ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระคลังซุกข้าวซุกของ

    ลำดับตอนที่ #6 : What, again! ก๊วนนักเรียนสัตว์!?

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 64



    Application



    “อย่ามาตีสนิท...”


    https://www.pinterest.com/pin/655344183278696092/



    บทบาท : pensive


    ชื่อ-นามสกุล : ชื่อเก่า : ตฤณ เตโชบุตร / ชื่อใหม่ : ติณณ์ ชลชะ (Trin Taechobhut / Tin Chonlacha)


    ความหมายของชื่อ : ตฤณ = ต้นหญ้า / เตโชบุตร = บุตรแห่งไฟ / ติณณ์ = ผู้ข้ามพ้นความทุกข์แล้ว / ชลชะ = คำที่ใช้เรียกนาคประเภทที่เกิดในน้ำ 


    ชื่อเล่น/ชื่อที่เรียก : ติน


    เพศ : ชาย


    สัญชาติ : ไทย


    เชื้อชาติ : ไทย


    วันเกิด : 6 มกราคม


    อายุ :17


    สายพันธุ์ที่อยู่ในตัว : มังกรไฟ


    อาชีพ : นักเรียนม.ปลายปี 2 (ม.5)


    ที่อยู่ : บ้านของญาติซึ่งอยู่บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า สถานีอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปกติมาโรงเรียนด้วยรถไฟฟ้า


    ส่วนสูง/น้ำหนัก : 157 ซม. / 49 กก. 



    รูปร่างลักษณะ : ติณณ์เป็นเด็กหนุ่มร่างผอมและตัวค่อนข้างเล็กกว่ามาตรฐานชายไทย(เขาเตี้ยกว่าน้องชายบุญธรรมตัวเองด้วยซ้ำ)เนื่องด้วยสาเหตุที่เขามีความอยากอาหารค่อนข้างน้อยกว่าคนปกติจากความหลัง กระดูกข้อต่อเช่นข้อมือและข้อเท้าจึ้งค่อนข้างนูนออกมาเด่นชัดจนแม่บุญธรรมค่อนข้างเป็นห่วง จริง ๆ แล้วสีผมของเขาตั้งแต่เกิดเป็นสีดำธรรมชาติ แต่เพราะตอนกำลังจะเข้าเรียน ม.4 โรงเรียนสัตว์น้อย น้องชายเขาเกิดคึกอยากช่วยปรับภาพลักษณ์ให้เขาดูน่าสนใจและน่าเข้าหามากขึ้นก็เลยกึ่งชวนกึ่งบังคับให้ไปย้อมผมเป็นสีเทา ที่ถึงแม้สุดท้ายจะไม่มีคนกล้าเข้าหาด้วยบุคลิกของติณณ์เองก็เถอะ แต่เจ้าตัวก็ดันนึกชอบขึ้นมาจนย้อมต่อยาว ๆ ดวงตาสีดำสนิทของติณณ์มักไม่ค่อยสบตาคู่สนทนาเท่าไหร่นอกเสียจากจะเป็นคนในครอบครัวบุญธรรมของเขา ส่วนลักษณะการแต่งตัวมักจะเน้นความสบายและปกปิดร่างกายตัวเองจากสายตาคนรอบข้างให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงชอบใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวมากที่สุด อีกทั้งเขามักจะชอบแต่งตัวโทนสีฟ้าเพื่อหลีกหนีความจริงที่ว่าเขาคือมังกรไฟอันแสนน่ากลัวและบ่งบอกถึงความรักในชีวิตใหม่กับครอบครัวบุญธรรมของเขาที่ทั้งแม่แล้วก็น้องชายบุญธรรมเป็นปลาเสือพ่นน้ำอีกด้วย ส่วนใบหน้าของเขานั้นมักจะมีหน้ากากที่สั่งทำพิเศษด้วยวัสดุกันไฟจากศูนย์วิจัยปกปิดเอาไว้เสมอเพื่อกันเหตุฉุกเฉินเผื่อว่าเขาอาจจะควบคุมการแสดงออกของสายพันธุ์สัตว์ในตัวไม่ได้ในบางครั้ง โดยเวลาที่ลักษณะสายพันธุ์มังกรไฟของเขาปรากฏเมื่อไหร่ นอกจากปีกและหางรวมถึงการพ่นไฟที่แสดงออกแล้ว ดวงตาและสีผมของเขาก็จะแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดงทันที ก่อนจะกลับมาเป็นผมสีเทากับดวงตาสีดำอีกครั้งเมื่อควบคุมสติอารมณ์ได้

    (ภาพจำลองตอนเขาแสดงลักษณะอาการของมังกรไฟ : https://www.pinterest.com/pin/655344183278696638/)                  

     (การแต่งตัวยามปกติของเขา (เรียงจากซ้ายบนลงล่าง) : 1.) https://www.pinterest.com/pin/655344183278832764/

                                                                              2.) https://www.pinterest.com/pin/655344183278832760/

                                                                              3.) https://www.pinterest.com/pin/655344183278832785/

                                                                              4.) https://www.pinterest.com/pin/655344183278832778/)


           

     (ชุดนอน (เรียงจากซ้ายไปขวา) : 

    1.) https://www.pinterest.com/pin/655344183278842878/

    2.) https://www.pinterest.com/pin/655344183278842879/)


    ลักษณะนิสัย : เรื่องราวของติณณ์ในรายงานความประทับใจแรกพบของเพื่อน ๆ หลายคนมักไปในทำนองเดียวกันว่า ติณณ์นั้นไม่น่าคบอย่างรุนแรงซึ่งขัดกับภาพลักษณ์สีผมและการแต่งกายที่ดูดีเป็นอย่างมาก เพียงแค่การชวนคุยไม่กี่ประโยคของเพื่อนที่ต้องการเข้าหาเพื่อทำความรู้จักก็สามารถทำให้เขากล่าวคำว่า "อย่ามาตีสนิท..." ออกมาได้เสียแล้ว บ่งบอกถึงความต้องการที่จะอยู่คนเดียวของเจ้าตัวโดยตรง เพราะเคยมีคนใจกล้าเข้าไปถามถึงเหตุผลอยู่ คำตอบที่ได้ก็ดันเป็นมวลคลื่นพลังการมองในแง่ร้ายเต็มเปี่ยมตีตื้นขึ้นมากับน้ำเสียงเย็นชาตามปกติของเจ้าตัวว่า "เพราะไม่อยากรับมือกับความปลอมเปลือกแถวนี้น่ะสิ" ซะงั้น นอกจากนี้ติณณ์ยังไม่เคยสบตาใครยกเว้นคนในครอบครัวบุญธรรมเวลาพูดด้วยแม้แต่เวลาที่ครูมาสั่งงานถึงโต๊ะ ดวงตาของเขามักมีไว้จดจ่อกับอนิเมะในโทรศัพท์มือถือหรือมังงะใต้โต๊ะเสมอ(เล่นเอาคนที่บังเอิญไปเห็นติณณ์คุยกับน้องชายบุญธรรมอย่างสนิทสนมถึงกับช็อคไปเลย) 

    เป็นการยากที่จะรู้ได้ว่าติณณ์นั้นคิดอะไรอยู่ แต่ในความจริงแล้ว ในใจของติณณ์นั้นแทบไม่มีอย่างอื่นนอกจากความกลัวที่จะต้องเจอกับความรู้สึก ตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ โกรธ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วเวลาอยู่ใกล้คนอื่นเท่านั้น ถึงแม้ทุกวันนี้การไปฝึกกับนักวิจัยและหมอที่โรงพยาบาลพร้อมกับแม่บุญธรรมที่เป็นพยาบาลจะทำให้ควบคุมความรู้สึกทุกอย่างให้มีขอบเขตการแสดงออกมากสุดคือแค่ควันออกหูแล้ว(บางคนคิดว่าควันออกหูหมายถึงโกรธก็พาลยิ่งกลัวเขาเข้าไปอีก แต่ความจริงแล้ว จะตกใจ กลัวมาก ดีใจ หรือตื่นเต้นก็ควันออกหูได้ทั้งนั้นแหละ) แต่เหตุการณ์ในอดีตไม่เคยทำให้เขามั่นใจในตัวเองเรื่องนี้ได้เลย เพราะแบบนี้การไล่คนที่เขาไม่อยากให้กลายเป็นผู้ประสบภัยไฟลวกให้ออกไปไกล ๆ เลยจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในความคิดของเขา ติณณ์เลยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสรรหาคำมาด่าให้คนไม่อยากเข้าหาโดยเฉพาะ(ตั้งโดยน้องชายบุญธรรม) 

    แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของการเรียน ติณณ์เองก็เป็นเด็กเรียนดีที่รับผิดชอบส่งการบ้านครบถ้วน เช่นเดียวกับงานกลุ่มที่แม้จะไม่ค่อยเป็นตัวตั้งตัวตีแต่ก็ทำตามคำสั่งและไม่เคยหายไปจากกรุ๊ปไลน์เวลามีคนต้องการติดต่อเลยสักครั้งเดียว เพื่อน ๆ หลายคนจึงพร้อมกันลงมติว่า โอเค ถ้าเป็นเพื่อนกันจะลำบากเบอร์นั้น เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันแหละดีแล้ว



    ลักษณะการพูดจา :

    วันแรกของการเปิดเทอม(หน้าประตูโรงเรียน):

    ติณณ์เลือกที่ปลุกน้องชายบุญธรรมของตัวเองแต่เช้าเพื่อนั่งรถไฟฟ้ามาเรียนก่อนเวลาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขามักจะสบายใจเป็นพิเศษเวลาเห็นภาพตัวเองเดินเข้าโรงเรียนมาเจอกับความเงียบสงัดยามนักเรียนคนอื่นยังไม่มา ก่อนจะรีบเดินไปตามหาใบประกาศห้องเรียนเพื่อตรวจสอบเป้าหมายต่อไปที่ควรจะไปทันที

    "พี่จะรีบอะไรนักหนาเนี่ย...แข่งกันเช้ากับลุงยามเหรอ" น้องชายบุญธรรมบ่นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ดวงตาสองข้างแทบจะปิดมิไม่ปิดแหล่ แต่ก็ยอมเดินตามพี่ชายบุญธรรมที่จูงมือเขาไม่ปล่อยตั้งแต่ออกจากบ้านแต่โดยดี 

    "หนวกหูน่าดรณ์..." ปากก็พูด มือหนึ่งยังจับมือน้องชายบุญธรรมไม่ปล่อย ส่วนอีกข้างกำลังใช้นิ้วไล่ไปตามรายชื่อ "...จะให้เจอคนเยอะ ๆ แบบนั้นมันน่ารำคาญน่ะ เกิดมาช้าแล้วที่นั่งเต็ม ต้องไปขอเขานั่งด้วยอีก...ไม่อยากว่ะ"

    หลังจากหันไปเช็คปฏิกิริยาน้องชายบุญธรรมที่พยักหน้ารับอย่างจำยอมเสร็จ นิ้วก็เลื่อนหาไปอีกพักหนึ่งก็เจอ 

    "นี่ไง ดรณ์ ชลชะ ห้อง ม.4/... เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

    เพียงเท่านั้น ดวงตาที่แทบจะปิดลงด้วยความง่วงของเจ้าของชื่อก็เบิกโพลงขึ้นด้วยความสงสัยทันที เขายื่นหน้าเข้าไปอ่านตามนิ้วของพี่ชายบุญธรรมแล้วก็พบกับชื่อตัวเองจริง ๆ ด้วย

    "อ้าว นึกว่าหาชื่อตัวเอง"

    "ก็แย่ละ มึงเพิ่งมาโรงเรียนนี้วันแรกมั้ย ใจคอพี่ไม่ได้ร้ายถึงขั้นทิ้งให้เดินแกร่วคนเดียวนะเฮ้ย มา ๆ เดี๋ยวพี่ขอเช็คชื่อตัวเองแป๊บแล้วจะพาไปส่งทีเดียว"

    "ฮื่อ ไปนั่งก็ยังไม่มีคนมาอะ" ดรณ์กระทุ้งมือพี่ชายบุญธรรมขึ้นลงราวกับเด็กเอาแต่ใจ "ทำไมเราไม่ไปนั่งที่ศาลาตรงนู้นก่อนอะ ใกล้สนามบาสด้วย ไปนั่งในห้องเรียนป่านนี้เขายังไม่เปิดไฟเลยม้าง"

    นิ้วมือของติณณ์หยุดชะงักตอนที่เจอชื่อตัวเองพอดี เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงด้วยความลำบากใจ จริงอยู่ที่เขาอยากจะปฏิเสธคำขอนั้นทันทีเพราะเขาเกลียดเวลาที่ต้องเดินเข้าไปในห้องเรียนตอนที่มีคนเยอะแล้ว แต่ดรณ์เองก็เป็นน้องชายบุญธรรมที่คอยอยู่กับเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากเสมอ ทั้งที่เขาเป็นคนเข้ามาในครอบครัวของอีกฝ่ายทำให้ต้องเสียสละเวลาเที่ยวเล่นสนุกของตัวเองมาแท้ ๆ ถ้าปฏิเสธไปมันก็จะ...

    "พอ ๆ แล้วพี่" ดรณ์กระทุ้งมือคนตรงหน้าอีกรอบทำให้ตื่นจากภวังค์ความกังวล "บอกแล้วใช่มั้ยให้เลิกนิสัยขี้เกรงใจผมกับแม่แบบนี้อะ ดูสิไหนเมื่อวานสัญญากับผมแล้วไง วันนี้แค่ทดสอบนิดเดียวก็เป็นอีกละ มือสั่นขนาดนี้ยังจะทนอีก"

    "อ้าว..." เขาขมวดคิ้วพร้อมกับพยายามตั้งสติไล่เรียงสถานการณ์ใหม่ "ทดสอบพี่เหรอ..."

    "ก็แค่อยากรู้นิดหน่อย แต่ความจริงผมไม่ได้แคร์อะไรกับที่นั่งขนาดนั้นหรอก แกล้งพี่เล่นไปงั้นแหละ ฮะ ๆ" เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเบา ๆ "อะ พาผมไปส่งห้องเรียนหน่อยสิ พี่จะได้ไปนั่งห้องตัวเองแบบสบายใจ เอาไว้ผมเก็บของเสร็จแล้วค่อยเดินมาสนามบาสเองก็ได้"

    "โอเคเลย"





    วันแรกของการเปิดเทอม(ห้องเรียนของน้องชาย):

    "โอเค ของครบนะ แล้วอันนี้คือกล่องข้าวของดรณ์ อย่าทำหายนะ เอากลับบ้านมาด้วย" เขาว่าพร้อมกับยื่นกระเป๋าใส่ปิ่นโตให้น้องชายที่เอื้อมมือมารับแต่โดยดี 

    "ขอบคุณคร้าบบบบ จะกินให้หมดเลย"

    "แล้วอย่าลืมว่าถ้าวันไหนอยากกินอะไรก็บอกพี่ได้นะ"

    "คร้าบ"

    "หนังสือเรียนที่พี่เตรียมให้เมื่อคืนเอามาครบใช่มั้ย"

    "ครบแน่นอนครับ"

    "เครื่องเขียนล่ะ?"

    "ครบสิ" เขายิ้มก่อนหยิกแก้มพี่ด้วยความหมั่นเขี้ยว "เล่นซะน้องชายสบายจนจะเป็นง่อยแล้วเนี่ย พี่รีบไปได้แล้วไป ชิ่ว ๆ"

    "โอเค" ว่าพร้อมกันถอนหายใจ แต่ก็ยอมหันหลังเดินกลับออกไปแต่โดยดี เขาเดินตรงไปตามทางเดินเพื่อหาห้องเรียนของตัวเอง เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่จึงลงมือวางสัมภาระลงบนโต๊ะเรียนตำแหน่งที่มั่นใจว่าอับสายตามากที่สุด ติณณ์ทิ้งตัวลงนั่งแล้วหยิบมังงะในกระเป๋าออกมาอ่านเพื่อเติมกำลังใจให้ตัวเองยามเช้าทันที 

    วันนี้...ก็ขอให้ไม่มีใครมายุ่งกับเราทีเถอะ



    วันแรกของการเปิดเทอม(การพบเจอเพื่อนคนแรก):

    "โอ้ส! มีคนมาเช้ากว่าเราด้วยแฮะ! ไม่น่าเชื่อ!"

    เสียงดังโหวกเหวกที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเพื่อนร่วมห้องที่เดินตรงมาทำให้ติณณ์รู้สึกอีดอัดขึ้นมาในบัดดล เด็กหนุ่มรีบสงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหลับตา เม้มปาก แล้วหายใจเข้าออกด้วยความเงียบและคงท่าทางเงียบขรึมไว้ให้ได้มากที่สุด

    "นี่ ๆ ชื่ออะไรนะ ทำไมตอนม.4 ไม่เคยเห็นหน้าเลยอะ!? หรือว่าเป็นเด็กใหม่?"

    "ไม่ใช่..." 

    เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่คัดเลือกแล้วว่าฟังดูไม่น่าเข้าหามากที่สุด ขณะที่ในใจเริ่มมีความตื่นเต้นกับการได้เจอเพื่อนใหม่ตีตื้นเข้ามา ไม่เอานะ...แบบนี้ไม่ดีแน่ รีบ ๆ หยุดตื่นเต้นได้แล้วนะติณณ์

    "อ้าวเหรอ งั้นชื่ออะไรอะ!? เราชื่อ[*]นะ ขอนั่งข้าง ๆ ด้วยได้ปะ?"

    "ไม่ดีกว่า..."

    อย่าเลย รีบ ๆ ไปนั่งให้ไกล ๆ เขาเถอะไม่งั้นสักวันอาจจะกลายเป็นนักเรียนย่างสดก็ได้นะ ไอ้หัวใจนี่ก็ไม่รู้จะเต้นแรงไปไหน ดีนะควันยังไม่ออกจากหู แสดงว่าอาการยังไม่หนักเท่าไหร่ แต่ถ้ามากกว่านี้ต้องไม่ดีแน่

    "ทำไมล่ะ? ฉันอยากสนิทกับเพื่อนใหม่นะ"

    ไม่ไหวแล้ว...

    "อย่ามา - ตีสนิท"

    แล้วความสัมพันธ์แรกกับเพื่อนใหม่ก็จบลงแบบนั้นเอง...




    เจอเพื่อนที่รับมือยาก:

    "นี่ ๆ เธอชื่อติณณ์ใช่มั้ย" เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มท่าทางเป็นมิตร "วันนี้อยากไปกินข้าวกับพวกเรามั้ย"

    "ไม่..." เขาตอบด้วยสิ่งที่ไม่เกินความคาดหมาย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเด็กสาวยังคงไม่ไปไหน แถมยังว่าต่อด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วอีกต่างหาก 

    "ทำไมล่ะ ทุกวันเราก็เห็นติณณ์กินข้าวคนเดียว เรากลัวติณณ์จะเหงาอะ"

    "ไม่เหงา ไปได้แล้ว"

    "เง้อ ทำไมติณณ์ต้องไล่เราด้วยอะ เราอยากสนิทกับติณณ์นะ"

    "ไม่ - ต้อง - มา - ตีสนิท" เขาเอ่ยด้วยถ้อยคำที่มักจะตัดจบทุกบทสนทนาได้เสมอ แต่ก็ดูเหมือนคนตรงหน้าจะรับมือยากกว่าที่คิด เธอยังคงรอยยิ้มไว้อยู่ แถมยังถือวิสาสะคว้ามือเขามาจับอีก

    หมับ!

    "ติณณ์ เราไม่รู้ว่าติณณ์กลัวอะไร แต่ติณณ์เชื่อใจเราเถอะ เราอยากเป็นเพื่อนกับติณณ์จริง ๆ นะ"

    ให้เชื่อใจ...

    ทั้งที่ยิ้มแบบนั้นเนี่ยนะ...

    ยิ้มแบบแม่...

    เพียงเท่านั้น ก็ดูเหมือนภาพในความทรงจำอันแสนเลวร้ายในอดีตจะพุ่งเข้ามาซ้อนทับกับภาพตรงหน้าอย่างกะทันหัน ภาพของเด็กสาวที่จับมือเขาไม่ต่างอะไรกับแม่ตอนที่จับมือให้เขาถือน้ำอัดลมกระป๋องนั้น น้ำที่ทำให้เขาทรมาน...แสบร้อน...เกือบตาย ว่าแล้วความกลัวสุดขั้วหัวใจก็ตีตื้นขึ้นมาอีก หัวใจของเขาเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอกพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มผิวหนัง และกลุ่มควันที่พวยพุ่งออกมาจากหู

    ฟู่!

    เพี๊ยะ!

    "ว้าย!"

    "เสแสร้ง" เขาพูดออกมาทั้งที่แทบไม่เชื่อในปากของตัวเองด้วยซ้ำ "ไปให้มันไกล ๆ"

    การผูกมิตรในอีกหลาย ๆ ครั้งต่อมาก็จบลงด้วยประการฉะนี้เอง



    ครอบครัวบุญธรรม:

    "ติณณ์ น้าได้ยินจากครูว่าวันนี้เอาอีกแล้วเหรอ กับเพื่อนที่มาชวนไปกินข้าวด้วยน่ะ เราไม่ได้กดดันตัวเองมากไปใช่มั้ย อยากหยุดเรียนหรือเปล่า" คุณน้าพยาบาลผู้เป็นแม่บุญธรรมเอ่ยถามขึ้นกลางมื้อเย็นขณะที่ติณณ์กำลังตักข้าวใส่จานให้สมาชิกครอบครัวทั้งสองคนอยู่ เด็กหนุ่มถึงกับยิ้มอย่างลำบากใจให้อีกฝ่าย

    "ขอโทษครับ"

    "ไม่ต้องขอโทษหรอก น้าเป็นห่วงเรามากกว่า ไหวใช่มั้ย"

    "ไหวครับ..." ถ้าแลกกับการทำให้ผู้มีพระคุณของเขาต้องลำบากใจอีก เขาขอพยายามด้วยตัวเองต่อไปดีกว่า "ผมยังอยาก...ไปโรงเรียน"

    "ถ้างั้นก็แล้วไป" 

    "แม่ ดรณ์ได้ยินจากเพื่อนว่าเดี๋ยวต้องมีบัดดี้ด้วยอะ"

    จู่ ๆ น้องชายบุญธรรมตัวดีที่กำลังแทะไก่ทอดที่แอบหยิบมาตั้งแต่ตอนที่ติณณ์ยังทอดไม่ครบจำนวนชิ้นพูดแทรกขึ้นมา เรียกความสนใจจากติณณ์ให้หันไปมองทันทีพร้อมกับยื่นจานที่พูนไปด้วยข้าวพร้อมกับมากมายให้ และทำแบบนี้เช่นเดียวกันกับหญิงสาวผู้เป็นแม่บุญธรรม

    "อ๋อใช่ ปีที่แล้วติณณ์ก็เล่าให้แม่ฟัง ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่" หญิงสาวว่า "ปีนี้จะเปลี่ยนคนหรือเปล่าลูก"

    "เห็นเขาว่าจะเปลี่ยนครับ"

    "เหรอ ๆ ถ้าได้คนคุยเก่ง ๆ ก็ดีนะพี่" ดรณ์ยิ้มพร้อมกับแอบคว้าไก่อีกชิ้นมาจานกองกลาง "อยากให้พี่มีเพื่อนคุยสักที"

    เสียดายที่ติณณ์รีบตัดบทอย่างไร้เยื่อใยทันที

    "ไม่เอาเด็ดขาด ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด"

    "โห่ พี่อะ~~"



    เจอบัดดี้ครั้งแรก:

    "เราได้เลข 3 นายได้เลขอะไรอะ?"

    ติณณ์เหลือบมองกระดาษในมือก่อนชูขึ้น ตั้งใจจะให้การละเล่นครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุด ขอให้ต่างคนต่างแนะนำตัวแล้วทางใครทางมันทีเถอะ

    "ได้เลขเดียวกันนี่ งั้นเราก็เป็นบัดดี้นายอะดิ"

    "อือ..."

    "เราชื่อ[3]นะ นับแต่นี้ไปเรามารู้จักกันเถอะ คงได้พึ่งพากันหลายเรื่องแน่เลย!" น้ำเสียงสดใสดังขึ้นพร้อมกับมือที่ถูกยื่นมาข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าเขาพร้อมจะปัดทิ้งไปด้วยท่าทีราวกับไม่ใยดีอยู่แล้ว

    เพี๊ยะ!

    "ไม่ล่ะ น่ารำคาญ"

    "รำคาญอะไรกั๊น เพิ่งทักทายกันไม่กี่ประโยคเอง หรือว่าไม่ชอบพูด!?" จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เอามือปิดปากตัวเองราวกับเผลอพูดอะไรผิดไป แต่ถึงกระนั้นมันก็สร้างความฉงนให้เขาเล็กน้อยที่แววตาอีกฝ่ายดูไม่ได้สั่นไหวจากการถูกปัดความหวังดีตกพื้นแบบเมื่อกี้สักนิด "เอางี้ งั้นนายฟังก็พอ เราจะพูดให้นายฟังเอง!"

    "ฮะ?"

    อะไรเนี่ย...

    แปลก...

    คิดวิธีรับมือไม่ออกเลย...

    "เอาล่ะ เริ่มจากให้นายรู้เรื่องของเราก่อนแล้วกันเนอะ" เดี๋ยวสิ ไปลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เราตอนไหนเนี่ย... "อย่างที่รู้ไปเมื่อกี้ เราชื่อ[3] เลขที่[*] บ้านอยู่ที่[*] มีพี่น้อง[*]คน แล้วก็ชอบกิน[*] มากที่สุด แต่หากินย้ากยาก ไม่ใช่ว่าโรงอาหารเราไม่มีนะ มีขายแหละ แต่ไม่ถูกปากเราซะนี่ ฮะ ๆ จะหากิน[*] ที่ถูกปากเราได้นี่ไม่เจอเลย นี่แหละส่วนแย่ของชีวิตเราล่ะ"

    เรื่องเล็กแค่นี้เนี่ยนะ...ติณณ์ครุ่นคิดในใจขณะฟังเรื่องราวที่พรั่งพรูออกมาจากปากคนข้างกายอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งที่เขาแทบไม่ได้หันไปสบตาด้วยเลยแท้ ๆ แต่ทำไมยังร่าเริงต่อไปได้กันนะ ทำไมถึงยังมีความสุขอยู่ได้...ทั้งที่กำลังถูกปฏิเสธแท้ ๆ 

    ไม่เข้าใจเลย...

    แล้วทำไมหัวใจต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วยเล่า ถ้าเผลอพ่นไฟใส่จะทำยังไง...

    "เอาล่ะ เราพูดจบแล้วนะ"

    "ดีแล้วล่ะ" เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ขณะที่คนทั้งห้องมองมากลับคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย คนอุตส่าห์มาชวนคุยแท้ ๆ "จะได้สบายหูสักที มีนายอยู่มันน่ารำคาญ"

    "เอาน่า ๆ " ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำนั้น[3]กำลังพูดกับคนตรงหน้าหรือกำลังเกลี้ยกล่อมไม่ให้คนทั้งห้องพุ่งเข้ามาต่อยหน้าติณณ์ด้วยความหมั่นไส้กันแน่ "อย่างน้อยเราก็ดีใจนะที่นายฟังเรา ไม่พูดแทรกหรือตัดบทให้จบไปซะก่อน มีคนฟังเรื่องของเรานี่ดีจริง ๆ นะ"

    "ถ้าพอใจแล้วก็ไปไกล ๆ" 

    ติณณ์พูดพลางยกแขนขึ้นมาเพื่อที่จะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่มุมโต๊ะขึ้นมาตัดบท แต่กลับไปไม่ถึงเพราะถูกคว้าไว้โดย[3]เสียก่อน

    "อ๊ะ?"

    ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เล่นเอาติณณ์รีบหันหลบสายตาไม่ทัน แต่นั่นกลับทำให้ริมฝีปากของ[3]ตรงกับบริเวณใบหูของเขาพอดี

    "ถ้านายมีเรื่องอะไรอยากพูด เราเองก็เป็นผู้ฟังให้ได้นะ!"

    พูดจบแล้วก็ปล่อยมือพร้อมกับลากเก้าอี้กลับที่ของตัวเองไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งเด็กหนุ่มไว้กับความคิดที่ตีกันในหัวเพียงลำพัง โทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบขึ้นมาได้ปรากฏภาพของพระเอกอนิเมะโชเน็นเรื่องนี้กำลังฉีกยิ้มให้กล้องด้วยความสดใสพร้อมกับพูดคำคมเด็ดอันเป็นฉากสำคัญของเรื่อง

    ความอบอุ่นนี้มัน...

    เหมือนกันเลย...



    เวลาเขินจริงอะไรจริง:

    ตอนนี้เขากำลังซ้อนมอเตอไซค์น้องชายบุญธรรมอยู่ริมถนนที่ติดไฟแดงอยู่ระยะหนึ่งแล้ว อนึ่งเป็นวันนี้เองก็เป็นวันที่เขาเบี้ยวนัดตรวจร่างกายจนต้องรบกวนคุณน้าเจาะเลือดให้จากที่บ้านแล้วนำไปส่งที่โรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 5 ตั้งแต่เริ่มปีใหม่มา ดังนั้นเขาเลยตั้งใจว่าจะทำมื้อเย็นเป็นอาหารที่คุณน้าชอบเพื่อเป็นการขอบคุณเสียหน่อย

    "แล้ววว..." ดรณ์ลากเสียงยาวด้วยความเซ็งที่ต้องมาติดแหง็กอยู่นี่ "...ครั้งนี้พี่บอกเหตุผลแม่ว่าอะไรนะ"

    "เปล่า แค่บอกว่าไม่อยากไป คุณน้าก็ให้แล้ว พี่ถึงได้เกรงใจเขาอยู่นี่ไงล่ะ แต่มันก็ไม่อยากไปจริง ๆ นี่นา"

    "อ้า ถ้างั้นอะไรคือสาเหตุจริง ๆ ล่ะ"

    "ก็ไม่อยากไปไง"

    "ทำไมอ้ะ? หรือว่ากลัวควันออกหูอะไรนั่นเหมือนตอนคุยกับเพื่อนอีก"

    ติณณ์ถอนหายใจก่อนตอบน้องชายไป

    "พี่ไม่เคยมีปัญหาแบบนั้นที่โรงพยาบาลหรอก เพราะพี่รู้ว่าทุกคนเข้าใจแล้วก็พร้อมรับมือ..." ว่าพลางแนบแก้มตัวเองลงกับแผ่นหลังน้องชาย แล้วก็ต้องผละออกเพื่อพบว่ามันติดหมวกกันน็อค "...แต่หมอน่ะสิ ชอบมานัดวันที่ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ พี่ก็ต้องหยุดเรียน แล้วพอแบบนั้น..."

    "พอแบบนั้นก็อะไร"

    จบคำนั้นก็เหมือนกดสวิตซ์อะไรบางอย่างเข้า เพราะติณณ์ถึงกับเล่าความในใจออกมาจนหมดด้วยความรวดเร็วกะให้หมดภายในนาทีเดียว

    "ก็ต้องไปติดต่อคนนู้นคนนี้เพื่อตามงานน่ะสิ แบบนั้นเลวร้ายยิ่งกว่ารับมือเวลามีคนมาชวนคุยอีก เวลาพี่เดินเข้าห้องพักครูนะ แล้วทุกคนก็มองนะ ใจมันเต้นตึก ๆ ๆ แบบเนี้ย! แล้วก็ยิ่งถ้ามีคนมาถามว่าเมื่อวานไปไหนมาอีกนะ แล้วเป็นคนที่ไม่สนิทด้วย มันก็จะประหม่า แล้ว ๆ ถ้าเกิดพี่บอกว่าไปตรวจสุขภาพ...เพราะว่าเป็นมังกร แล้วถ้าเขาถามพี่เรื่องพ่อแม่..."

    "เห็นภาพนายคุยจ้อแบบนี้แล้วเกือบช็อคเหมือนกันนะเนี่ย"

    "ฮะ?" 

    ไม่ใช่เสียงดรณ์นี่...

    แล้วใคร...

    ติณณ์เลิกคิ้วก่อนหันไปตามต้นเสียง ปรากฏว่าเป็นเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถคันที่จอดอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจประจำตัวที่มักจะทำประจำ หรือก็คือ[3]นั่นเอง เล่นเอาหัวใจเจ้ากรรมเต้นเร็วขึ้นมาซะดื้อ ๆ ติณณ์รีบหันคอหลบไปอีกทางเพื่อปกปิดอาการของตัวเองทันที

    ไม่สิ...อย่าเพิ่งนะ!?

    ฟู่!

    "เฮ้ย ควันออกหูเลยนี่" [3]พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร "ทักแค่นี้โมโหเลยเหรอ ขอโทษทีน้า ไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดจังหวะนายกับ...โทษนะนี่คือ..."

    "น้องชายครับ" ดรณ์อาสาตอบแทนอย่างรู้งาน "คือจริง ๆ แล้วที่พี่ควันออกหูไม่ใช่เพราะโกรธนะครับ พี่เขาแค่เขิ..."

    "เฮ้ย! ไฟเขียวแล้ว [พ่อ/แม่/พี่/น้อง/ฯลฯ]รีบขับออกเร็ว! น้องชายสินะ! แล้วไว้ค่อยคุยกันใหม่ล่ะ ขอโทษที่ทำให้โมโหนะ!"

    บรึ้นนนน.... 






    ประวัติ : เรื่องราวของมังกรไฟ



    งานอดิเรก : ดูอเนิมะโชเน็นยามว่างหรือเวลาที่ไม่อยากคุยกับใคร , อ่านการ์ตูนโชเน็นยามว่าง , ทำอาหารให้คนในครอบครัวกิน(แต่ตัวเองไม่ค่อยกิน) , ซ้อนมอเตอไซค์น้องชายบุญธรรมไปซื้อของด้วยกัน(มีอะไรจะได้ให้น้องออกหน้ารับให้ เพราะไม่อยากคุยกับคนขาย ไม่อยากคุยกับใครเลย) , โยคะ , ว่ายน้ำ และกีฬาอื่น ๆ ที่ไม่ต้องใช้แรงมาก



    ความสามารถพิเศษ : ทำอาหารอร่อย , เลือกซื้อวัตถุดิบเก่ง(หมายถึงเลือกผลไม้สวย ๆ ได้ เลือกผักที่ไม่ช้ำได้ แต่ต่อรองราคาไม่ได้นะ)



    สิ่งที่ชอบ : พระเอกการ์ตูนแนวโชเน็น เนื่องจากว่าชีวิตในวัยเด็กของเขาค่อนข้างอยู่กับความหวาดกลัว แต่ครั้งแรกที่อ่านการ์ตูนประเภทนี้กับน้องชายบุญธรรมทำให้เขาได้รู้จักกับความสดใสเป็นครั้งแรก เนื่องจากแนวโชเน็นมักจะเน้นให้ตัวเอกได้เจอกับอุปสรรคแต่ก็จะเอาชนะได้ในที่สุด อีกทั้งส่วนใหญ่ยังมีบุคลิกแนวสดใสแบบพระอาทิตย์ เขาเลยมักจะชอบอ่านการ์ตูนประเภทนี้เพื่อให้กำลังใจตัวเองและเป็นความหวังที่จะเอาชนะความกลัวในอดีตของตนให้ได้เสมอ



    สิ่งที่ไม่ชอบ : การถูกบังคับให้พูดหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เนื่องจากเขายังคงยึดติดกับเหตุการณ์ที่เขาเกือบตายเพราะแม่ การที่มีคนมาชวนคุย ชวนเล่น ทำท่าทีเหมือนชื่นชอบในตัวเขาจึงทำให้เขากลัวมันจะนำไปสู่ความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ หรืออะไรก็ตามที่อาจทำให้ลักษณะสายพันธุ์มังกรไฟปรากฏออกมาโดยไม่ตั้งใจอีก (ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ก็ควบคุมได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่ก็ฟันธง 100% ไม่ได้อยู่ดี) ดังนั้นก็เลยหลีกเลี่ยงไปเลยจะดีกว่า 



    สิ่งที่เกลียด : พ่อ เพราะสมัยเด็กที่เขาต้องเข้าโรงพยาบาลก็ไม่เคยมาเฝ้า แถมยังดูถูกแม่อีก ตอนนี้ไม่ได้เจอกันและไม่ได้ติดต่อกันแล้ว และคาดว่าหากมีสถานการณ์บังคับให้เจอกันขึ้นมาก็คงหลีกเลี่ยงไม่คุยกันเลยดีกว่า



    สิ่งที่แพ้ : -



    สิ่งที่กลัว : - การดื่มน้ำจากกระป๋องหรือภาชนะที่ปิดสนิทจนมองไม่เห็นด้านใน เนื่องจากสมัยเด็กเขาเคยเกือบตายจากน้ำอัดลมผสมผงกำจัดแมลงในกระป๋อง เขาเลยค่อนข้างไม่ไว้ใจเครื่องดื่มประเภทนี้มากถึงขั้นเป็น PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder เป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่งที่เกิดจากสภาวะจิตใจของผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้าย) ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะดื่มน้ำเปล่าจากขวดใสที่พกมาเองเป็นประจำ หากถูกบังคับให้ดื่มน้ำกระป๋องหรือภาชนะที่ปิดสนิทก็จะถึงขั้นอาเจียน มือไม้สั่น หายใจไม่ทัน บางครั้งอาจจะระแวงถึงขั้นว่า แม้เทออกมาจากกระป๋องใส่แก้วใสแล้วก็ยังไม่ไว้ใจ น้องชายมักจะชิมให้ก่อนเสมอ(ถ้าตอนนั้นอยู่ด้วยกันนะ)

                - การพูดหน้าห้อง เพราะว่าทุกครั้งที่ปากเขาขยับเขาจะกลัวมากว่าจะเผลอพ่นไฟออกมาหรือเปล่า เนื่องจากหัวใจจะเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้น เขาพยายามแก้ไขด้วยการแสดงออกด้วยท่าทีนิ่งเฉย เย็นชา แต่บางครั้งเลยจะมีควันออกหูระหว่างพูดบ้าง แต่ทุกวันนี้โรงเรียนสัตว์น้อยก็ยังไม่มีประวัติการถูกไฟไหม้แต่อย่างใด

            


    สเปคคนที่ชอบ : ไม่เคยมีเลยเพราะเขาค่อนข้างจะหวาดกลัวความรู้สึกเชื่อใจ ไว้ใจ หรือรักใครมาก ๆ เนื่องจากยังคงยึดติดกับเรื่องที่เขาเคยเกือบถูกแม่ที่รักฆ่าตาย แต่ตอนนี้กำลังสับสนเพราะหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเวลาที่ [3] เข้ามาใกล้แล้วถึงหัวใจเต้นเร็วจนควันออกหูทุกที ซึ่งนี่เป็นอาการเบื้องต้นของการคุมลักษณะพิเศษของมังกรไฟไม่ได้ เขาจึงกลัวมาก ๆ ว่าสักวันจะพ่นไฟใส่ [3] เข้า หลายครั้งจึงมักทำเป็นไม่สนใจ และกลับบ้านไปขอคำปรึกษากับน้องชายบุญธรรมทุกทีเพราะกลัวว่าตัวเองจะป่วยหรือร่างกายมีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า แต่ลึก ๆ แล้วหลายครั้งเขาก็รู้สึกได้แหละว่า [3] นั้นมีบุคลิกสดใสเหมือนพระอาทิตย์แบบพระเอกในการ์ตูนโชเน็นหลาย ๆ เรื่องที่มักเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ แต่การขยับปากเพื่อพูดคุยขยับความสัมพันธ์น่ะมันน่ากลัวเกินไปสำหรับเขา แบบนั้นสู้ไม่สนใจไปเลยดีกว่า นี่แหละคงเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด

    สรุปแล้ว บางทีสเปคของเขาก็น่าจะเป็นคนที่มีรอยยิ้มแบบพระอาทิตย์ อารมณ์ประมาณพระเอกการ์ตูนโชเน็นไรงี้ล่ะมั้งนะ...



    ข้อมูลเพิ่มเติม : ขอบเขตการแสดงออกถึงลักษณะสายพันธุ์มังกรของติณณ์ จริง ๆ แล้ว ณ ปัจจุบันเขาสามารถควบคุมการพ่นไฟให้ไม่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้แล้ว ทุกวันนี้อย่างมากสุดก็จะแค่พ่นควันออกหูเวลาหัวใจเต้นเกิน 110 ครั้ง/นาที เท่านั้น คือยามที่ ออกกำลังกายใหม่ๆ  หรือตื่นเต้น  โกรธ  กลัว  ตกใจ  หรือมีอารมณ์รุนแรงอื่นๆ (อ้างอิง : https://bangkokhatyai.com/knowledge/view/431 ) แต่ถึงกระนั้นสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ยังทำให้ไม่ไว้ใจตัวเองก็คือเหตุการณ์ที่เขาเผลอพ่นไฟใส่พ่อตอนโมโหจัดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเลยกลัวการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนแล้วสุดท้ายต้องแตกหักเพราะอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ 

    ปล. อนึ่ง ลักษณะสายพันธุ์ของมังกรอย่างการที่สีผมและดวงตากลายเป็นสีแดงหรือมีปีกและหางนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมีอาการพ่นไฟปรากฏร่วมด้วยเท่านั้น การพ่นควันออกจากหูไม่ได้ทำให้เกิดการแสดงลักษณะเหล่านี้แต่อย่างใด

    ปล. เขากลัวการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ไม่ได้กลัวคน ดังนั้นจะเห็นเขาในรถไฟฟ้าที่แน่นขนัดได้อย่างไม่มีปัญหาตราบใดที่ไม่จำเป็นต้องสนทนากับใครนอกจากน้องชาย

    ปล. ในคาบพละเขายังคงจำเป็นต้องเล่นกีฬาเดียวกับคนอื่น ๆ ซึ่งมักจะทำให้ควันออกหูจนคนเข้าใจว่าเขาไม่ชอบวิชาพละไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับตัวเขาเองที่พยายามจะไม่ใส่แรงมากไปจนทำให้หัวใจเต้นเร็ว(ยังคงระแวงตัวเองอย่างต่อเนื่อง) เช่น เวลาวิ่งจะพยายามวิ่งช้า ๆ เวลากระโดดก็กระโดดเบา ๆ ทั้งที่คุณน้าพยาบาลรวมถึงคุณหมอหลายท่านที่ตรวจร่างกายแจ้งว่าร่างกายเขามีสมรรถภาพมากพอจะเอาดีด้านนี้ได้ หากเลิกกังวลเสียก่อนนะ

    ปล. เพราะอย่างนั้น แม่บุญธรรมเลยกลัวว่าเขาจะแขนขาลีบหรือหัวใจมีปัญหาเนื่องจากไม่ได้ใช้งานมากพอ จึงบังคับให้เขาเล่นโยคะ และวิ่งบนลู่ออกกำลังกายที่บ้านทุกสุดสัปดาห์แทน(บนเพดานบ้านมีช่องระบายอากาศ)


    ______________________________________________________________________________

    OTHER PROFILE



    https://a-three.fandom.com/wiki/Azami_Izumida

    บทบาท : pensive's step brother

    ชื่อ-นามสกุล : ดรณ์ ชลชะ

    ความหมายของชื่อ : ดรณ์ = การข้ามพ้นทุกข์(ความหมายคล้าย ๆ พี่ชาย) / ชลชะ = คำที่ใช้เรียกนาคประเภทที่เกิดในน้ำ 

    ชื่อเล่น/ชื่อที่เรียก : ดอน

    อายุ :16

    สายพันธุ์ที่อยู่ในตัว : ปลาเสือพ่นน้ำ

    น้องชายบุญธรรมที่เอาเข้าจริง ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ยอมรับติณณ์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมากนักเพราะยังเด็กอยู่จึงคิดว่าจะมาแย่งความรักไปจากแม่ แต่ครั้งหนึ่งตอนม.ต้นติณณ์เคยพยายามปกป้องเขาจากกลุ่มคนที่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งด้วยจนตัวเองเผลอพ่นไฟออกมา แม้จะไม่โดนพวกนั้นแต่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา นับแต่นั้นเลยดูแลกันและกันอย่างเต็มที่ 

    ดรณ์เป็นเด็กกิจกรรมสุดฤทธิ์ เขาอยากทำหมดตั้งแต่เล่นกีฬายันละครเวทีรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรดหรือไม่ก็เชียร์ลีดเดอร์ในงานกีฬาสี แม้จะบอกพี่ชายบุญธรรมเสมอว่าไม่จำเป็นต้องมาดูเขาก็ได้แต่ก็มักแอบเห็นเจ้าตัวตามมุมมืดต่าง ๆ ของการจัดแสดงโชว์นั้นเสมอ


    ______________________________________________________________________________


    INTERVIEW 

    (เป็นโรลเพลย์สำหรับนักเรียนนะคะ อาจารย์ไม่ต้องค่ะ แล้วก็ สำหรับโรลเพลย์ มันจะมีคำตอบ 
    และพวกการใส่ความรู้สึกในรูปประโยคมาด้วยนะคะ อ่านดี ๆ นะคะ เปลี่ยนสีตัวหนังสือมาด้วยก็ดีค่ะ จะได้อ่านง่าย ๆ เนาะ 55555
    )

                ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องหลังจากปล่อยให้ติณณ์รอมาเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันก็ออกจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงหัวใจของตัวเองที่ไม่รู้จะเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้นและประหม่าไปอีกนานแค่ไหน หากเป็นแบบนี้ต่อเรื่อย ๆ คงมีหวังเผลอปล่อยควันหรือไม่ก็พ่นไฟใส่ใครสักคนแหงแซะ กระนั้นชายหนุ่มผู้มาใหม่ก็ยังคงยิ้ม ขยับตัวให้นั่นในท่าที่สบายที่สุดก่อนจะเอยทักทายขึ้น

                “ที่รักครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ นี่ผมมาสายนิดเดียวเองนะเนี่ย” ยิ้มร่าพร้อมกับโบกมือป้อย ๆ อย่างไม่คิดจะสำนึก พอดีผมสะดุดยอดหญ้าล้มลงไปบาดเจ็บนิดหน่อยน่ะ มาสายเลย หวังว่าคุณคงจะยกโทษให้ผมนะ พูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดโอกาให้อีกฝ่ายพูด ซ้ำยังจะเอ่ยต่ออีก โอเค เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมชื่อลูซิเฟอร์นะครับ อย่างที่รู้กันว่าผมเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ ไม่ทราบกว่าคุณชื่ออะไรเหรอครับ?”

                "ติณณ์..." พูดไปแล้วก็พยายามปล่อยลมหายใจของตัวเองออกมายาว ๆ เพื่อควบคุมให้หัวใจเต้นช้าลง หากเป็นคนอื่นเห็นแบบนี้คงคิดว่าเขากำลังเซ็งอยู่เป็นแน่ "...ชลชะ ครับ"

                “อา... เป็นชื่อที่เพราะดีนะครับนั่นน่ะ” ลูซิเฟอร์ยิ้ม ว่าแต่มันมีความหมายรึเปล่าครับ ถ้ามี แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะนั่นน่ะ?” จากนั้นเขาก็ขยับตัว โน้มตัวเข้ามาเท้าคางลงกับโต๊ะ ขณะจ้องมองฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้า

                "ผู้ที่ข้ามพ้นความทุกข์ได้แล้ว"

                   ใช่...รีบข้ามพ้นการสัมภาษณ์นี้ไปเร็ว ๆ เสียทีเถอะ เขาไม่อยากตกอยู่ในสภาวะแบบนี้แล้ว ถ้าเกิดเผลอพ่นไฟใส่ผอ.ขึ้นมา มีหวังเขาได้ทำคุณน้าผิดหวังแน่ ๆ

                งั้นเหรอครับ… ผมชอบจัง” เขายิ้ม ชอบคุณด้วย” จากนั้นเขาก็หัวเราะ โอ๊ะ อันนี้ผมพูดจริงนะ ผมชอบคุณจริง ๆ เลยล่ะ… อ่า ว่าแต่ คุณเป็นสายพันธุ์อะไรเหรอครับ?”

                มาแล้วสินะ คำถามที่เขาไม่อยากตอบมากที่สุดในโลก...

                ติณณ์คิดพลางถอนหายใจ ก่อนเสหลบสายตาของผู้อำนวยการโรงเรียนที่เหมือนจะตั้งอกตั้งใจอยากสบตากับเด็กนักเรียนคนนี้อยู่เรื่อย ตั้งใจจะรีบตอบให้มันจบไปแบบเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ ขออย่าให้มีการถามสืบสาวราวเรื่องอะไรกันต่ออีกเลย

                "มังกรไฟครับ..."

                “โอ้ งั้นเหรอครับ อันนั้นผมก็ชอบเหมือนกันแฮะ ยอดเยี่ยมไปเลย เขาพยักหน้า ก่อนจะยืดหลังตรงอีกครั้ง เอ่ยถามต่อทันที ที่บรรยากาศเป็นยังไง คุณชอบโรงเรียนนี้รึเปล่าครับ?”

                หา...

                นอกจากจะไม่ตกใจแล้ว ยังบอกว่าชอบด้วยแฮะ...

                แปลก...

                แปลกมาก...

                เอ๊ะเดี๋ยวก่อน ต้องตอบคำถามสินะ

                "ก็...บรรยากาศดี ร่มรื่น มีสนามบาสด้วย..." เขาเห็นน้องชายยิ้มกว้างทุกครั้งที่ลงไปเล่นเลยล่ะ "...ชอบล่ะมั้ง"

                ถ้าไม่นับเรื่องที่เขากลัวอยู่ตลอดล่ะก็นะ...

                “อ๋างั้นเหรอ แล้วคุณมีอะไรอยากจะเสนอมั้ยครับ อย่างให้เพิ่มเติม หรือปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้น่ะ ผมรับฟังนักเรียนทุกคนเสมอเลยล่ะ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังติณณ์ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ และผมก็จับตามองนักเรียนทุก ๆ คนเสมอเลยด้วย

                รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง กระนั้นมันก็ค่อนข้างดูประหลาดเหมือนกับผืนน้ำที่สั่นไหวไม่แน่นอนจนมองไม่ออกว่ามีสิ่งใดกันที่อยู่ด้านใน ติณณ์ก็รู้สึกว่าแม้คนตรงหน้าจะไม่ได้ระบุอะไร แต่แค่แววตานั้นก็เหมือนว่มองเห็นลึกเข้าไปถึงความคิดมากมายที่ตีกันวนจนมั่วไปหมดในหัวที่แม้แต่ตัวเขาเองอาจไม่เข้าใจไปได้เสียแล้ว 

              น...น่ากลัวว่ะ

              ฟู่!

              "ม...ไม่มี!"

              บ้าเอ๊ย! เผลอทำควันออกหูจนได้ การสัมภาษณ์เข้าโรงเรียนคราวนี้ต้องล้มเหลวแน่ ต้องกลับไปขอโทษคุณน้า แล้วก็รับสภาพตัวเองที่ไม่มีใครเอาให้ได้

              มันก็ง่ายเหมือนตอนที่หมอบอกเขาว่าไม่มีญาติคนไหนอยากรับผิดชอบเขาเลยนั่นแหละ...

                “โอเคครับ… เข้าใจล่ะ” เขาผงกหัว อืม งั้นคำถามสุดท้ายแล้วนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนเหรอ โอ๊ะ รวมถึงผมด้วยนะ ผมอยากฟังจากปากพวกคุณจัง ว่าพวกคุณมองว่าผมเป็นคนยังไง

                "ผม..." อ้าว ไม่ตกใจแถมยังชวนคุยต่อหน้าตาเฉยอีกต่างหาก "...เป็นคนยังไง...ไม่รู้หรอกเรื่องนั้น"

                ไม่รู้จริง ๆ นั่นแหละ บางครั้งแค่จับใจความว่ามีความรู้สึกอะไรบ้างที่ได้แต่วนกันไปมาในหัวแต่พูดออกไปได้มีอะไรบ้างยังยากเลย... 

                 "ส่วนคุณ...กรณีนี้มันชัดเจนมาก...ว่าคุณน่ะ..." ติณณ์กลืนน้ำลาย ก่อนพูด "แปลก"

                ขอบคุณครับ… เอาล่ะ ทีนี้ก็หมดธุระแล้ว สามารถกลับบ้านได้เลยนะครับ” ลูซิเฟอร์ฉีกยิ้มอีกรอบ แล้วก็นะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมไปติดตามไอจีของผมด้วยนะ ผมอัพเดททุก ๆ สองชั่วโมงเลยล่ะ—

                "ฮะ?" จบแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย...ว่าแต่สรุปว่าเขาผ่านหรือไม่ผ่านกันล่ะ จะต้องแจ้งคนที่บ้านว่ายังไง แล้วต้องรอประกาศผลอย่างเป็นทางการวันไหน จู่ ๆ ก็มีแค่คำที่ไม่กล้าพูดออกไปวนไปวนมาในหัวอีกแล้ว หยุดเสียทีเถอะติณณ์

                ฟู่! 

                อีกรอบจนได้...

     

    ______________________________________________________________________________


    TALK TO JACINDA

    สวัสดีคุณผู้ปกครองค่ะ! ทางนี้ชื่อเจนนะคะ ทางนั้นชื่ออะไรเอ่ยย

    : ปิ่นค่า


    นึกยังไงถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ

    : ชอบแนวโรงเรียนอยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งมีสายพันธุ์สัตว์มาเป็นทอปปิคให้แตกแขนงนิสัยและลักษณะเขาจากจุดนี้ทำให้รู้สึกว่าน่าสนุกมากค่ะ


    มีเหตุผลอะไรถึงเลือกบทนี้รึเปล่าคะะ

    : ส่งบทผู้หญิงไปแล้วคราวนี้เลยอยากลองออกแบบผู้ชายดูบ้างค่ะ


    เรื่องนี้ไม่ได้ดาร์คอะไรมาก แต่ก็มีดราม่า และพวกปมอะไร ๆ เข้ามาบ้างนิดหน่อย อาจจะมีการบาดเจ็บบ้างอะไรบ้าง พอจะรับได้ไหมคะ?

    : รับได้แน่นอนค่ะ


    เรื่องนี้จะเป็นแนว LGBT+ ซะ 90% เลยนะคะ พอจะรับได้มั้ยเอ่ย

    : รับได้แน่นอน!


    ถ้าหากว่าไม่ผ่านบทที่ต้องการ จะรับกลับหรือยัดบทดีคะ

    : น้องเป็นมังกรไฟคงจะวางบทยากค่ะ ยิ่งเห็นตัวละครท่าทางเยอะแล้ว รับกลับได้ค่ะ!


    อยากให้เลือกระหว่าง พระอาทิตย์ กับ พระจันทร์ พร้อมกับเหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหน่อยค่ะ เอาให้เข้ากับคาร์ของลูก ๆ เลยก็ได้ค่ะ เค้าอาจจะมีเซอร์ไพรส์นิด ๆ  หน่อย ๆ 555555

    : เลือกไม่ถูกเลยแฮะ เพราะเขาดูเป็นพระจันทร์ที่หลงรักพระอาทิตย์ยังไงไม่รู้ ดังนั้นถ้าให้เลือกสิ่งที่เป็นตัวเขาคือพระจันทร์นี่แหละค่ะ แค่หลบหลังน้องบ้างหลบหลังคุณน้าบ้าง ไม่ค่อยกล้าออกหน้าทำนู่นนี่เองเท่าไหร่(เพราะกลัวนั่นแหละ)


    อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวละคร หรือเนื้อเรื่องรึเปล่าคะ ลอง ๆ เสนอมาได้น้า

    : อยากให้ใครสักคนรับฟังเขาและทำให้เขาเอาชนะความกลัวและเปิดใจลองไปเยี่ยมแม่เพื่อรับฟังสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดสักครั้ง และคิดว่าคนนั้นก็คงเป็น [3] นี่แหละค่ะ แต่ทั้งนี้คุณเจนสามารถครีเอทได้ตามความเหมาะสมเลยนะคะว่าอยากให้เขารู้ความจริงเรื่องแม่จากคนอื่นก่อนหรือจากปากของแม่เอง เพราะเอาเข้าจริงมันก็เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส ไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้นเนื้อเรื่องจะดำเนินมาถึงจุดที่เขาจิตใจเข้มแข็งขึ้นหรือยัง อยากให้ลองพิจารณาดูค่า!


    เราอาจจะอัพช้ามากด้วยความที่เคลียร์งานด้วย แล้วก็เคลียร์เรื่องหลักในไอดีอื่นด้วย คงไม่ว่ากันนะคะ ;w;

    : ไม่เป็นไรเลย ขอให้คุณเจนมีกำลังใจเต็มเปี่ยมในการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจจะทำเลยนะคะ


    หมดคำถามแล้ว ยังไงก็ขอให้ทุก ๆ คนโชคดีมีชัยค่า /////7/////

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×