NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #59 : ชิบุย่านองเลือด (9)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 67


    23:37 น. หน้าชิบุย่าสตรีม

    “วิชาควบคุมสรรพสิ่ง เคียววายุ!”
     

    ตู้ม!!
     

    “อิตาโดริคุง! ตอนนี้มีแค่พวกเราที่ขยับได้อยู่ เราต้องถ่วงเวลาจนกว่าอาจารย์อุตะฮิเมะจะเตรียมตัวเสร็จ!” หลายนาทีผ่านไปที่หน้าชิบุย่าสตรีม ก่อนหน้านี้ยูจิได้สู้กับมาฮิโตะอยู่ที่นี่จนอีกฝ่ายหมดสภาพต่อสู้แต่ก็โดนเกะโทดูดกลืนไปในที่สุดเพราะหมดประโยชน์แล้ว จากนั้นแพนด้า คุซาคาเบะและเหล่าผู้ใช้คุณไสยจากโรงเรียนฝั่งเกียวโตที่เพิ่งมาถึงก็ได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วย ต่อมาโจโซก็ตามมาสมทบและได้ตะโกนเรียกเกะโทว่าคาโมะ โนริโทชิด้วยความโกรธแค้น พอทุกคนได้ยินแบบนั้นถึงกับช็อกเพราะคาโมะคนนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้คุณไสยที่เลวร้ายที่สุดและเป็นผู้ให้กำเนิดวัตถุต้องสาปครรภ์คำสาปทั้ง 9 เมื่อหลายร้อยปีอีกด้วย เมื่อแบบนี้เป้าหมายของทุกคนคือต้องกำจัดเกะโทให้ได้แต่ทว่าอุราอุเมะก็ได้ใช้อาคมของตัวเองอย่างอาคมเยือกแข็งมาขวางไว้ สถานการณ์ในตอนนี้มีแค่ยูจิ โจโซ และโมโมะเท่านั้นก็ยังขยับตัวได้อยู่แต่โมโมะได้ใช้อาคมเข้าสู้แล้วแต่ไม่ได้ผลเธอเลยบอกให้ยูจิและโจโซถ่วงเวลาไว้ให้ได้

    “ผู้ส่งสารงั้นเหรอ…” อุราอุเมะเอ่ยอย่างหัวเสียแล้วใช้อาคมของตัวเองจัดการใส่ทั้งสามคน “แค่อิตาโดริ ยูจิคนเดียวก็พอแล้ว!!”
     

    อาคมเยือกแข็ง น้ำตกเยือกแข็ง
     

    “?!!” น้ำแข็งมากมายพุ่งเข้าแช่แข็งทั้งสามคนไม่ให้ขยับไม่ได้ และมีน้ำแข็งบางส่วนแตกออกและพุ่งเข้าใส่หายูจิเพื่อปลิดชีวิต

    ‘ตายแน่-!’
     

    ตู้ม!!
     

    “…?”

    “ไม่เจอกันนานเลยนะเกะโทคุง” แต่ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยซักนิด เขาเลยลืมตาขึ้นมาแล้วเจอกับยูกิที่มายืนอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมทักทายเกะโท

    “ขอฟังคำตอบจากที่เคยถามไปเมื่อตอนนั้นหน่อย สเป็คของเธอเป็นแบบไหนกันเหรอ”

    “สึคุโมะ ยูกิ-!” เกะโทยิ้มกัดฟันข่มความเจ็บใจ แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงของมีคมบริเวณหัวและคอ นั่นคืออากาเนะกับเรียวตะเตรียมฟันหัวและคอของเกะโทแบบสายฟ้าแลบ แต่อุราอุเมะไปเจอเข้าเลยใช้อาคมของตัวเองมาขวางไว้ แต่ทั้งคู่หลบออกมาได้และกลับไปอยู่ฝั่งยูกิ

    “ชิ!”

    “อีกนิดเดียวแท้ๆ ไอ้เวรเอ๊ย!?” เด็กสาวเดาะลิ้นในขณะที่ยมทูตสบถอย่างเกรี้ยวกราด

    “อากาเนะ!? เรียวตะ!?” ยูจิที่เพิ่งได้เจอเพื่อนสาวอีกคนและยมทูตหนุ่มก็ร้องดีใจที่ทั้งคู่ยังไม่ตาย

    “ขอโทษที่เพิ่งโผล่มานะยูจิคุง”

    “สภาพไม่จืดเลยนะเจ้าเนี่ย”

    “น่าเสียดายจังนะทั้งสองคน แต่ว่าให้หมอนั่นตอบคำถามของฉันก่อนน่าจะดีกว่านะ” ยูกิพูด

    “มันใช่เวลาเหรอคะ” อากาเนะแย้ง

    “หน้ามันดูอยากตอบมากมั้ง” เรียวตะเสริม ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่เขาได้ทำความรู้จักกับยูกิไปแล้วแถมยังโดนถามคำถามเดียวกับอากาเนะไปอีก

    “…อย่างนี้นี่เอง เธอคือฟุบูกิ อากาเนะสินะ” ระหว่างนั้นเองเกะโทก็ได้พูดทักขึ้นมา ด้านเด็กสาวเจ้าของชื่อได้ยินก็หันไปมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง พอชายหนุ่มได้เห็นนัยน์ตาที่ไร้ผ้าปิดตาก็เลิกคิ้วแปลกใจ

    “เนตรยมทูต? มีของดีแบบนั้นก็ไม่บอก ฉันจะได้กำจัดเธอไปพร้อมกับโกะโจ ซาโตรุทีเดียวเลย”

    “ไอ้คำสาปที่ใช้ร่างเพื่อนอาจารย์โกะโจมาเป็นเหยื่อล่อให้อาจารย์ติดกับน่ะ หุบปากไปเลย” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกใส่อีกฝ่าย

    “ที่น่าเจ็บใจกว่าคือแผนแกมันสำเร็จซะด้วย อุตส่าห์เตือนอาจารย์ไปแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ตามสภาพ”

    “พูดแบบนี้…แปลว่าเธอรู้อยู่ก่อนแล้วสินะว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นน่ะ”

    “!?” พอเกะโทพูดแบบนั้น ทุกคนถึงกับหันไปหาเด็กสาวผมแดงกันเป็นตาเดียว ส่วนอากาเนะก็นิ่งเงียบไม่โต้ตอบ

    “ว่าไง ทำไมถึงไม่ตอบ?”

    “...เออ รู้อยู่ก่อนแล้ว” แต่สุดท้ายเธอก็จำใจกัดฟันตอบไปตามความจริง

    “เห~ เห็นอนาคตได้ตามที่ลือกันมาจริงๆเหรอเนี่ย แล้วทำไมถึงไม่บอกคนอื่นๆล่ะ”

    “มันพูดง่ายมากมั้ง”

    “ฟุบูกิจัง ขอฉันคุยกับเกะโทคุงแปบนึงนะ” ยูกิพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อแต่กลับแฝงไปด้วยความจริงจัง ทำให้อากาเนะต้องหยุดบทสนทนาของตนไว้เท่านี้ก่อนแล้วให้ยูกิคุยเกะโทต่อ

    “เธอยังจำได้อยู่รึเปล่าวิธีปัดเป่าคำสาปให้หมดจากโลกนี้ สุดท้ายไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็เป็นการผลักดันมนุษย์ให้พัฒนาไปอีกขั้นสู่อนาคตของมนุษยชาติที่ชื่อว่าการหลุดพ้นจากพลังไสยเวทยังไงล่ะ”

    “…ผิดแล้ว” เกะโทแย้ง “มันคือการเพิ่มประสิทธิภาพพลังไสยเวทให้เหมาะสมที่สุดต่างหาก”

    “…” หญิงสาวได้ฟังก็ทำหน้างงเลยหันไปหายูจิแล้วส่งสายตาถามว่าเข้าใจที่อีกฝ่ายพูดรึเปล่า

    “เอ่อ…จะแบบไหนก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี” แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่เข้าใจอยู่แล้ว

    “อันนี้ไม่เก็ตจริงค่ะ” รวมถึงอากาเนะด้วย

    “ฉันนึกว่าแผนหลุดพ้นนั่นถูกทิ้งไปเมื่อ 12 ปีก่อนพร้อมกับการตายของเซ็นอิง โทจิแล้วซะอีก”

    “ฉันว่าฉันพูดอยู่กับเกะโทคุงอยู่นะ” ยูกิตอบกลับ “แต่ช่างเถอะฉันกลับไปยึดหลักการเดิมก็ได้ อีกอย่างแผนเพิ่มประสิทธิภาพนั่นมันมีช่องโหว่อยู่ เทียบกับญี่ปุ่นแล้วที่ต่างประเทศมีผู้ใช้คุณไสยและการเกิดวิญญาณคำสาปน้อยมาก และแผนนั้นจำเป็นต้องมีเขตแดนของท่านเท็นเง็น ถ้าใช้ประโยชน์จากท่านเท็นเง็นก็หมายความว่าคนที่จะได้ใช้พลังไสยเวทและขึ้นเป็นผู้ใช้คุณไสยก็จะมีแค่คนที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่นเท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือญี่ปุ่นจะกลายเป็นผู้ครองพลังงานที่ชื่อว่าไสยเวทแต่เพียงผู้เดียว แน่นอนว่าประเทศอื่นๆทั่วโลกคงไม่อยู่เฉยแน่ คนที่มีชีวิตก็จะกลายเป็นแหล่งพลังงานจินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าจะเกิดเรื่องโชคร้ายแบบไหนขึ้นมา และนั่นก็เป็นโลกที่ห่างไกลจากอุดมคติที่ฉันหวังไว้มากเลยล่ะ”

    “ฮะๆๆ แล้วมันยังไงเหรอ?” แต่ชายหนุ่มกลับหัวเราะเหมือนไม่ได้สนใจ “เดิมทีวัตถุประสงค์ของเราก็ไม่ตรงกันอยู่แล้ว ฉันไม่อยากได้โลกที่ไม่มีวิญญาณคำสาปหรือโลกอันสงบสุขซักหน่อย คนธรรมดา ผู้ใช้คุณไสยและคำสาป ทั้งหมดนี้คือความเป็นไปได้ของรูปแบบพลังไสยเวทที่ชื่อว่ามนุษย์ แต่แค่นี้มันยังไม่พอสำหรับความเป็นไปได้ของมนุษย์”

    ‘…ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้ว’ ระหว่างนั้นเอง ทัตสึยะก็ได้พูดโพล่งขึ้นมาผ่านโทรจิตของอากาเนะ

    ‘หือ? มีอะไร’

    ‘มันจะทำให้ทุกคนในประเทศนี้กลายเป็นผู้ใช้คุณไสยเหมือนกับญี่ปุ่นสมัยก่อนและห้ำหั่นกันเอง’

    ‘หา!!? เอาจริงดิ!!’ แน่นอนว่าอากาเนะได้ยินแบบนั้นก็ตกใจจนเธอต้องกระตุกแขนเสื้อเรียวตะแล้วกระซิบบอกข้อความของทัตสึยะ

    “…บอกเลยว่าชิบหายแบบไม่มีอะไรมากั้น” ยมทูตหนุ่มกัดฟันกรอด

    “เดี๋ยวสิ กระซิบกระซาบอะไรกันอยู่สองคนน่ะ” ยูกิที่เห็นสองคนนี้อยู่ๆก็คุยกันก็อดสงสัยไม่ได้

    “ก่อนบอกขอฆ่าเจ้านี่ทิ้งก่อน ไม่งั้นอนาคตข้างหน้าเราทุกคนจะตายห่ากันหมด” เรียวตะว่าแล้วชี้ดาบไปทางเกะโท

    “หือ? นี่เธอ…อ้อ ไอ้เด็กกะโปกที่เคยอยู่กับราชินีหิมะยูกิฮิเมะไม่ใช่เหรอ”

    “หา?”

    “เดี๋ยว? นายเคยเจอหมอนี่ด้วยเหรอ” แต่พอเกะโททักแบบนั้น เรียวตะก็ทำหน้างงทันทีว่าไปรู้จักตัวเองตอนไหนแต่คนที่งงกว่าคืออากาเนะนี่แหละ

    “ข้าไม่เคยเจอเลยเถอะสาบานได้”

    “แต่ดูจากสภาพแล้วไม่ใช่วิญญาณคำสาป…แกเป็นตัวอะไรเนี่ย” พอเกะโทเห็นเรียวตะที่ต่างจากคนอื่นก็เกิดความสงสัย

    “ไม่ต้องมาสาระแนอยากรู้เนอะ” แต่ก็โดนยมทูตหนุ่มด่ากลับมา “พวกข้ารู้นะว่าเจ้าจะทำอะไร เพราะงั้นถ้าขยับแม้แต่นิดเดียว ดาบข้าจะได้บินไปเสียบที่หัวเจ้า”

    “ฮึๆๆๆ ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู” เกะโทหัวเราะแล้วใช้พลังไสยเวทของตัวเองราวกับเตรียมการบางอย่าง

    “!? วิญญาณคำสาปที่ชื่อมาฮิโตะอยู่ที่นี่ เจ้าตัวที่มีอาคมแทรกแซงวิญญาณนั่นอยู่ไหน” ยูกิเริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติก็รีบถามยูจิทันที

    “เมื่อกี้หมอนั่นดูดเข้าไปแล้วนะ?” เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อตอบตามความจริง

    “เอาจริงดิ?!”

    “ชิบหายแล้วไง?!” ไม่ใช่แค่ยูกิที่ช็อก เรียวตะเองก็ไม่ต่างกันและใช้ดาบที่ติดโซ่ตรงปลายด้ามจับเขวี้ยงไปทางเกะโททันที แต่มันก็ไม่ทันแล้ว

    “แปรเปลี่ยนธรรมชาติ”
     

    วิ้งงงง
     

    “?!” พระหนุ่มใช้พลังของมาฮิโตะสร้างสัญลักษณ์ขนาดยักษ์ที่พื้นแล้วสะท้อนไปยังบนฟ้า แน่นอนว่าเหล่าผู้ใช้คุณไสยทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้เห็นสัญลักษณ์นั่นก็อึ้งไปเลย

    “ไม่ใช่เขตแดนของเท็นเง็น นี่มัน…การใช้งานอาคมจากระยะไกล” ยูกิพูด

    ‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย’

    ‘ไอ้เวรนี่…เพื่อเป้าหมายแล้วมันทำได้ทุกอย่างจริงๆ’ ยูกิฮิเมะและทัตสึยะที่เฝ้ามองจากอาณาเขตของยูกิฮิเมะเจอแบบนี้ก็ช็อกไม่ต่างกัน

    “ต้องขอบคุณเธอเลยนะอิตาโดริ ยูจิ” เกะโทเอ่ยขอบคุณยูจิ “คุณภาพอาคมของวิญญาณคำสาปที่ถูกดูดโดยวิชาควบคุมวิญญาณคำสาปมันจะหยุดพัฒนาก็ต่อเมื่อถูกดูดเข้าไป แต่มาฮิโตะได้พัฒนาตอนที่สู้กับนายแล้ว ที่จริงฉันก็อยากได้ของโจโกะอยู่เหมือนกันแต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

    ‘ดูท่าวางแผนมานานตั้งหลายร้อยหลายพันปี และทุกอย่างมันก็เข้าทางหมอนี่ตั้งแต่ที่รู้ว่าซาโตรุไม่ทำลายศพเพื่อนตัวเองแล้ว’ ยูกิฮิเมะว่า

    ‘สันดานชาติหมาระยำตำบอนแบบนี้มีอยู่แค่คนเดียว…ไอ้เคนจาคุ’ ทัตสึยะกัดฟันกรอดที่ศัตรูที่เหล่าผู้คุณไสยเจออยู่ ณ ตอนนี้คือคนที่ตัวเองไม่อยากเจอที่สุด

    “นายทำอะไร” ยูกิถามเสียงแข็ง

    “ร่ายแปรเปลี่ยนธรรมชาติจากระยะไกลใส่คนธรรมดาสองประเภทที่ฉันทำเครื่องหมายไว้คือคนที่ฉันให้กินวัตถุต้องสาปเหมือนอิตาโดริ ยูจิและคนที่มีอาคมแต่โครงสร้างสมองเป็นคนธรรมดาเหมือนกับโยชิโนะ จุนเปย์”

    “สัญลักษณ์นั่น…อย่าบอกนะ!!?” ยมทูตหนุ่มเห็นสัญลักษณ์บนฟ้าก็นึกออกได้ทันทีว่าตัวเองเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน
     

    เพราะมันคือสัญลักษณ์เดียวกันกับที่อยู่บนหน้าผากของฟุชิงุโระ สึมิกิหรือพี่สาวของเมงุมินั่นเอง
     

    “ฉันได้ทำการปรับแต่งสมองของพวกเขาให้เป็นรูปแบบของผู้ใช้คุณไสย คนก่อนเพิ่มความแข็งแกร่งให้ในฐานะภาชนะส่วนคนหลังทำให้สามารถใช้อาคมได้ และ…” เกะโทเว้นช่วงพูดพร้อมถือผ้ายันต์เก่าๆ ที่มัดเป็นปมก่อนจะดึงปมให้คลายออกและปล่อยทิ้งไป “ฉันคลายผนึกวัตถุต้องสาปเหล่านั้นแล้ว ระหว่างที่ฉันหมายหัวอยู่ก็มีคนที่หลับไม่ตื่นเพราะโดนพลังไสยเวทของฉันอยู่เหมือนกัน อีกไม่นานก็คงตื่นแหละ”

    ‘ถ้าจำไม่ผิด เจ้าเด็กที่ชื่อฟุชิงุโระนั่นบอกว่าตัวเองมีพี่สาวที่หลับไม่ตื่นอยู่สินะ แถมมีสัญลักษณ์นั่นอยู่บนหน้าผากอีก’ ราชินีหิมะเอ่ยเสียงเครียด

    ‘ถึงข้าจะชอบเรื่องบันเทิง แต่ข้าไม่เคยมองว่าสิ่งที่ไอ้เวรตะไลนี่ทำอยู่มันบันเทิงเลยซักนิด’ ทัตสึยะเสริม

    “หลังจากนี้ฉันจะให้พวกเขาฆ่าฟันกันเองเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังไสยเวทมากขึ้น” เกะโทอธิบายต่อ “นั่นเป็นพวกเด็กและวัตถุต้องสาปที่ฉันเลือกมาเป็นอย่างดี คิดซะว่าเป็นการปล่อยอิตาโดริ ยูจิที่มีจิตใจชั่วร้ายออกไปพันคนก็ได้”

    “พันคนเหรอ ฟังดูน้อยจังนะแล้วก็ดูถูกความมีเหตุผลของมนุษย์เกินไปแล้ว” ยูกิแย้งอย่างไม่เห็นด้วย “คิดว่ามนุษย์จะฆ่าฟันกันเองเพราะแค่ได้รับพลังมาอย่างนั้นเหรอ”

    “ทุกอย่างล้วนมีลำดับขั้นตอนเรื่องแค่นั้นฉันจะไปทำพลาดได้ยังกันล่ะ คำถามเริ่มตื้นเขินแล้วนะ”

    “...” พอเกะโททักแบบนั้นยูกิยิ้มหน้าแห้งขึ้นมาและเริ่มหัวเสียทีละนิด

    “หมอนั่นบอกว่าคำถามของเจ้าเริ่มไร้สมองแล้วน่ะ” แถมยังโดนเรียวตะขยี้ซ้ำอีกดอก

    “ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องมาย้ำฉันหรอก!” หญิงสาวแหวใส่และหันมาหายูจิ “หมอนั่นน่าหงุดหงิดเป็นบ้า ทุกคนไปอัดมันกันเถอะ”

    “เอ่อ ตอนนี้พวกเราขยับไม่ได้นะ”

    “ชีวิตคนเราไม่ใช่ของเล่นนะที่อยากจะชักใยอะไรตามใจชอบเพื่อสนองความสุนทรีย์ของตัวเองน่ะ” อากาเนะเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว “สำหรับแกมันอาจจะสนุกแต่พวกฉันที่ต้องทำงานเสี่ยงชีวิตกันเอาเป็นเอาตายคือไม่เลยซักนิด สิ่งที่แกทำคือให้คนหันมาฆ่ากันเองเหมือนในหนังแนวเอาตัวรอดแบบนี้มันไม่สนุกนะ โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ๆก็โดนปลุกพลังไสยเวทให้มาฆ่าฟันกันเอง แกคิดว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเหรอ”

    “แต่มันก็อาจจะมีคนบางคนที่ต้องการพลังนี้อยู่เหมือนกันนะ” เกะโทโต้กลับ

    “เรื่องนี้ฉันไม่เถียงเพราะมันมีคนแบบนั้นอยู่จริง แต่แกอย่าเอาแต่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียวจนลืมเสียงอีกฝ่ายไปด้วยสิ ในเมื่อมีคนอยากได้ก็ต้องมีคนที่ไม่อยากได้อยู่แล้ว”

    “โห~ โลกสวยจังนะเธอเนี่ย” พระหนุ่มยิ้มขบขันผิดกับเด็กสาวที่หน้าตึงสุดๆ

    “ที่ฉันพูดมาเมื่อกี้มันอาจจะดูโลกสวยก็จริง แต่ทุกอย่างจะมีตอนจบของมันเสมอ”

    “?”

    “ในเมื่อแกเป็นคนเริ่มเกมส์เอาตัวรอดบ้าๆนี่ ซักวันเกมส์นี้ก็จะต้องจบลง และแกจะต้องโดนปัดเป่าด้วยฝีมือใครซักคนในบรรดาพวกฉัน” ประโยคสาปแช่งที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและเย็นชาทำเอาเรียวตะที่อยู่ข้างๆรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาไม่เคยเห็นอากาเนะโกรธขนาดนี้มาก่อน แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงได้โกรธขนาดนี้

    “ฮึๆๆๆ ถ้าเธอพูดมาขนาดนี้แล้วงั้นฉันจะบอกอะไรให้ก็ได้ เรื่องฆาตกรที่แท้จริงที่ลงมือฆ่าฮิรามารุ ซายากะน่ะ”

    “?!” สองทวดเหลนได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไป

    “เดี๋ยว เจ้าหมอนี่พูดเรื่องอะไร” ยูกิที่เจอหัวข้อสนทนาใหม่ที่ไม่เคยได้ก่อนก็ทำหน้างง

    “เรื่องในอดีตที่ไม่อยากจะจำซักเท่าไหร่” ยมทูตหนุ่มตอบเสียงเครียด

    “เพราะฆาตกรตัวจริงคนนั้นน่ะยืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอแล้วนี่ไงล่ะ ฟุบูกิ อากาเนะ”

    “!!?/?!” ประโยคของอีกฝ่ายทำเอาทั้งเด็กสาวและเรียวตะช็อกจนพูดไม่ออก แต่ก็ยังรวมไปถึงยูกิฮิเมะและทัตสึยะด้วย

    ‘…ได้ยินแล้วใช่มั้ยยูกิฮิเมะ เตรียมตัวไว้เลย’ เด็กสาวพูดกับคำสาปสาวผ่านจิตและเหมือนจะมีเตี๊ยมทำอะไรซักอย่างด้วย

    “เป็นอะไรไป แค่นี้ถึงกับเงียบเลยเหรอ”

    “…ที่เงียบอยู่เพราะคิดอยู่ว่าจะฆ่าเจ้ายังไงอยู่ต่างหาก” เรียวตะตอบด้วยน้ำเสียงยะเยือก
     

    ซ่า!!!
     

    “?!”

    “อึก!?” แต่แล้วอาคมน้ำแข็งของอุราอุเมะจู่ๆก็ถูกคลายลงพร้อมกับเจ้าของอาคมที่เข่าทรุดกับพื้น

    “เป็นอะไรไป? อุราอุเมะ”

    “ข้าใช้อาคมย้อนกลับสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ นี่มัน…พิษเหรอ!?”

    “ท่าเจาะโลหิตผสมเลือดของฉันไปด้วย มันเลยออกอาการน่ะ” โจโซตอบเพราะก่อนหน้าที่ยูกิกับอากาเนะจะมาถึง ตอนที่โดนอาคมของอุราอุเมะโจโซใช้อาคมตัวเองมาละลายน้ำแข็งแต่โดนอุราอุเมะจับได้ซะก่อน

    “เดี๋ยวก่อน ไม่มีใครสนับสนุนมาอิจังฝ่ายนั้นอาจจะยังมีพวกของมันอยู่ก็ได้” โมโมะพูดด้วยความกังวล

    “อาโออิกับเด็กถือปืนแล้วก็เด็กใส่สูท พรรคพวกของฉันคุ้มกันให้อยู่แต่อยู่ที่อื่น” ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษสาวตอบ

    “ขยับตัวได้มั้ย” แพนด้าโหมดกอริลล่าถามคาโมะ

    “อา ฉันปรับอุณหภูมิร่างกายได้ไม่มีปัญหา”

    “แต่ว่าทางฉันพูดไม่จบเลยนะ” เสียงของเกะโทบอกให้ทุกคนกลับมาสนใจตัวเอง “วัตถุต้องสาปที่ฉันแจกจ่ายไป มันคือผลผลิตที่ได้จากผู้ใช้คุณไสยที่ฉันทยอยทำสัญญาด้วยมาตั้งแต่เมื่อพันปีก่อน แต่ว่าคนที่ทำสัญญากับฉันไม่ได้มีแค่ผู้ใช้คุณไสย”

    ‘สันดานชั่วช้าเกินบรรยาย’ อากาเนะด่าในใจ

    “เอาเถอะ…สัญญาเหล่านั้นฉันทิ้งไปตั้วแต่ได้ร่างกายนี้มาแล้วล่ะนะ”

    “!? อย่าบอกนะ” ยูกิรู้สึกได้ถึงลางไม่ดี

    “นี่แหละคือ…โลกหลังจากนี้…!” สิ้นเสียงของเกะโท ทั้งพื้นที่กลายเป็นควันสีดำและมีวิญญาณคำสาปมากมายได้โผล่ร่างออกมาจากพื้นพร้อมลอยละล่องออกไปบนฟ้า จากนั้นเกะโทก็ได้โชว์กล่องโกคุมงเคียวที่ขังโกะโจไว้ในนั้นและพูดบอกลา

    “ลาก่อนนะ อิตาโดริ ยูจิ ฉันคาดหวังในตัวเธออยู่นะ”

    “อาจารย์โกะโจ!!!!!” เด็กหนุ่มผมชมพูร้องตะโกนด้วยความเจ็บใจที่เป้าหมายอยู่ข้างหน้านี้แล้วแต่ตัวเองกลับทำอะไรไม่ได้

    ‘ได้ยินรึเปล่าสุคุนะ ตอนนี้ยุคเฮอันที่เคยเป็นยุคทองของผู้ใช้คุณไสยเริ่มต้นอีกครั้งแล้ว-’
     

    พรึ่บ!!
     

    “?!” ทว่าในระหว่างที่เกะโทกำลังจะวาร์ปหายไปอยู่ ร่างของอากาเนะที่ผมของเธอกลายเป็นสีครามกลับพุ่งเข้าหาใส่เกะโทอย่างไร้เกรงกลัวและยื่นมือออกมาเพื่อจะคว้ากล่องโกคุมงเคียวให้ได้

    ‘อีกนิดเดียว-’

    “จริงด้วยสิ ฉันลืมเธอไปได้ไงเนี่ย” เกะโทฉีกยิ้มที่ได้เห็นยูกิฮิเมะออกมาสิงร่างเด็กสาวผู้เป็นภาชนะและมีอาการออกแบบชัดเจน เขาเลยยกแขนไปบนฟ้าเป็นการหลบมลทำให้ยูกิฮิเมะคว้ากล่องนั้นไม่สำเร็จและล้มลงกับพื้น

    “ถ้ามีโอกาสก็หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะคุณราชินีหิมะผู้น่าสงสาร ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะ”

    “เอาซาโตรุคืนมานะ!!!!!!!!” ชายหนุ่มบอกลาอย่างเย้ยหยันและหายตัวไป ทำให้คำสาปสาวเจ้าของชื่อที่แค้นเพราะเพิ่งมารู้ความจริงที่ตัวเองโดนใส่ร้ายแล้วแค้นหนักกว่าเดิมจนต้องตวาดกลับออกมาอย่างเหลืออด

    “…ยูกิฮิเมะ…” เรียวตะที่ไม่เคยเห็นยูกิฮิเมะโมโหขนาดนี้มาก่อนถึงขึ้นเอ่ยชื่ออกมาแทนคำว่าแม่ที่ตัวเองเรียกเป็นประจำและบินมาหาเพื่อดูอาการ

    “…” ส่วนยูกิฮิเมะก็หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงราวกับพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง จนกระทั่งผมของเธอกลับมาเป็นสีแดงเป็นการบอกว่าเจ้าของร่างอย่างอากาเนะได้กลับมาแล้ว

    “…ฉันไม่เคยเห็นยูกิฮิเมะอาการหนักขนาดนี้มาก่อนเลย” อากาเนะว่า

    “อย่าว่าแต่เจ้าเลย ข้าเองก็เพิ่งเคยเห็น” เรียวตะเสริม “แต่ว่านะอากาเนะ ไอ้เกะโทนั่นมันบอกว่าตัวเองเป็นคนร้ายตัวจริงของคดีฆาตกรรมฮิรามารุใช่มั้ย”

    “ต้องบอกว่าเป็นวิญญาณคำสาปข้างในน่าจะถูกกว่า…” เด็กสาวผมแดงพูดพลางเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วพิมพ์บางอย่างลงไป “พอมารู้แบบนี้แล้ว มันก็ต้องเอาคืนเป็นล้านเท่า”

     

    วันที่ 31 ตุลาคม เวลา 23:45 น. อุบัติการณ์ชิบุย่าได้สิ้นสุดลง โกะโจ ซาโตรุถูกผนึก มีคนธรรมดาเสียชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมนี้พร้อมกับการสูญเสียผู้ใช้คุณไสยระดับ 1 นานามิ เคนโตะอย่างไม่มีวันหวนคืน
     

    และหลังจบเหตุการณ์นี้

     

    ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษฟุบูกิ อากาเนะและยมทูตเรียวตะ

     

    ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

     

     

     

     


     

    .

    .

    .

    Talkๆ desu: โคตรหั่น หั่นซะเหี้ยนจนไม่มีอะไรมากั้น แต่ทั้งอากาเนะ เรียวตะ ยูกิฮิเมะแล้วก็ทัตสึยะรู้แล้วว่าคนร้ายที่ฆ่าซายากะตัวจริงคืออีเคนจาคุ คนที่เดือดสุดก็หนีไม่พ้นยูกิฮิเมะนี่แหละ
     

    อ้อแล้วก็ตอนหน้าจบซีซั่นสองแล้วนะคะ
     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนจบ บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยย
     

     Cr.

     

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×