คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : ชิบุย่านองเลือด (6)
‘…มืดไปหมดเลยแฮะ’
‘หือ? ผีเสื้อ?’
‘เป็นผีเสื้อที่แปลกจังนะ ทั้งที่ปีกเป็นสีฟ้าแต่ประกายอย่างกับแก้วน่ะ’
.
.
.
22:20 น.
“อือ…” ณ ฐานปฐมพยาบาลของเหล่าผู้ใช้คุณไสยที่อยู่นอกม่าน มิซาเอะที่ถูกเรียวตะพามาส่งที่นี่เพราะได้รับบาดเจ็บจากการปัดเป่าคำสาปมาก็ได้ฟื้นขึ้นหลังจากที่สลบไปนาน เธอพยุงตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วสังเกตอาการตัวเองพบว่าตอนนี้มันดีขึ้นแล้ว
‘อิเอย์ริจังรักษาให้แล้วเหรอ ไม่รู้ตัวเลย’ เธอคิดในใจ
“หือ? คุณชิโรงาเนะ?” และในตอนนั้นเอง หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มในเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด อิเอย์ริ โชโกะมาหาเธอด้วยสีหน้างุนงง
“อ้าวอิเอย์ริจัง ขอบใจนะที่ช่วยรักษาแผลให้ฉันน่ะ” มิซาเอะเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณชิโรงาเนะ ฉันยังไม่ได้รักษาคุณนะคะ ฉันเพิ่งรักษาให้คนไข้คนอื่นเสร็จเมื่อกี้นี้เอง”
“…ห๊ะ?” แต่ประโยคของคุณหมอสาวทำเอามิโกะถึงกับสตั๊น “แปลว่าเธอเพิ่งกำลังมาหาฉัน?”
“ค่ะ แต่ดูจากสภาพคุณแล้วดูเหมือนจะมีคนรักษาให้แล้ว…” โชโกะพูดแล้วเดินไปหามิซาเอะเพื่อเช็คดูอาการ
“อย่าบอกนะว่าคุณใช้อาคมย้อนกลับได้แล้ว?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันไม่เหมือนกับเธอ โกะโจ แล้วก็อคคทสึคุงนะที่ใช้อาคมย้อนกลับได้น่ะ” หญิงสาวเอ่ยตามจริง “แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็มีแค่เธอที่ใช้อาคมย้อนกลับได้นะ”
“แต่ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองนะคะ ตอนนั้นสภาพคุณยังสาหัสอยู่เลย”
“…” มิซาเอะเงียบไปในทันที เพราะถ้าโชโกะยังไม่ได้รักษาเธอแล้วทำไมอาการบาดเจ็บถึงหายแล้วล่ะ แถมตัวเองไม่มีอาคมย้อนกลับก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่เลย ไหนจะฝันถึงผีเสื้ออีก
แล้วคนที่มารักษาให้เธอมันใครกันล่ะ
“…” ไม่ไกลจากฐานปฐมพยาบาลที่มิซาเอะอยู่ ก็มีผีเสื้อสีฟ้าที่เป็นวัตถุต้องสาปของยูกิฮิเมะอยู่แถวนั้น มันสังเกตเธอได้ซักพักก่อนจะบินออกไปเพื่อกลับไปหาเจ้านายของตน
เพราะมันทำภารกิจที่ได้รับมาสำเร็จลุล่วงแล้ว
.
.
.
22:25 น.
“กรร…!”
“หมดแรงแล้วเหรอ แต่ข้ายังไหวอยู่เลยนะ!”
ผัวะ!!
“?!” ตัดกลับมาที่ภายในม่านชั้นที่สองของชิบุย่า ยูกิฮิเมะตอนนี้ก็กำลังกระทืบปีศาจจิ้งจอกซากุระอย่างเมามันส์จนอีกฝ่ายหาช่องโหว่ตอบโต้กลับไม่ได้เลย ถึงจะมีช่วงที่เธอสลับไปใช้ดาบบ้างแต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้นและกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง
“ทำ…ไม…” และระหว่างนั้นเองมันเหมือนจะมีสติพอที่จะพูดได้บ้าง ทำให้คำสาปสาวหยุดต่อยมันแล้วกระโดดถอยออกมารอฟัง
“แก…เป็น…คำสาปนะ…แต่ทำไม…”
“?”
“…ทำไม…แก…ถึงไปอยู่…ข้างมนุษย์…ล่ะ…”
“…” ยูกิฮิเมะได้ยินแล้วถึงกับเงียบไปทันที พูดกันตามตรงแล้ววิญญาณคำสาปนั้นเกิดจากความรู้สึกด้านลบของมนุษย์ดังนั้นไม่มีคำสาปตนไหนที่คิดดีกับมนุษย์เลย
“…ที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้รักมนุษย์ทุกคนหรอก”
“?!” ประโยคของคำสาปสาวทำเอาจิ้งจอกยักษ์ตาโตตกใจ
“แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่ข้างมนุษย์ด้วย เพราะที่ข้าต้องการจริงๆก็มีแค่…”
“…”
“อยากใช้เวลาร่วมกับเหล่าผู้คนที่ข้ารักให้ได้มากที่สุดโดยไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ก็แค่นั้นเอง” คำสาปเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ความปรารถนาของเธอแม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มหาศาลอะไร แต่มันคือแรงผลักดันในการมีชีวิตหลังจากที่ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน
และได้สร้างความทรงจำร่วมกับเหล่าผู้คนที่เธอให้ความสำคัญอย่างซายากะ ชิอง เรียวตะ ยูอิ อากาเนะ และโกะโจก็เท่านั้นเอง
“? ทำตามที่สั่งเสร็จแล้วเหรอ” ระหว่างนั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นผีเสื้อวัตถุต้องสาปของเธอบินมาหาพอดี ทำให้เธอเลือกที่จะชักดาบออกมาเพื่อเตรียมการโจมตีครั้งต่อไป
“มาได้จังหวะพอดีเลย ขอยืมพลังทีนะ” เจ้าผีเสื้อได้ยินดังนั้นก็บินไปเกาะตรงใบดาบ ทันใดนั้นเองก็เกิดออร่าพลังไสยเวทรอบตัวมันและส่งต่อไปยังใบดาบจากนั้นมันก็บินไปเกาะไหล่ยูกิฮิเมะ
“ขอลองทดสอบหน่อยละกันว่าถ้าเป็นเจ้านี่มันจะได้ผลรึเปล่า!”
ฉัวะ!!
“!!?” ยูกิฮิเมะฟันดาบเคลือบพลังไสยเวทไปทางปีศาจจิ้งจอกยักษ์จนเป็นแผลแนวขวางขนาดใหญ่และเลือดกระฉูดออกมาเป็นสีม่วง มันตกใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆก็โดนฟันจนเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้ แต่พอมันใช้พลังเพื่อฟื้นฟูร่างกายขึ้นมากลับพบว่ามันช้ากว่าปกติ
“ร่างกายมันฟื้นตัวช้าล่ะสิ? แสดงว่าใช้ได้ผลเหมือนกัน” คำสาปสาวยกยิ้มมุมปากก่อนหันไปคุยกับผีเสื้อของเธอ “ถ้าเจ้าสงสัยว่าผีเสื้อที่อยู่กับข้ามันคืออะไรเดี๋ยวจะบอกเอาบุญให้ก็ได้”
“กรร?!”
“เจ้านี้น่ะนะคือหนึ่งในวัตถุต้องสาปของข้าหลังจากที่ข้าสลายหายไปเพราะข้าดันไปผูกสัญญาว่ากายหยาบของข้าจะสลายก็ต่อเมื่อลูกศิษย์ข้าตาย ชื่อของมันคือผีเสื้อย้อนกลับ” ยูกิฮิเมะย้ายผีเสื้อมาเกาะบนหลังมือตัวเองและพูดแนะนำถึงมัน “ทำไมถึงใช้ชื่อว่าย้อนกลับก็เพราะเจ้านี่มีอาคมย้อนกลับยังไงล่ะ”
“?!!” จิ้งจอกยักษ์อึ้งกับข้อมูลที่อีกฝ่ายให้มา เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่จะมีสัตว์ที่มีพลังไสยเวทอยู่ในตัว ยิ่งเป็นอาคมย้อนกลับยิ่งเป็นไปไม่ได้อีก
“ฟังดูเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยแต่ว่ามันเป็นไปแล้ว เพราะงั้นเตรียมโดนอาคมย้อนกลับแบบรัวๆได้เลย!!” ยูกิฮิเมะตะโกนแล้วใช้ดาบเคลือบอาคมย้อนกลับไล่ฟันจิ้งจอกยักษ์แบบไม่ยั้งอย่างที่พูดไว้จริงๆแต่ก็มีบางจังหวะที่เธอสลับไปใช้อาคมย้อนกลับของตัวเองบ้างจนอีกฝ่ายเสียเปรียบหนักกว่าเดิม แต่ในระหว่างที่หลบไปพลางฟื้นร่างกายที่โดนฟันไปมันก็เริ่มสงสัยแล้วว่ายูกิฮิเมะที่ใช้ดาบเธออยู่ถ้าใส่พลังไสยเวทมากเกินไปมันก็จะควรแตกออกเพราะรับพลังไม่ไหวสิ
แต่นี่เธอใช้อาคมย้อนกลับเคลือบดาบตลอดเวลาและตัวดาบเองก็ไม่มีท่าทีจะแตกนี่มันยังไงกันแน่!!
“…” แต่แล้วจู่ๆเธอก็หยุดการโจมตีทุกอย่างลงแล้วถอยออกมา แน่นอนว่าจิ้งจอกยักษ์เจอแบบนี้ไปก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้หยุดกะทันหันกัน
“…เกือบหมื่นตัว ล่อกันมาดีเกินนะพวกเจ้าเนี่ย” ยูกิฮิเมะยิ้มแห้ง เพราะรอบตัวเธอภายในรัศมี 100 เมตรตอนนี้นอกจากจะมีคำสาปจิ้งจอกยักษ์นี่แล้ว
มันยังมีวิญญาณคำสาปตัวอื่นๆที่ถูกล่อให้มาที่นี่โดยผีเสื้อน้ำแข็งของเธอเป็นจำนวนคร่าวๆเกือบหนึ่งหมื่นตัวจ้องรอหาโอกาสกำจัดเธออยู่ แต่เธอก็ป้องกันไว้ด้วยการแผ่ออร่ารอบตัวเป็นการกดดันพวกนั้นไม่ให้เข้าใกล้ด้วย
‘แต่ก็ยังมีมนุษย์คนอื่นอยู่ เอายังไงดี…’ คำสาปสาวคิดในใจระหว่างที่เชื่อมประสาทกับผีเสื้อน้ำแข็งเพื่อเช็คพื้นที่ ยิ่งมาเห็นว่ายังมีคนธรรมดาหลงเข้ามาอยู่ข้างในก็เกิดความกังวลว่าเธออยากจะจัดการทั้งเจ้าจิ้งจอกยักษ์และคำสาปตัวอื่นๆภายในเวลาสั้นๆแต่ต้องแลกกับคนที่ติดอยู่ที่นี่ต้องตายตามไปด้วย
‘ตอนนี้ข้าอยู่ข้างในม่านชั้นที่สอง-’
‘จากที่ข้าใช้พลังตรวจสอบมาม่านที่โดนกางตอนนี้มี 4 ชั้น ชั้นแรกอยู่ข้างในสุดที่ชั้นใต้ดินเป็นม่านขังคนธรรมดา ชั้นต่อมาเป็นม่านขังโกะโจไว้โดยเฉพาะ ชั้นสามเป็นม่านกันผู้ใช้คุณไสย ส่วนชั้นสุดท้ายที่อยู่นอกสุดก็เหมือนชั้นแรก’
‘…เอาอีกละ หงุดหงิดเพราะซาโตรุอีกละ’ แต่พอมารู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ม่านชั้นที่สองและเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าม่านชั้นนี้มีไว้ทำอะไร ความหงุดหงิดที่เคยมอดไปก็ลุกขึ้นโชนขึ้นมาอีกครั้งจนเธอต้องก้มหน้าลง แล้วสูดลมหายใจลึกๆและถอนยาวจนคำสาปทุกตัวที่อยู่แถวนั้นรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
“…ขอโทษนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ” คำสาปสาวเก็บดาบกลับเข้าฝักอีกครั้งพลางพึมพำเสียงเบาและทำสัญลักษณ์มือ
“กางอาณาเขต วิมานแดนเหมันต์”
วิมานแดนเหมันต์ อาณาเขตประจำตัวของยูกิฮิเมะที่มีความสามารถแช่แข็งทุกอย่างที่อยู่ในอาณาเขตโดยไม่สนพลังป้องกันหรือความต้านทานของเป้าหมาย แต่เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เธอมีศัตรูที่มีความสามารถต้านพลังน้ำแข็งได้ทุกรูปแบบ เธอจึงเปลี่ยนเงื่อนไขของการกางอาณาเขตจากที่ปิดเป็นโดมเหมือนการกางอาณาเขตทั่วไปให้กลายเป็นอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตแดนซึ่งเป็นเทคนิคขั้นสูงของการกางอาณาเขตไปอีกขั้นและเป็นที่รู้กันว่าคนที่สามารถกางอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตได้คือราชาคำสาปเรียวเมน สุคุนะ
แต่คนอื่นๆหาได้รู้ไม่ว่าราชินีหิมะ ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะเองก็สามารถกางอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตได้เช่นเดียวกัน
“!!?” และการที่เธอใช้วิชากางอาณาเขตแบบไม่ปิดเขตแดนทำให้พื้นที่รัศมี 100 เมตรถูกทำให้เป็นน้ำแข็ง แต่นอกจากเธอจะเปลี่ยนเงื่อนไขการกางอาณาเขตแล้ว เธอยังเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีจากที่ต้องแช่แข็งทั้งร่างให้เป็นแช่แข็งแค่ส่วนเท้าราวกับเป็นกาวดักจับไม่ให้พวกคำสาปทั้งหลายขยับตัวไปไหนได้ ด้านจิ้งจอกยักษ์เองถึงจะมีพลังต้านอาคมน้ำแข็งพันปีอยู่แต่พออีกฝ่ายใช้อาณาเขตที่โจมตีแบบไม่สนทั้งพลังป้องกันและความต้านทานทำให้มันโดนผลของอาณาเขตนี้ไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันมันก็ฉุกคิดได้ว่าเธอก็สามารถแช่แข็งมันได้ทั้งตัวแต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะแช่แค่เท้ากันล่ะ
“...” ด้านคนกางอาณาเขตไม่พูดอะไรแต่เธอชักดาบออกมาอีกครั้งและยกมือข้างที่ว่างไปไว้ใกล้ๆปากแล้วกัดนิ้วโป้งจนเลือดออก จากนั้นเธอก็ถือดาบมาอยู่ใต้คางเป็นแนวเฉียงและใช้เลือดที่นิ้วมาป้ายตัวอักษรที่สลักอยู่บนใบดาบ สาเหตุที่เธอทำแบบนี้เพราะเธอไม่ได้คิดจะใช้อาณาเขตมาจัดการศัตรูมาตั้งแต่แรกแล้ว ที่กางไปก็เพื่อเป็นหลักประกันว่าศัตรูจะหนีไปไหนไม่ได้
ถ้าถามว่าถ้าไม่ใช้อาณาเขตจัดการศัตรูแล้วจะใช้อะไร
คำตอบคือใช้กล่องแพนดอร่าหรือไม้ตายต้องห้ามอีกหนึ่งท่าของเธอเองที่ถ้าเป็นไปได้เธอเองก็ไม่อยากจะใช้มันเลยซักนิดยิ่งกว่าสูญสิ้นโลกาอีก แต่เพราะวันนี้สถานการณ์มันไม่เป็นใจเธอเลยจำเป็นต้องงัดออกมาใช้
‘ความรู้สึกนี้…มันอะไรกัน…’ จิ้งจอกยักษ์เห็นยูกิฮิเมะที่แค่ยืนก้มหน้าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรกลับรู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ขนลุกขนพอง หนาวเหน็บไปถึงหัวใจ มันเอะใจแล้วว่าที่เธอเอาเลือดไปป้ายดาบรวมถึงตัวดาบสามารถรองรับพลังไสยเวทได้มากกว่าปกติแบบนี้แสดงว่าดาบที่ใช้นั่นไม่ใช่ดาบธรรมดา
และใช่ ดาบเล่มนั้นที่เธอใช้อยู่มันไม่ธรรมดาจริงๆ
หลังจากที่เรียวตะตายไป ยูกิฮิเมะที่ไปผูกสัญญาว่าถ้าเรียวตะตายพลังของตนจะถูกแบ่งออกไปเป็นวัตถุต้องสาปโดยมีอยู่ทั้งหมด 3 ชิ้น ได้แก่
ผีเสื้อย้อนกลับ วัตถุต้องสาปที่เจอเป็นชิ้นที่ 2 หลังจากที่ตื่นมา อดีตผีเสื้อใกล้ตายแต่กลับมามีชีวิตอีกครั้งและเป็นแหล่งเก็บอาคมย้อนกลับสำรองจากความสงสัยของยูกิฮิเมะ
เกล็ดมังกร วัตถุต้องสาปที่เจอเป็นชิ้นที่ 3 แหล่งรวมขุมพลังที่ซ่อนอยู่ของยูกิฮิเมะและยังมีวิญญาณของทัตสึยะสิงอยู่
และในส่วนของวัตถุต้องสาปชิ้นแรกสุดที่เจอนั้น
.
.
.
“ได้ใหม่แล้วก็อย่าทำพังอีกล่ะ”
“ค่าาาา…” ย้อนกลับไปหลังจากที่ยูกิฮิเมะตื่นมาได้หนึ่งสัปดาห์ วันนั้นอากาเนะต้องไปเอาดาบที่ทำใหม่หลังจากที่ทำพังไปเมื่อคราวโน้น ช่างตีดาบเจ้าประจำของมิซาเอะและเด็กสาวยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าและขู่เสียงเย็นจนอากาเนะได้แต่ขานรับเสียงอ่อย
‘รู้สึกผิดเลยที่ทำดาบเจ้าพัง-หือ?’ ยูกิฮิเมะเห็นแล้วก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาแต่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้
‘ยูกิฮิเมะ? เป็นอะไร’
‘...ดาบนั่น’
‘หา? ดาบอะไร’
‘ดาบที่ตั้งอยู่ตรงนั้น…ฝากถามทีว่าไปได้มาจากไหน’ ประโยคของคำสาปสาวทำให้อากาเนะต้องมองหาดาบที่อีกฝ่ายว่าจนกระทั่งมาเจอกับดาบเล่มหนึ่งที่ตั้งโชว์อยู่โซนรับแขกและดูเผินๆเหมือนดาบธรรมดาทั่วๆไป แต่พอจ้องไปซักพักเธอรู้สึกได้ว่าดาบนั้นมีพลังงานบางอย่างอยู่
“แกจ้องดาบนั่นทำไมห๊ะไอ้หนู?” ช่างตีดาบเห็นว่าอากาเนะเอาแต่จ้องดาบที่ตั้งโชว์อยู่ก็ถามด้วยความสงสัย
“ดาบนั่นคุณไปได้มาจากไหนเหรอคะ”
“อยากรู้ไปทำไม”
“คือ…” เด็กสาวเกิดเลิกลั่กขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงให้อีกฝ่ายสงสัยมากกว่าเดิม
จนกระทั่ง
‘บอกเจ้านั่นไปตรงๆเลยว่า ดาบนั่นคือวัตถุต้องสาปของข้าเอง’
…
“...ห๊ะ?”
.
.
.
“——” ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ยูกิฮิเมะที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ได้เอ่ยบางอย่างพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมาจากตาขวา และเมื่อหยดน้ำตาไหลลงไปยังดาบที่ถืออยู่นั้น
ใบดาบจากที่เป็นสีเงินของเหล็กกลับกลายเป็นใสไม่มีสีราวกับทำมาจากแก้ว
ทันทีที่ใบดาบเกิดการเปลี่ยนแปลง ยูกิฮิเมะก็เปลี่ยนมาจับดาบแบบสองมือแทนมือเดียวและวาดปลายดาบมาสัมผัสกับพื้น
“!!?” แน่นอนว่าปีศาจจิ้งจอกยักษ์และคำสาปตัวอื่นๆที่อยู่ในอาณาเขตของเธอต่างรับรู้แล้วว่าถ้าไม่อยากตายตอนนี้ตัวเองต้องหนีออกไปให้ได้แต่มันก็ไม่ทันแล้ว ทำให้จิ้งจอกยักษ์ที่เป็นคำสาปตัวเดียวที่อยู่ใกล้ยูกิฮิเมะที่สุดต้องรีบสลัดน้ำแข็งที่เกาะตรงเท้าออกและไปจัดการเธอให้ได้
แกร็กๆ
เพล้ง!!
‘!? เสร็จ!’ ราวกับสั่งได้ดั่งใจ น้ำแข็งที่เกาะตรงเท้าแตกออกมา ทำให้มันพุ่งตัวไปหาและใช้กรงเล็บหวังแทงเป็นการปิดจบทันที
‘มันจบแล้ว-!?’ และในตอนที่มันได้ใจอยู่นั้นก็ดันไปสบตายูกิฮิเมะเข้าพอดีและพบว่าตาของเธอนั้น
ไม่ใช่ตาของมนุษย์แต่เป็นตาของมังกร
“มุราซาเมะ” (พิรุณโปรยปราย)
“หือ? ฝนตกเหรอ”
“แปลกจัง พยากรณ์อากาศวันนี้ไม่มีฝ-”
วันที่ 31 ตุลาคม เวลา 22:30 น. ได้เกิดฝนตกลงมาที่ชิบุย่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผู้ช่วยผู้ควบคุมที่เหลือรอดพอจะไปหาพยานถามถึงเหตุการณ์กลับไม่สามารถหาใครได้เลย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ไม่เจอใครเจอแต่เสื้อผ้าเปียกๆที่ถูกทิ้งไว้ที่แอ่งน้ำเป็นแต่ละจุดกระจายกันไป พอไปตรวจสอบอีกทีก็พบเรื่องที่น่าตกใจถึงสองเรื่อง
เรื่องที่หนึ่ง ม่านชั้นที่สองและสามในชิบูย่าถูกทำลายอย่างปริศนาในเวลาที่ใกล้กัน ว่ากันว่าตอนนั้นมีเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วเพียงครั้งเดียวและเงียบหายไปพร้อมม่านที่ถูกทำลายทั้งสองชั้น
และเรื่องที่สอง แอ่งน้ำในแต่ละจุดและเสื้อผ้าเปียกโชกที่อยู่บริเวณนั้น
แท้จริงแล้วเป็นผู้คนที่ติดอยู่ในม่านชั้นที่สองและร่างกายของทุกคนถูกละลายกลายเป็นน้ำจากฝนที่ตกลงมาจนเหลือทิ้งไว้แต่เสื้อผ้าเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ที่รอดจากฝนนั้นอยู่หนึ่งคน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากตัวต้นเหตุที่เรียกฝนนี้ขึ้นมา
เจ้าของไม้ตายมุราซาเมะ
ราชินีหิมะ ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะ
“…” สายฝนยังคงตกลงมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มีเพียงร่างของยูกิฮิเมะที่ตอนนี้เปียกโชกไปด้วยฝนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน รอบตัวเธอจากที่เคยเต็มไปด้วยคำสาปบัดนี้กลับมลายหายสิ้นไปจนหมดเหลือแค่เธอคนเดียว ดาบในมือจากที่เคยเป็นดาบใสก็กลับมามีสีปกติเหมือนดั่งเดิม เธอจึงเก็บดาบกลับเข้าฝักเหมือนเดิม
“ร้ายเหมือนกันนะเจ้าเนี่ย วัตถุต้องสาปแต่ละอันของเจ้าถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะมองไม่ออกเลยว่าเป็นวัตถุต้องสาป ดาบมุราซาเมะที่ได้มาจากช่างตีดาบแล้วเอามาใช้ในวันงานเชื่อมสัมพันธ์แต่แค่ไม่ได้ปลดผนึกเลยเป็นแค่ดาบธรรมดา กิ๊บที่เป็นของดูต่างหน้าของพ่อแม่คุณหนูน้อยแท้จริงแล้วคือผีเสื้อย้อนกลับ อย่างสุดท้ายก็เกล็ดมังกรที่บ้านใหญ่ฟุบูกิเก็บไว้ ถ้าเจ้าไม่ไปบอกผู้ใช้คุณไสยให้ตายยังไงเจ้าพวกนั้นก็ไม่มีวันหาเจอหรอก” ในตอนนั้นเอง ทัตสึยะปรากฏตัวสะท้อนอยู่ตรงกระจกร้านเสื้อผ้าที่อยู่แถวๆนั้นแล้วเอ่ยปากอย่างออกรส แต่ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีร่างของทัตสึยะอยู่เลย “แต่ว่าไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ สายฝนมรณามุราซาเมะ สุดยอดไพ่ตายลับที่ถ้าไม่เอาจริงก็จะไม่ยอมใช้เด็ดขาดแถมถ้าใครโดนร่างกายก็จะถูกละลายกลายเป็นน้ำ แต่เห็นว่าเจ้าทำลายม่านชั้นที่สองกับสามด้วยนี่?”
“…มันผิดด้วยรึไงที่ข้าจะทำลายมัน?” ยูกิฮิเมะเดินมาที่กระจกบานนั้นแล้วมองทัตสึยะในกระจกด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ตาเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเมื่อตอนนั้นแล้วนะท่านหญิง”
“แล้ว?”
“หือ?” ปฏิกิริยาการตอบกลับของคำสาปสาวทำเอาอีกฝ่ายเลิกคิ้วแปลกใจ “วันนี้เจ้าแปลกๆนะ เป็นเพราะโกะโจรึไง”
“ไม่เกี่ยวกับซาโตรุหรอก ก็แค่…” ยูกิฮิเมะยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้า “รู้สึกอยากพักแล้ว…ก็เท่านั้นเอง…”
“…” ด้านคนฟังได้ยินก็เงียบไปพักนึง โดยเฉพาะคำว่าพักที่อีกคนพูดถึงนั้นเขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร “…ไว้โลกนี้มันสงบสุขเมื่อไหร่วันนั้นเจ้าก็ได้พักสมใจแล้ว”
“อีกนานเลยนะถ้างั้น ฮ้าว~” คำสาปสาวหาวหวอดๆก่อนจะพบว่าฝนที่ตกลงมาเริ่มหยุดแล้ว
“อื๋อ ฝนหยุดแล้ว?”
“ไปงีบก่อนมั้ยล่ะ เล่นปล่อยมุราซาเมะกำจัดคำสาปเกือบหมื่นตัวไม่ถึง 2 นาทีไหนจะอารมณ์ของเจ้าก็ดิ่งลงเพราะมุราซาเมะอีก” ทัตสึยะออกความเห็น
“แล้วอากาเนะล่ะ?”
“ยังไม่ตื่น สงสัยเป็นผลของเรเควี่ยมมั้ง”
“ถ้าอากาเนะยังไม่ตื่นแล้วข้าจะงีบได้ยังไงก่อน”
“ยืนพิงเสาไฟแล้วงีบไปสิ”
“...บอกทีนี่คือความคิดที่ออกมาจากสมอง?” ยูกิฮิเมะกอดอกมองคนในกระจกด้วยสายตาหมดคำจะพูด
“เถอะน่า เจ้างีบไปเถอะถ้ามีอะไรเดี๋ยวข้าปลุกให้ละกัน”
“...เฮ้อ” คำสาปถอนหายใจระอาก่อนจะพิงเสาไฟที่อยู่ใกล้ๆและงีบไปในที่สุดรวมทั้งเงาของทัตสึยะที่อยู่ในกระจกก็หายไปเช่นเดียวกัน
“...กี้…กี้…!” 3 นาทีผ่านไป ยูกิฮิเมะที่ยังคงพิงเสาไฟงีบอยู่นั้นก็มีวิญญาณคำสาประดับล่างผ่านมาเจอเธอพอดี พอเห็นว่ามนุษย์อยู่มันก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปเพื่อกินเธอทันที
แต่แล้ว
“?!!!” ในตอนที่มือของมันจะคว้าตัวยูกิฮิเมะนั้น เธอกลับเบี่ยงตัวหลบออกมาทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่แล้วเอาฝ่ามือกระแทกใส่หน้าผากของมันอย่างจังจนมันยืนเอ๋อน้ำลายยืดไปทันที
“โฮ่!…มนุษ-!?” แต่แล้วก็ยังคำสาปตัวอื่นมาเจอเธออีก แต่เธอก็เอาฝ่ามือกระแทกใส่หน้าผากเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เธอเริ่มเปิดปากสนทนาบ้างแล้ว
“รู้รึเปล่าว่าข้าเป็นใคร” แต่เสียงที่ออกมานั้นมันไม่ใช่เสียงของอากาเนะหรือยูกิฮิเมะเลย มันแทนที่ด้วยเสียงผู้ชายแทน
“แก…เป็น…ใคร…” คำสาปผู้โชคร้ายพูดเสียงยานคาง
“แล้วรู้รึเปล่าว่าเจ้าเป็นใคร”
“ฉัน…เป็น…ใคร”
“...ข้าจะไปรู้เรอะ:)” ยูกิฮิเมะ(?) ฉีกยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินหนีออกมาจากคำสาปตัวนั้น หากคนที่สิงร่างของอากาเนะตอนนี้ถ้าไม่ใช่ยูกิฮิเมะแล้วจะเป็นใคร
“ขอยืมร่างเจ้าแปบนึงนะ คุณหนูน้อย:)” นัยน์ตาขวาที่เคยเป็นสีเทาเพราะยูกิฮิเมะสิงร่างกลับกลายเป็นสีแดงดั่งโลหิตเพราะคนที่สิงร่างอยู่ตอนนี้คือทัตสึยะที่ยืมร่างอากาเนะแบบชั่วคราวต่างหาก เพราะเห็นว่ามีคำสาปจะเข้ามาทำร้ายก็เลยสิงร่างได้แบบชั่วคราวและใช้ความสามารถที่เคยใช้กับโกะโจ
‘แล้วเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าผมจะลืมล่ะ เห็นแบบนี้ผมเองก็ความจำดีไม่แพ้ใครนะ’
‘…คำตอบมันก็ง่ายมาก’
‘เพราะข้าลบความทรงจำเจ้าได้ยังไงล่ะ!’
.
.
.
talkๆdesu : ช่วงนี้จะอัพถี่หน่อยเพราะปิดเทอมใหญ่นะครัช สองตอนที่แล้วมันสั้นไปใช่มั้ยตอนนี้คือจัดให้ยาวๆเลย มีเฉลยให้ด้วยว่าวัตถุต้องสาปของยูกิฮิเมะมีกี่ชิ้นและมีอะไรบ้าง ถ้าใครได้อ่านตอนงานเชื่อมสัมพันธ์ที่ยูกิฮิเมะฝากดาบไว้ที่เรียวตะ อันนั้นแหละคือดาบมุราซาเมะแต่อันนั้นแม่ยังไม่ได้ปลดผนึก มันเลยไม่มีใครมองออกเลยว่ามันคือวัตถุต้องสาป
แถมโชว์ความเทพของยูกิฮิเมะว่าถ้าไม่เก่งจริงก็คงไม่ได้อยู่ระดับพิเศษหรอก
เอาจริงๆรอบตัวอากาเนะคือมีแต่ตัวอันตรายทั้งนั้นเลย คนนึงเป็นยมทูต อีกคนก็คำสาประดับพิเศษ ล่าสุดก็ได้ทัตสึยะที่มีสกิลลบความทรงจำใครก็ได้อีก (คนที่โดนก็อาจารย์นี่แหละ แต่แค่โดนลบเรื่องที่เจอกับทัตสึยะนอกนั้นไม่โดนลบ)
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยย
Cr.
ความคิดเห็น