ซาโลม อาณาจักรเพลิงมาร
    ฟูดีนัน จิตวิญญาณแห่งผืนดิน
    ฟีเลเซีย ศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ และ
    แอนดีซอง มหาสมุทรกว้างไกลสายน้ำสงบนิ่ง

    นี่คือจุดเริ่มต้นของอภิมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเป็นมหากาพย์แห่งการต่อสู้
    เพื่อการครอบครองอำนาจ เพื่อปกป้องเอกราช และเพื่อศักดิ์ศรีแห่งมาตุภูมิ
    การนองเลือดและการสูญเสียครั้งใหญ่จึงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
    และมันจะถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ของเหล่ามวลมนุษยชาต

         

    ฮารีซัน            วานาอัน          อิกดาซิล               ไพทอน

    ฟูดีนันเป็นเพียงชนเผ่าเล็กๆ ตั้งอยู่ที่ราบลุ่ม โดยมีป่าไม้หนาทึบที่ลึกลับ
    และภูเขาคีรีบันดา โอบล้อมดินแดน ตั้งแต่ภาคเหนือ จรดแนวตะวันออก จนสุดเขตทางภาคใต้
    และเป็นชนเผ่าที่มีผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงกายใจของผู้คนในเผ่ามานานนับปี
    ผู้คนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รักสันติ เช่นเดียวกับเจ้าชายแห่งธรณีฮารีซัน
    เจ้าชายผู้งามสง่า อ่อนน้อมถ่อมตน และเปี่ยมคุณธรรมสูงส่ง
    พร้อมด้วย เจ้าหญิงวานาอัน น้องนางผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาและอ่อนโยน
    ทั้งสองเป็นพี่น้องที่รักใคร่ปองดองกันยิ่งนัก ดั่งมีหัวใจดวงเดียวกัน
    ที่ยึดมั่นในหลักสันติธรรมเป็นอุดมการณ์ค้ำชูจิตใจผองชน
    เหมือนดั่งผืนธรณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ค้ำจุนฟูดีนันเสมอมา

    แต่แล้วความสงบสุขเริ่มถูกไฟแห่งอำนาจที่ย่างกรายเข้ามาเยือน
    กองทัพทมิฬอันแข็งแกร่งแห่งซาโลม บุกประชิดเทือกเขาคีรีบันดาหมายจะช่วงชิงฟูดีนัน
    แต่ด้วยบนยอดเขานั้น มีไพทอน มังกรเจ้าพิภพ 2 หัวที่เลื่องชื่อในตำนานเฝ้าพิทักษ์รักษาอยู่
    ทำให้การจะยกทัพโจมตี ฟูดีนันจากภูเขานั้นเป็นเรื่องยากลำบาก ดังนั้น
    นอริมอร์เจ้าหญิงเพลิงมารแห่งโซโลม จึงลอบขึ้นไปบนเขา และใช้เวทมนต์เปลวเพลิงพิฆาต
    เผาผลาญป่าของชนเผ่าฟูดีนัน เปลวไฟนั้นลุกกระจายไปอย่างรวดเร็ว
    จนใกล้จะถึงเผ่าฟูดีนัน ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นไปทั้งเมือง
    เจ้าชายฮารีซัน และองค์หญิงวานาอัน จึงอพยพชาวบ้านหนีลงมาทางใต้
    เปลวเพลิงยิ่งลุกกระหน่ำขึ้นทุกขณะ องค์หญิงวานาอัน จึงวิ่งกลับไปยังใจกลางป่า
    เพื่อสวดอ้อนวอนต่อทวยเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องป่า
    ด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า ด้วยหัวใจที่รักบ้านเมืองและผู้คนของเธอ
    จึงได้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์ขึ้น เทพีแห่งสายชล อันดีน สถิตที่บึงอันศักดิ์สิทธิ์
    ที่มีแหล่งกำเนิดจากมหาพฤกษาอิกดาซิล ได้บันดาลให้น้ำเอ่อท่วม และไหลย้อนกลับขึ้นเหนือ
    และอิกดาซิลได้สร้างน้ำจากใบเป็นละอองน้ำขึ้นไปสู่ฟ้าอย่างฉับพลัน
    และกลายเป็นฝนห่าใหญ่ตกลงมาดับไฟได้จนหมดสิ้น
    ชาวเมืองฟูดีนันต่างโห่ร้องดีใจกันอย่างยิ่งยวด
    ปรากฏการณ์นี้สร้างความปิติยินดีให้แก่องค์หญิงวานาอันและเจ้าชายฮารีซันยิ่งนัก
    และสิ่งนี้ก็สร้างความฉงนใจ ให้กับเจ้าหญิงเพลิงมารนอริมอร
    เธอจึงถอยทัพกลับไปตั้งหลัก และคิดว่าเมืองนี้มีทวยเทพคุ้มครอง
    คงเข้าตีจากทางเหนือลำบาก จึงหันเป้าหมายไปยังเมืองฟิเลเซียซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้
    โดยหวังจะใช้เมืองนี้เป็นทางผ่านเพื่อไปตีเผ่าฟูดีนันอีกครั้ง

       
    ซาดิน อิบริด    นอริมอร์ อิบริด    บลาซ เซจ

    ใต้ผืนฟ้าแห่งทวีปเมอรีเซีย บนผืนแผ่นดินแห่งอารยธรรมอันยิ่งใหญ่
    เป็นสถานที่ที่รวมความแตกต่างทางสภาพถิ่นฐาน อุดมการณ์ และวิถีแห่งการดำเนินชีวิต
    และเป็นสถานที่ที่รวมความเหมือนทางการดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดและ
    การปกปักรักษาเอกราชอันทรงเกียรติ์แห่งมาตุภูมิของตน
    แต่แล้วเมื่อความต้องการทางอำนาจเข้าครอบงำจิตใจคน
    เมื่อความสงบสุขถูกลุกลามด้วยเปลวเพลิงแห่งกิเลส
    จนต้องกลายเป็นที่มาแห่งสงครามล้างเผ่าพันธุ์
    สันติภาพจึงเป็นเพียงแค่... จินตนาการ
    ณ ตอนเหนือของทวีปเมริเซีย ยังมีดินแดนแห่งความทะยานอยากในไฟสงคราม
    ซาโลม เมืองแห่งชนเผ่าอารยะธรรมป่าเถื่อนท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล
    โดยการปกครองของเจ้าเมืองซาดิน อิบริด ที่มีหัวใจเต็มไปด้วยไฟราคะ
    และนอริมอร์ อิบริดผู้เป็นภรรยา ที่หัวใจถูกหล่อหลอมด้วยไฟแห่งริษยาอาฆาต
    ทั้งสองอยู่ภายใต้ดินแดนแห่งความแร้นแค้น และโหดร้ายในเวิ้งทะเลทราย
    ในหัวใจจึงใฝ่ในอำนาจ และ การสงคราม
    โดยยึดอุดมการณ์ของความแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้

    วันหนึ่ง บลาซ เซจ จอมเวทย์อัคคี บริวารจอมเล่ห์เหลี่ยม ผู้ดำรงตำแหน่งอุปราช
    ได้เข้าไปยุยงทั้งสองให้ขยายอำนาจและอานาเขตโดยการกวาดล้างดินแดนต่างๆ
    บนผืนทวีปเมอริเซีย เพื่อจะได้เป็นใหญ่ในใต้หล้า และเป็นมหาอำนาจแต่ผู้เดียว
    ดั่งน้ำมันที่สาดเข้ากองไฟ ยิ่งทำให้ไฟกิเลสในใจของเจ้าเมืองลุกโชนขึ้นมา
    และแล้วซาดิน อิบริด จึงประกาศกร้าวจะนำพาตัวเองและราษฎรไปสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า
    และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ แห่ง อานาจักรซาโลม
    หลังจากจัดกองทัพทมิฬ 5 หมื่นอันแข็งแกร่งที่แอบแฝงด้วยความอำมหิต
    จึงกรีฑาทัพบุกโจมตีชนเผ่าน้อยใหญ่ทางตอนเหนือ และรวบรวมชนเผ่าต่างๆเข้าด้วยกัน
    วันเวลาผ่านไป ในที่สุด กองทัพทมิฬแห่งซาโลม
    จึงกลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือ มีกำลังพลถึง 3 แสน
    โดยจุดหมายต่อไปคือการขยายอำนาจลงสู่ภาคกลาง
    และบุกยึดเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ฟูดีนัน
    ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และเป็นที่มั่นสำคัญทางยุทธศาตร์




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×