ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC WONHAE x BUMHYUK ¦ - Romantica Virus {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER V :; Feeling

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 53



    CHAPTER V :; Feeling

     





    ก๊อก ก๊อก ก๊อก


    “ทงเฮ อยู่ไหมครับ ?”


    ร่างโปร่งค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินกระง่อนกระแง่นไปเปิดประตูด้วยสภาพงัวเงีย เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มเมื่อครู่ยืนอวดลักยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสบายๆ


    “อะ... อ้าว ว่าไงครับคุณจองซู”


    ผู้ชายผมสีน้ำตาล และมีรูปร่างสูงโปร่งกว่าเขาไม่มากนัก ทงเฮจำได้ดีว่านี่คือ ปาร์คจองซู ลูกน้องคนสนิทของซีวอน จองซูมักจะอยู่เป็นคู่หูกับคนตัวใหญ่ๆที่ชื่อคิมยองอุนเสมอ “ผมมากวนหรือเปล่าครับเนี่ย ?”


    “ไม่หรอกครับ ผมเพิ่งตื่นจากงีบพอดีน่ะ” ทงเฮยิ้มแห้งพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะเล็กน้อย “ว่าแต่คุณจองซูมีอะไรกับผมเหรอครับ ?”


    “อ้อ ผมแค่เห็นว่านี่ก็จะบ่ายสองแล้ว ทงเฮคงยังไม่ได้ทานข้าว เลยว่าจะมาชวนไปทานด้วยกันน่ะครับ”


    ร่างโปร่งหันกลับเข้าไปในห้องเพื่อมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง เกือบบ่ายสองแล้วอย่างที่จองซูว่า “จริงด้วย พอคุณจองซูพูดขึ้นมาผมก็เริ่มหิวเลย”


    จองซูหัวเราะเบาๆกับคำพูดของอีกฝ่าย เรียวปากบางหยักยิ้มเสนอแนะถึงข้อสรุป “งั้นเราลงไปหาอะไรทานกันแถวล็อบบี้โรงแรมดีไหมครับ ?”

     

     










     

     

    ทงเฮตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปากด้วยสีหน้าที่มีความสุข ฝ่ายจองซูได้แต่หัวเราะเล็กๆกับท่าทีของคนตรงหน้า “อร่อยไหมครับอาหารมื้อนี้ ?”


    “สุดๆเลยครับ”


    เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จองซูคว้าเอากระเป๋าใบเล็กสีดำที่ทงเฮเห็นเขาสะพายตั้งแต่ตอนมาเคาะประตูห้องมาถือไว้ในมือ “ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ ผมเอานี่มาให้คุณน่ะครับ”


    “เห อะไรเหรอครับ ?”


    “เมื่อวันก่อนผมกับยองอุนไปจัดการเรื่องบ้านของคุณ เอ่อ... คงไม่ว่านะครับถ้าผมจะถือวิสาสะเข้าไปในห้อง” จองซูยิ้มแห้งๆ พลางเอ่ยถามออกไปเสียงอ่อย “พอดีผมไปเห็นว่าคุณเรียนอยู่สาขาการถ่ายภาพ แล้วก็เจอกล้องตัวนี้เข้า เลยคิดว่าคุณน่าจะคิดถึงมัน”


    ทงเฮรีบรับกระเป๋ากล้องที่จองซูยื่นให้ก่อนจะเปิดมันออกมาอย่างทะนุถนอมปานลูกในไส้ สร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้ผุดอยู่บนใบหน้าของอีกคนได้ชะงัด


    ดูๆแล้ว ทงเฮไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไร แต่ทำไมถึงทำกับฮยอกแจซะสะบักสะบอมขนาดนั้น ?


    “ทงเฮครับ”


    “ครับ?”


    “เรื่องของคุณฮยอกแจน่ะ... เอ่อ...” ทงเฮนิ่งรับฟังด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นถนัดตา เพียงแค่ชื่อของฮยอกแจถูกเอ่ยขึ้นมา ความรู้สึกผิดก็กลับขึ้นมาท่วมท้นในใจจนลืมเรื่องกล้องตัวโปรดไปหมดสิ้น “คืนนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณทำคุณฮยอกแจแบบนั้นทำไม?”


    จองซูมองดูคนตรงที่ยังคงนิ่งเงียบเช่นเคย นัยน์ตาหวานที่เปล่งประกายแวววาวเมื่อครู่หลุบลงจนเขารับรู้ได้ถึงความหม่นหมองของจิตใจอีกฝ่าย “ผมไม่รู้...”


    “ไม่รู้ ?”


    “ผมไม่รู้จริงๆว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น จำได้ว่าผมไปที่ผับ แล้วก็ดื่มเหล้าจนเมา... พอรู้สึกตัวอีกทีก็เช้าอีกวันที่พวกคุณจับตัวผมมา มีรอยเลือดบนเตียง... แล้วผมก็จำได้ลางๆว่าฮยอกแจอยู่กับผมแทบทั้งคืนนั้น... ผมคิดว่า... พวกคุณคงเข้าใจถูกแล้ว...”


    “สรุปว่าไม่มีใครรู้เรื่องทั้งหมดนอกจากตัวคุณฮยอกแจเอง?” จองซูพึมพำเบาๆราวกับว่าได้ข้อสรุปอะไรบางอย่าง ทงเฮเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมาละล้าละลัง


    “เอ่อ... ฮยอกแจเป็นไงบ้างครับ ?”


    “คุณฮยอกแจไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ เพื่อนของบอสคอยดูแลเขาอย่างดี” ลักยิ้มสวยบุ๋มลงไปที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยน ทงเฮถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างหมดห่วง หวังว่าที่จองซูพูดมาจะเป็นเรื่องจริง


    “ซีวอนน่ะ... รักฮยอกแจมากสินะครับ” เสียงใสดูอ่อนลงเล็กน้อย หากแต่จองซูคิดว่าทงเฮปรับน้ำเสียงได้ไม่เนียนเอาซะเลย เขาลอบยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ


    “ครับ บอสรักคุณฮยอกแจมาก”


    ยิ้มหวานแต้มบางๆบนริมฝีปากที่พยายามคลี่ออกให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าคำว่าฝืนใจ หากแต่ลึกๆแล้วทงเฮก็รู้สึกยินดีไม่น้อยที่ฮยอกแจจะได้ไปเจอคนดีๆที่ไม่ใช่เขา


    เพียงแต่ถ้ามันไม่เกิดเรื่องตลกร้าย... อย่างการที่เขาถูกซีวอนจับมาแบบนี้

     







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

     










    “เหงาเหรอครับ ?”


    ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง เรียวปากได้รูปคลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอกเมื่อใครคนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย “คิบอมนี่เอง... โผล่มาเงียบๆ ทำเอาผมตกใจแน่ะ”


    คิบอมไม่ได้พูดอะไรนอกจากอมยิ้มแล้วเดินอ้อมมานั่งลงบนเตียงข้างๆฮยอกแจ ฮยอกแจไม่ได้เปิดไฟในห้อง แต่กลับปล่อยให้มันมีเพียงแสงสลัวจากแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา


    วิวทิวทัศน์ของโซลยามค่ำคืนสะกดดวงตาเรียวรีสีเข้มให้จับจ้องอย่างสงบในคืนที่เงียบงันไม่ต่างจากคืนก่อนๆ หลายครั้งที่คิบอมเฝ้ามองฮยอกแจที่ดูราวกับว่ากำลังมีความสุขในโลกส่วนตัวของตัวเอง ดวงหน้าขาวนั้นไม่ได้อมชมพูจนเปล่งปลั่งหรือโดดเด่นอย่างนักแสดงคนอื่นๆที่คิบอมเจอในสังคม ตรงกันข้ามที่ฮยอกแจนั้นดูสงบ จืดชืด และไม่มีอะไรโดดเด่นเสียมากมาย แต่อะไรกันที่ดึงดูดซีวอนเอาไว้ อะไรกันที่ทำให้คนอย่างชเวซีวอนต้องหลงหัวปักหัวปำอย่างที่เป็นอยู่


    คิบอมเพียงแค่รู้สึกได้ แต่เขากลับไม่ได้เข้าใจมันนัก เขารู้ตัวว่ามีหลายครั้งที่เขาเผลอใจไปกับคนๆนี้ ใครๆก็บอกว่าคิบอมเป็นคนเข้าใจยาก แต่มันดูน่าตลกเป็นที่สุดหากจะบอกว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำไป


    แต่คิบอมรู้... รู้ว่าปริศนานี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวฮยอกแจ หากแต่เป็นจิตใจของเขาเอง ความหวั่นไหวที่เขาไม่เคยมีมันกำลังเกิดขึ้น เขาอาจจะแค่กำลังสนใจ? ชอบ? หรืออะไรก็ตามแต่ ถึงไม่มีซีวอน คิบอมก็ยังจะคงลังเลอยู่ดี




    เขาแค่กลัว... กลัวที่จะรัก...




    สำหรับคิบอมจึงไม่มีคำว่าเริ่มต้นตั้งแต่แรก หากแต่ฮยอกแจนั้นเข้ามาด้วยเหตุผลที่เขารับรู้ และเขาก็ไม่รู้ว่า มัน เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่


    แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นเอง ความรู้สึกแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไงกัน





    “...บอม... คิบอม...?”


    “...ครับ ?” เป็นคิบอมที่ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ความคิด ฮยอกแจไม่เคยเห็นคิบอมเหม่อ เขาไม่เคยต้องเรียกคิบอมหลายๆทีแบบเมื่อครู่เลย


    “คิดอะไรอยู่เหรอ? ผมเรียกคิบอมมากกว่าสามรอบแน่ะ” ร่างบางกลั้วหัวเราะเบาๆในท้ายประโยค คิบอมยิ้มให้เขาโดยไม่ตอบอะไรด้วยรอยยิ้มที่ราบเรียบเหมือนทุกที


    “คืนนี้พระจันทร์สวยนะครับ” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ ฮยอกแจเหรอหราเล็กน้อยแล้วเบนสายตาไปหยุดอยู่ที่พระจันทร์อย่างที่คิบอมกำลังทำ “ในหนังที่ผมเล่นน่ะ มีซีนที่ต้องเต้นรำใต้แสงของพระจันทร์”


    “โรแมนติกจัง” ฮยอกแจอมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกภาพตามสิ่งที่คิบอมกำลังพูด หากแต่ความแปลกใจกลับแต่งแต้มบนดวงหน้าขาวอีกครั้งเมื่อคิบอมลุกขึ้น และผายมือมาทางเขาอย่างอ่อนโยน


    “ฮยอกแจจะรังเกียจไหม ถ้าผมจะขอให้เป็นคู่ซ้อมบทนี้ให้ผม?”


    มือเรียวบางวางทับลงไปบนมือของอีกคนแล้วลุกตามขึ้นไป วงแขนแกร่งเลื่อนไปโอบเอวอีกฝ่ายไว้ ทั้งคู่ก้าวเข้าหากันแล้วขยับตัวไปมาอย่างเชื่องช้า


    อาจไม่มีเสียงดนตรีบรรเลงคลอเป็นจังหวะ... มีเพียงลมหายใจที่สอดประสาน


    อาจไม่มีฟลอร์เต้นรำชั้นเลิศ... มีเพียงแสงนวลจากจันทร์ที่สาดแสงสลัวในคืนที่เงียบสงบ



    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าเราจ้องหน้ากันอยู่นานเท่าไร





    ผมรู้แค่ว่า... คนตรงหน้านี้คือ คิมคิบอม

     














    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

     












    ไหนว่าจะกลับเย็นๆ ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่มันก็สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วนะว้อย !!


    คำสบถด่าโวยวายในใจดังคับอกอีทงเฮไปมาซ้ำๆมากกว่ารอบที่ยี่สิบ เขาแทบจะนับทุกๆห้านาทีว่าเขารอชเวซีวอนมานานแค่ไหนแล้ว ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้แตะสักนิด จะมีก็แต่มื้อเที่ยงตอนบ่ายสองที่ไปกินกับจองซู ใครจะไปคิดว่าไอ้บ้าซีวอนมันจะผิดเวลากันเล่า !


    เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นหลังจากที่เขาโวยวายในใจเป็นรอบที่ยี่สิบแปด ร่างสูงโปร่งของไอ้ตัวปัญหาที่ทำเขาหิวไส้บิดยังคงราบเรียบไม่รู้สึกรู้สาอะไร รู้แบบนี้ชวนจองซูไปกินซะตั้งแต่หัวค่ำก็ดี ! เขาคิด


    “นึกว่าจะหลับไปแล้วซะอีก” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่มันกลับดูกวนประสาทอย่างที่สุดในสายตาของอีทงเฮ


    “ไม่คิดรึไงวะว่าคนอื่นเค้ารอกินข้าวเย็นอยู่น่ะ!


    “จะโวยวายทำไม ฉันก็ยังไม่ได้กิน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยโต้อย่างไม่หยี่ระ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าแยกเขี้ยวแบบที่อยากจะฆ่าเขาให้ตาย “ไปกินข้าวไหม ?”


    “กินตอนนี้เนี่ยนะ ?”


    “ตามใจแกสิ แต่ฉันจะกิน” ซีวอนโยนสูทสีเข้มจนไปพาดอยู่บนหัวของคนที่หน้างออยู่บนเตียง ทงเฮดึงสูทออกจากศีรษะตัวเองก่อนทำท่าจะเขวี้ยงมันลงกับพื้นอย่างหมั่นไส้ “สูทตัวนั้นราคาสองแสนวอน เขวี้ยงได้ถ้าแกมีปัญญาหามาคืนฉัน”


    ร่างสูงกระตุกยิ้มอย่างเป็นต่อแล้วเดินนำออกไปโดยไม่ได้ดูใส่ใจเขาเท่าไหร่นัก ทงเฮวางสูทสองแสนวอนกองๆไว้บนเตียงแล้วรีบวิ่งตามออกไปอย่างยอมแพ้โดยไม่ลืมที่จะหยิบของรักออกไปด้วย


    “จะไปกินที่ไหน ?”


    “ริมหาด ให้ยองอุนไปซื้อข้าวมาให้แล้ว”

     

     

     

     

     









     

    “มื้อดึก ฉันนึกว่าจะได้กินอะไรดีๆกว่านี้ซะอีก”


    เส้นรามยอนถูกยัดเข้าปากหลังจากบ่นกระปอดกระแปดจบ ทงเฮเหล่มองคนข้างๆที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขามากมายนอกจากคีบรามยอนเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย


    “นั่นกินรามยอนริมหาด ดูดีเป็นบ้า” ทงเฮว่าแล้วก็ยัดเส้นรามยอนคำต่อไปเข้าปาก อาหารประทังชีวิตชัดๆ !


    “ไม่ได้กินมาตั้งนาน ก็แค่อยากกินขึ้นมา” ซีวอนตอบพร้อมรอยยิ้มบาง แล้วก็ยัดคำต่อไปเข้าปากบ้าง


    เสียงคลื่นยังคงสาดซัดท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืน ทงเฮมองไม่เห็นเส้นขอบฟ้าแล้วในยามนี้ ทะเลแลดูเหมือนเป็นระลอกสีดำ เมื่อมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สะท้อนกับผิวน้ำ


    ร่างโปร่งวางถ้วยรามยอนที่เพิ่งกินหมดลงกับพื้นทรายข้างตัว ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสีดำที่หยิบติดมือลงมา


    “จะทำอะไร ?”


    ทงเฮไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย แต่กลับกดชัตเตอร์รัวๆเป็นภาพใบหน้าของซีวอนตั้งแต่ตอนเอารามยอนเข้าปากจนถึงตอนที่หันมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขา ดวงหน้าใสฉายแววทะเล้นและสนุกกับสิ่งที่กำลังทำ เขี้ยวขาวเด่นชัดเมื่อเรียวปากได้รูปยิ้มกว้างกับอิริยาบถหลากหลายของอีกฝ่ายในกล้องของตน


    “เฮ้ นี่ พอได้แล้วน่า” ซีวอนดันกล้องของอีกคนให้อยู่ในระดับที่ต่ำลง เป็นสัญญาณว่าให้เลิกเล่นได้แล้ว ทงเฮทำตามอย่างว่าง่าย และหันไปมีความสุขกับการกดดูรูปในกล้องแล้วหัวเราะเบาๆ


    ซีวอนไม่รู้ตัวเลยว่านี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ทงเฮทำตัวเหมือนเด็กที่ไร้พิษสง ต่างจากตอนแรกๆที่เอาแต่โวยวายและจิกกัดเขาแทบจะตลอดเวลา




    ถ้าเป็นฮยอกแจที่นั่งข้างๆเขาในตอนนี้จะเป็นยังไงนะ...




    เสียงชัตเตอร์ดังรัวขึ้นมาอีกครั้ง ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองทงเฮที่ลุกขึ้นไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา ร่างสูงเหยียดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงบ้างก่อนจะเดินไล่ให้ทงเฮหยุดถ่ายรูปสักที


    “บ้าเอ๊ย ฉันบอกให้พอได้แล้ว”


    ร่างโปร่งเลี่ยงหนีเรื่อยๆจนครึ่งแข้งอยู่ในน้ำทะเล เช่นเดียวกับซีวอนที่เดินตามมา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กลายเป็นว่าทั้งคู่วิ่งไล่จับกันในน้ำเหมือนเด็ก ทงเฮชูกล้องในมือหนีบ้าง เอาไปแอบไว้ข้างหลังบ้างเพื่อไม่ให้ซีวอนเอากล้องเขาไปลบรูปได้ ดวงหน้าหวานแลบลิ้นทะเล้นราวกับท้าให้ซีวอนเอาชนะเขาให้ได้


    “อะ.. !?” ทงเฮเผลออุทานออกมาเบาๆเมื่อร่างทั้งร่างถูกรวบไว้จากด้านหลัง ยิ่งเขาดิ้นขลุกขลักซีวอนก็ยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น “เฮ้ ! เดี๋ยวกล้องฉันเปียก”


    “อยู่เฉยๆน่า”


    เพียงประโยคเดียวร่างทั้งร่างของอีทงเฮก็นิ่งลงให้อีกฝ่ายโอบกอดอย่างว่าง่าย ซีวอนหลับตาลงกับไหล่คนในอ้อมแขนอย่างสงบ เสียงคลื่นสาดกระซัดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ดังถี่ยิ่งกว่าก็คงเป็นหัวใจของอีทงเฮ


    ครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่ซีวอนจะจับตัวอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ริมฝีปากได้รูปโน้มลงแตะกับเรียวปากของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ แล้วค่อยๆกดน้ำหนักลงจนกลายเป็นจูบที่ดูดดื่ม ทงเฮปล่อยกล้องลงห้อยไว้เฉยๆกับคอ สองมือประคองหน้าของร่างสูงไว้เบาๆ ก่อนจะเลื่อนไปโอบรอบคอเช่นเดียวกับวงแขนแกร่งที่กอดรัดตัวเขาไว้แน่น


    เขาไม่รู้ว่าซีวอนกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ สิ่งที่อีทงเฮคิดในตอนนี้มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น


    หากว่าเขาจะต้องชอบชเวซีวอนขึ้นมาจริงๆ...





    ก็ขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุดจะได้ไหม ?

     











    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    TBC








    ความหวานระลอกสุดท้าย ก่อนความดราม่าจะมาเยือน  -__-;;



    no. beer

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×