NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #58 : ชิบุย่านองเลือด (8)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 67


    ย้อนกลับไปเมื่อ1 สัปดาห์ก่อนเกิดอุบัติการณ์ชิบุย่า

    “ฮัลโหลค่ะ ทุกคนได้ยินฉันมั้ยคะ”

    “ได้ยินจ้า”

    “อืม”

    “ถ้าได้ยินแล้วก่อนอื่นขอบคุณทุกคนมาตามนัดแล้วก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่อยู่ๆมานัดประชุมด่วนจี๋กันแบบนี้” ย้อนกลับไปก่อนวันที่ 31 ตุลาคม เนื่องจากอากาเนะมองเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้นในชิบุย่าแล้วเธอเลยทำการจัดประชุมออนไลน์ในดิสคอร์ดอย่างเร่งด่วนและได้ขอให้เซย์จิช่วยเรียกกลุ่มผู้สนับสนุนอย่างอายาเมะ จิน ยาสุโอะ ริเสะและริวโนะสุเกะ รวมถึงฮิโตมิและฮิโรโตะด้วย ในตอนนี้เธอนั่งคุยกับทุกคนในห้องแช็ตประชุมกันอยู่

    “แต่ว่านะอากาเนะจัง ก่อนจะเริ่มคุยกันนี่ฉันขอถามได้มั้ย” ฮิโตมิเปิดไมค์ถาม “ที่บอกว่าจะรับตำแหน่งผู้นำตระกูลนี่เรื่องจริงเหรอ”

    “เรื่องจริงค่ะ” 

    “เห~ ไหนบอกว่าไม่ได้สนใจไงยัยหนู” จินถาม

    “หน้าด้านเนอะกล้าเรียกอากาเนะว่ายัยหนู อ้อลืมไปหน้าด้านเป็นปกติอยู่แล้วนี่” 

    “อุ๊บ!?”

    “โอ้มายก็อด…”

    “♪~” แต่ประโยคแขวะด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของริวโนะสุเกะทำเอาทุกคนอึ้งกันถ้วนหน้าและออกรีแอคชั่นที่แตกต่างกันไปทั้งเกือบหลุดขำ อุทานตกใจและผิวปากนึกสนุก

    “เปิดมาก็เอาเลยเหรอ” ยาสุโอะพูด

    “วันนี้ริวคุงเกรี้ยวกราดแต่เช้าเลยแฮะ” อายาเมะเสริม

    “ขอประทานโทษนะครับคุณอิชิดะ ริวโนะสุเกะ” จินที่อยู่ๆก็โดนแขวะทันทีตั้งแต่เริ่มกัดฟันทักประชดประชันอย่างเหลืออด “วันนี้คุณเป็นเหี้ยอะไรครับ ถึงได้มาแขวะกันแต่เช้ากันแบบนี้”

    “สมองนายมีไว้แค่คั่นหูเหรอ”

    “แรงไม่หยุดเลย วันนี้กินรังแตนเป็นข้าวเช้ารึไง” ริเสะแซะน้องชายต่างแม่ของตน

    “ทานโทษนะคะ อันนี้ไม่ใช่ดิสห้องด่าค่ะ” อากาเนะที่ปิดไมค์ไปก็เปิดไมค์แล้วเอ่ยเสียงเย็นใส่ ทำเอาสองหนุ่มที่วิวาทะกันเมื่อครู่ก็ปิดไมค์เงียบทันทีและพิมพ์ข้อความส่งในช่องแชทว่าขอโทษกันทั้งคู่ด้วย

    “ที่เรียกทุกคนมาเพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะมาปรึกษาทุกคนค่ะ ก่อนอื่น…” เด็กสาวว่าพลางเปิดกล้องและถอดผ้าปิดตาออก จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆกับกล้องโน้ตบุ๊คแต่ก็ไม่มากจนเกินไป

    “ในกล้องเห็นสีตาฉันชัดมั้ยคะ”

    “เอ๊ะ? เอ๋?!! ที่อากาเนะจังปิดตาก็เพราะสีตาไม่เหมือนกันหรอกเหรอ?!!” อายาเมะร้องเสียงดัง

    “เสียงดังเกินไปแล้วนะอายาเมะ ฉันนี่ลดเสียงแทบไม่ทัน…” ริเสะเอ็ด “แต่ถ้าดูจากในกล้องแล้วไม่ใช่คอนแทคเลนส์น่าจะเป็นสีตาจริงๆนะ”

    “แถมอากาเนะจังก็ปิดตาข้างนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” ฮิโรโตะเสริม

    “นี่คือเนตรยมทูตค่ะ ฉันเสียตาซ้ายไปตั้งแต่ตอนที่คนจากบ้านฮิรามารุจะฆ่าฉันเป็นครั้งแรกแล้ว เจ้านี่เป็นของต่อชีวิตฉันเองค่ะถ้าไม่มีคือฉันตายไปนานแล้ว”

    “อ๋ออย่างนี้นี่เอง เพราะเป็นเนตรยม-หาาาาาาาา!!!?” ฮิโตมิที่กำลังขมวดเรื่องพอมานึกคำว่าเนตรยมทูตก็ร้องเสียงดังทันทีในขณะที่คนอื่นๆในดิสช็อกกันไปแล้ว

    “เนตรยมทูตนี่ อย่าบอกนะว่าใช่พลังอาถรรพ์ที่คนลือกันว่ามองเห็นอนาคตได้แต่พอได้แล้วอายุจะสั้นรึเปล่า” ยาสุโอะด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ

    “แหะๆ ตามนั้นค่ะ” อากาเนะขำแห้งแล้วพูดต่อ “แต่รายละเอียดขอไม่เล่านะคะว่าได้มายังไง ความสามารถก็อย่างที่คุณฮิเดโยชิบอกเลยค่ะว่ามันมองเห็นอนาคตได้แต่คนที่ได้จะติดndaว่าถ้าเห็นอนาคตแล้วจะยังบอกอนาคตนั้นไม่ได้ในทันทีต้องรอให้มันเกิดขึ้นไปแล้วถึงจะบอกได้ค่ะ”

    “เข้าใจใช้ศัพท์นะ” ริวโนะสุเกะพูด “งั้นที่เธอเรียกพวกเรามาแบบนี้แปลว่าเธอจะบอกอนาคตที่เห็นผ่านเนตรยมทูตมาใช่มั้ย”

    “ค่ะ”

    “แต่หลานบอกว่าหลานติดndaบอกอนาคตไม่ได้นี่? หรือว่าอนาคตที่หลานเห็นมันเกิดขึ้นไปแล้ว?” เซย์จิถาม

    “มันยังไม่เกิดค่ะ ถึงจะติดndaแต่มันก็มีวิธีที่เราสามารถพูดถึงอนาคตนั้นได้อยู่ คือบอกแบบไม่ลงรายละเอียด ถามเหมือนเป็นเหตุการณ์สมมติ หรือใช้รูปประโยคกำกวมให้ไปคิดกันเอาเองค่ะ”

    “แต่ดูจากที่เรียกมาวันนี้แล้วเธอคงอยากจะบอกเราให้ได้สินะ?” จินถามบ้าง

    “เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับความเป็นความตายค่ะ”

    “!?” ประโยคของเธอทำเอาทุกคนชะงักไปทันที

    “เกี่ยวพันความเป็นความตาย?”

    “แปลว่าเรื่องมันต้องใหญ่มากแน่ๆ…” ฮิโตมิและฮิโรโตะพึมพำไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    “หลานบอกเท่าที่บอกได้มาเลย ถึงติดndaไปเดี๋ยวพวกเราจะช่วยกันคิดให้เอง” เซย์จิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้เด็กสาวผมแดงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

    “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าจะให้สปอยล์ก็เร็วๆนี้ในคืนเทศกาลของเดือนนี้ ทุกถนนหนทางทั้งห้าจะเต็มไปด้วยเลือดและปีศาจ อันนี้คือพยายามช่วยสุดๆแล้วนะคะบอกมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” แน่นอนว่าพอเด็กสาวบอกใบ้ไปทุกคนในดิสคอร์ดก็ใช้หัวคิดตีความคำใบ้ที่เธอให้มา

    “…เอาจริงดิ?” และดูเหมือนฮิโรโตะจะเข้าใจในคำใบ้นี่แล้วเป็นคนแรก “วันที่ 31 ตุลาคมจะเกิดเหตุการณ์คำสาปอะลาวาดจนคนตายเกลื่อนเหรอ”

    “คิดเหมือนกันกับฉันเลยฮิโรโตะคุง” อายาเมะเสริมเห็นด้วย “ส่วนสถานที่ เห็นว่าชิบุย่าจะจัดอีเว้นฮาโลวีนที่นั่นอยู่ เป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุ”

    “แต่ทำไมต้องเป็นชิบุย่าด้วยล่ะ เนตรยมทูตได้บอกเธอรึเปล่า” ยาสุโอะถาม อากาเนะจึงส่ายหัวเป็นคำตอบเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเป็นชิบุย่า

    “อาจจะเป็นแผนและความตั้งใจของศัตรูก็ได้ว่าต้องลงมือที่นั่นเท่านั้น” จินออกความเห็น

    “ยิ่งวันนั้นเป็นวันฮาโลวีน ชิบุย่าอาจจะจัดอีเว้นท์รับเทศกาลกันตามปกติ” ริเสะพูด “แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือปีนี้จะกลายเป็นฮาโลวีนสีเลือด ไม่ได้มีแค่คนธรรมดาเผลอๆอาจจะมีผู้ใช้คุณไสยเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วย”

    “...แล้วเธอต้องไปที่ชิบุย่าใช่มั้ย อากาเนะ” เสียงของริวโนะสุเกะทำเอาทุกคนหันไปสนใจเขาทันที

    “มีความเป็นไปได้สูงค่ะ”

    “ฉันว่างานนี้พวกฮิรามารุคงไม่พลาดโอกาสนี้จะฆ่าเธอแบบเบ็ดเสร็จแน่” ชายหนุ่มผมสีเทาหม่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้บรรยากาศในการประชุมออนไลน์จากที่เครียดอยู่แล้วมันเครียดกว่าเดิม

    “อ่า…จริงด้วย ฉันลืมไอ้พวกชาติหมานั่นไปได้ยังไงกันนะ” ฮิโรโตะกุมขมับ

    “ฮิโรโตะ ปาก” เซย์จิดุ

    “อะไรอะพ่อ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

    “พ่อไม่ได้ว่าแกตรงนั้น พ่อหมายถึงพูดอะไรเกรงใจอากาเนะหน่อย”

    “อุ่ย?!” ชายเจ้าของชื่อก็สะดุ้งเบาๆพลางไปเห็นเด็กสาวเจ้าของชื่อที่ยังไม่ได้ปิดกล้องและยิ้มแห้งใส่ “ขอโทษนะอากาเนะจัง”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจความรู้สึกคุณ”

    “แต่ที่คุณอิชิดะพูดมามันก็เป็นไปได้นะคะ ที่เจ้าพวกนั้นกะจะฆ่าอากาเนะจังในวันนั้นเลย” ฮิโตมิเสริมความเห็นของริวโนะสุเกะ “แล้วอากาเนะจังจะเอายังไงเหรอ”

    “คนพวกนั้นพูดด้วยเหตุผลไม่ได้แล้วค่ะ” อากาเนะพูดด้วยความเหนื่อยใจ “ก็ไม่ได้อยากจะทำเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดไปกี่รอบแล้วยังไม่ฟังก็มีแต่ฆ่าทิ้งเท่านั้น”

    “?!!” ประโยคไม่คาดคิดที่ออกมาจากจากปากของคนเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ทำเอาทุกคนอึ้งชะงักไป

    “ถ้าเกิดคนจากบ้านนั้นโผล่มาจริง ฉันยอมมือเปื้อนเลือดฆ่ามันเองค่ะ”

    “...” พอเด็กสาวพูดแบบนี้ทำให้ทุกคนอึ้งกว่าเดิม แต่พอมาคิดอีกทีมันคงจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเธอแล้วจริงๆ

    “แต่บ้านนั้นเป็นพวกหูตาไวซะด้วยสิ” เซย์จิเอ่ยด้วยความกังวลเพราะช่วงที่เขาไปขอให้มิซาเอะช่วยเลี้ยงอากาเนะอยู่ ฮิโตมิกับฮิโรโตะก็โทรมาบอกว่ามีคนจากตระกูลฮิรามารุมาสะกดรอยตามพวกเขาในระหว่างที่พาอากาเนะไปเดินเล่นรอมิซาเอะคุยให้เสร็จ มันเลยทำให้เขากังวลว่าถ้าเกิดอากาเนะจัดการได้สำเร็จล่ะก็พวกเขาจะต้องตามสืบว่าใครฆ่าคนของมันแน่ๆ

    “เฮ้อ~ ถ้ารู้ว่ามันตามกันถึงขนาดนี้” อากาเนะเอาหน้าฟุบโต๊ะและถอนหายใจเอือระอา “ฆ่ายกครัวบ้านนั้นไปตั้งแต่แรกก็จบ”

    “?!” เด็กสาวพูดออกมาลอยๆแต่หาได้รู้ไม่ว่ามันกลับทำให้ทุกคนหูผึ่งและตาลุกวาวขึ้นมาทันใด


    เพราะพวกเขาอยากได้ยินคำนี้มานานแล้ว


    “ทำไมเด็กพวกนั้นมันเงียบกันแปลกๆ”

    “เห้ยๆๆ อย่าบอกนะว่าพวกแกคิดจะทำจริงน่ะ?” เซย์จิและยาสุโอะรู้สึกว่าเหล่าหนุ่มสาวทั้งหลายเงียบผิดปกติก็เกิดรู้สึกไม่ไว้วางใจแปลกๆ

    “ห๊ะ? ฉันแค่พูดเล่นเองนะคะ” เด็กสาวผมแดงได้ยินบทสนทนาของคนแก่ทั้งสองก็รีบเงยหน้าทันทีและปิดกล้องตัวเอง

    “เธอพูดเล่นแต่เจ้าพวกนั้นมันคิดจะทำกันจริงๆน่ะสิ” ยาสุโอะว่า “ใช่มั้ย ไอ้พวกหมาป่าห่มหนังแกะทั้งหลาย?”

    “พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยค่ะคุณฮิเดโยชิ~” อายาเมะเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน

    “บังเอิญจังนะที่วันนี้พวกเราสี่คนคิดเหมือนกัน” ตามมาด้วยจิน

    “ถ้าไม่มีคำสั่งแบบจริงๆจังพวกเราก็ยังไม่ทำหรอก ใช่มั้ยทุกคน”

    “ช่ายยยย~” ประโยคของริเสะทำให้อายาเมะและจินต่างขานรับพร้อมกันก่อนจะพบว่ามีคนไม่เล่นด้วยอยู่หนึ่งคน

    “ใจคอไม่คิดจะเล่นด้วยรึไง แต่รู้นะว่านายซุ่มคิดแผนจัดการเจ้าพวกนั้นอยู่ ริวโนะสุเกะ”

    “รู้มาก”

    ‘สงสัยเก็บกดกันเกือบทั้งบ้าน’ อากาเนะฟังบทสนทนาแล้วกุมขมับเลยทีเดียว

    “คิดแบบนี้ไม่กลัวเบื้องบนรู้แล้วดีดพวกเราออกจากวงการไสยเวทรึไง” เซย์จิทำเสียงดุ ถึงจะยังไม่อนุมัติแต่ถ้าเบื้องบนรู้เรื่องนี้เข้าตระกูลฟุบูกิมีหวังโดนดีดออกจากวงการผู้ใช้คุณไสยแหงๆ พอทั้ง 4 คนได้ยินคำเตือนนั้นต่างก็เงียบไปโดยปริยาย

    “...เอางี้มั้ยคะทุกคน” อากาเนะพูดทำลายความเงียบ “ไหนๆก็จะโดนถีบออกแล้ว พวกเราก็ตั้งตัวเองให้เป็นกลุ่มหน่วยงานอิสระไปเลย ไม่ได้ขึ้นตรงกับเบื้องบนแต่ก็ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับนักสาปแช่ง”

    “?!! จะเอาจริงเหรออากาเนะจัง!” ฮิโตมิร้องตกใจ

    “เดี๋ยวๆๆๆๆๆ คิดดีแล้วเหรอเธอน่ะ!?” ตามมาด้วยยาสุโอะ

    “ก็โดนหมายหัวเพราะเป็นภาชนะให้ยูกิฮิเมะไปแล้วนี่คะ เชื่อเถอะว่าหลังจบเรื่องชิบุย่าเบื้องบนอาจจะเล่นตุกติกสั่งประหารฉันก็ได้ถึงแม้ฉันทำงานตามภารกิจ ฉันยอมเสี่ยงทำเรื่องให้โดนไล่เองดีกว่าค่ะ”

    “ก็คือไปฆ่าพวกบ้านฮิรามารุเนี่ยนะ? แล้วชิบุย่าล่ะ” เซย์จิถาม

    “ก็ทำด้วยเหมือนกันค่ะ หนูคิดแผนไว้ว่าแบ่งเป็น 2 ทีมคือทีมชิบุย่ากับทีมล้างคอกหมา ทีมละ 2 คนพอเพราะฉันไม่อยากเอาคนไปเยอะ ส่วนวันลงมือก็วันที่ 31 ตุลาค่ะ”

    “ชื่อทีมหลังคือได้ใจมาก” ฮิโรโตะยิ้มขบขัน

    “ทีมชิบุย่าขอคนที่มีพลังพังม่านได้ เพราะฉันคิดว่าสาเหตุที่คนตายเยอะอาจจะเป็นเพราะมีการกางม่านเกิดขึ้นและเป็นม่านที่ใหญ่มากพอที่จะขังคนธรรมดาไว้เยอะๆได้ ไม่ต้องเอาพังทั้งหมดขอแค่มีรอยร้าวพาคนให้ออกไปได้ก็พอ แล้วก็จะได้ไม่โดนศัตรูจับได้ด้วย”

    “งานถนัดพวกคุณเลยนี่คะ? คุณโคซากุระ คุณฮิโรมาสะ”

    “จริงเหรอคะ” เสียงของฮิโตมิทำให้อากาเนะเลิกคิ้วสนอกสนใจ

    “พวกฉันก็พอทำได้อยู่นะ แต่ฉันคิดว่าวันนั้นคนน่าจะเยอะมากเลยไม่รับประกันว่าจะช่วยได้หมดทุกคน” อายาเมะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ช่วยให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ก็พอแล้ว”

    “โอเค~ งั้นฉันกับจินคุงจะจัดการให้เอง”

    “เชื่อมือพวกเราได้เลย” อายาเมะและจินเอ่ยรับคำสั่งด้วยความยินดี ทำให้เด็กสาวใจชื้นและมีกำลังใจขึ้นมา

    “เดี๋ยวรายละเอียดฉันจะทักหลังไมค์ทั้งสองคนไปนะคะ ส่วนทีมล้างคอกหมา…ขอพูดอะไรก่อนแปบนึง” พอจัดหาคนที่จะไปชิบุย่าได้แล้วก็มาจัดกับทีมล้างคอกหมาต่อ 

    “แผนล้างคอกหมาใครที่ไม่เห็นด้วยก็ค้านได้นะคะ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าสถานะของพวกเราถ้าทำแบบนั้นยังไงก็ต้องโดนแบนแน่นอน แต่สำหรับฉันที่เสียพ่อแม่แล้วก็เกือบตายจากบ้านนั้นมาแล้วครั้งสองครั้ง ถ้ายังปล่อยไว้อนาคตข้างหน้าคนของตระกูลเราก็หนีจากบ้านนั้นไม่พ้นอยู่ดี เพราะงั้นฉันอยากให้มันจบที่รุ่นฉันเพื่อให้ไม่มีใครโดนคนตระกูลฮิรามารุมาตามฆ่าอีกแล้ว”

    “…” ทุกคนเงียบฟังสิ่งที่คนเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ที่ฉันกล้าพูดแบบนี้เพราะฉันเตรียมใจรับผลที่จะตามมาแล้ว ใครจะเอาแผนนี้ให้ส่งอิโมจิยกนิ้วโป้งขึ้นส่วนใครไม่เห็นด้วยก็อิโมจิยกนิ้วโป้งลงในช่องแชท นับหนึ่งถึงสามนะคะ” แต่อากาเนะก็ให้โอกาสทุกคนโหวตออกความเห็นก่อนและนับสัญญาณทันที

    “1 2 3” สิ้นเสียงให้สัญญาณ ข้อความในห้องแชทก็เด้งขึ้นตามจำนวนคน และผลที่ได้ก็คือ

    เห็นด้วย 5 คนและไม่เห็นด้วย 3 คน

    “…เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ถามเหตุผลนะคะว่าทำไมถึงโหวตแบบนั้นแต่เอาเป็นว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแผนนี้” อากาเนะเห็นผลโหวตก็รู้สึกตกใจแต่ก็เก็บอาการไว้แล้วสรุปผล “ในเมื่อส่วนใหญ่เห็นด้วย งานนี้ฉันยกให้พวกคุณทุกคนวางแผนจัดการได้ตามสบาย อยากทำอะไรทำเลย อันนี้อนุมัติแบบofficiallyแล้วนะคะ”

    “ถึงปิดไมค์แต่ฉันรู้นะพวกแกตาเป็นประกายกันอยู่” ยาสุโอะว่า

    “สรุปคือห้ามไปก็เท่านั้นใช่มั้ย” เซย์จิเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ

    “ห้าต่อสามแถมอากาเนะจังก็คอนเฟิร์มให้ขนาดนี้แล้วพ่อ” ฮิโตมิเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเพราะคนที่ออกความเห็นว่าไม่เห็นด้วยก็คือสามคนนี้เพราะถึงจะมีเขม่นใส่พวกเบื้องบนอยู่หลายครั้งแต่พวกเขาก็ยังมีความเกรงอกเกรงใจอยู่นิดนึงเลยไม่กล้าเสี่ยงทำแผนสุดโต่งนี้

    แต่ก็ไม่คิดว่าคนอื่นๆจะใจกล้ายอมทำเรื่องนี้เลยเหมือนกัน

    “อากาเนะจัง เธอบอกว่าทีมล้างคอกหมาขอสองคนใช่มั้ย” ริเสะเปิดไมค์ถาม

    “ใช่ค่ะ”

    “งั้นเดี๋ยวฉันกับริวโนะสุเกะจะไปจัดการเจ้าพวกนั้นให้นะ หมอนั่นรอให้เธอสั่งแบบทางการอยู่ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่คงจัดหนักจัดเต็มจนสาแก่ใจแน่ๆ” 

    “งั้นฉันฝากพวกคุณกระทืบบ้านนั้นซักทีสองทีหน่อยนะคะ ขอหน่อยเถอะรู้ทั้งรู้ว่ามันผิดแต่ถ้ามัวแต่ให้อภัยแล้วเมื่อไหร่จะได้แก้แค้น”

    “ทีสองทีไม่พอหรอกของแบบนี้มันต้องหลายที ปกติพวกฉันมีคิดเงินแต่รอบนี้ฟรี” คนผมเทาพูด ถึงจะไม่ได้เปิดกล้องแต่หญิงสาวผู้เป็นพี่สาวต่างแม่ของอีกฝ่ายกลับรู้สึกได้ถึงบางอย่าง

    “...นี่นายยิ้มอยู่เหรอ”

    “หา? พูดอะไรของเธอ” ริวโนะสุเกะแย้ง

    “นายนี่แปลกๆตั้งแต่หลังจากสู้กับอากาเนะจังแล้ว ตอนแรกก็ตั้งแง่แยกเขี้ยวใส่แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ทำตัวดีๆ?”

    “เธอพูดอย่างกับฉันทำตัวเป็นคนดีไม่ได้เลย”

    “ก็แหงล่ะสิ อยู่กับคนอื่นทำตัวเป็นหมาป่าเดียวดายแต่พอเป็นอากาเนะจังคือกลายร่างเป็นหมาเยอรมันเชเพิร์ดหูหางกระดิกเห่าโฮ่งๆเอาซะไม่เหลือภาพลักษณ์เลย”

    “คึ!?”

    “อี-!?” ประโยคของริเสะทำเอาอากาเนะถึงกับรีบปิดไมค์ไปขำในขณะที่คนโดนแซะกำหมัดแน่นอย่างเหลืออดและเริ่มสงครามประสาทใส่กันทันที

    “บอกฉันเป็นหมาพันธุ์นั้นฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไอ้ตรงที่บอกว่าหูหางกระดิกนี่หมายความว่าไงห๊ะ”

    “เอ้า! ก็สภาพนายเป็นแบบนี้จริงๆนี่ หรือจะเถียง?”

    “เบื่อแล้วเนอะPs4 เธอเนี่ย ฉันจะได้ขายทิ้งซักที”

    “หยุดเลยไอ้น้องเวร ฉันซื้อมาแพงนะ!!”

    แต่สุดท้ายก็จบการประชุมด้วยการที่อากาเนะปิดห้องประชุมแล้วดีดให้สองคนนั้นไปดิสห้องด่าพร้อมส่งข้อความมาว่า

    ถ้าจะด่ากันก็เชิญนอกรอบนะคะ

     

     

     




    .

    .

    .

    23:07 น. ชิบุย่า

    ‘จะไปทางไหนก็ไม่มีสัญญาณเลยแฮะ แล้วจะติดต่อคุณอิชิดะกับคุณมานามิยังไงดีล่ะเนี่ย’ ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ณ ม่านชั้นที่สองในชิบุย่า อากาเนะในตอนนี้ก็เช็คสัญญาณโทรศัพท์เพื่อจะถามความคืบหน้าของทีมริเสะกับริวโนะสุเกะว่าเรียบร้อยรึยังแต่พอเห็นว่าไม่มีสัญญาณก็เกิดความกังวลขึ้นมา ส่วนเรียวตะตอนนี้ออกไปพาอายาเมะกับจินไปนอกชิบุย่า เพราะก่อนหน้านั้น2-3นาทีเขาและอากาเนะเห็นว่าสุคุนะออกมา อากาเนะที่กำลังจะเรียกชิกิงามิอออกมาเพื่อไปรับสองคนนั้นก็โดนยมทูตหนุ่มขัดก่อนและอาสาออกไปรับแทน ส่วนเธอก็คอยจัดการคำสาปที่ยังหลงเหลืออยู่

    “แต่สองคนนั้นน่าจะทำงานเสร็จแล้วมั้ง-”

    “กร๊าซซซซ!!!” ในตอนนั้นเองก็มีวิญญาณคำสาปวิ่งตรงเข้ามาจู่โจมเธอราวกับสายฟ้าแล่บ

    “เฮ้อ~”

    เป๊าะ!!

    กึกๆๆ!!

    “?!”

    “คิดจะฆ่าฉันมันยังเร็วไปร้อยปีนะ” แต่ว่าเด็กสาวกลับลงมือจัดการไวกว่าด้วยการดีดนิ้วไปเพียงครั้งเดียว ร่างของมันก็ถูกแช่แข็งภายในพริบตา

    แปะ แปะ แปะ!

    “ไม่เลวเลยนี่สาวน้อย~”

    “?!” ทว่ามีเสียงหญิงสาวปริศนาดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ อากาเนะได้ยินถึงกับสะดุ้งแล้วหันไปหาเจ้าของเสียงนั้นด้วยความระแวง เจ้าของเสียงนั้นเป็นหญิงสาวตัวสูงผมสีบลอนด์ยาวสวมเสื้อแขนกุดกับกางเกงยีนส์ขายาวยืนเท้าสะเอวมองเธอก่อนจะส่งจุ๊บไปให้หนึ่งที

    “สเป็คผู้ชายของเธอ เป็นแบบไหนกันเหรอ”

    “...คะ?” แน่นอนว่าอากาเนะเจอคำถามที่ไม่คาดคิดกับการกระทำเมื่อครู่ก็ทำหน้าเหวอทันทีแต่ซักพักเธอก็ตอบคำถามนั้น “เอ่อ…ก็คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ พึ่งพาได้ ไม่หัวโบราณ ทางนี้ไม่ได้ซีเรียสเรื่องหน้าตาแต่ถ้าหล่อก็จะพิจารณาเป็นพิเศษค่ะ”

    “อะฮะๆๆๆๆ! เป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมาดีนะ!” หญิงสาวคนนั้นหัวเราะด้วยความชอบใจกับคำตอบที่ได้

    “ว่าแต่คุณเป็นใครกันคะ”

    “ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ สึคุโมะ ยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักนะฟุบูกิ อากาเนะจัง”

    “!?”

    ‘ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษอีกคนนึง!? แต่เดี๋ยวนะ ทำไมคุณเค้าถึงรู้ชื่อฉันได้ล่ะเนี่ย!!?’ เด็กสาวเจ้าของชื่อกรีดร้องในใจที่ได้เจอกับผู้ใช้คุณไสยระดับเดียวกับตนที่ไม่ใช่โกะโจ

    “ตอนแรกฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเธอได้มาอยู่ระดับนี้เพราะคนที่จะมาอยู่ระดับนี้ได้พลังต้องไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”

    “เอ๊ะ?” ประโยคของยูกิทำเอาอากาเนะงงกว่าเดิม

    “แต่จะว่าไป ที่ถืออยู่นั่นคือดาบคาตานะใช่มั้ย” ยูกิเปลี่ยนประเด็นบทสนทนาแล้วชี้ไปที่ดาบที่อากาเนะถืออยู่

    “ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”

    “เห~ ใช้อาวุธเหมือนอคคทสึคุงเลยแฮะฉันว่าเธอกับเด็กคนนั้นน่าจะเข้ากันได้นะเนี่ย”

    “อคคทสึ? หมายถึงคุณอคคทสึ ยูตะเหรอคะ”

    “ช่าย~ ไหนๆก็พวกเราได้เจอกันแล้วก็ทำความรู้จักกันแล้ว เธอสนใจจะมากับฉันมั้ยล่ะ” ผู้ใช้คุณไสยสาวเอ่ยปากชวนเด็กสาวตัวน้อยตรงหน้า ด้านคนฟังก็นึกพิจารณาคำเชิญของอีกฝ่ายอยู่ซักพักด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอคิดได้แล้วก็ตอบกลับไป

    “ขอรบกวนด้วยนะคะ คุณสึคุโมะ”

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    talkๆdesu: ขอโทษที่มาช้าค่ะทุกคนนนนนนนน คือแก้ตอนนี้หลายรอบมากว่าจะเล่าถึงอะไรดีสุดท้ายก็มาจบที่ย้อนอดีตช่วงที่น้องไปวางแผนกับคนในบ้าน แล้วก็จบด้วยน้องเจอเจ๊ยูกิที่ชิบุย่าแล้วตามไปด้วย

    แต่ๆๆๆๆๆ มีเมนชั่นถึงพี่ต๋าแล้วก็โดนชงไปหนึ่งกรุบ

    อะหรือ อะหรือว่า…!!!!

    ไปคิดกันเอาเองนะคะ

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
     

    Cr.

    B
    E
    R
    L
    I
    N

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×