ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #6 : EP [5] ใครคนนั้นที่สำคัญกว่า ✓

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 64



     
       




     

    คิวไอวี่
    .
    .

    EP [5] ใครคนนั้นที่สำคัญกว่า
     




    ริต้าขับพาเจ้านายของตนมาถึงที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าเธอคุ้นตาดีเพราะเป็นคนไปหาข้อมูลให้คุณหนูเองกับมือ

    “ภัตตาคารนั่นอยู่ชั้นอะไรนะ” ไอวี่ถามขณะรอลิฟต์

    “ชั้นที่ 45 ค่ะ ริต้ารายงาน ประจวบเหมาะกับที่ลิฟต์มาพอดีคุณหนูของเธอจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก  

    ไอวี่ให้ริต้าไปติดต่อจองโต๊ะ เหตุที่เธอไม่เตรียมการก่อนล่วงหน้าเพราะกลัวว่าจะมีคนรู้ทันก็เท่านั้น

    “ได้โต๊ะตรงริมกระจกที่เป็นมุมที่ดีที่สุดของภัตตาคารนี้ค่ะ”

    ไอวี่พยักหน้าให้ก่อนจะรอเวลาแน่นอนว่าสายตาก็สำรวจไปด้วย

    “แล้วคนๆ นั้นล่ะ” ไอวี่อดที่จะถามไม่ได้

    “เธอเป็นแม่ครัวด้านในค่ะคงไม่ได้ออกมาด้านนอก”  

    ไอวี่รอไม่นานพนักงานชายก็นำเธอไปที่โต๊ะ เธอหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดู “พี่จะยืนอยู่ทำไมนั่งลงสิเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยหรอก”

    “ค่ะ” ริต้ารับคำก่อนจะนั่งอย่างเกรงๆ

    “พี่อยากกินอะไรสั่งเลยเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

    ไอวี่หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน ริต้าเสริมเล็กน้อยในเมนูอาหารที่ไอวี่แพ้ พนักงานรับเมนูก่อนจะเดินจากไป

    “พี่ว่าเขาจะมาเมื่อไร” ไอวี่เปรยขึ้นมาซึ่งริต้าเข้าใจในทันที

    “น่าจะไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ” ริต้าตอบ  

    “หึพี่แพ้..” ไอวี่พูดก่อนจะเปรยตามองร่างสูงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าทมึน เธอไม่สนใจเอาแต่ดื่มไวน์ที่พนักงานมาเสิร์ฟก่อนหน้านี้

    ริต้าเมื่อเห็นว่าคุณคิวมาก็ลุกขึ้นไปยืนด้านหลังคุณหนูไอวี่ทันที  

    เมื่อเห็นว่าคนที่ตามหานั่งอยู่ส่วนไหนคิวก็เดินไปนั่งเก้าอี้ว่าง  ดวงตาคมมองหน้าหญิงสาวที่ขยันหาเรื่องมาให้เขาปวดหัวได้ทุกวัน

    ไอวี่เองรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เอาแต่จิบไวน์และมองวิวยามค่ำคืนไปเงียบๆ และท่าทางแบบนี้คงจะไปกระตุ้นต่อมความอดทนของอีกฝ่ายเข้า

    “จะทำอะไรอีก” คิวถามเสียงเข้มหน้าตาบ่งบอกว่ากำลังสะกดกั้นอารมณ์อยู่ “ถามว่าจะทำอะไร มาที่นี่ทำไม”

    “มากินข้าว” ไอวี่ตอบก่อนจะมองหน้าคิว

    “...”

    “ฉันสั่งว่าไม่ต้องโผล่หัวมาให้เห็นไม่ใช่เหรอ? อ้อ ลืมไปนายชอบทำตามคำสั่งของทุกคนยกเว้นของฉันนี่” ไอวี่พูดแกมประชด

    คิวแทบจะกุมขมับ แน่นอนว่าเขารู้ว่าไอวี่ต้องการจะเอาชนะเขาด้วยวิธีที่เขาไม่ชอบใจ “ทำไมต้องเป็นที่นี่”

    “ทำไม? ฉันจะกินข้าวที่นี่แล้วมันแปลกรึไง”

    “ไอวี่อย่ากวนประสาท” ไอวี่แค่นยิ้มเมื่อคิวเรียกชื่อเธอเพราะมันหมายถึงคิวกำลังโกรธมาก คงจะโกรธที่เธอล้ำเส้นจนเกินไป  

    “มาก็ดี ไหนๆ ก็มาแล้วก็กินด้วยกันเลยแล้วกันฉันสั่งอาหารไปเยอะ พี่เองก็นั่งสิ” ไอวี่บอกก่อนจะหันไปหาริต้า  

    ริต้ามองคิวพอคิวพยักหน้าให้เธอจึงนั่งลง

    “เหอะ อยากจะรู้จริงๆ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายกันแน่”

    ตอนนี้เธอเข้าใจดีว่าถึงทุกคนจะทำตามคำสั่งเธอแต่ก็ต้องผ่านคิวมาก่อน นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าไม่มีใครสักคนที่อยู่ข้างเธอเลยจริงๆ แม้แต่ริต้าที่อยู่กับเธอมานานก็ด้วย

    พนักงานเดินมารินไวน์ให้กับคิว ผ่านไปไม่นานอาหารที่สั่งเอาไว้ก็มาเสิร์ฟ ไอวี่มองอาหารที่เริ่มจะเต็มโต๊ะท้องก็กิ่วคล้ายจะหิวจริงๆ ขึ้นมา

    “จะไปไหน” คิวถามเมื่อไอวี่ลุกขึ้นยืน

    “ไปห้องน้ำ”

    “ริต้า” คิวเรียกคนข้างกายของไอวี่แต่โดนไอวี่ขัดเสียก่อน

    “ไม่ต้องเดี๋ยวฉันไปเอง”

    ไอวี่สั่งเสียงแข็ง คิวเองก็ขมวดคิ้วเข้ม แน่นอนว่าต่างคนต่างไม่ยอมกัน ทว่าไอวี่ไม่รอให้ใครอนุญาตเธอเดินออกไปโดยไม่สนใจคิวอีก

    “ขอโทษด้วยค่ะ” ริต้าพูดขึ้นก่อนจะเดินตามไอวี่ไป

    คิวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่คิดว่าไอวี่จะควบคุมยากและดื้อดึงขนาดนี้ เพราะรู้จุดประสงค์ของหญิงสาวดีจึงต้องรีบตามมาถึงที่นี่ อาจเพราะเหมือนคำโบราณที่ว่าไว้ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เขาบอกว่าห้ามยุ่งกับคนรอบๆ ตัวแต่ไอวี่ก็ยังดื้อดึงมาที่นี่จนได้..ที่ที่แคลร์ทำงานอยู่..  

    “คุณคิวครับ” คิวมองเมืองสิงห์แน่นอนว่าไม่ต้องรายงานเขาก็พอรู้ว่าไอวี่คงไม่ได้ไปห้องน้ำตามที่เธอบอก คิวพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป

    หลังจากที่บอกร่างสูงว่ามาเข้าห้องน้ำแต่ความจริงแล้วคิดจะมาส่องผู้หญิงคนนั้น ไอวี่หันเลี้ยวไปทางส่วนที่เป็นพนักงานก่อนจะหามุมหลบเพื่อหาหญิงสาวที่ชื่อแคลร์ พอมองดูก็เห็นว่ามีพนักงานครัวหลายคนแต่ที่เด่นสำหรับไอวี่ก็คงเป็นผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาและเป็นวัยรุ่นเพียงคนเดียวในที่นี้..คนคนนั้นคือคนที่ทำให้คนอย่างคิวกรณ์ถึงกับไปไม่เป็น!

    อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีนักถึงทำให้คิวสนใจและแสดงท่าทีที่อ่อนโยนแบบนั้นได้..และอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีอะไรที่เธอไม่มีกันแน่

    “คุณหนูคะ” ไอวี่ออกจากภวังค์เพราะเสียงของริต้า

    “บอกว่าไม่ต้องตามมาไง” ไอวี่เอ็ดเสียงเบาทว่าเธอยังไม่ทันได้ดุริต้ามากนักเสียงเย็นๆ ของใครบางคนก็เรียกเอาไว้ก่อน

    “ไอวี่!” เป็นคิวที่เดินหน้านิ่งเข้ามา และดูเหมือนว่าใบหน้าจะโกรธที่สุดเท่าที่ไอวี่เคยเห็นมา การปรากฏตัวของคิวเรียกสายตาคนในครัวไม่น้อยหนึ่งในนั้นก็ผู้หญิงที่ชื่อแคลร์

    “ที่นี่สำหรับเจ้าหน้าที่นะครับ เชิญพวกคุณออกไปข้างนอกด้วย”

    พนักงานชายคนหนึ่งพูด ไอวี่ยืนตัวตรงทันทีที่รู้สึกตัวว่าโดนจับได้

    “อาหารอร่อยมากฉันก็เลยอยากจะขอพบคนที่ทำอาหารขึ้นมาเสียหน่อย” ไอวี่ยิ้มให้ทุกคนแต่สายตาของเธอวางเอาไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อแคลร์

    “เราคงทำตามที่คุณขอไม่ได้เพราะมันเป็นกฎของที่นี่”

    “คุณคงไม่อยากปฏิเสธคนในตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลใช่รึเปล่า”

    ไอวี่ถามเสียงเรียบทำเอาทุกคนที่ยืนอยู่เกร็งไปหมด ไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลที่โด่งดัง ดังนั้นพวกพ่อครัวจึงเอาแต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นไม้ คิวจะเข้ามาจัดการแต่โดนไอวี่มองด้วยความไม่พอใจเอาเสียก่อน

    “ไม่เป็นไรค่ะพี่เปรม เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ”

    หญิงสาวที่ชื่อแคลร์พูดขึ้น ไอวี่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะ ตามมาด้วยบุคคลทั้งสาม พอมาถึงไอวี่ก็นั่งพร้อมๆ กับคิว แต่ริต้าเปลี่ยนไปยืนด้านหลังไอวี่แทน ไอวี่มองหญิงสาวที่ชื่อแคลร์ที่น่าจะอายุมากกว่าเธอเกือบสองปีด้วยสายตานิ่งเงียบ

    “แคลร์นั่งสิ” คิวเป็นคนเอ่ยชวนทำเอาไอวี่แปลกใจไปนิดหน่อย เพราะแรกเริ่มเธอก็จะชวนอยู่แล้วไม่คิดว่าคิวจะข้ามหน้าเธอแล้วชวนแทนผู้หญิงที่ชื่อแคลร์ยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงข้างคิว

    “คุณมีอะไรจะถามฉันเหรอคะ” แน่นอนว่าคนเริ่มประเด็นเป็นอีกฝ่าย ไอวี่เงียบไปพักหนึ่ง

    “อาหารที่ทำมาอร่อยมากเลยนะคะช่วยแนะนำหน่อยได้รึเปล่า”

    “อ่า เมนูที่คุณผู้หญิงเลือกจะมีเมนคอร์สหลักๆ อยู่ 5 หมวดหมู่นะคะจะแยกเป็นหมวด Appetizer Hot ที่คุณผู้หญิงสั่งจะมี..”

    ไอวี่ไม่ได้ฟังที่แคลร์พูดอีกต่อไปแต่สายตาเธอกลับจับจ้องเพียงแต่ร่างสูงที่ตั้งใจฟังผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพูดถึงรายการอาหารแทน เธอแค่นยิ้มอยู่เพียงเงียบๆ คนเดียวเมื่อเห็นใบหน้าของคิวมีแต่ความผ่อนคลายและเหมือนจะภูมิใจในตัวแคลร์เป็นอย่างมาก อีกทั้งคิวเองก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเผลอปล่อยตัวจนเกินไป เธอก็เพิ่งเคยเห็นว่าคนอย่างคิวกรณ์มือฉกาจของตระกูลหงส์ฤดีเกียรติกุลก็มีมุมนี้ด้วย

    ให้ตายเหมือนพาตัวเองมาตอกย้ำกับอะไรที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้ว..

    “คุยกันมาตั้งนานยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะคะ” ไอวี่แทรกขึ้น

    “นั่นสินะคะ ฉันชื่อแคลร์ค่ะ แล้วคุณ..”

    “ฉันไอวี่ค่ะ” ไอวี่แนะนำตัวกลับแต่พอบอกชื่อไปไม่รู้ทำไมแคลร์ถึงได้หันไปมองคิว..ทำไม? มันมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นเหรอ?

    “คุณหนูไอวี่นี่เอง ฉันได้ยินชื่อคุณมานานแต่เพิ่งจะได้เจอตัวจริงก็วันนี้ คุณสวยมากเลยค่ะ” แคลร์พูดขึ้นมาทำเอาไอวี่รู้สึกสงสัย

    “ได้ยินมาจากไหนคะ” แคลร์เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างทว่าก็เปลี่ยนใจหันไปมองคิวแทน ดังนั้นไอวี่จึงรู้ว่าเธอรู้มาจากใคร

    ว่าแต่..คิวเล่าอะไรไปบ้างล่ะ?

    “รู้จักกับคิวนานแล้วเหรอคะ” ไอวี่ทำเป็นไม่สนใจประโยคคำถามเดิมแล้วถามคำถามใหม่ ซึ่งมันลดความอึดอัดลงไปมาก

    “ใช่ค่ะ เราสนิทกันค่ะ” แคลร์ตอบ

    “เหรอคะ เห็นคิวอยู่กับเพื่อนกลุ่มผู้ชายห้าหกคนไม่คิดว่าจะมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงด้วย”

    “...แล้วคุณไอวี่ล่ะคะ คุณก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่นาก็น่าจะสนิทกับพี่คิวนี่คะ” แคลร์ถามกลับ ซึ่งไอวี่ก็แค่ยกยิ้มให้อีกฝ่าย

    “คงจะระดับหนึ่งค่ะ แต่คงไม่สนิทเท่าคุณแน่ๆ”

    “อย่างนั้นเหรอคะ แต่ฉันไม่คิดว่าแบบนั้นนะคะเพราะถ้าคนที่อยู่ใกล้พี่คิวได้แบบนี้คงไม่ธรรมดาแน่ๆ” แคลร์ตอบ

    ไอวี่มองแคลร์อย่างประเมิน..ใช่เธอนั่นล่ะที่ไม่ธรรมดา  

    “คงจะแบบนั้นค่ะ แล้วคุณแคลร์มีแฟนแล้วหรือยังคะไม่ได้จะละลาบละล้วงนะคะ เห็นคุณสวยและเก่งก็เลยอยากรู้”

    “มีแล้วค่ะ” มีแล้วแต่ก็ยังมาโปรยเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนอื่นน่ะเหรอ?

    “แฟนฉันเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่คิวค่ะก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันสนิทกับพี่คิว”

    “อ๋อแบบนี้เองเหรอคะ” แน่นอนว่าข้อมูลนี้ฉันได้มาแล้ว

    “คุยถูกคอจังค่ะ ไม่ทราบว่าคุณแคลร์เรียนที่ไหนเหรอคะ”

    “คิงส์ตันค่ะ”

    “อ้าวไอวี่ก็เรียนที่นั่นนะคะ แต่อยู่ปีหนึ่งวิศวะฯ แล้วคุณแคลร์ล่ะ”

    “เรียนอาหารฯ ปีสามค่ะ” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

    “อย่างนั้นก็เป็นรุ่นพี่สิคะ ไอขอเรียกว่าพี่แคลร์แล้วกันนะคะ”

    ไอวี่ถือโอกาสตีสนิทเรียกพี่ แคลร์ดูเหมือนจะตกใจแต่ก็ยอมรับโดยดี หลังจากนั้นไอวี่ก็คุยกับแคลร์อีกเล็กน้อยจากนั้นก็ต้องปล่อยให้หญิงสาวกลับไปทำงานต่อ แน่นอนว่าระหว่างที่คุยกันก็มีสายตาคมคอยจ้องมองตลอดเวลา และถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่แทรกบทสนทนาอะไรแต่มันก็ดูขัดใจไอวี่อยู่ดี

    ท่าทีที่ดูชื่นชมและดูเอ็นดูของคิวมันทำให้ไอวี่สติแทบแตก ทุกการกระทำที่แสดงออกมามันทำให้เธอนึกอิจฉาแคลร์อยู่เต็มหัวใจ

    ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงไอวี่กับคิวก็รับประทานอาหารเสร็จ ระหว่างที่นั่งกินเธอกับคิวไม่ได้คุยกันเลยสักประโยค บนโต๊ะอาหารมีแต่ความอึมครึม ริต้าและเมืองสิงห์ลุกขึ้นไปชำระเงิน ส่วนไอวี่กับคิวก็เดินออกมายืนรอลิฟต์ ทว่าจังหวะรอแคลร์ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาทางพวกเขา

    “พี่คิวคะรอก่อนค่ะ!

    แคลร์วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคิวด้วยความเหนื่อยหอบ คิวยกมือขึ้นให้แคลร์เพื่อให้เธอได้มีที่จับ ส่วนไอวี่มองทั้งสองคนด้วยความสนใจ

    “ไม่เห็นต้องวิ่งเลย” คิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุๆ แต่น้ำเสียงนั้นดูจะไปในทางเอ็นดูซะมากกว่า

    “แคลร์กลัวพี่จะกลับไปก่อนก็เลยวิ่งมา” คิวยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจับให้อีกฝ่ายยืนดีๆ

    “นี่ค่ะ” แคลร์ยื่นบางอย่างให้คิว

    “อะไรน่ะ”

    “เป็นน้ำผลไม้กับขนมที่พี่ชอบค่ะ แคลร์ว่าจะฝากพี่คินทร์ไปให้หลายครั้งแต่ก็ลืมแต่โชคดีที่วันนี้เจอพี่พอดี”  

    “ขอบใจ แต่ว่าโทรมาบอกให้ไปเอาก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

    “ไม่ลำบากหรอกน่า”

    แคลร์ยิ้มให้ก่อนจะมองไปทางไอวี่ก่อนจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้ไอวี่ตกใจด้วยการโน้มตัวเข้าไปกอดคิว และคิวเองก็ไม่ผลักเธอออกด้วยกลับกันมือแกร่งนั้นยกขึ้นมากอดตอบด้วย

    “ฉันจะไปรอข้างล่าง” ไอวี่รีบพูดก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป

    “แคลร์จะไม่ถามอะไรหรอกนะคะเพราะรู้ว่าพี่มีเหตุผล แต่ห้ามปิดบังอะไรแคลร์เด็ดขาดเข้าใจไหมคะ” แคลร์กระซิบให้คิวได้ยิน

    คิวเผลอยิ้มออกมาที่หญิงสาวไม่ได้ถามอะไรซอกแซกในตอนนี้ก่อนจะยกมือลูบหัวหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างเอ็นดู

    “ทิมพากลับไปแล้วครับ” เมื่อคิวออกมาทิมก็เข้ามารายงานทันที

    คิวพยักหน้ารับรู้ว่าลูกน้องที่กำลังบาดเจ็บแต่เพิ่งจะฟื้นตัวพาคุณหนูของเรือนแก้วกลับไปก่อน คิวเดินไปขึ้นรถแล้วเอี้ยวตัวเอาของไปเก็บด้านหลัง รอยยิ้มผุดขึ้นมาเพราะว่าวันนี้ได้เจอกับแคลร์ ทว่ามือที่เริ่มหยิบของในถุงดูชะงักทันททีที่นึกบางสิ่งขึ้นได้

    วันนี้คิวเผลอทำอะไรผิดพลาดไปหลายอย่าง เขามักจะลดเกราะป้องกันตัวเองระหว่างที่อยู่กับแคลร์ คิวหยิบโทรศัพท์โทรหาใครบางคนทันทีและเมื่อปลายสายรับก็กรอกเสียงลงไปอย่างเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง

    “ดูแลแคลร์ให้ดี” หลังจากพูดจบก็วางสาย นั่งคิดอะไรพักหนึ่งแล้วค่อยขับรถกลับคฤหาสน์

    เมื่อกลับมาที่เรือนแก้วคิวก็ได้รับรายงานว่าไอวี่เข้านอนไปแล้วเขาโบกมือไล่ทุกคนให้ไปพัก ยกเว้นก็แต่เวรยามที่เฝ้าเรือนแก้วที่แน่นหนามากกว่าเดิมถึงสองเท่า ก่อนจะแยกย้ายคิวสั่งงานทิมและเมืองสิงห์แล้วค่อยเดินกลับมาที่ห้องพักของตนเองที่เป็นเรือนแยกออกมาไม่ไกลจากเรือนแก้วนัก

    เนื่องจากคิวมีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญต่อคุณหนูเรือนแก้วดังนั้นจึงมีอภิสิทธิ์หลายๆ อย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือสามารถมีที่พักห่างจากเรือนแก้วเพียงนิดเดียว ซึ่งปรกติแล้วบอดี้การ์ดระดับสูงและเหล่าลูกน้องจะมีบ้านพักอยู่ด้านหลังตัวคฤหาสน์ของเหล่าเจ้านายไปอีกที

    Rrrrr Rrrrr

    คิวเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดูและเมื่อเห็นว่าชื่อที่บันทึกเอาไว้ด้วยตัวอักษรพิเศษโชว์ขึ้นบนหน้าจอรอยยิ้มที่ใครๆ ไม่เคยเห็นก็ปรากฎขึ้นมา

    “ครับ ผมเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ส่งมาแล้วใช่ไหมครับ ครับ.. ตอนนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรดีกว่าครับ ไม่ต้องครับเดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณนะครับ”

    คิววางสายไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเช็กอีเมล สายตาคมอ่านรายละเอียดข้อมูลที่ปลายสายส่งมาให้

    “หึ ชั่วกันทั้งตระกูล” รอยยิ้มเย็นแย้มขึ้น ก่อนจะกดปิดอีเมลและล็อคเอ้าท์ทุกอย่างจากระบบอีกทั้งล้างแคชข้อมูลการเข้าใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแฮกข้อมูลเกิดขึ้น แน่นอนว่าคิวระแวดระวังตัวเพราะเขาไม่เคยไว้ใจใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องคนสนิทหรือเพื่อนก็ตามที

    หลังจากแต่งตัวเสร็จคิวก็ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยเพราะวันทั้งวันวุ่นไปกับเรื่องของไอวี่เสียส่วนใหญ่ หากจะถามว่าคิวคิดยังไงกับไอวี่ แน่นอนว่าเฉยๆ และถ้าถามว่ารู้ไหมว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเขา แน่นอนว่าเขารู้ แต่ที่ทำเมินเฉยก็เพราะมันส่วนหนึ่งของแผนการ

    คิวต้องการแบบนั้น ต้องการให้ไอวี่ผูกติดคิวพึ่งพาคิวให้มากกว่าทุกคน และมันก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกถ้าอีกฝ่ายชอบเขา แต่แน่นอนว่าคิวไม่หยุดอยู่แค่นี้เขาจะทำให้ไอวี่รักเขาให้ได้ เพราะยิ่งรักก็ยิ่งควบคุมง่ายและนั่นคือเหตุผลที่คิวต้องยอมอดทนกับอีกฝ่ายไม่ว่าจะน่ารำคาญแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อเป้าหมายที่วางเอาไว้ในอนาคต เขาก็มีแต่ต้องกัดฟันทนต่อไป..

    ฟังดูเหมือนคิวเป็นคนคลั่งรักทว่าไม่ใช่เลย..

    เหตุผลมันไม่สวยหรูอะไรอย่างนั้น..

    คิวแค่มีปฏิกิริยาที่รุนแรงกับไอวี่..ไม่ใช่สิกับตระกูลชั่วนี่ต่างหาก

    เดิมทีแล้วคิวมีชื่อว่า คิรัวร์ เกียรติ์เกรียงไกร แต่ตอนนี้มีเหตุผลที่ต้องปิดบังชื่อและนามสกุลจริงดังนั้นเขาจึงใช้ชื่อ คิว ซึ่งเป็นโค้ทเนมที่ใช้ในการทำงาน และใช้ชื่อใหม่กับนามสกุลของตระกูลนี้แทน

    ตระกูลที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไร..

     

    เช้าวันต่อมาคิวเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกลู่ ทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูสีเทาที่ปิดบังช่วงล่างเอาไว้ ร่างสูงชะงักกายเมื่อเห็นว่าใครกำลังรุกล้ำอาณาเขตความเป็นส่วนตัวของตัวเอง

    คุณหนูของเรือนแก้ว..

    คนที่เพิ่งออกมาไม่คิดจะกระดากอายแต่ไม่ใช่กับคนที่นั่งรออยู่ ไอวี่หันหน้าหนีแทบจะทันทีที่เห็นคิวออกมาในสภาพนั้น เธอรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างเขินอายที่ต้องเห็นเรือนร่างของอีกฝ่าย กล้ามเนื้อที่ผ่านการออกกำลังกายและมีสภาพสมบูรณ์ดูแข็งแรงดูจะเพอร์เฟ็กเสียจนไอวี่คิดว่ามันดูดีมากๆ นั่นยังติดตาอยู่แม้ตอนเธอหลับตา

    “ทำไมนายไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนเดินออกมาล่ะ”

    “ปกติจะออกมาแต่งตัวข้างนอก แล้วมีอะไรถึงถือวิสาสะเข้ามา”

    “แค่จะคุยกับนายเรื่องของเมื่อคืน”

    “งั้นรอก่อน” คิวไม่สนใจไอวี่ที่อยู่ในห้องเลยสักนิด เขาเดินไปใส่กางเกงในห้องแต่งตัวก่อนจะเดินมาตรงหน้าไอวี่

    “ทำไมไม่ใส่เสื้อ” ไอวี่เผลอหันไปมองก็ต้องหันหน้าหนีอีกที

    “นี่มันห้องฉันจะใส่ไม่ใส่เสื้อก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

    ไอวี่ถอนหายใจออกมา พลันคิดว่าจะมีสักครั้งไหมที่ผู้ชายคนนี้จะพูดดีๆ กับเธอ ไอวี่หันไปเห็นผมของคิวที่ยังไม่แห้งก็รู้สึกขัดใจขึ้นมา

    “มานั่งนี่” ไอวี่สั่ง คิวนิ่งไปพักหนึ่งแต่ก็ยอมทำตามโดยดี แน่นอนว่าในเขตคฤหาสน์แห่งนี้คิวไม่สามารถที่จะขัดคำสั่งได้

    แต่ถ้าไอวี่คิดสักนิดว่าที่นี่เป็นอาณาเขตส่วนตัวของคิว ซึ่งหากเธอสั่งอะไรไปคิวสามารถจะปฏิเสธได้แต่อีกฝ่ายไม่ทำนั้นมันแปลกเพียงใด

    เมื่อคิวนั่งไอวี่ก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กตรงชั้นหน้าห้องน้ำมานั่งเช็ดผมให้คิว แปลกใจนิดหน่อยที่คนตัวสูงยอมทำตามอย่างว่าง่าย แต่ไอวี่ยอมรับว่ารู้สึกดีที่ได้เช็ดผมให้อีกฝ่ายเพราะมันเหมือนว่าคิวจะยอมให้เธอเข้าหาเขาขึ้นมาบ้าง และนั่นทำให้ความน้อยใจของไอวี่ลดลงนิดหนึ่ง

    “สนิทกับเธอคนนั้นมากเหรอ?” ไอวี่ถามขึ้นมาเสียงเบา

    “อืม” คิวตอบเพราะรู้ว่าไอวี่หมายถึงอะไร

    “แล้ว นายได้ชอบเธอรึเปล่า”

    “ก็ชอบ” ไอวี่หยุดมือไปพักหนึ่งแต่ก็เช็ดต่อ

    “เห็นว่าหน้าเหมือนน้องสาวเลยเอ็นดู” ไม่รู้ว่าคำพูดที่เพิ่มมานั่นต้องการจะอธิบายกับเธอรึเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ไอวี่รู้สึกดีใจและโล่งใจขึ้นมา

    “มีน้องสาวด้วยเหรอ ไม่เคยรู้เลย”

    “จำได้ลางๆ ว่าเคยมี”  

    “แล้วครอบครัวล่ะจำได้บ้างไหม”

    ไอวี่ถามต่อและค่อนข้างจะระวังคำพูด สาเหตุเพราะก่อนหน้านี้คิวไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวหรือตัวเองอยู่เลย

    “จะถามทำไม?”

    “ตอบมาเถอะน่า” คิวจับมือไอวี่ที่เช็ดผมให้ตนเองออก

    “เคยบอกแล้วใช่รึเปล่าว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องส่วนตัว”  

    “เรื่องส่วนตัวที่ว่ารวมคนชื่อแคลร์ด้วยใช่มั๊ย?”

    “อืม”

    “ห้ามยุ่งเหรอ? แค่ถามก็ไม่ได้เหรอ?”

    “อืม” ไอวี่นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะมองคิวด้วยสายตาตัดเพ้อน้อยใจ

    “นายดูห่วงเธอจังเลยนะ อยากรู้จริงๆ ว่านายเคยห่วงฉันแบบเธอมั๊ย ฉันเคยสำคัญกับนายบ้างมั๊ยคิว”

    “เธอสำคัญกับฉันเสมอ” คิวมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ซึ่งไอวี่เองก็เช่นกัน

    เธอรู้ว่าเธอสำคัญกับคิวก็เพราะเป็นเจ้านาย..

    “แล้วตกลงมาที่นี่ทำไม?”

    “เปล่า” ไอวี่ลังเลกับความคิดตัวเอง สมองคิดบางอย่างออกแต่ไม่รู้ว่าจะทำดีรึเปล่า ทว่าร่างกายและหัวใจมันเร็วกว่าสมองไอวี่จึงเดินเข้าไปกอดคิวอยู่พักหนึ่ง และยิ่งอีกฝ่ายไม่ผลักเธอออกเธอจึงแปลกใจผละตัวเองขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่าย

    “อย่าไปกอดกับใครอีกเลยได้ไหม อย่าให้ใครกอดง่ายๆ แบบนั้นอีก ถ้านายชอบทำตามคำสั่งนักฉันขอสั่งนายเรื่องนี้ได้ไหมคิว” 

    คิวไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่ความเงียบก็ทำให้ไอวี่รู้สึกเข้าข้างตัวเองไปนิดหนึ่ง..

    คิวไม่ปฏิเสธแสดงว่าอาจจะทำให้เธอได้..



    ※ โหวต เม้นท์ เฟบ ให้กำลังใจ 






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×