ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : การพนัน! (Re.03)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 64


    UP : 19/07/60

    Re-write : 16/08/60

    Re-write 2 : 26/07/61

    Re-write 3 : 09/06/64

    บทที่ 5 : การพนัน!

     

    บรรยากาศช่วงเช้าอึมครึมกว่าที่เคย ดูเหมือนว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอจะเจอเรื่องตั้งแต่เช้า เขาทะเลาะกับเชมัสตั้งแต่บนหอนอนจนกระทั่งเข้ามาทานอาหารเช้าที่ห้องโถง ส่วนเฮเลนก็ต้องพบกับลาเวนเดอร์ บราวน์ ตัวละครที่แทบไม่มีบทบาทอะไรเลยในปีนี้ แต่กลับเข้ามา กระแนะกระแหนเธอได้ตั้งแต่ตอนตื่นนอน เหมือนเป็นตลกร้าย

    ประเด็นอยู่ที่ว่า...” เฮอร์ไมโอนี่พูด “เรื่องพวกนี้คือสิ่งที่ดัมเบิลดอร์พูดถึง คนที่คุณก็รู้ว่าใครกลับมาได้แค่สองเดือนพวกเราก็แตกแยกกันได้ขนาดนี้แล้ว”

    เฮเลนตักอาหารเช้าใส่จานตัวเองในขณะที่นั่งฟังเฮอร์ไมโอนี่พูดไปด้วย เหมือนรอนและแฮร์รี่ก็กำลังตั้งใจฟังเช่นกันถึงแม้ว่ารอนจะไม่ยอมวางน่องไก่ในมือลงเลยแม้แต่สักวินาทีเดียว เด็กสาวผมฟูกางหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตออกอ่านอย่างสบายใจโดยไม่พูดอะไรต่ออีก ตอนนี้ทั้งสี่กำลังทานอาหารอยู่ที่ห้องโถงพร้อมกับพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นไปด้วย

    “โชคดีที่ไม่มีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเรียบดวงตายังจับจ้องอยู่บนหนังสือพิมพ์ในขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังเดินไปตามโต๊ะเพื่อแจกตารางเรียน “ไม่มีข่าวเรื่องพวกเธอหรือดัมเบิลดอร์วันนี้”

    “ดูวันนี้สิประวัติศาสตร์เวทมนตร์วิชาแรกเลยให้ตาย” รอนร้องเมื่อได้รับตารางเรียน เขาวางน่องไก่แล้วถือมันเอาไว้พร้อมขมวดคิ้ว “ฉันอยากให้เฟร็ดกับจอร์จผลิตกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานมาไวๆ จริง”

    “นี่หูฉันฝาดไปรึเปล่าเนี่ย!” จอร์จพูดขึ้น เขาเดินมาพร้อมกับเฟร็ดและเดินมานั่งเบียดเฮเลน เด็กสาววางช้อนลงบนจานและขยับเข้าไปจนติดกับแฮร์รี่ “พรีเฟ็ตของกริฟฟินดอร์ไม่ได้ต้องการโดดเรียนหรอกใช่ไหม?”

    “นายจะเอาตังเมเลือดกำเดามาลองใช้ก่อนก็ได้นะ ไม่แพงหรอก” เฟร็ดต่อ

    “ทำไมไม่แพงล่ะ” รอนพูดอย่างสงสัยพลางหยิบไก่ขึ้นมากัดอีกครั้งโดยที่มืออีกข้างยังคงถือตารางเรียนเอาไว้

    “เพราะว่านายจะต้องเลือดไหลไม่หยุดจนกว่าจะแห้งตายเลยน่ะสิ!” จอร์จตอบพลางตักปลาคิปเปอร์ขึ้นมากิน เฮเลนมองเขาเล็กน้อยและขยับไปเบียดแฮร์รี่อีกหน่อย "เรายังหายาแก้พิษไม่ได้เลย"

    “งั้นฉันขอเลือกเรียนดีกว่าแบบนี้” รอนพูดอย่างอารมณ์เสียและทานอาหารต่อไป

    ไม่นานหลังจากนั้นใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับหนังสือเล่มใหญ่ ดวงตาสีเทาดูลึกลับนั้นมองมาทางหนังสือพิมพ์สลับกับเฮอร์ไมโอนี่ไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “ขอรบกวนอะไรสองสามอย่างได้ไหมครับเฮอร์ไมโอนี่” แท็คว่าก่อนจะนั่งลงข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ เสื้อคลุมสีเขียวของเขามันดูตัดกับเสื้อคลุมสีแดงรอบกายเขาเสียเหลือเกิน เฮเลนหลุบตาลงมองจานทองคำว่างเปล่าของตนเองทันทีเมื่อเห็นเขา แท็คก็ดูเหมือนจะเข้าใจท่าทางนั้น เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อวานแต่อย่างใด

    “ว่าไงแท็ค” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปถามเขาเสียงสดใส

    “คือตรงนี้...” แท็คเริ่มถามเกี่ยวกับวิชาเรียนที่พวกเขาบางคนยังตอบไม่ได้ การสนทนาของผู้มีความรู้ทั้งสองนั้นทำให้เฮเลนรู้สึกเหมือนตัวเองไม่น่ามานั่งตรงนี้ ท่ามกลางพ่อมดแม่มดที่รอบรู้ ซึ่งเธอเป็นแค่มักเกิ้ลธรรมดา... ล่ะมั้ง 

    รอนขมวดคิ้วมองแท็คด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย เขากัดน่องไก่คำสุดท้ายและวางกระดูกลงบนจานทองเสียงดังจนเฮเลนยังสะดุ้ง เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นพลางเลิกคิ้วมองเขาอย่างสงสัย

    “รอนไม่ชอบแท็คน่ะ” แฮร์รี่เอียงตัวมากระซิบ “เขาบอกฉันแบบนั้นมาตลอด – เขาบอกประมาณว่า – เขาไม่อยากเชื่อว่าแท็คเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเฮอร์ไมโอนี่”

    เฮเลนหันขวับไปหาแฮร์รี่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระซิบตอบ “แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยืนยันว่าเขาใช่นะ”

    “ฉันก็คิดว่าเธอ – เฮอร์ไมโอนี่ – ไม่น่าโกหก” แฮร์รี่พูด “แต่แท็คก็มีอะไรแตกต่างจนคำพูดของรอนเองก็มีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน – เอาเป็นว่า – เขาไม่ชอบแท็ค แค่นั้นแหละ”

    รอนลุกพรวดและก้าวฉับๆ ออกไปจากห้องโถง ท่าทางเหมือนหัวเสียในขณะที่เฟร็ดกับจอร์จทำท่าอึ้งเล็กน้อย

    ฉันว่ารีบตามไปดีกว่านะเกรนเจอร์” เฟร็ดว่า “ท่าทางจะหัวเสียเต็มขั้นแล้ว”

    “แต่ว่า – ” เฮอร์ไมโอนี่ขบริมฝีปากล่างเล็กน้อย และมองมายังเฮเลน เธอพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ตามรอนไปจะดีกว่า เฮอร์ไมโอนี่จึงยอมลุกขึ้นและวิ่งออกไปจากห้องโถง แท็คมองไล่หลังเธอไปด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะหันกลับมามองที่ฝาแฝดทั้งสี่คน

    “ผมเองก็คงต้องไปด้วย” เขาพูด “ตอนนี้ผมหมดธุระแล้ว – แล้วเจอกันนะครับ”

    และแท็คก็ลุกออกไปจากตรงนั้นก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของบ้านสลิธีรินเพื่อสมทบกับกลุ่มเพื่อนน่าหมั่นไส้ของเขา

     “ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ” จอร์จกลืนเนื้อปลาลงคอและแบะปากพูด

    “เขาคงคิดว่าหน้าพวกเราฉลาดไม่พอให้เขาถามล่ะมั้ง" เฟร็ดเบ้ปากพลางทำท่าล้อเลียน "ไปกันเถอะจอร์จ แอนเจลิน่าต้องการให้เราช่วย”

    เฟร็ดว่าแล้วลุกขึ้นยืนและเดินออกไปพร้อมกับจอร์จเหลือเฮเลนและแฮร์รี่ยังคงนั่งทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกันเงียบๆ ท่ามกลางสายตาแปลกๆ ของคนอื่นๆ เฮเลนพยายามทำตัวให้หดเล็กลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก หรือบางทีเธอควรจะใช้คาถาหดตัว คงไม่น่าไหว ขนาดคาถาง่ายๆ ตอนนี้เธอยังไม่มั่นใจมากพอจะเสกมันเลย

    “เธอไหวหรือเปล่า” แฮร์รี่ถามขึ้น เขาหันมามองหน้าของเฮเลนด้วยแววตาเป็นห่วงเล็กๆ “มีอะไรก็บอกฉันได้นะ ดูเธอไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะทำอะไรมาตั้งแต่วันที่ได้จดหมายจากกระทรวง”

    “เอ่อ – ไม่ – อ่า เปล่า ไม่มีอะไรหรอกแฮร์รี่” เฮเลนตอบตะกุกตะกัก มีหลายอย่างที่เธออยากจะถามเขา แต่เอาเป็นว่าเธอขอเลือกที่จะหาเองดีกว่าว่าความจริงแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับ เฮเลน พอตเตอร์ และ เดรโก มัลฟอย ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างที่เธอเคยอ่านในหน้าหนังสือมันจะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ

    “เอาเถอะ ถ้าเธอยังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร” เขาบอก “งั้นเราออกไปนั่งที่ลานน้ำพุกันไหม เผื่อเธอจะรู้สึกดีขึ้น”

    เฮเลนสะดุ้งทันทีที่พูดถึงลานน้ำพุ เรื่องของเมื่อวานแทรกเข้ามาในสมองอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากบางสีหวานและลมหายใจอุ่นกับมือใหญ่ที่โอบรอบเอวบางเฉียบนั้นเอาไว้ เสียงหัวใจที่เต้นแรงมากราวจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

    "ทำไมหน้าแดงขนาดนั้น" แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย "เธอไม่สบายงั้นเหรอ"

    "ปละ เปล่านี่" เฮเลนรีบตักขนมหวานเข้าปากโดยที่ไม่ทันได้มองว่ามันคือทาร์ตน้ำตาลข้นทำให้เธอสำลักความหวานนิดหน่อย "ฉันไม่ได้เป็นอะไร -- เราไปกันเถอะ ฉันว่าฉันควรออกไปสูดอากาศสักหน่อยล่ะนะ..."

    ทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องโถงพร้อมๆ กัน เฮเลนยังคงกลัวว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะลืมความต้องการที่จะกลับไปโลกเดิมของเธอไปในสักวัน ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้โอกาสออกไปที่ห้องสมุดเพราะต้องเตรียมของมากมายสำหรับการเรียน และมันเป็นที่น่าแปลกใจมาก เฮเลนพบว่าของในหีบของตัวเองมีครบแทบทุกอย่างไม่ว่าจะหนังสือเรียนหรือปากกาขนนก และที่แน่นอนที่สุดคือไม้กวาดนิมบัสสองพันในโรงเก็บไม้กวาดนั่นด้วย ซึ่งแฮร์รี่บอกกับเฮเลนว่า เธอได้ขี่มันไม่ถึงสี่ครั้งด้วยซ้ำหลังจากที่ได้มันมา และมันเป็นข้อพิสูจน์ได้เลยว่าสิ่งที่ แม้ด-อายพูดในวันนั้นถูกต้องที่สุด

    เธอทำคะแนนวิชาการบินได้ห่วยมาก!!

    เมื่อมาถึงลานน้ำพุ แฮร์รี่พาเฮเลนเดินไปนั่งที่ริมน้ำพุที่เดียวกับที่เฮเลนนั่งเมื่อวานนี้ นอกจากนั้นเป็นจุดที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น...

    “ดีขึ้นไหม” เขาถาม พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ฉันจำได้ว่าเธอจะชอบมาที่นี่ก่อนเข้าเรียนทุกวัน เพราะมันจะทำให้สมองโล่ง – ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว มันก็ช่วยทำให้สมองโล่งจริงๆ”

    แฮร์รี่หันมายิ้ม มันทำให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่วายหางตาดันเหลือบไปเห็นชายเสื้อคลุมสีเขียวแก่ของเด็กนักเรียนบ้านสลิธีริน ทำให้เฮเลนอดกังวลใจไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของมัลฟอยเมื่อวาน ถึงแม้ว่าตั้งแต่ลงมาทานอาหารจะไม่พบเขาเลยก็ตาม

    “จะว่าไปเมื่อวาน – ”

    “เปล่า!” เฮเลนโพลงขึ้นมาทันที ที่แฮร์รี่ทำท่าจะถามและแทบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

    “ฉันยังไม่ทันถามเลย” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว

    “เอ่อ – ขอโทษที ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ” เฮเลนตอบท่าทางเงอะงะ “มีอะไรเหรอ”

    “ฉันแค่จะถามว่า เมื่อวานฉันเห็นเธอขึ้นไปที่หอช้าพอๆ กับเนวิลล์” แฮร์รี่ถอนหายใจเบาๆ “แถมวันนี้เธอก็ท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่เช้า เป็นอะไรหรือเปล่า หรือเพราะมัลฟอย”

    “เปล่า– เอ่อ – ไม่ ฉันหมายความว่า...” เฮเลนกลอกตาไปมาเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของทั้งสองพี่น้องนั้นอยู่ในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลา “ฉันก็ออกมานั่งตรงนี้แล้ว – เอ่อ – มันเพลินไปหน่อยก็เลย – ก็เลยเกือบลืมไปว่าต้องขึ้นหอนอนน่ะ”

    “ลืมว่าต้องขึ้นหอนอนเนี่ยนะ” แฮร์รี่ทวน เฮเลนรู้อยู่แก่ใจว่าบางทีมันคงเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น แต่เธอก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาบอกเขานอกจากแถไปจนกว่าจะแถไม่ได้ – สีข้างต้องถลอกกันหน่อยล่ะงานนี้เด็กสาวนึกถึงหน้ามัลฟอยขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าซีดสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ทำให้เธอหัวใจกระตุกวูบได้อย่างไม่น่าเชื่อ เฮเลนไม่รู้จะตอบแฮร์รี่ไปยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆ เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าตอนนั้นมัลฟอยจะตามมา มันเหมือนกับว่าเขารู้ว่าเธอไปทำอะไรที่ไหนเป็นประจำ

    “ก็แค่เกือบ...”

    “เกือบจูบเองใช่ไหม”

    ทันได้พูดคำสุดท้ายออกไป ท่อนแขนของใครบางคนก็เลื่อนมาโอบรอบคอของเฮเลนเอาไว้เบาๆ ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหูจนรู้สึกจั๊กจี้ ร่างบางสะดุ้งเฮือกและจ้องหน้าแฮร์รี่ไม่วางตา ใบหน้าของฝาแฝดแสดงออกถึงความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงและเจ้าของท่อนแขนที่ว่านี้คือใคร

    “นายอีกแล้วเหรอมัลฟอย” แฮร์รี่พูด “ต้องการอะไร แล้วที่พูดนั่นหมายความว่าไง”

    “ทำไมต้องทำน่าเบื่อขนาดนั้นด้วย พอตเตอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “ฉันก็พูดไปตามความจริง – ใช่ไหมเฮเลน”

    “อะ – อะไร!” เฮเลนหันควับไปหาเขา “ไม่จริงสักหน่อย – ฉันไม่ได้ – ”

    “เลิกกวนยัยนี่สักทีเถอะน่า” แฮร์รี่พูด เขาดูหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม “มันจะไม่ดูน่าเกลียดไปหรอกเหรอสำหรับคนที่เป็นพรีเฟ็ต!

    “แล้วยัยเกรนเจอร์ในห้องโถงเมื่อกี้ล่ะ” มัลฟอยสวนทันใด แฮร์รี่ชะงัก เฮเลนหันไปมองหน้าเขา

    เมื่อสักครู่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเธอไม่ได้มองไปทางเฮอร์ไมโอนี่และโฟกัสอยู่ที่คำพูดที่จะพูดกับแฮร์รี่มากกว่า เฮเลนพยายามแกะมือของเขาออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งพยายามแกะมันออกมากเท่าไหร่เหมือนมัลฟอยจะกระชับมันแน่นขึ้นอีก แถมลมอุ่นๆ ที่เป่ารดใบหูจนขนลุกนี่อีก เฮเลนอยากจะลุกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน

    “นั่นเป็นอุบัติเหตุ” แฮร์รี่ดูท่าทางกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ “แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ นายเองก็รู้ดี”

    “แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้น่าเกลียดตรงไหน” มัลฟอยพูดพลางยิ้มยียวน เฮเลนพยายามแกะมือของเขาที่กุอยู่บนไหล่ออกและยังพยายามขยับเข้าไปหาแฮร์รี่เมื่อมัลฟอยพยายามเบียดเข้าหา “อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้ทำถึงขั้นนั้นซะด้วยสิ – หรือนายอยากให้ทำ”

    “มัลฟอย!” แฮร์รี่แยกเขี้ยว

    “พอเถอะ ทั้งสองคน” เฮเลนพูด ในที่สุดเธอก็แกะมือของมัลฟอยออกไปจนได้ “อย่าทะเลาะกันตรงนี้ได้ไหม – พวกเธอไม่ได้คิดถึงคนกลางอย่างฉันเลยสักนิดหรือไง”

    อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกเขาจะสนใจเธอหรือเปล่า แต่เพราะเธอต้องการให้ตัวเองหลุดพ้นจากอ้อมแขนของมัลฟอยและไปให้พ้นจากตรงนี้ ดูท่าแล้วลานน้ำพุตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสงบเท่าไหร่ด้วย กลุ่มนักเรียนสวมเสื้อคลุมประทับตรารูปงูสีเขียวก็ยืนอยู่รอบๆ ไปทั่ว นั่นยิ่งทำให้เฮเลนอึดอัดเข้าไปใหญ่

     “เดรโกมาอยู่นี่เอง”

    เด็กสาวร่างบางใบหน้าเรียว ผมสั้นสีดำคลับ ริมฝีปากบางสีแดงกุหลาบเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับใช้ดวงตากลมโตจ้องมามายังเดรโก มัลฟอยด้วยสายตาแปลกๆ และรังสีอำมหิตที่ถูกแผ่ออกมาจางๆ ยิ่งทำให้เฮเลนขนลุกยิ่งกว่าเดิม รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างนั้นแย่ลงไปอีก ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ว่าดูเหมือนหล่อนจะไม่ชอบหน้าเธอเลย บางทีถ้าหากให้เธอได้เดา เด็กสาวคนนี้ก็คงจะเป็นแพนซี่ พาร์กินสัน เพื่อนสมัยเด็กของเดรโก มัลฟอยแน่ๆ

    “ไง แพนซี่” มัลฟอยเอ่ยทัก นั่นเป็นจังหวะที่เฮเลนสามารถขยับตัวให้ออกจากอ้อมแขนของเขาได้อย่างทันท่วงที

    “ไหนวันนี้นายบอกจะมาหาฉันที่ห้องนั่งเล่นไง”

    ร่างบางเลื่อนกายเข้ามาหามัลฟอยพร้อมเอื้อมมือมาดึงแขนขวาของเขาเอาไว้

    “ฉันว่างั้นเหรอไม่ยักกะจำได้” มัลฟอยเลิกคิ้วพลางทำหน้างง แพนซี่ชักสีหน้านิดหน่อยและยังคงคลอเคลียอยู่ที่แขนของมัลฟอยต่อไปราวกับว่าต้องการดึงความสนใจของคนตรงหน้าให้มาอยู่ที่หล่อนเพียงผู้เดียว “สงสัยคงจะลืมน่ะ ขอโทษทีนะ”

    “ให้ตายสิ” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “ไปเถอะ เราไม่มีธุระอะไรที่นี่”

    เขาว่าแล้วดึงมือเฮเลนให้ลุกขึ้นยืน เตรียมจะพาเดินไปที่อื่นในทันที แฮร์รี่ดูหัวเสียทันทีที่แพนซี่ปรากฏตัวขึ้น สายตาของเขาซ่อนความรู้สึกประหลาดเอาไว้ยามที่มองมัลฟอยกับแพนซี่มันทำให้เฮเลนรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เธอจะมาอยู่ตรงนี้กันแน่

    “เดี๋ยวสิ” มือเรียวยาวเอื้อมมาดึงแขนเธอเอาไว้แน่น “เดี๋ยวก่อน – ฉันยังไม่ได้ – ”

    “ถ้านายอยากอยู่กับคนของนาย นายก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับน้องฉัน” แฮร์รี่ขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปากท่าทางเหมือนกำลังระงับความโกรธ “นายไม่จำเป็นต้องเอาชนะฉันด้วยยัยนี่– ”

    “ฉันไม่ได้จะเอาชนะนาย!” มัลฟอยเถียง ลุกขึ้นยืนและลืมแพนซี่ไปชั่วขณะ พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่านักเรียนหลายๆ คนเริ่มหันมาจ้องมองที่พวกเขาเป็นตาเดียวแล้ว “ฉันไม่เคยใช้ยัยนี่เพื่อเอาชนะนายสักหน่อย”

    “แล้วนายทำเพื่ออะไร!” แฮร์รี่กระชากร่างบางให้หลุดออกจากการเกาะกุมของมัลฟอย เฮเลนปลิวไปยืนประชิดกับแฮร์รี่ ดวงตากลมมอง มัลฟอยและแฮร์รี่สลับกันไปมา เธอคิดว่าตัวเองไม่ควรสงสัยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคิดไปมันก็คงไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงนี้ คนสองคนที่พยายามจะเอาชนะกันและกันอยู่ตลอดเวลา “นายกระโดดไปกระโดดมา – ไปหาคนนั้น ไปหาคนนี้ – นายคิดว่ามันตลกเหรอ?”

    “นายพูดอะไรของนาย พอตเตอร์!” มัลฟอยแยกเขี้ยว เฮเลนเห็นแพนซี่จ้องหน้าเธอตาเขียวอย่างกับจะกินเธอเข้าไปทั้งตัวไม่ให้เหลือซาก เฮเลนเอื้อมมือไปจับเสื้อคลุมของแฮร์รี่เอาไว้และขยับไปหลบอยู่ข้างหลังของเขา ในขณะที่ระหว่างแฮร์รี่กับมัลฟอยเหมือนมีกระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่กันดังเปรี๊ยะๆ

    “นายคิดว่าฉันไม่เห็นเหรอ” แฮร์รี่พูดอีกครั้ง “นายไปกับคนนั้นคนนู้นอยู่ตลอด แต่นายก็ยังมายุ่งกับน้องฉัน – ยัยแพนซี่อะไรนั่นด้วย – ถ้านายอยากเอาชนะฉันด้วยการใช้เฮเลน – เออ ฉันยอมรับเลย มันได้ผลมันทำให้ฉันหงุดหงิด ฟุ้งซ่านเพราะเป็นห่วงยัยบ้านี่ใจจะขาด แค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้วใช่ไหม!

    “นายพูดเรื่องบ้าอะไร!” มัลฟอยแย้งขึ้นในขณะที่แพนซี่เอื้อมมือมาจับแขนของเขาเขย่าเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้วและส่ายหน้ายิก แต่เขาสะบัดมันออกอย่างไม่แยแส “ฉันไม่เคยทำอะไรแบบที่นายพูดเลยสักประโยคเดียว”

    “ฉันมีพยานเป็นสิบคนที่รู้เรื่องนี้!” จอร์จตะโกนออกมาจากกลุ่มนักเรียนที่ยืนล้อมรอบพวกเขา “พวกนักเรียนบ้านนายก็รู้ดีนี่”

    “หุบปากซะ วีสลีย์!” มัลฟอยแผดเสียงกลับไป “แค่มอง – ไม่ได้รู้สักหน่อยว่าฉันทำอะไรบ้าง!

    “งั้นก็แสดงว่าต้องทำมากกว่าแค่เดินด้วยงั้นสินะ!” เสียงเฟร็ดดังตามมา ฝาแฝดวีสลีย์พูดรับส่งกันด้วยท่าทางที่พร้อมกวนประสาทคนอื่นอย่างที่สุด เฮเลนถอนหายใจออกมาและพยายามเรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในสมอง บางทีทั้งสองคนอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพราะ มัลฟอยเข้าหาเธอ แต่แฮร์รี่น่าจะยังคงไม่พอใจที่มัลฟอยยังทำท่าเหมือนหว่านสเน่ห์ใส่ผู้หญิงคนอื่นอยู่ – แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ!

    “ฉันบอกให้หุบปาก วีสลีย์!” มัลฟอยแยกเขี้ยว “มันแล้วแต่นายว่าจะคิดยังไง – ฉันไม่สนหรอก – แต่คนที่ฉันสนคือเฮเลน พวกนายไม่รู้หรอกว่าที่จริงฉันเป็นคนยังไง นอกจากยัยนั่นคนเดียว!

    ทุกคนเงียบไปพร้อมกับสายตาที่เริ่มเปลี่ยนจากมัลฟอยมาจ้องมองที่เธอ เฮเลนมองหน้ามัลฟอยพร้อมกับกวาดตามองไปทั่วลาน สายตาของใครคนหนึ่งทำให้เธออึ้งไปเล็กน้อย แท็คยืนอยู่ในกลุ่มเด็กนักเรียนสลิธีรินพร้อมใบหน้าเรียบเฉยดังทุกครั้ง แต่แววตาของเขากลับทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น

    “ว่าไง เฮเลน” แฮร์รี่เรียก “หมอนั่นบอกอะไรเธอ”

    เด็กสาวพยายามนึก เธอหวังลึกๆ ว่าอย่างน้อยให้มีความทรงจำจากเฮเลน พอตเตอร์ให้มากมายกว่านี้เพื่ออย่างน้อยเธอจะสามารถพูดอะไรออกไปได้บ้าง แต่ไม่เลย ความเป็นจริงคือสมองของเธอขาวโพลนไปหมด มันไม่มีอะไรเลยเหมือนกับตอนที่เธอกำลังทำข้อสอบวิชาชีววิทยาเกี่ยวกับเรื่องกลไกของสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ไม่มีผิด!

    “บอกเขาไปเฮเลน!” แฮร์รี่ย้ำ “บอกหมอนั่นไปเลยว่าความจริงเธอไม่ – ”

    “พอ!” เฮเลนตะโกน ความรู้สึกบางอย่างพุ่งปรี๊ดขึ้นมาราวกับว่าเป็นคนละคน เธอปล่อยแขนแฮร์รี่และสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “พอเถอะ – ฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้นายสองคนทะเลาะกัน แต่เลิกเรียกจิกหัวฉันว่า ยัยนี่! ยัยนี่! ยัยนี่! สักทีเถอะ!!”

    แฮร์รี่หลุบตาลงมองเท้าของตัวเอง เฮเลนหันไปหามัลฟอย

    “แล้วถ้าเกิดว่าเรื่องที่นายทำกับฉันเมื่อคืนนี้คือจุดประสงค์ที่จะทำให้ฉันจำสิ่งที่นายเคยพูดเอาไว้เมื่อเทอมที่แล้วฉันก็คงต้องบอกไว้ตรงนี้เลยนะ มัลฟอย” เฮเลนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ฉันจำไม่ได้ – ฉันจำไม่ได้หรอกว่านาย หรือแฮร์รี่ หรือใครก็ตามเคยพูดอะไรเอาไว้บ้าง เพราะฉันความจำสั้น!!

    มีเสียงหัวเราะเบาๆ หลุดออกมาจากกลุ่มของเด็กกริฟฟินดอร์ เฮเลนคิดว่าคงเป็นเฟร็ดกับจอร์จแน่ๆ

    “ฉันจะเตรียมตัวไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์” เฮเลนพูดเสียงเบาลง และถอนหายใจอีกครั้ง “ขอตัว”

    ดวงตากลมโตมองพี่ชายฝาแฝดกับมัลฟอยสลับกันไปมาอย่างหัวเสีย ร่างบางสะบัดหน้าเดินหนีออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว และเพราะด้วยความโมโหเฮเลนเดินกระแทกไหล่แพนซี่ที่กำลังจะลุกขึ้นยืนจนล้มลงไปนั่งที่เดิมอีกรอบ หลังจากแผ่นหลังบางลับสายตาไปแฮร์รี่และมัลฟอยก็หันไปจ้องตากันอีกรอบราวกับว่ามีเรื่องคับแค้นใจกันมานานแสนนาน (?)

    “ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน” มัลฟอยสบถ “มันเป็นเพราะนาย พอตเตอร์!

    “นายคิดว่ากำลังพูดเรื่องตลกอยู่เหรอ!” แฮร์รี่เถียง “ยัยนั่นก็ทำแบบนี้เป็นประจำ จะพาลก็ให้มันน้อยๆ หน่อย!

    “ถ้านายไม่พาเธอเดินหนีฉัน มันก็คงไม่เป็นแบบนี้” มัลฟอยแยกเขี้ยว

    “ฉันว่านายเอาเวลาไปใช้กับยัยสมองกลวงที่นั่งอยู่ข้างๆ ดีกว่ามาหาสาเหตุว่าทำไมเฮเลนถึงเดินหนีไปจะดีกว่าไหม!” แฮร์รี่ตอก “มันคงน่าพอใจมากงั้นสิที่น้องฉันต้องไปยุ่งกับพ่อมดที่ไม่มั่นคงแบบนี้ – น่าสมเพช”

    แฮร์รี่ขึ้นเสียงตอนนี้เหล่านักเรียนมากมายเริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างแฮร์รี่กับมัลฟอย ถึงแม้ทุกครั้งจะเห็นอยู่ตลอดว่าสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากันแต่ก็ไม่เคยเห็นว่าทั้งสองจะทะเลาะกันออกหน้าขนาดนี้ แถมดูเหมือนครั้งนี้จะรุนแรงกว่าปกติเสียด้วย

    “แก!

    “พอเถอะ เดรโก!” แพนซี่ลุกขึ้นและดึงแขนของมัลฟอยเอาไว้ “ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสวนากับพวกกริฟฟินดอร์”

    จังหวะนั้นแฮร์รี่ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ยปากพูด

    “ฉันเป็นพี่ชาย มัลฟอย” เขาพูด “ฉันไม่มีวันยกน้องสาวให้กับคนอย่างนาย”

    “งั้นมาพนันกัน!” มัลฟอยพูดอย่างเดือดดาล สะบัดแพนซี่ลงไปนั่งอยู่ที่เดิม

    “ไม่มีประโยชน์ที่จะพนันอะไรกับคนอย่างนาย!

    “นายกลัวแพ้ใช่ไหม!” มัลฟอยพูดอีกครั้ง “นายกลัวว่าฉันจะชนะคำท้า นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้!

    “ฉันไม่ได้กลัว!” แฮร์รี่สวนกลับ

    “งั้นก็รับซะ!” มัลฟอยว่า “ถ้าฉันทำให้ยัยนั้นพูดว่ารักฉันได้ นายจะไม่มีสิทธิ์ห้าม ไม่ว่าฉันจะทำอะไร – ยัยนั่นต้องเป็นของฉัน – แล้วนายจะได้ไม่ต้องใช้สิทธิ์คำว่าพี่ชายงี่เง่านั่นอีก!

    จบประโยคนั้นเสียงโห่ร้องของเหล่านักเรียนบ้านสลิธีรินก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเชียร์ปรบมือกันยกใหญ่ แฮร์รี่เม้มปากหันไปมองเพื่อนร่วมบ้านที่หันหน้าเข้าหากันพลางซุบซิบอะไรบางอย่าง แต่ดูท่าดีนกับลีจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของมัลฟอยนักทำให้เฟร็ดกับจอร์จตะโกนออกมาจากฝูงนักเรียน

    “แล้วถ้านายทำไม่สำเร็จล่ะ!” (เฟร็ด)

    “ใช่ถ้านายทำไม่สำเร็จล่ะ!!” (จอร์จ)

    มัลฟอยหันไปมองสองแฝดพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกราวกับกำลังระงับโทสะ

    “ฉันจะเลิกยุ่งกับเฮเลน” เขาพูด “ฉันจะเลิกยุ่ง – ไม่แม้แต่มอง – จะไม่สนใจ ไม่ยุ่มย่าม และไม่เรียกชื่อ พอใจพวกนายไหม”

    “แล้วฉันล่ะเดรโก!!” แพนซี่กรีดร้อง มัลฟอยหันไปหาเธอและมีท่าทีตกใจเล็กน้อย เขาลืมไปเลยว่าสะบัดเพื่อนตัวเองลงไปนั่งกองอยู่ตรงนั้น “แล้วฉันล่ะ – นายเอาฉันไปไว้ที่ไหนเดรโก!

    “ก็เอาไว้ที่เดิม” มัลฟอยขมวดคิ้ว “ฉันต้องเปลี่ยนอะไรเธอด้วยเหรอ – ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของฉันนี่”

    “แล้วผู้หญิงคนอื่นของนายล่ะ มัลฟอย” แฮร์รี่ยิ้มเยาะ เขายังไม่ตอบตกลงอะไรกับการพนันของมัลฟอย “แล้วผู้หญิงอีกหลายต่อหลายคนที่นายเคยควง – นายจะเอาพวกนั้นไปไว้ที่ไหน”

    “นายจะเล่นแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ” มัลฟอยหันกลับไปหาแฮร์รี่ เขารู้สึกว่าอารมณ์โกรธของตัวเองเบาลงกว่าเดิม “ได้ – พอตเตอร์ – ฉันจะบอกให้ว่าฉันจะเอาไปไว้ที่ไหน”

    ทุกคนเงียบ ตั้งตารอฟังที่เดรโก มัลฟอยจะพูด

    “ฉันจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนเท่าที่ฉันจำได้” เขาบอก “ฉันจะไม่ไปไหนกับผู้หญิงที่พวกนายเคยเห็น – หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยเห็น – ฉันจะไม่ยุ่งกับใครก็ตามที่วิ่งโร่เข้ามาควงแขน เข้ามาออเซาะ ในช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากนี้ – พอใจไหมพอตเตอร์”

    “นายอาจจะอ้างว่าพวกนั้นเป็นเพื่อน – ”

    “นี่ฉันยังพูดไม่ครอบคลุมสินะ” มัลฟอยยิ้มและหันกลับไปหาแพนซี่ เพื่อนสาวของเขาเริ่มมีน้ำตาปริ่มที่ขอบตาบางๆ “เอาเป็นว่าฉันบอกเลยแล้วกัน – ว่าฉันจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลยไปจนกว่าจะหมดสัญญา”

    “...”

    “รวมถึงเธอด้วย แพนซี่”

     

    ติดตามตอนต่อไป...

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×