NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #52 : ชิบุย่านองเลือด (3)

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 67


    เคร้ง!!

    ตู้ม!!!

    ‘ไอ้หมอนี่…!? มันเป็นตัวอะไรกันวะเนี่ย!!!’ ตอนนี้นักสาปแช่งทหารตกอยู่ในที่ลำบากเพราะกำลังโดนเรียวตะไล่ตามฆ่าโดยไม่ให้เขาพักหายใจเลยซักนิด เขาได้แต่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนพร้อมทั้งปาระเบิดใส่แต่อีกฝ่ายเอาดาบปัดระเบิดออกไปทางอื่น

    “ตะกี้เจ้ายังดูตื่นเต้นอยู่เลย เริ่มกลัวแล้วรึไง” เรียวตะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มันก็ทำให้นักสาปแช่งรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยาม

    “เหอะ! คิดไปเองทั้งนั้นแหละ!” นักสาปแช่งตะโกนแล้วโยนระเบิดไปอีก 5 ลูกใส่อีกฝ่าย

    “เฮ้อ…ซ้ำซาก”

    กึกๆๆๆๆ!!

    “!?” ส่วนยมทูตหนุ่มเห็นแล้วก็ถอนหายใจหน่ายก่อนหยุดบินและเอามือวางบนพื้น จากนั้นก็มีกำแพงน้ำแข็งตั้งตระหง่านขึ้นมาอยู่หน้าเรียวตะแถมมีน้ำแข็งและโซ่หลายเส้นวิ่งไล่ตามอีกจนนายทหารคนนั้นตกใจแล้วหาที่ซ่อนทันที

    ‘น้ำแข็งเหรอ!? ไอ้หมอนี่มันไม่ใช่คน-’

    “ก็ไม่ใช่คนมาตั้งแต่แรกแล้ว”

    “แว้กกก!?!! ไอ้บ้านี่!?” แต่ทันใดนั้นเรียวตะก็โผล่ห้อยหัวพูดจนนักสาปแช่งร้องตกใจเสียงดังแล้วขว้างระเบิดใส่อีกรอบ แต่เรียวตะเอาเท้าเตะออกและใช้พลังควบคุมโซ่ให้มามัดตัวนักสาปแช่งให้แน่นไม่ให้หนีรอด ด้านคนถูกมัดก็พยายามสลัดตัวออกแต่ก็ไม่เป็นผล

    “เห้ย! ปล่อยฉันนะ!”

    “เรื่องอะไรจะปล่อย” น้ำเสียงเย็นชาของยมทูตหนุ่มทำเอาเขาเกิดขนลุกซู่ขึ้นมา กว่าจะมารู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์มันก็สายเกินไปแล้ว 

    “น-นี่! ว-ไว้ชีวิตฉันเถอะ! ฉันยอมแพ้แล้ว!” นักสาปแช่งเอ่ยร้องขอความเห็นใจ

    “…” ด้านคนฟังไม่ได้ตอบอะไรนอกจากมองนักสาปแช่งด้วยสายตาเย็นชาพร้อมแผ่รังสีอำมหิตใส่ ทำเอานักสาปแช่งไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะเรียวตะในตอนนี้น่ากลัวมาก

    แต่แล้ว

    “…เอ๊ะ?” จู่ๆยมทูตหนุ่มก็คลายโซ่ที่มัดตัวออกทำเอาคนที่ถูกมัดทำหน้างงว่าอีกฝ่ายเริ่มเห็นใจเขาแล้วเหรอ

    “…จะไปไหนก็ไป” ประโยคของอีกฝ่ายทำเอานักสาปแช่งตาลุกวาวแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างไม่รอช้า พอวิ่งออกไปได้เขาเจอกับทุ่งดอกคาร์เนชั่นน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าและเหมือนจะสามารถดึงดูดให้เขาไปสำรวจได้ด้วย

    “ดอกไม้น้ำแข็ง? มันมาจากไหนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความสงสัยแต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าดอกไม้พวกนี้พอเป็นน้ำแข็งมันดูสวยมากและยังทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับความงามของพวกมันได้ด้วย

    แต่ทว่า

    ฉัวะ!!

    “!?” จู่ๆร่างของนักสาปแช่งก็เกิดแผลลากยาวบ่าไปถึงเอวทำให้เลือดมากมายกระฉูดออกมา เขาตกใจได้ไม่ทันไรก็มีแท่งน้ำแข็งแหลมคมมาแทงเข้าจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกต่อไป สายตาของเขาเริ่มพร่าเลือนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะมันเกิดขึ้นไวมากจนกระทั่งเรียวตะเดินมาหา

    “ในสายตาเจ้ามันอาจจะเป็นดอกไม้ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลยซักนิด” 

    “อะไร…นะ…” ประโยคของยมทูตหนุ่มทำเอานักสาปแช่งไม่เข้าใจแต่อีกฝ่ายกลับเหยียดยิ้มด้วยความสะใจเพราะเห็นว่านักสาปแช่งเริ่มใกล้เข้าสู่ความตายแล้ว

    “มันคือพวกอาวุธของมีคมแบบครบเซ็ตต่างหาก ถึงจะเป็นน้ำแข็งแต่มันก็คมพอที่จะเก็บวิญญาณเจ้าได้ละกัน”

    “…” นักสาปแช่งพยายามจะพูดโต้ตอบแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขาประคองสติไม่ไหวแล้วและนอนแน่นิ่งไม่มีลมหายใจไปในที่สุด

    “เฮ้อ~ ไม่คิดเลยนะว่าจะได้ใช้หมื่นเงาบุปผาอีกในรอบหลายปี” เรียวตะถอนหายใจพลางเสกสมุดคนตายออกมาแล้วเซ็นชื่อคนตายคนล่าสุดที่เกิดจากฝีมือของตนไป

    หมื่นเงาบุปผาที่เขาพูดนั้นคือหนึ่งในท่าไม้ตายของอาคมน้ำแข็งพันปีที่เขาคิดขึ้นได้เองเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้เรียนกับยูกิฮิเมะ โดยชื่อเต็มของมันคือหมื่นเงาบุปผามายาศาสตราวุธ สามารถสร้างอาวุธน้ำแข็งออกมาได้หลากหลายและปิดบังมันได้ด้วยการสร้างภาพมายาให้มองอาวุธพวกนี้เป็นทุ่งดอกไม้ หากเป้าหมายมาเจอและติดกับขึ้นมาก็จะถูกดอกไม้มายาพวกนี้ทำร้ายจนเสียชีวิตไปในที่สุด

    “นึกว่าเจ้าเอาแต่ทำตัวเป็นผู้ใช้คุณไสยแล้วไม่ยอมทำงานยมทูตซะอีก” แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มปริศนาในชุดยูกาตะสีดำสนิทมาหาเรียวตะ ด้านเรียวตะพอเห็นคนมาใหม่จากที่ทำหน้ายิ้มอย่างชั่วร้ายก็ทำหน้าบูดบึ้งทันที

    “…ข้ายังเป็นยมทูตอยู่นะ! แล้วนี่โดนท่านเอ็นมะสั่งมาเก็บวิญญาณที่นี่เหรอเร็นเร็น”

    “เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกเรียกข้าแบบนั้นซักที ชื่อข้ามีแค่พยางค์เดียวไม่เห็นต้องซ้ำสองรอบเถอะ” ชายที่ถูกเรียกว่าเร็นเร็นมองอีกฝ่ายไม่พอใจ เร็นหรือเร็นเร็นที่เรียวตะเรียกนั้นเป็นเพื่อนยมทูตของเรียวตะเอง ส่วนเอ็นมะนั้นคือชื่อของจ้าวแห่งยมโลกที่เหล่ายมทูตทั้งหลายคอยทำงานรับใช้กัน

    “ก็ข้าสะดวกเรียกแบบนี้นี่ ไม่ซ้ำใครออก”

    “เฮ้ออออ…” เร็นกุมขมับเหนื่อยใจ “แล้วเจ้าเซ็นรับรองวิญญาณไปได้เท่าไหร่แล้ว”

    “ถ้ารวมไอ้หมอนี่ตอนนี้เซ็นได้ 32 ดวงแล้ว แล้วเจ้าล่ะ?”

    “54”

    “มหกรรมคนตายของแท้…” เรียวตะยิ้มแห้ง

    “ใช่ วิญญาณที่เดินทางไปทางยมโลกตอนนี้เริ่มล้นออกมาแล้ว พวกยมทูตตนอื่นก็บ่นกันแล้วว่าทำไมวันนี้มันถึงได้มีคนตายเยอะเป็นพิเศษ”

    “ก็แหงล่ะ มีทั้งวิญญาณคำสาป มนุษย์ดัดแปลง ไหนจะนักสาปแช่งอีก” เรียวตะยู่ปากบ่น “นี่ยังมีม่านที่ขังคนปกติอีกตั้งสองม่าน คนมันจะตายเยอะมันก็ไม่แปลกหรอก”

    “จะว่าไป…ทำไมเจ้าเลือกใช้ร่างเจ้าตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นล่ะ” เร็นมองสภาพของอีกฝ่ายและถามด้วยความสงสัย

    “ก็แค่อยากใช้ร่างในช่วงที่ตัวเองเก่งสุดก็เท่านั้นแหละ แต่เดี๋ยวข้าก็เปลี่ยนชุดใหม่ที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนแล้ว”

    “เจ้าไม่กลัวเหลนเจ้ามาเห็นแล้วจำไม่ได้ขึ้นมารึไง”

    “อากาเนะเหรอ” ยมทูตตาสองสีเลิกคิ้ว “ข้าว่านางก็จำได้อยู่ แต่แค่อาจจะสงสัยว่าไปทำอะไรมาถึงใช้ร่างนี้เฉยๆ”

    “มั่นใจจัง-!!!?”

    “?!!!” แต่ในระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็รู้สึกถึงพลังปริศนาที่สร้างความขนลุกขนชันไปทั่วร่าง ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปหาที่มาของพลังที่ว่าทันที

    “…เรเควี่ยม? ไม่สิ ทางนั้นมัน…” เร็นเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อก่อนจะหันมาหาเรียวตะที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากตนและเรียกชื่อของใครบางคน

    “…อากาเนะ?”

     

     

     

     

    .

    .

    .

    21: 35 น.

    “นี่แก…เป็นแมลงสาบรึไงฟะ…” ตัดกลับมาที่ฝั่งของอากิฮิโกะ จากที่ตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ตอนนี้เขากลับอยู่ในสภาพโชกเลือด แถมตัวเองก็ไม่มีอาคมย้อนกลับทำให้ตัวเองไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ เขากัดฟันกรอดมองคนที่ทำตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้อย่างเจ็บใจ

    “ปากเสียนะที่มาบอกว่าฉันเป็นแมลงสาบเนี่ย”

    ซึ่งฝีมือคนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล

    “แต่ไหนๆก็กลับมาได้แล้ว…”

    เด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสองสีเปล่งประกายวาวโรจน์ฉายแววความบ้าคลั่งภายในดวงตา

    “เตรียมใจที่จะโดนเอาคืนรึยัง”

    ฟุบูกิ อากาเนะ กลับมาจากความตายเป็นรอบที่ 3 แล้ว

     

     

     

    .

    .

    .

    ย้อนกลับไปตอนที่อากาเนะยังไม่ได้สติ

    เธออยากแก้ชะตากรรมของตัวเองหรือคนอื่นบ้างรึเปล่า

    “…” คำถามของอากาเนะร่างขาวดำทำเอาอากาเนะตัวจริงไม่กล้าตอบ

    ตอบมาเถอะ มันไม่มีคำตอบถูกผิดหรอก แล้วก็ที่นี่ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเราสองคนด้วย” เหมือนตัวเองในร่างขาวดำจะรู้ด้วยว่าเธอคิดอะไรอยู่เลยพูดแบบนั้นออกมา

    “…อยาก

    หือ?”

    ถ้าเกิดว่าชะตากรรมของฉันมันถูกกำหนดว่าต้องตายแค่เพราะฉันเป็นภาชนะของยูกิฮิเมะหรือมีอาคมน้ำแข็งพันปีหรือแค่เป็นคนจากตระกูลฟุบูกิก็ต้องตาย แบบนั้นมันไร้สาระเกินไป

    “…” น้ำเสียงจริงจังของอากาเนะตัวจริงทำเอาอีกฝ่ายกอดอกมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง

    ฉันได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากคุณปู่ คุณย่า แล้วก็เรียวตะแล้วว่าคนที่ตายไปทั้งย่าทวด คุณเซย์ริ พ่อกับแม่ ไหนจะที่คุณย่ามีสภาพเป็นแมวก็เป็นเพราะคนจากบ้านฮิรามารุทั้งนั้นฉันไม่ชอบเลย”

    แต่พูดถึงฮิรามารุแล้ว หมอนั่นก็ดูเหมือนจะกู่ไม่กลับ-ไม่สิ เรียกว่ากู่ไม่กลับทั้งตระกูลน่าจะถูกกว่า” อากาเนะร่างขาวดำพูด “แต่จากที่ฟังแล้ว ก็คืออยากแก้ชะตากรรมของตัวเองก่อนใช่มั้ย

    ก็ถ้าเกิดแก้ตัวเองได้ คนอื่นก็น่าจะทำได้แหละมั้ง

    แล้วอยากแก้อะไร

    แก้ให้ตัวเองไม่ตายก่อนอย่างแรก เห็นเจ้านั่นเอาแต่ยึดติดกับการล้างแค้นมาก ใจฉันคืออยากจะยัดที่ฉันฝันเรื่องยูกิฮิเมะแล้วก็ปล่อยให้ติดลูปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่ายูกิฮิเมะไม่ได้ทำจริงๆ” เด็กสาวผมแดงเท้าสะเอวทำท่าทางไม่พอใจ แต่หารู้ไม่ว่าคำตอบเธอมันกลับทำให้ตัวเองอีกคนยิ้มอย่างมีเลศนัย

    เห~ น่าสนใจนะเนี่ย ติดลูปงั้นเหรอ…”

    “…ทำไมเห็นเธอยิ้มแล้วรู้สึกขนลุกแปลกๆ” อากาเนะพูดด้วยความระแวงพลางเอามือถูแขน

    ฮึๆ แค่ที่เธอตอบมามันทำให้ฉันรู้สึกพอใจน่ะสิ” อากาเนะร่างขาวดำขำในลำคอ “งั้นคำถามสุดท้ายถ้าเกิดว่าชะตากรรมของทุกคนล้วนบรรจบที่ความตาย เธอจะแก้ยังไง

    “…” อากาเนะเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบกลับมา “ไม่มีใครหนีความตายได้หรอก

    “…”

    แต่ว่า…”

    “?”

    มีคนๆนึงบอกฉันไว้ว่า ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดจบนั้น เราทำอะไรไว้ไปบ้างต่างหากที่ทำให้ความหมายในตอนจบของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าฉันรู้ว่าคนที่ฉันอยากช่วยยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตาย ฉันก็จะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้เขาตายและปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขาเอง

    “…”

    คนที่จะกำหนดชะตากรรมของตัวเองได้ก็มีแค่ตัวเองนี่แหละ แต่ถ้าพระเจ้าเกลียดมนุษย์มากแล้วกำหนดให้ตอนจบของทุกคนเป็นแบดเอนด์ล่ะก็…” เด็กสาวผมแดงเว้นช่วงพูดก่อนจะสูดลมหายใจแล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก

    ฉันจะเป็นศัตรูกับพระเจ้าและสร้างตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งให้ทุกคนเอง

    “…ฮึๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆ!!” อากาเนะร่างขาวดำได้ฟังคำตอบของคำถามข้อสุดท้ายแล้วก็หัวเราะลั่นเสียงดัง “ตอบจากความรู้สึกจริงๆด้วยแฮะ…เอาล่ะ ตัดสินใจได้แล้ว”

    หา?”

    เมื่อมีเหตุย่อมต้องมีผล และเมื่อมีผลย่อมต้องมีเหตุ” อากาเนะร่างขาวดำพูดจาแปลกๆและเดินเข้ามาใกล้อากาเนะตัวจริง “แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีอย่างใดอย่างนึงขึ้นมาล่ะ?”

    ห๊ะ?” เด็กสาวผมแดงทำหน้างงกว่าเดิมก่อนจะถูกอีกฝ่ายเอานิ้ววางหน้าผากแล้วทำเหมือนเตรียมดีดจนเธอต้องถามด้วยความร้อนรน “เดี๋ยวๆๆ จะทำอะไรเนี่ย

    แค่ให้ของขวัญพิเศษนิดหน่อย ที่จริงก็ไม่นิดหรอก

    “?” อากาเนะทำหน้างงกว่าเดิมก่อนที่จะตาโตตกใจเมื่อเสียงของเธออีกคนมันเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นที่เธอไม่เคยรู้จักแล้วดีดหน้าผากใส่เธอทันที และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปในที่สุด

    ข้าขอแสดงความยินดีจากใจ ฟุบูกิ อากาเนะ บัดนี้เจ้าได้ปลดล็อคพลังที่แท้จริงของเนตรยมทูตแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์นะ

     

     

     

     

    .

    .

    .

    ‘ร่างกายไม่เคลื่อนไหว…แปลว่ารอบนี้ตายจริงๆแล้วสินะ’ ด้านของอากิฮิโกะที่ยิงกระสุนพิษใส่อากาเนะเป็นรอบที่ 3 พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรก็เข้าใจทันทีว่าศัตรูของตนได้เสียชีวิตแล้ว ถึงแม้กระสุนนัดที่ 3 จะไม่ได้เล็งที่หัวใจหรือสมองแต่เพราะมันเป็นกระสุนที่เคลือบพิษร้ายแรงเขาเลยมองว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องยิงจุดสำคัญเพราะเดี๋ยวพิษมันก็แพร่กระจายไปตามร่างกายเอง เขาเก็บปืนกลับแล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่เหลียวแลศพที่เขาเป็นคนทำเลยแม้แต่น้อย

    ‘เท่านี้ก็-’

    เห่ยเป็นบ้าเลย ตายเพราะโดนกระสุนพิษเนี่ย

    “?!!!” แต่พอเดินห่างไปได้ซักระยะ เสียงของอากาเนะที่ควรจะตายไปแล้วกลับดังขึ้นมาจากด้านหลัง คนผมบลอนด์ได้ยินถึงกับหันขวับไปแล้วพบกับอากาเนะจากที่นอนเป็นศพอยู่ตอนนี้กลับมีชีวิตขึ้นมาแม้เจ้าตัวจะอยู่ในสภาพเปรอะเปื้อนเพราะเลือดก็ตาม

    “เป็นไป…ได้ไง…” อากิฮิโอะเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “นี่แกใช้มุขสร้างตัวปลอมขึ้นมาอีกรึไง!!! ทำไมถึงไม่ยอมตายซักที!!!!”

    “…เออว่ะ ทำไมฉันถึงคิดไม่ได้นะ” แต่อากาเนะไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ซึ่งเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้จริงๆว่าทำไมถึงไม่ใช้วิธีที่อีกฝ่ายพูดถึงเมื่อครู่กันนะ 

    “ช่างเถอะ ฉันเองก็อยากจะโชว์แผลให้ดูอยู่หรอกแต่ประเด็นคือมันต้องถอดเสื้อเนี่ยสิ เพราะงั้นเอานี่ไปแทนนะ” เธอยกกำปั้นขึ้นมาแล้วคลายออกให้ของที่อยู่มือตกลงพื้น โดยของที่อยู่ในมือนั้นคือกระสุนที่อีกฝ่ายยิงใส่เธอมาทั้งหมด 

    “!?!” ด้านเจ้าของกระสุนเห็นแบบนั้นก็ตาโตเป็นไข่ห่านว่าเธอเอากระสุนออกมาได้ไง แต่ที่สำคัญกว่าคือทำไมเธอถึงยังไม่ตายทั้งๆโดนพิษไปตั้งขนาดนั้น

    “…อาคมย้อนกลับ?!” พอเขานึกสาเหตุที่เธอกลับมามีชีวิตได้ก็พูดออกมาเสียงดัง

    “ถือว่ายังมีสมองอยู่นะเนี่ย~” เด็กสาวทำเสียงยียวนกวนประสาทใส่ “ที่จริงก็มีอาคมนี้มาได้ซักพักใหญ่แล้วแต่ฉันยังไม่โปรพอที่จะใช้ถอนพิษได้ แต่ฉันก็ลืมไปซะสนิทเลยว่าฉันมีไพ่ลับของพ่ออยู่แต่ก็ไม่เคยเอามาใช้กับอาคมย้อนกลับเลย พอเอามาลองใช้ก็ไม่คิดว่ามันจะใช้ได้ผลนะเนี่ย”

    “พ่อ?” ชายผมบลอนด์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

    “ฉันใช้เจตจำนงค์แห่งความวินาศมาบัพอาคมย้อนกลับจากที่รักษาแผลได้อย่างเดียวให้สามารถถอนพิษเพิ่มได้อีก ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีได้มั้ยที่ไอ้พลังที่พ่อใช้ไม่ได้มันยอมรับอาคมแต่กำเนิด…”

    ‘แม้แต่พ่อมันก็ยังมีพลังไสยเวทเรอะ!!?’ อากิฮิโกะกัดฟันกรอดด่าในใจ ‘พอฟื้นมาได้ก็พูดไม่หยุดเลย แม่งเอ๊ย?!’

    “…” ในตอนนั้นเอง อากาเนะก็หยุดพูดแล้วมองหน้าคนตรงข้ามด้วยสายตาเรียบนิ่ง

    “...โอ้”

    “หา?” ชายผมบลอนด์ร้องอย่างไม่เข้าใจ “เป็นอะไรของแกกันก่อน”

    “นี่ฉันแพ้คนกากแบบคุณได้ไงเนี่ย เอาเถอะถือเป็นบทเรียนว่าวันหลังอย่าแพ้ละกัน”

    “...ไอ้เด็กปากหมานี่!!!!” ชายหนุ่มตวาดอย่างเหลืออด “คิดว่ากลับมาจากความตายได้แล้วจะพูดอะไรก็ได้นะ!!!!!”

    ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

    “...:)” 

    “!?” อากิฮิโกะยิงปืนใส่อากาเนะรัวๆ แต่อากาเนะกลับแสยะยิ้มไม่ขยับตัวไปไหนราวกับรอรับกระสุนด้วยความเต็มใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระสุนทั้งสี่นัดมันหยุดก่อนจะถึงตัวเธอก่อนเหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นมากั้นไว้ 

    ‘กระสุนหยุดเอง!? มุเก็นของตระกูลโกะโจเหรอ!?’ แน่นอนว่าคนยิงเห็นภาพตรงหน้าก็ช็อกกว่าเดิมพลางไปคิดถึงอาคมที่มีลักษณะคล้ายๆกันอย่างอาคมมุเก็นของตระกูลโกะโจ ‘ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ครองอาคมมุเก็นที่ไม่ใช่คนในตระกูลโกะโจ แถมคนที่มีอาคมนี้ก็มีแค่โกะโจ-’

    “กำลังคิดว่าฉันมีอาคมของอาจารย์โกะโจอยู่ล่ะสิ แต่ว่าเสียใจด้วยนะ ถึงจะคล้ายกันแต่มันไม่ใช่มุเก็นหรอก” อากาเนะที่เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่เลยตอบกลับมาพลางเอามือจับกระสุนหันไปทางอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองแทน “ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็คือการที่เหตุไปไม่ถึงความจริงก็เท่านั้นเอง ถ้าถามฉันว่าความจริงที่ว่านี่คืออะไรก็คือฉันต้องโดนยิงจนตัวพรุนอีกรอบ แต่เพราะฉันเพิ่งใช้พลังใหม่ที่เพิ่งได้มากระสุนมันเลยยังไม่ถึงตัว แปลว่าความจริงที่ฉันต้องโดนยิงมันยังไม่เกิดยังไงล่ะ”

    เป๊าะ!!

    “อึก!?” ทันทีที่เด็กสาวดีดนิ้ว กระสุนที่เคยหยุดพุ่งก็กลับมาพุ่งอีกครั้งแต่มันพุ่งในทิศทางที่เธอจัดวางไว้เมื่อครู่และยังไปโดนตัวอากิฮิโกะด้วย

    “แล้วก็ทำแบบนี้ได้ด้วยนะ”

    ฉัวะ!!

    “!?!!” พออากาเนะตวัดนิ้วกลางอากาศ จู่ๆอากิฮิโกะรู้สึกได้ถึงความเจ็บตั้งแต่บ่าไปจนถึงเอวแล้วพบว่าตัวเองโดนฟันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้และไม่ทันได้ตัวอีกด้วย ทำให้สภาพของเขาเต็มไปด้วยเลือดไม่ต่างอะไรจากอีกฝ่ายเลยยกเว้นว่าฝั่งนั้นมีอาคมย้อนกลับที่รักษาอาการบาดเจ็บได้เลยเหลือไว้เพียงแค่คราบเลือดเท่านั้น

    “นี่แก…เป็นแมลงสาบรึไงฟะ…” ชายหนุ่มกัดฟันด้วยความเจ็บใจ

    “ปากเสียนะที่มาบอกว่าฉันเป็นแมลงสาบเนี่ย” เด็กสาวผมแดงทำหน้ามุ่ยก่อนจะเก็บดาบที่ทำหลุดมือไปมาชี้ใส่อีกฝ่าย นัยน์ตาสองสีประกายวาวโรจน์ฉายแววความบ้าคลั่งไว้ภายในราวกับเตรียมฉีกกระชากเหยื่อตรงหน้าอย่างไม่ใยดี

    “แต่ไหนๆก็กลับมาได้แล้ว…เตรียมใจที่จะโดนเอาคืนรึยัง”

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    Talkๆ desu: รอดตายมาได้ 3 รอบนี่คือไม่ธรรมดาแล้วนะ น้องไปทำบุญวัดไหนมาคะะะะะ5555555555555

    วันนี้มาสั้นๆเพราะต้องเคลียร์งาน ส่วนเรเควี่ยมนี่เดี๋ยวมีเฉลยตอนหน้าว่ามันคืออะไร

    สนุกไม่สนุกยังไงเม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยย



    cr.

     R
    L
    I
    N

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×