คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] ~The Red Ribbon~ (II)
ริบบิ้นสีแดงที่่ฮยอกแจเก็บมาหลายปี วันนี้ได้เวลาโบยบินแล้ว...
Title:: ~The Red Ribbon~ # 2
Pairing:: WonHyuk
Author:: Grazia
Rating :: PG-13
Author's note :: ริบบิ้นสีแดงที่่ฮยอกแจเก็บมาหลายปี วันนี้ได้เวลาโบยบินแล้ว...
__________________________________________________________________________________
วาเลนไทน์ปีนี้เซอไพรซ์ฮยอกแจซะแล้วสิ เมื่อเดินเที่ยวอยู่ดีๆ ริบบิ้นแดงที่ใส่กระเป๋ามาถูกลมพัดไปโรยตัวลงข้างคนๆ หนึ่ง คนที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนาน แถมคนๆ นั้นยังมาขอความรักจากเขาชนิดไม่ทันตั้งตัว
“บ้าหรือเปล่า รอได้ยังไง 6 ปี แถมยังไม่เคยเป็นอะไรกับนายด้วย เคยให้ดอกไม้แค่ช่อเดียว ซีวอนนี่มันคนหรือควาย โคตรถึก” หนึ่งในบรรดาเพื่อนสนิทพูดติดตลกหลังจากฟังเรื่องเล่าในคืนวาเลนไทน์จบ
นั่นสิ รอได้ยังไง อะไรทำให้รอ
“นอกจากว่า นายมีความหมายมากสำหรับเขาจริงๆ ฮยอกแจ หรือว่านายกับเขา...เคย...” ซองมินยื่นหน้ามาถามอย่างไร้เดียงสา
“ไม่เคย” ร่างบางตอบทันควัน ทุกคนพากันหัวเราะ
“อ่าว แค่หมายถึงทำอะไรบางอย่างให้เขาประทับใจมากๆ โดยที่นายอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ไม่เคยจริงๆ หรอ” เจ้าของฟันกระต่ายเปลี่ยนคำถามใหม่ให้ชัดเจนขึ้น ร่างบางกระดิกขาที่นั่งไขว่ห้าง วางนมสตอเบอรี่ลงบนเคาเตอร์ แล้วก็นึกย้อนไปว่าตนเคยไปทำอะไรให้ซีวอนติดใจตั้งแต่เมื่อ
[~ปิ๊ป ~ ปิ๊ป~ ปิ๊ป~] เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกฮยอกแจออกจากภวังค์
“ครับ”
“เดี๋ยวลงไปรับนะ”
ร่างบางดีดตัวออกจากเก้าอี้ทรงสูง โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาจับผิดมากมาย
“ใครหรอ” เพื่อนที่ได้ฟังฮยอกแจคุยโทรศัพท์รู้สึกแปลกใจเมื่อฮยอกแจพูดว่า ครับ ทำไมวันนี้มันสุภาพผิดปกติ
“ก็...ซีวอน ไม่มีอะไร”
“แอ่....” เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ของผองเพื่อน อะไรมันจะไวอย่างนี้ไหนว่าเพิ่งเจอกันเมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
“แล้วนี่กำลังจะไปไหน ครับ” ซองมินรีบถาม ตรงคำหลังตั้งใจแซวร่างบางเป็นพิเศษ
“ก็ที่บ้านซีวอนเขาไปญี่ปุ่นมา ซีวอนก็เลยเอาขนมจากญี่ปุ่นมาฝากพวกนายไง” เอาขนมมาล่อเผื่อว่าจะทำให้เพื่อนๆ ตัวดีสงบปากสงบคำได้บ้าง
“ให้พวกฉัน ให้ทำไม เขาไม่รู้จักพวกเราสักหน่อย ฮยอกแจ”
“ไปก่อนนะ” คนตัวขาวรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว อยู่นานเดี๋ยวได้โดนพวกมันแซวอีก เขินนะ (แล้วหนูจะเขินทำไมละลูก)
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น 6 ปีเขายังรอมาแล้ว แค่ 3 นาทีมันไม่เป็นไรหรอก ครับ...ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะตามไล่หลัง
ปัง เสียงประตูพลันตามมา
“ดูเหมือนเพื่อนเรามันมีใจให้เขาว่ะ”
“มีหรอจะไม่…” ซองมินพูด จะเป็นใครก็ได้ ขอให้เขารักนายมากๆ เพื่อนคนนี้ก็ดีใจแล้ว
เมื่อมาถึงลานจอดรถใต้อพาร์ทเมนท์ ร่างบางรีบมองหารถเก๋งสีดำคันโตที่เคยมาส่งเขาเมื่อสองสามวันก่อน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่แล่นเข้ามาเทียบใกล้ๆ บังลมหมวกนิรภัยเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าคมคายในมาดใหม่พร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจที่ถูกส่งมา ซีวอนเปลี่ยนไป คิดจะทำคะแนนล่ะสินะ
สีหน้าของฮยอกแจดูจะอึ้งไปเล็กน้อย ก็คุณชายกลายเป็นเด็กแว้นสุดเท่ห์ คนอะไรแมนได้อีก
“...เอ่อ มาส่งพิซซ่าหรอครับ”
คำทักทายของร่างบางทำให้รอยยิ้มทรงเสน่ห์ยู่ลงเล็กน้อย ที่พูดอย่างนี้เพราะคนๆ นี้ไม่เคยชมใครว่า หล่อ เท่านั้นเอง แต่เมื่อตาคมกวาดลงไปเห็นสร้อยข้อมือสีเงินกับจี้รูปตัว H อยู่ที่ข้อมือบางก็อิ่มใจพร้อมจะฟื้นชีพขึ้นมาเล่นมุกต่อ
“พิซซ่าน่ะคุณเอาไปเถอะครับ แต่หัวใจผมฝากไว้ให้ฮยอกแจได้ไหม” ยิ้มแก้มบุ๋มมัดใจ
“ขนมอยู่ไหน เอามา แล้วเชิญกลับไปเลยครับ อย่าอยู่นาน...เลี่ยน”
“ฮยอกแจ...” แววตาแจ่มใสหม่นหมองลงทันที แค่อยากทำให้ประทับใจมันผิดด้วยหรอ
(คุณชายอุตส่าห์ขี่มอเตอร์ไซด์มาเลยนะ)
“ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งเล่นในห้องของฉันกับซองมินก่อนก็ได้ แต่มันเล็กหน่อยนะ แถมคนยังเยอะอีกด้วย”
“ฮยอกแจทานข้าวหรือยัง มีร้านพิซซ่าเปิดใหม่อยู่ไม่ไกล ไปลองทานกันไหม” พยายามแก้ตัวอีกครั้ง
พิซซ่าหรอ ระดับซีวอนจะพาเขาไปกินพิซซ่าแบบไหนกันนะ ฉวยโอกาสไว้ก่อนดีกว่า
“เดี๋ยวลองโทรไปถามซองมินกับเพื่อนๆ ก่อนนะว่าจะไปด้วยกันไหม ไปกันเยอะๆ สนุกดี”
มือบางต่อโทรศัพท์ถึงเพื่อนกระต่ายตัวน้อย
[ฮยอกแจ ว่าไงเอ่ย]
“ซีวอนชวนพวกเราไปกินพิซซ่าดัวยกันน่ะซองมิน”
[จริงหรอ....] แล้วซองมินก็เงียบไป เหมือนจะหันไปคุยกับเพื่อนๆ อยู่
[พวกเรามีกัน 4 คนข้างบนนี้ จะไปกันหมดไหม คุณซีวอนเอารถอะไรมาล่ะ]
“มอเตอร์ไซด์ ” ไก่น้อยหัวเราะแห้งๆ หลังจากตัวเองพูดจบ
[… - - ||…]
[ งั้นเขาคงชวนนายคนเดียวแล้วล่ะ ไม่ได้ชวนพวกฉันหรอก ] ไม่ใช่เสียงของซองมินแน่นอน
จบการสนทนา
ลมเย็นๆ แล่นเข้ามาปะทะผิวกาย นานแค่ไหนแล้วนะที่ฮยอกแจไม่ได้ขึ้นมอเตอร์ไซด์ ครั้งสุดท้ายคงจะเป็นตอนเรียนประถมเพราะพ่อของเขาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งฮยอกแจกับพี่โซราทุกวัน หลังจากขึ้นมัธยมเขาก็ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการขึ้นรถประจำทาง พ่อและแม่ไม่อนุญาตให้ลูกชายลูกสาวจับมอเตอร์ไซด์เป็นอันขาด เพราะลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาเสียชีวิตขณะขับขี่ยานพาหนะประเภทนี้ คุณแม่เลยบอกว่าว่าการมีลูกที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ได้ดีกว่ามีลูกที่ตายไปพร้อมกับมอเตอร์ไซด์
แต่มันก็เป็นอะไรที่เท่อย่าบอกใคร ยานพาหนะที่ปราดเปรียวทรงพลัง ยิ่งเป็นรถของซีวอนด้วยแล้วเรื่องความอลังการไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ใครๆ คงมองว่าซีวอนเท่มากๆ พอๆ กับพระเอกหนังบู๊ที่ชอบขี่มอเตอร์ไซด์จับผู้ร้าย ส่วนเขาล่ะ...เป็นอะไรถึงได้มาอยู่ตำแหน่งเบาะท้ายของฮีโร่ จะมีก็แต่นางเอกเท่านั้นแหละ...ทันใดนั้นฮยอกแจก็อ๋อ...แผนการของคุณชายนี่มันร้ายจริงๆ
ในร้านพิซซ่าที่ตกแต่งด้วยโทนสว่าง ทั้งคู่เลือกที่นั่งริมกระจกซึ่งสามารถมองออกไปเห็นไม้ดัด และไม้ดอกที่ทางร้านจัดตกแต่งเอาไว้ด้านนอก ฮยอกแจเพลิดเพลินกับภาพพิมพ์ติดผนังฝีมือศิลปินอิตาเลียนที่รู้ได้เพราะมีชื่อศิลปินกำกับ ร้านออกแบบได้ร่วมสมัยผสมผสานความเป็นสมัยใหม่และเรนาซองส์อ่อนๆ ได้อย่างน่ารัก
ฉันจะถล่มนายให้เละเลยซีวอน
ไก่น้อยจ๋า...ถูกหลอกมาออกเดตแล้วยังไม่รู้อีกหรอลูก (เอ หรือว่ารู้แต่แรกแล้ว)
พิซซ่าเตาถ่านอบใหม่ๆ ร้อนๆ ถูกนำมาจัดเรียงทีละเมนู กลิ่นหอมน่ารับประทานพร้อมกับความเย้ายวนของชีสทำให้ฮยอกแจตื่นเต้นเป็นพิเศษ มือบางไม่รอช้าหยิบเข้าปากน้อยๆ พลางเคี้ยวตุ้ยๆ...อร่อยจังเลย...ฮยอกแจมีความสุขหลือเกินกับการลิ้มลองความแปลกใหม่ น่าแปลกจริงๆ ที่ซีวอนไม่เห็นตื่นเต้น แถมยังเอาแต่ตักโน่นตักนี่ให้เขา ทำตัวแบบนี้ไม่สนุกเลย ถ้ามากับเพื่อนๆ ป่านนี้เหลือแต่จานเปล่าๆ หมดแล้ว
“ฉันให้อาหารนายบ้างนะ” มือบางตักลาซานญ่าคำโตลงไปในจานที่ว่างของซีวอน
ให้อาหารหรอ...ฟังดูยังไงๆ แต่ก็
“ขอบคุณครับ”
หลังจากลาซานญ่า ก็ตามมาด้วยกุ้งตัวโต หอยแมลงภู่ยักษ์ พิซซ่ากับชีสพูนๆ ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังสนุกสนานกับการให้อาหารกัน โดยมีข้อแม้ว่าอีกฝ่ายต้องกินอาหารที่อีกคนตักให้ให้หมด สงครามเริ่มดุเดือดเมื่อต่างคนต่างก็อิ่มกันมากแล้ว คราวนี้ใครตักใส่จากอีกคนลงไปได้มากยิ่งสนุกมากเท่านั้น
“พอแล้วๆ เลิกๆ” ฮยอกแจประกาศจบเกมทันทีหลังจากพบว่าจานตรงหน้าของตัวเองพูนมากขนาดไหน คนอะไรมือยาวจริงๆ เลยซีวอนเนี่ย เอาเปรียบเห็นๆ
หลังจากที่กินอะไรไม่ได้อีกแล้วทั้งสองก็ไม่ลืมสั่งพิซซ่าจากที่ร้านให้ไปส่งที่อพาร์ตเมนท์สำหรับซองมินและเพื่อนๆ...เพิ่งนึกถึงเพื่อนก็ตอนอิ่มแล้วนี่แหละ
“กลับกันเลยไหมครับ” ซีวอนเอ่ยถามอีกคน
“เดี๋ยวก่อนสิ ไปเดินเล่นด้วยกันก่อน”
เวลาบ่ายคล้อย ตะวันลอยลดต่ำ แสงสีทองทาบประกายบนผิวน้ำ
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ” ซีวอนมองคนอีกคนที่ยังคงเดินหน้านิ่งเรียบ ไม่มีวี่แววจะสนใจบรรยากาศสวยงามรอบตัว
“ใช่ เกี่ยวกับนาย”
“ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่าฮยอกแจ” หลังจากพบกันวันวาเลนไทน์ ซีวอนก็ติดต่อฮยอกแจโดยการส่งข้อความหามาได้สองสามวันแล้ว
“...”
“นายอึดอัดใจที่อยู่กับฉันหรอ”
“นายทำให้ฉันปวดหัว”
“...”
“ฉันเข้าใจจุดประสงค์ของนายชัดเจนว่านายเข้ามาหาฉันทำไม แต่ฉันไม่เข้าใจที่มาของมัน
“ฉันทำให้นายคิดมากขนาดนั้นเลยหรอ”
“คำถามสุดท้ายชเวซีวอน...ที่นายบอกว่า เรารู้จักกันมากกว่านั้น หมายความว่ายังไง” ร่างบางทบทวนเท่าไรก็จนมุม อยากฟังคำเฉลยเต็มที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยอีกต่อไป
ริมฝีปากเรียวบางได้รูปหยักเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับสายตาอ่อนโยน ทั้งสองหยุดนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวใต้ต้นไม้ หันหน้าออกไปมองระลอกบนผิวน้ำที่ไหลเป็นสายยาว...ยาวไกลเหมือนกาลเวลาที่ไหลจากอดีตไปสู่อนาคต
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”
-------------------------------------------~~~~~~~~~~~~~~~~-----------------------------------------
ณ เมืองซูวอน ในฤดูที่ดอกลิลี่เบ่งบาน เด็กชายวัย 5 ปีจากกรุงโซลถูกพ่อแม่ฝากฝังไว้ให้อยู่กับญาติสนิทชั่วคราวเพราะท่านทั้งสองมีธุระต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายเดือน
บ้านพักฤดูร้อนที่เด็กชายอาศัยอยู่สุขสบายและสวยงามราวกับพระราชวังโบราณ อีกทั้งคุณลุงคุณป้า กับพี่สาวลูกของท่านยังใจดีกับเขามาก ในบ้านหลังนี้มีสิ่งของสารพัดที่จะทำให้เด็กชายสนุกสนาน แต่สิ่งที่เด็กอย่างเขาต้องการนอกจากของเล่นคือเพื่อนที่จะมาร่วมเล่นด้วยกัน
วันหนึ่งขณะเด็กชายเดินเที่ยวในสนามเด็กเล่นใกล้บ้านกับพี่สาวและพี่เลี้ยง มีเด็กผู้หญิงมัดผมเปียวิ่งมาเก็บลูกขนไก่ใกล้ๆ แล้วเธอก็ร้องขอให้ใครคนใดคนหนึ่งก็ได้มาเล่นตีลูกขนไก่คู่กับน้องชายของเธอ เพราะตัวเองจะรีบกลับบ้าน
เด็กชายจึงรับปากกับเธอ เพราะใจหนึ่งก็อยากเล่นอยู่แล้ว
“นายชื่อะไร” เขาเอ่ยถามคู่เล่นตัวน้อย
“ฮยอกแจ นายล่ะ”
“ซี...”
“ซิมบ้า เดี๋ยวพี่มานะ เล่นอยู่ที่นี่กับเพื่อนแล้วก็พี่แดอึนไปก่อน” ยุนอาลูกพี่ลูกน้องของเขาบอกก่อนเดินไปกับพี่เลี้ยงของตัวเอง ทิ้งเขาไว้กับพี่เลี้ยงอีกคน
“ซิมบ้า มาเล่นกันเร็ว ตาพวกเราแล้ว” ยังไม่ทันได้บอกชื่อ เด็กตัวเล็กคนนั้นก็เรียกแทนตัวเขาว่า ซิมบ้า ไปแล้ว
ซิมบ้าพบว่าเมื่อพี่สาวผมเปียจากไป ฮยอกแจก็ถูกเด็กคนอื่นรังแกตลอด
แทบทุกครั้งที่ถึงคราวฮยอกแจตีลูกขนไก่ พวกเด็กที่เล่นด้วยจะแกล้งนับคะแนนผิด หรือไม่ก็ตั้งใจหวดลูกขนไก่แรงๆ ให้ฮยอกแจรับไม่ได้
“ไปเถอะ ถ้าเขาไม่อยากให้เราเล่นก็ไม่ต้องไปเล่นกับเขา” ซิมบ้าพูดขึ้น
“แต่ฉันอยากจะเล่น”
“ไปเล่นเกมกดกับฉันดีกว่า ฉันเต็มใจให้นายเล่น” เด็กชายเจ้าเนื้อลากแขนของฮยอกแจออกจากสนามมุ่งหน้าไปทางพี่เลี้ยงที่นั่งรออยู่
“นี่ไง ให้นายเล่นก่อนเลย” เขาหยิบสี่เหลี่ยมขนาดเหมาะมือ มีปุ่มกดและจอภาพออกมาจากกระเป๋าสะพายที่ฝากพี่แดอึนไว้ มือบางรับมาดูอย่างสนใจ
“เพื่อนนายนี่นิสัยไม่ดีเลย” เขาบ่นกับคนที่เริ่มยิ้มได้เพราะมีของเล่นใหม่
“พวกเขาไม่ใช่เพื่อนฉัน เพื่อนพี่โซราต่างหาก”
“แล้วเพื่อนนายไปไหนล่ะ”
“พวกเพื่อนสนิทที่โรงเรียนบ้านอยู่ไกลทั้งนั้นเลย ฉันเลยมาเล่นกับเด็กแถวนี้”
“งั้นนายก็ไม่มีเพื่อนแถวนี้ล่ะสิ”
“ก็นายไง เพื่อนฉัน” คนตัวบางยิ้มตอบกลับมา
เด็กชายจากโซลเจอแล้ว เพื่อนคนแรกในฤดูร้อน
“เดี๋ยววันหลังจะเอาช็อกโก้มาแบ่งนายเล่นบ้างนะซิมบ้า”
“ช็อกโก้ นี่เกมอะไร” ไม่เคยได้ยิน เกมกด หรือ วิดีโอเกม มีรุ่นช็อกโก้มาก่อน
“หมาที่บ้าน”
“ - -|| ”
“ฮยอกแจ...ช็อกโก้นี่มันน่ารักดีนะ” เด็กชายใช้นิ้วหลอกล่อสุนัขขนปุยสีน้ำตาลทองให้กระโดดไปมารอบตัวเขา
“ชอบใช่ไหมล่ะ” เจ้าของสุนัขรีบภูมิใจเสนอ
“ชอบ”
“วันหลังก็มาเล่นบ้านฉันอีกสิ”
“ฮยอกแจ นายใส่อะไรที่ข้อมืออ่ะ” ซีวอนมองเห็นสายสีเงินวาวคล้องอยู่รอบข้อมือบาง
นี่ แม่ของฉันร้อยให้เองเลย พี่โซราก็มีแต่เอาไปใส่ให้ตุ๊กตาแทน” เพื่อนตัวเล็กอวดสร้อยข้อมือให้เขาดู ที่สายสร้อยมีตัวอักษร H สีน้ำเงินห้อยลงมา
“ตัว H หมายถึงอะไรหรอ” เด็กชายเอ่ยถามเจ้าของสร้อย
“อืม...” คิดไม่ออก
“หมายถึงแม่ไก่หรือเปล่า เอช-อี-เอ็น เฮ็นแม่ไก่” ประสาเด็ก 5 ขวบก็ท่องศัพท์อังกฤษได้ไม่กี่คำ ใครจะไปรู้ว่าชื่อ ฮยอกแจ ก็ขึ้นต้นด้วยตัว H เหมือนกัน
“คงใช่มั้ง”
“ฮยอกแจ แล้วทางนั้นอะไร” เด็กชายมองดูบริเวณบ้านที่ค่อนข้างกว้างขวาง เห็นมุมที่มีสีเขียวร่มรื่นเป็นพิเศษ
“ทางนั้นปลูกผักสวนครัว แล้วก็มีบ่อเลี้ยงปลา”
“ฉันอยากไปดูบ่อเลี้ยงปลา”
แม่ไก่และพี่โซรานำเขาเดินมายังบ่อน้ำรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดย่อม เงาในน้ำบ่งบอกว่ามันไม่ตื้นเลย
“ปู่ฉันขุดไว้เลี้ยงปลา แล้วเราก็จะเอามากินกัน” ไกด์หนุ่มน้อยบรรยาย
“ซิมบ้า อย่าเข้าไปใกล้บ่อมาก น้ำมันลึก ถ้าแม่เรากับพี่เลี้ยงเธอรู้ต้องโดนดุแน่ๆ ” พี่โซราส่งเสียงเตือน
“ครับ…แล้วทำไมปลาตัวนั้นมันไม่ว่ายน้ำ มันตายแล้วหรอ”
ร่างเจ้าเนื้อเดินมาริมขอบบ่อ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบ แต่มือก็สั้นเกินกว่าจะแตะผิวน้ำที่อยู่ต่ำลงไปได้
“ซิมบ้า จะทำอะไร” ฮยอกแจส่งเสียงร้องเตือน
เด็กชายจากในเมืองเพียงแค่อยากได้ปลาตัวนั้น ด้วยความไร้เดียงสา เขาใช้มือข้างหนึ่งยึดไว้กับต้นหญ้าที่ขึ้นริมขอบบ่อ แล้วค่อยๆ โน้มตัวเอื้อมลงไป หมายจะจับเจ้าปลาที่นอนตายอยู่ อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว แต่มือที่จับหญ้าไว้กลับโหวงเหวงขึ้นมา เมื่อต้นหญ้าขาดออกจากพื้นดิน ร่างของเด็กชายดิ่งไปหาพื้นน้ำ...น้ำพี่โซราย้ำนักย้ำหนาว่ามันลึกขนาดไหน
เงาของตัวเองที่สะท้อนจากผิวน้ำวิ่งเข้ามาใกล้
แต่...
อะไรบางอย่างหยุดการเคลื่อนที่ของเขาไว้ ซีวอนสัมผัสได้ถึงแรงยึดเหนี่ยวรอบข้อมือของเขา
‘ฮยอกแจ’
เป็นมือเล็กบางนั่นเองที่จับเขาไว้ได้ทัน มือนั้นเกาะกุมไว้แน่น ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา เจ้าของมือบางคู่นั้นกำลังใช้สมาธิ และพลังทั้งหมดที่มีดึงเด็กซนๆ ขึ้นจากบ่อ ก่อนที่พี่โซราจะรีบวิ่งเข้ามาช่วยกันดึงมืออีกข้างของซีวอน ขณะที่ร่างท้วมค่อยๆ เคลื่อนขึ้นจากบ่อ เศษโลหะสีเงินก็ค่อยๆ ขาดร่วงลงไปทีละเล็กละน้อย เพราะข้อมือของฮยอกแจเสียดสีกับข้างบ่อ
คู่พี่สาวและน้องชายล้มตัวลงหอบเมื่อดึงเด็กตัวหนักขึ้นมาได้ ต่างคนต่างก็เหนื่อยเหลือเกินโดยเฉพาะคนน้อง
‘ตัวเล็กขนาดนั้น ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน’
ซีวอนมองทั้งสองคนด้วยความตื้นตันใจ จะมีคำพูดไหนที่เขาสามารถมอบให้ได้บ้าง คำที่มีความหมายมากกว่าคำว่า
ขอบคุณ
“ฮยอกแจ ยู อาร์ ดิ โอนลี่ วัน ไอ เลิฟ” ซีวอนส่งเสียงทักทายเมื่อเจอหน้ากันในวันใหม่
“แปลว่าอะไรอ่ะ ซิมบ้า”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเอามาจากเนื้อเพลงในละครเวทีที่ไปดูกับคุณแม่”
“อืม...ฉันไม่รู้...ไว้วันหลังฉันจะให้พ่อพาไปดูบ้างนะ”
“มันเป็นคำที่วิคตอเรียพูดกับโรเบิร์ต เพราะว่าโรเบิร์ตเป็นคนดีแล้วก็มีความหมายกับวิคตอเรียมากๆ...นายก็มีความหมายกับฉันมาก ฉันเลยเอามาพูดกับนายบ้าง”
“อือ…” แม่ไก่พยักหน้า ยังไงก็งงอยู่ดี
ก่อนจะเห็นพี่เลี้ยงของซีวอนจะเดินเข้ามาฮยอกแจเลยรีบถาม “พี่แดอึนครับ ยู อาร์ วัน เลิฟ เลิฟ แปลว่าอะไรครับ”
“ฮ่าๆๆ ไปเอามาจากไหนนี่เรา” พี่เลี้ยงใจดีถามอย่างไม่เชื่อหู ก็มันฟังๆ ดูเหมือนคำบอกรัก แล้วเด็กขนาดนี้หัดบอกรักกันแล้วหรอ
“ไม่ใช่ๆ ยู อาร์ ดิ โอนลี่ วัน ไอ เลิฟ” เจ้าของประโยคแก้ให้
“ฮ่าๆ แปลว่า เธอเป็นคนเดียวที่ฉันรัก ค่ะ” พี่แดอึนบอกอย่างไม่ลังเล
“อ้อ / พี่เก่งจังเลย” เด็กน้อยทั้งสองคนดีใจที่ไขปริศนาได้
“ฮยอกแจ นายเป็นคนเดียวที่ฉันรัก” ซิมบ้าแปลข้อความของตัวเองอย่างภาคภูมิ พร้อมกับตบบ่าบางๆ ของเพื่อนหนักแน่น
“สุดยอด คำพูดนายเจ๋งสุดๆ...ไปขุดดินเล่นกันเถอะ”
“ไป...”
แล้วทั้งสองก็แล่นถลาไปเล่นกันต่อ
โดยที่ไม่รู้ตัว โดยที่ไม่มีใครใส่ใจ
คำบอกรักหลุดลอยออกไปแล้ว
หลายปีต่อมา...จากเด็กน้อยใบหน้ากลมๆ กลับกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าคม ร่างเจ้าเนื้อเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง ความสง่างาม ความสามารถ และกริยามารยาทที่ได้รับการฝึกอบรมทำให้เขาเป็นคนที่ใครๆ ต่างชื่นชมและหมายปอง
แต่เขากลับไม่ได้สัมผัสคำว่ารักจากหญิงสาวมากมายที่เข้ามาหา...ทำไมถึงไม่รู้สึกรัก ทำไมพอถูกใจใครแล้วสุดท้ายมันก็กลับกลายเป็นความรู้สึกดีๆ อย่างอื่นแทน
“...นายเป็นคนเดียวที่ฉันจะรัก” ประโยคที่พูดตามประสาเด็กๆ ลอยขึ้นมา ทำให้เขาอมยิ้มได้ไม่น้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น ความสุขตีตื้นขึ้นมาจุกอก จะกี่ครั้งที่นึกถึงก็ยังเป็นสุข หรือมันเป็นเพราะคำๆ นั้น ที่ทำให้เขาไม่สามารถรักใครได้สักที คำพูดจริงใจที่พูดออกไปง่ายๆ แต่เป็นดั่งคำสัญญา
“เมื่อไรที่ยังคงรักษาคำสัญญา ริบบิ้นจะยาวขึ้นเรื่อยๆ”
ดวงตาคมจ้องมองริบบิ้นอย่างสงสัย ยาวขึ้น มันจะยาวขึ้นได้ยังไง...แต่พี่ยุนอาก็เป็นแบบนี้เสมอล่ะ เชื่อเกี่ยวกับโชคลางตลอด
ยุนอาวางริบบิ้นยาวลงในมือของน้องชาย เด็กหนุ่มจ้องมองหาความประหลาดพิสดารของเจ้าริบบิ้นมหัศจรรย์แต่ก็ไม่พบ เป็นแต่เพียงริบบิ้นผ้า เรียบเนียน ที่มีสีแดง ต่างกับริบบิ้นอันอื่นๆ ก็ตรงความแดงของมันแด๊งแดงกว่า เจิดจรัสมากกว่า
“มันยาวขึ้นได้หรอครับ” คุณชายก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ขอไม่เถียงดีกว่า
“ได้สิ ตราบใดที่เรายังรักษาคำสัญญา” เสียงใสๆ ของพี่สาวตรึงเขาไว้ราวกับมีเวทมนต์
‘You are the only one I love.’
เขานึกถึงคำพูดของตัวเองสมัยเด็ก คำพูดที่เกิดจากความรักบริสุทธิ์ของเด็กน้อย คำพูดที่จริงใจจนมีค่าเท่ากับคำสัญญา คำพูดสำหรับคนที่มีความหมายสำหรับเขามาก
แม้วันเวลาจะผ่านเลย เลยช่วงเวลาได้ใกล้ชิด เลยช่วงเวลาได้บอกความในใจ เขาปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยมาตลอด แต่ไม่เคยปล่อยความรู้สึกดีๆ ให้หายไป
ไม่รู้ตัวว่ายังรอฮยอกแจอยู่หรือเปล่า
แต่เขาแค่มีความหวังว่าจะได้พบกันเสมอ
เขาไม่รู้ว่ารักฮยอกแจแบบไหน
แต่ รัก ก็ยังคงเป็น รัก
ในปีนี้...เรื่องที่เกิดขึ้นในวันวาเลนไทน์ทำให้ซีวอนต่อโทรศัพท์คุยกับพี่สาวที่อยู่อีกซีกโลก โดยพี่สาวก็ยังคงเชื่อในโชคลางนั้นไม่น้อยกว่าสมัย 6 ปีก่อน
“สีแดง เป็นสีแห่งความรักน่ะจ้ะ การที่ริบบิ้นยาวไม่ได้หมายถึงความยาวของมันเพิ่มขึ้น แต่หมายถึงโชคด้านความรักที่เพิ่มขึ้นต่างหาก ริบบิ้นสีแดงจะนำทางความรักให้คนที่รักษาคำสัญญาจ้ะ”
จากกันมา 12 ปี ตั้งแต่ตอน 5 ขวบ พบกันอีกครั้งตอนอายุ 17 แต่ก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปเปล่าๆ
แล้วริบบิ้นสีแดงก็นำทางให้คนสองคนมาพบกันอีกใน 6 ปีต่อมา
คราวนี้ซีวอนบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่ปล่อยฮยอกแจให้เดินผ่านไปอีกแน่นอน
-------------------------------------------~~~~~~~~~~~~~~~~-----------------------------------------
ฮยอกแจก้มลงมองดูสร้อยข้อมือที่ซีวอนซื้อให้เขาในวันวาเลนไทน์ เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นสร้อยข้อมือ ซีวอนคงอยากชดใช้แทนอันเก่าที่เขาเป็นต้นเหตุให้มันขาด
“ฮยอกแจ...”
ความรู้สึกท่วมท้นร่างบางอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกอะไรดีล่ะ ประหลาดใจ ดีใจ ตื้นตัน ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่งแต่เป็นทั้งหมดและมากกว่านั้นรวมกัน
“ซิมบ้า...” เสียงใสสั่นระริกเมื่อพูดคำนี้ออกมา
“แม่ไก่” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างนุ่มนวล
“ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่สมัยที่เรายังเรียนอยู่ด้วยกัน” คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ เจอกันตั้งนานแล้วแต่ดันไม่บอกกันว่าตัวเองเป็นใคร จากเด็กอ้วนๆ กลมๆ กลายเป็นคนหล่อๆ ใครจะไปจำได้
“…นายจะให้ฉันพูดกับนายยังไง ฮยอกแจสมัยนั้นไปไหนมาไหนกับลีทงเฮตลอด พูดกับชาวบ้านไม่เกิน 3 นาที เราเคยคุยกันนานที่สุดตั้ง 20 วินาทีเลยนะ”
ฮยอกแจได้แต่ยิ้มเหงือกบาน ก็นั่นเป็นความจริง เขาค่อนข้างจะปิดตัวนิดหน่อย
“รุ้ไหมครับว่าอีกเหตุผลนึงคือ ฉันกลัว”
“กลัวหรอ กลัวฉันหรอ” ฮยอกแจทำสีหน้าประหลาดใจ
“กลัวเข้าไปบอกว่า
‘ฮยอกแจ ฉันซิมบ้านะ’
แล้วนายถ้าตอบกลับมาว่า
‘แล้วไง นายไม่ใช่ทงเฮนี่’
ความทรงจำที่ฉันอุตส่าห์ทะนุถนอมมาคงเปลี่ยนเป็นความเศร้าไปเลย
รู้ไหมกว่าจะตัดสินใจเอาดอกไม้ไปให้นาย ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าจะให้นายยังไง
แล้วโชคดีที่วันนั้นทงเฮไม่มาโรงเรียน ฉันเลยนำมันไปให้นายด้วยมือของฉัน
เผื่อว่านายจะพูดกับฉันอีกบ้าง แต่นายรับแล้วก็เดินหนีไป นายไม่ดีใจเลยที่ได้มัน...” ใบหน้าหล่อเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต
“ฉันคิดถึงนายมากรู้ไหม” ร่างบางปลอบใจด้วยคำสั้นๆ แต่กินความหมายลึก
“แล้วถ้าช่อดอกไม้นั่นไม่มีความหมายกับฉัน ฉันคงไม่เก็บโบว์แดงไว้หรอก”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน รอยยิ้มของฮยอกแจเคยสดใสอย่างไรก็อย่างนั้น
"ซีวอน...”
“ครับ”
“เรื่องที่นายพูดกับฉันเมื่อสองสามวันก่อน...บนรถ นายพูดว่าอะไรนะ” ถามอย่างเลี่ยงๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ
“นั่นสิ พูดว่าอะไรนะ...” คิ้วหล่อผูกโบว์ แกล้งทำหน้านึก
“เอาไว้อีก 8 ปีค่อยนึกก็ได้…” ร่างบางแสร้งทำเป็นลุกหนี ก่อนที่มือเรียวจะคว้าข้อแขนเล็กๆ แล้วดึงกลับมาที่เดิม
“จริงจังแล้วนะครับ...”
“...”ตาเรียวมองมาที่ซีวอนอย่างรอคอย
“นายอยากได้ตุ๊กตาไก่ที่ฉันบอกว่าจะซื้อให้หรอ”
“…”
“เราคบกันได้ไหม” เมื่อสายตาของซีวอนปราศจากแววล้อเล่น ฮยอกแจก็ไม่สามรถจ้องตอบมันได้
“มองตาฉันสิ จะหลบไปไหน”
“...” (ดูนกบนฟ้าอยู่)
“ว่าไงครับ”
“นายบอกเองว่าฉันไม่ต้องรีบตอบก็ได้ไม่ใช่หรอ”
“ฉันว่านายอยากตอบจะแย่แล้ว ไม่งั้นคงไม่พูดขึ้นมาก่อนใช่ไหมครับคนดี”
ตาสีน้ำตาลเฉไปมองต้นไม้ข้างๆ ไม่ใช่เพราะมันน่าสนใจ แต่ดวงตาของคนตรงหน้าทำให้เขาอ่อนเป็นช็อกโกแลตโดนความร้อน
“ฉันจะให้โอกาสนาย” ฮยอกแจพูดทั้งที่ยังมองกระถางต้นไม้
โอกาส ฟังแล้วรอยยิ้มได้รูปคลี่ออกกว้าง
แค่คำนี้ก็วิเศษแล้ว
“ถ้านายพิสูจน์ตัวเองให้ฉันยอมรับได้...(ดวงตาเรียวสวยกลับมาหยุดตรงกับนัยย์ตาสีดำ)
มือบางยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง นี่ฮยอกแจพูดอะไรออกไป หวานซะมัด
หวานสมกับการรอคอยแสนนาน
แต่ต่อให้นานสักเท่าไร
หัวใจกลับรักษาสิ่งที่มีความหมายไว้ได้ตลอดมา
ขอบคุณริบบิ้นสีแดงของพี่ยุนอา
~End.~
อ่านจบแล้วเป็นไงกันบ้างคะ คือว่าไรเตอร์ก็คือซีวอนเองเนี่ยแหละที่จะเอื้อมไปหยิบปลาในบ่อ บ่อมันลึกมากๆ เลยนะ ตอนนั้นไปเล่นกับเพื่อน มือนึงก็กำหญ้าไว้ อีกมือก็เอื้อมหาปลา เท่านั้นล่ะรู้สึกเหมือนหญ้าขาดกะว่าคงได้ร่วงลงไปแล้วแต่เพื่อนไรเตอร์มือไวมากๆ มาคว้าไว้ทันแล้วเขาก็ดึงไรเตอร์ขึ้นมาจากบ่อ เป็นประสบการณ์ที่ไม่ลืมเลย ตื่นเต้น ประทับใจจริงๆ ค่ะไรเตอร์ยังนึกถึงเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้
ความคิดเห็น