ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [B.A.P] I want to you

    ลำดับตอนที่ #5 : II - I Want To You [3] - II

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 55


    -3-

     

     

     

    “ตามจับมันให้ได้ เดี๋ยวนี้!!!

     

     

    “ครับท่าน!!!

     

     

     

     

     

    สิ้นเสียงสนทนาที่ฟังแล้วดุร้ายและน่ากลัว ร่างของชายหน้าหวานค่อยๆหมอบหลบหนีตามซอกต่างๆในอาคารใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์กรชุดดำนี้ กลุ่มชายชุดดำที่กำลังเดินลาดตระเวนและค้นทุกซอกทุกมุมพื่อตามหาคนที่กำลังจะก่อกบฏต่อองค์กรชุดดำซึ่งคนๆนั้นก็คือ........เค้า!

     

     

     

    จุนฮยองที่ยังหัวเสียกับเรื่องความทรงจำของยองแจที่กลับมาจำเรื่องเก่าๆได้  ร่างสูงสีผมเด่นตระการตาเดินวนไปวนมาภายในห้องทำงานของตัวเอง หลังจากสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดช่วยกันตามหา ยู ยองแจ ที่น่าจะหลบหนีไปได้ไม่ไกล

     

     

     

     

    หึ!!!

     

     

     

    นายมันเลี้ยงไม่เชือง ยู ยองแจ!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    10 วันก่อน

     

     

     

     

    “ท่านครับ”

     

     

    “ว่าไงยองแจ”

     

     

     

     

    “คือหุ่นยนต์ของเจลโล่นั้น....ท่านเอาไปทำอะไรหรอครับ”

     

     

     

     

    “หึ ตอนแรกฉันต้องการจะชำแหละเจ้านั้น แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ” คนพูดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทรงสูงสีดำ ยกขาขึ้นพาดโต๊ะทำงาน ในมือควงปากกาไปมา โดยไม่สนใจเลยว่าลูกน้องที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองตัวเองถามเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอะไร..??

     

     

     

    “แล้วท่านจะทำยังไงต่อละครับ..”

     

     

     

     

    “ไม่ยาก ก็แค่ตั้งโปรแกรมใหม่ลงไป ให้มันไปตามฆ่าพี่ชายมันเองก็แค่นั้น”

     

     

     

     

    สีหน้าของยองแจถอดสีไป จนคนที่มีอำนาจเหนือกว่าจับได้

     

     

    “ทำไม ยู ยองแจ นายคงไม่ข้องใจใช่มั้ย?”

     

     

     

    “ไม่ครับท่าน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เจอตัวมันแล้วครับท่าน!!!

     

     

     

     

    กลุ่มชายชุดดำสามคนเดินเข้ามาในห้องทำงานของจุนฮยอง ในมือของชายคนหนึ่งกำผมของยองแจไว้จนทำให้คนโดนกำแสดงสีหน้าออกมาว่าเจ็บแค่ไหน

     

     

     

     

    ยองแจที่โดนมัดมือไพร่หลังไว้ พยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกเกาะกุม แต่ก็โดนชายอีกคนตบเข้าที่หน้าหวานอย่างแรง

     

     

     

    “หึ ปล่อยมันไว้แล้วไปไหนก็ไปซะ ฉันจัดการเองได้” จุนฮยองพูดเสียงเรียบ เดินเข้าไปมองคนที่ถูกทิ้งให้นอนอยู่ที่พื้นห้อง มุมปากมีรอยช้ำและเลือดออก คงจะพยายามดิ้นรนน่าดูละสินะ ยูยองแจ

     

     

     

     

     

     

    “ไง” มือหนาจับใบหน้าสวยหวานขึ้นมามองแล้วยิ้มให้อย่างเยือกเย็น

     

     

     

    “ปล่อยผม”

     

     

     

     

    “เดี๋ยวนี้พูดเสียงแข็งเชียวนะยองแจ” มือหนาค่อยจับตัวคนที่นอนตะแคงเพราะมือถูกไพร่หลังให้ลุกขึ้นมานั่ง

     

     

     

     

    “ไม่ต้องมาทำดีกับผมหรอก ถ้าคุณจะฆ่าผมก็ฆ่าได้เลย ขอแค่เลิกยุ่งกับครอบครัวจุนฮงสักที!!” ยองแจตะโกนใส่หน้าจุนฮยองอย่างเหลืออด ทำให้จุนฮยองกะชากคอเสื้อยองแจขึ้นมาอย่างแรง

     

     

    “อึก!

     

    “ต่อให้ฉันฆ่านายตายน่ะนะ ฉันก็ไม่ปล่อยพวกนั้นหลุดมือไปหรอก รู้ไว้ซะ ชีวิตแกมันไร้ค่า”

     

    “ฉันรู้นะว่าแกน่ะ จำทุกอย่างได้แล้วแม้กระทั่งเรื่องของแกกับจุนฮงนั้น หึ เจ็บปวดละสิที่ทำไม่ดีกับคนรักไป”

     

    “ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรนายไปมากกว่านี้หรอกนะ ถ้านายไม่คิดกบฎฉันน่ะ เตรียมตัวทรมานทั้งกายทั้งใจแกได้เลย ยูยองแจ!!

     

     

    ประโยคสุดท้ายจุนฮยองตั้งใจตะคอกใส่ยองแจ ที่ตอนนี้ไม่มีหนทางมาสู้เค้าได้แน่นอน

     

    มือหนาปล่อยคอเสื้อลูกน้องและค่อยๆเดินไปที่ประตูพลางพูดประโยคนึงขึ้นมาทำให้คนที่นั่งอยู่ในห้องต้องตกใจ

     

     

     

    “เจลโล่...จัดการเพื่อนนายทีสิ เหมือนที่ฉันให้นายฆ่ายงกุกน่ะ”

     

     

    “ครับนายท่าน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    22.00น.

    ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ไอเด็กขี้งอนนั้นยังไม่กลับมาเลย - -*  นี้ถ้าผมมีน้องอย่างนี้คงกลุ้มใจไม่น้อย  ตอนนี้ผมนั่งดูทีวีไปเรื่อยเปื่อยในบ้านดูจุน ก็ทั้งจีน่าและดูจุนยังไม่กลับมาจากงานเลี้ยงรุ่นเลย

     

     

     

    กึกๆ

     

    เสียงประตูบ้านดังขึ้น สงสัยดงโฮจะกลับมาแล้ว เล่นซะดึกเลยนะ อย่าจะสั่งสอนจริงๆ

     

     

    “นี้ดงโฮ”

     

    เจ้าของชื่อเดินดุ่มๆเข้าบ้านมาและเดินผ่านผู้หลักผู้ใหญ่อย่างผม(ก็จริงๆดงโฮมันรุ่นลูกผมแล้วละ แต่อย่าลื้อฟื้นเลย ให้เรียกฮยองละดีละ ไม่แก่ *-*)

     

     

    “ดงโฮอา” เจ้าของชื่อยังไม่สนใจ หื้ม หมดความอดทน

     

     

     

    “นี่ฟังฉันหน่อยนะ นายมันยังเด็ก ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้นหรอก เลิกงอนแบบนี้สักที” ผมตัดสินใจเดินไปจับตัวเจ้าเด็กนี่หันมาแล้วพ่นๆๆ ใส่เต็มที่ ผมก็ทนไม่ค่อยไหวเหมือนกันเจ้านี้หัวแข็ง ก้าวร้าวกับพ่อแม่เกินไป

     

     

    ดงโฮเริ่มขมวดคิ้วยุ่งพันกัน สีหน้าเริ่มบ่งบอกว่าลำคานผมเต็มทน

     

     

    “นี่ฮยอง! เลิกยุ่งกับผมสักทีเถอะ แค่ฮยองเข้ามาอยู่ในบ้านผมยังไม่พอ มาทำให้ครอบครัวผมต้องไปยุ่งกับเรื่องความลับอะไรก็ไม่รู้ที่บอกผมไม่ได้อีก!!” ดงโฮปัดมือผมที่จับหัวไหล่ไว้ และทำท่าจะเดินหนีขึ้นห้องไป

     

     

    “นี่นาย!! ฉันเองก็ลำบากใจพอแล้วที่ต้องมาอยู่กับครอบครัวนาย แต่ฉันหวังดี เพราะเรื่องที่ฉันบอกนายไม่ได้ มันอันตรายมาก! มากสำหรับนาย พ่อแม่นายเป็นห่วงนายทั้งนั้น เค้าเลยไม่ต้องการให้นายรู้!

     

     

     

    “ใช่สิ้! ฮยองน่ะ มันโตแล้ว ผมมันยังเด็ก เด็กทั้งสมองเด็กทั้งนิสัยในสายตาทุกๆคน งั้นผมก็จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว เชิญฮยองมาอยู่เป็นลูกชายคนโตของบ้านนี้ไปเถอะ!!” ดงโฮว่าแล้วก็วิ่งพรวดออกไปที่ประตูบ้าน จนผมอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อกี้ ชิบหายแล้วกู -0-

     

     

    กูทำลูกชายเพื่อนหนีออกจากบ้านนนนน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หึ! ใช่สิ ผมไม่อยากจะบอกเลยนะว่าตั้งแต่วันแรกที่คนที่ชื่อ คิมฮิมชานก้าวเท้ามาอยู่ในบ้านเรา เพราะมีภารกิจบางอย่างต้องให้ป๊าช่วย ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนถูกขโมยความรัก ความอบอุ่นไปมากพออยู่แล้ว ทั้งหม๊าทั้งป๊า ต่างเอาใจใส่ฮิมชานกันทั้งนั้น แล้วแทนตัวกับป๊าว่า กูกับมึง ทั้งๆที่อายุก็โตกว่าผมปีสองปี จนป๊าต้องยอมบอกนิดหน่อยว่า ฮิมชานคือเพื่อนของป๊า มาจากมิติอดีตที่ป๊าเคยส่งหุ่นยนต์ไปทำงาน แต่เค้ามีธุระที่ต้องมาที่นี่ และธุระนั้นทุกคนในบ้านรู้ แต่ผมไม่รู้!

     

     

    มันไม่ยุติธรรมสักนิด ทำไมหรอ?  กลัวผมเอาไปป่าวประกาศบอกคนอื่นหรือไง?

     

     

     

    วันนี้ความอดทนผมไม่เหลือแล้ว อยากอยู่เป็นลูกชายคนโตของบ้านนั้นก็อยู่ไปเถอะ ในเมื่อผมมันไม่สำคัญ

     

     

    ผมตัดสินใจไปที่เมียงดงอีกครั้ง ที่นี่ไม่มีคำว่ากลางคืน คนก็ยังมีทยอยมาสังสรรค์กินเที่ยวกลางคืนกันตลอด บางทีคืนนี้ผมอาจจะอยู่แถวๆนี้แทนการกลับบ้าน แล้วพรุ่งนี้วันเสาร์ ค่อยไปอยู่บ้านมินวูเอาก็ได้

     

     

     

    แต่ด้วยอากาศที่เริ่มหนาวและคนที่ออกมาจากบ้านโดยไร้สิ่งของช่วยบรรเทาความหนาวเลยนั่งลงข้างๆร้านราเม็งที่กำลังปิดร้านสองมือซุกไว้ใต้เสื้อที่ใส่อยู่ตัวเดียว เริ่มดึกมากเท่าไหร่ ความหนาวก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

     

     

     

    “โอ้ยอิ่มจังเลยจงออบ ขอบใจมากนะที่มื้อนี้นายเลี้ยงฉัน^ ^” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่น่าร้านราเม็งที่เค้ามานั่งพักอยู่ตรงมุมมืด

     

     

     

    “ไม่เป็นไรครับฮยอง วันนี้ผมชนะการแข่งไง แล้วฮยองก็เลี้ยงผมบ่อยละ เจ๊าๆกันนะ”

     

     

    “งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ เริ่มหนาวเลยเดี๋ยวป๊าจะว่าเอา นายก็กลับดีๆละ บ๊ายบายย”

     

     

     

    “ครับบายๆ”

     

     

    สิ้นเสียงสนทนา ดงโฮค่อยก้มน่าลงที่เข่าตัวเอง ตอนนี้เค้าคิดว่าเค้าน่าจะกลับบ้าน ไม่น่าคิดสั้นโวยวายอะไรแบบนั้นเลย แต่ศักดิ์ศรีล่ะ.... ถ้าเรากลับไปทุกคนก็หาว่าเหมือนเด็กๆ พูดเองเออเองแล้วก็กลับมาเอง

     

     

    ไม่มีทาง ไม่กลับเด็ดขาด..

     

     

     

     

    “นี่นาย” ดงโฮเงยหน้าน้อยๆออกมาจากเข่าตัวเอง เห็นปรายเท้าของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า จึงเหงนหน้าขึ้นมามอง

     

     

     

    “เป็นอะไรหรือป่าว ให้ช่วยมั้ย?” คนเมื่อกี้นี่

     

     

     

    ดงโฮมองนิ่งจนอีกคนเริ่มเก้ๆกังๆ

     

     

    “ฉัน มุน จงออบนะ นายละ”

     

    “ชิน ดงโฮ”

     

    “ดงโฮนายเป็นอะไรหรือป่าว”

     

    “ฉันหนีออกจากบ้านมา..”

     

    “อ่า มีอะไรให้ช่วยมั้ย” คนใจดีข้างหน้าพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้เค้าจัง งั้นผมก็จะไม่อ้อมค้อมละนะ

     

    “ฉันขอค้างบ้านนายได้มั้ย” คำตอบมันคงไม่มีทางเป็นไปได้ เพิ่งเจอกันไม่ถึง 5 นาที จะมาขออยู่บ้านเค้า เหอะๆ เรานี้บ้าไปแล้วจริงๆ

     

     

     

    “ได้มาสิ” จงออบตอบตกลงจนคนที่นั่งขดตัวอยู่ถึงกับงง

     

    จงออบยื่นมือเป็นเชิงชวนให้คนตรงหน้าลุกขึ้น ดงโฮก็จับมือนั้นและดันตัวเองขึ้นมาตามจงออบ

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เข้ามาสิ พ่อแม่ฉันไม่ว่าหรอก” จงออบยื่นอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน พยายามเรียกอีกคนให้เข้ามา

     

     

    “ฉันเสียมารยาทเกินไปแล้ว ฉันขอโทษ”

     

     

    “เห้ย ไม่เป็นไร นายมาเถอะ เราเป็นเพื่อนกันแล้วไง”

     

     

    ดงโฮยอมเดินตามคนตาตี่แสนใจดีเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เค้าอิจฉาจัง...

     

    “นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปหาเสื้อผ้ามาให้นายอาบน้ำ”

     

     

    “อื้ม ขอบใจมากๆเลยจงออบ”

     

     

    จงออบเดินขึ้นบันไดชั้น 2 ของบ้านก่อนจะหายเข้าไปในมุมที่กำแพงบัง ดงโฮลดระดับสายตาลงมาที่โซฟาชุดสวยตรงหน้า ที่มีโฮมเทียร์เตอร์ครบครัน ทีวีจอแบนรุ่นใหม่แกะกล่อง และโต๊ะรับแขกที่ดงโฮคิดว่ามันน่าสนใจดี

     

     

    เป็นโต๊ะกระจกใสคล้ายตู้ปลา และข้างในก็มีปลาแหวกว่ายกันจริงๆ

     

     

    สายตาจับจ้องไปที่หินเม็ดสวยต่างๆ จนสะดุดที่เม็ดหนึ่งที่มันส่องแสงทิ่มแทงตาเค้าเหลือเกิน ดงโฮเดินเข้าไปใกล้โต๊ะกระจกและนั่งยองๆดูหินเม็ดนั้นอย่างสนใจ ทำไมมันสวยแปลกๆแบบนี้นะ

     

     

    “นั้นเป็นลูกแก้วน่ะ มันไม่ใช่หินตู้ปลาหรอก” จงออบที่เดินลงมาเห็นเพื่อนใหม่กำลังสนใจกับลูกแก้วที่เค้าเป็นคนขโมยมาจากพี่ชายสุดที่รัก.....ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปไหน

     

     

    ทุกครั้งที่คิดถึงพี่ชาย จงออบก็อดที่จะเศร้าไม่ได้

     

    ตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ทั้งให้ตำรวจเสาะหา ให้ตายยังไงก็หาไม่เจอ จนทุกคนคิดกับไปว่า พี่ฮิมชาน เสียไปแล้ว....

     

     

    “นายโอเคมั้ย ทำไมหน้าศ้ราจัง” ดงโฮลุกขึ้นเดินมาหาจงออบที่เมื่อกี้สีหน้ายังยิ้มแย้มแต่ตอนนี้กลับเศร้าหมองไปซะอย่างนั้น

     

     

    “ฉันคิดถึงพี่ชายน่ะ ลูกแก้วนี้ฉันเอามาจากพี่ชายตอนที่เค้ายังมีชีวิตอยู่..”

     

     

    “อ่อ เสียใจด้วยนะจงออบ ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ถามเรื่องนี้แล้ว” ดงโฮเดาได้ว่าจงออบคงสูญเสียพี่ชายไป

     

     

     

    “เห่ยๆ ไม่เป็นไรๆ  ฉันไม่เป็นอะไร นายไปอาบน้ำเถอะ คืนนี้นายนอนห้องถัดจากห้องฉันไปนะ มันเป็นห้องว่างน่ะ”

     

     

    “อื้ม โอเคขอบคุณนายมาก”

     

     

     

     

     

     

    ภายในห้องนอนที่จงออบให้เค้านอน มันเป็นห้องที่เหมือนมีคนอยู่มาก่อน ร่างสูงเดินไปนั่งที่เตียงพลางเช็ดผมไปด้วย เตียงที่มีผ้าคลุมเอาไว้ กลับไม่มีขี้ฝุ่นเลยสักนิด โต๊ะเครื่องเขียนก็ไร้ขี้ฝุ่น จนดงโฮเริ่มคิดว่ามันจะสะอาดไปไหน 

     

    ร่างสูงหยุดมือตัวเองไม่ได้เลยไปดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องเขียนออกมา พบกับกระดาษแผ่นหนึ่ง มีร่องรอยของการขีดเขียนด้วยสีช็อก เมื่อจับมากลางดูดีๆเลยพบว่าเป็นรูปของ เด็กผู้ชายจูงมือกับผู้ชายที่สูงกว่าเด็กนั้น ด้านล่างมีข้อความน่ารักๆ ขยุกขยิกเหมือนลายมือเด็กๆว่า “ผมและพี่”

     

     

    จงออบคงรักพี่ชายตัวเองมากเลย เมื่อไล่สายตามามองอีกด้านของกระดาษก็มีชื่อของคนสองคนที่ดงโฮเอะใจเล็กๆ

    “พี่ฮิมชาน กับ จงออบ”

     

     

     

    ชื่อนี้อีกแล้ว โหลเกินไปล้ะ....

     

     

    ดงโฮเลยวางกระดาษแผ่นนั้นไว้ในลิ้นชักก่อนจะปิดลงและเดินไปถลกผ้าคลุมเตียงออกก่อนจะล้มตัวนอน นี้ก็เกือบตี1ไปแล้ว ป่านนี้ป๊ากับหม๊าจะเป็นยังไงนะ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ว่าไงนะ ไอหอก แกทำลูกชายกูหนีออกจากบ้านหรอ!!” ดูจุนที่เพิ่งกลับมากับจีน่า ตะโกนใส่หน้าผมจนตั้งตัวไม่ถูก เอ่อไม่น่าเล่าให้มันฟังตอนนี้เลย ยับแน่กู T^T

     

     

     

    “กูขอโทษ กูคงพูดแรงเกินไป จะให้กูไปตามหาที่ไหนก็ได้ กูยอมT^T” ผมทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่ไอเด็กนั้นตัดพ้อแล้วออกจากบ้านไปละ บอกตรงๆว่าอึ้ง ไม่เคยเจอเด็กกว่า(รุ่นลูก) ตะคอกใส่ขนาดนี้ เหลืออดขึ้นมาเลยตะคอกกลับอ้ะ

     

     

     

     

    “อ๊ากกก ตายๆ ดงโฮมันยิ่งอารมณ์ร้อนๆอยู่” ดูจุนเดินวนไปวนมา จีน่าก็ได้แต่นั่งเอามือบีบขมับ โอ้ยรู้สึกผิดจับใจ

     

     

    “ฉันว่านะ คืนนี้เราคงต้องปล่อยไปก่อนละ เพราะยังไงก็แจ้งคนหายไม่ได้อยู่ดี ยังไม่ครบ24ช.ม.” จีน่าดูมีสติที่สุด พยายามปลอบใจสามีที่เดินวนจนฝุ่นตลบบ้านแล้ว

     

     

    “มันก็ต้องอย่างนั้นสินะ อ๊าก แล้วถ้าพรุ่งนี้มันไม่กลับมาละ”

     

     

    “ลูกเราเคยอยู่ที่ลำบากได้เกิน2วันด้วยหรอ ขนาดไปเข้าค่ายยังลากลับก่อนเลย เพราะทนการเดินลุยโคลนไม่ได้น่ะ”

     

    โห ความรู้ใหม่ - -* เจ้าเด็กนี้เหลือเกินจริงๆ โอ๊ะอย่าว่าไปทั้งหมดตอนนี้ผมผิดอยู่ TT

     

     

     

     

    “ถ้าพรุ่งนี้หมอนั้นไม่กลับมา ผมจะออกไปตามหาเอง”

     

     

    มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว TT^TT….

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติ๊งต่อง

     

    คนตัวสูงใหญ่ผมบรอนด์ทองสลับแดง ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง วันนี้เค้ากะว่าจะมาถามเรื่องน้องชายของตัวเองที่อยู่ในความดูแลของด็อกเตอร์เจ้าของบ้านหลังนี้ เพราะตั้งแต่วันที่ฝันไม่ดี เค้าก็อยากจะมาถามเรื่องน้องชายเข้าใจจะขาดขอเพียงแค่คำตอบของด็อกเตอร์คือ น้องเค้าปลอดภัยดี..

     

     

    ประตูบานสูงถูกเปิดออก เผยให้เห็นหน้าด็อกเตอร์ที่เคยขอความช่วยเหลือเมื่อหลายปีก่อน

     

     

    ยงกุกยกยิ้มขึ้น พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้กังวล มันต้องไม่เหมือนในฝัน

     

     

    “จุนฮงทำภารกิจเสร็จยังครับ”

     

     

    ดูจุนเหมือนจะอึ้งๆปนตกใจเล็กน้อยที่เปิดมาเจอบุคคลที่เค้าเองก็ต้องการเจอตัวอยู่ และจู่ๆมาถึงก็ถามกันซะตรงนี้เลย ดู๋ปรับตัวไม่ทัน -0-

     

     

     

    “เห้ยยย ยงกุก นายออกมาจากกรมแล้วหรอ เข้ามานั่งในบ้านก่อนมาๆ”

     

     

    “ด็อกเตอร์ครับ ผมจริงจังนะ” น้ำเสียงของยงกุกเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อตอนนี้ด็อกเตอร์เริ่มเปลี่ยนเรื่องที่เค้าเพิ่งถามไป

     

     

    อย่างกับมีพิรุธ......

     

     

     

    “โอ่ยๆ เข้ามานั่งก่อนเถอะ ฉันก็จะคุยเรื่องน้องชายนายพอดี”

     

    ระหว่างที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน ด็อกเตอร์ก็เชิญให้ผมนั่งลงที่โซฟาและรีบเดินหายไปในครัว

     

    ผมมองซ้ายมองขวา บรรยายกาศเริ่มไม่ดี จู่ๆก็มีเสียงคนเดินลงมาจากบันไดชั้นบนคงเป็นดงโฮสินะ

     

     

    “ว่าไงดง..” ผมต้องหยุดเสียงตัวเองไว้แค่นั้นเมื่อคนที่ลงมาไม่ใช่ดงโฮแต่เป็นใครไม่รู้ หน้าคมเหมือนผู้หญิง ผมดำปัดม้าเอียงๆ ใส่หมวกไหมพรมดำๆ หน้าขาวๆนั้นค่อยๆเงยหน้ามามองผม



     (แบบนี้น้ะ อิ้อิ้)

     



     

    “นายเป็นใครน่ะ” เสียงแหบที่ดูไม่เข้ากับใบหน้าทักผมขึ้นมา เจ้าตัวยืนนิ่งอยู่ตรงตีนบันได

     

     

    “ฉันบังยงกุก ขอโทษทีเมื่อกี้นึกว่าเป็นดงโฮ” คนที่ยืนอยู่ค่อยๆตาโตขึ้น เหมือนอึ้งๆตะลึงๆอะไรสักอย่าง

     

     

    “มาแล้วยงกุก อ้ะ ฮิมชาน......มานี่สิ” ดูจุนที่เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟหันไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงตีนบันไดแล้วเรียกชื่อฮิมชาน? ชื่อฮิมชานหรอ

     

     

     

    “อ่ายงกุกอา นี้คิมฮิมชานนะคือรู้จักกันไว้ๆ” ดูจุนหันไปมองหน้าฮิมชานแล้วขยิบตาเล็กน้อย ให้ฮิมชานก่อนที่เจ้าตัวจะถลึงตาใส่แล้วรีบหันมามองหน้าผม โคตรจะมีพิรุธเลยวะ - -

     

     

     

     

    “เอ่อ นายคือพี่ชายเจลโล่ใช่มั้ย?” ฮิมชานเหมือนพยายามตั้งสติสักอย่างแล้วเอ่ยถามผม

     

     

    “นายรู้..?” ผมหันไปมองหน้าด็อกเตอร์เป็นเชิงให้อธิบายผมด่วน ไหนบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ห้ามคนอื่นรู้

     

     

    “เอ่อ ยงกุกอา ฟังอานะ คือฮิมชานเป็นเจ้านายของเจลโล่ที่เซ็นต์สัญญายอมรับไปเรียบร้อย”

    “แต่....”

     

     

    “แต่อะไรด็อกเตอร์!

    ทั้งฮิมชาน ทั้งด็อกเตอร์ต่างสะดุ้งด้วยกันทั้งคู่ เพราะเสียงตะหวาดของผมเมื่อกี้

     

     

    “คือใจเย็นนะ วันนั้นฉันไปมหาลัยแล้วเห็นเจลโล่อยู่กับเพื่อนที่ชื่อ ยองแจ หมอนั้นหลอกพวกเราว่าด็อกเตอร์ส่งมาเพื่อช่วยเจลโล่ทำภารกิจ แต่ที่ไหนได้....มันจับเจลโล่ไปแล้ว..”

     

     

    “ว่าไงนะ!! ยองแจหรอ!!

     

     

    “ใช่ เด็กนั้นบอกว่าตัวเองชื่อยองแจ”

     

     

     

    แปลกมาก ยองแจ ยองแจนายทำแบบนั้นได้ยังไง นายคือแฟนจุนฮงนะ นายจะทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นได้ยังไง

     

     

    “นายกุ่เรื่องขึ้นมาใช่มั้ยฮิมชาน!!

     

    ทีนี้ผมลุกขึ้นกระชากคอเสื้อคนหน้าสวยด้วยความที่สติหลุด น้องชายฉันหายเพราะแก!! แล้วยังจะมากุ่เรื่องยองแจขึ้นมาอีก ดูจุนรีบเข้ามาห้าม

     

     

    “เห้ยๆ ยงกุกคือใจเย็นๆนะ พวกเราไม่ได้นิ่งนอนใจสักนิด พวกเราตามหานายแล้วแต่ไปที่บ้านนายก็ไม่เจอ เลยคิดว่านายคงยังไม่ออกมาจากกรม นายใจเย็นนะ” ดูจุนรีบรัวคำพูดขึ้นมาแต่ตอนนี้ไม่เข้าหูผมหรอก

     

     

     

    “ฉันไม่เชื่อนายแน่ คิมฮิมชาน ยองแจจะทำแบบนั้นกับจุนฮงได้ไง ในเมื่อสองคนนั้นรักกันมาก่อน!!

     

     

    ฮิมชานที่ดูเหมือนจะอึ้งสะอึกไปเล็กน้อยกับประโยคสุดท้ายที่ผมตะคอกไป

     

     

    “ทำไม? มึงเป็นเมียน้องชายกูหรอ?”ผมเริ่มที่จะหลุดคำหยาบเมื่อร่างบางที่ผมดึงคกเสื้ออยู่ดูเหมือนช็อกกับเรื่องยองแจและจุนฮง

     

     

    “ไอบ้า มึงคิดอะไรของมึงห้ะ!” ฮิมชานเริ่มตะหวาดกลับด้วยคำหยาบเช่นกัน ตอนนี้เรา2คนไม่มีใครยอมใครเด็ดขาด

     

     

    “เห้ยยย พวกนายสองคนใจเย็นๆนะ อย่ามีเรื่องกันเลย” ดูจุนพยายามแกะมือของผมออกจากคอเสื้อฮิมชาน แต่ตอนนี้อามรณ์ผมมันกลับเดือดยิ่งกว่าอะไร มันเป็นคนทำน้องชายผมหายไป แล้วเหมือนมันไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย

     

     

    “มึงมานี่” ผมไม่ไหวกับความอดทนของตัวเองอีกแล้ว ตัดสินใจลากคอฮิมชานออกมาจากบ้านดูจุนก่อนจะเหวี่ยงคนในมือไปติดรถคันหรูของตัวเอง

     

     

    “มึงขึ้นไปเดี๋ยวนี้!!

     

     

    “นี้อะไรของมึงวะ! กูบอกแล้วว่าคนที่ชื่อยองแจนั้นที่เอาจุนฮงไป ยองแจ ยองแจจริงๆ กูไม่รู้เรื่องของสองคนนั้นมาก่อน แต่คนนั้นมันชื่อยองแจจริงๆ!!..”

     

     

    พลั่ก

     

     

    ปากมากนัก พูดมาก ไอคนเลวมึงยังมีหน้ามาพูดอีกใช่มั้ย ผมปล่อยหมัดหนักๆไปที่ใบหน้าสวยนั้นทีให้มันหยุดเห่า

     

    ฮิมชานค่อยๆหันกลับมามือบางเลือนไปจับที่มุมปากของตัวเอง

     

     

    หึ เลือดชั่วออกมาแล้วสินะ...

     

     

     

    “ขึ้นรถไปถ้ามึงไม่อยากตายตรงนี้” ผมเปิดประตูแล้วจับหมอนั้นยัดลงไป

     

     

     

    “นี้ยงกุก นายอย่าทำอะไรฮิมชานเลยนะ เจ้านั้นมันรักและดูแลน้องนายดีมาก เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ..”

     

     

     

    “ถ้าด็อกเตอร์ยังเข้าข้างไอนี่ ก็เลิกคุยกับผมเถอะครับ”

     

     

     

    ร่างสูงเดินไปฝั่งคนขับก่อนจะรีบขับรถออกไปโดยที่เอาฮิมชานไปด้วย

     

     

     

    “โอ้ยเวรแล้ว ฮิมชานเอ้ย กูจะบอกมึงว่าไอยงกุกเนี้ย อารมณ์มันร้อนกว่าลูกกูหลายเท่านะT^T





    เริ่มดุเดือดแล้วละ พอบังรู้ -0- ตอนนี้หลายคู่ก็สาบสูญไปเลยนะค่ะ 5555 จะพยายามเอ่ยถึงทุกคู่นะ ช่วยติดตามด้วยละกันจ้า ขอบคุณคนที่อ่านแล้วเม้นนะค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×