ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic TVXQ yaoi) ICE2 ; เพราะเรา..ต่างกัน

    ลำดับตอนที่ #55 : - ICE[2] 47 - ผิดที่ตัวเอง

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 54


     

    ‘ ICE[2] 47 ’

    _____________

     

                “ งั้นเหรอ...อื้ม ขอบคุณนะที่บอกน่ะ”

     

                “ ไม่เป็นไรๆ ยังไงก็คนกันเอง...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องแล้วแต่เธอด้วยนะแจจุง อีกอย่างคุณยุนโฮเขาจะยอมให้เธอไปหรือยังไง หวงซะขนาดนั้นน่ะ ”

     

                “ ฉันเหรอ? ก็ดี...คิดว่าอย่างนั้นนะ ฮ่าๆ...มันก็ เรื่องจุนซูนั้นแหละ... ”

     

                ที่จุนซูเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าตัวเขา...

                            ...แย่ที่สุดเลย

    .

    .

     

                “ ว่าไงนะ? ” เสียงเบสเอ่ยถามเสียงสูงพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจในร่างบางของคนตรงหน้าเขาที่อุตส่าห์เดินมาถึงห้องนอนเขายามดึกเพื่อที่จะเดินมาขอ...

     

                “ ฉัน...แค่อยากทำในสิ่งที่ถูกบ้าง ที่จุนซูเป็นแบบนี้มันก็...เป็นเพราะว่าฉัน ”

     

                ...อะไรดลใจให้คิมแจจุงทำแบบนี้กัน

     

                ใบหน้าหวานก้มใบหน้าลงจนปลายคางมนแทบจะชิดกับแผ่นอก มือขาวๆที่ตอนนี้กุมกันแน่นจนแทบจะขาวซืดอยู่แล้ว ยุนโฮที่เอาแต่นั่งอึ่งอยู่ที่เตียงเป็นอันต้องจับมือบางนั้นพร้อมกับพามานั่งลงข้างๆเขา

     

                “ แย่ทีเดียวล่ะ...ความผิดมันก็เกิดขึ้นเพราะฉันเองหล่ะ สาเหตุของมันรื้อรังมาตั้งนานแล้ว แจจุง...มันสายเกินแก้แล้ว ”

     

                “ ไหนบอกฉันทีสิว่านายกำลังคิดอะไรอยู่? ”

     

                “ เปล่า...ฉันไม่ได้คิดอะไร---

     

                “ แค่ฉันดูจากดวงตาเธอก็รู้แล้วว่ามันต้องมีเหตุผล...จริงไหม? ใครกันจะไปหาคนที่เคยเกลียดจนเข้าไส้ถึงบ้าน ” ร่างสูงเลิกคิ้วให้ร่างบางเชิงบอกว่าต่อให้โกหกตนไปนั้นมันก็ไม่ได้ผลเอาเสียหรอกเพราะเขานั้นจับไตได้อยู่แล้ว

     

                ...ให้ตายเถอะ

     

                “ แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เกลียดอะไรแล้วนิ...ก็ต่างคนต่างอยู่ ”

     

                “ นั้นสิ...เพราะว่าต่างคนต่างอยู่ แล้วอยู่ดีๆทำไมถึงมาขอจะไปบ้านจุนซูล่ะ? ”

     

                “ ทำไมนายถามเยอะจัง ฉันอยากไปนี่ ”

     

                “ เหตุผล? ”

     

                “ ขอเก็บเป็นเหตุผลส่วนตัวบ้างได้ไหม? ” ยุนโฮหัวเราะกับคำเถียงข้างๆคูๆของร่างบาง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คงต้องให้ไปนั้นแหละ ถ้าไม่ได้มีผลเสียอะไรนะ...แต่ความรู้สึกลึกๆทำให้เขามั่นใจอะไรไม่ค่อยได้

     

                ...อย่างน้อยๆก็ยอมให้ไปเพื่อตอบแทนความกล้าที่ร่างบางกล้าเดินเข้ามาขอแล้วก็ เพื่อตอบแทนความน่ารักของร่างบางด้วยที่อุตส่าห์มาบอกเขาแทนที่จะทำอะไรบ้าบิ้นเองอย่างทุกๆครั้ง

     

                ....น่ารักขึ้นเยอะเลยจริงๆ คิมแจจุง

     

                “ เอาๆ...ให้ไปก็ให้ไป แต่อย่าทำอะไรในสิ่งที่ฉันต้องการจะให้เป็นนะ เข้าใจใช่ไหม? ”

     

                “ อะไรขอนาย...ฉันก็แค่จะไปหาจุนซูเขาเฉยๆ ”

     

                “ ก็เข้าใจ...แต่พูดกันเอาไว้ก่อน เธอน่ะ...มันเดาอะไรยาก ” พูดจบมือหนาข้างหนึ่งก็ยกขึ้นพร้อมกับสิ่งนิ้วยาวสองนิ้วบีบเบาๆที่ปลายจมูกรั้นอย่างชอบอกชอบใช่ ซึ่งต่างจากเจ้าของที่รีบยกมือขึ้นปัดป่ายออก “ บ้าที่สุดเลย!

     

                “ อ่ะ..ว่าฉันเดี๋ยวก็ไม่ให้ไปเสียหรอก ” ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก่อนจะจิ๊ปากใส่เขา ขาเรียวที่ในตอนนี้สามารถใช้เดินร่อนไปไหนได้คล่องแล้วพาร่างบางเดินไปยังประตูไม้ มือขาวเปิดออกก่อนจะเดินออกไปโดยทิ้งข้อความสั้นๆเอาไว้

     

                “ นายมันเผด็จการ!!

     

                “ นิ---

     

                “ แต่ก็...ขอบคุณนะ ” คนที่โดนชิงพูดตัดหน้าถึงกับใบ้กินไปกับคำพูดสั้นๆที่เอ่ยตัดหน้าเข้า ริมฝีปากหยักที่เคยอ้าออกนิดๆเวลาตนนั้นเพ้อ หากแต่ตอนนี้มันกลับค่อยๆคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับเสียงหัวเราะ

     

                “ เธอนี้มัน...จริงๆเลย ”    

               

                ...คิมแจจุง...

     

    _____________

     

                “ ว่ายังไงนะ... ”

     

                “ พี่ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ เอาไว้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนแกซักเทอมสองเทอมแล้วกัน...แล้วถ้าเข้าที่ดีแล้วเดี๋ยวพี่ก็จะให้แกอยู่คนเดียว ”

     

                ปาร์คยูฮวานเดินหอบเอาผ้าห่มผืนโตมายืนอยู่ใกล้ๆก่อนจะถอนหายใจ จะปลุกให้ไปนอนที่ห้องดีๆก็ดันปลุกไม่ตื่น อิแรงเราคนเดียวก็ใช่ว่าจะหอบไปไว...สุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องเดินไปหอบผ้าห่มมาให้แทน มือขาวยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้ร่างสูงของพี่ชายที่นอนหลับอยู่ที่โซฟ้าหน้าโทรศัพท์จ่อยักษ์ตรงหน้า ส่วนตนเองก็นั่งลงที่พื้นข้างๆโซฟานั้นแหละ

     

                “ ผมไปเองคนเดียวได้ ”

     

                “ ไม่ได้...พี่ต้องแน่ใจว่าที่นั่นมันดีพอสำหรับแก ตอนนี้ฉันไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้นแหละ ”

     

                “ พี่.... ”

     

                “ เชื่อเถอะ ถ้าแกเป็นฉัน...แกก็ต้องทำแบบนี้ ”

     

                “ ..... ”

     

                “ ฉันมีแกคนเดียวนะยูฮวาน ในครอบครัวของเรา...เรามีกันแค่สองคนนะ ถ้าพี่ไม่ห่วงแก...แล้วจะให้พี่ห่วงใคร ”

     

                ...ผมรักพี่นะ

     

                “ ผมแค่อยากช่วยอะไรพี่บ้าง... ” เขาก็แค่เอ่ยความคิดของตนเองออกมาอย่างแผ่วเบา แต่ถึงต่อให้ดังกว่านี้...คนที่หลับอยู่นั้นก็คงไม่ได้ยินอยู่ดีนั้นแหละ เล่นหลับลึกขนาดนั้นนิน่า

     

                ....ไปเพลียจากที่ไหนมา

     

                คิดไปคิดมาแล้วมันก็อาจจะเพลียจากการคิด จากความรู้สึก และอะไรหลายๆอย่าง...ปัญหาเล็กๆที่ตอนนี้มันได้ลามไปใหญ่โตจนเกินแก้ไขไปซะแล้ว...มันเป็นเรื่องที่แย่และยากที่จะแก้ไขและตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขานั้นคิดอะไรออกบ้างแล้ว

     

                บ้างทีเขาก็คิดอยากที่จะเข้าไปช่วยนะ...แต่ มันก็เป็นเรื่องของคนสองคน เขาเป็นคนนอกที่อาจจะรู้อะไรมาบ้าง...แต่ก็อาจจะไม่ได้รู้สึกเท่าคนที่โดนด้วยตัวเอง ทฤษฏีข้อนี้ เขาเข้าใจมันอย่างชัดเจน

     

                ...หรือบางที...เรื่องนี้อาจจะมีสามคนก็ได้ล่ะมัง

     

                “ ไม่แน่... ”

     

                ....ไม่แน่ว่าการไปในครั้งนี้ อาจจะมีสอง...

                            ...หรือสาม

     

    _______________

     

     

                “ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอคะ? ”

     

                “ ผมต้องการเข้าพบคิมจุนซู...ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหม? ” ร่างบางที่เอ่ยปากขอเข้าไปคุยกับเจ้าของบ้านหลังนี้กับแม่บ้าน แต่หล่อนกับทำสีหน้าลำบากใจ...ไม่ใช่อะไรหรอก ก็ในเมื่อคุณหนูของหล่อนมีสภาพที่ไม่พร้อมที่จะตอนรับแขกหรือใครๆทั้งหมดนี้

     

                “ ป้าเกรงว่า---

     

                “ นะครับ...ผมขอล่ะ ผมมีธุระจำเป็นต้องคุยจริงๆ ” ดวงตากลมโตนั้นฉายแววอ้อนวอนเสียจนคนแก่ๆอย่างเธอยอมใจอ่อนลงจนได้แล้วยิ่งโดนเฉพาะที่ว่าเจ้าตัวเองบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณหนูของเธอ เธอก็คิดในใจว่าคงไม่เป็นอะไร...อาจจะดีเสียอีกที่คุณหนูของเธออาจจะร่าเริงขึ้น

     

                ...แต่น่าเสียใจที่เธอไม่รู้อะไรเกี่บวกับสองคนนี้เลย

     

                คิมแจจุงหันหลังไปมองสารถีส่วนตัวที่ทำท่าจะดับเครื่องแล้วเดินตามลงมาว่าให้นั่งรออยู่ที่รถ ในตอนแรกร่างสูงก็จะลงมาให้ได้แต่ผลสุดท้ายร่างบางก็เดินตามแม่บ้านเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่หันกลับไปสนใจอีก ร่างสูงก็ยิ้มกว้างก่อนจะเลิกแกล้งร่างบางโดยยอมนั่งรออยู่ที่รถเฉยๆ

     

                ขาเรียวก้าวตามแม่บ้านไปยังชั้นสองของบ้าน...เพราะเขาเองนั้นแหละที่บอกว่าคิมจุนซูไม่สบายก็เลยจะขอขึ้นไปเยี่ยม เพราะมันอาจจะไม่เป็นการดีเท่าไหร่ที่จะให้คนป่วยเดินลงมาทั้งๆที่สภาพแบบนั้นซึ่งข้ออ้างนี้แม่บ้านฮันนาก็เห็นด้วยกับตนถึงได้ยอมพาขึ้นไป

     

                “ ยังไง...มีอะไรก็เรียกป้าได้ตลอดเลยนะคะคุณ ”

     

                “ ครับ...ขอบคุณมากนะครับที่ยอมให้ผมขึ้นมาเยี่ยม ” รอยยิ้มบางๆที่ส่งกลับตอบร่างบางก่อนที่ร่างท้วมๆของหล่อนจะเดินกลับไปที่บันไดแล้วเดินกลับลงไป ส่วนร่างบางๆของแจจุงก็เอาแต่ยืนอยู่หน้าห้อง...ไม่กล้าที่จะเข้าไป

     

                ...เสียอย่างนั้น

     

                ไม่ได้เจอกันนาน...จะเป็นยังไงบ้างความรู้สึกทั้งหลายแหลมากองรวมกันจนเขาสับสนไปหมดแล้ว แต่ถึงจะยังไงตอนนี้เขาก็คงขอกลับไปไม่ได้..ในเมื่อความตั้งใจของเขา

     

                ...คือมาขอโทษคนที่ตัวเองควรจะขอโทษ

                            ..ชีวิตเขาพังพินาจอย่างที่นายบอกจริงๆ...จุนซู

     

                มือขาวบางยกขึ้นแตะลูกบิดประตูหยุดทำใจเพียงนิดก่อนจะค่อยๆแง้มเปิดออก เสียงประตูที่เปิดดังขึ้นเบาๆนั้นไม่อาจทำให้คนที่นั่งอยู่ที่ริมเตียงอีกฝั่งซึ่งนั่งหันหลังให้เขาได้ยินได้เลยซัดนิด มือขาวอีกข้างยกขึ้นเคาะไปที่ประตูไม้เบาๆก่อนจะปิดประตูลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ

     

                ...คิมจุนซู ไม่ได้ยินหรือรับรู้การมีตัวตนของเขาในห้องนี้เลย

     

                “ คิมจุนซู... ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ หากแต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม ร่างบางค่อยๆย่างกายเข้าไปใกล้มากขึ้น ดวงตาสีนิลสบมองไปที่อีกฝ่ายที่อยู่ตรงนี้ จ้องมองว่าสิ่งใดทำให้ร่างเล็กนี้ไม่ได้รับรู้ถึงการเข้ามาของเขา

     

                “ แม่นมฮะ...จุน--- แก... ” ก็ใช้ว่าคิมจุนซูจะไม่ได้รับรู้... ร่างเล็กๆที่เอี้ยวตัวหันกลับมาพร้อมกับดวงตาเล็กที่เบิกออกกว้างอย่างตกใจราวกับคนตรงหน้าเป็นสิ่งอันตราย

     

                ...ซึ่งนั้นก็จริง

     

                “ ขอโทษทีนะ...ที่เข้ามาโดยไม่ได้นัดกันก่อน ”

     

                “ แก!!... มาที่นี่ทำไม ”

     

                “ ฉัน... ”

     

                “ ฉันถามว่าแกมาที่นี่ทำไม!!! ” ร่างเล็กของคิมจุนซูที่ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหนทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ได้แตะอะไรที่เป็นสารอาหารเลยแม้แต่เพียงนิด คนตัวเล็กที่เดินเข้ามายืนอยู่ตรงนี้ร่างบางของแจจุง

     

                “ ฉัน...ฉันมาขอโทษนาย ” ความจริงที่ว่าคำพูดพวกนี้มันก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่พูดยากอะไร...เพียงแต่เขาไม่เคยคิดที่จะเอ่ยมันออกมา อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่มีความกล้าเพียงพอก็เป็นได้ “ ขอโทษ? ”

     

                “ ขอโทษฉันทำไม? คนอย่างคิมแจจุงเคยทำอะไรผิดด้วยหรือไง ” แม้จะไม่เจอกันนานแล้วมาเจอกันอีกทีคนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง...จะเปลี่ยนก็แต่ร่างบางในคราวนี้กลับไม่ยอมตอบโต้อะไร ร่างบางส่ายหน้าช้าๆ

     

                “ ฉันผิดเองมาโดยตลอด...เพียงแต่แค่ไม่เคยยอมรับมันเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ดีแต่ด่าว่าๆคนอื่นผิด ”

     

                “ ก็รู้ตัวเองดี ” แม้ตอนนี้ร่างกายของคิมจุนซูจะอ่อนแอมากเพียงใด หากแต่ณ.ตอนนี้เขากลับรู้สึกที่จะอ่อนแอต่อหน้าคนๆนี้ไม่ได้...ความรู้สึกอยากเอาชนะในตอนนี้ก็ยังมีอยู่

     

                “ ที่ฉันมาในวันนี้ ..ที่ฉันกล้ามาหานาย.. ” ขาเรียวค่อยๆลดระดับลงจนกลายมาเป็นการใช้หัวเข่าขุกลงกับพื้น มือขาวทั้งสองข้างวางลงบนหน้าตักของตัวเองพร้อมกับใบหน้าที่ใครๆก็หลงเสน่ห์นั้นก้มลงต่ำ...คิมแจจุงในตอนนี้ ยอมขุกเข้าต่อหน้าคิมจุนซู

     

                “ ฉันมาเพื่อจะมาขอโทษ ”

     

                “ จะมาไม้ไหนอีก..ฮึก จะมาไม้ไหนอีกคิมแจจุง!! ” ด้วยอารมณ์โทสะที่ทำให้ร่างเล็กของจุนซูนั้นพลาดพลั่งที่จะกระชากคอเสื้อของร่างบางตรงหน้าขึ้นแล้วปัดใบมือลงอย่างแรงที่พวงแก้มอีกฝ่ายจนล้มลง “ แค่นี้...ฉันยังเจ็บไม่พออีกเหรอ? ”

     

                “ ..... ”

     

                “ แกได้ทุกอย่างจากฉันไปแล้ว..ฮึก ฉันไม่เหลือใครแล้ว สะใจแกรึยัง!!!

     

                ...คิมจุนซูก็แค่อยากได้สิ่งที่เคยได้คืนหากแต่

                ...คิมแจจุงกลับได้ในสิ่งที่คิมจุนซูได้ แต่เขากลับคืนในจุนซูไม่ได้

     

                ...เข้าใจไหมว่ามันไม่ได้เป็นของคิมแจจุงตั้งแต่แรก

     

                “ ..... ”

     

                “ ทำไมต้องเป็นแกที่ได้ไปด้วย...ไม่ยุติธรรมเลย ”

     

                “ ..... ”

     

                “ หึ...สมเพชฉันละสิ หัวเราะฉันสิ หัวเราะอย่างที่แกเคยทำไง ดูถูกฉันอีก อึกแต่..คราวนี้ฉันจะไม่เถียงอะไรเลย ฮืออ ” ร่างเล็กๆของคิมจุนซูที่ทรุดลงตรงหน้าแจจุงเช่นกัน ร่างบางมองคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉยแต่ภายในใจนั้นกลับเอาแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น

     

                “ ชีวิตฉัน...พังพินาจอย่างที่นายเคยพูดเอาไว้ จุนซู ”

     

                “ .... ”

     

                “ สิ่งที่นายเคยพร่ำบอกว่าฉันจะต้องได้รับมัน...มันไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลยซักนิดเดียว ”

     

                “ ฉันไม่ได้มาขอโทษเพียงเพื่อให้นายให้อภัย...เพียงแค่วันนี้ฉันจะมาบอกว่า ฉันรู้แล้วว่ารสชาติของคำว่าเจ็บปวดน่ะ..เป็นยังไง ความรู้สึกของคนที่ไม่เหลือใครเลย---

     

                “ อย่ามาบอกว่ารู้ดีนะ... ” เสียงเล็กๆดังขึ้นเถียง

     

                “ .... ”

     

                “ ความรู้สึกของคนที่ไม่เหลือใครเลยน่ะเหรอ...ของแกมันก็แค่นั้น ”เพราะคิมแจจุงยังมีคนที่ค่อยพยุงคำร่างบอบบางนี้ให้เดินต่อ แต่เขาไม่มีใครเลย...สภาพร่างกายที่อ่อนแรงเกินฮึดสู้อีกครั้งมันไม่มีอีกแล้ว ความเสียหายเกิดขึ้นในทุกๆส่วนโดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า หัวใจ

     

                ...แต่ของฉัน...มันไม่เหลือใครเลยซักคนเดียว

     

     

    _______________

     

                เสียงเครื่องยนต์ที่ขับมาอย่างเร็วพร้อมกับหยุดลงที่หน้าบ้านที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นบ้านตระกูลคิมประตูรถคันหรูเปิดออกมาอย่างรีบเร่งก่อนจะสะดุดกับรถยุโรปที่จอดอยู่ตรงหน้า ซ้ำคนขับคนนั้นยังจ้องมาทางเขาอีกด้วย

     

                “ อ้าวงั้นเหรอ...// แจจุง ฉันจำทางไปบ้านจุนซูไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ”

     

                ..จำทางไปบ้านจุนซู...ทำไมต้องจำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าร่างบางที่เพิ่งละจากการคุยโทรศัพท์ไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ เขาไม่ได้สังหรณ์ใจเลยว่าตอนที่คิมแจจุงมาถามว่าเขาอยู่บ้านนั้นรึเปล่า แต่เพราะว่าเสียงเบสที่เล็ดออกมาจากทางโทรศัพท์ทำให้เขากระจ่างทุกๆอย่าง

     

                เขาไม่ต้องการเหตุผลว่าคิมแจจุงมาที่นี่ทำไม...แต่ที่รู้ๆมันต้องไม่ใช่เรื่องดีที่มา ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา

                ...สองคนนี้ก็ไม่มีทางกลับมาเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้อีกแล้ว ปาร์คยูชอนเชื่อแบบนั้น

     

                “ ป้านมครับ! ” ร่างสูงของยูชอนยืนกดกริ่งรัวอยู่หน้าประตูบ้าน จนกระทั้งดวงตาคมไปสบมองเข้ากับร่างสูงของอีกคนที่เดินเข้ามาประชิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

     

                “ นี่แกทำบ้าอะไรเนี่ย!!! พาแจจุงมาที่นี่ทำไม! ” สาบานได้ว่าเขาแทบจะถลาเข้าไปตบใบหน้าคมตรงหน้านี้เสีย สีหน้าที่แสดงออกมาอย่างไร้อารมณ์นั้น...ทั้งๆที่เขาเองวิ่งเต้นจะเป็นจะตาย

     

                “ เพราะมันเป็นความต้องการของแจจุงเอง ”

     

                “ แล้วแกไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้สองคนนี้เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ” คอเสื้อเชิ้ตถูกกระชากจนยับไม่เป็นทรง นักธุรกิจหนุ่มเลิกเสื้อขึ้นก่อนจะออกแรงผลักออก “ ฉันรู้... ”

     

                “ รู้แล้วนายปล่อยให้แจจุงเข้าไปทำไม! ” ตอนนี้ความรู้สึกของเขามันตีมั่วไปหมด จนไม่รู้ว่าที่เขากำลังจะกลายเป็นบ้าอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่

     

                ...เพราะว่าห่วงว่าคิมแจจุงจะโดนจุนซูทำร้ายกลับมา

                ...หรือว่า เพราะกลัวว่าคิมจุนซูจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้

     

                “ ทุกอย่างมันยิ่งแย่ลงไป ”

     

                “ มันแย่เพราะความคิดเด็กๆของพวกเธอนั้นแหละ ” คนที่แก่กว่าถึง7ปีเอ่ยขึ้นมาพร้อมทั้งใบหน้าที่แสนนิ่งเฉย มือหนาของชองยุนโฮยกขึ้นจัดปกเสื้อ

     

                “ แกว่ายังไงนะ.. ”

     

                “ จะโทษใครได้ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นมาจากความคิดที่ไม่รู้จักโตของพวกเธอนั้นแหละ ที่จุนซูเป็นแบบนี้..ไม่ใช่เพราะว่านายและแจจุงร่วมกันก่อเหรอ แล้วที่นายกับแจจุงกลายเป็นแบบนี้ ร้อนรนแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นผลพลอยได้มาจากพวกนายตั้งแต่ต้นรึไง ”

     

                “ อย่ามาสอนกู!!

     

                “ ฉันไม่ได้สอน...เอาเถอะ แต่ต่อให้ปัญหาหรืออะไรทุกๆอย่างมั่นแย่ลงไปอีก... ”

     

                “ ..... ”

     

                “ คิมแจจุงต้องไม่ดิ่งลงเหวอย่างพวกเธอ... ”

     

    _______________

     

                “ ไม่มีวัน!! ออกไปจากห้องนี้ซะ กูไม่อย่างเห็นหน้ามึง ออกไป!! บอกให้ออกไป!!! มือเล็กๆทั้งสองข้างผลักดันร่างบางที่นั่งขุกเข่าอยู่ที่พื้นจนแทบเซล้มอีกครั้ง ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรง น้ำตาของคนตรงหน้าที่ไหลอาบพวกแก้มเป็นสายยิ่งเป็นตัวทำให้คิมแจจุงรู้สึกผิดเป็นทวีคูณ

     

                “ ฉัน.... ”

     

                “ ฉันไม่อยากได้ยินเสียง! ออกไปนะ..ฮึก ออกไป ” และเพราะว่าความเครียด ความอ่อนล้าที่ทำให้จุนซูหอบหนัก หยาดน้ำตาที่เป็นม่านบดบังแทบจะทุกสิ่งเบื้องหน้า สติที่เลือนลางเต็มทีนั้นทำเอามือบางที่พยายามจะผลักคนตรงหน้าเลยทำได้เพียงแค่ปัดป่ายเบาๆ

     

                “ เกิดอะไรขึ้น!! ” แขกที่เขาใหม่รีบเข้ามาพยุงกายบางให้ลุกขึ้นก่อนจะมองใบหน้าหวานที่ดูจะตกอยู่ในภวังค์อย่างต้องการคำตอบ...แต่ที่เหนือกว่านั้น เสียงสะอื้นปานจะขาดใจทำให้เขานั้นต้องเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วขอร้องให้แจจุงกลับไปก่อน

     

                “ จุนซู ” ร่างสูงของยูชอนรีบตรงปรี่เข้าไปหาร่างบางที่แทบจะนอนทรุดอยู่ที่พื้น ร่างที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงพยายามแล้วที่จะขยับกายออกจากการที่ใช้แผ่นอกกว้างพิงกาย แต่มันก็มันเป็นผล เขาเองก็ได้แต่ยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง

     

                “ ไม่ตามแจจุงไปรึไง...หึ ” คำพูดประชดประชันของร่างเล็กไม่ได้ทำให้ยูชอนถือสาหรือว่าโกรธเหมือนเช่นเมื่อก่อน ร่างสูงที่กำลังจะช้อนตัวเพื่อจะอุ้มร่างเล็กนี้ไปนอนดีๆที่บนเตียงแต่เพราะน้ำหนักที่ยิ่งกดทับนั้นเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องการ

     

                “ ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ” เสียงหวานที่สั่นเครืออีกทั้งไล่เล็กที่สั่นไหวอย่างรุนแรงเป็นตัวบงบอกได้ดีว่าเขามาถึงจุดสูงสุดแล้วที่จะทน ใบหน้าหวานที่กดลงกับแผ่นอกกว้าง อ้อมแขนที่โอบกอดร่างสูงแน่น...ทิฐิที่เคยมีในตอนนี้กลับกลายเป็นความอ่อนแอที่เข้ามาแทรกแซง

     

                “ ฉันไม่เหลือใคร..ฮึก ทำไมต้องเป็นฉันที่ไม่เหลือใคร ฉันเคยไปทำอะไรให้พวกนาย ฮืออ..ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ” เพียงไม่กี่ประโยคที่ร่างเล็กนี่เอาแต่พูด ดวงตาที่เคยสดใสแต่ตอนนี้มันกลับเหม่อลอยเสียจนไม่รู้ว่าสตินั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว

     

                “ นายยังมีฉันไง..จุนซู ” อ้อนแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้น หากแต่ตอนนี้มันกลับส่งไปไม่ถึงคิมจุนซูอีกแล้ว

     

                “ ไม่มีใครแล้ว...ฉัน ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว คนที่ฉันรักหมดหัวใจ ไม่เหลือแล้ว..ไม่มีอีกแล้ว ”

     

                ...หัวใจดวงนี้...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว มันพังยับเยินไปหมดแล้ว

     

     

    _____________

     

                ...ตอนนี้อารมณ์ของชองยุนโฮกำลังขึ้นๆลงๆ

     

                ร่างบางเดินกลับออกมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนักซึ่งนั้นก็ยิ่งทำให้ตนเองอดคิดไม่ได้ร่างบางโดนอะไรมาบ้าง เพราะตั้งแต่ปาร์คยูชอนคนนั้นหายเข้าไปร่างบางก็เดินออกมาในเวลาต่อมา ยิ่งพวงแก้มที่ใสตอนนี้แดงไปรอยมือก็ยิ่งทำให้เขาอยากที่จะเข้าไปคุยให้รู้เรื่องแต่ก็เพราะร่างบางนั้นห้ามไว้แล้วเดินขึ้นรถไปด้วยอาการที่น่าเป็นห่วงกว่าเขาถึงได้ยอมขับกลับมาที่บ้านโดยเร็ว

     

                “ เจ็บมากไหม ” เสียงเบสเอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งนิ่งตั้งแต่เข้ามาแล้ว ใบหน้าหวานส่ายน้อยๆก่อนจะก้มหน้าลงทำเอาคนที่จะใส่ยาให้ต้องเชยคางมนขึ้นมาเอง มือหนาที่ติดชื้นนิดๆจากการที่เพิ่งเดินไปล้างมือมาหยิบหลอดยาขึ้นมาทาให้อย่างเบามือ

     

                “ เพราะตามใจเธอ เธอถึงได้เจ็บตัวแบบนี้...คราวหน้าไม่ให้แล้วนะรู้ไหม ”

     

                “ ยุนโฮ... ”

     

                “ หืม? ”

     

                “ ทำยังไงดี... ” มือข้างที่ทายาอยู่นั้นหยุดลงก่อนจะวางลงบนตักของตัวเอง ดวงตาก้มลงหลุบลงต่ำค่อยๆช้อนมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างต้องการคำตอบ

     

                “ ทำอะไรไม่ได้หรอก มันต้องใช้เวลา... ” ชองยุนโฮซึ่งยึดมั่นว่าเวลาจะเป็นตัวบงบอกทุกๆสิ่ง..แต่ก็เวลาไม่ใช่รึยังไงที่ทำให้ทุกๆอย่างดูช้าไปเสียหมด “ ยิ่งเธอเข้าไปแก้บางทีมันก็ยิ่งทำให้ปมมันแน่นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น...เรื่องนี้ก็มีแค่สองคนนั้นแล้วไม่ใช่รึยังไง ”

     

                “ .... ”

     

                “ เรื่องของคนสองคน...ยิ่งมีคนที่สามเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องมันก็จะยิ่งบานปลาย ปล่อยให้เขาทำความเข้าใจกันเองจะดีกว่า ”

     

                “ อื้ม.. ”

     

                “ กลับมาห่วงตัวเองก่อนเถอะน่า...แก้มช้ำหมดแล้วเห็นไหม ” รอยยิ้มบางๆของชองยุนโฮไม่ได้ทำให้ร่างบางยิ้มตามไปด้วยเท่าไหร่นัก แต่มือหนาที่ยกขึ้นขยี้ผมนิ่มนั้นเป็นตัวทำให้ร่างบางสะบัดหัวหนี ซึ่งยุนโฮก็ยังแกล้งอยู่อย่างนั้น

     

                “ เอามือออกไปจากหัวนะ!

     

                “ เด็กน้อยเอ๊ย!

     

    _______________

     

                “ นายยังมีฉันไงจุนซู.. ”

     

                “ ไม่มี..ฮึก ไม่มี..ปาร์คยูชอนตายไปนานแล้ว เขาไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว..เขาไม่รักฉันอีกแล้ว ”

     

                ...ถ้าจะให้พูดจริงๆ ปาร์คยูชอนที่เขารู้จักหายไปตั้งนานแล้ว หายไปตั้งแต่สิบกว่าปีแล้ว..ที่เป็นอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ปาร์คยูชอนที่เขารู้จัก

     

                คิมจุนซูก็เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจที่ต้องมีคนคอยรัก คนคอยเอาใจ คนเข้าใจ...แต่มันไม่ใช่.. เขาก็แค่อยากได้สิ่งที่เคยได้คืนเท่านั้นเอง แค่เท่านี้เองที่เขาต้องการ..เขาไม่ต้องการให้ใครเขาใจ จุนซูแค่ต้องการให้ทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนเดินกับตอนที่ยังไม่มีคิมแจจุงก้าวเข้ามา ถ้าจะให้คิมแจจุงผิด..

                คิมแจจุงก็ผิดตั้งแต่เดินเข้ามาหาพวกเขาแล้ว..และถ้าคิมจุนซูจะผิดก็ผิดตั้งแต่บังคับหัวใจตัวเองไม่ได้แล้ว

     

                ...เขาให้อภัยคิมแจจุงไม่ได้..เพราะเขาเองก็ผิดเช่นกัน และเขาให้อภัยไม่ได้..เพราะเรื่องระหว่างเรามันไม่น่าให้อภัย

     

                เพราะฉะนั้น.. จะโทษใครก็จงโทษตัวเองซะ

               

     

    ______________

     

     

               

               

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×