NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #55 : ชิบุย่านองเลือด (6)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 67


    ‘…มืดไปหมดเลยแฮะ’

    ‘หือ? ผีเสื้อ?’

    ‘เป็นผีเสื้อที่แปลกจังนะ ทั้งที่ปีกเป็นสีฟ้าแต่ประกายอย่างกับแก้วน่ะ’

     

     

    .

    .

    .

    22:20 น.

    “อือ…” ณ ฐานปฐมพยาบาลของเหล่าผู้ใช้คุณไสยที่อยู่นอกม่าน มิซาเอะที่ถูกเรียวตะพามาส่งที่นี่เพราะได้รับบาดเจ็บจากการปัดเป่าคำสาปมาก็ได้ฟื้นขึ้นหลังจากที่สลบไปนาน เธอพยุงตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วสังเกตอาการตัวเองพบว่าตอนนี้มันดีขึ้นแล้ว

    ‘อิเอย์ริจังรักษาให้แล้วเหรอ ไม่รู้ตัวเลย’ เธอคิดในใจ

    “หือ? คุณชิโรงาเนะ?” และในตอนนั้นเอง หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มในเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด อิเอย์ริ โชโกะมาหาเธอด้วยสีหน้างุนงง

    “อ้าวอิเอย์ริจัง ขอบใจนะที่ช่วยรักษาแผลให้ฉันน่ะ” มิซาเอะเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท

    “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณชิโรงาเนะ ฉันยังไม่ได้รักษาคุณนะคะ ฉันเพิ่งรักษาให้คนไข้คนอื่นเสร็จเมื่อกี้นี้เอง”

    “…ห๊ะ?” แต่ประโยคของคุณหมอสาวทำเอามิโกะถึงกับสตั๊น “แปลว่าเธอเพิ่งกำลังมาหาฉัน?”

    “ค่ะ แต่ดูจากสภาพคุณแล้วดูเหมือนจะมีคนรักษาให้แล้ว…” โชโกะพูดแล้วเดินไปหามิซาเอะเพื่อเช็คดูอาการ

    “อย่าบอกนะว่าคุณใช้อาคมย้อนกลับได้แล้ว?”

    “เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันไม่เหมือนกับเธอ โกะโจ แล้วก็อคคทสึคุงนะที่ใช้อาคมย้อนกลับได้น่ะ” หญิงสาวเอ่ยตามจริง “แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็มีแค่เธอที่ใช้อาคมย้อนกลับได้นะ”

    “แต่ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองนะคะ ตอนนั้นสภาพคุณยังสาหัสอยู่เลย”

    “…” มิซาเอะเงียบไปในทันที เพราะถ้าโชโกะยังไม่ได้รักษาเธอแล้วทำไมอาการบาดเจ็บถึงหายแล้วล่ะ แถมตัวเองไม่มีอาคมย้อนกลับก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่เลย ไหนจะฝันถึงผีเสื้ออีก

    แล้วคนที่มารักษาให้เธอมันใครกันล่ะ

    “…” ไม่ไกลจากฐานปฐมพยาบาลที่มิซาเอะอยู่ ก็มีผีเสื้อสีฟ้าที่เป็นวัตถุต้องสาปของยูกิฮิเมะอยู่แถวนั้น มันสังเกตเธอได้ซักพักก่อนจะบินออกไปเพื่อกลับไปหาเจ้านายของตน

    เพราะมันทำภารกิจที่ได้รับมาสำเร็จลุล่วงแล้ว

     

     

     

    .

    .

    .

    22:25 น.

    “กรร…!”

    “หมดแรงแล้วเหรอ แต่ข้ายังไหวอยู่เลยนะ!”

    ผัวะ!!

    “?!” ตัดกลับมาที่ภายในม่านชั้นที่สองของชิบุย่า ยูกิฮิเมะตอนนี้ก็กำลังกระทืบปีศาจจิ้งจอกซากุระอย่างเมามันส์จนอีกฝ่ายหาช่องโหว่ตอบโต้กลับไม่ได้เลย ถึงจะมีช่วงที่เธอสลับไปใช้ดาบบ้างแต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้นและกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

    “ทำ…ไม…” และระหว่างนั้นเองมันเหมือนจะมีสติพอที่จะพูดได้บ้าง ทำให้คำสาปสาวหยุดต่อยมันแล้วกระโดดถอยออกมารอฟัง

    “แก…เป็น…คำสาปนะ…แต่ทำไม…”

    “?”

    “…ทำไม…แก…ถึงไปอยู่…ข้างมนุษย์…ล่ะ…”

    “…” ยูกิฮิเมะได้ยินแล้วถึงกับเงียบไปทันที พูดกันตามตรงแล้ววิญญาณคำสาปนั้นเกิดจากความรู้สึกด้านลบของมนุษย์ดังนั้นไม่มีคำสาปตนไหนที่คิดดีกับมนุษย์เลย

    “…ที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้รักมนุษย์ทุกคนหรอก”

    “?!” ประโยคของคำสาปสาวทำเอาจิ้งจอกยักษ์ตาโตตกใจ

    “แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่ข้างมนุษย์ด้วย เพราะที่ข้าต้องการจริงๆก็มีแค่…”

    “…”

    “อยากใช้เวลาร่วมกับเหล่าผู้คนที่ข้ารักให้ได้มากที่สุดโดยไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ก็แค่นั้นเอง” คำสาปเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ความปรารถนาของเธอแม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มหาศาลอะไร แต่มันคือแรงผลักดันในการมีชีวิตหลังจากที่ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน

    และได้สร้างความทรงจำร่วมกับเหล่าผู้คนที่เธอให้ความสำคัญอย่างซายากะ ชิอง เรียวตะ ยูอิ อากาเนะ และโกะโจก็เท่านั้นเอง

     

    “? ทำตามที่สั่งเสร็จแล้วเหรอ” ระหว่างนั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นผีเสื้อวัตถุต้องสาปของเธอบินมาหาพอดี ทำให้เธอเลือกที่จะชักดาบออกมาเพื่อเตรียมการโจมตีครั้งต่อไป

    “มาได้จังหวะพอดีเลย ขอยืมพลังทีนะ” เจ้าผีเสื้อได้ยินดังนั้นก็บินไปเกาะตรงใบดาบ ทันใดนั้นเองก็เกิดออร่าพลังไสยเวทรอบตัวมันและส่งต่อไปยังใบดาบจากนั้นมันก็บินไปเกาะไหล่ยูกิฮิเมะ

    “ขอลองทดสอบหน่อยละกันว่าถ้าเป็นเจ้านี่มันจะได้ผลรึเปล่า!”

    ฉัวะ!!

    “!!?” ยูกิฮิเมะฟันดาบเคลือบพลังไสยเวทไปทางปีศาจจิ้งจอกยักษ์จนเป็นแผลแนวขวางขนาดใหญ่และเลือดกระฉูดออกมาเป็นสีม่วง มันตกใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆก็โดนฟันจนเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้ แต่พอมันใช้พลังเพื่อฟื้นฟูร่างกายขึ้นมากลับพบว่ามันช้ากว่าปกติ

    “ร่างกายมันฟื้นตัวช้าล่ะสิ? แสดงว่าใช้ได้ผลเหมือนกัน” คำสาปสาวยกยิ้มมุมปากก่อนหันไปคุยกับผีเสื้อของเธอ “ถ้าเจ้าสงสัยว่าผีเสื้อที่อยู่กับข้ามันคืออะไรเดี๋ยวจะบอกเอาบุญให้ก็ได้”

    “กรร?!”

    “เจ้านี้น่ะนะคือหนึ่งในวัตถุต้องสาปของข้าหลังจากที่ข้าสลายหายไปเพราะข้าดันไปผูกสัญญาว่ากายหยาบของข้าจะสลายก็ต่อเมื่อลูกศิษย์ข้าตาย ชื่อของมันคือผีเสื้อย้อนกลับ” ยูกิฮิเมะย้ายผีเสื้อมาเกาะบนหลังมือตัวเองและพูดแนะนำถึงมัน “ทำไมถึงใช้ชื่อว่าย้อนกลับก็เพราะเจ้านี่มีอาคมย้อนกลับยังไงล่ะ”

    “?!!” จิ้งจอกยักษ์อึ้งกับข้อมูลที่อีกฝ่ายให้มา เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่จะมีสัตว์ที่มีพลังไสยเวทอยู่ในตัว ยิ่งเป็นอาคมย้อนกลับยิ่งเป็นไปไม่ได้อีก

    “ฟังดูเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยแต่ว่ามันเป็นไปแล้ว เพราะงั้นเตรียมโดนอาคมย้อนกลับแบบรัวๆได้เลย!!” ยูกิฮิเมะตะโกนแล้วใช้ดาบเคลือบอาคมย้อนกลับไล่ฟันจิ้งจอกยักษ์แบบไม่ยั้งอย่างที่พูดไว้จริงๆแต่ก็มีบางจังหวะที่เธอสลับไปใช้อาคมย้อนกลับของตัวเองบ้างจนอีกฝ่ายเสียเปรียบหนักกว่าเดิม แต่ในระหว่างที่หลบไปพลางฟื้นร่างกายที่โดนฟันไปมันก็เริ่มสงสัยแล้วว่ายูกิฮิเมะที่ใช้ดาบเธออยู่ถ้าใส่พลังไสยเวทมากเกินไปมันก็จะควรแตกออกเพราะรับพลังไม่ไหวสิ

    แต่นี่เธอใช้อาคมย้อนกลับเคลือบดาบตลอดเวลาและตัวดาบเองก็ไม่มีท่าทีจะแตกนี่มันยังไงกันแน่!!

    “…” แต่แล้วจู่ๆเธอก็หยุดการโจมตีทุกอย่างลงแล้วถอยออกมา แน่นอนว่าจิ้งจอกยักษ์เจอแบบนี้ไปก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้หยุดกะทันหันกัน

    “…เกือบหมื่นตัว ล่อกันมาดีเกินนะพวกเจ้าเนี่ย” ยูกิฮิเมะยิ้มแห้ง เพราะรอบตัวเธอภายในรัศมี 100 เมตรตอนนี้นอกจากจะมีคำสาปจิ้งจอกยักษ์นี่แล้ว

    มันยังมีวิญญาณคำสาปตัวอื่นๆที่ถูกล่อให้มาที่นี่โดยผีเสื้อน้ำแข็งของเธอเป็นจำนวนคร่าวๆเกือบหนึ่งหมื่นตัวจ้องรอหาโอกาสกำจัดเธออยู่ แต่เธอก็ป้องกันไว้ด้วยการแผ่ออร่ารอบตัวเป็นการกดดันพวกนั้นไม่ให้เข้าใกล้ด้วย

    ‘แต่ก็ยังมีมนุษย์คนอื่นอยู่ เอายังไงดี…’ คำสาปสาวคิดในใจระหว่างที่เชื่อมประสาทกับผีเสื้อน้ำแข็งเพื่อเช็คพื้นที่ ยิ่งมาเห็นว่ายังมีคนธรรมดาหลงเข้ามาอยู่ข้างในก็เกิดความกังวลว่าเธออยากจะจัดการทั้งเจ้าจิ้งจอกยักษ์และคำสาปตัวอื่นๆภายในเวลาสั้นๆแต่ต้องแลกกับคนที่ติดอยู่ที่นี่ต้องตายตามไปด้วย

    ‘ตอนนี้ข้าอยู่ข้างในม่านชั้นที่สอง-’

    จากที่ข้าใช้พลังตรวจสอบมาม่านที่โดนกางตอนนี้มี 4 ชั้น ชั้นแรกอยู่ข้างในสุดที่ชั้นใต้ดินเป็นม่านขังคนธรรมดา ชั้นต่อมาเป็นม่านขังโกะโจไว้โดยเฉพาะ ชั้นสามเป็นม่านกันผู้ใช้คุณไสย ส่วนชั้นสุดท้ายที่อยู่นอกสุดก็เหมือนชั้นแรก

    ‘…เอาอีกละ หงุดหงิดเพราะซาโตรุอีกละ’ แต่พอมารู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ม่านชั้นที่สองและเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าม่านชั้นนี้มีไว้ทำอะไร ความหงุดหงิดที่เคยมอดไปก็ลุกขึ้นโชนขึ้นมาอีกครั้งจนเธอต้องก้มหน้าลง แล้วสูดลมหายใจลึกๆและถอนยาวจนคำสาปทุกตัวที่อยู่แถวนั้นรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ

    “…ขอโทษนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ” คำสาปสาวเก็บดาบกลับเข้าฝักอีกครั้งพลางพึมพำเสียงเบาและทำสัญลักษณ์มือ

    กางอาณาเขต วิมานแดนเหมันต์”

    วิมานแดนเหมันต์ อาณาเขตประจำตัวของยูกิฮิเมะที่มีความสามารถแช่แข็งทุกอย่างที่อยู่ในอาณาเขตโดยไม่สนพลังป้องกันหรือความต้านทานของเป้าหมาย แต่เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เธอมีศัตรูที่มีความสามารถต้านพลังน้ำแข็งได้ทุกรูปแบบ เธอจึงเปลี่ยนเงื่อนไขของการกางอาณาเขตจากที่ปิดเป็นโดมเหมือนการกางอาณาเขตทั่วไปให้กลายเป็นอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตแดนซึ่งเป็นเทคนิคขั้นสูงของการกางอาณาเขตไปอีกขั้นและเป็นที่รู้กันว่าคนที่สามารถกางอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตได้คือราชาคำสาปเรียวเมน สุคุนะ

    แต่คนอื่นๆหาได้รู้ไม่ว่าราชินีหิมะ ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะเองก็สามารถกางอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตได้เช่นเดียวกัน

    “!!?” และการที่เธอใช้วิชากางอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตแดนทำให้พื้นที่รัศมี 100 เมตรถูกทำให้เป็นน้ำแข็ง แต่นอกจากเธอจะเปลี่ยนเงื่อนไขการกางอาณาเขตแล้ว เธอยังเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีจากที่ต้องแช่แข็งทั้งร่างให้เป็นแช่แข็งแค่ส่วนเท้าราวกับเป็นกาวดักจับไม่ให้พวกคำสาปทั้งหลายขยับตัวไปไหนได้ ด้านจิ้งจอกยักษ์เองถึงจะมีพลังต้านอาคมน้ำแข็งพันปีอยู่แต่พออีกฝ่ายใช้อาณาเขตที่โจมตีแบบไม่สนทั้งพลังป้องกันและความต้านทานทำให้มันโดนผลของอาณาเขตนี้ไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันมันก็ฉุกคิดได้ว่าเธอก็สามารถแช่แข็งมันได้ทั้งตัวแต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะแช่แค่เท้ากันล่ะ

    “...” ด้านคนกางอาณาเขตไม่พูดอะไรแต่เธอชักดาบออกมาอีกครั้งและยกมือข้างที่ว่างไปไว้ใกล้ๆปากแล้วกัดนิ้วโป้งจนเลือดออก จากนั้นเธอก็ถือดาบมาอยู่ใต้คางเป็นแนวเฉียงและใช้เลือดที่นิ้วมาป้ายตัวอักษรที่สลักอยู่บนใบดาบ สาเหตุที่เธอทำแบบนี้เพราะเธอไม่ได้คิดจะใช้อาณาเขตมาจัดการศัตรูมาตั้งแต่แรกแล้ว ที่กางไปก็เพื่อเป็นหลักประกันว่าศัตรูจะหนีไปไหนไม่ได้

     

    ถ้าถามว่าถ้าไม่ใช้อาณาเขตจัดการศัตรูแล้วจะใช้อะไร

     

    คำตอบคือใช้กล่องแพนดอร่าหรือไม้ตายต้องห้ามอีกหนึ่งท่าของเธอเองที่ถ้าเป็นไปได้เธอเองก็ไม่อยากจะใช้มันเลยซักนิดยิ่งกว่าสูญสิ้นโลกาอีก แต่เพราะวันนี้สถานการณ์มันไม่เป็นใจเธอเลยจำเป็นต้องงัดออกมาใช้

     

     

    ‘ความรู้สึกนี้…มันอะไรกัน…’ จิ้งจอกยักษ์เห็นยูกิฮิเมะที่แค่ยืนก้มหน้าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรกลับรู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ขนลุกขนพอง หนาวเหน็บไปถึงหัวใจ มันเอะใจแล้วว่าที่เธอเอาเลือดไปป้ายดาบรวมถึงตัวดาบสามารถรองรับพลังไสยเวทได้มากกว่าปกติแบบนี้แสดงว่าดาบที่ใช้นั่นไม่ใช่ดาบธรรมดา

     

    และใช่ ดาบเล่มนั้นที่เธอใช้อยู่มันไม่ธรรมดาจริงๆ

     

    หลังจากที่เรียวตะตายไป ยูกิฮิเมะที่ไปผูกสัญญาว่าถ้าเรียวตะตายพลังของตนจะถูกแบ่งออกไปเป็นวัตถุต้องสาปโดยมีอยู่ทั้งหมด 3 ชิ้น ได้แก่

    ผีเสื้อย้อนกลับ วัตถุต้องสาปที่เจอเป็นชิ้นที่ 2 หลังจากที่ตื่นมา อดีตผีเสื้อใกล้ตายแต่กลับมามีชีวิตอีกครั้งและเป็นแหล่งเก็บอาคมย้อนกลับสำรองจากความสงสัยของยูกิฮิเมะ

    เกล็ดมังกร วัตถุต้องสาปที่เจอเป็นชิ้นที่ 3 แหล่งรวมขุมพลังที่ซ่อนอยู่ของยูกิฮิเมะและยังมีวิญญาณของทัตสึยะสิงอยู่

    และในส่วนของวัตถุต้องสาปชิ้นแรกสุดที่เจอนั้น

     

     

     

     

    .

    .

    .

    ได้ใหม่แล้วก็อย่าทำพังอีกล่ะ

    ค่าาาา…” ย้อนกลับไปหลังจากที่ยูกิฮิเมะตื่นมาได้หนึ่งสัปดาห์ วันนั้นอากาเนะต้องไปเอาดาบที่ทำใหม่หลังจากที่ทำพังไปเมื่อคราวโน้น ช่างตีดาบเจ้าประจำของมิซาเอะและเด็กสาวยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าและขู่เสียงเย็นจนอากาเนะได้แต่ขานรับเสียงอ่อย

    รู้สึกผิดเลยที่ทำดาบเจ้าพัง-หือ?’ ยูกิฮิเมะเห็นแล้วก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาแต่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้

    ยูกิฮิเมะ? เป็นอะไร

    ‘...ดาบนั่น

    หา? ดาบอะไร

    ดาบที่ตั้งอยู่ตรงนั้นฝากถามทีว่าไปได้มาจากไหน’ ประโยคของคำสาปสาวทำให้อากาเนะต้องมองหาดาบที่อีกฝ่ายว่าจนกระทั่งมาเจอกับดาบเล่มหนึ่งที่ตั้งโชว์อยู่โซนรับแขกและดูเผินๆเหมือนดาบธรรมดาทั่วๆไป แต่พอจ้องไปซักพักเธอรู้สึกได้ว่าดาบนั้นมีพลังงานบางอย่างอยู่

    แกจ้องดาบนั่นทำไมห๊ะไอ้หนู?” ช่างตีดาบเห็นว่าอากาเนะเอาแต่จ้องดาบที่ตั้งโชว์อยู่ก็ถามด้วยความสงสัย

    ดาบนั่นคุณไปได้มาจากไหนเหรอคะ

    อยากรู้ไปทำไม

    คือ…” เด็กสาวเกิดเลิกลั่กขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงให้อีกฝ่ายสงสัยมากกว่าเดิม

    จนกระทั่ง

    บอกเจ้านั่นไปตรงๆเลยว่า ดาบนั่นคือวัตถุต้องสาปของข้าเอง

     

     

    “...ห๊ะ?”

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    “——” ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ยูกิฮิเมะที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ได้เอ่ยบางอย่างพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมาจากตาขวา และเมื่อหยดน้ำตาไหลลงไปยังดาบที่ถืออยู่นั้น

    ใบดาบจากที่เป็นสีเงินของเหล็กกลับกลายเป็นใสไม่มีสีราวกับทำมาจากแก้ว

    ทันทีที่ใบดาบเกิดการเปลี่ยนแปลง ยูกิฮิเมะก็เปลี่ยนมาจับดาบแบบสองมือแทนมือเดียวและวาดปลายดาบมาสัมผัสกับพื้น

    “!!?” แน่นอนว่าปีศาจจิ้งจอกยักษ์และคำสาปตัวอื่นๆที่อยู่ในอาณาเขตของเธอต่างรับรู้แล้วว่าถ้าไม่อยากตายตอนนี้ตัวเองต้องหนีออกไปให้ได้แต่มันก็ไม่ทันแล้ว ทำให้จิ้งจอกยักษ์ที่เป็นคำสาปตัวเดียวที่อยู่ใกล้ยูกิฮิเมะที่สุดต้องรีบสลัดน้ำแข็งที่เกาะตรงเท้าออกและไปจัดการเธอให้ได้

    แกร็กๆ

    เพล้ง!!

    ‘!? เสร็จ!’ ราวกับสั่งได้ดั่งใจ น้ำแข็งที่เกาะตรงเท้าแตกออกมา ทำให้มันพุ่งตัวไปหาและใช้กรงเล็บหวังแทงเป็นการปิดจบทันที

    ‘มันจบแล้ว-!?’ และในตอนที่มันได้ใจอยู่นั้นก็ดันไปสบตายูกิฮิเมะเข้าพอดีและพบว่าตาของเธอนั้น

    ไม่ใช่ตาของมนุษย์แต่เป็นตาของมังกร


    มุราซาเมะ” (พิรุณโปรยปราย)

     


     

     

     

     


    “หือ? ฝนตกเหรอ”

    “แปลกจัง พยากรณ์อากาศวันนี้ไม่มีฝ-”

    วันที่ 31 ตุลาคม เวลา 22:30 น. ได้เกิดฝนตกลงมาที่ชิบุย่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผู้ช่วยผู้ควบคุมที่เหลือรอดพอจะไปหาพยานถามถึงเหตุการณ์กลับไม่สามารถหาใครได้เลย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ไม่เจอใครเจอแต่เสื้อผ้าเปียกๆที่ถูกทิ้งไว้ที่แอ่งน้ำเป็นแต่ละจุดกระจายกันไป พอไปตรวจสอบอีกทีก็พบเรื่องที่น่าตกใจถึงสองเรื่อง

    เรื่องที่หนึ่ง ม่านชั้นที่สองและสามในชิบูย่าถูกทำลายอย่างปริศนาในเวลาที่ใกล้กัน ว่ากันว่าตอนนั้นมีเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วเพียงครั้งเดียวและเงียบหายไปพร้อมม่านที่ถูกทำลายทั้งสองชั้น

    และเรื่องที่สอง แอ่งน้ำในแต่ละจุดและเสื้อผ้าเปียกโชกที่อยู่บริเวณนั้น

    แท้จริงแล้วเป็นผู้คนที่ติดอยู่ในม่านชั้นที่สองและร่างกายของทุกคนถูกละลายกลายเป็นน้ำจากฝนที่ตกลงมาจนเหลือทิ้งไว้แต่เสื้อผ้าเท่านั้น

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ที่รอดจากฝนนั้นอยู่หนึ่งคน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากตัวต้นเหตุที่เรียกฝนนี้ขึ้นมา

     

    เจ้าของไม้ตายมุราซาเมะ

     

    ราชินีหิมะ ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะ

     

    “…” สายฝนยังคงตกลงมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มีเพียงร่างของยูกิฮิเมะที่ตอนนี้เปียกโชกไปด้วยฝนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน รอบตัวเธอจากที่เคยเต็มไปด้วยคำสาปบัดนี้กลับมลายหายสิ้นไปจนหมดเหลือแค่เธอคนเดียว ดาบในมือจากที่เคยเป็นดาบใสก็กลับมามีสีปกติเหมือนดั่งเดิม เธอจึงเก็บดาบกลับเข้าฝักเหมือนเดิม

    “ร้ายเหมือนกันนะเจ้าเนี่ย วัตถุต้องสาปแต่ละอันของเจ้าถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะมองไม่ออกเลยว่าเป็นวัตถุต้องสาป ดาบมุราซาเมะที่ได้มาจากช่างตีดาบแล้วเอามาใช้ในวันงานเชื่อมสัมพันธ์แต่แค่ไม่ได้ปลดผนึกเลยเป็นแค่ดาบธรรมดา กิ๊บที่เป็นของดูต่างหน้าของพ่อแม่คุณหนูน้อยแท้จริงแล้วคือผีเสื้อย้อนกลับ อย่างสุดท้ายก็เกล็ดมังกรที่บ้านใหญ่ฟุบูกิเก็บไว้ ถ้าเจ้าไม่ไปบอกผู้ใช้คุณไสยให้ตายยังไงเจ้าพวกนั้นก็ไม่มีวันหาเจอหรอก” ในตอนนั้นเอง ทัตสึยะปรากฏตัวสะท้อนอยู่ตรงกระจกร้านเสื้อผ้าที่อยู่แถวๆนั้นแล้วเอ่ยปากอย่างออกรส แต่ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีร่างของทัตสึยะอยู่เลย “แต่ว่าไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ สายฝนมรณามุราซาเมะ สุดยอดไพ่ตายลับที่ถ้าไม่เอาจริงก็จะไม่ยอมใช้เด็ดขาดแถมถ้าใครโดนร่างกายก็จะถูกละลายกลายเป็นน้ำ แต่เห็นว่าเจ้าทำลายม่านชั้นที่สองกับสามด้วยนี่?”

    “…มันผิดด้วยรึไงที่ข้าจะทำลายมัน?” ยูกิฮิเมะเดินมาที่กระจกบานนั้นแล้วมองทัตสึยะในกระจกด้วยสายตาเรียบนิ่ง 

    “ตาเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเมื่อตอนนั้นแล้วนะท่านหญิง”

    “แล้ว?”

    “หือ?” ปฏิกิริยาการตอบกลับของคำสาปสาวทำเอาอีกฝ่ายเลิกคิ้วแปลกใจ “วันนี้เจ้าแปลกๆนะ เป็นเพราะโกะโจรึไง”

    “ไม่เกี่ยวกับซาโตรุหรอก ก็แค่…” ยูกิฮิเมะยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้า “รู้สึกอยากพักแล้ว…ก็เท่านั้นเอง…”

    “…” ด้านคนฟังได้ยินก็เงียบไปพักนึง โดยเฉพาะคำว่าพักที่อีกคนพูดถึงนั้นเขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร “…ไว้โลกนี้มันสงบสุขเมื่อไหร่วันนั้นเจ้าก็ได้พักสมใจแล้ว”

    “อีกนานเลยนะถ้างั้น ฮ้าว~” คำสาปสาวหาวหวอดๆก่อนจะพบว่าฝนที่ตกลงมาเริ่มหยุดแล้ว 

    “อื๋อ ฝนหยุดแล้ว?”

    “ไปงีบก่อนมั้ยล่ะ เล่นปล่อยมุราซาเมะกำจัดคำสาปเกือบหมื่นตัวไม่ถึง 2 นาทีไหนจะอารมณ์ของเจ้าก็ดิ่งลงเพราะมุราซาเมะอีก” ทัตสึยะออกความเห็น

    “แล้วอากาเนะล่ะ?”

    “ยังไม่ตื่น สงสัยเป็นผลของเรเควี่ยมมั้ง”

    “ถ้าอากาเนะยังไม่ตื่นแล้วข้าจะงีบได้ยังไงก่อน”

    “ยืนพิงเสาไฟแล้วงีบไปสิ”

    “...บอกทีนี่คือความคิดที่ออกมาจากสมอง?” ยูกิฮิเมะกอดอกมองคนในกระจกด้วยสายตาหมดคำจะพูด

    “เถอะน่า เจ้างีบไปเถอะถ้ามีอะไรเดี๋ยวข้าปลุกให้ละกัน”

    “...เฮ้อ” คำสาปถอนหายใจระอาก่อนจะพิงเสาไฟที่อยู่ใกล้ๆและงีบไปในที่สุดรวมทั้งเงาของทัตสึยะที่อยู่ในกระจกก็หายไปเช่นเดียวกัน

    “...กี้…กี้…!”  3 นาทีผ่านไป ยูกิฮิเมะที่ยังคงพิงเสาไฟงีบอยู่นั้นก็มีวิญญาณคำสาประดับล่างผ่านมาเจอเธอพอดี พอเห็นว่ามนุษย์อยู่มันก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปเพื่อกินเธอทันที

    แต่แล้ว

    “?!!!” ในตอนที่มือของมันจะคว้าตัวยูกิฮิเมะนั้น เธอกลับเบี่ยงตัวหลบออกมาทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่แล้วเอาฝ่ามือกระแทกใส่หน้าผากของมันอย่างจังจนมันยืนเอ๋อน้ำลายยืดไปทันที

    “โฮ่!…มนุษ-!?” แต่แล้วก็ยังคำสาปตัวอื่นมาเจอเธออีก แต่เธอก็เอาฝ่ามือกระแทกใส่หน้าผากเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เธอเริ่มเปิดปากสนทนาบ้างแล้ว

    “รู้รึเปล่าว่าข้าเป็นใคร” แต่เสียงที่ออกมานั้นมันไม่ใช่เสียงของอากาเนะหรือยูกิฮิเมะเลย มันแทนที่ด้วยเสียงผู้ชายแทน

    “แก…เป็น…ใคร…” คำสาปผู้โชคร้ายพูดเสียงยานคาง

    “แล้วรู้รึเปล่าว่าเจ้าเป็นใคร”

    “ฉัน…เป็น…ใคร”

    “...ข้าจะไปรู้เรอะ:)” ยูกิฮิเมะ(?) ฉีกยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินหนีออกมาจากคำสาปตัวนั้น หากคนที่สิงร่างของอากาเนะตอนนี้ถ้าไม่ใช่ยูกิฮิเมะแล้วจะเป็นใคร

    “ขอยืมร่างเจ้าแปบนึงนะ คุณหนูน้อย:)” นัยน์ตาขวาที่เคยเป็นสีเทาเพราะยูกิฮิเมะสิงร่างกลับกลายเป็นสีแดงดั่งโลหิตเพราะคนที่สิงร่างอยู่ตอนนี้คือทัตสึยะที่ยืมร่างอากาเนะแบบชั่วคราวต่างหาก เพราะเห็นว่ามีคำสาปจะเข้ามาทำร้ายก็เลยสิงร่างได้แบบชั่วคราวและใช้ความสามารถที่เคยใช้กับโกะโจ

     

    แล้วเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าผมจะลืมล่ะ เห็นแบบนี้ผมเองก็ความจำดีไม่แพ้ใครนะ

    ‘…คำตอบมันก็ง่ายมาก

    เพราะข้าลบความทรงจำเจ้าได้ยังไงล่ะ!’

     

     

     

     

    .

    .

    .

    talkๆdesu : ช่วงนี้จะอัพถี่หน่อยเพราะปิดเทอมใหญ่นะครัช สองตอนที่แล้วมันสั้นไปใช่มั้ยตอนนี้คือจัดให้ยาวๆเลย มีเฉลยให้ด้วยว่าวัตถุต้องสาปของยูกิฮิเมะมีกี่ชิ้นและมีอะไรบ้าง ถ้าใครได้อ่านตอนงานเชื่อมสัมพันธ์ที่ยูกิฮิเมะฝากดาบไว้ที่เรียวตะ อันนั้นแหละคือดาบมุราซาเมะแต่อันนั้นแม่ยังไม่ได้ปลดผนึก มันเลยไม่มีใครมองออกเลยว่ามันคือวัตถุต้องสาป

    แถมโชว์ความเทพของยูกิฮิเมะว่าถ้าไม่เก่งจริงก็คงไม่ได้อยู่ระดับพิเศษหรอก

    เอาจริงๆรอบตัวอากาเนะคือมีแต่ตัวอันตรายทั้งนั้นเลย คนนึงเป็นยมทูต อีกคนก็คำสาประดับพิเศษ ล่าสุดก็ได้ทัตสึยะที่มีสกิลลบความทรงจำใครก็ได้อีก (คนที่โดนก็อาจารย์นี่แหละ แต่แค่โดนลบเรื่องที่เจอกับทัตสึยะนอกนั้นไม่โดนลบ)

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยย
     

    Cr.

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×