ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bleach] OS ❄ All for Hitsugaya Toshiro

    ลำดับตอนที่ #6 : Byakuya || Rare Alpha 2 (α x α)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 64


     


    Rare Alpha 2 .

    แรร์อัลฟ่า 2 .

    R || Short Fic (2-4ตอน)

    Kuchiki Byakuyax Hitsugaya Toshiro

     

    ___________________________________________

     

    ผิดคาด แทนที่เรื่องการบริหารตระกูลจะถูกเพ่งเล็งมาที่ส่วนของซึนะยาชิโระเช่นเคย รอบนี้ตระกูลคุจิกิดูจะมีตัวเลขที่ไม่เป็นแพทเทิร์นน่าห่วงมากกว่า

     

    ผมละโล่งใจพลางแอบคิดเข้าข้างว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะคิวรายงานคนสุดท้ายรอบนี้ดันตกไปเป็นของตระกูลคุจิกิ

     

    "รายงานไตรมาสนี้ถือว่าไม่เลวคุจิกิ แต่เพราะการเปลี่ยนผ่านผู้นำทำให้มีผู้สนับสนุนที่ไม่เห็นด้วยถอนหุ้นออกไปเยอะและหุ้นอื่นเล็กน้อยที่เริ่มลงทุนเข้ามาก็มีที่มาไม่ชัดเจน คุณคิดว่าจะทำอย่างไร" ท่านเก็นริวเอ่ยถามทันทีที่จบการรายงานของคุจิกิ เบียคุยะ

     

    "ทางเรากำลังดำเนินการหาประวัติการลงทุนของรายใหม่ ส่วนผู้ที่ถอนหุ้นกว่าครึ่งนั้นเป็นเพราะมีปัญหากับเรื่องข้อตกลงของวัฒนธรรม"

     

    "หื้ม น่าสนใจทีเดียวนะที่หลายคนหาข้ออ้างดึงหุ้นออกเพียงเพราะผู้นำตระกูลยังไม่ผ่านพิธีสมรสเป็นผู้ใหญ่มีครอบครัว" ท่านชิโฮอินออกความเห็น

     

    "ตระกูลคุจิกิเคร่งเกินพอดีเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร"

     

    "หรือบางทีพวกเขาอาจจะอยากดึงหุ้นไว้แล้วส่งจดหมายให้ผู้นำตระกูลสมรสกับลูกสาวอัลฟ่าของเขาสักคนเป็นการแลกเปลี่ยน" ท่านชิโฮอินยิ้มแยกเขี้ยวพาเอาคนทั้งห้องขนลุกกับความคิดเจ้าเล่ห์

     

    "เพื่อลดทอนผลกระทบนี้ ผมจะส่งที่ปรึกษาไปเจรจากับผู้ที่ถือหุ้นมากกว่า10เปอร์เซนต์" เบียคุยะตอบเสียงเรียบ ผู้นำทั้งสองก็ลอบส่ายหน้ากับคำตอบแข็งๆสมเป็นคนตระกูลคุจิกิ

     

    "เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้หนุ่มน้อย" ท่านชิโฮอินหันมาถามจนผมที่ยังไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งเฮือก

     

    "แค่ไม่ได้เจรจาออกจากปากท่านก็มีโอกาสสูงที่จะเข้าใจผิดได้แล้ว เป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงมากๆ" สุดท้ายก็เลยพูดไปแบบไม่ได้คิดซ้ำสอง ผู้ใหญ่ทั้งสองเห็นด้วยแต่ผู้นำตระกูลคุจิกิขมวดคิ้วแน่นกับคำที่ตรงไปตรงมาจนเกินไป

     

    "พูดตรงเป็นที่สุด! ให้พูดตรงกว่านี้ก็คือหาคู่สมรสเถอะผู้นำตระกูลคนใหม่" ท่านชิโฮอินขยายความต่อทำให้บรรยากาศรอบตัวประมุขคุจิกิทมึนเข้าไปอีก

     

    "คู่สมรส" เขาทวนคำและกวาดตามองมาหยุดที่ผม แม้จะเป็นอัลฟ่าด้วยกันแต่รังสีทะมึนตึงก็ทำเอาเสียวสันหลังวาบ

     

    "เอาเถอะ อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องคุยระยะยาว" ท่านประมุขเก็นริวตัดบทเพื่อคลายบรรยากาศที่บัดนี้ทำเอาบอดี้การ์ดรอบห้องหนาวสั่น

     

    "แยกย้าย ส่วนผู้นำคุจิกิเราจะนัดกันอีกครั้งเพื่อจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะในเร็ววัน"

     

    เสียงตบโต๊ะเป็นสัญญาณให้ทุกคนโค้งคำนับแก่กันเป็นการแยกย้าย ผู้อวุโสสุดอย่างท่านประมุขเก็นริวเดินออกไปคนแรก ตามด้วยท่านชิโฮอิน และผู้นำคนใหม่ตระกูลคุจิกิที่ยังนั่งนิ่งอยู่นั้น..

     

    ทำไมถึงไม่ยอมออกซักที!

     

    "นายน่ะ"

     

    "ครับท่านคุจิกิ"

     

    "ไปจัดการตนเองและมาหาเราที่ห้องพักรับรองตระกูลคุจิกิ" ผมสูดหายใจลึกพร้อมต่อรอง แต่ไม่ทันได้เรียบเรียงคำพูด คุจิกิ เบียคุยะก็เดินลิ่วออกไปนอกห้องประชุมเสียแล้ว

     

    ยังไงก็ไม่มีทางเลือก คำว่า 'ไปจัดการตนเอง' นี่แน่นอนว่าไม่ใช่ไปเข้าห้องน้ำผ่อนคลายก่อนมาคุยใหม่ แต่เป็นคำที่หมายความว่า ไม่ว่ามีตารางงานแน่นเอี๊ยดแค่ไหนในฐานะตัวแทนก็ต้องจัดการเลื่อนมันแล้วมาคุยกับเขาให้ได้ซะเพราะผู้นำตระกูลย่อมมีสิทธิ์เหนือกว่า

     

    ผมถอนหายใจเฮือก ก่อนที่จะไล่ลูกน้องคนสนิทไปปฎิบัติงานแทน

     

    "ช่วยส่งไฟล์นี่ให้ท่านประมุขซึนะยาชิโระด้วย แล้วล่วงหน้าไปที่บริษัทย่อยตามตารางก่อนเลย บอกผู้บริหารว่าผมจะไปฟังปัญหาของเขานอกรอบไม่ต้องห่วง"

     

    "รับทราบครับคุณชาย" คนสนิทของผมรู้ที่รู้ทางดี ผมไว้ใจเขามากพอที่ไม่แม้แต่จะต้องเรียกประมุขซึนะยาชิโระว่าท่านพ่อเพื่อตบแต่งแสดงละครเรื่องที่เกี่ยวกับความแน่นแฟ้นของตระกูล

     

    "ห้องรับรองหัวหน้าตระกูลคุจิกิอยู่ไหน พอดีผมมีธุระกับเขา" ผมถามบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่มีตราตระกูลคุจิกิอยู่บนปกเสื้อ เขาดูงงงวยเล็กน้อยกับการมาคนเดียวที่ไม่เป็นทางการของผม

     

    "ทางนี้ครับท่าน"

     

    "ขอบคุณ"

     

    ผมเดินไปตามทางตัวคนเดียวโดยมีบอดี้การ์ดของตระกูลคุจิกิแสดงสีหน้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆระหว่างทาง แม้จะไม่ได้เหลือบมองแต่ก็รู้สึกได้มากจนอยากจะหันไปตะโกนว่า ไปถามเจ้านายแกเองสิว่าเรียกผมมาทำไม!

     

    ประตูสองบานเปิดรับผมทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้า

     

    "คงเป็นคุณฮิตสึกายะ โทชิโร่ ผมเป็นที่ปรึกษาของตระกูลคุจิกิมาเป็นตัวแทนต้อนรับ เข้ามาก่อนสิครับ" ชายมีอายุผู้หนึ่งเปิดประตูเชิญเข้าไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเรียกชื่อเต็มโดยไม่มีความลังเล

     

    "คุณรู้ชื่อเต็มของผม?"

     

    "ไปสืบมาแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ต้องแปลกใจ" เป็นคุจิกิ เบียคุยะที่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตขาวลำลอง ถอดคราบสูทเนี้ยบนั่งหันหลังพูดขัดคอเสียงนิ่ง

     

    ท่าทางแบบนั้นผมดูไม่ออกว่าเขาพูดจริงหรือเล่นๆก็เลยได้แต่อึกอักเบี่ยงเข้าประเด็น "แล้ว...เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ"

     

    "มี"

     

    "เธอบรรลุนิติภาวะหรือยัง" เป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายมาก

     

    "ยังครับท่าน" มีแววสับสนผ่านดวงตาของเขาเพียงเล็กน้อยให้เห็นก่อนผมจะถูกสัมภาษณ์ด้วยคำถามต่อไป

     

    "งั้นรู้จักฉีดยาระงับกลิ่นเป็นประจำเสียด้วย อย่าทำตัวไม่มีฐานะ"

     

    "ผมเป็นแรร์อัลฟ่า" ปฎิกิริยาทนไม่ได้กับการโดนหมิ่นประมาทไปเร็วกว่าความคิดเสมอ ผมพูดถึงเพศสภาพตนเองออกไปแบบไม่ทันยั้งคิด

     

    "ถึงว่าสิ ตระกูลซึนะยาชิโระถึงรับเธอเข้ามา" ท่าทางเรียบนิ่งไม่สนใจอะไรแต่คำพูดบ่งบอกได้อย่างดีว่าไปสืบเสาะข้อมูลของผมมาไว้เรียบร้อย ยิ่งพอเอามาพูดโต้งๆเชิงดูถูกแบบนี้ผมก็ได้แต่กัดฟันกรอดไม่พูดอะไร

     

    "ว่าแต่พ่อบุญธรรมปลอมๆของเธอเนี่ย จะยอมให้ตำแหน่งทายาทกับเธอหรือ"

     

    "นั่นแล้วแต่การพิจารณาของท่านพ่อ ไม่เกี่ยวกับคุณ"

     

    "เรียกท่านพ่อไม่กระดากปากหรือไง เมื่อกี้ฉันยังได้ยินเธอเรียกเขาว่าประมุขซึนะยาชิโระอยู่เลย" ผมเริมรู้สึกถึงขีดจำกัดของตนเองเมื่อเขาชี้มาที่ผมพลางยกหูฟังข้างหนึ่งขึ้น ไม่เคยมีใครเคยมาพูดแบบที่เฉลยโต้งๆว่าติดเครื่องดักฟังไว้กับตัวผมอย่างนี้

     

    "คุจิกิ เบียคุยะ ผมถามว่าคุณเรียกผมมาทำไม"

     

    "เธอได้หัวขาดแน่ถ้าหากคนในตระกูลได้ยินเธอเรียกฉันแบบนี้" โชคดีที่เขาไล่ทุกคนออกไปจากห้องเหลือเพียงสองคน

     

    "ช่วยตรงประเด็นกับผมด้วย" 

     

    "ได้" เขาพูดเว้นคำย่างสามขุมเข้ามาทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย จนแล้วจนรอดก็ยังคงทำหน้านิ่งไม่พูดต่อจนทนความอึดอัดกัดดันนั่นไม่ไหว

     

    "งั้นอะไร--" 

     

    "จดทะเบียนสมรสกับฉัน" ล้อเล่น? แต่คนแบบคุจิกิ เบียคุยะ ไม่เหมือนคนที่จะล้อเล่นแบบนั้นเลยสักนิด

     

    "คุณพูดอย่างนี้กับผมทำไม ต้องการอะไร" 

     

    "แล้วฉันจะทำให้เธอได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล" นัยน์ตาดำสนิทนั้นจ้องลึกตรงเข้ามาราวกับอ่านใจ ผมเริ่มรู้สึกอยู่ไม่ได้กับบทสนทนาราวกับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความคิดและตระกูลของผม

     

    "เป็นเรื่องของผมที่จะต้องจัดการด้วยตนเอง" แม้ผมจะปลื้มเห็นเขาเป็นต้นแบบที่ดีแค่ไหน การถูกคุกคามแบบนี้ในเวลาอันสั้นก็ทำให้ผมไม่คิดจะตอบตกลง ยิ่งขอให้ผมเป็นคู่สมรสด้วยเนี่ยนะ...บ้าน่า!

     

    "เหรอ" สายตาของผู้นำตระกูลคุจิกิบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ

     

    "ครับ" 

     

    "งั้นเรื่องที่เธอใส่ผ้าพันคอตามฉันเนี่ย ฉันจะต้องจัดการด้วยไหม" ผมรีบตะครุบผ้าพันคอของตัวเองเป็นปฎิกิริยาอัตโนมัติแต่ท่านผู้นำคุจิกิเหนือชั้นกว่า เขาจับผ้าพันคอผมดึงหลุดไปอยู่ที่มือเขาอย่างรวดเร็ว 

     

    "แล้วฉันจะส่งจดหมายไปเป็นความลับระหว่างเรา อย่าให้พ่อปลอมๆของเธอเห็นเข้าล่ะ" คุจิกิ เบียคุยะเดินทะลุทางออกหลังห้องโถงไปพร้อมกับผ้าพันคอของผมที่ยังไม่ได้ให้คืน 

     

    ผมได้แต่ยืนอยู่กับที่กัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงขนาดเรียกท่านประมุขตระกูลซึนะยาชิโระว่าพ่อปลอมๆ(ถึงแม้ว่าผมจะแอบเห็นด้วยก็เถอะ) มีสิทธิ์อะไรที่จะเอาผ้าพันคอของผมไปแล้วกล่าวหาว่าผมทำตามเขาโดยไม่ถามอย่างนี้(ถึงแม้จะจริงก็เถอะ) แล้วก็พูดเรื่องทั้งหมดด้วยสีหน้านิ่งๆแบบนั้นเนี่ยนะ!

     

    "เข้าขั้นตายด้านไม่สนใครแล้วล่ะมั้ง สิ้นสุดความปลาบปลื้มที่เคยมี" ผมบ่นด้วยความหงุดหงิดพลางพยายามสงบสติควบคุมสีหน้าให้เรียบนิ่งเดินออกกลับไปทางเดิม  

     

    "เดี๋ยวก่อนครับคุณฮิสึกายะ ท่านหัวหน้าคุจิกิบอกให้ผมเอาสิ่งนี้มาคืน" ชายสูงวัยคนเดิมเดินเข้ามาขวางทางพร้อมผ้าพันคอเหมือนกันเปี๊ยบ

     

    "ขอบ--เดี๋ยว นี่มันไม่ใช่ของผม" ไม่ทันจะพันผ้าพันคอทบแรก  กลิ่นดอกไม้ก็ฟุ้งกระจายจนผมรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ฟีโรโมนของผม

     

    "ผืนนี้แหละครับถูกแล้ว" 

     

    "นี่ท่านที่ปรึกษา หัวหน้าตระกูลของคุณรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นอัลฟ่าและไม่ใช่อัลฟ่าหญิง ไม่สามารถผูกพันธะหรือให้กำเนิดทายาทได้" ถามตรงๆแบบนี้กับคุจิกิ เบียคุยะคงจะเป็นเรื่องใหญ่ ผมเลือกที่จะถามคนสนิทของเขาแทน

     

    ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะขึ้นพลางตอบ

     

    "ผมไม่รู้หรอกว่าท่านประมุขต้องการอะไร" เขาพูดต่อและยัดผ้าพันคอใส่มือผมในขณะที่กำลังอึ้งก่อนที่จะรีบเดินหายตัวไป

     

    "แต่ท่านบอกผมว่าแรร์อัลฟ่ามีความสามารถพิเศษซึ่งคุณควรจะรู้ดีนะครับ"

     

    "คุณคงไม่ได้หมายความว่า--"

     

    "ท่านประมุขพูดไว้ว่า กัดฉันสิจะไปยากอะไร"



    ________________________________________________________

    ต่อค่ะ!!! ความกาวยังไม่สุดนี่เพิ่งครึ่งทาง-แค่กๆๆๆ

    ขอกำลังใจกันหน่อยแล้วเดี๋ยวจะมาต่อให้เลยเร็วๆนี้ล่ะค่าาา




     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×