ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้าทำทุกอย่างเพื่อนาทีนี้ [TheKingdom]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่สาม แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 54


    บทที่สาม แรกพบ

     ไวน์จากอีลอสเพคะ ของกำนัลจากเจ้าชายคาโลลอส” นางกำนัลคนหนึ่งรินไวน์จากโถใส่แก้วคริสตัลถวาย ปากก็ถวายรายงานประวัติของไวน์สีแดงสดในแก้ว

     ไวน์จากคาลหรือ ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันก็นานแล้ว” องค์หญิงอาซาเลียทรงพยักพระพักตร์หงึกหงัก สรวลน้อยๆเมื่อทอดพระเนตรของเหลวในแก้วใสแจ๋ว

     สนิทกันหรอครับ” ภาคย์ศิราทูลถามเจ้าหญิงอย่างแปลกใจกับชื่อที่พระนางรับสั่งถึงเจ้าชายเมืองอีลอส

    เขาจ้องพระนางตาอย่างสงสัย นั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งขนาดใหญ่ตัวเดียวกับเจ้าหญิงผู้กำลังเอนองค์พิงพระเขนยอิงอยู่ ขั้นกลางด้วยสำรับเครื่องเสวยนานาชนิด กับแก้วไวน์จากอีลอสที่นางกำนัลนำมาถวายตั้งแต่พระกระยาหารมื้อแรกของวัน

     ใช่ คาลกับข้าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน ร่ำเรียนด้วยกันมาเป็นสิบปี เขาเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งอีลอส ประเทศพันธมิตรของเรา” ประทานอธิบาย พลางยกไวน์จากพระสหายขึ้นจิบ

     ถึงจะเป็นไวน์จากเพื่อนสนิทก็เถอะ ผมว่าคุณดื่มไวน์มากไปแล้วนะ” เขาค่อนขอด พร้อมกับมองค้อนท่านเจ้าหญิงไปด้วย

    กินมันได้ตลอดเวลา ไอ้ไวน์เนี่ย เพราะเมารึเปล่าถึงคิดพิเรนท์ลักพาตัวเขามาน่ะ

     ก็ข้าชอบของข้านี่ เจ้าอย่ามายุ่งหน่อยเลย ว่าแต่เจ้าเถอะ...ภาคย์ศิรา แต่งตัวแบบนี้...น่ารักดีนะ” องค์หญิงชักสีพระพักตร์เล็กน้อย ก่อนจะหรี่พระเนตรมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แล้วแสยะริมโอษฐ์อย่างถูกพระทัย ดวงพระเนตรวาวับเจ้าเล่ห์ ผินพระพักตร์ไปตรัสกับนางกำนัลที่เป็นคนแต่งตัวให้ภาคย์ศิรา “ดีมาก เพจ แต่งแบบนี้ใช้ได้เลย”

    ภาคย์ศิราถลึงตามององค์หญิงอย่างหงุดหงิด หลังจากเมื่อคืนทรงยืนยันกับเขาว่ายังไงเขาก็ต้องทำใจอยู่ที่นี่ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปี พระองค์ก็จัดให้เขานอนที่ห้องข้างๆห้องบรรทม ภาคย์ศิรานอนคิดทั้งคืนแล้วก็ปลงตก ทำใจว่ายังไงๆเขาก็คงต้องพยายามอยู่ที่นี่ให้รอด เวลาหนึ่งปีที่มีเขาคงจะเกลี้ยกล่อมให้องค์หญิงยอมปล่อยเขากลับได้ล่ะน่า

    แล้วพอเช้าต่อมา อยู่ๆนางกำลังสองคนก็เข้าจับเขาแต่งตัว!! ให้ตายเถอะ!! แถมเป็นการบังคับกดขี่ข่มเหงกันที่สุดเสียด้วย พวกนางจับเขาแก้ผ้าแล้วก็ใส่ชุดใหม่ให้โดยที่เขาไม่มีโอกาสขัดขืนเลย และส่วนที่แย่ที่สุดก็คือ ตอนเช้า!! ผู้ชายน่ะตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่กำลังตื่นตัว!! ตื่นตัว!! ย้ำว่า ตื่นตัว!!! เขาถูกผู้หญิงสองคนจับแต่งตัวในขณะที่ลูกชายกำลังปึ๋งปั๋ง!!! กรรม!! เขาอายแทบจะมุดแผ่นดินหนี!

    แถมเขายังถูกจับใส่กระโปรง!! กระโปรง!!! นึกถึงชุดกระโปรงแขนกุดที่มีเข็มขัดรัดตรงเอวแบบกรีกโบราณ!!  เขาเข้าใจว่าที่นี่ลมออกจะแรง แล้วให้เขาใส่กระโปรงสั้นผ้าบางแบบนี้!! ลมพัดมาทีได้ฟ้าผ่าแน่!!! ถึงจะมีเหมือนผ้าเตี่ยงไว้ข้างในอีกชั้นก็เถอะ แต่ก็เสี่ยงอยู่ดี! แถมด้วยเครื่องประดับหรูหราระยิบระยับ ทั้งรัดเกล้า ทั้งสร้อยคอ กำไล แหวน กำไลข้อเท้า!! เยอะซะจนเขาหนักเลย!!

    กรรม!!

     ฮะๆๆ อย่ามองข้าเช่นนั้นซี่ ข้าจะถูกค้อนทับตายอยู่แล้ว ฮึๆๆ”

    ดีสิ!! ถ้าค้อนแล้วฆ่าคนได้ เขาจะนั่งถลึงค้อนทั้งวันเลย!!

     “เอาเถอะ รีบๆกินให้อิ่มเร็วๆ ข้าจะพาเจ้าไปชมเมือง ขืนเจ้าช้าล่ะก็ แทนที่ข้าจะได้ไปกับเจ้า คงมีใครเอางานมาโยนให้ข้าทำอีก” ท่านเจ้าหญิงตรัสปนสรวล ดวงพระเนตรสีเหลืองทองเป็นประกายวับๆ

     ชมเมือง!” ภาคย์ศิราเองก็เห็นดวงพระเนตรวับๆอย่างไม่น่าไว้ใจของพระองค์หญิงเช่นกัน แต่พอได้ยินคำว่าชมเมืองเท่านั้นแหละ ก็ลืมที่เอะใจไปเสียหมด

    หลังจากปลงกับการต้องใช้ชีวิตอยู่ในมิติพิศวงนี่แล้วได้ออกไปเที่ยวคงคลายเคลียดดีเหมือนกัน

     “ข้าอยู่ในฐานะเจ้าบ้าน มีแขกมาทั้งที จะปล่อยให้อุดอู้อยู่แต่ในวังก็กระไรอยู่” พระองค์หญิงทำเสียงหวานหยาดเยิ้ม หวานพอกับรอยแย้มพระสรวล เพราะทรงรู้ดีว่าพระเนตรวิบวับของพระองค์น่าสงสัยอย่างปิดไม่มิด จึงใช้ยิ้มหวานๆกับน้ำเสียงเย้ายวนไปกลบเกลื่อนแทน ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างมากเมื่อมีพระสิริโฉมงดงามเพียงนี้

    ภาคย์ศิราสะบัดหน้าให้หายมึนกับเสียงหวานๆของพระองค์หญิง กลับไปตื่นเต้นกับกำหนดการในวันนี้อีกครั้ง ชายหนุ่มรีบกวาดเอาอาหารใส่ปากอย่างรวดเร็ว ด้วยอยากจะออกไปชมเมืองเต็มแก่

     ช้าๆก็ได้ ข้าสัญญาจะพาเจ้าไปแล้ว ก็ไม่ผิดสัญญาหรอก” ด้วยทรงกลัวว่าชายหนุ่มจะสำลักอาหารตายเสียก่อน เสียงหวานๆจึงดังขึ้น พอจะชะลอความเร็วของภาคย์ศิราลงได้หน่อยหนึ่ง

     เจ้าหญิงอาซาเลียพระพุทธเจ้าค่ะ เมื่อครู่กระหม่อนได้ยินสัญญาแปลกๆหลุดออกจากพระโอษฐ์ ไม่ทราบว่าทรงลืมกำหนดการในวันนี้แล้วหรือไร” เสียงเยือกเย็นดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงหนาวเยือกถึงขั้นติดลบหลายสิบองศาทำเอาภาคย์ศิราสำลักขนมปังไปเรียบร้อย ในขณะที่เจ้าหญิงอาซาเลียก็ไอคอกแค่กด้วยอาการสำลักไวน์กระทันหัน

     อรุณสวัสดิ์ วิลิโอ...เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนเช่นไร ข้าไม่ลืมกำหนดการของวันนี้หรอก เจ้าเอาอะไรมาพูด” เจ้าหญิงคนงามผินพระพักตร์ไปประทานรอยแย้มสรวลหวานให้ผู้มาใหม่ หลังจากปาดไวน์ออกจากมุมโอษฐ์แล้ว เหงื่อยเม็ดโตผุดเต็มดวงพักตร์ด้วยเกรงเขาจะรู้ว่าพระนางดำริอะไร

     แน่หรือพระพุทธเจ้าค่ะ ทั้งกำหนดการเจรจาการค้าทองคำกับไมนอส กำหนดการเจรจากับอีลอส กำหนดการต้อนรับคณะฑูตจากโทเปีย กำหนดการประชุมหน่วยข่าวกรองประจำสัปดาห์ด้วยนะพระพุทธเจ้าค่ะ พระองค์แน่พระทัยหรือว่าไม่ทรงหลงลืมไป” เสียงเย็นๆสำทับมาอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำเงินจ้องเขม็งมาที่ท่านเจ้าหญิงที่พยายามประทานพระสรวลหวานให้เขาเต็มที่

     ข้าแน่ใจว่าไม่หลงลืมไป วิลิโอ ข้าจำได้ ทั้งเรื่องที่ทางไมนอสเจราจาขอให้เรานำเข้าทองคำจากเขามากขึ้น แล้วก็เรื่องที่เราขอความช่วยเหลือด้านเวทมนตร์กับอีลอส ส่วนราชฑูตจากโทเปียน่ะ ข้ายังจำได้เลยว่าหัวหน้าคณะฑูตชื่อ บีแอม” ตรัสตอบ ยังคงพยายามแย้มโอษฐ์หวานเอาใจคนตรงหน้า ทรงยืนยันว่าตนจำแม่น

    แต่องค์มีภาระกิจอื่นต้องทำ ซึ่งสำคัญกว่าการเจรจากับทูตคนนั้นคนนี้เยอะ เพราะงั้นจะเลื่อนการเจรจาไปสักสองสามชั่วโมงมันจะเสียหายอะไรเล่า!

     เช่นนั้น เหตุใดองค์หญิงยังประทับอยู่ที่นี่เล่าพระพุทธเจ้าค่ะ อาทิตย์ขึ้นสูงอีกเพียงนิด ก็จะถึงนัดหมายกับฑูตจากไมนอสแล้วนะพระพุทธเจ้าค่ะ ทรงเร่งออกเดินทางได้แล้วกระมังพระองค์” เสียงเย็นๆทูลเกล้า พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่เย็นเยือก ทำเอาภาคย์ศิรากินข้าวไม่ลงขึ้นมาทันที

    ผู้ชายคนนี้...น่ากลัว!!!

     “วิลิโอ ข้ามีธุระที่อื่น เจ้าก็รู้” เสียงหวานๆที่เจ้าตัวชอบใช้ยั่วเย้าเปลี่ยนเป็นเสียงเรียบๆจริงจังเมื่อต้องการส่งความหมายนัยๆไปในสุรเสียง

     “ภารกิจในวันนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้พระพุทธเจ้าค่ะ หากองค์หญิงมีพระราชกิจส่วนพระองค์ หม่อนฉันคิดว่าเสด็จไปทีหลังดีกว่า” วิลิโอกราบทูลนิ่งๆเหมือนเคย นิ่งจนพระองค์หญิงเองก็ปลงกับคนหน้าเดียวอย่างเขาแล้ว

     เข้าใจแล้ว วิลิโอ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ขอบใจสำหรับผ้าคลุม” เจ้าหญิงจำเป็นต้องตอบรับ และดำเนินไปหาคนสนิทด้วยสีพระพักตร์ปลงๆ ทรงเอื้อมพระกรไปรับผ้าคลุมสีเลือดนกปักดิ้นทองเป็นรูปพญาราชสีห์

    ทรงตวัดผ้าคลุมให้ปกปิดวรองค์งดงามในชุดผ้าเนื้อบางสีขาวยาวกรุยกราย กระทั่งวิลิโอเริ่มเดินนำออกไปนั่นแหละ เจ้าหญิงจึงได้มีโอกาสผินพระพักตร์ไปตรัสทิ้งท้ายกับภาคย์ศิรา

     ข้าคงต้องไปทำงานสักสองสามชิ้นก่อน แต่สัญญาของเรา ข้ายังคงรักษา รอข้าหน่อย ภาคย์ศิรา พร่างพราวระยับกุล”

     ตรัสเช่นนั้นแล้วก็เสด็จออกจากวังไป ภาคย์ศิรามองตามจนรถม้าพระที่นั่งหายไปจากสายตา จึงหันไปพูดกับนางกำนัล “คุณนางกำนัลครับ ชื่อเพจใช่มั้ยฮะ ป่ะ ไปเที่ยวกันเถอะ!

     

     อีลอสเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ตั้งอยู่ใจกลางโดยมีแผ่นมหาทวีปทั้งสามล้อมรอบ เมืองหลวงชื่ออัลฟาค่ะ ว่ากันว่าเป็นประเทศแห่งมนตรา เป็นประเทศเล็กๆที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลจากการส่งออกสินค้าศักดิ์สิทธิ์ ไว้ข้าจะเปิดแผนที่ให้ดูนะคะ” นางกำนัลสาวสวยนามว่า เพจ อธิบายถึงประเทศอีลอส เมื่อพาเขาเดินมาหยุดชมร้านขายข้าวของเครื่องใช้จากอีลอส ซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของลวดลายงดงามมากมาย

     ทำไมมีแต่สีดำ” ภาคย์ศิราว่า จ้องมองดูถ้วยโถโอชามสีดำสนิทที่มีลวดลายสีทองซึ่งทั้งอ่อนช้อยงดงามและศักดิ์สิทธิ์

     สำหรับอีลอส สีดำถือเป็นสีนำโชคเชียวนะคะ เป็นสีที่แสดงถึงความเป็นที่สุดค่ะ” เพจเอ่ยถาม อมยิ้มกับความน่ารักน่าเอ็นดูของใบหน้าอ่อนกว่าวัยที่กำลังยิ้มร่าเริง

    ภาคย์ศิราเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งค่อนไปทางผอม ผิวสีขาวนวลเหมือนงาช้าง ผมรากไทรสีดำสนิท คิ้วเรียวได้รูป ตาชั้นเดียวแต่กลมโตสีดำ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางเฉียบ ดูรวมๆแล้วเป็นหนุ่มน้อยที่หน้าตาโดดเด่นเลยทีเดียว

    น่ารักจริงๆเชียว นางจะห้ามใจอยู่ไหมเนี่ย!

    ตลาดที่นางกำนัลสาวสวยพาภาคย์ศิรามาเยือนนั้นตั้งอยู่ชานเมืองไม่ไกลจากวังของเจ้าหญิงอาซาเลียนัก และเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำซัน ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญสายใหญ่ที่ไหลผ่านเมืองหลวงโซโซ แห่งอาณาจักรทีอาแห่งนี้ จะมีเรือสินค้าแล่นเข้ามาขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือ ซึ่งก็จะส่งต่อสินค้ามาที่ตลาดนี้อีกที

    เพจบอกว่าตลาดนี้เป็นตลาดขายส่ง ชาวเมืองไม่ค่อยจะมากัน จะมีพ่อค้าจากในเมืองมาซื้อสินค้าไปขายต่อเสียมากกว่า แต่พระองค์หญิงเสด็จมาบ่อย เพราะตลาดแห่งนี้เป็นที่ศูนย์รวมของพ่อค้าชาวต่างชาติที่ที่เดินทางมีกับเรือสินค้า และด้วยเจ้าหญิงรับผิดชอบงานการต่างประเทศ จึงมีพระสหายและเส้นสายเป็นพ่อค้าวานิชจำนวนมาก  

    นึกถึงพระองค์หญิงแล้วแล้วภาคย์ศิราก็ทอดถอนใจ วันนี้ในโซโซแดดและลมแรงไม่ผิดจากเมื่อวาน แต่ฉลองพระองค์ขององค์หญิงกลับเป็นผ้าเนื้อบางสีขาว ยาวกรุยกรายวับๆแวมๆวาบหวิวเปิดเนื้อหนังจนทำเอาภาคย์ศิราตาพร่าไปหลายรอบ นี่เขาไม่กล้านึกตอนองค์หญิงเสด็จออกกลางแจ้งและเจอกับลมแรงๆแบบนี้เลย ผ้าบางเป็นผ้ามุ้งแบบนั้นมีหวังเห็นไปถึงไหนต่อไหน เขาออกมาก็เห็นนะว่าการแต่งตัวของชาวเมืองที่นี่นิยมผ้าบางๆใส่สบาย แต่เขาก็ไม่เห็นใครจะแต่งตัวโป๊เหมือนพระองค์หญิงเลยสักคน!

     “ตายแล้ว! นั่นครอคัสนี่นา” อยู่ๆเพจก็ร้องอุทานขึ้นเบาๆเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นม้าสองสามตัวควบเข้ามาในตลาด

    ภาคย์ศิราเองก็หันไปมอง เห็นชายฉกรรจ์สามคนควบม้าเข้ามา สองคนแต่งกายอย่างทหาร ที่บั้นเอวมีดาบคาดอยู่กับเข็มขัด ที่ด้ามดาบประดับอัญมณีเม็ดโตจนภาคย์ศิราสะดุดตา ส่วนชายอีกใช้ผ้าคลุมปกปิดทั้งร่างมิดชิดจนมองเห็นไม่ชัด

     “ใครหรือครับ” ภาคย์ศิราเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ

     “พวกครอคัสค่ะ สวามีขององค์หญิงฟทอเชียส พระขนิษฐาขององค์หญิงอาซาเลียไงคะ” เพจอธิบายก่อนจะฉุดภาคย์ศิราให้เข้าไปหลบอยู่ในร้านขายของร้านหนึ่งอย่างรีบเร่ง

     “อ๋อ คนนี้นี่เอง” ภาคย์ศิราจำได้ว่าพระองค์หญิงเคยตรัสกถึงสวามีของพระขนิษฐา เขารับรู้ได้ว่านายครอคัสกับพระองค์หญิงไม่ลงรอยกันนัก “แล้วคุณเพจรู้ได้ไงครับเนี่ย คลุมผ้าแบบนั้นไม่เห็นหน้าซะหน่อย”

     “แหวนค่ะ เห็นแหวนที่มือเขามั้ยคะ นั่นคือแหวนประจำตัวครอคัสค่ะ”

    ภาคย์ศิรามองไปที่ชายในผ้าคลุมซึ่งบัดนี้กำลังเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า เห็นแหวนที่มีอัญมณีสีเขียวเม็ดโตอยู่ที่มือซึ่งโผล่พ้นผ้าคลุม พลางคิดว่า เพจนี่ช่างสังเกตจริงๆ

     “แล้วทำไมเราต้องหลบด้วยล่ะครับ” ถามอย่างสงสัย ถึงนายนั่นจะไม่ถูกกับองค์หญิง แต่ถึงกับต้องรีบหลบขนาดนี้ก็กระไรอยู่

     “ก็พวกครอคัสทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้คงไม่อยากให้ใครเห็นแน่ แล้วถ้าเขาเห็นว่าเราที่เป็นคนของพระองค์หญิงอาซาเลียเห็นเขาเข้านะคะ มีหวังแย่แน่” เพจกระซิบกระซาบ ขณะแอบมองชายในผ้าคลุมกับทหารคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านขายของ ทิ้งทหารอีกคนให้เฝ้าม้าไว้

     “เรารีบไปกันเถอะค่ะ”

    ว่าจบเพจก็จูงมือภาคย์ศิราออกจากตลาดเงียบๆ

     “อ้าว!!! เพจ มากับใครน่ะ”

    เพจสะดุ้งโหยง เมื่อตอนกำลังจะก้าวออกจากบริเวณตลาด อยู่ๆพ่อค้าวานิชชาววอร์เลียที่กำลังควบคุมคนงานให้ขนของเข้าไปในร้านก็ร้องทักขึ้นเสียงดัง เขาเป็นพ่อค้าต่างชาติที่สนิทสนมกับองค์หญิง จึงจำหน้าเพจได้ เพราะนางตามเสด็จเป็นประจำ

     “คราซิส” เพจทักตอบเบาๆด้วยเสียงลอดไรฟัน ขณะที่ภาคย์ศิราแอบเหลือบตาไปมองนายทหารของครอคัสที่เฝ้าม้าอยู่ แต่ทหารคนนั้นหายไปแล้ว เพจเองก็คงจะเห็นเหมือนกัน นางกำนัลสาวถึงกับหน้าซีดลงทันที

     “นี่ๆ ไวน์ล็อตใหม่พึ่งมาถึงแน่ะ ข้าเตรียมที่เจ้าหญิงสั่งไว้ให้แล้วด้วยนะ เจ้าเอาคนมาขนไปได้เลย” พ่อค้าไวน์ร้องบอกอย่างร่าเริง เป็นที่รู้กันว่าองค์หญิงอาซาเลียโปรดไวน์มาก พระองค์จึงเป็นลูกค้าขาประจำของพ่อค้าไวน์อย่างเขาเลยทีเดียว

     “เดี๋ยวข้าส่งคนที่วังมาขนแล้วกันนะ ตอนนี้ข้ารีบ ไปก่อนล่ะ” เพจจบการสนทนาอย่างรีบเร่งแล้วแทบจะลากภาคย์ศิราออกจากบริเวณตลาดทันที

     “เรื่องถูกพวกนั้นเห็นน่ะ อันตรายขนาดนั้นเลยหรอครับ” ภาคย์ศิราอดถามไม่ได้เมื่อนางกำนัลสาวแทบจะพาเขาวิ่งกลับวัง

     “สุดๆเลยค่.....ว๊าย!!!” ยังตอบประโยคไม่ทันจบ ทั้งภาคย์ศิราและเพจก็สะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาอีกที ชายสามคนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

    ขนาดภาคย์ศิราที่ยังไม่รู้สถานการ์ขณะนี้ดี แต่พอเห็นหน้าตาทหารสองคนนั่นและความมาคุของชายในผ้าคลุมแล้ว ภาคย์ศิราก็เริ่มจะร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียแล้ว

     “นางกำนัลวังพระองค์หญิงอาซาเลีย  มาทำอะไรที่นี่” นายทหารหนึ่งในสองนายถามเสียงเย็นๆ

    เพจก้าวถอยออกมา พลางออกแรงฉุดแขนให้ภาคย์ศิราถอยมายืนข้างหลังตนเอง แต่ชายหนุ่มก็ขืนตัวไว้ เขาเองถึงจะไม่ใช่ผู้ชายแข็งแรงล่ำสัน แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะยอมหลบอยู่หลังผู้หญิงเมื่อถูกคนน่าสงสัยคุกคามหรอก ภาคย์ศิราขยับมายืนบังหน้าเพจแล้วกางแขนปกป้องโดยสัญชาติญาณ พลางหันไปกระซิบกับเพจ

     “ทำไมเขาจำหน้าเธอได้”

     “ในวังท่านอาซาเลีย มีนางกำนัลแค่สองคนค่ะ  ใครๆก็จำหน้าพวกเราคนใกล้ชิดพระองค์หญิงได้” เพจตอบเสียงสั่นๆ

     “เจ้าเป็นใคร” ทหารคนเดิมถาม ชักดาบที่ด้ามประดับอัญมณีสีขาวที่มีลวดลายเป็นวงๆเหมือนเกล็ดงู ภาคย์ศิราเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอัญมณีอะไรกันแน่ แต่เขาไม่ได้สนใจด้ามดาบเท่าไหร่ คมดาบต่างหากที่เขาสนใจ ให้ตายเถอะ เขาสาบานว่าดาบนี่ดูใหญ่กว่าตอนที่เห็นไกลๆเยอะเลย

     “เรามาซื้อของเท่านั้น” เพจร้องบอก นางจะให้พวกนี้รู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่าภาคย์ศิราเป็นคนที่ท่านอาซาเลียคาดหวังไว้แค่ไหน ถ้าพวกนี้รู้ มีหวังพวกนางไม่รอดแน่

     “โกหก องค์หญิงส่งพวกเจ้ามาจับตาดูท่านครอคัสใช่หรือไม่! พวกเจ้ากำลังกลับไปรายงานใช่มั้ย” ทหารคนเดิมตวาด จ่อดาบมาทางภาคย์ศิราซึ่งถอยออกไปอีกสองสามก้าว

     “ไม่ใช่นะ!! ไม่ใช่เลย พ...พวกเรามาซื้อของเท่านั้น ไวน์น่ะ ไวน์!! คราซิสพึ่งเอาไวน์ล็อตใหม่มาขาย ข้ามาซื้อเข้าวังเท่านั้นจริงๆ ข้าพึ่งเห็นท่านนี่แหละ ไม่ได้มาแอบดูอะไรทั้งนั้น” เพจพยายามอธิบาย

     “ท่านครอคัส พวกมันเห็นท่านเข้าไปในร้าน” ทหารอีกคนบอกกับชายในผ้าคลุม ภาคย์ศิราเหลือบมองทหารอีกคนไวๆจึงเห็นว่าที่จริงแล้วทหารสองนายนี้มีใบหน้าเหมือนกันเป๊ะ อาจจะเป็นฝาแฝด เพียงแต่คนที่ยืนอยู่กับชายในผ้าคลุมมีผมสีทองยาวถึงกลางหลัง ส่วนคนที่จ่อดาบใส่หน้าเขาอยู่มีผมสีน้ำตาลสั้นเกรียน

     “ฆ่าพวกมันซะ อย่าให้เหลือซากทิ้งไว้ โดยเฉพาะนางกำนัล”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×