คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : บทที่ 2 : คำสาปกรีดแทง
บทที่
2 : คำสาปกรีดแทง
ท้องฟ้ายามค่ำถูกปกคุลมไปด้วยหมู่เมฆสีครึ้มและหมอกหนาลงจัด
ใจกลางสวนด้านหน้าคฤหาสน์หลังโตตั้งตระหง่านมีร่างบางเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มสลวยยาวตรงจรตกลางหลังนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนหรูหราของตระกูล มัลฟอย
ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตเหม่อมองร่างของเจ้านกยูงสีขาวเดินแผ่หางอยู่ในสวนด้วยท่าทางองอาจ
พวกผู้เสพความตายทั้งหลายเพิ่งจะออกเดินทางไปได้เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นแต่มันกลับทำให้หญิงสาวไม่อาจทนนั่งอยู่ในห้องนอนของเดรโกได้อีกต่อไป
ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่เฮเลนนั่งมองเจ้านกยูงนั้นอยู่ตรงนี้ เธอหวังให้พวกผู้เสพความตายลิ่วกลับมาพร้อมข่าวร้ายที่ว่าแฮร์รี่
พอตเตอร์และภาคีนกฟินิกซ์หนีไปได้พร้อมกับลอร์ดมืดได้รับบาดเจ็บกลับมาและผู้เสพความตายหลายคนเสียชีวิต
แต่เรื่องแบบนั้นคงจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
ไม่มีทางเลยที่ลอร์ดมืดจะกลับมาหากไม่สามารถจัดการแฮร์รี่ได้
ภาพที่เธอเห็นเมื่อตอนที่นั่งร่วมประชุมกับพวกผู้เสพความตายอยู่นั้นคือมีใครบางคนหงายหลังตกจากไม้กวาดและเฮเลนสัมผัสได้ว่าเขาคนนั้นจะต้องตาย
ซึ่งเธอไม่รู้ว่าใครที่จะเป็นผู้เสียสละชีวิตตัวเองใครครั้งนี้
เฮเลนได้แต่หวังว่าอย่าให้เป็นเฟร็ด จอร์จหรือใครก็ตามที่เธอรู้จักและผูกพัน ถึงอย่างนั้นทุกคนในภาคีล้วนเคยปกป้องเธอมาทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นใครคนไหน เฮเลนไม่อยากยอมรับเสียด้วยซ้ำว่าจะต้องมีใครตาย เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากว่าเธอไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ เดรโกจะไม่ได้อยู่กับพวกภาคีและเป็นสายลับ
แต่สิ่งที่แปลกไปมากที่สุดนั่นก็คือ ทำไมเธอถึงไม่อาจจำเรื่องราวอะไรต่อจากนี้ได้เลย หรืออาจเป็นเพราะความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และต่างจากเรื่องหลักอย่างช่วยไม่ได้ทำให้เธอไม่สามารถนึกถึงเรื่องราวในหนังสือนั่นได้อย่างนั้นเหรอ นั่นเป็นเพราะอย่างนี้ถึงทำให้เธอไม่อาจจำได้ว่าตัวเองไม่ใช่คนของที่นี่อย่างนั้นใช่หรือเปล่านะ
ลมเย็นๆ
พัดผ่านทำให้ร่างเล็กรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย
ชุดสีดำพร้อมผ้าคลุมไหล่ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นเท่าไรนัก
เธอคิดถึงช่วงเวลาที่ได้นั่งทำการบ้านในห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์
หน้าเตาผิงอุ่นๆ โซฟาสีแดงนุ่มๆ และครุกแชงก์ที่ชอบกระโดดขึ้นมานอนบนตักทุกครั้งที่เธอนั่งลงบนโซฟา
เสียงหัวเราะของเชมัสตอนที่ชนะเกมไพ่หรือเสียงของเนวิลล์ตอนสะดุดพรมล้มก็ตาม
"ลาเมีย"
เสียงกระพือปีกดังแว่วเข้ามาทำให้เฮเลนละสายตาออกจากนกยูงแสนสง่าของตระกูลมัลฟอยเพื่อหันไปมองยังต้นเสียง ลาเมียร่อนลงมาเกาะบนไหล่บางอย่างนุ่มนวลพลางใช้หัวไถไปมาที่เรือนผมนุ่มราวกับกำลังพยายามปลอบใจเธอ เมื่อเห็นมันเฮเลนก็นึกขึ้นมาได้ว่าป่านนี้เดรโกคงวิ่งวุ่นตามหาเธอในคฤหาสน์จนหัวหมุนแล้วแน่นอน เขาไม่เคยปล่อยให้เธอเดินไปไหนมาไหนได้ตามลำพังโดยปราศจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวเพราะเกรงว่าเธอจะเป็นอันตราย
เฮเลนเลื่อนมือไปลูบขนแผงคอของลาเมียเบาๆ
ดวงตาสีเหลืองของมันหลับลงเหมือนจะตอบสนองต่อสัมผัสนั้น เธอยิ้มและพยายามลูบขนของมันไปโดยไม่คิดถึงเรื่องของแฮร์รี่
โชคดีมากที่ตลอดช่วงที่อยู่ในคฤหาสน์มัลฟอยเฮเลนไม่ได้ยินเสียงของลาเมียร้องโหยหวนเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้เหมือนกันว่าเธออยากได้ยินหรือเปล่า ใจหนึ่งเธอก็อยากให้มันร้องโหยหวนออกมาสักครั้งเพื่อบอกกับเธอว่าจะต้องมีใครสักคนในคฤหาสน์นี้ตาย
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่อยากได้ยินเสียงมันเพราะกลัวว่าคนที่จะตายคือเดรโก
สายลมเย็นๆ
ยังคงพัดผ่านร่างบางไปเอื่อยๆ เฮเลนไม่รู้ว่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว
ลาเมียเหมือนจะมีความสุขที่มีคนปรนนิบัติมัน แต่อยู่ๆ
มันก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับกางปีกและส่งเสียงขู่ออกมาพร้อมกับพองขนชูชันเมื่อเสียงสวบสาบดังขึ้นในพุ่มไม้ด้านหน้า
งูใหญ่เลื้อยออกมาจากพุ่มไม้นั้นพร้อมเสียงขู่ฟ่อและแยกเขี้ยวขาวใส่เฮเลน มันแสดงท่าทางดุร้ายและเหมือนอยากจะรัดเธอให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น
"แกมานั่งทำอะไรที่นี่! -- ไม่มีใครอนุญาตให้แกออกมาที่นี่สักหน่อย"
นากินีส่งเสียงฟ่อๆ
พลางเลื้อยเข้ามาใกล้ร่างบางอย่างเชื่องช้า
ดวงตาโตของมันจ้องมองเธอราวกับจะกลืนหญิงสาวลงไปได้ทั้งตัว
เฮเลนยกขาทั้งสองข้างขึ้นจากพื้นมานั่งพับเพียบบนม้าหินแทนเพื่อกันไม่ให้นากินีเลื้อยพันรอบขาของเธอเสียก่อนที่จะได้ลุกหนี
"ไม่ใช่เรื่องของเธอ
นากินี" เฮเลนตอบกลับ "ฉันควรมีเวลาส่วนตัว"
"แต่ไม่ใช่ตอนที่เขาไม่อยู่!" มันแยกเขี้ยว "แกควรอยู่ในคฤหาสน์
ไม่ใช่ข้างนอกนี่ นังหนู!"
เฮเลนถอนหายใจออกมาเมื่องูใหญ่ชูคอขึ้นแยกเขี้ยวขาว
ในใจลึกๆ เธอยอมรับว่ารู้สึกกลัวมันอยู่มากแต่ว่ายังไงนากินีไม่มีวันฆ่าเธอเพราะยังไงเฮเลนยังมีประโยชน์สำหรับโวลเดอมอร์อยู่ในตอนนี้
"ฉันจะหนีไปไหนได้"
เธอพูด เสียงฟ่อๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากบางทำให้ลาเมียบินขึ้นมาอยู่ด้านหลังของเฮเลนแทน
ดูเหมือนมันจะสับสนอยู่นิดหน่อยว่าควรจะทำตัวยังไงกับเสียงที่ได้ยิน
แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่ไว้ใจนากินีเสียเท่าไหร่จึงหันหน้าไปหางูใหญ่พร้อมจ้องมองนากินีอย่างไม่ละสายตา
"เธอไม่รูหรอกเหรอว่าโวเดอมอร์ร่ายคาถาอะไรเอาไว้บ้าง"
เฮเลนพูด "ทั้งคาถาต่อต้านการหายตัว
คาถาคุ้มกันแถมด้วยคาถาสาปแช่งเยอะแยะถ้าเกิดว่าฉันคิดจะหนีออกไปจากที่นี่
เธออยู่ใกล้เขามากที่สุดน่าจะรู้ดีนี่ นากินี"
งูใหญ่ขู่ฟ่อขึ้นมาอีกครั้ง
เฮเลนผงะถอยหลังไปนิดหน่อย
ลาเมียบินถลาเข้าไปหามันเพื่อกันไม่ให้นากินีพุ่งเข้าใส่เธอ
"อย่ามาบังอาจดูถูกฉันนังเด็กครึ่งพันธุ์โสโครก!" นากินีแยกเขี้ยว "ฉันได้รับคำสั่งให้จัดการแกได้ทุกเมื่อที่แกคิดจะตุกติก..."
"งั้นตอนนี้เธอก็จะฆ่าฉันแล้วก็บอกเขาไปว่าฉันคิดหนีใช่ไหมล่ะ"
เฮเลนยิ้มเยาะพร้อมยันตัวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับงูใหญ่ด้วยท่าทางที่ปราศจากความกลัวทั้งที่ความจริงเธอกลัวจับใจ
"ฉันไม่รู้นะว่าโวลเดอมอร์เคยบอกเธอหรือเปล่า
แต่เขาเองก็เป็นลูกครึ่งพันธุ์ที่มีพ่อเป็นมักเกิ้ล!
ฉันไม่คิดว่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาจะ ลืมกำพืด ของตัวเอง"
ว่าแล้วเฮเลนก็สาวเท้าออกจากม้าหินอ่อนออกไปยังทางเดินกลับเข้าคฤหาสน์ในทันทีโดยมีลาเมียช่วยกันนากินีเอาไว้ไม่ให้เข้ามาทำร้ายเธอ
เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าสัตว์เลื้อยคลานอย่างนากินีจะต้องพ่ายให้แก่สัตว์ปีกอย่างลาเมีย
เพราะไม่นานนักเจ้าฟินิกซ์ออเกรย์ก็บินกลับมาหาเฮเลนแทบจะในทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไปในคฤหาสน์
ห้องโถงกว้างเงียบสงัดกว่าทุกทีเนื่องจากไม่มีใครอยู่ที่นี่เหมือนตอนแรก
เฮเลนเคยเห็นเดรโกกับสเนปยืนคุยอะไรบางอย่างกันที่นี่ก่อนที่เดรโกจะมาพาตัวเธอขึ้นไปยังห้องนอนแถมยังไม่เล่าให้ฟังด้วยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
เฮเลนคิดว่าบางทีเดรโกอาจะกำลังหลอกถามเรื่องแผนการต่างๆ
ของโวลเดอมอร์กับสเนปอยู่ก็เป็นได้
แต่ยังไงก็ตาม
การที่เฮเลนจะต้องอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรเลยเป็นสิ่งที่ทำให้เธออึดอัดมาก
โวลเดอมอร์ต้องการข้อแลกเปลี่ยนถ้าหากเธออยากล่วงรู้แผนการของพวกเขาคือเธอจะต้องกลายเป็นผู้เสพความตายเท่านั้น
การถูกชักชวนในทุกๆ
ครั้งที่ได้ลงมาทานอาหารทำให้เดรโกเลือกจะขังเธอให้อยู่ในห้องนอนทุกครั้งที่มีการทานอาหารร่วมกับโวลเดอมอร์หรือผู้เสพความตายและพาเธอลงมาทานอาหารหลังจากนั้นแทน
"เฮเลน!"
เสียงทุ้มๆ
พร้อมกับเสียงหอบกดังขึ้นทันทีที่ประตูบานใหญ่ถูกปิดลง
ร่างสูงเดินพรวดพราดลงมาจากบันไดก่อนจะคว้าร่างของเธอเข้าไปกอดในทันที
ดวงตาคมสีฟ้าซีดเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เหงื่อที่ซึมออกมาตามผิวและใบหน้าทำให้เฮเลนรู้ได้ในทันทีว่าเขาคงเดินวุ่นวายไปรอบคฤหาสน์ไม่ต่ำกว่าสามรอบเพื่อหาตัวเธอแน่ๆ
"หายไปไหนมา"
เดรโกพูดเสียงดุ "ฉันหาตัวเธอแทบแย่ นึกว่าโดนพาตัวไปด้วยแล้ว"
"ฉันแค่ไปนั่งที่สวนมาน่ะ"
เธอตอบ "ให้อยู่แต่ในนี้ตลอดมันก็น่าเบื่อนี่"
"บอกฉันก่อนไม่ได้รึไง"
เขาว่า "อย่างน้อยฉันก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"
"แล้วฉันก็จะได้ไปนั่งคุมเธอด้วย"
เฮเลนพูดเลียนเสียงเดรโก "ใช่ไหมล่ะ"
เดรโกใช้หน้าผากโขกหัวเธอเบาๆ
"ก็ฉันเป็นห่วงเธอนี่ยัยบื้อ"
เขาพูดพร้อมกับปล่อยร่างของเธอให้เป็นอิสระพลางชำเลืองมองนาเมียที่บินอยู่ทางด้านหลังของเฮเลน
"ไปหาอะไรกินเถอะ ฉันคิดว่าวันนี้แม่ทำอาหารเอาไว้ในให้ครัว"
"ฉันไม่ค่อยหิวเลย"
เฮเลนตอบ "อยากขึ้นไปนอนพักมากกว่า"
"ไม่ได้"
เดรโกพูดเสียงเข้ม "แค่นี้เธอก็ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว
แขนนี่ก็ยังไม่หาย"
มือเรียวชี้มายังแขนซ้ายของเธอ ถึงจะใช้เวทมนตร์ต่อกระดูกแล้วแต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพื่อช่วยให้มันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน
เฮเลนมองตามที่มือของเขาชี้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
เธอแค่ไม่ต้องการพบนาร์ซิสซาเท่านั้นเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนไม่ชื่นชอบเธอเอาเสียเลย
"ก็ได้"
เฮเลนพยักหน้าน้อยๆ
ก่อนจะเดินตามเดรโกเข้าไปในห้องรับประทานอาหารเพื่อผ่านไปยังห้องครัว
แต่ว่าในระหว่างนั้นทั้งสองก็พบกับใครคนหนึ่งถือจานอาหารสองจานออกมายังโต๊ะตัวยาว
ควันสีขาวลอยกรุ่นออกมาจากจานสองใบนั้นราวกับว่าเขาเพิ่งจะทำมันเสร็จเมื่อสักครู่ เมื่อลาเมียเห็นแท็คมันก็บินหนีออกจากห้องทานอาหารในทันที เฮเลนคิดว่ามันคงจะหนีไปเพราะไม่คุ้นเคยกับแท็ค
"อ้าว!
สวัสดีครับทั้งสองคน" แท็คเอ่ยทักทายเสียงสดใส "เข้ามาทำอะไรที่นี่เหรอครับ"
รอยยิ้มที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งก็ทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่เสมอ
ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ แท็คเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แฝงเอาไว้ด้วยความน่ากลัวเหมือนกับโวลเดอมอร์ในวัยเยาว์เสียเหลือเกิน
มีปริศนาอีกหลายข้อที่เฮเลนยังไม่รู้ในตัวเขา ทั้งที่เขาเป็นลูกชายของโวลเดอมอร์แต่ทำไมดัมเบิลดอร์ถึงยังรับเขาเข้ามาศึกษาที่ฮอกวอตส์หรือความจริงไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกของโวลเดอมอร์กันแน่
อีกอย่างโวลเดอมอร์สามารถมีลูกในช่วงที่เขาสูญสิ้นอำนาจและกลายเป็นแค่สิ่งที่น่าสมเพชแบบนั้นได้ยังไง!
"ฉันพาเฮเลนเข้ามาทานอาหารเย็น"
เดรโกตอบ "แล้วแกเข้ามาทำอะไรที่นี่"
"ยังมีท่าทางเหมือนเดิมเลยนะครับคุณมัลฟอย"
แท็คยิ้ม "ผมมาทดลองทำอาหารทานเองน่ะครับ พวกคุณจะลองทานสเต็กที่ผมเพิ่งทำเสร็จหน่อยไหมครับ"
ดวงตาสีเข้มเลื่อนมามองเฮเลนอย่างรวดเร็วจนร่างบางขนลุกซู่ ทำให้เธอรู้สึกอยากจะออกไปจากห้องนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือเล็กกำแขนเสื้อของเดรโกและออกแรงดึงเบาๆ เพื่อให้เขารู้สึกตัวและพาเธอออกไป ในขณะเดียวกันรอยแผลเป็นบนหน้าผากก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา
"รับรองได้ว่าไม่มียาพิษผสมอยู่แน่นอน"
แท็คพูดอีกครั้ง "อย่างนั้นจะให้ท๊อฟฟี่
เอลฟ์ของผมทดลองทานให้ก่อนก็ได้นะครับ"
เขาว่าพลางผายมือไปยังร่างเล็กๆ
ของเอลฟ์ประจำบ้านที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ข้างๆ เฮเลนมองมันด้วยสายตาหวาดหวั่น
ท่าทางของท๊อฟฟี่ดูเหมือนจะโดนทดลองอะไรมาสารพัด ถึงจะไม่รู้ว่ามันจะเจออะไรมาบ้างก็ตาม
"ไม่ไว้ใจผมสักหน่อยเหรอครับเฮเลน"
แท็คยิ้มหวาน แต่มันกลับเหมือนรอยยิ้มที่เคลือบเอาไว้ด้วยพิษร้าย "จะให้ผมทำยังไงพวกคุณถึงจะยอมทานล่ะครับ"
"ไม่"
เฮเลนส่ายหน้า อยากจะยกมือขึ้นมาถูแผลเป็นที่เจ็บจี๊ดนี้แรงๆ เสียจริง "ไม่ล่ะ
ฉันอยากพักผ่อน"
"งั้น -- "
แท็คยืดเสียง "ก็เชิญตามสบายครับ"
"ดี" เดรโกพูด "เราไปกันเถอะ"
เดรโกไม่รอช้าดึงแขนเธออกจากห้องทานอาหารในทันที เมื่อก้าวพ้นห้องออกมาเฮเลนก็ไม่รอช้าที่จะเลื่อนมือขึ้นไปจับรอยแผลเป็นบนหน้าผากของตัวเองในทันที รอยแผลเป็นทั้งร้อนและแสบมากทั้งที่ไม่ได้รู้สึกมากว่าหนึ่งปีมาแล้ว
"เป็นอะไรรึเปล่าเฮเลน"
เดรโกหันกลับมาประคองร่างของเฮเลนเอาไว้ทันที "ไหวไหม"
"ไหว"
เฮเลนว่า "พาฉันขึ้นไปเถอะ"
เขาพาเธอเดินขึ้นบันไดไปยังห้องอย่างรวดเร็ว
เฮเลนล้มตัวลงนอนบนฟูกหนาทันทีที่ถึงห้อง ขณะเดียวกันเดรโกก็เดินไปลงคาถาที่กลอนประตูห้องเหมือนอย่างเคย
ภาพของมือสีขาวซีดจับไม้กายสิทธิ์ของลูเซียส
มัลฟอยแน่น ร่างของเธอลอยอยู่เหนือเมฆมีขาว ภาพด้านล่างเป็นเมืองที่เฮเลนเองไม่รู้จักถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาตา
เหล่าผู้เสพความตายหลายคนขี่ไม้กวาดอยู่รอบกายของเธอ
พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังคนสองคนที่ขี่ไม้กวาดลอยอยู่ไม่ไกลนัก
ด้านหลังของชายหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงนั้นเฮเลนคุ้นตาเป็นอย่างดี
แว่นตาทรงกลมและดวงตาสีเขียวแสนคุ้นเคย เฮเลนรู้สึกได้ว่าเธอกำลังยิ้ม
ยิ้มกว้างและเต็มไปด้วยความรู้สึกดีอกดีใจเมื่อได้เจอเป้าหมายที่ตามหาอยู่เสียที
แฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ตรงหน้าเธอ ขี่ไม้กวาดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพร้อมกับร่างของใครอีกคนที่เฮเลนจำได้เป็นอย่างดีว่าเขาคือ
อลาสเตอร์ แม้ด-อาย มู้ดดี้
แต่เมื่อไปถึงร่างของชายหนุ่มสวมแว่นตาก็กรีดร้องออกมาเสียงดังสนั่นราวกับว่าเขานั้นไม่ใช่คนที่กำลังตามหา
ความโกรธพุ่งปรี๊ดขึ้นมาแทบจะในทันที แฮร์รี่ตัวปลอมหายตัวหนีไปทิ้งให้ แม้ด-อาย เผชิญหน้ากับเหล่าผู้เสพความตายเพียงลำพัง แสงสีเขียวและแดงพุ่งแฉลบผ่านร่างของเธอไปมาและในที่สุดมือสีขาวซีดก็ไม่รอช้าส่งคำสาปพิฆาตพุ่งตรงใส่ร่างของแม้ด-อายในทันที
ร่างของอลาสเตอร์
แม้ด-อาย มู้ดดี้หงายหลังตกจากไม้กวาดร่วงลงไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
เฮเลนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
เหลือเกินถ้าเกิดไม่ติดว่าตอนนี้เธอกำลังหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งและหันเหไปยังเป้าหมายถัดไปในทันที
เธอเหลือบไปเห็นสเนปแล่นไปยังร่างสองร่างที่อยู่ไม่ไกลในขณะที่เธอแล่นไปอีกทางเมื่อผู้เสพความตายอีกคนตะโกนเสียงดังว่าพบเขาแล้ว
"เจอแฮร์รี่
พอตเตอร์แล้ว!" ร่างนั้นตะโกน
"แฮร์รี่ พอตเตอร์ตัวจริง ชันไพก์ยืนยันแล้ว"
เธอแล่นไปทางด้านนั้นทันที
เสียงของสเนปตะโกนเรียกหาทางด้านหลังแต่เธอไม่สนใจเขาเพราะสิ่งที่ได้ยินจากโดโลฮอฟทำให้เธอไม่อาจละสายตาไปจากร่างที่อยู่บนรถพ่วงข้างที่ห่างออกไปไกลๆ
นั้นได้เลย เจ้าของมือสีขาวซีดพุ่งตรงไปยังสองร่างนั้นในทันทีพร้อมกับโดโลฮอฟและรุกวู้ด
โดยมีแสตน ชันไพก์ขี่ไม้กวาดขนาบข้างทั้งคู่อยู่
แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นทุกหนแห่งรอบกาย
เฮเลนไม่ได้สังเกตว่ามันโดนร่างของใครไปบ้าง ร่างของชายหนุ่มสวมแว่นตาทรงกลมดูเหมือนจะตกใจมากที่เห็นเจ้าของมือสีขาวซีดนั่น เขาเผลอทำไม้กวาดตกลงไปพร้อมกับกรงของเฮ็ดวิกและเฮนรี่แต่โชคยังดีที่เขาคว้ากรงของนกสองตัวเอาไว้ได้ทัน
ประตูกรงนกเลื่อนเปิดออก นกฮูกสองตัวบินออกมาจากกรงในทันที
"เฮ็ดวิก!
เฮนรี่!!"
แฮร์รี่ตะโกน
เขามองนกทั้งสองตัวบินออกไปจากกรงและพุ่งเข้าก่อกวนผู้เสพความตาย
ทั้งโดโลฮอฟและรุกวู้ดปัดป่ายนกทั้งสองตัวทั้งที่ยังขี่ไม้กวาด
"นั่นแหละตัวจริง!"
แสตนตะโกน "นี่แหละตัวจริง แฮร์รี่ พอตเตอร์"
พวกเขาเหาะตามไปอย่างรวดเร็ว
ร่างนั้นไม่มีทีท่ากลัวเลยแม้แต่น้อย แฮร์รี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นยิงคาถาเข้าใส่เธอ
เฮเลนอยากตะโกนไล่ให้เขาหนีไปแต่ทำไม่ได้
เธอตะโกนแต่เสียงไม่ออกจากปากไปให้เขาได้ยิน สิ่งที่เธอรู้ตอนนี้คือเธอกำลังแสยะยิ้มออกมากว้างๆ
อย่างพออกพอใจ
"สตูเปฟาย!"
แฮร์รี่ตะโกน เสียงหัวเราะของโวลเดอมอร์ดังลั่น
มือสีขาวซีดยิงคำสาปสีเขียวออกไป มันลอยเฉี่ยวแฮกริดไปมา
นกฮูกสองตัวที่บินวกวนทำให้เริ่มรู้สึกรำคาญใจขึ้นมา โดโลฮอฟพยายามสาปใส่เฮ็ดวิกแต่มันหลบได้รวมไปถึงเฮนรี่ด้วยเช่นกัน
"เฮ็ดวิก!
เฮนรี่! อย่า!!" แฮร์รี่ตะโกนอีกครั้ง
แต่เจ้าสัตว์ทั้งสองตัวไม่สนใจเลย มันพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะปกป้องเจ้านายของมัน
แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นมา
มันออกมาจากไม้กายสิทธิ์ในมือสีขาวซีดพุ่งตรงไปยังเฮ็ดวิกในทันที
ร่างสีขาวบริสุทธิ์ดิ่งลงบนพื้นโลกอย่างรวดเร็ว
แฮร์รี่ตะโกนลั่นมองตามร่างของเฮ็ดวิกไปโดยที่เฮนรี่ยังคงวุ่นวายอยู่กับรุกวู้ด
เฮเลนเองก็ไม่ต่างกัน
เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังกรีดร้องแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากเธอเลยนอกจากเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
เฮนรี่ทำให้รุกวู้ดเสียการทรงตัวและล่าถอยออกไป
เจ้านกฮูกตัวน้อยแล่นตรงมาทางเธอในทันที
เจ้าของมือสีขาวซีดยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเล็งไปยังร่างเล็กๆ
ที่กำลังบินตรงเข้ามาหาพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
"อวาดา เคดาฟ - ลา!"
"อย่า!!" ร่างบางลุกพรวดขึ้นจากฟูกหนา "เฮนรี่... เฮนรี่ของฉัน"
"เฮเลน! เฮเลน ใจเย็นๆ
นะ" เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น
"ฉันอยู่นี่แล้ว เธอไม่เป็นไร"
มือเรียวลูบหลังของเฮเลนเบาๆ
ร่างเล็กชุ่มไปด้วยเหงื่อที่อาบร่างราวกับว่าไปตกน้ำที่ไหนมา เฮเลนหอบจนตัวโยน
แผลเป็นบนหน้าผากแสบร้อนเมื่อรับรู้ได้ถึงโทสะของโวลเดอมอร์ที่ส่งผ่านเข้ามา
เธอรู้สึกได้ว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นแน่ น้ำตาพาลจะไหลออกมาเสียดื้อๆ
เมื่อได้เห็นภาพชัดๆ เต็มตาว่าใครคือคนที่ตาย
"แม้ด-อาย" เฮเลนกระซิบ "ตายแล้ว"
"ว่าไงนะ"
เดรโกถามกลับ "แม้ด-อายเหรอ"
"ใช่"
เธอตอบเสียงสั่น "เขาตายแล้ว เฮ็ดวิกกับ...
กับ -- กับเฮนรี่ด้วย"
มือเล็กเลื่อนขึ้นมากอดตอบเดรโกในทันที
แผลเป็นหน้าผากแสบร้อนยิ่งขึ้นราวกับโวลเดอมอร์กำลังส่งผ่านความโกรธมาให้ผ่านแผลเป็น
เฮเลนกอดเดรโกแน่นราวกับต้องการเก็บกดความเจ็บปวดนี้เอาไว้
เธอกลัวว่าแฮร์รี่จะโดนคำสาปของเขาไปด้วยหรือแฮกริดอาจจะพลาดท่าถูกคำสาปเข้า
เฮเลนได้แต่หวังว่าคนอื่นๆ คงไม่เป็นไรเท่านั้น
เดรโกไม่ได้ตอบอะไรเธอไปนอกจากกอดตอบและลูบหลังของเธออย่างแผ่วเบาเพื่อเป็นการปลอบใจ
เฮเลนสับสนไปหมดแล้วว่าตอนนี้เธอเป็นเธอหรือเธอกำลังเป็นใคร
เธอคือคนที่กำลังกอดเดรโกอยู่นี่ใช่เธอหรือเปล่า หรือกำลังเป็นใครไปแล้ว
สักชั่วโมงหนึ่งเสียงประตูคฤหาสน์เลื่อนเปิดก็ดังขึ้น
เดรโกดูเหมือนตัดสินใจว่าจะไม่ลงไปต้อนรับโวลเดอมอร์เพราะว่าเขาดูไม่มีทีท่าจะปล่อยร่างบางออกให้เป็นอิสระเลยแม้แต่น้อย
เขายังคงกอดเฮเลนเอาไว้แน่นในขณะที่เธอเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
"ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นเขา"
หลังจากเงียบอยู่นาน เฮเลนก็เอ่ยขึ้น "เขากำลังโกรธ"
เดรโกเงียบและตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป
"ตอนนี้เขาก็ยังโกรธ"
เฮเลนว่า "ฉันรู้สึกว่าไม่ควรลงไปเจอเขา"
"เราจะไม่ไปเจอเขา"
เดรโกบอกพลางกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น จนแขนข้างที่เคยหักรู้สึกปวดขึ้นมา
เสียงโครมครามทางชั้นล่างบอกพวกเขาว่าโวลเดอมอร์กำลังอาละวาดอย่างหนัก เขาตะโกนโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์แถมยังเหมือนกับกำลังพังข้าวของในคฤหาสน์พร้อมกับเสียงกรีดร้องโวยวายของเบลาทริกซ์
ไม่นานหลังจากเสียงอึกทึกครึกโครมจบลงเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
เดรโกผละออกจากร่างของเธอก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้า
ผู้ที่มาหาพวกเขาคือนาร์ซิสซา สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก ริมฝีปากบางซีดและเรือนผมสีบลอนด์ยุ่งเหยิง
เฮเลนไม่แน่ใจว่าเพราะโวลเดอมอร์มาเข้าพักที่นี่หรือเปล่าที่ทำให้นาร์ซิสซา มัลฟอยดูโทรมลงไปมากขนาดนี้
"เขาเรียกหาเธอ"
นาร์ซิสซาพูด "จอมมารต้องการเจอเธอเดี๋ยวนี้"
"เฮเลนเหรอครับ"
เดรโกถาม "ตอนนี้..."
"ใช่"
เธอตอบ "พาลงไปเดรโก"
"แต่..."
"แม่บอกให้ลูกพาเขาลงไป"
นาร์ซิสซาย้ำ
เธอมองเดรโกสลับกับเฮเลนด้วยสายตาหวาดหวั่น "เดี๋ยวนี้ เดรโก"
"ครับ"
เขาพูด "ได้ครับแม่"
เดรโกดันประตูปิดลงเบาๆ
หันมาหาเธอที่นั่งกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น เขากำลังเรียกหาเธอ
เขากำลังต้องการตัวเธอ โวลเดอมอร์ต้องการพบเธอตอนนี้ เฮเลนตัวสั่นคราบน้ำตายังไม่จางหายไปจากใบหน้า
ความกลัวแล่นเข้ามาในใจ นึกถึงภาพตอนที่โวลเดอมอร์ใช้คำสาปกรีดแทงกับเธอครั้งที่แล้ว
มันเจ็บปวด ทรมานเหลือเกิน
"ไม่ต้องลงไป"
เดรโกพูด เขาเม้มริมฝีปากแน่น "ฉันจะลงไปคนเดียว"
"ไม่"
เฮเลนปฏิเสธ "ฉันปล่อยให้นายลงไปคนเดียวไม่ได้หรอก"
"แต่ว่าฉันไม่อยากให้เธอลงไป"
เขาว่า "เขาจะ..."
"ให้ฉันลงไปเถอะ"
เฮเลนบอก "ถ้าฉันไม่ลงไปนายจะแย่"
เฮเลนลุกขึ้นยืนและจัดแจงปาดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า
ในหัวเริ่มคิดถึงน้ำมันหนวดเมิร์ตแลปเข้มข้นกับหัวน้ำมันสมุนไพรดิตทานีขึ้นมา
หวังว่าพวกนั้นคงจะมีเหลือมากพอที่จะใช้หลังจากนี้โดยเฉพาะน้ำมันหนวดเมิร์ตแลปที่ค่อนข้างหายากแล้วในตอนนี้
"เธอไหวแน่นะ"
เดรโกถามย้ำอีกครั้งในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะก้าวออกไปจากห้อง เฮเลนพยักหน้าเบาๆ
และพยายามฝืนยิ้มออกมาให้เขาเห็นว่าเธอสบายดี
ทั้งสองคนเดินลงบันไดยาวมายังห้องโถงกว้างของบ้าน
เฮเลนพบว่าเครื่องประดับที่เคยแขวนเอาไว้อย่างสวยงามบนผนังถูกทำลายเละแทะไปหมด
ร่างของผู้เสพความตายหลายคนยืนอยู่ด้านหลังโวลเดอมอร์พร้อมกับเบลาทริกซ์และนาร์ซิสซาที่ยืนขนาบข้างเขาอยู่
โวลเดอมอร์มีท่าทางเกรี้ยวกราด
ดวงตาสีแดงจ้องมองมายังร่างของเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจ
เขาดึงไม้กายสิทธิ์มาจากมือของเบลาทริกซ์และชี้มาที่ร่างของเธอทันทีที่ทั้งคู่เดินลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
เฮเลนผงะถอยหลังไปเล็กน้อยเมื่อได้สบตากับเขา มือเล็กกำแขนเสื้อของเดรโกไว้แน่น
"ทำไม"
โวลเดอมอร์เอ่ย "ทำไมฉันถึงฆ่ามันไม่ได้!!"
เฮเลนสะดุ้ง
เสียงกังวานของเขาดังก้องไปทั่วห้องโถง ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองมาที่เธออย่างดุดัน มันเต็มไปด้วยความโทสะอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนในครั้งไหนๆ
"ฉันไม่รู้"
เฮเลนตอบ "ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันบอกไม่ได้ว่าคุณจะ..."
"ฉันไม่ได้ถามว่าใครที่ตาย!" โวลเดอมอร์ตวาด "ฉันถามว่าทำไมฉันถึงฆ่ามันไม่ได้"
เฮเลนผงะไปอีกครั้ง
"ทำไมไม้กายสิทธิ์ของลูเซียสถึงถูกทำลาย!" เขาพูดต่อ "พวกแกทำอะไรกันแน่ บอกฉันมา! พอตเตอร์!!"
"ฉันบอกว่าฉันไม่..."
"ครูซิโอ้!!"
มือเล็กปล่อยออกจากชายแขนเสื้อของเดรโกในทันที
เฮเลนล้มลงไปนอนที่พื้นปูพรมงามของคฤหาสน์ ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั่วร่างราวกับกำลังถูกของมีคมกรีดลงบนร่างกายซ้ำไปซ้ำมา
เฮเลนรู้สึกว่าแขนข้างที่เคยหักไปครั้งหนึ่งแล้วคงไม่อาจทนพิษคำสาปที่เต็มไปด้วยอารมณ์โทสะของโวลเดอมอร์ได้แน่นอน
"เฮเลน!"
เดรโกเบิกตากว้าง ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
ร่างบางที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานอยู่บนพื้นพรม
เขาพยามจับร่างของเธอเอาไว้ไม่ให้ดิ้นไปมาเพราะผิวบางอาจจะถูกพรมบาดจนเกิดรอยแผลแต่ว่าแขนทั้งสองข้างก็ถูกโรโดลฟัสกระชากขึ้นมาจนออกห่างจากร่างของเธอที่นอนอยู่บนพื้น
เฮเลนส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ขาด ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง
"พวกแกสองคนมันมีดีอะไรกัน
พอตเตอร์!" โวลเดอมอร์พูดเสียงเย็น "ทำไมพวกแกถึงรอดไปได้ทุกครั้ง!"
นาร์ซิสซาวิ่งเข้าไปหาเดรโกและช่วยโรโดลฟัสดันลูกชายออกไปอีกทาง
ดวงตามองมายังเฮเลนด้วยสายตาหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
พูดได้เลยว่าเธอคงดีใจที่เฮเลนถูกโวลเดอมอร์สาป
รอยแผลเป็นปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยแผลเล็กๆ ที่เกิดขึ้นมาทั่วร่าง
"ฉัน ไม่
ฉันไม่..." เฮเลนพยายามจะพูด "ฉันบอกอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!"
เหมือนยิ่งเธอพูดโวลเดอมอร์จะยิ่งทวีความโกรธ
ฤทธิ์ของคำสาปยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนเฮเลนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป
ร่างทั้งร่างถูกพรมบาดจนเป็นรอยถลอกพร้อมกับรอยแผลจากคำสาปเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
เลือดสีแดงข้นไหลออกมาเปื้อนพรมสีครีมเต็มไปหมด ดวงตากลมโตเหลือบไปมองทางเดรโกที่พยายามสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของโรโดลฟัส
เขาตะโกนโวยวายเสียงดังด้วยคำพูดที่เฮเลนฟังไม่รู้เรื่อง
เธอรู้สึกว่าสติของตัวเองเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ร่างกายเริ่มชาและไร้ความเจ็บปวดขึ้นมา เฮเลนไม่รู้แล้วว่าโวลเดอมอร์ยังชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เธออยู่หรือเปล่า
ดวงตาทั้งสองข้างถูกน้ำตาปกคลุมเสียจนทุกอย่างที่มองเห็นนั้นขุ่นมัวไปหมด ร่างกายชาเสียจนขยับไม่ได้
ไม่เหลือแม้กระทั่งแรงจะร้องออกมาเสียด้วยซ้ำไป
"ฉันจะไปหาโอลิแวนเดอร์"
เสียงของโวลเดอมอร์ดังขึ้นมา "บางทีมันอาจจะรู้ว่าทำไมไม้ของลูเซียสถึงทำอะไรแฮร์รี่
พอตเตอร์ไม่ได้!"
เฮเลนรู้ว่าเขาจากไปเพราะเสียงผู้เสพความตายหลายคนดังขึ้นมา
มันไม่ใช่เสียงที่แสดงถึงความสงสารแต่ทุกเสียงที่พูดออกมานั้นมีแต่ความสะใจและเสียงหัวเราะอย่างสมเพชเท่านั้น
ไม่มีสักคนที่จะเหลียวมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นของเธอเลยแม้เพียงคนเดียว
เสียงฝีเท้าที่ก้าวข้ามร่างของเธอไปนั้นยิ่งทำให้เฮเลนรู้สึกสมเพชตัวเองยิ่งขึ้นไปอีก
"เฮเลน!"
เสียงของเดรโกดังอยู่ไกลๆ
ตอนนี้เขาคงสะบัดตัวหลุดออกจากการจับกุมของโรโดลฟัส เลสแตรงจ์ได้แล้ว
เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร็วรี่เข้ามาประคองร่างของเธอขึ้นและช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มในขณะที่เสียงหัวเราะหยาบๆ
ของแท็คลอยมาเข้าหูเธอ
เดรโกรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องและไม่รีรอที่จะวางร่างบางลงบนฟูกนุ่ม เสียงพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์เลยสักนิด
"ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง"
เขาพูด "ใช่ ใช่... น้ำมันหนวดเมิร์ตแลป หัวสมุนไพรดิตทานี"
เสียงนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เฮเลนได้ยินก่อนจะหมดสติไป
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น