คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : ชิบุย่านองเลือด (2)
21:27 น.
ชิบุย่า โตเกียว
“ร้อยเรียงพันเนตร”
ฟู่วววว~
“ผีเสื้อคริสตัล?”
“เป็นผีเสื้อที่เอาไว้สังเกตการณ์น่ะ อากาเนะเรียนมาจากยูกิฮิเมะอีกที”
“อารมณ์คล้ายๆอีกาของคุณเมย์เลยนะ” ตัดกลับมาที่ทีมของมิซาเอะ อากาเนะ และเรียวตะที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่ชิบุย่าแล้วก็ปัดเป่าวิญญาณคำสาปตามข้างทาง อากาเนะได้ใช้อาคมตัวเองสร้างผีเสื้อมาจำนวน 100 ตัวแล้วปล่อยให้ไปสังเกตการณ์ทั่วชิบุย่าและเชื่อมประสาทกับพวกมัน มิซาเอะที่เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกก็เกิดความแปลกใจ เรียวตะเลยอธิบายให้ฟัง
“แต่เอาจริงๆตั้งแต่เข้ามาเหยียบที่ชิบุย่า ฉันก็รู้สึกไม่ดีมาตลอดทางยังไงก็ไม่รู้” มิโกะสาวพูดพลางถูต้นแขนตัวเอง
“เซ้นส์เจ้านี่ก็ไวเกิน แต่จะรู้สึกแบบนั้นมันก็ไม่ผิดหรอก” ยมทูตหนุ่มพูดเสียงเครียด “เพราะความวินาศสันตะโรมันกำลังจะเริ่มแล้ว”
“เดี๋ยวๆๆๆ มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” ระหว่างนั้นเอง เหมือนผีเสื้อของอากาเนะจะเห็นอะไรบางอย่างเข้าพอดีและทำให้เธอมองเห็นด้วย
“เกิดอะไรขึ้น” เรียวตะถาม
“ที่ชิบุย่ามีม่านโดนกางตั้ง 4 ชั้น เล่นใหญ่เกินไปมั้ย”
“ห๊ะ!? 4 ชั้นเลยเหรอ!” มิซาเอะร้องตกใจเสียงดัง
“…เออว่ะ มี 4 ชั้นจริง กะเอาไม่ให้หนีรึไง” ด้านเรียวตะก็ใช้พลังยมทูตตัวเองตรวจสอบด้วยแล้วพบว่ามันเป็นอย่างที่เด็กสาวเห็นจริงๆ
“นานามินนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!”
“!!!?” และทันใดนั้นเองก็มีแว่วเสียงดังมาแต่ไกล ทำเอาทั้งสามคนผงะไปทันทีว่ามันมาจากไหน
“นานามิน? ยูจิคุง!?” อากาเนะอึ้งที่คนตะโกนเป็นเพื่อนของเธอเอง
“นานามินนนนนนนนน!!! อยู่รึเปล่าาาาาาาาาา!!!!!!”
“ตะโกนเรียกหานานามิแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องด่วน” เรียวตะว่า
“พลังเสียงสุดยอดไปเลยนะ…” มิซาเอะยิ้มแห้ง
“อาจารย์โกะโจโดนผนึกไปแล้วววววววววววว!!!!!!!!!”
“!!?” มิโกะสาวได้ยินแบบนั้นก็หุบยิ้มและหน้าซีดเผือกทันที เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ชายที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งวงการไสยเวทจะพลาดท่าโดนผนึกแบบนี้ เธอเลยหันไปหาเด็กสาวกับยมทูตหนุ่มเพราะเธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนชอบพูดอะไรแปลกๆจนเรียวตะบอกให้รอดูรีแอคชั่นของพวกเขาเลย
และรีแอคชั่นของทั้งคู่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็คือ
“อ่อ โดนแล้วเหรอ” ยมทูตหนุ่มเอ่ยเสียงเนือย “แล้วมันก็พูดเองด้วยนะว่าเดี๋ยวหาทางจัดการได้”
“งานนี้ฉันขอไม่เบลมอาจารย์นะ เป็นฉันฉันก็เหวอเหมือนกัน” อากาเนะพูดแล้วยกมือขอโทษ “ถ้าเกิดอาจารย์ออกมาได้ ขออย่างเดียวอย่าด่าพวกฉันพอเพราะทางนี้ก็พยายามใบ้ให้แล้ว”
“เดี๋ยว นี่พวกเธอรู้อยู่แล้วเหรอ!?!!” มิโกะอึ้งไปพักนึงก่อนจะแว้ดเสียงดังใส่จนทั้งสองคนแทบอุดหูไม่ทัน
“ก็เออน่ะสิ แต่เจ้าจะมาโทษพวกข้าไม่ได้นะ” ยมทูตหนุ่มว่า “อนาคตของหมอนั่นมันเป็นกรณีหายากที่เนตรยมทูตจะโชว์แบบพาไปอยู่ในที่เกิดเหตุตรงนั้น แถมยังบังคับอีกว่าห้ามเปลี่ยนด้วย“
“ตอนหนูรู้คือหนูซึมเหมือนหมาเลยด้วยซ้ำ” อากาเนะเสริมก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นแล้วพึมพำเบาๆ “แต่ยูกิฮิเมะคืออาการหนักสุด”
“…” มิซาเอะอ้าปากค้างไปแล้ว “…แล้ว…เราบอกโกะโจไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่ได้ ยิ่งเป็นเจ้าของอนาคตนั้นคือห้ามบอก มันเป็นกฏของเนตรยมทูตน่ะ” ยมทูตหนุ่มตอบแทน “แต่อากาเนะก็พยายามพูดแบบอ้อมๆให้หมอนั่นคิดได้เองอยู่ แต่สุดท้ายก็…เรียบร้อย”
“โดนผนึกตามที่เห็นเลยค่ะ”
“เพราะงี้ข้าถึงได้พูดว่าไม่มีใครหนีชะตากรรมตัวเองได้หรอก”
“…” มิซาเอะฟังแล้วก็เงียบทันทีแล้วจมอยู่กับความคิดตัวเอง
“พวกข้าก็อยากช่วยหมอนั่นนะ แต่มันก็ไม่มีอะไรมารับประกันด้วยว่าช่วยไปแล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น” เรียวตะพูดต่อ “มันอาจจะช่วยให้หมอนั่นรอดก็จริง แต่คนอื่นๆอาจจะไม่”
“ที่จริงมันเปลี่ยนอนาคตได้มั้ย มันก็เปลี่ยนได้ค่ะ แต่คนที่จะเปลี่ยนต้องเป็นเจ้าของอนาคตนั้นเท่านั้น พวกเราทำได้มากสุดแค่บอกใบ้ค่ะ”
“…”
“อย่าเงียบดิเห้ย พวกข้าก็เครียดไม่ต่างจากเจ้าหรอก” ยมทูตหนุ่มเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่ามิซาเอะเงียบนานเกิน
“พูดอะไรหน่อยเถอะมิซาเอะ อากาเนะจะร้องไห้แล้วนะ”
“!? ขอโทษๆ พอดีมัน…เฮ้อ…” มิโกะสาวสะดุ้งกับประโยคของชสยหนุ่ม พอมาเจออีกทีก็พบว่าอากาเนะทำหน้าเบะเหมือนกับจะร้องไห้แล้ว “อย่าพึ่งร้องนะอากาเนะ พอดีฉันตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ”
“เงียบไปนานแบบนี้หนูกลัวว่าคุณโกรธจริงๆนะ” อากาเนะตอบ
“ถามว่าโกรธมั้ย มันก็มีบ้างนิดนึงนะที่พวกเธอรู้แล้วแต่ไม่ยอมบอก แต่พอมานึกช่วงตอนที่เราได้เนตรยมทูตใหม่ๆมาก็พอเข้าใจได้อยู่” มิซาเอะตอบตามความจริง “ฉันนึกว่ามีเนตรยมทูตแล้วอะไรๆก็จะสบายไปหมดซะอีก”
“มันก็ไม่ได้สบายขนาดนั้นหรอก” ยมทูตหนุ่มว่า “แต่ขอพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ก่อน จากที่ข้าใช้พลังตรวจสอบมาม่านที่โดนกางตอนนี้มี 4 ชั้น ชั้นแรกอยู่ข้างในสุดที่ชั้นใต้ดินเป็นม่านขังคนธรรมดา ชั้นต่อมาเป็นม่านขังโกะโจไว้โดยเฉพาะ ชั้นสามเป็นม่านกันผู้ใช้คุณไสย ส่วนชั้นสุดท้ายที่อยู่นอกสุดก็เหมือนชั้นแรก”
“ขังคนธรรมดาทั้งในสุดและนอกสุด…ศัตรูมีฝีมือเอาเรื่องเลยนะ” มิซาเอะพูด “แล้วแผนที่พวกเธอคิดไว้นี่คือช่วยคนให้ออกจากที่นี่ให้ได้มากที่สุดใช่มั้ย”
“ใช่ แต่ถ้าเจอพวกนักสาปแช่งหรือวิญญาณคำสาปก็จัดการได้เลย”
“…มีคนมาทางนี้” แต่พออากาเนะบอกว่ามีคนมาหา ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็หยุดพูดแล้วตั้งท่าเตรียมสู้กับศัตรูที่กำลังมาทางนี้
“โฮ่ๆ พวกแกคงจะเป็นผู้ใช้คุณไสยสินะ ไม่ให้ผ่านไปได้หรอก” ศัตรูที่มานั้นคือนักสาปแช่งชายร่างท้วมคนหนึ่งที่มาพร้อมอาวุธลูกตุ้มหนามยักษ์ “โดยเฉพาะยัยหนูผมแดงนั่น งานนี้เธอต้องตายแบบศพไม่สวยด้วยนะ”
“ฉัน?-”
พรึ่บ!!
“?!!”
ตู้ม!
“อากาเนะ!!?” ในตอนที่อากาเนะกำลังชี้ที่ตัวเองด้วยความสงสัย ลูกตุ้มยักษ์นั่นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้วจนเกิดเสียงดังและควันขโมง มิซาเอะถึงกับตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ข้าพาหลบทันอยู่!!” แต่โชคดีที่เรียวตะพาหลบออกมาทางอื่นได้ทันก่อนที่ลูกตุ้มจะโดนหน้าเธอพอดี
“…เรียวตะ นายพาอากาเนะไปที่อื่นก่อน เจ้านี่เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง”
“คุณมิซาเอะ!?”
“แน่ใจแล้วใช่มั้ย” อากาเนะร้องในขณะที่ยมทูตหนุ่มถามมิโกะสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เออ ฉันรู้นะว่าม่านชั้นที่สามมันทำอะไรนายไม่ได้ เพราะงั้นพาอากาเนะไปที่นั่นซะ”
“…ถ้าไม่อยากให้อากาเนะร้องไห้ก็อย่าตายล่ะ” แล้วเรียวตะก็อุ้มอากาเนะบินออกไป ปล่อยให้มิโกะสาวได้สู้กับนกสาปแช่งตามที่เธอต้องการ
“มีคนจ้างนายให้ฆ่าอากาเนะสินะ” มิซาเอะถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“เห~ ไม่คิดว่าเป็นฝีมือฉันคนเดียวหรอกเหรอ” นักสาปแช่งถาม
“หึ! มันก็มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอากาเนะขนาดนั้นทั้งๆที่เขาไม่ได้ไปทำอะไรเลย” มิซาเอะยิ้มเยาะเย้ย “แถมคนที่ต้องตายแบบศพไม่สวย คือแกต่างหาก”
.
.
.
21:28
“…ไม่อยู่แถวนี้แฮะ”
“แปลว่าคนที่กางม่านมันเสริมพลังจากด้านนอกอีกที” ส่วนเรียวตะที่วาร์ปพาอากาเนะมาที่ข้างในม่านชั้นที่ 3 เด็กสาวก็เชื่อมประสาทกับผีเสื้อคริสตัลเพื่อตามหาคนที่กางม่านชั้นนี้แต่ก็ไม่เจอเลย ทำให้เรียวตะสันนิษฐานว่าคนที่กางจะต้องอยู่ข้างนอกแน่นอน
“โชคดีนะที่นายใช้วิธีวาร์ปเข้ามาด้านในแทนที่จะลุยเข้าไปตรงๆ”
“เรียกว่าม่านนี่ทำอะไรข้าไม่ได้มากกว่า เพราะมันกันผู้ใช้คุณไสยแต่ไม่ได้กันยมทูต” เรียวตะยักไหล่ เพราะด้วยความที่ม่านชั้นที่ 3 มันมีไว้เพื่อป้องกันผู้ใช้คุณไสยไม่ให้เข้ามา เรียวตะจึงใช้วิธีการของยมทูตด้วยการวาร์ปแทน ทำให้ทั้งคู่สามารถเข้ามาข้างในม่านนี้ได้
“สูตรโกงของแท้-อื๋อ?” ในระหว่างนั้นเอง เหมือนอากาเนะจะรู้สึกถึงอะไรได้
“เจออะไรรึไง”
“เปล่า อยู่ๆหนังตามันกระตุก-”
ปัง!
“?!!!” แต่ทันใดนั้นเองก็มีกระสุนปืนยิงมาทางด้านหลังเธอพอดี เรียวตะเลยรีบคว้าตัวเธอหลบออกมาด้วยความไวแสง
“ชิ! หนังเหนียวชะมัด” เสียงชายปริศนาดังขึ้นอย่างไม่พอใจจากด้านหลัง พอทั้งคู่หันไปก็เจอกับชายร่างสูงเรือนผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีแดงที่มองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์และในมือก็ถือปืนลูกโม่อยู่ “ที่ป่าเมื่อคราวโน้นแกทำได้แสบมากนะ ยัยเด็กเวร แถมที่เข้ามาได้นี่เพราะคนที่แกพามาด้วยไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ?”
“?! แต่คนที่ลงมือก่อนมันเป็นเจ้าไม่ใช่รึไง ฮิรามารุ อากิฮิโกะ” ยมทูตพูดเรียกชายมาใหม่น้ำเสียงเย็นยะเยือก
“หลายครั้งแล้วนะ ทั้งป่าทั้งงานเชื่อมสัมพันธ์ คิดจะแค้นไปถึงเมื่อไหร่”
“ก็จนกว่าเด็กนี่มันจะตาย-ไม่สิ จนกว่าไอ้พวกบ้านฟุบูกิทุกคนตายกันหมดไง” อากิฮิโกะตอบแล้วเอาปืนชี้มาทางอากาเนะ
“เจ้าบ้าไปแล้วรึไง!! คนอื่นเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรแต่ตระกูลเจ้าก็ยังคิดจะตามฆ่ากันแบบนี้ ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันทุกคนในตระกูลเจ้ามันไม่มีคนปกติอยู่เลยเหรอ!!!” ยมทูตหนุ่มตวาดอย่างเหลืออด
“ที่ไม่ปกติคือพวกแกต่างหาก!! ใช้อะไรคิดถึงได้เป็นมิตรกับคำสาปแถมเอาอาคมน้ำแข็งพันปีมาเป็นอาคมประจำตระกูลอีก!!” คนผมบลอนด์ตวาดสวนกลับมา “ถ้าพวกแกไม่ยุ่งกับนังราชินีหิมะนั่นมาตั้งแต่แรกก็คงไม่โดนพวกฉันตามล้างแค้นแบบนี้หรอก”
“…เรียวตะ” ในระหว่างนั้นเอง อากาเนะที่เงียบไปก็ทักยมทูตหนุ่มขึ้นมา
“ว่า?”
“นายไปช่วยคนจากคำสาปที่อยู่ในม่านนี้ได้มั้ย” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเรียวตะถึงกับหันมามอง
“…จะทำจริงๆใช่มั้ย”
“…อืม”
“…” คนผมดำเงียบไปพักนึงก่อนจะตอบกลับมา “ก็ได้ ข้าจะรีบไปรีบกลับเพราะงั้นห้ามตายเด็ดขาดเลยนะ”
“รู้แล้วน่า” แล้วเรียวตะก็บินหายไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา ส่วนอากิฮิโกะที่เห็นอีกฝ่ายไล่เพื่อนออกไปแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใจ
“คิดจะทำอะไรกันแน่” เขาถามอย่างไม่ไว้ใจ
“ก็มีอยู่สองอย่าง คือช่วยคนให้ออกจากที่นี่ให้ได้ แล้วก็…” อากาเนะพูดพลางชักดาบออกมาจากฝักดาบแล้วชี้ไปที่อากิฮิโกะ “ทำอย่างที่คุณกำลังจะทำอยู่ตอนนี้ค่ะ”
“…♪~” ชายหนุ่มผิวปากอย่างนึกสนุก “จะล้างแค้นเหรอ”
“ก็ถ้ามัวแต่ให้อภัยแล้วเมื่อไหร่จะได้แก้แค้น” เด็กสาวเอ่ยเสียงแข็งและถอดผ้าปิดตาตัวเองออก “พวกฉันโดนมาตั้งหลายครั้งแล้ว วันนี้แหละที่ฉันจะจบเรื่องในอดีตแล้วก็ทำให้คุณตาสว่างซักที”
“ก็เอาสิ วัดกันไปเลยว่าสิ่งที่พวกเราต่างคนต่างเชื่อกันอยู่ใครกันแน่ที่ถูก”
ปัง!
เคร้ง!
‘เอาดาบปัดกระสุน!? ถามจริง!’ พออากิฮิโกะยิงกระสุนออกไปอีกหนึ่งนัด อากาเนะเลยเอาดาบมาปัดกระสุนออกก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
“ไอ้เด็กนี่!?”
ผัวะ!!
“!?” ในตอนที่อากาเนะจะเอาดาบฟันใส่ อากิฮิโกะก็เอามีดสั้นที่ตัวเองแอบซ่อนมาแทงเข้าที่สีข้างของอีกฝ่ายแต่อากาเนะเบี่ยงตัวหลบออกทันก่อนจะเอาส้นเท้าฟาดเข้าสันคอไปหนึ่งทีและกระโดดถอยออกมา
“คุดะคิทสึเนะ มูชิชิ ฝากถ่วงเวลาหมอนั่นที”
เพล้ง! เพล้ง!
“รับทราบขอรับ/รับทราบ” ชิกิงามิทั้งสองตนขานรับแล้วรับไม้ต่อมาร่วมสู้ด้วย ส่วนเด็กสาวผมแดงที่ถอยออกมานั้นก็อัดพลังไสยเวทของตัวเองดาบแล้วเสียบดาบลงกับพื้นถนน ทำให้พื้นถนนที่เป็นพื้นซีเมนต์ถูกน้ำแข็งปกคลุมเป็นบริเวณกว้างและยาวตลอดทาง
“ชิ! เป็นอาคมที่น่าเกลียดชะมัด” อากิฮิโกะเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจก่อนจะถอดกระสุนปืนออกจนหมด “พิษสงนำวิถี”
“?” อากาเนะเห็นกระสุนที่หุ้มด้วยพลังไสยเวทบรรจุเข้าปืนจากฝั่งศัตรูก็เกิดความไม่ไว้วางใจ เธอจึงเอาดาบใส่กลับเข้าไปในฝักเพื่อเตรียมการตั้งรับ
‘เก็บดาบกลับเข้าฝัก? แปลว่าจะใช้อิไอเหรอ’ ชายผมบลอนด์คิดในใจก่อนจะยิงปืนไปที่อากาเนะอีกรอบ ส่วนเด็กสาวก็รอให้กระสุนพุ่งเข้าตัวใกล้ตัวเองจนกระทั่งอยู่ในระยะที่เธอพอใจแล้วก็เบี่ยงตัวหลบออก
แต่ว่า
“…หึ:)”
ฉัวะ!
“!?” แทนที่กระสุนจะพุ่งตรงตามวิถีการยิง แต่ว่ามันกลับเลี้ยวมาหาเธอแล้วยิงเข้าไปที่หัวไหล่หนึ่งดอก อากาเนะที่โดนไปก็ตกใจและคิดว่าพลังไสยเวทที่เคลือบกระสุนนั้นคงเป็นพลังที่เอาไว้ล็อคเป้าหมายที่ตัวเองอยากยิงให้โดนแน่ๆ
“…”
“โดนไป 1 นัดแล้วยังเงียบได้อยู่อีกเหรอ” อากิฮิโกะทำหน้าไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดแล้วยิงซ้ำไปอีก 3 นัด ส่วนอากาเนะเลือกที่วิ่งหลบออกมาแต่กระสุนก็ยังคงตามเธออยู่ เธอเลยตัดสินใจวิ่งหนีต่อไปเรื่อยๆ
‘ตะกี้หลบแล้วไม่ได้ผล แล้วถ้าเกิดวิ่งไปเรื่อยๆล่ะ?’ เด็กสาวคิดในใจระหว่างที่คอยวิ่งไปตามซอกหลืบอาคารต่างๆและเหลือบตามองกระสุนไปด้วยว่ายังวิ่งตามอยู่รึเปล่า
‘ไอ้เด็กนี่…ใช้วิธีวิ่งไปเรื่อยๆรอให้พลังไสยเวทหมดสินะ…’ ด้านชายหนุ่มที่แม้เขาจะไม่ได้ตามเธอไปเพราะเขาต้องกับชิกิงามิของเธออยู่แต่เขาก็คิดว่าที่อีกฝ่ายก็วิ่งหนีแบบนี้สันต้องมีจุดประสงค์แฝงอยู่แน่นอน
“?!”
ฉัวะ!!
“!?” แต่ระหว่างที่เขาสู้อยู่นั้นอยู่ๆชิกิงามิของอากาเนะทั้งสองก็แยกตัวออกมา ทันใดนั้นอากาเนะก็กระโดดลงมาจากตึกสูงและใช้ดาบฟันใส่อากิฮิโกะจนบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังไม่วายที่เธอโดนกระสุนไสยเวทของเขาที่ยิงมาก่อนหน้านี้ไปอีกหนึ่งนัดที่ท้อง
“เด็กเปรต…!”
“แม่งเอ๊ย…!” ทั้งสองคนสบถด้วยความหัวเสียแต่ทว่าอากิฮิโกะกลับยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเสียอย่างนั้นจนเด็กสาวขมวดคิ้วสงสัย
“แกรู้รึเปล่าว่ากระสุนที่ฉันยิงนั่นไม่ใช่กระสุนธรรมดา?”
“ไม่รู้ก็แย่-!? แหวะ!!?”
“ท่านอากาเนะ!?” อากาเนะที่ไม่ทันได้ตอบจบจู่ก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างเกิดแสบร้อนขึ้นมาพร้อมทั้งยังอ้วกออกมาเป็นเลือดจนตัวทรุดลงกับพื้น ทำให้คุดะคิทสึเนะและมูชิชิก็ร้องตกใจกันก่อนที่ร่างจะสลายกลับไปอยู่ในลูกแก้วเพราะสภาพคนเป็นเจ้านายไม่มีแรงพอที่คุมชิกิงามิแล้ว
“ต้องขอบคุณแกจริงๆที่โง่ยอมรับกระสุนแบบนี้เนี่ย” คนผมบลอนด์เยาะเย้ย
“กระสุน…พิษ?” เด็กสาวเอ่ยอย่างกระท่อนกระแท่น
“ใช่ ให้เดานะว่าที่แกยอมรับกระสุนฉันเพราะแกจะตรวจดูพลังไสยเวทใช่มั้ยล่ะ แต่น่าเสียดายนะที่ถ้าเกิดฉันล็อคเป้าไปแล้วกระสุนฉันก็จะตามไม่หยุดจนกว่ามันจะยิงโดนน่ะ” อากิฮิโกะเริ่มเปิดเผยอาคมของตัวเอง “อาคมจริงๆของฉันคือสร้างพิษ แต่เรื่องการควบคุมสิ่งของนี่เรียนมาจากทางตระกูลอีกที นั่นแปลว่าฉันสามารถสร้างพิษใส่ในอะไรก็ได้แล้วก็ควบคุมได้ด้วย นี่แค่โดนไปสองนัดก็ยังหนักขนาดนี้ ถ้าโดนไปเยอะกว่านี้ก็คงได้ตายตามพ่อแม่แกแน่นอน”
‘ไม่ไหว! จะลุกก็ยังทำไม่ได้เลย!’ อากาเนะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดพลางพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพิษที่โดนมันรุนแรงมาก แถมอาคมย้อนกลับของเธอยังไม่ได้อยู่ในขั้นโปรพอที่จะสามารถถอนพิษได้อีก
‘แม่ง…เจ็บใจชะมัด…’ สติของเด็กสาวค่อยๆพร่าเลือนรวมทั้งหนังตาหนักอึ้งแล้วสลบไปในที่สุด
“สลบไปแล้ว? ดีนะที่ใช้เวลาไม่นานก็ออกฤทธิ์แล้ว” คนผมบลอนด์พูดพลางเอาเท้าสะกิดร่างของอีกฝ่าย
“แต่เพื่อความชัวร์ ลองยิงอีกทีก็แล้วกัน”
ปัง!!
.
.
.
‘…สรุปคือตายจริงๆสินะ…’ ด้านอากาเนะที่สลบไปแล้ว เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็พบว่ารอบตัวนั้นมีเพียงความว่างเปล่าและความมืด ทำให้เธอคิดว่าครั้งนี้เธอได้ตายจริงหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาสองรอบแล้ว
‘ไอ่เราก็ออกตัวแรงซะด้วย-หือ?’ แต่ในตอนนั้นเองเธอก็เห็นร่างของเด็กผู้หญิงปริศนาคนหนึ่งที่ยืนหันหลังอยู่และสีร่างกายก็เป็นขาวดำ เธอจึงตัดสินใจลองเดินไปหาแล้วเอ่ยทัก
“เอ่อ…หวัดดี?”
“…เฮ้อ~” เด็กสาวปริศนาถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมาหา อากาเนะที่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็ตาโตตกใจเพราะคนที่เธอเห็นนั้น
มันคือตัวเธอเอง เหมือนทั้งหน้าตา การแต่งกายและเสียง แต่แค่ร่างทั้งร่างเป็นสีขาวดำก็เท่านั้น
“สภาพดูไม่ได้เลยนะ” อากาเนะร่างขาวดำว่า “แต่ว่าฉันขอถามอะไรหน่อย ตอบตามความรู้สึกของเธอจริงๆ ห้ามโกหกแม้แต่นิดเดียว”
“อ…อะไร” อากาเนะตัวจริงถามตะกุกตะกัก
“เธออยาก…แก้ชะตากรรมของตัวเองหรือคนอื่นบ้างรึเปล่า”
.
.
.
21: 31 น.
“เฮ้อ~ มากันไม่จบไม่สิ้นเลยนะ” ในช่วงเวลาใกล้ๆกัน ด้านเรียวตะที่เพิ่งจัดการวิญญาณคำสาปไปได้ยี่สิบกว่าตัวก็มาพักเหนื่อยอยู่แถวๆตู้กดน้ำแล้วคอยส่องหาวิญญาณคำสาปที่หลงเหลืออยู่ไปด้วย
“รีบจัดการแล้วไปหาอากา-”
“โอ๊ะโอ~ ใครกันล่ะเนี่ย~”
“?!!”
ตู้ม!!
“บินได้ด้วย? สุดยอด!!!” แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมทั้งขว้างระเบิดใส่ แต่โชคดีที่เรียวตะบินหลบทัน แต่ชายหนุ่มในชุดทหารที่ขว้างระเบิดมาใส่เห็นว่าเหยื่อของตนนั้นบินได้ก็ร้องตื่นเต้น
‘เจ้านี่…พลังเพิ่งตื่นได้ไม่นาน นักสาปแช่งเหรอ’ ยมทูตหนุ่มคิดในใจ ‘งั้นยังไม่ต้องเอาจริงก็ได้มั้ง-’
“เอ๋? พอมาดูดีๆ เธอไม่ใช่มนุษย์เหรอ” นายทหารคนนั้นถาม
“ดูจากสภาพเจ้าก็น่าจะรู้แล้วนี่” เรียวตะตอบด้วยความรำคาญ
“ฮะๆ! แต่นายก็ดูไม่เหมือนผีเลยนะ”
“ถ้าข้าเป็นผี ข้าคงเป็นผีที่หน้าตาดีที่สุดในโลกแล้ว”
“โอ้โห พูดอะไรไม่ดูหนังหน้าตัวเองเลย” ประโยคของนักสาปแช่งทำเอายมทูตหนุ่มคิ้วกระตุก
“อ้าวไอ้นี่ อยากโดนบั่นคอก็ไม่บอก” แล้วเรียวตะก็บินลงมาหาแล้วใช้เคียวเพื่อเตรียมบั่นคอตามที่ตัวเองขู่
“ฮิๆ ยอมเล่นด้วยแล้วสินะ!” นายทหารทำตาเป็นประกายแล้วขว้างระเบิดใส่เรียวตะอีกรอบ
“ชิ!” ยมทูตหนุ่มเดาะลิ้นก่อนจะใช้เคียวปัดระเบิดออกและถีบหน้าใส่ศัตรู แต่นักสาปแช่งก็จับขาของเรียวตะแล้วจับทุ่มลงกับพื้นพร้อมทั้งเอาดาบสั้นมาแทงเข้าร่างอีกฝ่าย
“ไอ้เวรนี่!?” ยมทูตหนุ่มตะโกนออกมาอย่างหัวเสียเลยต่อยหน้านักสาปแช่งจนตัวปลิว แต่อีกฝ่ายหาได้เจ็ปปวดไม่แถมยังทำหน้าตื่นเต้นกว่าเดิมจนมันดูโรคจิตในสายตาของเรียวตะ
“อะฮะ! แทงแล้วเลือดไม่พุ่งด้วย! เป็นสิ่งมีชีวิตแบบใหม่รึไงนะ!”
“…สงสัยที่บอกว่ายังไม่ต้องเอาจริงต้องถอนแล้ว” เรียวตะพึมพำเสียงเบาก่อนจะเงียบไป ทำให้นักสาปแช่งคนนั้นสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นี่~ เป็นอะไร-”
กา!!! กา!!!! กา!!!!
“?!!” แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆอีกาที่อยู่ชิบูบ่าก็เกิดร้องเสียงดังขึ้นมาดื้อๆแถมยังดังไปทั่วจนนักสาปแช่งต้องอุดหู
‘อยู่ๆอีกาก็ร้องขึ้นมา? อะไรวะ-!’ ในระหว่างเขาคิดอยู่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีเงาดำตะคุ่มๆอยู่ด้านหลังพร้อมทั้งมีอะไรบางอย่างอยู่แถวๆต้นคอ เขาเลยรีบหลบแล้วขว้างระเบิดใส่ทันทีแต่ระเบิดนั้นกลับทะลุผ่านไปราวกับว่าเงานั้นเป็นเพียงอากาศ
‘ทะลุผ่านเฉย!? ว่าแต่ไอ้ความรู้สึกขนลุกนี่มันอะไร-’
“…เพิ่งมาเห็นว่าวันนี้เป็นวันตายของเจ้า…”
“!!?” เสียงของเงาดำดังขึ้นทำลายความเงียบ นักสาปแช่งคนนั้นที่ได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงของเรียวตะ แต่ทว่าในเสียงนั้นกลับมีความเย็นยะเยือกและเรียบนิ่งจนเขารู้สึกขนลุก
“เพราะงั้น…”
พรึ่บ!!
“?!!” เงาดำได้สลายหายไปก่อนจะปรากฏร่างของชายหนุ่มอายุราวๆ 17-18 ปีในชุดเครื่องแบบนักเรียนสีเข้มพร้อมผ้าคลุม เรือนผมสีขาวไฮไลต์ดำตรงปลายผม นัยน์ตาสองสีมองนักสาปแช่งด้วยสายตาเรียบนิ่งและคาดเดาไม่ได้ อาวุธในมือนั้นจากที่เป็นเคียวกลับกลายเป็นดาบคาตานะสีดำสนิททั้งด้ามจับและใบดาบชี้มาทางเขา
“น-นี่…”
“เตรียมตัวลงนรกซะ ไอ้สวะ”
.
.
.
Talkๆ desu: เอาตอนใหม่มาเสิร์ฟแล้วฮ้าฟฟู่วววววววววว มหาลัยเริ่มใกล้ปิดเทอมแปลว่าอาทิตย์หน้าจะสอบไฟนอลแล้ว กี๊ดดดดดดดด เทอมหน้าก็จะเป็นพี่ปี 4 แล้ว ไม่พร้อมเลยช่วยด้วยยยยยยยยยย
Fun fact เล็กๆน้อยๆ ฉากแปลงร่างตอนท้ายของเรียวตะนั้น พี่แกแปลงเป็นตัวเองตอนอายุ 17 (จากเซ็ตตอนพิเศษที่ชื่อมิเคยลืมเลือน อันนั้นคือตอนพิเศษย้อนอดีตของเรียวตะ) เพราะเป็นช่วงที่ตัวเองคิดว่าเทพซ่าสุดเนื่องจากพลังไสยเวทค่อนข้างเสถียร แถมตลอดทั้งเรื่องที่ผ่านมาเรียวตะคงสภาพตัวเองไว้ที่อายุ 28 ปีเพราะตายตอนอายุนี้พอดี
สนุกไม่สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายค่าาาาาาาาาา
ความคิดเห็น