คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : บทที่ 6 : บุกกระทรวง
บทที่ 6 : บุกกระทรวง
วันนี้เป็นวันที่
1 สิงหาคม
ทั้งคฤหาสน์เงียบสงัดแทบจะไร้ซึ่งผู้คน
โวลเดอมอร์และผู้เสพความตายทั้งหลายออกไปที่กระทรวงเวทมนตร์ตั้งแต่เช้าตรู่รวมไปถึงนาร์ซิสซาด้วย
เฮเลนตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันพร้อมกับความรู้สึกกังวลในใจ
สิ่งที่เธอทำนายเอาไว้ให้โวลเดอมอร์ฟังในครั้งนั้นมันจะเป็นไปตามแผนของเธอหรือเปล่า
เขาจะพาสคริมเจอร์กลับมาด้วยไหม มันยากเหลือเกินที่ลอร์ดโวลเดอมอร์จะไว้ชีวิตใครสักคนเพื่อข้อมูลอันแสนล้ำค่าของเขา
เดรโกที่เพิ่งกลับมาจากไปอาบน้ำเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับไม่ลืมที่จะเสกคาถาเอาไว้ที่กลอนอย่างแน่นหนายิ่งขึ้น
เขาบอกว่านับตั้งแต่นี้ไปห้องนี้จะไม่สามารถเปิดได้ยกเว้นเขาและเฮเลนเท่านั้น
ถ้าหากว่ามีใครบางคนคิดจะเข้ามาโดยใช้การปลอมตัวเหมือนกับแท็คอีกจะโดนคำสาปม้วนลิ้นทำให้พูดไม่ได้ไประยะหนึ่ง
นั่นทำให้เฮเลนอุ่นใจขึ้นเป็นกองเลยทีเดียว
"เป็นอะไรไป"
เจ้าของงเรือนผมสีบลอนด์ซีดเอ่ยขึ้น "ทำหน้าเครียดเชียว"
เฮเลนผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
ร่างบางกระชับผ้าห่มที่คลุมร่างเปลือยเปล่าเอาไว้เล็กน้อยก่อนจะมองไปยังเดรโกที่สวมชุดคลุมอาบน้ำสีเทาเข้มนั่งลงบนขอบเตียงพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมเปียกๆ
ไปมา
ร่างบางเลื่อนกายเข้าไปและฉวยผ้าผืนเล็กในมือของเขามาช่วยเช็ดแทนและเดรโกก็ยอมปล่อยให้เธอทำแต่โดยดี
"ฉันกังวลนิดหน่อยน่ะ"
เธอตอบพลางซับหยดน้ำออกจากผมของเขา "นายคิดว่าคริมเจอร์จะถูกฆ่าไหม"
"ไม่รู้สิ"
เดรโกบอก "แต่ถ้าโวลเดอมอร์อยากได้ข้อมูล
เขาก็น่าจะไว้ชีวิตสคริมเจอร์เพื่อให้ได้ข้อมูลพวกนั้นมาเหมือนกับโอลิแวนเดอร์นั่นล่ะนะ"
"แต่โวลเดอมอร์ไม่ได้ต้องการแค่ข้อมูลจากโอลิแวนเดอร์ไม่ใช่เหรอ"
เฮเลนพูด "โอลิแวนเดอร์น่ะยังช่วยเรื่องเกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์ได้อีกหลายอย่าง
แต่กับสคริมเจอร์แล้วเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย"
มือเล็กดึงผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาเมื่อผมของเขาเริ่มแห้งดีแล้ว
เฮเลนจ้องมองผ้าในมืออย่างเหม่อลอย สมองคิดไปต่างๆ นาๆ
ว่าถ้าหากสคริมเจอร์ไม่รอดกลับมาเธอจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าแฮร์รี่อยู่ที่ไหนและปลอดภัยรึเปล่า
"มันก็ถูกอย่างที่เธอบอก"
เดรโกว่าพลางดึงผ้าขนหนูออกจากมือของเธอ
"แต่ทุกคนเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
พวกเขาพร้อมเสมอที่จะปกป้องเธอกับแฮร์รี่ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม"
"แต่ว่าพวกเราไม่ได้มีค่าขนาดนั้น"
"พวกเธอมีค่าขนาดนั้นเลยล่ะ"
เจ้าของดวงตาสีฟ้าซีดพูด วางมือลงบนศีรษะของเธอ "พวกเธอสามารถทำลายเขาได้
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเธอ"
ริมฝีปากบางทาบลงบนหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
ช่วยทำให้ความรู้สึกกดดันผ่อนคลายลงไปได้เป็นเท่าตัว
"ฉันไม่อยากให้มีใครต้องตายเลยเดรโก"
หญิงสาวกระซิบ "พวกเขาเป็นคนสำคัญ"
"เธอก็ต้องเชื่อในตัวพวกเขาสิ"
ร่างสูงยิ้มบางๆ "เชื่อว่าพวกเขาจะต้องไม่ตาย"
"ฉันเคยเชื่ออะไรแบบนั้นนะ"
เฮเลนตอบ "แต่แม้ด-อายก็ทำลายความเชื่อพวกนั้นไปหมด"
เดรโกหุบยิ้ม
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะรวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองคนในทันที นอกจากเสียงลมหายใจและเสียงตีปีกพั่บๆ
ของลาเมียในรังของมันแล้วก็ไม่มีเสียงใดอื่นอีกเลย
แต่เฮเลนก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือเรียวเย็นเฉียบลากยาวไปบนแผ่นหลัง!
"เดรโก!" ร่างบางร้อง
"นี่มันจะมื้อเที่ยงแล้วนะ นายก็เพิ่งไปอาบน้ำมาไม่ใช่เหรอ"
"รู้อะไรไหม
เฮเลน" เจ้าของดวงตาสีฟ้าซีดกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูของเธอ
"กลิ่นเธอมันหอมมาก"
มือเล็กผลักหน้าอกของเดรโกเบาๆ
เพื่อดันตัวให้ออกห่างจากเขาแต่มันก็ยังไม่พ้นรัศมีมือปลาหมึกของชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ดี
มือเรียวรั้งเอวบางเอาไว้ให้แนบกายชิดกับร่างของเขาโดยไม่ยอมละใบหน้าออกไปจากซอกคอขาวเลยแม้แต่น้อย
เฮเลนจิกเล็บลงบนเสื้อคลุมตรงหน้าอกของเขาจนเสื้อยับยู่ ลมหายใจอุ่นๆ
เป่ารดต้นคอจนรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว
มือขวาเกลี่ยไปมาที่แก้มใสราวกับกำลังจะจุดไฟอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
"นี่ฉันยังช้ำไม่พออีกเหรอ"
เฮเลนแบะปาก "นายทำรอยเอาไว้เกือบทั่วตัวฉันแล้วนะ"
"ไม่พอหรอก"
เขาว่า "รอยที่ไอ้งูพิษนั่นทำยังไม่หายไปเลย"
"มันจะหายไปได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือไงล่ะ"
ร่างบางพูดในขณะที่เดรโกเริ่มจะโถมแรงลงมาเพื่อดันให้เธอนอนลงบนเตียง
"รอยช้ำนะไม่ใช่รอยแผลสดที่ใช้แค่ดิตทานีทาแล้วหาย"
"ก็ฉันไม่ปลื้มนี่"
เขาว่าแล้วกดริมฝีปากลงบนแก้มใส เฮเลนพยายามปัดป้องเขาออกไป
"รู้แล้วค่ะว่าไม่พอใจ"
เธอว่า "แต่เมื่อคืนนี้ก็น่าจะพอแล้วนะเดรโกกก"
"ไม่พอหรอก
ตราบใดที่กลิ่นของเธอยังหอมหวานน่ากินอยู่แบบนี้ล่ะก็"
เดี๋ยวก็ร้องไห้ใส่ซะเลยนี่!!
"นี่เรากับลังอยู่ในสถานการณ์ซีเรียสนะเดรโก"
หญิงสาวแบะปากเมื่อในที่สุดชายหนุ่มก็ทำให้เธอลงมานอนราบลงบนเตียงจนได้
"เราต้องคิดหาวิธีหนีออกไปจากคฤหาสน์ด้วยนะ"
"เอาไว้ที่หลังก็ได้"
ร่างสูงว่าแล้วดึงผ้าห่มออกจากมือเล็กที่พยายามจับเอาไว้แน่นไม่ให้มันหลุดไป
"ตอนนี้ฉันอยากกินเธอก่อน"
ในขณะที่อ้าปากกำลังจะเถียงริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของเขาเสียก่อน
มือทั้งสองข้างของเขาดึงผ้าห่มผืนหนาออกไปจากร่างบางและไม่รอช้าที่จะใช้ร่างกายลิ้มรสความหวานจากเรือนร่างงดงามของหญิงสาวผู้ถูกเลือกเพื่อเติมเต็มความปรารถนาในหัวใจ
"พอแล้วเดรโก!" เฮเลนแยกเขี้ยวเมื่อเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ซีดที่นอนทาบทับอยู่บนร่างของเธอยังมีท่าทีอยากจะต่ออีกรอบหลังจากรีดพิษออกไปจากร่างของเธอเป็นรอบที่สามแล้ว
"นี่มันเลยมื้อเที่ยงมาเกือบสามชั่วโมงแล้วนะ"
ดวงตากลมโตมองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังและพบว่าเวลาล่วงเลยมาจนเกือบสามโมงเย็นแล้ว
เฮเลนจำได้ว่าตอนตื่นมาครั้งแรกยังอยู่ในช่วงสายๆ อยู่เลย หญิงสาวตีเบาๆ
ที่ไหล่กว้างเพื่อให้เขาถอนร่างกายออกไปจากเธอเสียทีจะได้ออกไปอาบน้ำและหาอะไรทานสักหน่อยก่อนมือค่ำ
เนื่องจากรอยที่คอ เนินอก
ไหล่และหลังลำคอทำให้เฮเลนไม่คิดอยากจะลงไปร่วมทานอาหารเย็นไปอีกยาวเลย
"ฉันยังไม่พอเลยนี่"
เดรโกเบ้หน้า "ผิวเธอมันหวานขนาดนี้"
"พอแล้ว"
เฮเลนลากเสียง "ฉันหิวไส้จะขาดแล้วเดรโก"
"กินฉันไม่อิ่มหรือไง"
ร่างสูงทำเสียงยียวน เฮเลนฟาดมือลงบนแขนของเขาแรงๆ ทีหนึ่ง
"ไม่เล่นแล้ว
ฉันจะไปหาอะไรกิน" เฮเลนเบ้หน้า ดันร่างใหญ่ให้ออกไปจากร่างของเธอครั้งนี้เขายอมถอยออกไปโดยดี
ร่างบางเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำมาสวมทับร่องรอยต่างๆ
บนร่างกายเอาไว้และรีบแจ้นออกจากห้องไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เดรโกเกิดเปลี่ยนใจดึงเธอกลับไปนอนบนเตียงอีกรอบ
โชคดีเอามากๆ ที่เฮเลนไม่ได้เจอแท็คระหว่างทางไปกลับห้องอาบน้ำไม่อย่างนั้นคงจะได้สาดคำสาปใส่กันแน่ๆ
เฮเลนกลับมาไล่เดรโกกลับไปอาบน้ำอีกรอบ
ร่างสูงงึมงำงอแงไม่ยอมไปอาบน้ำแถมยังอยากให้เธอไปช่วยอาบน้ำให้อีก
เธออยากจะกระโดดกัดคอเขาให้ขาดเสียจริง
คนอะไรชอบใช้คำพูดแทะโลมจนคนฟังเหมือนถูกกินไปทั้งตัว... จริงๆ
ก็ถูกกินไปแล้วอีกต่างหาก!
"ให้ตายสิ
ผ้าพันคอกับผ้าคลุมไหล่แทบจะปิดไม่มิด" เฮเลนบ่นหลังจากเดรโกออกไปจากห้องแล้ว
"กะจะให้รู้กันทั่วโลกเลยรึไงกันนะ"
ริมฝีปากบางพึมพำอย่างหงุดหงิด
มือเล็กลูบไปตามรอยช้ำตามลำคอเลื่อนไปเรื่อยๆ จนสัมผัสเข้ากับจี้เส้นเล็กที่มีประกายต้องแสงไฟในห้อง
อัญมณีที่ค่าที่สุดในตระกูลมัลฟอยกำลังส่องแสงสีเขียวสดใสสวยงามช่างเข้ากันได้ดีกับดวงตาของเธอเหลือเกิน
แหวนเงินวงเล็กบนนิ้วนางข้างซ้ายที่เขาสวมให้ยังคงอยู่ที่เดิมไม่หายไปไหน
เฮเลนหวังว่านับจากนี้มันจะอยู่กับเธอจนถึงวินาทีสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจ
หลังจากแต่งตัวและพยายามใช้คาถาหลากหลายซ่อนรอยช้ำให้ได้มากที่สุดเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่เฮเลนกำลังจะลุกขึ้นไปเก็บเตียงและผ้าปูที่นอนที่ไม่เป็นระเบียบให้เป็นที่เป็นทางนั้นเอง
อยู่ๆ แผลเป็นบนหน้าผากก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา เสียงของใครบางคนดังกึกก้องอยู่ในหัว
มือเล็กเลื่อนมาสัมผัสความร้อนที่บังเกิดขึ้นเบาๆ
ความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็วจนไม่อาจปิดกั้นใจตัวเองได้ทัน
เสียงของโวลเดอมอร์และความรู้สึกโกรธเกรี้ยวของเขา
"มันอยู่ไหน!" เสียงประกาศิตดังกึกก้องไปทั่วโถงกว้าง รอบกายของเขาเต็มไปด้วยเหล่าคนที่สวมชุดคลุมสีดำสนิทและหน้ากากสีเงินรูปร่างประหลาดยืนเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด
"รูฟัส
สคริมเจอร์!" เขาพูดและยกไม้กานสิทธิ์เรียกให้ผู้เสพความตายคนหนึ่งลากเจ้าหน้าที่ในกระทรวงเวทมนตร์คนหนึ่งออกมา
"มันอยู่ที่ไหน บอกฉันมา!"
"หะ
ห้องทำงาน" ร่างนั้นตอบเสียงสั่นเครือ "ห้องทำงานส่วนตัวคะ ครับ"
"แกโกหก!" เขาพูด
"ฉันไม่เจอมันที่นั่น มันอยู่ไหน บอกมา!"
"เขาอยู่ในห้องทำงานจริงๆ
ครับ" ผู้โชคร้ายยังคงพูดต่อเสียงสั่นเครือ "เขาพยายามให้การช่วยเหลือ..."
"ช่วยเหลืออะไร!"
"ชะ
ช่วยเหลือ" เขากลืนน้ำลาย "ช่วยเหลือแฮร์รี่ พอตเตอร์"
"แฮร์รี่
พอตเตอร์!"
โวลเดอมอร์ร้อง
ความรู้สึกพึงพอใจแล่นเข้ามาในหัว
มือเรียวยาวสีขาวซีดกุมไม้กายสิทธิ์สำดำโค้งเล็กน้อยเอาไว้แน่น
"มันรู้จริงๆ
ด้วยว่าเด็กพอตเตอร์นั่นอยู่ที่ไหน"
"จะให้เราทำอย่างไรดีคะจอมมาร"
เบลาทริกซ์พูด "ตามหามันใช่ไหม"
"ไม่ต้อง"
เจ้าของมือเรียวออกปาก "ฉันจะไปหามันเอง ส่วนพวกแก
จัดการเก็บกวาดพวกมันซะ"
เขาก้าวเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้าไปตามโถงกว้าง
แสงสีเขียวที่สะท้อนกำแพงที่เธอเห็นนั้นกำลังบอกว่าพ่อมดหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้นคงถูกเก็บกวาดไปแล้วเรียบร้อย
เสียงหัวเราะของเบลาทริกซ์ดังลั่นตามหลังมา
มันเต็มไปด้วยความสะใจและปรารถนาแรงกล้าที่จะทำลายทุกสิ่งอย่างเพื่อความพอใจของเขา
สองขาของเธอก้าวเดินอย่างเชื่องช้าผ่านประตูสีดำหลายต่อหลายบาน
ดวงตาปรายมองไปยังประตูแต่ละบานอย่างชั่งใจ
จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูสีดำบานใหญ่
ริมฝีปากแสยะยิ้มออกมา
ไม้กายสิทธิ์ในมือชี้ไปยังประตูบานนั้นพร้อมกับระเบิดมันออกโดยไม่เอ่ยเสียงทักทายหรือถามเจ้าของห้องก่อนแม้เพียงนิดเดียว
เสียงกุกกักราวกับกำลังวิ่งดังขึ้นมา
ดูเหมือนว่ารัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน
เธอก้าวเข้าไปในห้องนั้นพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้า
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงอยู่มากมายทั้งที่ก่อนหน้านี้ส่งเฟนเรียมาดูกลับไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ความรู้สึกที่ถูกส่งมาในหัวนั้นเปลี่ยนจากความพึงพอใจกลายเป็นเกรี้ยวกราดเมื่อเฟนเรียทำงานไม่ได้ดั่งใจ
เจ้าหน้าที่หลายต่อหลายคนวิ่งแตกฮือออกไปคนละทิศละทางตรงไปยังเตาผิงที่อยู่ไม่ไกล
บางคนก็หายตัวไปในส่วนลึกของห้องโดยไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร รูฟัส สคริมเจอร์ยืนจังก้าอยู่สุดห้อง
ดวงตาจ้องมองมายังเจ้าของมือขาวซีดอย่างไร้ซึ่งความกลัวดั่งเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ข้างๆ เขานั่นคือคิงสลีย์ ชักเคิลโบลต์ ทั้งสองตั้งท่าเตรียมต่อสู้ในทันทีเมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้าไปในห้องนั้นเพียงลำพัง
ดวงตาสีเหลืองของสคริมเจอร์นั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวแต่มันก็ไม่เท่ากับโทสะที่เริ่มพอกพูนขึ้นมาในหัวของเธอเท่าไรนัก
ดวงตากวาดมองไปรอบห้องแลเห็นเจ้าหน้าที่ทั้งหลายเริ่มหนีไปยิ่งทำให้โทสะในร่างกายเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ลำแสงสีเขียวแล่นออกจากไม้กายสิทธิ์ในมือไปกระแทกร่างของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กำลังจะวิ่งแทรกตัวเข้าไปในปล่องไฟ
ร่างของเขาทรุดลงบนพื้นและนิ่งไปในทันทีทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
แตกตื่นมากขึ้นไปอีก
ไม่นานเกินรอเหล่าผู้เสพความตายก็ปรากฏตัวขึ้นมาเบื้องหลังของเธอ
เสียงหวีดอย่างบ้าคลั่งของเบลาทริกซ์ดังขึ้นพร้อมกับร่างของหล่อนที่วิ่งนำหน้าคนอื่นเข้าไปรวบตัวเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเอาไว้ในขณะที่เธอนั้นก้าวออกไปหารูฟัส
สคริมเจอร์และคิงสลีย์
ชักเคิลโบลต์อย่างเชื่องช้าโดยไม่ละสายตาออกจากใบหน้าของทั้งคู่เลยแม้แต่วินาทีเดียว
คนที่เริ่มมาก่อนนั้นคือคิงสลีย์
เขาส่งคำสาปสีแดงออกมาใส่ร่างของเจ้าของมือสีซีดแต่เธอนั้นปัดออกไปได้
ไม่ว่าจะส่งมากี่ครั้งจนในที่สุดเหมือนว่าสคริมเจอร์จะหมดหนทาง
เขาส่งสายตาให้กับคิงสลีย์ราวกับกำลังบอกให้คิงสลีย์ไปช่วยเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ให้ปลอดภัยเสียก่อน
ดังนั้นคิงสลีย์จึงล่าถอยออกไปโดยปล่อยให้เธอและสคริมเจอร์ต่อสู้กันเพียงลำพัง
เสียงกรีดร้องของเหล้าเจ้าหน้าที่ยังคงดังขึ้นไม่ขาดสาย
รูฟัส สคริมเจอร์ดูกล้าหาญและแข็งแกร่ง สมกับที่เคยเป็นหัวหน้ามือปราบมารเสียจริงๆ
เขาปัดคำแช่งไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว
ดวงตาของทั้งสองประสานกันถ้าเปรียบกันโวลเดอมอร์ก็คงจะเป็นดั่งงูพิษตัวใหญ่ร้ายกาจ
ส่วนสคริมเจอร์ก็คงจะเป็นสิงโตจ่าฝูงที่กำลังส่งเสียงคำรามเตือนงูใหญ่นั้น
แต่เกรงว่างูพิษนั้นจะแข็งแกร่งเกินกว่าจะรู้จักคำว่ากลัว
"แก"
โวลเดมอร์เอ่ย "แกรู้ใช่ไหมว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์มันกบดานอยู่ที่ไหน"
"ไม่"
เขาตอบทันที "ต่อให้รู้ฉันก็ไม่มีวันบอกแก"
ทั้งสองสาดคำสาปใส่กันอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลำแสงสีเขียวที่พุ่งสะท้อนกำแพงไปโดนใครต่อใครแล้วบ้าง
การปะทะกันนั้นค่อนข้างนานจนในที่สุดสคริมเจอร์ก็พลาดพลั้งถูกคำสาปที่สะท้อนกำแพงมาเข้าที่หัวเข่า
เขาทรุดลงบนพื้นสีดำสนิท ดวงตาฉายแววรังเกียจเดียดฉันท์ออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เธอสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างนั้นและชี้ไม้กายสิทธิ์ลงไปที่ร่างนั้นและพึมพำคำสาปออกมาอย่างตั้งใจ
คำสาปกรีดแทงทำลายความน่าเกรงขามของสคริมเจอร์ไปจนหมดสิ้น
ร่างใหญ่นอนดิ้นบิดไปมาแสดงถึงความเจ็บปวดร้าวลึกลงไปในกระดูก
ความรู้สึกพึงพอใจกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะลั่นของเบลาทริกซ์และเสียงพึมพำของเหล่าผู้เสพความตายที่ดูท่าจะจัดการเจ้าหน้าที่ไปได้หลายคนแล้ว
"มันอยู่ที่ไหน! บอกฉัน
บอกลอร์ดโวลเดอมอร์มาเดี๋ยวนี้"
"ไม่!" เขาคำรามมือเกร็งหงิกงออย่างน่าสมเพช
"ฉันไม่มีวันบอกแกหรอก"
อานุภาพของคำสาปกรีดแทงรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ไม่ว่าใครก็คงไม่คิดว่าเขาจะทนต่อไปไหวแน่นอน มือสีขาวซีดกดไม้กายสิทธิ์ลงต่ำและแสยะยิ้มกว้างราวกับว่ามั่นใจแน่นอนว่าจะได้ข้อมูลที่อยู่ของแฮร์รี่
พอตเตอร์อย่างแน่นอน
"งั้นแกจงทรมาน
จนกว่าจะตาย!"
เสียงกรีดร้องของสคริมเจอร์ดังไปทั่วบริเวณแข่งกับเสียงหัวเราะเล็กแหลมของเบลาทริกซ์
ลำคอของเขาเกร็งจนขึ้นเอ็น ดูท่าเจ้าของมือขาวซีดจะไม่ยอมละความพยายามที่จะล้วงคอเขาออกมาให้ได้แต่สคริมเจอร์ยังคงปิดปากแน่นไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
จนในที่สุดเธอก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของมือเรียวหมดความอดทน
ลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ปะทะเข้ากับร่างของสคริมเจอร์อย่างแรง
รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์นอนแน่นิ่งไร้ซึ่งวิญญาณในกายอีกต่อไป
เฮเลนรู้สึกอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
แผนการณ์ที่เธอวางเอาไว้เหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ความคิดที่จะไล่ล่าหาแฮร์รี่
พอตเตอร์มาให้ได้แล่นเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับดวงตากวาดมองไปรอบห้องและไม่พบกับคิงสลีย์
ร้องนายกรัฐมนตรีที่หายไปจากห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ
"โดโลฮอฟ
โรลว์ มานี่" เธอสะบัดมือเรียกผู้เสพความตายสองคนให้เข้ามา
"ตามหาไอ้รองนายกรัฐมนตรีนั่นให้เจอ ส่วนคนอื่น
แยกกันออกไปตามหามันให้ครบสิบสี่ที่ที่อาจจะเป็นที่ซ่อนตัวของพวกมัน
หาให้เจอแล้วพาตัวมันมาให้ฉัน!"
"เฮเลน!" แรงสัมผัสบนร่างกายดึงเธอให้กลับมาจากหัวของโวลเดอมอร์
เดรโกจ้องมองใบหน้าของเธอด้วยแววตาเป็นห่วง
ร่างในชุดคลุมอาบน้ำมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บนแผงอกกว้าง "เป็นอะไรไป
ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้"
"เดรโก"
เธอพึมพำ ความเจ็บปวดที่แผลเป็นและความเดือดดาลที่ไม่ใช่ของตนยังคงตรึงอยู่ในหัว
"นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เพิ่งเข้ามา"
เขาบอก "เธอเป็นอะไรไป
ตอนเปิดเข้ามาดูเหมือนเธอกำลังหัวเราะแล้วก็ยิ้มเหมือนกำลังสะใจกับอะไรสักอย่าง
พอฉันแตะตัวเธอ เธอก็ฟื้นขึ้นมา"
"ฉันเห็นน่ะ"
เฮเลนตอบ ใช้ศอกยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งตามแรงดึงของเดรโก "สคริมเจอร์ตายแล้ว
โวลเดอมอร์ฆ่าเขา"
"ตายแล้วเหรอ"
เดรโกพึมพำ "ฉันคิดว่าเขาจะเก็บสคริมเจอร์เอาไว้ซะอีก"
"ไม่"
เธอส่ายหน้า "พอกระทรวงเวทมนตร์ล่มสลายนั่นหมายถึงเวทมนตร์คุ้มกันที่เอาไว้ป้องกันบ้านที่แฮร์รี่จะเข้าไปซ่อนตัวนั้นได้หายไปแล้ว
และนั่นหมายความได้ว่าถึงสคริมเจอร์จะตายไปเขาก็สามารถตามตัวแฮร์รี่ได้อย่างแน่นอน"
"แต่พวกเธอหมดร่องรอยแล้ว"
เดรโกว่า "ยังไงพวกเขาก็ไม่มีทางตามตัวเจอหรอกถ้าแฮร์รี่หนีไป"
"เขาตามเจอแน่"
เฮเลนพูด "ฉันรู้ว่าเขาต้องเจอแน่เดรโก เขาสามารถเข้ามาในหัวฉันได้
เขาก็จะเข้าไปในหัวของแฮร์รี่ได้เหมือนกัน ยังไงเขาก็ต้องรู้ว่าแฮร์รี่อยู่ที่ไหน มันแย่มากเพราะถ้าสคริมเจอร์ตายเราก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าแฮร์รี่เคยอยู่ที่ไหนและกำลังจะไปไหนตอนนี้"
เดรโกเม้มริมฝีปาก
พยุงร่างบางไปนั่งลงบนเตียงนุ่มก่อนที่เขาจะผละออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เฮเลนอยากจะเข้าไปในจิตใจของแฮร์รี่ให้ได้เสียเหลือเกิน
ความจริงแล้วเธอกับแฮร์รี่ควรจะติดต่อกันได้มากกว่าที่เธอจะเห็นภาพจากลอร์ดโวลเดอมอร์สิ
เพราะยังไงเธอกับเขาก็เป็นแฝดกันแถมยังเป็นผู้ถูกเลือกเหมือนกันอีก
ทำไมเธอถึงไม่สามารถที่จะเข้าไปในหัวของแฮร์รี่ได้!
เดรโกสั่งห้ามไม่ให้เธอลงไปข้างล่าง
เขาจัดการไปเตรียมอาหารมื้อเช้า (ในตอนเย็น) ขึ้นมาให้ก่อนจะเดินกลับลงไปอีกครั้ง
เสียงประตูบานใหญ่เลื่อนเปิดบ่งบอกว่าพวกเขาได้กลับมาแล้ว
เสียงหัวเราะเลวร้ายเสียดแทงรูหูของเบลาทริกซ์ลอยแทรกขึ้นมาถึงชั้นบน
เฮเลนพยายามยัดอาหารลงท้องไปอย่างฝืนๆ เพื่อให้อย่างน้อยเธอยังดำรงชีพอยู่ได้โดยไม่ตายไปเสียก่อนที่จะทันได้หนีไป
เหมือนว่าครั้งนี้โวลเดอมอร์จะไม่ได้กลับมาด้วย
เสียงอึกทึกทางด้านล่างบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเบลาทริกซ์ยังอาละวาดไม่สาแก่ใจทำให้กลับมาอาละวาดที่คฤหาสน์ต่อโดยมีนาร์ซิสซาคอยเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างให้หล่อนเหมือนอย่างเคย
ในที่สุดช่วงเวลาที่เสียงครึกโครมข้างล่างก็ได้หมดไป
ท่าทางเดรโกคงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเกลี้ยกล่อมป้าของตัวเองไม่ให้โวยวายไปมากกว่านี้
ผ่านไปราวสองสามชั่วโมง
เสียงประตูใหญ่เปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงพูดคุยดังระงม
แผลเป็นบนหน้าผากเริ่มปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เฮเลนรับรู้ได้ว่าโวลเดอมอร์กำลังมา
เขากำลังกลับมาที่นี่เพราะใครบางคนเรียกให้เขากลับมา อารมณ์เดือดดาลแทรกเข้ามาในหัวของเธออีกครั้งราวกับแล่นเทปกลับไปกลับมา
หญิงสาวเดินออกไปเปิดประตูห้องและเดินออกไปที่ระเบียงทางเดินกว้างๆ
เพื่อคอยแอบมองว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องโถงทางด้านล่าง
เสียงโวยวายของเบลาทริกซ์ดูไม่พอใจดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงปรามเบาๆ
ของแท็คที่พยายามจะทำให้สถานการณ์ทางด้านล่างสงบก่อนที่โวลเดอมอร์จะมาถึง
เฮเลนนั่งลงเอนตัวพิงกำแพงที่อยู่ใกล้กับบันไดทางลงอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าผู้เสพความตายที่กลับมายังคฤหาสน์จะมีเพียงเบลาทริกซ์
นาร์ซิสซาและผู้เสพความตายอีกสองคนที่เฮเลนเดาได้ว่าคงเป็นโดโลฮอฟกับโรลว์แน่นอน
สองคนนั้นคงมาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่พวกเขาออกไปตามหา
"แกหมายความว่าไง!" เบลาทริกซ์ถามเสียงแหลม "แกปล่อยให้มันหนีไปงั้นเหรอ!"
"ไม่ใช่"
เสียงที่ดูท่าว่าจะเป็นเสียงของโดโลฮอฟเอ่ยตอบ "มันหนีไปได้เพราะมันปลอมตัวเป็นคนอื่นต่างหาก เรื่องนี้เราต้องรายงานให้ท่านรู้"
"เพื่ออะไรโรลว์! เพื่อให้ท่านโมโหมากขึ้นงั้นรึไง"
เบลาทริกซ์หวีด "นี่แกกำลังขัดขวางสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่
รู้ตัวไหม!"
"แต่เราจำเป็นต้องรายงาน"
โดโลฮอฟว่า "ท่านสั่งเรามาให้รายงานท่านทุกอย่าง"
หลังจากจบประโยคนั้นเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้นอีก
แผลเป็นเจ็บปวดราวกับถูกทุบด้วยค้อนเหล็ก ท่าทางโวลเดอมอร์จะมาถึงที่นี่แล้ว และดูเหมือนว่าถ้าเกิดโดโลฮอฟไม่ได้ให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่เขาไปล่ะก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างแน่นอน
มันเป็นจริงอย่างที่เฮเลนคาดเสียงกรีดร้องของโรลว์ดังขึ้นในทันทีที่เธอได้ยินรายงาน
ทั้งสองบอกกับโวลเดอมอร์ว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์หนีไปจากงานแต่งงานของครอบครัววีสลีย์ได้
เพื่อนของเขาคนหนึ่งกลายเป็นโรคจุดกระจายพูดไม่ได้แถมยังน่ารังเกียจจนไม่อยากเข้าใกล้
ส่วนอีกคนที่เป็นลูกมักเกิ้ลได้หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างงาน และยังพูดอีกว่าพวกเขาไม่สามารถตามตัวคิงสลีย์พบและสืบทราบมาได้ว่าคิงสลีย์เป็นคนส่งผู้พิทักษ์ไปบอกคนในงานแต่งงานให้หนีไปก่อนที่พวกเขาจะไปถึง
โวลเดอมอร์ถือว่านั่นเป็นการทำภารกิจผิดพลาด
เฮเลนรู้สึกโชคดีมากที่เดเรโกได้รับแค่ภารกิจให้ไปเฝ้าดูตามที่ต่างๆ
ว่าแฮร์รี่ไปอยู่ที่นั่นหรือไม่และเธอคาดว่าหลังจากนี้พวกผู้เสพความตายคงจะถูกส่งไปอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่สิบสองกริมโมลด์เพลซก็เป็นได้
เพราะมันคงเป็นเพียงสถานที่เดียวที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปหลบซ่อนได้โดยไม่มีใครตามไปเจอ
"เอาอีกไหมโรลว์! หรือเราควรยุติความทรมานของแกแล้วทำให้แกเป็นอาหารค่ำของนากินีดี"
โวลเดอมอร์พูดเสียงเย็นเยียบไร้ซึ่งความเมตตาปราณีใดๆ
เสียงโอดครวญของโอโลฮอฟและโรลว์ยังคงดังขึ้นมาเป็นระยะพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของแท็คและเบลาทริกซ์
เฮเลนไม่ได้อยากรับรู้เรื่องนี้เสียเท่าไหร่นัก
อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ได้รู้แล้วว่าแฮร์รี่นั้นปลอดภัยดีและหนีไปได้ ส่วนคนที่เป็นโรคจุดกระจายนั้นคงจะเป็นรอน
เธอคิดว่าเรื่องจริงคงไม่ใช่แบบนั้น
พวกเขาอาจจะแค่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลบหนีจากผู้เสพความตายก็เป็นได้
"ฉันไม่แน่ใจว่าครั้งนี้จะให้อภัยแกได้
แกเรียกฉันกลับมาเพื่อบอกว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์หนีไปได้งั้นเนี่ยนะ!"
เสียงของเขาดังกึกก้องจนเฮเลนขนลุกซู่ด้วยความกลัว
ร่างบางยกแขนขึ้นมากอดตัวเองโดยอัตโนมัติ
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เสพความตายถึงยังจงรักภัคดีต่อเขาทั้งที่โวลเดอมอร์นั้นร้ายกาจและเขาพร้อมฆ่าได้ทุกเวลาถ้าหากไม่พอใจ
เสียงร้องโหยหวนของโดโลฮอฟกับโรลว์ยังดังขึ้นไม่ขาดสาย มันเงียบลงเป็นพักๆ
เมื่อโวลเดอมอร์ต้องการคำตอบจากปากของพวกเขา
"ขอโทษครับท่าน"
โดโลฮฟว่า "ผมรู้สึกว่าผมตามไปเจอมันที่ไหนสักแห่ง แต่ว่าเราก็ลืมมันไป"
"แกหมายความว่าไงที่ลืม
โดโลฮอฟ!"
เสียงกรีดร้องของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
ส่วนโรลว์ดูเหมือนว่าจะเงียบลงไปราวกับว่าตายไปแล้วยังไงอย่างนั้น
"เราไม่ทราบจริงๆ
ครับท่าน" โรลว์บอกดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ตาย
"เราตื่นขึ้นมาก็เจอเข้ากับสถานที่ที่มันเต็มไปด้วยพวกมักเกิ้ล
เราไม่รู้ว่าตอนนั้นไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง"
"หุบปาก! จัดการให้มันรับรู้ถึงความไม่พอใจของพวกเราซะเดรโก
จงทำ! ไม่งั้นแกจะได้รับรู้ถึงความโกรธของฉันแน่!!"
"ครับ
นายท่าน"
เสียงของเดรโกตอบรับเขาอย่างไม่เต็มใจ
เสียงกรีดร้องของโรลว์ดังขึ้นอีกครั้ง
เฮเลนทนฟังต่อไปไม่ไหวเธอคลานกลับเข้าไปในห้องโดยมีเสียงหัวเราะของแท็คดังไล่ตามหลังมา
เธอปิดประตูลงและคลานขึ้นไปนั่งบนเตียง
ดวงตากลมโตมองไปยังไม้กายสิทธิ์ของแท็คที่วางเอาไว้หน้ากระจก
เดรโกไม่ได้นำลงไปคืนเขาและสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือแท็คไม่แม้แต่จะมาทวงถามหามันจากพวกเธอเสียด้วยซ้ำไป
อีกคืนที่ผ่านไปอย่างรวดร้าว
เดรโกกลับมาที่ห้องในสภาพแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ดวงตาสีซีดเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เฮเลนไม่ได้พูดอะไรมากมายนักหลังจากที่เขาแทรกตัวเข้ามานอนร่วมอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอ
ร่างบางได้แต่โอบกอดเขาเข้ามาเท่านั้น ไม่อาจหาคำพูดใดๆ มาปลอบใจ
ดูเหมือนโวลเดอมอร์ข่มขู่เขาเรื่องของเธออีกแล้วกระมัง
"ต่อไปฉันจะถูกส่งไปที่กริมโมลด์เพลซ"
เดรโกบอก "บ้านประจำตระกูลแบล็ก"
"ฉันว่าแล้วเชียว"
เฮเลนบอกพลางลูบเส้นผมของคนที่นอนซุกอกเธออยู่เบาๆ
"โวลเดอมอร์จะต้องสงสัยที่นั่นแน่"
"ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทรมานโรลว์กับโดโลฮอฟขนาดนั้นในเมื่อแค่ปล่อยให้..."
"สำหรับโวลเดอมอร์แล้ว"
เธอพูด
"การปล่อยให้แฮร์รี่หนีไปได้นั่นแหละคือความผิดอันใหญ่หลวงเลยเชียวล่ะ"
"แต่ตอนนี้ที่นี่ก็มีเธออยู่นะเฮเลน"
เดรโกพูดงึมงำ "ยังไงเขาก็ต้องมั่นใจอยู่แล้วว่าแฮร์รี่จะต้องมาช่วยเธอแน่"
"เพราะที่นี่มีนายอยู่เดรโก
แฮร์รี่ถึงไม่มาตามฉัน"
ร่างบางก้มหน้าลงมองเจ้าของดวงตาสีฟ้าซีดอ่อนล้าพร้อมรอยยิ้ม
"ฉันคิดว่าแฮร์รี่เชื่อใจนายเหมือนกับที่ฉันเชื่อใจ"
เฮเลนบอก "เพราะเขาเชื่อใจว่านายจะต้องปกป้องฉันได้
เขาถึงยอมปล่อยให้ฉันอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะได้โอกาสยังไงล่ะ"
"เธอมันใจอย่างนั้นรึไง"
เดรโกถาม ซุกใบหน้าลงบนซอกคอขาวที่มีกลิ่นหอม "อย่างหมอนั่นน่ะเหรอเชื่อใจฉัน"
"แน่นอนสิ"
เฮเลนยิ้มบางๆ "ถ้าแฮร์รี่ไม่เชื่อใจนาย เขาคงไม่ปล่อยให้นายคบกับฉันหรอก
จรงิไหมเดรโก"
ร่างในอ้อมกอดไม่พูดอะไร
เขาซุกใบหน้าจมลงไปที่ซอกคอจนในที่สุดทั้งสองก็หลับไปโดยที่เฮเลนพยายามไม่คิดถึงเรื่องของแฮร์รี่เลยในระหว่างนั้น...
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น