ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : SF - Falling in love (Jaeten)
100%
#มีอัพเพิ่มนิดนึงจ้า
#มีอัพเพิ่มนิดนึงจ้า
แค่อยากจะขอลองคุยกับเธอ...ได้ไหม?
ตั้งแต่วันนั้นมา 3 อาทิตย์แล้วล่ะครับ ผมแอบมองแจฮยอนในทุกๆวันอย่างเนียนๆสไตล์คนแอบชอบ จนโดยองก็หาว่าผมเป็นโรคจิต
...แต่ผมว่าผมก็ไม่ได้โรคจิตนะ ผมก็แค่...
ขอตารางเรียนของห้อง 2A มาเผื่อจะได้ดูว่าแจฮยอนเรียนอะไรบ้าง
แอบเดินผ่านหน้าห้องบ่อยๆ
แอบไปดูแจฮยอนซ้อมในสนามบาสทุกๆวัน
แอบเอาของไปใส่ในล็อกเกอร์บ้าง
ส่องหาเขาในโรงอาหารเผื่อจะได้หาที่นั่งใกล้ๆ
บางครั้งก็เดินแอบเดินตามกลับบ้าน แม้ว่าบ้านของผมจะห่างจากบ้านแจฮยอนไม่น้อย
วันหยุดไปแอบแถวๆบ้านแจฮยอนเพื่อส่องแจฮยอน จนสนิทกับสุนัขในหมู่บ้าน
...ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะโรคจิตอะไรตรงไหนเลยนะ...
คุนเคยถามผมว่า ทำไมไม่ลองทักแจฮยอนล่ะ?
ผมก็อยากจะลองดูเหมือนกันนะ...แต่ผมไม่กล้าอะ
“เตนล์...จ้องไร? ข้าวอยู่ตรงหน้าจ้องหมาทำไม? อยากกินไง๊?” โดยองถามเสียงสูง
“บ้า...” ผมพูดเสียงค่อย ตาหลุบต่ำลงมองข้าวในจานตรงหน้าแล้วใช้ส้อมเขี่ยๆ
“ข้าวมีไว้แดก ไม่ได้มีไว้เขี่ย” โดยองแขวะอีกจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองแรง
“เสือก” ผมพูดสั้นๆกระชับความหมาย จบในคำเดียว
“...” โดยองไม่เถียงต่อเพียงทำปากมุบมิบบ่นๆไป
ผมเลิกสนใจคนตรงหน้าก่อนจะแอบเหล่มองแจฮยอนอีกครั้ง
...แต่ก็ไม่เห็นเขาเสียแล้ว...
ผมหันซ้ายหันขวา กวาดสายตามองไปทั่วโรงอาหาร แต่ไม่เห็นวี่แววของแจฮยอนเลย
บ้าเอ๊ย!
ผมบอกไปแล้วใช่มั้ย...ว่าผมเคยแอบเอาของไปใส่ล็อกเกอร์เขาด้วย...
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมจะทำอย่างนั้น
“...” ผมหันมองซ้ายขวาเพื่อตรวจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้
ก็แหงสิ เขาเข้าเรียนกันไปหมดแล้วนี่...เหลือผมเนี่ย!
เข้าคลาสสายนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกมั้ง...
แอ๊ด...
เสียงเปิดล็อกเกอร์ดังขึ้นเบาๆ ข้าวของข้างในแทบทะลักออกมา ผมวางจดหมายและขนมไว้หน้าสุด (ข้างในมันเต็มแล้วอะ...)
“โอ๊ย ร้อนโว้ย!” เสียงเข้มของผู้ชายที่ผมจำได้ดีดังขึ้น ผมที่เปิดตู้ล็อกเกอร์ค้างไว้รู้สึกลุกลี้ลุกลน ใจเร่งจังหวะการเต้นจนเสียงดังทะลุอก
ผมร้อนรนใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถ้าจะปิดให้เรียบร้อยก่อนเขาต้องเห็นแน่ๆ...
ไม่มีเวลาคิดแล้ว!
ผมวิ่งออกจากหน้าล็อกเกอร์ไปที่หัวมุมของอีกฝั่ง ก่อนจะค่อยๆโผล่ตาออกมาส่องแจฮยอนและผองเพื่อน
“เฮ้ย!” แจฮยอนร้องขึ้นเมื่อเห็นล็อกเกอร์ตัวเองที่เปิดอ้าซ่า “...กูว่ากูล็อกแล้วนะ...”
ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วงงๆ มือใหญ่ยกขึ้นเกาหัว
อ่า...น่ารักจัง .\\\\.
“อะไรอะ?”
“มีใครไม่รู้มาเปิดล็อกเกอร์กูอะ”
“อ้าว มึงไม่ได้ล็อกเหรอ?”
“ก็ล็อกนะ...แล้วมันเปิดได้ไงวะ?”
สะเดาะกุญแจไง ง่ายจะตาย...
“กูจะไปรู้เหรอ...แล้วมีอะไรหายป่ะ?” เพื่อนของแจฮยอนถามพลางบุ้ยหน้าไปทางล็อกเกอร์
ไม่หายหรอก มาให้ของ ไม่ได้มาขโมย
“ของหายอะไม่มีหรอก มีแต่จะเพิ่มอะดิ” เพื่อนอีกคนของเขาพูดขึ้นแซวๆ แจฮยอนยิ้มมุมปากเบาๆแล้วหยิบของที่อยู่หน้าสุดพลิกดู...
ซึ่งแน่นอน...นั่นคือของๆผม...
เขาเปิดจดหมายอ่าน ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆก่อนที่มือเรียวจะเปิดช็อกโกแลตที่แนบไปด้วยเข้าปาก
“เฮ้ย! อันนี้น่ารักอะ ขอได้ป่ะ?”
“ไอ้บ้า! ไม่ให้โว้ย”
“ทำไมวะ? คนพิเศษให้มาหรือไง ปกติก็ให้ตลอดนี่!”
“อันนี้กูชอบ มันน่ารัก” แจฮยอนพูดพลางแย่งตุ๊กตาไข่ไซส์มินิไปกอด
และแน่นอน...นั่นเป็นตุ๊กตาของผม...
ผมไม่รู้ว่ามาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง
จุดที่มาแอบยืนดูปฏิกิริยาของคนที่แอบชอบเมื่อเห็นของขวัญของตัวเอง
ใบหน้าผมร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวจนแทบกระเด็นออกจากอก ท่าทางของเขามันน่ารักมาก...แล้วแบบนี้จะไม่ให้หลงได้ยังไงล่ะ!
“แล้วจดหมายนั่นเขียนว่าอะไร เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาสักพักละ”
“ยุ่ง”
“ก็จะยุ่งอะทำไม? ข้องไรปะ?” เพื่อนของแจฮยอนพูดก่อนจะฉวยจดหมายสีฟ้าพาสเทลของผมไปอ่าน
“ช่วงนี้อากาศแปรปรวน อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ”
“...ก็เหมือนๆกับจดหมายอื่นป่ะวะ? ทำไมแม่งยิ้มอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า?” เพื่อนอีกคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าระแวง
“กูเปล่า...ไม่รู้สิ อ่านแล้วรู้สึกว่าน่ารักดีอะ” เขายิ้มน้อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นลักยิ้มตรงแก้มเขาก็ยังบุ๋มเข้าไปอยู่ดี...
นั่นแหละ ส่วนของร่างกายเขาที่ผมชอบล่ะ...
แจฮยอนหยิบจดหมายของอีกคนขึ้นมาแล้วเปิดอ่าน เขาอ่านไปยิ้มไปเหมือนกับจดหมายของผม...
อ่า...เข้าใจแล้วล่ะ เขาเป็นอย่างนี้กับจดหมายของทุกคนสินะ...
ผมขี้มโนมากไปหน่อย
หัวใจของผมเหมือนจะช็อกจนหยุดเต้นไปชั่วคราว การก้าวขาออกจากตรงนั้นช่างยากเย็น ท่อนขาทั้งสองแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง
มีสิทธิ์อะไรไปน้อยใจเขาเหรอ...เตนล์ ?
“ขออนุญาติครับ...”
“มิสเตอร์ชิตพล...เข้าคลาสเลทนะวันนี้ ไปทำอะไรมา?” อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าชั้นหันมาตำหนิผมด้วยใบหน้านิ่งๆ
“ขอโทษครับมิส...ผม...หิวเลยหาอะไรทานต่อนิดหน่อย”
“ไม่ได้ยินเสียงออดดังหรือไง? ไม่รู้เหรอว่าต้องเข้าคลาสเมื่อไหร่?”
“ผมเร่งฝีเท้าแล้วครับมิส...แต่มันเร็วสุดได้แค่นี้จริงๆ”
“...ไปนั่งที่ไป เลิกเรียนเดี๋ยวมาเคลียร์กันด้วย”
“ครับ...” ผมพูดพลางก้มหัวให้แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆยูตะ
เพื่อนๆต่างส่งสายตาเย้ยหยันมาให้ผม เพราะรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ผมมาสาย คืออะไร...
หลังจากคลาสจบ (คาบบ่ายวันนี้ผมมีเรียนแค่วิชาเดียว) ผมก็อยู่รอเคลียร์กับอาจารย์ตามที่ท่านสั่งไว้
“เอาล่ะ มิสเตอร์ชิตพล...ช่วยยกสมุดของเพื่อนเธอไปวางไว้บนโต๊ะครูทีสิ”
“เอ่อ...แค่นี้หรือครับ...?”
“ใช่ แค่นี้แหละ...เนื่องจากเธอมาสาย ดังนั้นยกกองสมุดนี่ไปเก็บเร็วๆไป” อาจารย์สั่งด้วยเสียงที่เริ่มแหบเนื่องจากอธิบายบทเรียนมาทั้งวัน “อ้อ...แล้วก็ฝากของๆครูไปด้วยทีนะ ขอบใจจ้ะ”
“อ่า...ครับ” ผมพูดอย่างว่าง่าย แต่ของในอ้อมแขนที่ไม่ค่อยจะง่ายตามเท่าไหร่เลย...
ผมยกสมุดออกมาจากห้องด้วยความลำบาก มันช่างหนักเหลือเกิน ดูท่าทีคงต้องพักเป็นจุดๆ เพราะกำลังแขนผมไม่พอ...
“โอย...” ผมร้องโอดครวญตลอดทางเพราะความหนักของสัมภาระ
“...นาย” เสียงเข้มดังขึ้น ผมหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเดินต่อเพราะไม่คิดว่าจะมีคนเรียก “เฮ้! นายที่แบกของอยู่น่ะ”
ผมชะงักอีกครั้งก่อนจะค่อยๆหันไปมองตามเสียงเรียก
และสิ่งที่ปรากฎแก่สายตามันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก...แจฮยอนยืนอยู่ข้างหน้าผมล่ะ...
มันใกล้กว่าทุกๆครั้ง...
เขาระบายยิ้มบางๆ และเช่นเคย ลักยิ้มที่แก้มทั้งสองของเขามาประทับอยู่บนใบหน้าอีกแล้ว
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่า...?”
“ให้เราช่วยมั้ย? ดูท่าจะหนักนะ...” แจฮยอนพูดพลางทำท่าจะมาช่วย แต่ด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น ทำให้ผมเผลอถอยหลังหนีสองสามก้าว
เขาชะงักก่อนจะลดมือทั้งสองข้างลงก่อนจะยกขึ้นเกาหัว เขาหัวเราะเบาๆแล้วยิ้มแหยๆ “ถ้าไม่อยากให้ช่วยก็ไม่เป็นไรนะ...”
“เฮ้ย เปล่านะ...คือเรา...ตกใจอะ”
“...ตกใจ?”
“อืม...เราเป็นคนขี้ตกใจอะ เห็นนายปรี่เข้ามาเลยเผลอถอยหลัง...เหมือนปฏิเสธน้ำใจเลยเนอะ เสียมารยาทจัง ฮ่าๆ” ผมพูดแถไป ทั้งๆที่จริงๆไม่ใช่คนขี้ตกใจอะไรหรอก...
มันไม่ใช่ผมหรอกที่ตกใจ...แต่เป็นหัวใจของผมต่างหาก
“แล้ว...จะให้เราช่วยมั้ยอะ?”
“อืม เอาสิ” ผมยิ้มกว้าง เขาเอื้อมมือมารับของบางส่วนไป ซึ่งมันทำให้แขนที่ชารู้สึกดีขึ้น
“แล้ว...ทำไมถึงมาช่วยเราอะ?” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ ห้องอาจารย์อยู่ค่อนข้างไกล ถ้าเดินแบบไม่พูดกันเลยมันก็แปลกๆอะ...
“ก็เห็นนายแบกของมาเยอะอะ ดูหนัก กลัวไปไม่ถึง” แจฮยอนจอบยิ้มๆ ตาของเขารีเป็นเป็นรูปสระอิ ลักยิ้มที่แก้มบุ๋มลงไปพอน่ารัก
“ถึงอยู่แล้วน่า...แค่อาจจะช้าไปสักนิด”
“ฮ่า...เอ้อ นายชื่ออะไรอะ?” แจฮยอนถามต่อด้วยเสียงร่าเริง
“เราชื่อเตนล์อะ...เป็นคนไทย”
“โอ้...” เขาพยักหน้าเข้าใจ ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มอยู่ “เราชื่อแจฮยอนนะ เป็นคนเกาหลี ฮ่าๆ”
“เรารู้จักนายอยู่แล้วแหละ...”
“อ้าว...รู้จักเราอยู่แล้วเหรอ?” แจฮยอนถามด้วยสีหน้างงๆ “รู้ได้ไงอะ”
ทำไมเขาน่ารักได้ขนาดนี้นะ...
“นายดังจะตาย” ผมพูดยิ้มๆพลางเหลือบมองคนข้างๆ และนั่นทำให้เรา...
สบตากัน...
เหมือนวันนั้น
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
อา...
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เลือดในร่างกายถูกสูบฉีดอย่างรวดเร็ว บริเวณใบหน้ามีสีแดงเลือดฝาด มันแดงขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อยๆเลยล่ะ...
ให้ตายสิ...
“เตนล์? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” แจฮยอนกระทุ้งผมเบาๆ
ผมหลุดออกจากภวังค์ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับคนตรงหน้าซึ่งทำหน้ากังวลอยู่
“อะ...ฮะ? อะไรเหรอ?”
“จู่ๆก็หยุดเดินแล้วเงียบไปเลย...เป็นอะไรหรือเปล่า?” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ตาของผมเบิกกว้างขึ้นก่อนจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
“อ่า...ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่หน้านายแดงนะ” แจฮยอนขมวดคิ้วมุ่นแล้วเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง ผมเอี้ยวตัวหลบแล้วเดินต่อก่อนจะตอบเขาไป
“ฉันไม่เป็นไร อากาศมันร้อนนิดหน่อยน่ะ”
“เอ้อ...นั่นสิเนอะ” เขายิ้มให้ด้วยสีหน้าร่าเริงเหมือนเคย คนอะไร...ทำไมยิ้มแล้วโลกถึงสดใสได้ขนาดนี้นะ
เราทั้งสองคนวางกองสมุดและข้าวของของอาจารย์ลงบนโต๊ะ ผมเอาป้ายห้องมาวางไว้บนกองสมุดก่อนจะหันไปยิ้มให้คนข้างๆ
“ขอบคุณที่ช่วยนะ ถ้าไม่เจอนายนี่...ป่านนี้คงยังอยู่ตรงบันไดอยู่อะ”
“อืม...ไม่เป็นไร” เขาเกาหัวเขินๆ ใบหน้าขาวขึ้นสีชมพูเล็กน้อยอย่างเขินอาย
“งั้น...เราไปก่อนนะ บาย” ผมโบกมือลาก่อนจะเตรียมเดินออกจากตรงนั้น
แต่จู่ๆ...แจฮยอนก็รั้งข้อมือผมไว้ แล้วพูดว่า
“...ช่วงนี้อากาศแปรปรวน อย่าลืมดูแลตัวเองนะ :)”
ช็อก...คำพูดของแจฮยอกทำผมช็อก!
มันรู้สึกแบบ...แบบว่า...โอ๊ย เขินอะ!
ตอนนี้ผมกำลังเดินกลับบ้านครับ แต่...แถวนี้คุ้นๆเหมือนบ้านแจฮยอนเลยแฮะ...
เดี๋ยววววววว นี่แถวบ้านแจฮยอนนี่! โอ๊ย เหม่อจนได้เรื่องเลยนะไอ้เตนล์! แล้วจะทำไงล่ะที่นี้ ไม่น่าเลย...
“อ้าว เตนล์”
ใครอะ เสียงคุ้นๆ
ผมค่อยๆหันหลังกลับไป ก่อนจะหันไปเจอกันแจฮยอนในชุดไปรเวท...แต่ทำไมหล่อจังนะ ._.
“วะ หวัดดี แจฮยอน” ผมพูดติดขัดเล็กน้อย เพราะถึงจะเคยแอบมาดูแจฮยอนที่แถวบ้านบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นตัวเต็มๆแบบนี้สักที...เขินอะ
“อื้อ เตนล์มาทำอะไรแถวนี้อะ หรือ...บ้านอยู่แถวนี้? ทำไมไม่เคยเห็นเลยอะ?” จะให้บอกว่าไงดีอะ...บอกว่าเหม่อๆเลยเผลอขึ้นรถเมย์ผิดสาย แล้วเดินเลยมาผิดหมู่บ้านไรงี้ดีมะ
“คือ เราขึ้นรถเมย์ผิดสายอะ” ก็ประมาณนั้นแหละครับคุณกิตติ...
“อ๋อ...ฮ่าๆๆ” ผมพูดอะไรผิดเหรอ? แจฮยอนหัวเราะทำไม...
แต่ให้ตายเถอะ...ตอนเขาหัวเราะนี่ดาเมจรุนแรงชะมัด!
“นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วนะ แล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะ?” เออนั่นสิ แล้วผมจะกลับไงวะ? หรือจะกลับรถเมย์ไปอีก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นไง...
“น่าจะกลับรถเมย์อะ...เอ่อ งั้นเราไปก่อนนะ บาย!” ผมกำลังจะหมุนตัวออกไป แต่..
“แป๊บดิ เดี๋ยวเราไปส่ง” ฮะ...เมื่อกี้แจฮยอนพูดว่าอะไรนะ?
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร” ผมรีบปฏิเสธ ก็นะ...ถ้าจะให้เดินไปด้วยกันคงอึดอัดแย่ เขินตายเลย!
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ป้ายรถเมย์เอง” โธ่...ไอ้เราก็นึกว่าจะไปส่งที่บ้าน
“อ๋อ...อืม”
ตอนนี้ผมกับแจฮยอนกำลังอยู่ที่ป้ายรถเมย์ครับ ถึงจะไม่ได้พูดอะไรกันมากก็เหอะ แต่เขินอะ
“แล้วนี่บ้านเตนล์อยู่แถวไหนอะ”
“หือ? อ๋อ ก็แถวๆ A รถเมย์สาย B หมู่บ้าน C อะ” เฮ้ย เปล่านะ ไม่ได้อ่อยนะ จริงจริ๊งงง #เสียงสูง
“โห ก็ไกลอยู่นะ หลงมาได้ไงเนี่ย ฮ่าๆ” แจฮยอนพูดพลางวางมือลงบนหัวของผมเบาๆ ตอนนี้ไม่ต้องเดาก็รู้...ว่าหน้าของผมคงต้องแดงมากแน่ๆ
แปร๊นนน!! (สาบานสิว่านั่นเสียงรถเมย์...)
ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร รถก็แล่นมาจอดซะก่อน
แต่ในขณะที่ผมกำลังจะก้าวขึ้นรถเมย์ จู่ๆก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงของแจฮยอนตะโกนบอกว่า...
“ไอดีไลน์เรา U_Jay1997 ถึงแล้วอย่าลืมไลน์มาบอกนะ :)”
แจฮยอนก็อ้อยแรงเหมือนกันนะคะเนี่ย เจอกันตอนต่อไปค่ะ อิอิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น