ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าแน่จริง...ก็จับผมสิ" (CHANBAEK ft.KaiHun LuMin)

    ลำดับตอนที่ #6 : Kapitel 05 : ระยะเวลาชนะความรู้สึกจริงหรอ?

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 58


    Oxygen Blue Curve - Crosshair
     






     Kapitel 05 : ระยะเวลาชนะความรู้สึกจริงหรอ?




    (ความรักนี่โคตรแปลกเลยอ่ะ..ทำให้คนเจ็บปวดได้ที่สุดแต่ก็ทำให้มีความสุขที่สุดได้เหมือนกัน)




              ฟ้าร้องดังคลืนคลาน เสียงของสายฝนสาดกระซัดผนังของคอนโดชั้นที่ 3 มันตกมาตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ เพราะในห้องของร่างสูงตอนนี้มีแต่เสียงวอแวของ คนเมา ที่บังคับให้เขาเติมเหล้าเพียวๆที่เจ้าตัวเพิ่งซื้อมาจากข้างล่างเมื่อสักครู่นี้จนมันแทบหมดขวด



              “พอได้แล้วมั้งแบคฮยอน”



              “พ่อ..ห้ะ..พ..พ่อ..มาหรอ” คนเมาที่นั่งพื้นพิงโซฟาอยู่ผงกหัวขึ้นมาพร้อมกับตาเรียวที่พยาปรือขึ้น จากนั้นก็อ้าปากตกใจเพียงแวบเดียวเมื่อมโนว่าสิ่งที่โอเซฮุนบอกนั้นหมายถึงการบอกว่าพ่อของเจ้าตัวมา แบคฮยอนกวาดสายตาที่เปิดขึ้นมาเพียงครึ่งเดียวไปทั่วห้องก่อนจะพบว่า ไม่มงไม่มีพ่อทั้งนั้นแหละ “พ่อ..ไหนว้ะ” บ่นกระปอดกระแปดเพียงแค่สองคำเท่านั้นก่อนจะกระดกเหล้าเพียวที่เพื่อนร่างสูงเทให้จนหมดเสียรวดเดียว



              ปึก!



              “เท..”



              “แกจะน๊อคได้น่ะแบคฮยอน”



              “เป็น..พ..พ่อช้านหรออ บวกห้ายเท” แบคฮยอนพูดเสียงคางยานไม่ได้ศัพท์พลางมองเซฮุนตาขวาง มือเรียวก็พยายามคว้าขวดเหล้าที่เพื่อนตัวสูงกอดเอาไว้แน่น



              “ไม่ได้เป็นพ่อ” เซฮุนเอ่ยเสียงเรียบ ชายหนุ่มวางขวดเหล้าไว้ข้างหลังตัวเองแล้วคว้าข้อมือของเพื่อนดาราตรงหน้า ที่ถึงแม้จะมีอาชีพที่เรียกได้ว่า บุคคลสาธารณะ แบบนี้ แต่นิสัยของเจ้าตัวก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่คบกันมา ... หมายถึงนิสัยรั้นอะน่ะ เพราะเซฮุนไม่เคยเห็นแบคฮยอนกินเหล้ามาก่อน ยอมรับว่าตอนที่อีกฝ่ายขอซื้อเหล้าขึ้นมาแอบตกใจนิดนิด แบคฮยอนเคยบอกว่าไม่ชอบแอลกอล์ฮอล์โดยไม่บอกเหตุผลเขาเลยสักนิด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ดีซะอีก เขาจะได้ไม่ต้องใช้ไอนั่นให้เปลือง..และมันอาจส่งผลเสียต่อตัวแบคฮยอนเอง



              “แล้ว..ป..เป็น..อ่าราย” แบคฮยอนไม่ได้ดิ้นหรือพยายามสะบัดข้อมือทั้งสองข้างออกจากการเกาะกุมใดใด กลับกันแล้วเขากลับพิงศรีษะของตัวเองลงกับแผ่นอกกว้างของเซฮุน



              “เป็น..ห่วง”



              “...” ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หัวทุยๆไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ..บยอนแบคฮยอนนี่มันน่าตีจริงๆ ให้ตายเถอะ พูดแบบนี้แล้วคนตรงหน้ากลับไม่มีปฎิกิริยาใดใดตอบกลับมาแล้วแม่งโคตรน่าใจหาย




              Rrrrrrrrrrrr


              “ฮัลโหล” เซฮุนกดรับโทรศัพท์แล้วตอบกลับปลายสายเสียงเบาเพราะไม่อยากให้แบคฮยอนรู้สึกตัว แต่พอเห็นจังหวะการหายใจที่เข้าออกกันอย่างสม่ำเสมอ ก็พอเดาออกว่าแบคฮยอนหลับไปแล้วล่ะ



              (...เป็นยังไงบ้าง...ไอคนนั้นน่ะ)



              “สลบ..ไปแล้วละ” ผู้กองทีมโอเหล่มองคนในอ้อมกอดพลางกรอกเสียงตอบปลายสาย เขาไม่ได้เห็นทั้งใบหน้าของแบคฮยอนหรอกน่ะ เห็นเพียงแก้มข้างขวาที่แดงระเรื่อของคนตรงหน้าก็เท่านั้น





             ไม่เปลี่ยนเลย..น่ารัก





              (หึ..ใช้ไปกี่หยดล่ะถึงได้สลบไวนัก นี่มันออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยน่ะ”



              “...ฉันไม่ได้ใช้ไอนั่นหรอก”



              (อ้าวหรอ แล้วพี่ทำยังไงถึงให้มันสลบได้...หรือยินยอม?)



              “เปล่า..เมาน่ะ”



              (มอมเหล้าอะนะ! อ่อน...)



             “โซจิน” ร่างสูงกดเสียต่ำปรามคนในปลายสายอย่างไม่จริงจังนัก



              (แหม..ในที่สุดก็ได้ตามที่หวังสักทีสินะพี่ ไอพระเอกหน้าหวานนั่นน่ะ)



              “รู้แบบนี้พี่น่าจะให้เธอมาช่วยตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว แล้ว”



              (พี่ติดหนี้ฉันน่ะ..เดี๋ยวแค่นี้ก่อนน่ะพี่)



              “อื้ม..”



              โอเซฮุนวางสายลงก่อนที่เจ้าตัวจะจับดาราตัวเล็กให้พลิกตัวหงายขึ้น ปาก หน้า ใบหู รวมถึงตัว ทุกอย่างของแบคฮยอนแดงไปหมดเลย ร่างเล็กครางงุ้งงิ้งไม่ได้ศัพท์เรียกรอยยิ้มบางๆจากโอเซฮุนได้เป็นอย่างดี





              “...ขอโทษน่ะแบคฮยอน”





              ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้





              มือเรียวเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเพื่อนตัวเล็กขึ้นไปทัดหู แบคฮยอนครางขึ้นอีกครั้งเพราะถูกรบกวน



              “...ขอบคุณน่ะแบคฮยอน”





             ขอบคุณที่ยังคงซื่อสัตย์กับมิตรภาพคำว่า เพื่อน ของเรามาตลอดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย





               เซฮุนค่อยๆโน้มตัวลงไป เขาชั่งใจอยู่ชั่ววินาทีนึงก่อนที่จะตัดสินใจก้มลงไปใกล้กว่าเดิม..ใกล้ จนปลายจมูกแทบชนกัน



             มาถึงขนาดนี้แล้วเซฮุน นายจะถอยกลับไปไม่ได้แล้ว



              “..รักน่ะ”





              รัก..ความรู้สึกของฉันตลอดมา





             ร่างสูงเอ่ยเสียงกระซิบก่อนจะก้มใบหน้าคมคายลงจนไม่มีช่องว่างลมหายใจระหว่างกันอีกต่อไป..

     

             



              Park Part


              คงสงสัยกันละสิ ว่าในขณะที่แบคฮยอนโดนแบบนั้นผมกำลังทำอะไรอยู่ มา..เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง



                ออดดดดดดด ออดดดดด



             ตอนนี้ผมกำลังกดออดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากห้องของผมไม่มากนัก คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมรอคอยให้คนข้างในออกมาเปิดมากแค่ไหน...มือนี่สั่นอะบอกเลย



               ปึก!       



              “..ฮึ่ย ใครว่ะ!!” ร่างสูงสง่าที่ใครหลายคนมักบอกกันว่า งดงามราวกับเทพบุตร ปรากฎกายอยู่ตรงหน้าผมด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงและเสื้อแขนยาวสีขาวตัวบางที่ยับยู่ยี่



              พลั่ก!



             “อั่ก! ป..ปาร์คชานยอล” ไอสวะที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกตะลึงที่เห็นผมปรากฎตัวอยู่หน้าห้องของมัน





               ใช่แล้วแหละ นี่คือห้องของโอเซฮุน เซอร์ไพรส์ไหมล้า?





               ผมกวาดสายตาไปทั่วห้อง ห้องของโอเซฮุนมืดสงัด มีเพียงแสงของสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ที่ทำให้ผมเห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น...แบคฮยอนอยู่ตรงนั้น..



              “นี่คุณ...”



              “หึ...เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ ถ้ามาช้ากว่านี้ผมว่ามันคงจะโคตรของโคตรเซอร์ไพรส์เลย” ไอสวะนี่มันพูดอะไรว่ะครับ?



              พลั่ก!



              “อ..อึ่ก”



              “นี่!! สำหรับมิตรภาพที่แบคฮยอนมีให้คุณ”



              ปั๊ก!!



              “และนี่! สำหรับแผนชั่วๆของคุณ” ผมต่อยโอเซฮุนเป็นหมัดที่สามแล้วเห็นจะได้..ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซฮุนจะทำแบบนี้กับเพื่อนของตัวเองได้ ถึงแม้แบคฮยอนจะอยู่ในสภาพที่มีเสื้อผ้าครบก็เถอะ แต่เสื้อที่เลิกขึ้นจนแทบจะเกินครึ่งตัวนั่นก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้โทสะผมพุ่งพล่านมากแค่ไหน





              ถ้าแบคฮยอนเป็นอะไรไป..ผู้บังคับบัญชาการคงไม่ไว้ชีวิตผมแน่





              ปึ่ก!


              ผมที่กำลังจะเดินผ่านซากสวะที่ผมไม่แม้นจะอยากเสวนาด้วยสักประโยค ต้องหยุดชะงักลงเมื่อฝ่ามือของเจ้าของห้องคว้าเอาไว้



              “หึ!..สนใจอะไรกับแบคฮยอนละครับ..ผู้กอง”



              พลั่ก!


              ผมสะบัดขาจนฝ่ามือของโอเซฮุนต้องสลัดออกอย่างช่วยไม่ได้



              “เขาอยู่ในความปกครองของผม คุณไม่มีสิทธิ์ ทั้งสิทธิ์ในการแตะต้อง และสิทธิ์ในการสดรู้สอดเห็นเรื่องความคิดของใคร



               “อ๋อหรอ..ผมก็เป็นเพื่อนของแบคฮยอนมานาน รู้จักกับผู้บังคับบัญชาการก็ตั้งแต่อ้อนแต่ออก...จะดีไหมถ้าเกิดผมขอคุ้มกันแบคฮยอนแทนบ้าง”



              “ดูเหมือนคุณจะไม่เจ็บ”



              พลั่ก!



              “อ..อึก..ไม่ดีเลย..อึก..น่ะครับคุณตำรวจ ทำร้ายประชาชนแบบนี้ได้ยังไง...หลีกเลี่ยงคำถามด้วยวิธีการซาดิสแบบนี้หรือครับ แมนจริงๆ”



              “ดูตัวเองบ้างเถอะครับผู้กองโอเซฮุน ยศของคุณกับผมก็ไม่ได้ต่างกัน ถ้ารวมถึงนิสัยก็คิดว่าคงไกลกว่ากันไม่มาก...แต่ด้านความคิดผมว่าคุณคงต้องกลับไปดูตัวเองใหม่สักทีน่ะครับ”



               “หึ..อ้อมโลกเจ็บจังครับ...ถ้าคิดเก่งนัก คำตอบง่ายๆที่ผมถามก็คงคิดได้ไม่ยากเลย จริงไหมครับผู้กองปาร์ค”



              “นั่นมันก็สิทธิ์ของคุณครับ..แต่ตอนนี้คุณแบคฮยอนอยู่ในความดูแลของผม คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแตะต้อง”



              “หึ! งั้นถ้าผมได้สิทธิ์นั้นมา..ผมก็จะ แตะ จะ ต้อง แบคฮยอนได้ตามสิทธิ์สิน่ะ”



              “ครับ..นั่นมันสิทธิ์ของคุณ” ผมทำท่าจะเดินผ่านร่างของเขาไปอีกครั้ง แต่เซฮุนก็ยังคงล๊อคข้อเท้าของผมเอาไว้..มันดูน่าสมเพชว่าไหมครับ ที่ผู้กองทีมโอมานอนอยู่ใต้เท้าทีมคู่แข่งอย่างผมแบบนี้ แล้วอีกอย่าง คำถามแต่ละอย่างที่เขาถามมามันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผมสักนิด



              “สุดท้าย..คุณก็ทิ้งน้องสาวของผมเหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนอีกแล้วสิน่ะ” ผมพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับสติอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งแทบจะปะทุ เอาจริงๆ แค่โอเซฮุนอยู่เฉยๆ ผมก็พร้อมจะเสยหมัดเข้าใส่ใบหน้าแสนกวนประสาทของเขาได้ทุกเมื่อ




              โอเซฮุนคงหมายถึงเธอคนนั้น...น้องสาวสุดที่รักของเขา โอโซจิน




             แต่ตรรกะของเขามันผิดพวกคุณว่าไหม? ใครกันที่ทิ้งใครก่อน ผมไม่ได้อยากจะวัดหรือทำอะไรเพื่อให้ตัวเองเหนือกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ คนที่เหนือกว่าต่างหากที่ดูน่าสมเพช..ซึ่งนั่นก็คือผม ผมต่างหากที่โดนทิ้ง ผมต่างหากที่โดนทำร้ายจิตใจ..ผมต่างหาก ที่อยู่ในวงเวียนอุบาทว์แบบนี้ไม่จบสิ้น



              คงผิดที่ผมเองนั่นแหละน่ะ อยากติดนิสัยความสัมพันธ์แบบวันไนท์แสตนด์แล้วก็โดนคนอื่นทำแบบนั้นกลับ รู้สึกไม่ต่างอะไรกับการกลืนน้ำลายตัวเองสักเท่าไรนัก





              บางครั้งผมก็สงสัย คนเราจะมีความรักไปทำไม ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าถ้ามีมัน ก็ต้องเจ็บอยู่ดี  





              “หึ ทิ้ง..ใครกันที่เป็นคนทิ้งผม..แล้วใครกันละที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด”



              “พูดเหมือนรู้”



              “ครับ...อย่างน้อยผมก็ฉลาดกว่าคุณ”



             “ฉลาดตรงไหนกัน..มีผู้หญิงอยู่ด้วยกันทั้งคนแล้วยังสนใจคนอื่นอีก ลูกหลาน เพื่อน พี่น้อง หรือแฟนก็ไม่ใช่..ก็แค่คนที่อาศัยอยู่ด้วยเพราะหลบภัยเท่านั้น” เซฮุนกระตุกยิ้ม ร่างขาวทำหน้าเจ้าเล่ห์ที่ดูยังไงก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังมีแผนการณ์อะไรบางอย่างอยู่ในใจ



              “คุณ..จะไปรู้อะไร”



              “..งั้นก็บอกมาสิครับผู้กอง..ว่าที่ทำกับบยอนแบคฮยอนไป ที่ยอมเสียภาพลักษณ์ผู้กองใจเย็น บุกเข้ามาทำร้ายร่างกายผมถึงที่โดยไม่กลัวผมแจ้งข้อหาบุกรุก มันทำเพื่ออะไร..” ผมชะงักกึก...นั่นสิน่ะ คำถามนี้ไม่ยากเลย แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรจริงๆโอเซฮุนก็น่าจะเดาเอาเองง่ายๆจากที่ผมบอกไปแล้วเมื่อกี้เอาก็ได้น่ะ แต่ผมคงลืมไปว่าคนคนนี้นอกจากเรื่องที่มีเล่ห์เหลี่ยมอุบาย ก็ใช่สมองคิดอย่างอื่นไม่ได้



              “...”



              “..หึ ตอบไม่ได้สิน่ะครับ” ผู้กองโอกระตุกยิ้มอีกแล้ว ร่างสูงพยายามยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับกำแพงห้องด้วยสภาพเลือดกกปากและแก้มมีรอยช้ำ



              “ทำ...ตามหน้าที่ครับ..ชัดไหม?” พูดเองผมก็รู้สึกแปลกๆเองแฮะ ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมานี้ผมดูแลคุณแบคฮยอนไม่ขาดตกบกพร่องเลยจริงๆ ดูแล...ดูแล..แล้วก็ดูแล มันกลายเป็นเหมือนชิปสั่งการที่ฝังอยู่ในสมองของผมไปแล้วละ





              มันคือหน้าที่ ข้อนี้ผมทราบดี...ก็แค่คาดว่าอะนะ





              เวลาผมรับหน้าที่อะไรมาสมองของผมจะสั่งการให้ทำสิ่งนั้นอย่างดีที่สุด เรื่องของคุณนักแสดงแบคฮยอนก็เช่นกัน



              “หึ” ผู้กองโอหัวเราะในลำคอ ถ้าให้พูดอย่างไม่สุภาพผมบอกได้เลยว่าผู้กองโอเข้าขั้นโรคจิตเลยก็ว่าได้ หมอนี่ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ท้าทายโดยเฉพาะ การเอาชนะ จะเรียกว่าการเอาชนะอย่างเดียวก็ไม่ได้มันยังไม่ครบร้อย ผมว่าผมควรจะเติมคำว่า ผม เข้าไปอีก...มันคือการเอาชนะผม..แค่ผม



              ผมคิดว่ามันเป็นสันดานของเขาไปแล้วละ



             “ทีนี้ก็ปล่อยผมได้แล้วน่ะ มันเสียเวลาชีวิตของผมมากเกินไปแล้ว” ผมเดินผ่านหน้าโอเซฮุนไปโดยที่เขาก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรอย่างทีแรก ร่างขาวของเจ้าของห้องทำเพียงมองตามการเดินของผมไม่กระพริบ ทั้งที่มุมปากยังคงยกยิ้มอยู่



              “..อึก..ฮื้ออ” แบคฮยอนครางงุ้งงิ้ง ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเล็กน้อยทันทีที่หลังมือของผมสัมผัสกับหน้าผากขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ...ไม่ ไม่ใช่แค่หน้าผากแต่เป็นทั้งตัวเลยต่างหาก



              แบคฮยอนตัวร้อน...ร้อนมากเหมือนกับสัมผัสเตาผิงอยู่ก็ว่าได้



              แต่แล้ว คำพูดหนึ่งที่คุณซิ่วหมินย้ำผมไว้หนักหนาว่า ห้ามให้แบคฮยอนแตะเด็ดขาด ก็ลอยเข้ามาในหัว ผมกวาดสายตาไปทั่วห้อง พยายามสอดส่องหาต้นเหตุที่ทำให้ร่างเล็กเป็นแบบนี้ ห้องนี่มันมืดมากจริงๆ แต่ผมยังโชคดีที่มีแสงไฟฟ้าที่ฟาดผ่ามาแทบทุก 1 นาที คอยช่วย...และผมก็พบตัวต้นเหตุ



              “คุณ...ไม่ได้ให้เขาดื่มเหล้าใช่ไหม” ผมถามผู้กองโอเสียงต่ำพลางยกร่างของคุณแบคฮยอนขึ้นในท่าเจ้าสาว



              “...ถามทำไม”



              พลั่ก!



              ผมเตะสีข้างโอเซฮุนไปหนึ่งทีซึ่งมันก็ไม่ได้เบาหรือแรงอะไรนัก แต่ก็สามารถทำให้คนที่เจ็บอยู่แล้วควรญครางได้ แต่ผมว่ามันสมควรแล้วละ...โอเซฮุนเป็นเพื่อนภาษาอะไรถึงได้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนของตัวเองเลย นี่หรอ คนที่พยายามจะทำตัวให้ตัวเองมีสิทธิ์ดูแลคนอื่น



              “อะ..อึก ป..ปาร์คชานยอล คุณนี่มัน”



              “พรุ่งนี้ผมจะส่งนายตำรวจทีมผมมารับสุนัขของคุณแบคฮยอนน่ะครับ...แน่นอนว่าคุณจะไม่ได้เจอหน้าเขาไปอีกนาน”



              “...”



              “คุณยังเด็กเกินไปโอเซฮุน...เด็กเกินที่จะดูแลใคร..เด็ก เกินกว่าที่จะต่อกรกับผม



              “...คุณหมายความว่ายังไง”



              “แบคฮยอนแพ้แอลกอฮอลล์ขั้นรุนแรง แพ้..ขนาดที่ว่าถ้าดื่มมากอาจทำให้ช๊อคหรือเกิดภาพหลอน”



              “...”



              “ยินดีด้วยเซฮุน รอบนี้คุณชนะผม”



              “...”



             “เกือบทำให้คุณแบคฮยอนต้องตาย...” ผมเดินผ่านหน้าผู้กองโอไปอีกครั้ง สีหน้าของตำรวจหนุ่มยังคงเรียบเฉยอยู่ แต่ถ้าคุณเป็นผม คุณจะเห็นความวูบไหวในแววตานั่น...เด็กคนนี้กำลังรู้สึกผิด “เป็นผม ผมทำไม่ได้น่ะเนี่ย...” ผมส่งท้าย ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้ฝังลึกเข้าไปในใจของโอเซฮุน...มันไม่ตลกจริงๆ ถ้าบยอนแบคฮยอนเป็นอะไรไปพวกเราจะทำยังไง แล้วโอเซฮุนจะทำยังไง? นั่นคือสิ่งที่เด็กนั่นต้องเก็บไปนอนคิดในคืนนี้






             “แล้วคิดว่าคงไม่มีวันทำ”

               




     

             ลิฟต์เหล็กเคลื่อนที่ของคอนโดหรูลงมาถึงชั้นล่างพร้อมกับร่างของคนสองคน เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่ากว่าเห็นจะได้แล้ว ตรงเคาท์เตอร์และพื้นที่บริเวณใกล้เคียงของคอนโดถึงไม่มีผู้คนสักเท่าไร จะมีก็เพียงแต่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินเวณยามกับพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ที่ให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมืออยู่



              ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งสำหรับชานยอลและแบคฮยอน ข้อแรกเลยคือแบคฮยอนไม่ได้ปิดบังใบหน้า และข้อที่สอง การที่เขายกร่างไร้สติมาแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีคนสงสัยเป็นแน่แท้



              ฝนยังคงสาดกระซัดไม่หยุด แต่โชคดีที่ฟ้าไม่ผ่าลงมาอีกแล้ว เหมือนกับว่าเมื่อกี้นี้ท้องฟ้ากำลังเรียกร้องให้เขาไปช่วยคนตัวเล็กในอ้อมกอดนี้กระมัง ผู้กองหนุ่มเดินลัดเลาะไปตามทางเปียกชื้น มุ่งหน้าไปยังโรงจอด       รถที่อยู่ไม่ไกลจากชั้นล่างของคอนโดสักเท่าไรนัก



             “อือ..อืออออ” นักแสดงตัวเล็กครางอึมครึมในลำคอ ทำให้ร่างสูงที่กำลังก้าวเดินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดต้องหยุดชะงัก



              “อือ...เหล้า...โอฮุนนนนน” ร่างสูงคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินชื่อบุคคลโรคจิตที่โดนเขาซัดไปไม่รู้กี่หมัดจากปากบางที่ขึ้นสีแดงเพราะพิษไข้



              “จะคิดถึงคนโรคจิตแบบนั้นทำไมกัน” ชานยอลบ่นพึมพำ ก่อนจะก้าวเดินไปอย่างช้า ๆพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายของเขาและคนตัวเล็กต้องโดนละอองฝนที่โดนลมพัดเข้ามา



              “...ค..คนโรคจิต...ฮึก...ฮือออ” ผู้กองหนุ่มชะงักฝีเท้าอีกครั้ง แต่รอบนี้จุดประสงค์มันแตกต่างออกไป..



              แบคฮยอนร้องไห้



              “...”



              “..ฮือออ...”



              “...”



              “...”



              “อือออ...” ชานยอลค่อยๆก้มหน้าลงไปมองเพื่อสังเกตุสีหน้าของแบคฮยอนว่าคนตรงหน้ายังไหวอยู่หรือไม่ แต่จู่ๆ เปลือกตาสีมุกที่เคยปิดสนิทก็เบิกโพลงขึ้น พร้อมกับเสียงแหบที่แผ่แปดหลอดออกมา



              “เห้ย!” แบคฮยอนโวยวายพยายามดิ้นเร้าให้ตัวเองออกจากสถานการณ์แสนมึนงงนี้ ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไร ร่างสูงไม่ได้มีท่าทีตกใจสักนิด หนำซ้ำยังยอมวางแบคฮยอนลงแต่โดยดี



               “หายเมาแล้วหรือครับ” เมา...ก็ได้แต่คิดทบทวนเหตุการณ์เพียงในใจ แบคฮยอนขยี้ศรีษะของตัวเองเบาๆเมื่อนึกเหตุการณ์ทุกอย่างออกอย่างฉับพลัน



               และเสียงแรกที่เขาตื่นมาได้ยินคือ ผมทำไปตามหน้าที่ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็สลบไปอีกครั้ง



              แบคฮยอนทำผิด...ผิดมหันต์เลย ไม่สมควรจริงๆ เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้ เขาจะโอนอ่อนความหล่อและความอบอุ่นของผู้ชายที่พบเจอกันเพียงแค่ 2-3 วันไม่ได้ นี่ไม่ใช่นิยายแบคฮยอน ผู้ชายคนอื่นก็หล่อเหมือนกันทำไมกูไม่รู้สึกงี้บ้างว่ะ ไอผู้กำกับบ้ากามนั่นก็หล่อกว่าเทพบุตรอีก เอาใจกูก็เก่งทำไมกูไม่เป็นแบบนี้ว่ะ





              แต่แบคฮยอนคงลืมไปว่าเขาแพ้ ผู้ชายหูกาง ที่ชื่อชานยอล ไม่ใช่ผู้ชายหล่อ





              ตั้งสติหน่อยแบคฮยอน อย่าหลงกลเขา ไม่ได้ยินหรอ? ว่าเขาบอกว่าทำตามหน้าที่น่ะ ห้ะ!



              นั่นไง คิดเองก็เจ็บเองอีก มึงมันบ้าแบคฮยอน



            “...ผู้กอง...ไหนเซฮุน”



              “นี่คุณไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆหรือครับ?” ชานยอลคิ้วกระตุก เขาพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของไอสวะนั้น..จากปากแบคฮยอน แต่ก็ต้องพยายามทำหน้าให้นิ่งเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าสงสัยอะไรไปมากกว่านี้...ก็ดีไม่ใช่หรอที่แบคฮยอนไม่รู้อะไร เพราะกลัวว่าถ้ารู้แล้วเจ้าตัวจะรับไม่ได้



              “รู้?...อ่า..คือผมขอโทษน่ะที่ไปขัดจังหวะคุณ” แบคฮยอนก้มหน้าลง แทบจะสำลักความอับอายและความจุกอย่างถึงที่สุด เมื่อคิดว่าคำว่า รู้ของผู้กองหนุ่มหมายถึง รู้เรื่องในคอนโดห้องที่326 นั่น



              “ขัดจังหวะ?”



              “ก..ก็ใช่ คืองี้น่ะ ผมก็แค่จะไปเอาของให้ป้าแม่บ้านเขา ไม่คิดว่ามันจะตกอยู่ในห้องคุณแล้วทำให้คุ..”



              “เดี๋ยวครับ คุณพูดอะไร?”



              “คุณไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก คือผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่ไป...”



              “คุณแบคฮยอน”



             “มั่วในห้องของคุณทั้งที่ไม่บอกไม่กล่าว คุณคงจะอารมณ์เสียน่าดู”



              “แบคฮยอน!!” แบคฮยอนหยุดพูด ช้อนสายตามองคนตัวสูงที่ตวาดเขาเสียงแข็งด้วยสายตาไม่เข้าใจ



              ผิดแล้วขอโทษมันผิดตรงไหน? ทำไมเขาต้องโมโหว่ะ หรือผู้กองจะเกลียดเราไปแล้ว...



                       

              “...เอาเป็นว่าผมขอโทษ..”




             

            


              “วันนี้ผมขอไปนอนกับพี่มินซอกน่ะ”  แล้วแบคฮยอนก็เดินออกจากโรงรถไป ผู้กองหนุ่มกำลังพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆรวมถึงคำพูดของตน ว่าเขาทำอะไรให้แบคฮยอนเจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า..แต่คิดทบทวนได้ไม่นานเขาก็ต้องรีบวิ่งตามคนตัวเล็กออกไป



              บ้าจริง ป่วยขนาดนั้นยังเดินตากฝนออกไปอีก

     

     

     

     


              ซ่า ๆ


               เสียงฝนสาดกระซัดห่าใหญ่ ไม่ได้ทำให้นักแสดงตัวเล็กคิดที่จะหยุดเดินเลยสักนิด  ร่างกายของเขามันเจ็บปวดไปหมด เดาว่ามันอาจจะเกิดจากอาการแพ้แอลกอฮอลล์ที่เขาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ คงเรียกว่าอึกไม่ได้ มันทั้งขวดเลยต่างหาก แล้วเป็นไงละ พอมีสติขึ้นมาได้ก็อยากที่จะทึ้งหัวตัวเองซะให้ได้ แน่นอนสติของเขายังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ภาพทางข้างหน้าของเขามันยังคงเบลอไปหน่อย อาจด้วยเพราะสติที่มีไม่ครบถ้วนกับหยาดน้ำฝนที่หลั่งลงมาเหมือนว่าชาตินี้ฝนจะไม่ตกอีก



              ต่อให้ผิวกายจะหนาวเพียงใดแต่ภายในกายมันช่างร้อนระอุเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แบคฮยอนกอดตัวเองเดินไปตามซอยที่ยังพอมีแสงไฟให้เห็นอยู่บ้างจากไฟฟ้าข้างทาง



              “อึก..”พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา เขาเป็นลูกที่โดนตามใจมาตั้งแต่เล็กยันโต ไม่เคยมีใครขัดใจหรือแม้แต่ตวาดใส่เลยสักครั้ง นั่นทำให้แบคฮยอนเป็นคนที่เอาแต่ใจมาจนถึงทุกวันนี้ พอเริ่มโตขึ้นมันอาจจะหายไปบ้างแล้วแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว การที่ผู้กองปาร์คตวาดใส่เขาตะกี้มันก็ยิ่งทำให้บยอนแบคฮยอนรู้สึกเหมือนจะจุกอกตายซะให้ได้




             ผู้กองเขามีเวทมนต์หรอวะ  3 วันทำกูเป็นขนาดนี้ได้ยังไง ไม่สมควรเลย...ทำผิดจริงๆแบคฮยอน ทำผิด  



        

             ปึก พลั่ก!


              ร่างทั้งร่างของแบคฮยอนโอนอ่อนไปตามแรงดึงของใครอีกคนจากข้างหลังอย่างง่ายดาย ใบหน้าใสของนักแสดงชื่อดังชนเข้ากับแผงอกของใครบางคนเข้าเต็มๆ



                “ใครเนี่ย! ปล่อยฉันน่ะ!” คนตัวเล็กพยายามตะโกนแข่งกับเสียงฝน มือบางก็พยายามผลักดันแผงอกของใครก็ไม่รู้ให้ออกห่างจากตัว



              “ตากฝนทำไมครับ” เสียงทุ้มต่ำที่ไม่ได้ตะโกนหรือเบาอะไรที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักทำให้คนตัวเล็กใจกระตุก เสียงทุ้มนี่ แบคฮยอนเองก็เดาไม่ยากเลยว่ามันมาจากใครกันแน่ พลันใจดวงเล็กข้างในอกก็เต้นแรง ทั้งที่มันเหมือนตายไปแล้วมานาน



            ตึกตัก ตึกตัก



              “ปล่อย! ผมจะไปหาพี่มินซอก” แบคฮยอนพยายามดิ้นด้วยแรงที่มีทั้งหมด ซึ่งก็ไม่ต่างจากแรงมดสำหรับปาร์คชานยอลเลยสักนิดในยามที่คนตรงหน้าป่วยหนักขนาดนี้



              “อย่าผิดสัญญาสิครับ” ผู้กองหนุ่มพยายามเอ่ยเสียงเรียบ แม้นในใจจะร้อนลุ่มถึงเพียงใดก็ตาม



              อยากจะว่าเด็กคนนี้ อยากจะตีเด็กคนนี้ อยากจะสั่งสอนเด็กคนนี้ อยากจะดัดนิสัยเด็กคนนี้ อยากจะพาเด็กคนนี้เข้าที่ร่มสักที อยากจะโอบกอดร่างกายสั่นเทาของเด็กคนนี้...อยากที่จะทำให้เด็กคนนี้หายดื้อแล้วรู้สักทีว่าตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อน



             และเป็นห่วงแค่ไหน



              “ป..ปล่อย”



              “มีอะไรไม่สบายใจขอให้บอกผม เราตกลงกันแล้วน่ะครับ”



              “ก็บอกให้ปล่อย...”



              “อยากทำอะไรก็บอกผมสิ”



              “...”



              “ไม่สบายใจอะไรก็บอกผม”



              “...”



              “เจ็บปวดตรงไหนก็บอกผม”



             “...”



              “ไม่อยากให้ผมทำอะไรก็บอกสิครับ”



              “...”



                “อยากให้ผมไปรับที่ป้ายรอรถเหมือนที่บอกก็แค่ส่งข้อความมาบอกผมสิ”



               “...”



              “ผมเป็นคนที่ทำทุกอย่างตามใจตัวเองคุณน่าจะรู้...ใช่ นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ผมยังมีคุณที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าผมทำตามใจตัวเองแล้วมันทำให้คุณคิดมากหรือไม่สบายใจก็ถามผมสิครับ”



              “...”



              “ผมจะบอกคุณเพียงแค่คุณถาม



              “...”



              “...”



              เสียงสายฝนดังชัดเจนในโสตประสาทของร่างน้อยในอ้อมกอดของผู้กองหนุ่ม มันไม่ได้ทำให้อบอุ่นเลยสักนิด ร่างกายของแบคฮยอนยังคงหนาวสั่นเหมือนเดิม...แต่น่าแปลกที่หัวใจของเขาอบอุ่นไปหมด



              แบคฮยอน...นายทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด...นายจะชอบคนที่เพิ่งเจอกันสามวันไม่ได้เด็ดขาด



              สายฝนไม่เคยผิด...ทุกคนมักจะโทษมันทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ..เช่นกันที่ปาร์คชานยอลไม่ผิด เขาแค่ทำตามใจตัวเองเพราะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาโดยตลอด เป็นแบคฮยอนต่างหากที่เข้ามาในชีวิตของเขา



               “ผมกับโซจิน..ผู้หญิงคนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่คุณคิด ที่ผมอธิบายคุณไม่ต้องรู้เหตุผลหรอก รู้แค่ว่าผมอยากอธิบาย..ก็เท่านั้น”



              “...”



               “คุณแบคฮยอน”



              “...”



              “แบคฮยอนครับ”



              ฟึ่บ! แล้วร่างเปียกปอนแสนปวกเปียกในอ้อมกอดของผู้กองหนุ่มก็ทิ้งลงมาทั้งตัว..แบคฮยอนสลบไปแล้ว ให้ตายเถอะเขาน่าจะคิดได้ว่าควรจะพาแบคฮยอนเข้าร่มก่อนไม่ใช่ยืนพร่ำพรรณนาแบบนี้ ในเวลาที่คนตัวเล็กกำลังป่วยอยู่



              ปากและจมูกของแบคฮยอนดูเหมือนจะแดงกว่าทุกสัดส่วนบนร่างกาย ชานยอลอุ้มร่างของนักแสดงหนุ่มขึ้นอีกครั้งในท่าเดิม แล้วรีบวิ่งกลับไปที่โรงรถ



              “ดีจัง” ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงแผ่วเสียจนแทบไม่ได้ยิน



              “...”





              “...ดีจังที่เป็นคุณ”





              แบคฮยอนหมายถึงอะไรกันน่ะ?

     



    TBC


     หายไปอาทิตย์กับอีก 2 3 วันอีกละ โคตรนานอะอยากด่าตัวเองเห้อม ไข้ซ้ำซ้อนตลอดอะไรท์

    รู้สึกตอนนี้สั้นแปลกๆเนอะ 555 เอาน่าอย่าไปสนใจมันๆ

    มาเข้าเรื่อง รู้สึกตอนนี้แปลกๆ คือไรท์มีเเนวเรื่องปูไว้ในสมองเเล้วค่ะตอนนี้

    เเต่พอเเต่งไปมันก็เปลี่ยนนั่นนู้นนี่จนอาจจะไม่สัมพันธ์กับที่แพลนเอาไว้ คิดว่าแบคฮยอนรักชานยอลเร็วไปหรือเปล่าอะไรเเบบนี้

    เเต่มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ถ้าอ่านไปเรื่อยๆเเล้วจะเข้าใจ 

    ฟิคนี้เหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อนน่ะ เเต่ก็ซับซ้อน(?) 555 เอาเป็นว่าก็ซับซ้อนนั่นแหละ



    อะไรน่ะ มีสปอยล์!!

    NEXT!!

    Spoil:One

    "จะหนีไปไหนครับ"

    "...ใคร๊ ใครหนี ไม่มี๊!!"

    "..เจ็บไหมครับ"

    "..." ลุง...มึงพูดอะไรออกม๊าาาาาาาาา!!


    Spoil:Two

    "ฮึก ฮืออ..."

    "น้อง.."

    "..."

    "ให้พี่เล่นเป็นเพื่อนไหม?"

     

               สกรีมแท๊ก #ฟิคนักโทษของคุณปาร์ค กันได้น้าาา เราไม่ได้บังคับเเค่ร้องขอ

    ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก

    เรารักพวกนายน่ะ♥

    หมายเหตุ:สโลแกนฟิคมันอาจตอแหลก็ได้ หึหึหึ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×