คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ ห้ า
ขา...ชา
ปาร์คชานยอลคนมุ้งมิ้งที่นอนเล่นเกมแต่งตัวเมื่อซักครู่ตอนนี้หลับไปแล้ว
หลับบนตักกูนี่แหละ!
ตอนแรกก็โวยวายแหละแต่สุดท้ายจะเอาอะไรไปสู้คนมึนที่ตั้งหน้าตั้งตาหลับไปแล้วได้ อยากจะลุกขึ้นพรวดปล่อยให้หัวอีกคนตกกระแทกพื้นไปซะ แต่แบคฮยอนก็ยังคงเป็นคนดีมากเกินไป สุดท้ายเลยได้แต่นั่งนิ่งให้เหน็บมันกินอยู่แบบนี้ แม้จะอยากเดินไปรอบๆบ้านหรือนอนเอาขาพาดบนโซฟาแบบที่ทำเป็นประจำเวลาอยู่บ้าน เขาก็ได้แต่นั่งอยู่ตรงนี้
นั่งเฉยๆอยู่ตรงนี้เลย โอเค้? เขาหวังว่าปาร์คชานยอลจะรู้สึกผิดอะไรบ้างตอนที่หมอนั่นตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนตักคนอื่นมาเกือบชั่วโมงแล้ว
เขาพรูลมหายใจออกมานิดหน่อยก่อนจะขยับมือข้างที่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระหยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ คนข้างบ้านเขาหลับง่ายและหลับลึก สังเกตได้เลยเพราะไม่ว่าเขาจะแกล้งทำเสียงโทรทัศน์ดังขนาดไหนดวงตาคู่โตนั่นก็ยังคงซ่อนอยู่หลังเปลือกตาสีไข่ไก่ไม่มีแววขยุกขยิกเหมือนคนถูกรบกวนเวลานอน
ยอมเขาเลยจริงๆ
ไอ้อาการซ่าๆที่ตอนแรกเป็นแค่ที่ตักตอนนี้ชักจะลามปามมาถึงแก้มก้น ไม่เคยเป็นกันหรอ ให้ตายสิความจริงแล้วที่แก้มก้นนี่เป็นไม่บ่อยนักหรอกนะแต่คิดดูแล้วกันว่าเขานั่งท่านี้มานานขนาดไหนแล้วมันถึงได้สั่นซ่ามาถึงแก้มก้นเสียขนาดนี้ ร่างเล็กกัดฟันกรอดก่อนจะขยับขาตัวเองเล็กน้อยจนศีรษะที่วางอยู่บนหมอนขยับเคลื่อนไปนิด แม้ว่าจะมีการขยับตัวปาร์คชานยอลก็ยังคงทำเพียงครางเบาๆ
เอาเลย เอาที่มึงรู้สึกสบายเลยครับคนข้างบ้าน
นั่งไปซักพักผีห่าซาตานตัวไหนดลใจก็ไม่อาจทราบได้ แบคฮยอนละสายตาจากโทรทัศน์มาแอบมองใบหน้าของอีกคนที่หลับไม่รู้เรื่อง ริมฝีปากสีชมพูดูเป็นธรรมชาตินั่นเผยอออกนิดหน่อยเป็นอาการที่บ่งบอกว่าหลับสนิท ลมหายใจที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอนั่นเป็นตัวรับรองได้อย่างดีว่าชานยอลหลับแล้วจริงๆ
ใจดวงน้อยของคนที่ยังมีสติเริ่มสั่นระรัวแบบไม่เป็นจังหวะ การนอนตักชาวบ้านนี่เป็นเรื่องปกติที่ไหน ถึงจะมีหมอนรองอยู่ก็เถอะแต่เขาว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำกันอยู่ดี แต่พอคิดดูอีกทีปาร์คชานยอลเหมือนคนทั่วไปเสียเมื่อไหร่ ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครมานั่งฟุ้งซ่านกับการกระทำของตัวเองอยู่แบบนี้
แย่ชะมัด
ออดดดดดด ออดดดดดดดดดด
เฮือก!
คนที่กำลังจะเคลิ้มหลับสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียง แน่นอนว่าเพราะทั้งเสียงรบกวนและที่รองศีรษะไม่นิ่งเหมือนในคราวแรกคนที่เอนตัวลงนอนบนโซฟาก็ตื่นด้วยเช่นกัน เจ้าตัวลืมตาขึ้นมาสองสายตาสบกันซักพัก แบคฮยอนเกิดอาการเคอะเขินเหมือนกับโดนจับได้ว่าทำผิดทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็แค่สะดุ้งตื่นจากกอาการเคลิ้มหลับแล้วบังเอิญไปมองคนบนตักเท่านั้นเอง
ออดดดดดดด ออดดอดดดดดดดด
เมื่อเสียงออดดังขึ้นอีกครั้งเจ้าของบ้านจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินมึนๆไปเปิดประตูหน้าบ้านต้อนรับแขกที่มาเยือนพร้อมกับเหล้าหนึ่งกลม เพื่อนสนิทตัวดำยิ้มเผล่ด้วยท่าทางเมาแอ๋ตั้งแต่ยังไม่เริ่มดื่ม พอเปิดประตูบ้านให้เขาก็เอ่ยปากห้ามเสียงแข็ง
“ไม่ให้กิน”
“เฮ้ยไรวะ แดกเนื้อย่างต้องกับเหล้าดิ เป็นห่าไรขึ้นมาถึงไม่อยากกิน”
“แบคฮยอนอยู่”
“เฮ่ยยย โตๆกันแล้วปะวะ เด็กมันขึ้นมหาลัยแล้วนะเว้ย”
“.......ยังไงก็ไม่ได้ แม่เขาฝากให้ดูแลไม่ได้ให้พาเสียคน” ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยืนยันคำเดิม
“เอางี้ไม่ต้องให้น้องกินก็ได้ อ๊ะๆๆ ไม่ต้องห้าม กูไม่ได้แดกมานานก็เพราะมึงนี่แหละ เดี๋ยวนี้ชวนออกไปไหนก็ไม่ออกกลับบ้านเร็วตลอด นี่ถ้าไม่บอกนึกว่าซุกเมียไว้นะเนี่ย”
ภาพของแบคฮยอนลอยเข้ามาในหัวอันดับแรก ก่อนที่เขาจะหลุดออกจากภวังค์เมื่อเห็นจงอินเดินผ่านเข้าบ้านไป
ปาร์คชานยอลยืนมึนอยู่หน้าบ้านพักใหญ่ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านเมื่อสติกลับคืนมา เห็นเพื่อนตัวดีกำลังนั่งขำเด็กข้างบ้านที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาท่าเดิมโดยที่ใบหน้าติดจะหวานนั่นเหยเกจนตาชั้นเดียวของเจ้าตัวหยีลงเป็นขีด มือเล็กขยับทุบหน้าตักตัวเองน้อยๆ เขาเลยขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยปากถาม
“เป็นอะไร?”
แบคฮยอนมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน เลิกคิ้วขึ้นแล้วชี้ลงไปที่หน้าตักตัวเอง “นี่อะนะ?”
“อือ”
“ตัวเองทำไว้แล้วยังจะมีหน้ามาถามอีก!”
“ทำอะไร......อ่า ฉันทำให้นายเป็นแบบนั้นหรอ? ห้องน้ำมั้ย?”
เป็นเหน็บแล้วเกี่ยวอะไรกับเข้าห้องน้ำ แล้วนั่น....สายตามองไปถึงไหนแล้ววะนั่น!!
แบคฮยอนรีบคว้าหมอนมาปิดบังเป้าตัวเองเอาไว้เมื่อเห็นว่าสายตาของชานยอลไม่ได้จับจ้องที่หน้าตักอย่างที่ควรจะเป็น ใบหน้าขาวขึ้นเป็นริ้วแดงๆ ไม่รู้ปาร์คชานยอลคิดไปไหนไกล แถมยังทำหน้ามึนประหนึ่งว่าเป็นเรื่องชิลๆผิดกับตอนเรื่องที่เจ้าตัวเข้าใจผิดคิดว่าเขาไปจูบเข้าให้
นี่มึงเรียงลำดับอะไรผิดไปรึเปล่าครับ!
คนเรามันต้องเริ่มจากจับมือถือแขน กอด จูบแล้วค่อยเซ็กส์นะ นี่เหมือนมึงจะให้ความสำคัญของเซ็กส์แค่การจับมือเองนะเห้ย!
“วันนี้พี่มีอะไรมาอวด แท่นแท้น”
คิมจงอินแก้สถานการณ์ประหลาดๆตรงหน้าด้วยความดึงความสนใจของแบคฮยอนให้ไปสนใจกับขวดเหล้าที่เจ้าตัวถือมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันนิดหน่อยในขณะที่ชานยอลทำหน้านิ่วหนัก
“กูบอกว่าไงจงอิน”
“แฮ่ย ต้องถามความสมัครใจของน้องก่อนมึง มึงจะไปบังคับน้องเขาไม่ได้ ตกลงน้องแบคฮยอนว่าไงสนใจมั้ยคืนนี้”
“......ไม่ดีกว่าพี่ ผมไม่ได้บอกแม่ไว้”
“แน่นะ?”
“อืม”
“ของดีนะเว้ย ไปค่ายรับน้องก็ไม่ได้กินดีขนาดนี้นะ มันแพง”
“.......อือ” แม้ในใจจะร่ำร้องว่าให้ลองไปซะอีกอย่างกว่าแม่จะกลับมาถึงเขาจะแฮงค์ค้างยังไงถึงตอนนั้นก็คงหาย แต่อีกใจก็เอาแต่บอกว่าอย่างไรเสียเขาควรจะบอกแม่ก่อนและไม่ควรทำลับหลังอะไรแบบนี้ ริมฝีปากบางเม้มอย่างช่างใจก่อนจะเหลือบมองคนที่จู่ๆก็ขยับตัวมาขวางระหว่างเขากับรุ่นพี่จงอินเอาไว้
“มึงยังจะไปบังคับ บอกไม่ก็ไม่ดิ”
“บังคับอะไร เขาเรียกว่าโน้มน้าวใจ ห่าไม่มีศิลปะในการพูดเลย”
“วันนี้แบคฮยอนจะไม่กินเหล้า ไม่งั้นมึงก็ไม่ต้องกินเลย”
อีกคนยื่นคำขาดแน่นอนว่าคนที่กำลังจะถูกสั่งห้ามไม่ให้กินเหล้าทำตาโตแล้วรีบโบกมือปฏิเสธ แบคฮยอนได้ยินจงอินบ่นพึมพำว่าปาร์คชานยอลกำลังทำตัวเหมือนคุณพ่อแสนโหดที่ห้ามไม่ให้ลูกชายวัยสิบขวบแตะต้องแอลกอฮอล์
“งั้นกูโทรตามพี่อีทึกกับพี่คังอินได้ปะวะ”
“หือ?”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พรุ่งนี้นายต้องไปมหาลัยหรือเปล่า?”
ประโยคหลังหันมาถามคนที่เด็กกว่า แบคฮยอนทำหน้านึกนิดหน่อยก่อนจะส่ายศีรษะเมื่อพบว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ เพราะอย่างนั้นห้องเชียร์เลยหยุด คนผิวเข้มฉีกยิ้มออกมาก่อนจะจัดการเดินออกไปโทรศัพท์นอกบ้านโดยไม่ต้องรอคำอนุญาตจากเจ้าของบ้าน ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาจากคนที่ยืนข้างๆ
“วุ่นวายแน่ๆ” คนตัวสูงบ่นพึมพำออกมาแค่นั้นแล้วเดินตามจงอินไปอีกคน
เป็นแบบนั้นเขาเลยเดินไปดูของสดที่ยังคงอยู่ในตู้เย็น ว่าจะจัดการก่อนที่คิมจงอินจะมาถึงแต่เพราะไปเป็นที่วางหมอนให้กับอีกคนเสียก่อนมันเลยยังไม่ถูกจัดการ แม้ว่าการทำอาหารดูเหมือนจะเป็นหน้าที่ของผู้หญิงมากกว่าแต่เพราะบ้านของเขามีแต่ผู้ชาย จะให้แม่ทำอาหารคนเดียวก็ดูเหมือนจะใจร้ายเกินไปซักหน่อย อีกอย่างน้องชายเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรแบบนี้ด้วย แบคฮยอนเลยจำเป็นต้องช่วยแม่เข้าครัวอยู่บ่อยๆ
ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะจัดการของทั้งหมดเสร็จ เพราะไม่คุ้นชินกับครัวของบ้านหลังนี้ซักเท่าไหร่ เจ้าของบ้านเฉียดเข้ามาในครัวครั้งสองครั้งก่อนจะหายออกไปตามเดิม
ช่วยได้เยอะเลยนะครับแหม่
เสียงดังเอะอะโวยวายดังออกมาจากหน้าบ้าน พอแบคฮยอนเดินออกไปก็พบว่าโซฟาที่เคยอยู่ตรงกลางถูกเลื่อนออกไปติดกับกำแพง โต๊ะแก้วใสๆที่ใช้วางของก็เลื่อนออกไปทางด้านข้างเช่นกัน บนนั้นมีขวดเหล้าอีกสามกลมมาวางเพิ่ม รวมของเดินของคิมจงอินด้วยกลายเป็นสี่ ตรงกลางมีเตาย่างไฟฟ้าวางไว้ ร่างน้อยรีบโค้งตัวลงเมื่อพบว่ามีอีกคนสองแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน คงไม่พ้นว่าเป็นพี่อีทึกกับพี่คังอินที่จงอินบอกว่าจะเรียกมา
“สวัสดีครับ”
“อ้าาา คนนี้นี่เอง....” ก่อนที่คนตัวใหญ่จะได้พูดอะไรมากกว่านี้ ร่างโปร่งหน้าหวานก็จัดการล็อคคอก่อนจะเอามือตะปบเข้าที่ปากแล้วส่งยิ้มมาทางแบคฮยอนที่ยืนอยู่ “น้องแบคฮยอนใช่ไหม? พี่อีทึกนะครับ”
“อื้อๆ อื้อๆ!”
คนที่ถูกปิดปากทำท่าจะแนะนำตัวบ้างแต่มือเรียวของพี่อีทึกก็ยังคงอุดปากเอาไว้ คนตัวบางกว่าก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างก่อนที่คังอินจะรีบพยักหน้า ไม่นานนักก็เป็นอิสระ ดวงตาคู่นั้นหยีลงนิดหน่อยเมื่อจ้องมองมาทางเขา
“พี่ชื่อคังอินนะ พี่เป็นพี่รหัสของไอ้จงอิน”
“อ้อ ครับ ผมแบคฮยอนเป็นคนข้างบ้าน”
“ว่าแล้วแม่งทำไม.......”
“ไอ้คังอิน....”
“โอเค! กูไม่พูดแล้ว” ร่างหนายักไหล่ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาปาร์คชานยอลที่กำลังก้มๆเงยๆเก็บของให้มีที่ว่างพอที่จะตั้งวงทานข้าวได้ในเย็นนี้ พี่อีทึกชูถุงพลาสติกขึ้นมาก่อนจะพบว่าเป็นกับแกล้มและของสดที่ซื้อมาเพิ่มเติมเพราะเกรงว่าจะไม่พอทาน พอมือเล็กเอื้อมไปจะรับของคนที่แก่กว่าก็ดึงกลับไปเสียก่อน คนหน้าหวานยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มที่แก้มด้านซ้าย “เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไม่เป็นไร”
“อ่า.....ให้ผมช่วยก็ได้ครับ”
“โอเค งั้นไปทำด้วยกัน”
จากที่ตอนแรกจะทานกันเงียบๆตอนนี้กลายเป็นว่าเป็นปาร์ตี้ขนาดย่อม คนที่ถูกใจที่สุดเห็นจะไม่พ้นคิมจงอินที่เนรมิตการทานข้าวธรรมดาให้เป็นวงเหล้าได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เหมือนจะพร้อมที่จะทานเหล้ากันได้ตลอดเวลา
ยิ่งดึกยิ่งคึกคักคงไม่ผิดจากความจริงเท่าไรนัก เพราะในคราวแรกทำเพียงจิบกันแบบจางๆให้กรึ่มพออารมณ์ดี ปาร์คชานยอลขับรถออกไปหน้าปากซอยเพื่อซื้อน้ำอัดลมให้กับเด็กข้างบ้านที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ห้ามแตะแอลกอฮอล์เด็ดขาดในวันนี้ แล้วยังจับร่างเล็กให้นั่งห่างคิมจงอินอีกต่างหาก
เวลาล่วงเลยไปจนสามทุ่มกว่า เตาเนื้อย่างถูกหรี่ไฟลงให้เหลือเพียงระดับต่ำกับเนื้อที่วางอยู่บนเตาสามสี่ชิ้น แบคฮยอนหัวเราะเมื่อคังอินและอีทึกเริ่มเล่าเรื่องของจงอินที่กินเหล้าครั้งแรกให้ฟัง
“อย่าเรียกว่าเมาเหมือนหมาแต่ให้เรียกว่าสติที่พามาแม่งกลับบ้านไปแล้ว”
เป็นประโยคเด็ดของคิมจงอินที่กินเหล้าในครั้งแรก
ปาร์คชานยอลเดินกลับมาพร้อมกับขนมขบเคี้ยวที่มีไว้ติดบ้าน เขาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมข้างๆกับเด็กข้างบ้านที่นั่งยิ้มและหัวเราะกับทุกคำพูดของรุ่นพี่ที่ขณะของเขาทั้งสองคน และเขาก็ต้องเช็คสติของแบคฮยอนด้วยการถามคำถามเป็นการยืนยันว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่เด็กนี่ไม่ได้ถูกจงอินยุให้กินเหล้า
“น้ำขึ้นให้?”
“รีบตัก”
“แต่ถ้ารักให้รีบบอก อะแหนะๆแหน่ ถูกล่ะสิ้” แบคฮยอนทำหน้าเบ้
เป็นคำตอบของคิมจงอินที่ตอนนี้สติเริ่มเลือนรางเต็มที ดูก็รู้ว่าเมาแม้หน้าจะไม่แดงมากแต่การที่เอาแต่หัวเราะด้วยความอารมณ์ดีก็ทำให้รู้ว่าสติไม่เต็มเท่าไรนัก ส่วนรุ่นพี่อีกสองคนส่งเสียงแซวราวกับถูกใจนักหนา ในขณะที่ปาร์คชานยอลก็นิ่งไปซักพักแล้วจึงเอาขนมยัดปากเพื่อน
“โหยไรว้า วันนี้แดกไม่เยอะเลยนะ แบคฮยอนห้ามมันหรอ ว่าไงหื้อออ ทำไมไม่กินว้า”
แบคฮยอนขมวดคิ้วพลางชี้เข้าหาตัวเองที่โดนกล่าวหาว่าห้ามไม่ให้ปาร์คชานยอลดื่ม เขาส่ายศีรษะตัวเองไปมาและคิดว่าการที่อีกคนจะดื่มไม่ดื่มนั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“เอ๊อออ น้องก็ไม่ได้ห้ามก็แดกหน่อยย อย่าเอาเหล้ามาละลายน้ำแข็งเสียดายของ เอ้าชนนน”
“เร็วเข้า ชนเว้ยชนนนน”
พี่อีทึกช่วยบังคับอีกแรง ควงตาสีเข้มหันมามองทางเขานิดหน่อย แบคฮยอนเลยหยักไหล่เป็นเชิงว่าให้ตามสบายเพราะแบบนั้นมือใหญ่เลยยกแก้วขึ้นมาก่อนจะชนเคร้งเข้ากับอีกสี่แก้วแน่นอนว่าเขาเองก็ยกแก้วเป๊บซี่ขึ้นชน แม้มันจะดูหน่อมแน้มไปซักหน่อยแต่เขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ะ มาเล่นทรูออแดกกันดีกว่า”
“เกมเหี้ยไรวะทรูออแดก” เป็นคังอินที่เสนอเกมขึ้นมาก่อนที่จะได้รับเครื่องหมายคำถามเต็มๆไปจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง คนตัวใหญ่เลยยืดตัวขึ้นตรงนิดหน่อยก่อนจะอธิบาย
“ก็ไม่มีอะไรมาก ปากขวดหันไปทางใครคนนั้นต้องเลือกว่าจะตอบคำถามหรือจะแดกเหล้าแค่นั้นเอง”
“อ้ออออออ เหมือนทรูออแดร์ช้ะ” จงอินตบเข่าดังฉาด สาบานได้ว่ารุ่นพี่ผิวแทนใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเกทอาจจะเพราะแอลกอฮอล์ไปทำให้สมองช้าลง ถึงตอนนั้นทุกคนก็พยักหน้ารับจะยกเว้นก็แต่ปาร์คชานยอลที่ทำหน้านิ่วนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ต้องตกลงเมื่อทุกคนในวงเห็นด้วย
แบคฮยอนไม่เคยเล่น ไม่เคยนั่งในวงเหล้าอย่างจริงจังเพราะอย่างนั้นนี่จะเป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสบรรยากาศแต่ยังไม่เข้าถึง ขวดเหล้าที่หมดแล้วถูกเอาออกมาวางไว้กลางวงหลังจากที่อีทึกยกเตาย่างไฟฟ้าออกไป หมุนขวดไปรอบหนึ่งเพื่อจัดการเคลียร์พื้นที่ให้ว่างพอที่จะเล่น
“กูอาวุโสสุดเพราะงั้นกูหมุนก่อน” ร่างโปร่งที่นั่งข้างๆแบคฮยอนยกมือขึ้นก่อนจะเอื้อมไปจับขวดเหล้ากลางวง หมุนมันสุดแรงจนได้ยินเสียงกระแทกกับพื้นสองสามที ไม่นานนักก็ค่อยๆชะลอลงก่อนที่ปากขวดจะไปหยุดอยู่ที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆอีกฝั่งหนึ่ง
รุ่นพี่คังอิน
“กูถามๆๆๆๆๆ” คนหมุนรีบยกมือก่อนจะหันไปแสยะยิ้มร้ายใส่เพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้าง รุ่นพี่อีทึกเอนหลังพิงแบคฮยอนแล้วหันไปทางคังอิน กอดอกอย่างเหนือกว่า “มึงได้กับผู้หญิงกี่คนแล้ว”
“สัด!”
“จะตอบหรือจะแดก?”
“แดกสิ จะรออะไรล่ะ” เหล้าเพียวๆถูกเทใส่แก้วใหม่เพียงหนึ่งในสาม แต่แบคฮยอนคิดว่านั่นก็มากพอแล้วที่จะเผาลำคอให้ร้อนผ่าว รุ่นพี่คังอินรีบกระดกแก้วให้หมดรวดเดียวทำให้คนมองที่ไม่เคยกินต้องเบ้หน้าตาม เมื่อมือใหญ่วางแก้วเหล้าลงเขาก็ได้ยินคนที่นั่งพิงเขาอยู่พูดด้วยน้ำเสียงหยันๆ
“ไม่เคยได้หญิงก็บอกมา ทำมาจะแดกๆ”
“ตาต่อไปมึงเตรียมตัวเลยอีทึก”
สองเพื่อนสนิททำตาขวางใส่กันก่อนที่การหมุนขวดเหล้าจะเริ่มอีกครั้ง
“เอ้า ไมโดนผมว้า” จงอินทำเสียงงุ้งงิ้งเมื่อพบว่าปากขวดที่ควรจะชี้ไปทางอีทึกกลับหมุนมาหยุดที่ตัวเอง คังอินกระแอมไอนิดหน่อยแล้วเริ่มถามคำถาม
“มึงกำลังจีบพี่รหัสตัวเองอยู่ใช่มั้ย”
“แฮ่ยยยยย ไม่ถามงี้ดิ ไม่ดีนา”
“จะตอบรึจะแดก”
“แดกก็ได้ว้า” คนที่ถูกกล่าวหาว่ากำลังจะจีบพี่รหัสตัวเองสุดท้ายก็ยกธงขาวกลายเป็นว่าไม่มีใครยอมตอบคำถามซักคน แบคฮยอนขำเมื่อเห็นจงอินทำหน้าเบ้เพราะรสชาติเหล้าที่ขมฝาด
คำถามค่อยๆดุเด็ดเผ็ดมันส์ขึ้นเรื่อยๆ ปาร์คชานยอลโดนบ้างแต่ก็ยอมที่จะตอบคำถามทุกครั้งเลยรอดพ้นไม่ต้องดื่มส่วนแบคฮยอนที่โดนก็ได้แต่ตอบคำถามตามจริงหรือไม่ก็เลือกที่จะดื่มเป๊ปซี่ของตัวเองเพราะถูกปาร์คชานยอลห้ามเด็ดขาดว่ายังไงก็ห้ามดื่ม
คราวนี้ปากขวดหันมาหยุดอยู่ที่คนข้างบ้านอีกครั้งโดยฝีมือของคิมจงอิน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม ดูแล้วเป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไรนักในความคิดของแบคฮยอน
“คิมซอนมีสาวอักษรปีสองคนนั้น....เป็นอะไรกับมึง”
แบคฮยอนรีบเหล่มองคนข้างๆเมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นหู ปาร์คชานยอลนั่งนิ่งไปพักใหญ่แล้วจึงตอบ “เพื่อน”
“โกหกแดกสองเท่านา.......”
“......”
“ตอบช้าก็แดกสองเท่านะครับ”
“............ไม่รู้ว่ะ”
“แสดงว่ามึงโกหกตอนแรก เอ้าแดกกกก”
จากตอนแรกที่เป็นหนึ่งในสามกลายเป็นว่าเป็นสองในสามทันที ในแก้วใสบรรจุไปด้วยของหลวสีอำพัน เสียงเชียร์จากอีกสามคนยุยงว่าต้องหมดทีเดียว คนข้างบ้านที่เขาเห็นว่าดื่มเหล้าไม่แรงมากนักนั่งนิ่งไปพักใหญ่แล้วจึงกระดกมันหมดแก้วในรวดเดียว ในขณะที่แบคฮยอนก็ทำเพียงนั่งฟังอย่างเงียบๆ น่าแปลกใจนิดหน่อยที่เขาดันโล่งอกที่ไม่ได้ยินคำว่าแฟนมาจากปากอีกคน แต่ก็หน่วงไม่แพ้กันเมื่อได้ยินคำว่าไม่รู้
แสดงว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ยังคลุมเครืออยู่สินะ
เขาคงแปลกจริงๆนั่นแหละที่มาใส่ใจเรื่องพวกนี้
ปาร์คชานยอลหมุนขวดเหล้า และคราวนี้มันมาหยุดอยู่ที่แบคฮยอนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเลยกว่าที่คนข้างบ้านจะถามออกมา
“เคยมีแฟนมากี่คนแล้ว”
“ห๊ะ?”
“กี่คน แฟนน่ะ”
ร่างเล็กเม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด ไม่รู้ว่าควรจะโกหกหรือตอบตามความจริง จนในที่สุดก็ชูนิ้วชี้ขึ้นมาเพียงนิ้วเดียว ชานยอลสวนมาแทบจะทันที
“ใคร”
“ถามได้คำถามเดียวดิวะ” แบคฮยอนรีบร้องท้วงเมื่อพบว่าอีกคนกำลังทำผิดกติกา จงอินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะเทเหล้าใส่แก้วเพื่อนแล้วบอกให้ดื่ม
“หมดแก้วครับมึง”
ชานยอลรับแก้วเหล้าไปด้วยท่าทางที่หัวเสียนิดหน่อย หลังจากนั้นเลยเริ่มหมุนอีกครั้งและแน่นอนว่ามันมาหยุดที่แบคฮยอนอีกแล้ว ราวกับว่าเป็นใจให้ปาร์คชานยอลถามคำถามต่อไปเสียเหลือเกิน
“.....เซฮุน แฟนนายรึเปล่า”
“ใช่ก็บ้าแล้ว ตลกมั้ยล่ะเนี่ย”
แทบจะไม่ต้องคิดแบคฮยอนก็ตอบกลับไปทันควัน ชานยอลเลิกคิ้วขึ้น “แน่นะ?”
“พี่ถามเกินอีกแล้ว พี่จงอินจัดเลย”
และเป็นอีกครั้งที่ชานยอลต้องดื่มเหล้าโดยที่มีแต่เสียงยุจากคนรอบข้าง
------ GIDDY CHANYEOL ------
ตอนนี้มีเพียงบยอนแบคฮยอนคนเดียวที่ยังมีสติ
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าสามคนฟุบหลับไปบนพื้นเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แต่ปาร์คชานยอลที่ยังนั่งโอนเอนไปมา แต่เขาคิดว่าสติก็คงไม่ได้มีสติมากมายเท่าไรนัก มือเล็กกระชับผ้าขนหนูที่พาดอยู่ที่คอแล้วจัดการเก็บขวดเหล้าที่วางระเกะระกะให้ไปกองอยู่ที่มุมเดียว
จะให้เก็บกวาดวันนี้ก็คงไม่ไหว คงทำได้แค่รวมๆของไปก่อน
กวาดสายตามองผู้ชายตัวใหญ่โตสี่คนที่เมาแอ๋แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆเก็บของที่วางกลาดเกลื่อนให้มีพื้นที่พอที่จะสามารถนอนได้ ใช้เวลาเกือบซักพักกว่าจะเสร็จ จัดการหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดทำความสะอาดซักรอบแล้วจึงค่อยๆเริ่มลากคิมจงอินเป็นคนแรก
“....ทำไร”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กเดินไปหยุดอยู่ที่ศีรษะของเพื่อนตัวเอง นั่งยองๆก่อนจะสอดแขนเข้าใต้จั๊กแร้แล้วเริ่มลากให้คิมจงอินนอนถูกที่ถูกทาง แบคฮยอนหันมองคนที่กำลังจะลุกขึ้นยืน พอเห็นร่างสูงๆนั่นจะเซล้มเขาก็รีบปล่อยจงอินแล้วเดินไปคว้าอีกคนเอาไว้แทน
โอ๊ยยยยย หนักชิบหาย
“.....อืม มึน”
“นั่งก่อนพี่ โอยให้ตายห่า หนักจังวะ” บ่นกระปอดกระแปดแล้วกึ่งลากกึ่งพยุงคนที่สูงกว่าให้ไปนั่งบนโซฟา ปาร์คชานยอลเอาแต่บ่นเรื่องที่ว่ามึนหัว ยังดีที่ยอมนั่งนิ่งๆไม่คิดที่จะพยายามลุกไปไหนอีก แบคฮยอนย้ำ “นั่งอยู่นี่ อย่าไปไหน”
ชานยอลพยักหน้าก่อนจะเอนหลังพิงกับโซฟาไปเรียบร้อย แบคฮยอนเลยเดินไปจัดการรุ่นพี่ปีสี่อีกสองคนที่เหลือ เขาไม่สามารถยกรุ่นพี่คังอินได้ไหวจึงลากแขนเอาเสียเลย
“.....น้ำ”
“ครับ?”
“ขอน้ำหน่อย.....อือออ”
“เดี๋ยวๆ นั่งนั่นแหละเดี๋ยวผมไปหยิบให้ รอแป๊บนะ”
หลังจากที่ลากให้สามคนมานอนกองในที่เดียวกันให้แล้วปาร์คชานยอลก็ส่งเสียงครางฮือขอน่ำเหมือนคนใกล้ตาย พออะไรไม่ได้ดั้งใจเจ้าตัวก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาหาน้ำทานเสียเองเดือดร้อนถึงแบคฮยอนต้องรีบไปดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้ลุกออกมาจากโซฟากลัวว่าอีกคนจะเผลอไปเหยียบใครซักคนเข้าเสียก่อน
“เอ้าน้ำ”
ยื่นน้ำเย็นๆไปให้ พอเห็นว่าอีกคนไม่ยอมลุกขึ้นมานั่งทานดีๆเขาเลยต้องทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างแล้วสอดแขนเข้าที่ท้ายทอยรั้งคออีกคนให้ตั้งตรงแล้วจ่อปากขวดเข้าที่ปากอีกคน มือใหญ่วางซ้อนทับมือเขา สัมผัสอุ่นวาบทำเอาแบคฮยอนอยากจะขักมือกลับแต่ก็กลัวว่าน้ำจะหกใส่ใครอีกคนเข้าเสียก่อน
“.....อื้อ”
“เอาไง จะนอนข้างบนหรือจะนอนนี่?”
“....บน.....”
“แล้วเดินขึ้นไหวปะเนี่ย”
“ไหว”
“แน่นะ?”
ถามเสียงสูงเพราะเท่าที่เห็นแค่นั่งธรรมดายังจะไม่รอด แต่ทว่าปาร์คชานยอลก็ยังคงดึงดันที่จะลุกขึ้นยืนแล้วพาตัวเองให้ไปพ้นๆจากตรงนี้ คิ้วเรียวที่ขวดเข้าหากันแน่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวกำลังหงุดหงิดขนาดไหน แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วสุดท้ายเลยตัดสินใจเข้าไปช่วยพยุงให้อีกคนเดินขึ้นไปบนห้อง
“...อย่าทิ้งน้ำหนักลงมาหมดแบบนี้ดิว้า หนักนะเว้ย ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆปะ”
“ฮื่อ”
“มาฮงมาฮื่อ แล้ววันนี้ผมนอนไหนวะเนี่ย”
หลังจากที่เปิดประตูห้องนอนของเจ้าของบ้านได้เขาก็รีบลากชานยอลไปเหวี่ยงลงบนเตียง คิดว่ามันจะง่ายแต่ก็ไม่เลย เพราะแขนที่พาดิยู่บนไหล่ของเขานั่นแหละที่เป็นปัญหา ปาร์คชานยอลลากเขาลงไปนอนกองบนเตียงด้วย
นี่มึงคิดว่าเล่นมวยปล้ำอยู่หรอ?
ไม่มีการล้มไปนอนบนตัวแบบในละครหลังข่าว จะมีก็เพียงแต่ท่อนแขนหนักๆที่พาดคอเขาอยู่ และตอนนี้ท่อนขาของอีกคนก็กำลังจะย้ายเข้ามาก่ายตัวเขา
“อึดอัดว่ะ.....” น้ำเสียงอ้อแอ้ดังขึ้นใกล้หู และนั่นทำให้แบคฮยอนกลอกตาไปมา
คนที่อึดอัดควรจะเป็นกูมากกว่าไม่ใช่หรือไง!?
เพราะอีกคนนอนคว่ำพอจะเปลี่ยนท่าก็ค่อยๆหมุนตัวโดยที่รั้งท้ายทอยของแบคฮยอนด้วยมือข้างที่พาดอยู่เข้าไปใกล้ คราวนี้แหละร่างเล็กถึงได้มีอาการตื่นตระหนก ดวงตาคู่น้อยที่เบิกกว้างกำลังจ้องไปที่ใบหน้าของอีกคนที่ห่างกันไม่ถึงฟุต ดีว่าปาร์คชานยอลกำลังหลับตาไม่อย่างนั้นเขาได้ตกใจจนถีบอีกคนหงายไปแล้วแน่ๆ
ดวงตาของปาร์คชานยอลมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น
เขาไม่อยากจะถูกมันครอบงำจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
หลังจากที่นอนจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ จึงได้ฤกษ์จัดการย้ายแขนอีกคนให้พ้นทาง ขยับตัวออกมาให้ห่างแล้วลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าบนเตียงอีกคนจ้องกลับไปอีกครั้งที่ใบหน้าของคนที่ไม่ได้สติ
ไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกหน่วงๆในอกนี่เลยแม้แต่น้อย
บางครั้งใจก็เต้นแรง บางครั้งก็หน่วงเสียจนคิดว่าจะหยุดไปแล้ว
บยอนแบคฮยอนเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
สุดท้ายเขาเลยเลิกที่จะนั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วจัดการหาผ้าหาน้ำมาเช็ดตัวให้ ถึงนี่มันจะดูเกินหน้าที่ไปเสียหน่อยแต่มันก็เป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆที่ปาร์คชานยอลคอยดูแลเขาเรื่อยๆในตอนนี้ เขาพยายามจะคิดว่าที่ทำคือการตอบแทนไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัวหรืออะไรแบบนั้น
ไม่มีทาง.....เขากับปาร์คชานยอลไม่มีวันที่จะเป็นไปมากกว่าเพื่อนข้างบ้าน
ชื่อของผู้หญิงคิมซอนมีย้ำเตือนอยู่แบบนั้น
“คืนนี้จะให้ผมนอนไหน”
พอเห็นอีกคนปรือตาขึ้นมานิดหน่อยแบคฮยอนเลยถือโอกาสถามเรื่องที่นอนจากอีกคน ชานยอลหลับตานิ่งไปซักพัก ไม่พูดอะไรแต่ขยับมือกวักเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ราวกับหมดแรงที่จะพูดแล้ว
“ฮะ...เฮ้ย!”
พอขยับเข้าไปใกล้อีกคนก็รั้งตัวเขาให้ลงไปนอนแล้วกอดก่ายเหมือนกับเป็นหมอนข้าง นี่มันหนักกว่าเมื่อคืนอีกนะบอกเลย นี่มึงกอดแล้วนะมึงกอดแล้ว!
ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นเหมือนกับปลาหมึก คางของอีกคนวางลงบนศีรษะของเขามิหนำซ้ำมือใหญ่นั่นยังวางลงบนก้นแล้วตบเบาๆราวกับจะกล่อมเด็ก
จะมากเกินไปแล้วไอ้คนข้างบ้าน!
“พี่...ปล่อยนะเว้ย ปล่อย!”
“ง่วงแล้ว นอนได้แล้ว.....เดี๋ยวกุ๊กกู๋มาหลอกนะ”
กุ๊กกู๋บ้าบออะไรวะ!
พยายามจะใช้เท้าถีบก็แล้ว ใช้มือดันก็แล้วแต่พลังของคนเมาช่างร้ายแรงกว่าที่คิด ได้ยินคนเมาฮัมเพลงบ้าบออะไรซักอย่างในลำคอทำเอาเขาสะดุ้งทุกครั้งที่มือใหญ่ตบลงมาบนก้น ร่างเล็กกัดฟันกรอดแล้วจึงค่อยๆหยุดดิ้นเมื่อพบว่าทำอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ คืนนี้ชานยอลจะไม่ปล่อยเขาส่งให้กุ๊กกู๋แน่นอน
นี่ยอมเจอกุ๊กกู๋ดีกว่านอนให้คนข้างบ้านกอด
แล้วคืนนี้แบคฮยอนจะหลับได้ยังไง....ตอบ!!
------ GIDDY CHANYEOL ------
6 0 %
“โอย ปวดหัวชิบ....เร็วๆหน่อยสิวะเดี๋ยวก็ตื่นกันพอดี”
“น้องจะตื่นเพราะมึงโวยวายนี่แหละอีทึก”
“มึงก็ช่วยเดินเร็วๆหน่อยได้มั้ย นี่อ้อยอิ่งกวนตีนกูหรอ”
“กูก็ปวดหัวมั่งได้ปะละ เมื่อคืนกูก็แดกเหล้านะ คิดว่าที่กูกระดกมันเป็นน้ำส้มหรอ”
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นอยู่ไม่ห่าง ร่างเล็กที่เพิ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเลยเกิดอาการงัวเงีย ค่อยๆขยับเปลือกตามองหาสิ่งที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง เพราะเพิ่งตื่นเลยค่อนข้างเบลอ เห็นหมอนข้างที่ทับตัวเองอยู่เป็นหน้าของปาร์คชานยอลคนข้างบ้าน
หมอนข้าง?
หน้าคนข้างบ้าน?
พลั่ก!
“เฮ้ย!” เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นจากทางด้านหลังเพราะจู่ๆสองร่างที่เคยนอนกอดกันกลมบนเตียงกว้างก็ถูกแยกออกจากกันด้วยขาเล็กๆของบยอนแบคฮยอนที่ไม่รู้ว่าจงใจหรือตกใจกันแน่ แต่ถึงกระนั้นคนถูกถีบก็ยังไม่ตกจากเตียงแต่ถ้าหากว่าเป็นคนปกติจริงๆก็คงจะตื่นนานแล้ว
นี่มันปาร์คชานยอลไง เลยไม่ยอมตื่น แถมยังมีการพลิกตัวหนีไปอีกทางราวกับจะหลบหนีเสียงที่น่ารำคาญได้ด้วย ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง มือขยับไปจับตามลำตัวเพื่อเช็คหาเสื้อผ้าโดยอัตโนมัติ แล้วจึงชะงักเมื่อพบว่าเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด
เขาก็แค่โดนกอด
ก็แค่......นี่มันแค่หรอ!? โดนกอดเลยนะเว้ย!!
“นะ....นี่นาย”
“เดี๋ยวครับพี่อีทึก มันไม่ได้มีอะไร ผมก็แค่ตกใจ”
พอเห็นอีกคนทำตาโตปากสั่นก็ต้องรีบแก้ตัวก่อนที่อีกสองคนที่เหลือจะเข้าใจผิดตาม มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าตัวเองช้าๆเพื่อเรียกสติ ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากเพราะไม่ได้ดื่มน้ำมาทั้งคืนแล้วจึงพูดอีกครั้ง
“ผมแค่ตกใจ ก็เลย.......”
“ละ...แล้วรอยแดงๆที่คอ”
“ยุงกัด เมื่อคืนตอนที่เดินออกไปตากผ้านอกบ้านมันกัดตอนนั้นพอดี โอ๊ยให้ตายสิ ผมไม่ได้มีอะไรกับชานยอลจริงๆนะ”
เขาจำได้เลยว่ายุงบ้าแม่งพุ่งเข้าที่ซอกคอเขาพอดีไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นตรงนั้นแต่เขาสาบานได้ว่าไอ้รอยแดงๆนี่เป็นเพราะยุงจริงๆ ตบมันตายคามือทำไมจะไม่ใช่.....
แล้วทำไมอีกสามคนต้องมองเขาด้วยสายตาที่โคตรจะไม่เชื่อแบบนั้นด้วย!
“........อืมมม”
เสียงครางต่ำๆดังมาจากทางด้านหลังของบยอนแบคฮยอน เขาหันกลับไปมองไอ้คนต้นเรื่องที่ยังคงนอนหลับหน้าตาเฉย ว่าแล้วก็สบถออกมาพึมพำก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงถอยออกห่างเพราะกลัวว่าคนที่ยังคงหลับอยู่หันมาคว้าเขาไปกอดแบบเมื่อคืนอีก
“ถ้าเราว่าไม่มี....พี่ก็จะเชื่อว่าไม่มี”
พี่อีทึกแม้จะยังหน้านิ่วแต่ก็ยังพูดออกมาแบบนั้น ส่วนรุ่นพี่คังอินน่ะหรอ.....
“ว่าแต่แน่ใจจริงๆนะว่าไม่มีอะไร?”
“....ถามผมอีกสิบครั้งผมก็จะตอบแบบเดิม”
“ถึงจะนอนกอดกันกลมแบบนี้อะนะ?”
ว่าจบก็ชูโทรศัพท์ที่กำลังแสดงภาพของเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เป็นภาพที่ปาร์คชานยอลกอดเอวเขาเอาไว้ แถมหน้าก็แทบจะชนกัน ระยะห่างแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ คนที่อยู่ในภาพเบิกตากว้างก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าอุปกรณ์สื่อสารตรงหน้า แต่แน่นอนว่าอีกคนชักมือกลับไปได้ก่อน
นี่จะถ่ายเก็บไว้เพื่ออออ?!
“ไอ้ห่า กูบอกว่าอย่าบอกน้อง”
“ก็มันอดสงสัยไม่ได้นี่หว่า”
“......ลบ”
“ห้ะ?”
“ผมขอล่ะพี่ ลบเหอะ แล้วอย่าส่งให้ชานยอลด้วย”
“ไม่ทันล้ะว่ะ”
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดอย่างคิมจงอินโชว์แชทในไลน์กรุ้ปที่ตั้งเฉพาะกิจเมื่อคืนให้ดูก่อนจะพบว่าเป็นรุ่นพี่คังอินที่ส่งรูปนั้นเข้ากรุ้ปไปแล้วนั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนทำหน้าตื่นมากเข้าไปใหญ่ รีบหันไปหาโทรศัพท์ของคนที่กำลังหลับ แต่ก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อพบว่าต้องใส่รหัส
“พี่จงอิน รหัสไรวะ”
“เอ้า แล้วจะรู้มั้ยวะเนี่ย”
“พี่เป็นเพื่อนสนิทเขาอะ พี่ก็ต้องรู้ดิ”
“เอางี้ นายก็รอมันตื่นแล้วให้มันใส่รหัสให้สิ”
“โห.....ปาเครื่องทิ้งแม่งเลยดีกว่า”
“โอย ปวดหัวว่ะ กูลงไปข้างล่างล้ะ” ระหว่างที่กำลังร้อนรนร่างโปร่งของรุ่นพี่หน้าหวานก็ร้องขัดขึ้นมาก่อนจะขอตัวหนีลงไปด้านล่างโดยที่มีร่างของเพื่อนสนิทตามลงไปติดๆด้วยเหตุผลเดียวกัน แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่นแล้วก็สะดุ้งเมื่อพบว่าโทรศัพท์ในมือกำลังสั่น
คิมซอนมี....
“เดี๋ยวรับให้”
ไม่มีอาการลังเลอะไรใดๆ มือเล็กยื่นโทรศัพท์ในมือให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของเครื่อง แล้วเงี่ยหูรอฟังบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ชานยอลยังไม่ตื่นเลย.....เมื่อคืนดื่มนิดหน่อย ก็ไม่อะ มันกินเยอะมาก.....จะชวนอะไรล่ะมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น มันก็ไม่ได้ตั้งใจจะกินหรอก.....อ่า”
จงอินชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่ยืนจ้องด้วยท่าทางจริงจัง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่อีกคนส่งเสียงครางออกมายาวๆนั่นแหละแบคฮยอนถึงได้สะดุ้งก่อนจะขยับตัวถอยห่าง ชี้มือออกไปทางด้านนอกบอกอีกคนด้วยภาษากายว่าจะออกไปยืนรออยู่ตรงนั้น แล้วจึงเดินออกไปเมื่อจงอินพยักหน้า
เรื่องรูปในไลน์ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปเมื่อมีชื่อของคนที่ชื่อว่าคิมซอนมี คนที่มีสถานะไม่ชัดเจนโผล่ขึ้นมาบนโทรศัพท์ของปาร์คชานยอล
จะไปเสือกอะไรล่ะ เรื่องของเขาไหมล่ะ
คิดได้แบบนั้นก็เดินลงมาด้านล่างผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินออกมาก็พบว่ารุ่นพี่ทั้งสองคนนั้นกำลังนอนพักสมองอยู่ที่โซฟาด้วยท่าทางที่หมดอาลัยตายอยาก
“ผมทำอะไรร้อนๆให้กินมั้ยพี่”
ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะปวดหัวกันไปทั้งวันเลยเสนอตัวที่จะทำของแก้แฮงค์ให้ทาน คึงอินผุดลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วหันมากุมมือของเขาเอาไว้ราวกับว่าเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า มือใหญ่นั่นบีบมือเขาเอาไว้แน่น
“ขอโจ๊ก.....ร้อนๆเลย”
“คะ....ครับ ถ้าพี่พอมีแรงช่วยเคลียร์ขยะที่ห้องนั่งเล่นด้วยก็ดี”
“แค่หายใจก็เหมือนหัวจะระเบิดแล้ว......”
“โอเค...ไม่เป็นไร”
เห็นท่าทางยากลำบากของอีกคนแล้วแบคฮยอนก็ยอมเลิกคิดเกี่ยวกับความสะอาดของห้องรับแขกระหว่างที่เขาไปทำอาหาร ดีว่าเมื่อคืนเก็บกวาดไปแล้วนิดหน่อยมันเลยไม่ได้ดูสกปรกจนน่าเกลียดเกินไป
เดินมาเปิดหม้อข้าวก่อนจะพบข้าวที่เหลืออยู่เกินครึ่งหม้อเลยจัดการคดออกมาใส่ชามเตรียมทำโจ๊กให้กับคนขี้เมาที่ตอนนี้พากันหมดแรงไปตามๆกัน ทำทุกอย่างไปเกือบจะเสร็จก็เพิ่งนึกออกว่านี่มันไม่ใช่ธุระของเขาแม้แต่น้อย
บ้านก็ไม่ใช่ ยังจะมาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้านอีกเว้ย
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องทำอยู่ดี ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่เคยเข้าครัวเลยซักครั้ง
กลิ่นหอมที่ลอยขึ้นไปด้านบนสุดท้ายแล้วก็ปลุกให้คนที่แกล้งหลับอยู่นานต้องลุกขึ้นมานั่งบนเตียง มือใหญ่ยกขึ้นกุมศีรษะตัวเองน้อยๆเพราะมันปวดมากกว่าครั้งไหนๆที่เคยกินมา แน่นอนว่าเขาไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้ ปกติแล้วปาร์คชานยอลไม่ใช่คนที่จะเมาง่ายๆแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายให้กับเมื่อคืนจริงๆ พวกนั้นเล่นเขาเสียหนักเลย
โดยเฉพาะเด็กข้างบ้านนี่ตัวดี เอาแต่ยุจงอินให้เทเอาๆอยู่นั่นแหละ
เขาขยับตัวลงจากเตียงเมื่อสุดท้ายแล้วก็ตระหนักได้ว่าควรจะหาอะไรใส่ท้องซักหน่อยแล้วค่อยทานยา ก่อนจะนึกไปถึงเหตุผลที่ต้องแกล้งนอนหลับทั้งๆที่โดนเท้าเล็กนั่นถีบเข้าเต็มรัก
แรงดีจริงๆไอ้เตี้ยข้างบ้านคนนั้น
ความจริงแล้วเขาตื่นก่อนแบคฮยอนเสียด้วยซ้ำ ลืมตามาก็เจอใบหน้าอีกคนอยู่ไม่ห่างแถมคิ้วเรียวนั่นก็ขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนกับมีเรื่องอะไรกวนใจก่อนนอนอย่างนั้นแหละ จ้องไปได้ซักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของคนที่เมื่อคืนนอนข้างล่างเลยจำต้องหลับตาลงแล้วรั้งร่างเล็กให้ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
จะว่าติดใจก็ได้มั้ง คืนก่อนจับมือแล้วนิ่มๆก็เลยอยากรู้ว่าตัวจะนิ่มขนาดไหน
เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จก็พาตัวเองลงมาด้านล่าง แม้จะปวดหัวแต่กลิ่นหอมๆนั่นกลับมีอิทธิพลมากกว่า เขาหยุดยืนอยู่ที่ประตูมองร่างเล็กที่กำลังวุ่นวายกับหม้อตรงหน้าเลยไม่ได้หันกลับมามองว่ามีใครแอบมองอยู่จากทางด้านหลัง
แบคฮยอนเป็นเด็กเก่งกว่าที่เห็น
“ตกลงจะซอนมีหรือเด็กข้างบ้านวะ”
คิมจงอินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆพลางมองตามสายตาของเพื่อนที่ตอนนี้จับจ้องไปยังร่างเล็กของคนที่เป็นเด็กข้างบ้าน คนถูกถามไหวไหล่ไปมา “เปรียบเทียบกันไม่ได้”
“งี้คิดจะจับสองคน?”
“กูคุยกับผู้หญิงคนนั้นแต่ไม่ได้จีบ ส่วนแบคฮยอนกูก็ไม่ได้จีบเหมือนกัน”
“ไม่ได้จีบแต่มัดมือชกเลยสิ ระวังหน่อย เด็กนั่นอาจจะหวั่นไหวก็ได้”
“.....ไม่หรอก”
“...........”
“แบคฮยอนใจร้ายจะตายไป”
“..........”
“ไม่มีทางหวั่นไหวหรอก”
------ GIDDY CHANYEOL ------
Chanyeol Park
เลิกห้องเชียร์แล้วอย่าเพิ่งกลับบ้าน 11:35
มาหาที่คณะ 11:36
เดี๋ยวกลับพร้อมกัน 11:40
หลังจากที่ออกจากห้องเชียร์เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คก่อนจะพบว่าเป็นคนข้างบ้านที่ส่งไลน์มาหา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นแล้วพิมตอบกลับไประหว่างที่กำลังรอเพื่อนอีกสองคนเดินลงมา
read12:08 ทำไมอะ
read12:08 ผมกลับเองดีกว่า
read12:09 พี่ทำธุระไปเหอะ
Chanyeol Park
ไอ้จงอินกำลังจะถึงเภสัชแล้ว 12:09
รออยู่นั่นแหละ 12:10
คือขึ้นว่าอ่านแล้วแต่มึงอ่านจริงๆหรือเปล่าครับปาร์คชานยอล!
เขาถอนหายใจออกมาแล้วกรอกตาก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงเมื่อเห็นไอ้สองคู่หูจอมป่วนกำลังเดินมาทางนี้
“คำใบ้พี่รหัสคืออะไรวะ”
เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าพวกมันจะต้องถามเรื่องนี้แบคฮยอนเลยหยิบสมุดการบ้านออกมาแล้วหยิบกระดาษแผ่นที่สองที่เป็นคำใบ้ของพี่รหัสอันถัดไป
'ชอบกินจุปปาจุ้บ'
ตอนเห็นนี่แทบจะปากระดาษทิ้งเลยครับ....แต่ติดว่าอยู่ในห้องเชียร์นี่แหละเลยทำไม่ได้
พวกมันสองคนกลั้นจำจนตัวโยนก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่เขากันคนละข้างราวกับจะปลอบใจ แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนจะซ้ำเติมกันมากกว่าแล้วจึงพากันเดินไปเก็บขนมของบรรดาที่พี่เทคเอามาไว้ให้ในตะกร้า ข้อความก็ไม่พ้นเรื่องการให้อดทนกับห้องเชียร์ที่เริ่มจะเผ็ดร้อนมากขึ้นทุกขณะกับเรื่องของเขาและเซฮุน
แบคฮยอนถอนหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้
เอาเถอะ มีคนรักก็ยังดีกว่ามีคนเกลียด
คราวนี้มีถุงของใหญ่สองถุง เป็นข้าวจากร้านอาหารในห้างถุงนึงและขนมเค้กอีกถุง ข้าวกล่องเป็นของจากพี่รหัสปีสองที่ตอนนี้ก็ยังระบุตัวไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะคำใบ้ที่ว่าคือหล่อและจุบปาจุ้บ
'ถึง สายรหัส 49
เพิ่งจะได้มีโอกาสมาทักทายน้องครั้งแรกเลย ยินดีต้อนรับเข้าสายรหัสของเราสายรหัส49นะครับ ตอนนี้พี่ติดธุระอยู่ที่เอธิโอเปียตามคุณพ่อมาดูงานช่วยเหลือเด็กยากไร้แถวๆนี้อีกสองวันก็จะต้องไปซิมบับเวมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆและอีกสามวันก็จะไปไลบีเรียทำการกุศลเลยอาจจะยังไม่ได้เจอกันนะ เค้กนี่พี่เลยฝากเพื่อนให้ซื้อมาให้ก็กินเยอะๆนะ ส่วนเรื่องห้องเชียร์อย่าโดดล่ะพี่อยากให้น้องเข้าทุกวันเพราะมันจะได้อะไรมากกว่าที่น้องคิดอีกนะ
พี่รหัสปีสามที่หน้าตาดีมากถึงมากที่สุด'
โอ้โห....เป็นเรื่องเป็นราวมาก ชีวิตพี่แกมาเป็นสตอรี่เลย
แบคฮยอนเก็บโพสต์อิสใส่ลงในถุงเหมือนเดิมก่อนจะหันไปหยิบกล่องข้าวออกมา แต่พอโทรศัพท์สั่นเท่านั้นแหละเขาเลยจำต้องวางมือ ขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นเบอร์แปลกที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอแต่ก็ต้องร้องอ๋อในใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคิมจงอินกำลังจะมาถึงที่คณะของเขา
“ครับ”
[เสร็จหรือยัง อยู่ตรงไหนน่ะ]
“อยู่ที่โรงอาหารอะพี่”
[โอเค เดี๋ยวเดินไป] พอวางสายเสร็จเพื่อนอีกสองคนที่แยกย้ายไปก่อนหน้านี้ก็เดินมาหยุดอยูาข้างๆ ในปากของโอเซฮุนมีจุบปาจุ๊บ เขามองมันก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยปากถาม
“ใครให้อมยิ้มมึง”
“พี่โจควอน ไม่ใช่พี่รหัสมึงหรอก เชื่อได้เลย”
แบคฮยอนทำหน้าเบ้นิดหน่อยเมื่อพบว่าคำตอบไม่ได้ตามอย่างใจ “แล้วนี่มึงไปไหนต่อ? กลับบ้านเลยอ่อ” อีทงเฮเพื่อนเตี้ยล่ำมองมายังเขาก่อนที่จะได้รับการปฏิเสธกลับไป
“ยังไม่กลับ”
“แล้วไปไหนวะ?”
'อะ...นั่นมันจงอินนี่!'
'คิมจงอิน คิมจงอิน ให้ตายสิ!'
ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามของเพื่อนเสียงกระซิบกระซาบจากคนแถวนี้ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของใครบางคนปรากฏขึ้นมา วันนี้คิมจงอินสวมเสื้อชอปสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์สีดำ สองมือนั่นล้วงเข้าในกระเป๋าเสื้อก่อนจะกวาดสายตามองหา แบคฮยอนรีบหันกลับมามองเพื่อนอีกสองคนก่อนจะพบว่าอีทงเฮกำลังทำหน้านิ่ว
“มาทำไรวะ”
“น้องเตี้ย!”
นี่มึงเรียกกูแบบนี้อีกแล้วนะไอ้พี่จงอิน!
อีกคนส่งเสียงเรียกราวกับว่ากลัวเขาจะเดินหนีไป แขนยาวยกขึ้นโบกไปมาก่อนที่ขายาวจะรีบก้าวถี่ๆเพื่อเดินมาหาแบคฮยอนที่ยืนอยู่ที่โต๊ะ
“ไปยัง ไอ้ชานยอลรออยู่”
“พี่รออยู่หน้าตึกก็ได้ไม่เห็นต้องเดินเข้ามาแบบนี้เลย”
“เออน่า มีของไรให้ช่วยถือมั้ย”
ไม่รู้ตัวเลย.....
คิมจงอินไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังเป็นจุดสนใจให้กับสาวๆในคณะของเขามากขนาดไหน
ร่างสูงโปร่งน้่นมองถุงขนมในมือเขาก่อนจะฉวยเอาไปถือเอาไว้แล้วเดินนำลิ่วๆออกไปโดยไม่ถามความเห็นของเขาซักคำว่ามีธุระอะไรอีกไหม รีบโบกมือลาเพื่อนสองคนก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามอีกคนไป
“แล้วทำไมพี่ต้องมารับผมด้วยอะ”
“เออ ก็อยากรู้เหมือนกัน ฝากถามไอ้ชานยอลด้วยนะ”
เอ้า เออ ยกหน้าที่ให้กูเฉ๊ย
ไม่มีแม้กระทั่งรถจักรยานยนต์คันโปรดของคิมจงอินหรือรถยนต์คันสวยของปาร์คชานยอล จะมีก็เพียงแต่จักรยานสีแดงสภาพไม่ใหม่มากนักจอดอยู่ที่หน้าคณะ คนที่เดินนำหน้าเอาถุงขนมในมือตัวเองใส่ตะกร้าหน้ารถก่อนจะขึ้นคร่อมเบาะพร้อมกับตบเบาะด้านหลังเรียกให้เขานั่ง
โอ้โห.....คิมจงอินแม่งโคตรลูกทุ่งอะบอกเลย
“มาสิ รออะไรล่ะ”
ไม่มีเวลาสะดีดสะดิ้งเพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชายและคนที่กำลังจะขี่จักรยานให้เขาซ้อนนั่นก็เป็นผู้ชาย สองมือเล็กยกของในมือขึ้นนิดหน่อยตอนที่ย้ายตัวเองไปนั่งคร่อมที่เบาะหลังก่อนที่จะร้องออกมาเบาๆเมื่ออีกคนออกตัวแบบไม่บอกกล่าว
แม้จะแดดจะค่อนข้างแรงแต่เพราะต้นไม้ภายในมหาวิทยาลัยทำให้มีลมเอื่อยเฉื่อยมากระทบกับผิวหน้าประปราย เมื่อทรงตัวได้ดวงตาคู่เล็กที่ต้องทนเบิกกว้างเพราะเข้าห้องเชียร์ก็ค่อยๆหรี่ลงจนในที่สุดก็ปิดสนิทปล่อยให้เป็นเรื่องราวของธรรมชาติและสัมผัสจากใจ
ปั่ก!
“อื้อหือ จะเบรคก็เบรคเบาๆหน่อยดิพี่”
รับลมได้ไม่เท่าไหร่ไอ้คนขี่จักรยานก็จัดการเบรคเอี๊ยดเสียจนหน้าทิ่มเข้ากับแผ่นหลังอีกคน พอลืมตามองก็พบว่าตรงหน้าเป็นตึกเรียนขนาดใหญ่โดยทางซ้ายมือมีเหียร์ไม้อันยักษ์วางอยู่ในสวนส่วนทางขวามือก็เป็นโรงอาหารที่ตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อยเพราะเป็นช่วงเวลาพักกลางวัน
“หัวแข็งเหมือนกันนะเราอะ”
ว่าจบก็แอ่นหลังแล้วขยับแผ่นอกยักย้ายไปมา เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะเอาหัวโขกไปอีกรอบ
นั่น นั่น....ทำท่าโอดโอยโอเวอร์เสียจนนึกว่าจบโรงเรียนสอนการแสดงด้วยเกียรตินิยมเลยนะเนี่ย
“ตามมาๆ ไอ้ชานยอลอยู่ที่ห้องสโมฯ”
“ห้องสโมฯ?”
“สโมสรนักศึกษาไง มันน่าจะนอนตากแอร์อยู่แหละ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเดินย่ำตามอีกคนไป สายตากวาดมองสถานที่ต่างคณะด้วยความตื่นตาตื่นใจจะว่าไปเขาก็ยังไม่เคยไปคณะอื่นเลย ใครที่ผูกเนคไทค์เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเด็กปีหนึ่งที่ต้องถูกบังคับให้แต่งกายให้ถูกระเบียบแน่ๆ
ใช้เวลาก็เดินมาถึงห้องสโมสรนักศึกษาที่มีคนอยู่เต็มไปหมด คิมจงอินยัดถุงขนมคืนเขามาก่อนจะชี้เข้าไปที่ห้องเล็กๆที่ปิดไฟมืดพร้อมกับบอกว่าไอ้คนที่ใช้ให้ไปรับนอนอยู่ในนั้น แบคฮยอนเลยพยักหน้ารับคำก่อนจะเลี่ยงออกมาเมื่อตัวเองตกเป็นเป้าสายตาโดนแซวว่าเป็นเด็กของคิมจงอิน
เพราะห้องนี้ไม่มีหน้าต่างอาจจะเอาไว้ใช้เก็บของหรืออะไรก็ตามมันเลยทำให้ดูมืดสนิทยามไม่เปิดไฟ แบคฮยอนหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูหลังจากปิดมันลงเรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงข้างนอกมารบกวนอีกคนให้ตื่น ดวงตาคู่เล็กสีเข้มเห็นเงารางๆที่กำลังทอดตัวยาวขวางอยู่กลางห้องบนที่นอนปิคนิค
แล้ว.....เขาควรทำอะไรต่อไป?
ปาร์คขานยอลให้คิมจงอินไปรับเพื่อมาดูตัวเองนอนหรอ?
โถตลก......
สุดท้ายแล้วร่างน้อยเลยย่อตัวลงหาที่นั่ง เมื่อสายตาชินกับความมืดก็เริ่มเห็นโครงหน้าของอีกฝ่ายที่เขาชอบแอบมองบ่อยๆในช่วงนี้ จ้องไปยังส่วนที่เป็นเหลือกตาของอีกคน เขาจ้องมันเขม็งเพราะดูเหมือนว่าชานยอลกำลังลืมตาอยู่
เอ๊ะ....หรือหลับตานะ
พอขยี้ตาอีกทีเพื่อความแน่ใจเขาก็ต้องพบว่าตัวเองเป็นพวกมโนมากเกินไปแล้ว
แต่....เขาว่าชานยอลลืมตานะเว้ย!
ด้วยความไม่แน่ใจเลยจัดการวางถุงขนมไว้ข้างตัวก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ถ้าหากว่าปาร์คชานยอลลืมตาไม่น่าจะนอนได้นิ่งขนาดนี้ ขยับเข้าไปจนใกล้มากพอที่จะเห็นได้ว่าอะไรเป็นอะไร เปลือกตาของอีกคนยังคงปิดสนิท ถึงตอนนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ไม่ได้ลืมตาซักหน่อย
“........”
“........”
แต่พอมองอีกที...มันก็เหมือนว่าคนข้างบ้านกำลังลืมตาอยู่จริงๆนั่นแหละ...
“มองอะไร”
แม่งลืมตาแล้วจริงๆด้วย......
“มาถึงแล้วทำไมไม่เรียก”
“.........”
นี่เขาทำตัวมีมารยาทไม่ปลุกคนที่กำลังหลับนี่ก็ผิดหรอ! ทำไมต้องทำน้ำเสียงกึ่งดุกันด้วย
“ออกไปข้างนอกกัน” คนที่เพิ่งตื่นยันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะเสยผมยุ่งๆให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินออกไปด้านนอก พอเห็นว่าแบคฮยอนยังคงอยู่กับที่ก็จัดการไปลากคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นมา
“พี่ๆ ถุงขนมผมยังอยู่ข้างใน”
“.....ไม่เป็นไรเดี๋ยวให้จงอินมาเก็บให้”
นี่ตกลงว่าพี่จงอินแม่งเป็นเพื่อนหรือเบ๊กันแน่วะ?
ไม่รู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่เพราะจู่ๆก็ลากออกมาด้านนอกที่มีแต่พวกรุ่นพี่เต็มไปหมด หลายคนมองมายังเขาด้วยความสงสัยแต่ปาร์คชานยอลก็ไม่ทำอะไรนอกจากลากเขาออกมาแล้วทิ้งให้ยืนคว้างก่อนที่ตัวเองจะหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“กินข้าวมายัง?”
“อ้อ ผมมีข้าวของพี่รหัส เขาให้มา มันอยู่ในห้อง”
“.....โอเค เดี๋ยวไปหยิบให้ รออยู่นี่นะ นั่งตรงนี้แหละ”
แบคฮยอนขมวดคิ้วก่อนจะถูกกดบ่าให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่แถวนั้นท่ามกลางคนไม่รู้จักที่ตอนนี้ต่างพากันมองมาด้วยความสงสัย
นายเป็นใครและเป็นอะไรกับชานยอล
คิดว่าคำถามคงอยู่ไม่เกินประมาณนี้
พอเห็นร่างสูงเดินกลับมาเขาก็ยกยิ้มออกมานิดหน่อยแล้วเอ่ยปากขอบคุณเบาๆเมื่อเห็นถุงข้าว ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิงคนเมื่อซักครู่ก็เดินกลับมาพร้อมข้าวกล่องและน้ำสองขวด ปาร์คชานยอลส่งขวดน้ำมาให้ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยปากถาม
“แฟนหรอ?”
------ GIDDY CHANYEOL ------
1 0 0 %
หายไปสอบมา นี่อานหนังสือจริงจังมากนะ
แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี...... #น้ำตามา
นี่เริ่ตันแล้ะเริ่มตัน เหมือนตัวละครจะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
อ่านไปเถอะ ซึมซับรับเอาความมึนของพี่ชานไป
แล้วเราจะเจอใหม่กันตอนหน้า
รักมากนะครัช <3
เรื่องนี้มีแทค #ชานมึน มั้วะะะะ
ความคิดเห็น