ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [iKON] The Ship That I'm Sailing [SF,Drabble]

    ลำดับตอนที่ #54 : [OS] Handcuffs & Chains [Yunhyeon X Junhoe] [2/2]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 58


    16/10/2015 


    Title : Handcuffs & Chains

    Pairing: Yunhyeong x Junhoe

    [2]

    ตอนที่ 1 >>

     



    สามวันหลังจากที่บ๊อบบี้จากไปเพื่อทำตามแผนที่จะบุกสถานกักกัน ความคิดในหัวสมองของยุนฮยองตีกันวุ่นวายกว่าที่คิดอาจจะเพราะคำพูดของเพื่อนสนิทยังคงวนเวียนอยู่ ความรู้สึกขมในปากเกิดขึ้นเป็นระยะจนต้องใช้ความหวานช่วยคลาย ทำให้คาราเมลในกล่องพร่องไปเกือบหมดกล่องทั้งที่ปกติกล่องนึงกินได้เกือบหนึ่งอาทิตย์

     

    มันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เห็นต้องเก็บมาคิดอะไร ความจริงยุนฮยองไม่ต้องสนใจกับสิ่งที่บ๊อบบี้บอกก็ได้เพราะเขาคิดว่าพอใจกับชีวิตในตอนนี้ ทุกวันในช่วงสงครามเขาคิดในใจเสมอว่าแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบหลังจากทุกอย่างจบลงและเขาก็ได้รับสิ่งนั้นจริงๆตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

     

    แต่บางครั้งการกระทำตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านใหม่มันกลับสวนกับความพอใจของตน ทั้งทีไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่บางคืนยังคงหยิบปืนสไนเปอร์คู่ใจขึ้นไปบนดาดฟ้าเล็งและยิงไปยังเป้าพลาสติกบนต้นไม้ห่างไปเกือบห้าร้อยเมตร หรือสะดุ้งตัวทุกครั้งเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างเข้ามาระยะเรดาห์ของดงฮยอก และยิ่งทุกวันนี้ต้องคอยฝึกจุนฮเวซึ่งเริ่มทำให้เขาได้เรียกเหงื่อและสัญชาติญาณภายในตัวเองออกมามากขึ้นทำให้เขาเองก็เริ่มคิดเหมือนกัน   

     



    ...ว่าความจริงสิ่งที่เขาต้องการคืออะไรกันแน่...



    "หมู่บ้านนี้ต่างจากที่ผมเคยอยู่ลิบลับเลย"

     

    "นายมาจากในเมืองไม่ใช่หรือไง ที่นี่มันชายป่า"

     

    เสียงเจื้อยแจ้วกับสีหน้าสดใสของคนที่ขลุกอยู่แต่ในบ้านใหม่มาตลอดสามเดือน แววตาเป็นประกายขณะมองไปรอบๆหมู่บ้านซึ่งห่างตึกที่พวกเขาอยู่ค่อนมาในป่าเกือบสามร้อยเมตร บ๊อบบี้พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆว่าให้จุนฮเวลองออกไปในหมู่บ้านดูเมื่อจุนฮเวถามว่าเมื่อไรถึงจะออกไปข้างนอกได้สักที อีกอย่างหมู่บ้านนี้ก็มีแต่พวกที่อพยพมาจากช่วงสงครามทั้งนั้นถึงใส่กุญแจมืออยู่ก็ไม่มีใครสนใจหรอกเพราะที่นี่ไม่มีใครคิดไปยุ่งกับพวกทหารอยู่แล้ว

     

    หมู่บ้านร้างเนื่องจากการก่อจลาจลถูกซ่อมแซมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เฉดสีสันสดใสที่ถูกทาอยู่บนอาคารราวกับไล่ตามสีที่ถูกเรียงบนถาดสี ไม่จำเป็นต้องมีไฟฟ้ามาจากในตัวเมืองเพราะทุกบ้านมีที่ปั่นไฟเป็นของตัวเอง ทั้งร้านชำ คลินิก ร้านช่าง โรงกลึง ฟาร์มปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ปลายหมู่บ้าน การค้าขายกับสถานที่อื่นก็ยังสามารถเข้าถึง ทุกอย่างสำหรับการดำรงชีวิตครบทั่วอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้

    "ว่าไงยุนฮยอง เอาของมาส่งแล้วใช่ไหม? แล้วเจ้าเด็กนี้ใคร?"

     

    น้ำเสียงทุ้มจากเจ้าของร้านชำประจำหมู่บ้านทักยุนฮยองด้วยความคุ้นเคย ซงมินโฮ เป็นคนรู้จักของบ๊อบบี้ตั้งแต่อยู่กองกำลังปลดปล่อยซึ่งยุนฮยองแปลกใจเหมือนกันทั้งที่ตัวเองค่อนข้างรู้จักกับคนหลายกลุ่มแต่เขาไม่เคยเห็นมินโฮในเขตอพยพเลยสักครั้งรวมถึงเวลาออกไปพร้อมกองกำลังต่อต้านเองก็ไม่มีแม้แต่เงาของอีกฝ่าย

    "จุนฮเวน่ะ เป็นรุ่นน้องของจีวอน"

    "น้องของไอ้แสบนั่นหรอ แสดงว่าต้องเจ๋งดิ" 

     

    “พี่นี่ตาถึงวะ”

    ปากของจุนฮเวยกยิ้มเหมือนกับมินโฮที่ยกยิ้มมุมปากข้างเดียว ถึงเจอกันครั้งแรกแต่ดูท่าทางถูกโฉลกกันไม่น้อย ทั้งสองคนพูดคุยไปเรื่อยหัวเราะร่วนจนเหมือนลืมไปแล้วว่ามียุนฮยองมาด้วยขณะยกเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเขาและยกของที่จินฮวานสั่งให้ซื้อเข้าบ้านขึ้นรถเข็น

     


    ...ก่อนจะโดนเสียงแหลมเหมือนสัญญาณเตือนดังขึ้นขัดจังหวะ...


     

    “เสียงอะไรน่ะ?”

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก”

     

    เสียงร้องโหยหวนของจุนฮเวพร้อมกับเจ้าตัวที่ลงไปนอนกองอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างกุ้มหัวของตัวเอง นิ้วจิกเข้าผิวหนังราวกับมีอะไรวิ่งอยู่ในหัว นอนทุรนทะรายกรีดร้องไม่หยุด ยุนฮยองยืนช็อคไปสักครู่ก่อนตั้งสติได้รีบตรงเข้าไปหาจุนฮเวแต่ช้ากว่ามินโฮ มือสีเข้มของมินโฮต่อยเข้าไปกลางท้องของอีกฝ่ายก่อนจุนฮเวจึงนิ่งไปแต่ยังมีเสียงครางออกมาจากลำคอเป็นระยะ ทั้งคู่พยุงตัวจุนฮเวเข้ามานอนในร้านชำ

     

    “พี่มินโฮ มันคืออะไร?”

     

    “มันคือสัญญาณเตือนที่สถานกักกันไว้ใช้กับนักโทษ ตัวรับสัญญาณจากกุญแจมือจะส่งกระแสไฟฟ้าบีบระบบประสาท เมื่อก่อนมีพวกนักโทษหนีออกมาช่วงสงครามจำนวนมากพวกทหารเลยทำการส่งสัญญาณผ่านเสาวิทยุกระจายไปทั่วพื้นที่เป็นระยะแต่ไม่นึกว่าจบสงครามแล้วยังอยู่”

     

    นั้นทำให้ยุนฮยองนึกถึงแผนการบุกเข้าไปสถานกักกันของบ๊อบบี้ทันที เนื่องจากอาจจะมีการปล่อยนักโทษเป็นตัวล่อรวมอยู่ในนั้นก็ได้ซึ่งไม่คิดว่ามันจะส่งสัญญาณโดนหางเลขมาถึงจุนฮเว

     

    “แล้วมันจะเป็นอะไรไหมพี่?”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวก็ตื่น แต่น่าสงสารชะมัด ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจอมาเยอะแค่ไหน”

     

    สายตามินโฮมองจุนฮเวด้วยความเป็นห่วงและความสงสารทำให้ยุนฮยองเองได้แต่มองเด็กที่ยังสลบอยู่ด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก

               

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    จุนฮเวตื่นขึ้นตอนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ มินโฮอาสาจะขับรถมอเตอร์ไซต์ของตัวเองไปส่งอีกฝ่ายที่บ้านแต่เจ้าเด็กนั่นได้แต่ยิ้มบางๆและบอกว่าไม่เป็นไรก่อนเดินกลับพร้อมกับยุนฮยองโดยที่ไม่บทสนถนาใดๆออกจากปากของทั้งคู่

     

    เมื่อกลับไปถึงบ้านจุนฮเวเดินตรงยังห้องนอนของตนทันที ยุนฮยองนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับความคิดที่ยังตีไปตีมาอยู่ในหัว ฟังดงฮยอกบอกว่าแผนการบุกของบ๊อบบี้ไปได้สวย ที่เหลือก็แค่รอบ๊อบบี้กับฮันบินกลับมาเพราะพวกเขาตัดสนใจให้นักโทษของอีกฝ่ายใช้คีย์ก่อนถึงจะเอากลับมาให้จุนฮเว ซึ่งทั้งคู่ก็ตามไปรอเอาจากแหล่งกบดานของพวกนั้นที่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก อีกสักชั่วโมงคงกลับมา

     

    เขายกยิ้มบางๆ ชมบ๊อบบี้ ฮันบินและดงฮยอกอยู่ในใจ รู้สึกโล่งอกที่ไม่มีใครบาดเจ็บและอย่างน้อยเขาจะไม่ต้องเห็นภาพจุนฮเวแบบในวันนี้อีกแล้ว ถึงจะรู้ว่าจุนฮเวไม่เป็นอะไรแล้วแต่ก็ยังอดเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นไม่ได้ ทำให้สองขาของยุนฮยองหยุดอยู่หน้าห้องนอนของเจ้าเด็กนั่นโดยไม่รู้ตัว เขาเคาะประตูก่อนเปิดเข้าไปในห้อง

     

    "ไง โอเคแล้วใช่ไหม?"

    "อืม แค่นี้ยังเบาๆนะ ปกติเวลามีคนตีกันในสถานกักกัน ส่งสัญญาณทีนี่ลงไปนอนร้องครางกันเป็นแถวและก็นานด้วย"

    เจ้าของใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นราวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายเป็นเรื่องปกติ ยุนฮยองนั่งลงพิงประตูระเบียงตรงข้ามกับจุนฮเว เงยหน้ามองขึ้นท้องฟ้าสีดำสนิทตามเจ้าเด็กตรงหน้า สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านทั้งคู่และเสียงของจักจั่นร้องระงม

     


    "ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาผมคิดว่าผมโชคดีกว่าใครๆที่พี่บ๊อบบี้กับฮันบินช่วยผมออกมาจากสถานกักกัน ผมยังจำความสงสัยตอนที่ตอนประตูห้องขังทุกห้องถูกเปิดออกและตัวผมถูกดึงกึ่งลากออกไปตามทางโดยพี่ฮันบินก่อนต้องให้พี่บ๊อบบี้แบกผมออกมาเพราะโดนสัญญาณเตือน....

     


    ....การได้มาอยู่ที่นี่ทั้งที่ตอนแรกยังระแวงอยู่ในใจ กลับกลายเป็นว่าเหมือนกับผมได้พบบ้านหลังใหม่ที่โหยหามาตลอดเวลาที่อยู่ในนั้น ผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยิ้มและหัวเราะอย่างเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว"

     


    จุนฮเวนิ่งไปสักครู่ มือขาวทั้งสองข้างจับตรงกุญแจมือบนข้อมือของตน

     

    “ในสถานกักกันเองก็คนแบบผมอีกเยอะ คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดและถูกจับมา คนที่ถูกตัดโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ผมเองสักวันหนึ่งเมื่อพร้อมแล้วผมอยากมอบโอกาสให้คนพวกนั้นเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่บุกเข้าไปสถานกักกันปล่อยคนมั่วๆออกมาทุกคนหรอก ถึงตอนนี้ผมจะมีกุญแจมือและโซ่ติดอยู่ ถึงจะต้องโดนส่งสัญญาณให้ต้องลงไปนอนคราง ถึงจะต้องทำตัวหลบๆซ่อนหนีพวกทหาร แต่ผมก็จะออกไปดูโลกภายนอกและหาทางให้อิสระกับคนเหล่านั้น”

     

    ทั้งที่อยู่ด้วยตลอด ยุนฮยองเห็นการแสดงออกของจุนฮเวที่เหมือนกับเด็กอายุสิบแปดปีทั่วไป แต่เขาอาจจะลืมไปว่าสามปีที่จุนฮเวผ่านในสถานกักกันมาทำให้ความคิดของเจ้าเด็กนั่นโตเกินกว่าตัวไปเยอะ

     



    ...เพราะถึงจะถูกพันธนาการตรงข้อมือแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความคิดจะถูกผูกมัดไปด้วย...

     



    มือยุนฮยองยื่นไปข้างหน้าจับตรงโซ่ที่ล่ามกุญแจมือของจุนฮเวไว้ซึ่งอีกไม่นานจะถูกปลดออกไปและยกยิ้มให้อีกฝ่าย

     

    “เดี๋ยวนายก็ได้ทำอย่างที่หวังแล้ว”

     

    “ยังไงวะพี่?”

     

     

    “พี่ยุนฮยองแย่แล้วครับ รีบมาที่ห้องใต้ดินเร็ว”

     

     

    ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับสีหน้าและน้ำเสียงของชานอูไม่ค่อยสู้ดีนัก ยุนฮยองเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนทั้งคู่เดินตามชานอูลงไปยังห้องใต้ดิน ดงฮยอกกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สามจอต่อกันบนโต๊ะทำงานของตัวเองโดยมีจินฮวานยืนหน้าเครียดอยู่ไม่ห่าง

     

    “เกิดอะไรขึ้น?”

     

    “พี่ฮันบินถูกยิง อีกฝ่ายยอมทำตามแผนเพราะอยากได้คีย์และกะจัดการทั้งคู่ด้วย คีย์ก็ถูกพวกมันพังไปแล้ว ตอนนี้พี่บ๊อบบี้จะพาพี่ฮันบินมาที่นี่แต่ปัญหาพวกมันไล่ตามมาด้วย”

     

    “เดี๋ยวนะใครถูกยิง? พี่บ๊อบบี้อยู่ที่ไหน?”

     

    คนที่ไม่เคยได้รับรู้แผนของบ๊อบบี้มาก่อนอย่างจุนฮเวขมวดคิ้วจนเกือบติดกัน หันมองรอบห้องหวังว่าจะได้คำตอบจากใครสักคน

     

    “เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังนะจุนฮเว เอาเป็นว่าถนนที่เข้ามาที่นี่ก็มีทางเดียว ถึงจะแยกจากเส้นเข้าหมู่บ้านเข้ามาที่นี่แต่ก็ใกล้กับหมู่บ้านเกินไปอยู่ดี เราเคยคุยกันแล้วใช่ไหมว่าจะไม่ให้งานของทั้งคู่สร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้าน”

     

    “ผมว่าคงทำได้อย่างเดียวคือให้ชานอูขับมอเตอร์ไซต์ไปรับพี่ฮันบินจากตรงนั้นมาที่นี่และให้พี่บ๊อบบี้ล่อให้พวกมันออกไปจากบริเวณนี้”

     

    ดงฮยอกแชร์ความคิดเห็นจากการประเมินสถานการณ์ตรงหน้าและเงื่อนไขที่มีอยู่ จินฮวานกับชานอูเองพยักหน้าเห็นด้วยเพราะแผนของดงฮยอกดูโอเคที่สุด

     

    “แล้วทำไมไม่ให้พี่ยุนฮยองไปช่วยพี่บ๊อบบี้จัดการพวกนั้น?”

     

    จุนฮเวพูดโพลงออกมาหลังจากประติดประต่อเหตุการณ์ตอนนี้ด้วยตัวเอง ยุนฮยองหันไปมองหน้าอีกฝ่ายและพูดเสียงเรียบ

     

    “พี่บอกมันแล้วว่างานนี้พี่จะไม่ยุ่ง ฝ่ายโน้นมีกี่คนก็ไม่รู้และก็มีปืนจริงด้วย”

     

    “แต่นั่นเพื่อนพี่ จะปล่อยให้ไปหนีเดียวแล้วโดนยิงตอนไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะ?”

     

    “จุนฮเวดูความเป็นไปได้ด้วยก่อนพูด อีกอย่างบ๊อบบี้มันชินงานพวกนี้อยู่แล้ว มันหนีได้อยู่แล้ว”

     

    จุนฮเวยกมือขยี้หัวตัวเองด้วยความไม่พอใจกับคำตอบของยุนฮยอง มองใบหน้าจริงจังและรับรู้ได้ว่าเขาพูดจริงก่อนถอนหายใจและตัดสินใจจะทำให้สิ่งที่ตัวเองคิด

     

    “ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่ไม่ช่วยผมจะไปช่วยเขาเอง”

     

    “แล้วนายจะช่วยยังไง? ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย”

     

    “แต่ก็ดีกว่ายืนมองไม่ทำอะไรอยู่ตรงนี้หรอก พี่แม่งห่วยวะ มีฝืมือไปงั้นๆ แค่ช่วยเพื่อนยังช่วยไม่ได้เลย ”

     

    เสียงกร้าวของจุนฮเวพร้อมคำดูถูกปิดท้ายสำหรับยุนฮยอง มือขาวกำไปตรงคอเสื้อของยุนฮยองจนจินฮวานต้องรีบเขามาแยกแต่เขายกมือห้ามไว้ ดวงตาคู่โตจ้องตาของอีกฝ่ายและถามด้วยเสียงนิ่ง

     

    “นายอยากช่วยใช่ไหม?”

     

    “เออดิ”

     

    นัตย์คมจ้องเขาด้วยความมุ่งมั่นไม่มีวูบไหวและคำตอบชัดเจน ยุนฮยองถอนหายใจ ปัดมือที่กุมคอเสื้อของตัวเองออกเดินตรงไปหน้าคอมพิวเตอร์ กดปุ่มสีแดงข้างไมโครโฟนบนโต๊ะ

     

    “บ๊อบบี้ อีกกี่นาทีถึงจะถึงตรงแยกเข้ามาที่นี่?”

     

    //คาดว่าอีก 5 นาที นี่ก็เร่งเต็มหน่วยอยู่สลัดไม่หลุดด้วยแม่ง//

     

    “โอเค เดี๋ยวเจอกัน”

     

    สายตาของทุกคนในห้องหันมามองคนที่พึ่งกดสวิสต์ปิดไมค์เมื่อสักครู่และยกยิ้มขึ้นราวกับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ยกเว้นจุนฮเวที่คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยว่าไอ้พวกพี่พวกนี้จะยิ้มทำไมก่อนทำหน้าเหวอเมื่อมือของยุนฮยองจับโซ่ของกุญแจมือลากสองแขนให้เดินตามไป

     

    “เรื่องทำคอเสื้อพี่ยับเดี๋ยวกลับมาคิดบัญชีที่หลัง ตอนนี้มาทำงานกันก่อน”

     

    “งานไรวะ แล้วนี่ปล่อยดิ เดินเองได้”

     

    ยุนฮยองเปิดประตูห้องนอนของตน หยิบปืนสไนเปอร์คู่ใจของตัวเอง เช็กลำกล้องว่าเปลี่ยนเป็นโหมดกลางคืนแล้วส่งให้จุนฮเวพร้อมลูกกระสุนยาสลบ

     

    “ลากแคร่ไม้ไปจุดที่มองเห็นสามแยก ถึงไม่เคยฝึกให้นอนยิงแต่ถ้าถือปืนค้างหรือนั่งยองสมาธิจะแย่ลงไปอีก เล็งให้ดีก่อนปล่อยกระสุนทุกครั้ง ปกติยิ่งยิงไม่แม่นอยู่...

     

    ....คราวนี้ของจริง ฉันไว้ใจนายใช่ไหม?”

     

    “ดูถูกซะขนาดนี้รอดูเลยดีกว่า ระวังตัวด้วยนะพี่”

     

    ยุนฮยองยกยิ้มก่อนนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนหยิบกล่องคาราเมลกระแทกห่อฟลอย์ห่อสุดท้ายออกมาแกะใส่ปากจุนฮเว ถึงตอนนี้ยังไม่แสดงอาการอะไรแค่การจับปืนครั้งแรกคงทำให้เจ้าเด็กตรงหน้าประหม่าใช้ได้ แน่ล่ะเขาเคยผ่านมาก่อนแล้ว


     

    “จนกว่าความหวานจะหมดไปจากในปากนายเรื่องก็จบแล้ว ไปทำงาน”


     

    ตบไหล่ของจุนฮเวอีกครั้งและแยกกันตรงบันได จุนฮเวขึ้นไปบนดาดฟ้าส่วนตัวเองลงมาชั้นล่างสุดซึ่งชานอูคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซต์ที่ติดเครื่องรอไว้แล้ว จินฮวานยืนอยู่ด้านข้างส่งเสื้อกันกระสุนและหูฟังติดไมค์ให้เขา ยุนฮยองจัดการใส่เสื้อ เช็กหูฟังกับดงฮยอกว่าได้ยินเสียงทั้งสองฝ่ายชัดเจนไหม รับปืนกลดัดแปลงขนาดกลางกับขนาดเล็กจำนวนอย่างละสองกระบอกรวมถึงปืนสไนเปอร์อันสำรองของเขาและเสื้อกันกระสุนอีกตัวสำหรับบ๊อบบี้

     

    “เอ๊า ปืนเหมือนอันที่ทัพหน้าใช้ แต่กระสุนยาสลบรุ่นพิเศษถึงโดนแขนแค่สิบห้าวิก็สลบ ระวังตัวล่ะ”

     

    “ขอบคุณครับพี่จินฮวาน”

     

    “แต่จุนฮเวแม่งก็เจ๋งเหมือนกัน ถึงขั้นทำให้ซงยุนฮยองผู้ที่ไม่คิดจะกลับไปสู้กับใครออกไปจับปืนได้ นับถือวะ”

     

    “พูดมากน่า”

     

    ขู่รอดไร่ฟันออกไปซึ่งได้รับการยกยิ้มจากจินฮวานกลับคืนมา ได้ติดจิ๊ปากและติดไว้ในใจค่อยกลับมาคิดบัญชีทีหลัง

     

    “เดี๋ยวกลับมานะครับ”

     

    เครื่องยนต์สี่ลูกสูบอันแสนภาคภูมิใจและด้วยความชำนาญของเจ้าเด็กช่างเร่งความเร็วมาถึงจุดหมายก่อนอีกฝ่ายแต่ก็แค่นิดเดียว แว่นตากันลมถูกถอดออกจากบนหน้าของบ๊อบบี้ทันทีที่มาถึง ชานอูรีบเสียบตำแหน่งคนขับแทนบ๊อบบี้ก่อนเจ้าเด็กช่างตาแป๋วรีบขับลูกรักของอีกฝ่ายกลับไปที่บ้านโดยมีเสียงอดครวญของคนเจ็บบ่นใส่เป็นระยะว่าให้เบาเครื่องลงหน่อย

     

    “ฝั่งโน่นมีสิบสองคนอย่างนี้ก็คนล่ะหก

     

    เสียงทุ้มต่ำออกยียวนพูดขึ้นราวกับเป็นเรื่องสนุกขณะใส่เสื้อกันกระสุน ปากกระบอกปืนในมือของยุนฮยองเล็งไปทางซ้ายของตนซึ่งเป็นถนนขนานกัน เหนี่ยวไกยิงออกไปสองนัดผ่านแนวต้นไม้ กระสุนยาสลบหนึ่งนัดปักเข้าตรงแขนคนขับซึ่งไม่นานนักคนขับสลบไปจนทำให้รถมอเตอร์ไซต์เสียหลักล้มลงข้างทางไปทั้งคนขับและคนซ้อน

     

    เขาผิวปากชื่นชมกับฤทธิ์ยาสลบตัวใหม่ของจินฮวานดีสมกับโม้ไว้ก่อนลิ้นไล่เลียไปตามกระพุ้งแก้ม รู้สึกขมปากและน้ำลายเหนียวไปหมดจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง

    "อยากกินคาราเมลชะมัด เม็ดที่ให้จุนฮเวไปแม่งเม็ดสุดท้ายด้วย"

    "ไว้รอดไปได้กูจะไปขโมยจากโรงงานให้กล่องใหญ่เลย"

     

    บ็อบบี้ยักคิ้วให้ กระชับปืนคู่ในมือเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของฝ่ายศัตรูเข้ามาใกล้

    //ขโมยช็อกโกโคนให้ผมด้วยดิ//

    เสียงคนเจ็บที่ไม่เจียมสังขาญตัวเองยังคงเห็นแก่กินดังลอดผ่านหูฟังของทั้งคู่และคงได้ยินไปถึงในห้องใต้ดินเช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงบ่นเบาๆของจินฮวาน บ๊อบบี้หัวเราะร่า ส่วนเขาถอนหายใจแต่ก็ยกยิ้มขึ้น

     

    "ให้รอดไปได้จากมือจินฮวานพี่จะซื้อที่ร้านพี่มินโฮให้สิบอัน ส่วนบ๊อบบี้แผนเดิมๆเป็นตัวล่อซะ"

     

    "เบื่อมึงจริงๆ ช่วยๆกันให้จบๆไม่ได้หรือไง"

     

    "ไม่อ่ะขี้เกียจ ไปซะ"

     

    ได้รับเสียงบ่นอุบอิบพร้อมนิ้วกลางเป็นของแถม ยุนฮยองแค่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจก่อนรีบวิ่งเข้าป่าไปแอบอยู่หลังต้นไม้ทางฝั่งขวาของถนนปล่อยให้บ๊อบบี้ยืนอยู่กลางถนนเพียงคนเดียวจนรถมอเตอร์ไซน์ทั้งห้าคันโผล่มาจากทางทางโค้งด้านหน้า บ๊อบบี้ยิงเปิดไปหนึ่งนัด แม่นพอจะเฉียดโดนแขนคนขับคนหนึ่งส่วนตัวเองจะวิ่งหลบห่ากระสุนซึ่งสาดมาจากด้านหน้าเข้าป่าทางด้านซ้ายไป 

     

    ยุนฮยองยกปืนสไนเปอร์ของตัวเองประทับบ่า สังเกตุการณ์และรอจังหวะที่คนสิบสองคนจอดรถและเตรียมไล่ตามบ๊อบบี้ไป ไม่สิ เหลือสิบเอ็ดคนแล้วเมื่อคนขับที่ถูกยิงเฉียดเมื่อกี้ล้มลงไปนอนทันทีที่จอดรถ เขาเหนี่ยวไกปืนนัดแรกเข้ากลางหลังเมื่อคนเกือบครึ่งตามเข้าในป่า เสียงโวยวายตามมาพร้อมกับฝ่ายโน้นเตรียมแบ่งคนพุ่งมาทางเขา

     

    รีบดึงสลักเปลี่ยนลูกกระสุน รอดูจังหวะอีกครั้งว่าจะต้องเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ระยะประชิดหรือยังขณะกำลังจะเดินถอยเข้าไปในป่า แต่ความสนใจของฝ่ายศัตรูถูกเบนไปเมื่อมีกระสุนถูกยิงมาจากระยะไกลเฉียดหัวอย่างหวุดหวิด เขาส่ายหัวเล็กน้อยพลางนึกถึงสีหน้าของลูกศิษย์ตัวเองว่าจะหัวเสียแค่ไหนที่ยิงไม่โดน แต่ถึงไม่โดนอย่างน้อยก็ยังดีเพราะทำให้ยุนฮยองยิงนัดที่สองไปตรงแขนฝ่ายศัตรูพอดีขณะทั้งหมดวิ่งหนีเข้าป่าไปทางบ๊อบบี้

     

    “บ๊อบบี้ กูเก็บไปอีกสอง ที่เหลือกำลังมุ่งหน้าไปทางมึง”

     

    //ทางกูก็ได้อีกคน ตอนนี้กำลังล่อไปที่บ้านร้าง ตอนนี้เหลือเท่าไร//

     

    //อีกหกครับและก็พี่ฮันบินมาถึงบ้านแล้ว//

     

    เสียงของดงฮยอกรายงานสถานการณ์ทั้งหมดรวมถึงฮันบินที่ถึงมือจินฮวานทำให้ทั้งเขาและบ๊อบบี้สบายใจไปเปราะหนึ่ง ยุนฮยองเดินข้ามฝั่งถนน มุ่งไปยังบ้านร้างตามที่บ๊อบบี้บอกไว้ ความจริงหกคนนั้นยังหนักเกินไปสำหรับเพื่อนเขาถึงจะได้เปรียบด้านสถานที่รวมถึงเป็นวิธีการที่อีกคนถนัด เขาค่อยๆไล่ตามหลังของฝ่ายศัตรูเพื่อหวังจะลดจำนวนคนลง

     

    "ดงฮยอกฝากขึ้นไปบอกจุนฮเวด้วยศัตรูเข้าไปในป่าไม่ต้องคอยป้องกันแล้ว"

     

    เปลี่ยนเป็นปืนขนาดกลางเพราะต้นไม้เยอะเกินไปสำหรับซุ่มยิง โยกหัวเล็กน้อยเมื่อเห็นหลังไวๆของฝ่ายศัตรูสองคนห่างจากอีกสี่คนที่เหลือ เข้าไปใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นจนหนึ่งในนั้นสังเกตุเห็นเขา ยุนฮยองหลบหลังต้นไม้เมื่อกระสุนหนึ่งนัดถูกยิงมาก่อนยิงสวนกลับไปแล้ววิ่งอ้อมไปอีกทางเพื่อเข้าประชิดตัว มือขวาปัดแขนของศัตรูข้างที่ถือปืน ยิงปืนของตัวเองในมือซ้ายไปกลางท้องอีกฝ่ายและกระโดดหลบหนีไปหลังต้นไม้อีกครั้งตอนกระสุนปืนจากอีกคนพุ่งมาทางเขา

     

    ได้ยินเสียงรัวกระสุนมาจากทางทิศของบ้านร้าง บ๊อบบี้คงไปถึงตรงนั้นแล้วคงเริ่มเปิดฉากเช่นกัน ความรู้สึกผิวโดนเผาไหม้ตรงต้นแขนขวาทำให้เขายกมือซ้ายขึ้นมากุมตรงนั้นไว้ทันที โชคดียังแค่ถากๆ เขาหายใจเข้าตั้งสมาธิก่อนโผล่พ้นจากต้นไม้ยิงสวนกลับไปและโดนตรงกลางหน้าผากอีกฝ่ายอย่างจัง

     

    “บ๊อบบี้ เหลืออีกสี่ เก็บคนเดียวไหวไหม?”

     

    //เหลือแค่สามแล้ว สบาย ไปสตาร์รถรอได้เลย//

     

    น้ำเสียงสบายๆราวกับสถานการณ์ที่เจออยู่เป็นเรื่องง่ายๆจนเขาอดยกยิ้มด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ ถ้าบอกแบบนั้นก็โอเค เขาไม่ช่วยแล้วกันซึ่งถ้าจินฮวานรู้คงได้โดนบ่นชุดใหญ่ชัวร์ เดินกลับไปที่รถโดยคิดไปด้วยว่าจะเอายังไงกับคนที่นอนสลบอยู่ดี แต่ยังมีเวลาอีกเยอะเพราะคงหลับไปอีกหลายชั่วโมง ไว้ค่อยกลับมาจัดการแล้วกัน

     

     

    ....แต่แล้วขาที่กำลังจะยกขึ้นคร่อมมอไซต์กลับทรุดลงกับพื้น...

     

     

    พยายามจับเบาะมอไซต์พยุงตัวลุกขึ้นแต่ทำได้แค่หันมาและนั่งลงบนพื้นพิงกับมอไซต์อย่างนั้น ร่างกายทุกส่วนของยุนฮยองค่อยๆชารวมถึงมือที่ไม่สามารถยกปืนขึ้นมาได้ ปากรีบร้องของความช่วยเหลือแต่ไม่ทันที่โดนชายคนหนึ่งบีบปากของเขาไว้

     

    “บ๊อบบี้ กู--”

     

    “คงคิดว่าพวกเรามีแต่กระสุนจริงล่ะซิท่า แสบนักยิงมอไซต์กูล้ม ขอเอาคืนสักหน่อยเถอะ”

     

    ใบหน้าเปื้อนเลือดของคนศัตรูที่ซ้อนรถมอไซต์คันแรกที่ยุนฮยองยิงล้มยกยิ้มด้วยความโหดเหี้ยมก่อนยกปืนขึ้นและยิงลงไปตรงต้นขาซ้ายของยุนฮยอง เขาร้องออกมาอย่างตกใจแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะฤทธิ์ของยาชา มองเลือดที่ไหลออกมาจากตรงแผลและกระสุนนัดที่สองยิงเข้าไปยังต้นแขนของเขา

     

    “จริงกูก็ไม่อยากฆ่าคนตาย แต่กับที่มึงทำกูบาดเจ็บกับเพื่อนนอนสลบขนาดนี้ก็ขอสักหน่อยแล้วกัน ส่วนเพื่อนมึงสองคนไม่ต้องห่วงเดี๋ยวหลังจากนี้แก๊งค์กูตามมาจัดการให้ มีอะไรจะพูดส่งท้ายไหม?”

     

    ดวงตาคู่โตมองใบหน้าของศัตรูตรงหน้า ฟังเสียงโวยวายจากทางบ๊อบบี้ว่ากำลังรีบวิ่งกลับมาทำให้เขาหลับตาลงยอมรับชะตากรรมที่เหลือ

     


    ...แต่แล้วก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นทำให้เขาพยายามยกยิ้ม...

     


     

    “อืมม...ขอคิดก่อนนะ....”

     



    “...จุนฮเว คราวนี้ยิงให้โดนรู้ไหม”

     

               

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

                รถมอเตอร์ไซต์สองคันติดเครื่องรออยู่บริเวณหน้าอาคารคอนกรีต รถคันหนึ่งถูกคร่อมด้วยจองชานอูที่ถูกจับมาเป็นคนขับจำเป็นโดยมีคิมฮันบินที่อาการดีขึ้นแล้วแต่ยังเจ็บแผลตรงท้องอยู่บ้างซ้อนอยู่ ส่วนอีกคันหนึ่งบ๊อบบี้กระชับผ้าปิดตาซ้ายของตัวเองโดยมีจุนฮเวใส่เสื้อคลุมปิดมิดจนไม่เห็นกุญแจมือนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

     

    “แม่ง ใส่ขนาดนี้โคตรร้อนเลย นี่หน้าร้อนนะเฟ้ย”

     

    “อยากจะโดนจับอีกรอบก็ไม่เป็นไร แต่คราวนี้กูกับฮันบินไม่ได้ช่วยแล้วนะ เฮ้ออ ยุนฮยองเองก็น่าจะไปด้วย”

     

    “กูทำไม จะเอาอะไรจากกูอีก มีจุนฮเวมีชานอูไม่พอหรือไง”

     

    สายตาอาฆาตของซงยุนฮยองที่กำลังใช้ไม้ค้ำพยุงตัวเองเดินมาหาทั้งคู่ส่งให้กับเพื่อนสนิทของตัวเองซึ่งคนพูดไม่ได้ตอบกลับไปแค่ยกมือสองข้างขึ้นยอมแพ้เพราะกลัวว่ายุนฮยองเอาไม้ค้ำฟาดตัวเองซะก่อน

               

                "พี่จะไม่ไปด้วยจริงหรอ?"   

    "ขาเจ็บแขนเจ็บแบบนี้จะไปให้เป็นภาระทำไมวะ"

                เหตุการณ์ในคืนนั้นจบลงด้วยยุนฮยองถูกบ๊อบบี้หามขึ้นมอไซต์ของชานอูโดยที่เจ้าตัวก็ถูกยิงถากขมับขวาเป็นแผลลึกจนถึงตอนนี้ยังลืมตาขวาไม่ขึ้น ส่วนคนที่ยิงยุนฮยองถูกจัดการด้วยนักแม่นปืนมือใหม่ซึ่งบ่นตลอดเวลาที่เขาถูกจินฮวานทำแผล

     

    เห็นไหมว่าถ้าผมไม่อยู่รอบนดาดฟ้าพี่ตายไปแล้ว พี่ติดหนี้บุญคุณผมรู้ไหม ความจริงผมแม่งเล็งหัวแต่ทำไมโดนกลางหลังวะ

     

    ส่วนฝ่ายศัตรูที่สลบอยู่ถูกมินโฮซึ่งตามมาดูทีหลังจับส่งทหารไปเพราะการใช้ปืนบรรจุลูกกระสุนจริงนั้นผิดกฎหมาย เจ้าของร้านชำยังได้ให้ที่อยู่ของนายช่างใหญ่อดีตกลุ่มปลดปล่อยผู้ที่สามารถปลดกุญแจมือของจุนฮเวออกได้ แต่ต้องเดินทางไปทางเหนือคงต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจะถึงที่นั่นและต้องแวะทำงานให้ตัวเองก่อนกลับมาที่นี่เป็นค่าตอบแทน แถมยังบอกอีกว่าจะลองเสนอเรื่องพิจารณาโทษของพวกนักโทษในสถานกักกันกับพี่ชายคนสนิทดู

     

    ทุกคนได้ยินแบบนั้นได้แต่สงสัยว่ามินโฮเป็นใครกันแน่ แต่หลังจากที่บ๊อบบี้บอกอย่างไม่ใส่ใจว่ามินโฮเป็นอดีตหน่วยลับของกลุ่มต่อต้านซึ่งขึ้นตรงกับพี่น้องวู ทำให้ทุกคนรุมเตะเข้าไปที่ก้นของตัวเองเต็มๆข้อหาเก็บเงียบไว้

     

    "ดูแลตัวเองด้วยนะจุนฮเว โลกภายนอกโหดร้ายกว่าที่คิด"

    "ถ้าผ่านในสถานกักกันกับพี่จินฮวานมาได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว"   

    “มึงนี่อยากได้โบกกลางหัวเป็นที่ระลึกก่อนไปเน้อ”

     

    จินฮวานยกมือขึ้นกะตบลงไปกลางหัวของเจ้าเด็กปากดีอย่างที่พูดไว้ แต่ก็แค่วางไปบนหัวเจ้าเด็กนั่นและขยี้ด้วยความสะใจจนเรียกเสียงโวยวายจากอีกฝ่ายซึ่งพอจะเอาคืนมือเล็กของจินฮวานยกขึ้นทำท่าจะตบจริง จุนฮเวจึงทำได้แค่ชี้หน้าจินฮวานค้างอยู่กลางอากาศ

     

    "เอาคาราเมลมาฝากด้วย จะลงแดง"

    "นี่ก็กินเป็นอย่างเดียวหรือไงวะ เอานี่ไป"

     

    มือขาวของจุนฮเวโผล่พ้นเสื้อคลุมยัดกล่องไม้ใส่มือยุนฮยองซึ่งเขาจำได้ว่าของตัวเองที่ทำไว้ เปิดกล่องดูด้วยความสงสัยก่อนยกยิ้ม ส่งสายตาหยียวนให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้หันหน้าไปอีกทางยกมือขึ้นเกาะท้ายทอยตัวเองแล้วสั่งให้บ๊อบบี้ออกรถได้แล้ว

     

    “ไปกันได้แล้วและจะรีบกลับมา”

     

    ทั้งสามคนยืนมองรถมอไซต์ทั้งสองคันเคลื่อนตัวจากหน้าอาคารคอนกรีตเข้าสู่ถนนไปยังทางสามแยกจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์

     

                “จุนฮเวไม่อยู่แล้วอย่างนี้คงเงียบน่าดู”

               

    “ไม่เงียบนานหรอก เดี๋ยวก็มีเสียงดังมาให้นายรำคาญแน่นอนดงฮยอก”

     

    “อย่างนี้แสดงว่าวางแผนจะทำอะไรใช่ไหม?

     

                คำถามอย่างรู้ทันของจินฮวานทำให้เขายิ้มกว้างไม่สนใจดงฮยอกที่กำลังทำสีหน้าหน้างงงวย ในเมื่อบ๊อบบี้กับฮันบินมีจุนฮเวไปด้วยแล้วเขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องออกไปทำงานกับพวกนั้น อีกอย่างเขาเชื่อว่าลูกศิษย์ของเขาคงดูแลตัวเองและช่วยงานทั้งคู่ได้ งั้นเขาก็ขอใช้สิ่งที่ตัวเองถนัดสอนให้กับเด็กหลายๆคนในหมู่บ้านรู้จักป้องกันตัวเองแทนล่ะกัน ชั้นหนึ่งของบ้านของพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วตกแต่งให้เหมือนโรงฝึกน่าจะใช้ได้อยู่ อาจจะเสียงดังตึงตังถึงห้องใต้ดิน แต่ดีซะอีกให้ดงฮยอกได้ออกมายืดเส้นยืดสายข้างนอกบ้าง

               

                ไม่ต้องไปทำร้ายใคร ไม่ต้องไปทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกทหารหรือพวกคิดก่อความไม่สงบและยังคงได้ใช้ความสามารถของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ถึงจะแอบห่วงๆในใจว่าจะไปรอดไหมวะ แต่สอนจุนฮเวได้แค่เด็กๆในหมู่บ้านก็น่าจะเรื่องเล็ก

     

                ยุนฮยองเปิดกล่องที่จุนฮเวให้ไว้กับตัว มองเข้าไปในกล่องที่มีห่อกระดาษไขห่อวัตถุสีน้ำตาลไหม้และกลิ่นอันคุ้นเคยบรรจุอยู่เต็มกล่อง ก็ว่าอยู่เมื่อวานก่อนได้กลิ่นอะไรหวานๆมาจากในครัวแต่ขี้เกียจลุกไปดูเพราะขาเจ็บไม่นึกว่าจะมีเซอร์ไพร์จากเจ้าเด็กนั่น อ่านข้อความใต้ฝากล่องซึ่งเขียนไม่เป็นระเบียบด้วยดินสอ



    '
    ถือว่าเป็นค่าสอนทุกอย่างให้กับผม เก็บบ้างส่วนไว้ให้ผมด้วย ผมจะกลับมาเอาในฐานะที่ชนะพี่ได้ 

    กูจุนฮเว 


                ถึงก่อนหน้านี้ที่ความต้องการของเขาสวนทางกับการกระทำและยังหาทางออกไม่ได้ ดั่งกับมีโซ่ที่มองไม่เห็นผูกมัดคำตอบไว้ แต่ตอนนี้โซ่กลับถูกปลดโดยเจ้าเด็กที่มีกุญแจมือล่ามตัวเองไว้ ถึงต่อไปเขาอาจจะพบว่ายังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ก็ไว้ค่อยลองออกไปทำงานร่วมกับพวกบ๊อบบี้ก็ยังไม่สาย

     


    ....นั่นสิในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ลองทำอะไรไปเรื่อยๆได้อีกเยอะ ยังมีเวลาหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำต่อไป...

     


    จะว่าไปได้เจอกันคราวหน้าจุนฮเวคงไม่มีกุญแจมือแล้ว กลับมาคงเก่งน่าดู เขาเองก็คงต้องกระเตือนรือร้นฝึกตัวเองหลังจากหายเจ็บขาและแขนเช่นกัน มือเรียวแกะห่อกระดาษไข หยิบวัตถุหน้าตาประหลาดรูปทรงกระบอกเข้าปาก มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามสดใส ฟังใบไม้ไหวไปตามสายลม ปล่อยให้รสชาติหวานภายในปากค่อยๆละลายไปเรื่อยๆ




    "แม่งหวานกว่าของพวกคุณยายในเขตอพยพอีก..."


     

    "...แต่ถ้าไม่รีบกลับมาหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะเฟ้ย"




    Talk: จบแล้วค่าาาาา ทิ้งไว้ยาวมากกกกกกกว่าจะมาต่อทั้งที่ก็แต่งไว้เกือบจบแล้วตั้งแต่ลงตอนแรก เป็นฟิคที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลยค่ะและเป็นฟิคที่ชอบมาเช่นกัน ความจริงได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนัง Battle Royal ภาค 2 ค่ะ ทั้งตัวกุญแจมือที่ระเบิดเหมือนปลอดคอและการสู้ของฝ่ายประชาชนกับทหาร หวังว่าจะสนุกไปกับหนุ่มๆอดีกกองกำลังต่อต้านนะคะ เจอกันเรื่องหน้าค่ะ ฮิงค์


    #ฟิคต่อเรื

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×