คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : >>>มันเกิดอะไรขึ้น?
หลังจากทริปลัลล้าสุดแสนจะน่าประทับใจได้สิ้นสุดลง คังอินและอีทึกก็เก็บเสื้อผ้าและข้าวของต่างๆนาๆใส่รถกลับบ้านกัน ความทรงจำดีๆบวกกับทะเลแสนสวย และเหตุการณ์อันน่าประทับใจไม่มีวันลืมทำเอาอีทึกยิ้มแก้มแตกตลอดวัน คังอินเองก็แอบสงสัย ก็รู้ว่าร่างบางนั้นถูกใจที่ได้เอาคืนแต่มันก็ออกจะมากไปหน่อย ถ้าพี่ท่านไม่เปิดเพลงตอกย้ำในรถตลอดการเดินทางขนาดนี้?
‘ใครไม่เกี่ยวก็ถอยปาย ยยย..คนไม่มีผัวก็ถอยปาย ยย อย่ามาวอแว เจ๊าะแจะ ได้ม๊าย ยย~ ก็เธอม่ายช้าย ยย ก็ชั้นสิช่าย ย!! ใครไม่เกี่ยวก็ถอยปาย ย ถอยปายๆ ไปๆๆ ลงนรกซะปาย ย’
:: ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป เวอร์ชั่น คังทึก ฮี่ๆๆๆ
คังอินเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่เปิดในรถแล้วก็บวกกับเสียงที่อีทึกร้องคลอนั้น ฟังไปฟังมาเสียวสันหลังอยู่เหมือนกัน แถมสายตาที่จิกกัดเป็นระยะก็เหน็บมาด้วยตามเนื้อร้อง ก่อนที่จะขนลุกวาบไปมากกว่านี้ สายตาคมก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาซึ่งมันก็เที่ยงวันพอดี
“ทึกจ๋า ..กลางวันนี้ทานไรกันดีครับ”
“อืม มม...กินอะไรก็ได้อ่ะ เจอร้านไหนก็เข้าเลย” อีทึกตอบแบบอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เข้าขั้นว่าดีเกินปกติ ปากก็ยังคงฮัมเพลงที่เปิดซ้ำๆตั้งแต่ออกจากโรงแรมมาไม่ได้หยุด คังอินก็ได้แต่ยิ้มปุเลี่ยนๆกับอาการของอีทึก แต่ก็ เห้อ.. เมียพอใจอะไรก็อย่าไปขัด เดี๋ยวจะโดน!!
รถคันหรูสีดำ เลี้ยวเข้าจอดข้างทางเมื่อเจอร้านสเต็กน่ารักๆร้านหนึ่ง ร้านสเต็กที่เต็มไปด้วยสีขาวตัดแดงแบบที่อีทึกชอบ ความคลาสสิคและดูร้อนแรงเงียบๆสไตล์ตะวันตกยุคกลางนั้น ดึงดูดให้ขาเพรียวเดินเข้าไปในทันทีอย่างไม่รีรอ
“สวัสดีค่ะ เดอะสเต็กยินดีต้อนรับค่ะ มากี่ท่านคะ”
“2 ครับ” คังอินตอบพนักงานบริการด้วยความสุภาพ
“อุ๊ย..นึกว่ามาคนเดียวซะอีก” เธอพูดออกมาเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มสื่อความหมายมาให้ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกแดงแปร๊ดกัดปากยั่วยวน มันก็อาจจะดูดีสำหรับผู้ชายคนอื่นล่ะนะ เพียงแต่ว่านี่ไม่ใช่สำหรับคังอิน!!
“คังง งง...ยืนทำไรอยู่ มานั่งเร็ว มัวไปยืนแผ่เมตตาให้สัมภเวสีอยู่นั่นล่ะ” อีทึกตะโกนร้องเรียกคังอินให้มานั่งที่โต๊ะด้วยกัน รอยยิ้มแบบแปลกๆที่อีทึกส่งมานั้น ทำเอาคังอินกลัวอยู่ไม่น้อย
....วันนี้มาแปลกแหะ ไม่หงุดหงิด ไม่อาละวาดเหมือนทุกที ช่างเหอะ กินดีกว่า
‘เมียอารมณ์ดีนับว่าเป็นโชค แต่ถ้าโดนเมียโบก นั่นล่ะมหาซวย!!!’...
ทั้งคู่สั่งอาหารมาคนละจานก่อนจะนั่งพูดคุยกันอย่างออกรส ท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่น่านั่งและรสชาติอาหารที่เข้าขั้นดีมาก ทุกอย่างเกือบจะเพอร์เฟกต์ถ้าไม่มีพนักงานคนนั้นมาคอยเสิร์ฟเติมน้ำให้ทุกสามนาที ชนิดที่ว่าไม่ทันได้ดื่ม กูก็เติม!!
“เติมน้ำให้นะคะ” หล่อนพยายามก้มลงจนหัวแทบจะโขกโต๊ะ กระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวร่นลงจนเห็นเนินอกอิ่ม อีทึกได้แต่ส่ายหน้าระอาให้แก่ความพยายามของหญิงสาวผู้โง่เขลา
.....เฮ้อ ออ...มีผัวหล่อ ต้องทำใจ ไปที่ไหน ชะนีจ้องงาบ!!!
คังอินเองก็แสนจะหวาดเสียว เรื่องราวหึงหวงเพิ่งจะเคลียร์กันไปด้วยดีเมื่อวานแท้ๆ ถ้าหากการเดินทางกลับจะต้องมามีปัญหากันอีก งานนี้จากชื่อทริปลัลล้า คงได้เปลี่ยนเป็น ทริปหึงโหด!
แต่ทว่านับเป็นบุญของไอ้คัง เพราะนอกจากอีทึกจะไม่วีน เหวี่ยง ตบ ด่า กระชาก และเล่นงานหญิงสาวนางนั้นแล้ว ร่างบางกลับนิ่งเฉยแบบไม่รู้สึกรู้สา สุดท้ายแล้วคังอินจึงจัดการด้วยตัวเองเมื่อทนไม่ไหว ไปบอกผู้จัดการร้านซะเลย มายุ่งอยู่ได้ รำคาญ! คนจะกินข้าวกับเมียเว้ย!!!!
ร่างบางหัวเราะในลำคอเล็กน้อยอย่างพอใจ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือทำอะไรซะให้ยาก บอกแล้วของอย่างนี้น่ะ มันอยู่ที่กึ๋น ต่อให้ชะนีนางไหนเข้ามาใกล้ก็ไม่ได้แอ้มผัวฉันง่ายๆหรอกค่า
Rrrrrrr!
เสียงโทรศัพท์มือถือคังอินดังขึ้นระหว่างการทานอาหาร คังอินรับด้วยความรวดเร็ว สีหน้าที่แปลกออกไปเรียกความสงสัยให้ผุดขึ้นในสมองอีทึก ร่างสูงเดินหลบออกจากโต๊ะอาหาร บทสนทนาที่อีทึกพอได้ยินลางๆ ไม่สามารถบอกเขาได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมคังอินจึงมีอาการเช่นนั้น
อีทึกนั่งรอที่โต๊ะเหมือนเดิม คอระหงชะเง้อมองเป็นระยะเพราะคังอินคุยตั้งนานสองนานแล้วยังไม่กลับมาที่โต๊ะเสียที ผ่านไปสักพัก คังอินก็เดินกลับมาพร้อมกลับรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย แต่เขาก็พอจะสังเกตได้ว่ามันไม่เหมือนเคย!
“รอนานมั้ยครับ?” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยดัง ร่างสูงนั่งลงกับเก้าอี้ตามเดิม เสต็กบางส่วนที่ยังคงเหลืออยู่ในจานใบกว้างยังคงไม่ถูกแตะต้องจากร่างบาง ดวงตาหวานสวยสบตาคมเป็นเชิงถามถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีที่บ้านโทรมาน่ะ”
“หรอ..อืม” บรรยากาศอึมครึมแทรกกลางระหว่างคนทั้งสองขึ้นมาในทันใด ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร อึกอักกันสักพักก็ตัดสินใจกลับกันดีกว่า
รถคันหรูของคังอินขับไปเรื่อยๆด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าตอนแรก เสียงเพลงคลอเบาๆในรถซึ่งปราศจากเสียงหวานๆของร่างบางคลอตามนั้นยิ่งทำให้ความอึดอัดเข้ามาแทนที่ สถานการณ์ในตอนนี้มันช่างอึดอัดเสียจริง อีทึกเองก็ไม่กล้าถามถึงบทสนทนาในโทรศัพท์ ท่าทางของคังอินที่ดูจริงจังนั้นทำให้ร่างบางรู้สึกเกรงใจ เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญเกินกว่าเขาควรจะเข้าไปยุ่ง บางทีถ้ารอให้คังอินบอกเอง นั่นอาจจะดีกว่าก็เป็นได้....
“ทึกเดี๋ยวทึกขึ้นห้องก่อนเลยนะ คังมีธุระแปปนึง เดี๋ยวกลับมานะครับ” ประทับจูบนุ่มๆที่ริมฝีปากแผ่วเบาแล้วก็บึ่งรถออกไปในทันที ทิ้งให้อีทึกยืนงงอยู่หน้าคอนโดแบบนั้น
ถ้าถามว่าเขาไม่พอใจมั้ยที่คังอินทำแบบนี้ ก็คงต้องบอกว่า ไม่พอใจ! แต่การที่เราจะคบใครสักคนมันไม่ใช่การที่เราจะอยากรู้อะไรแล้วจะสั่งๆแล้วเขาจะบอกเราในทันที เพราะฉะนั้น เขาเองก็จะเชื่อเหมือนกัน เชื่อว่าเมื่อคังอินกลับมา เรื่องทั้งหมดเขาคงจะได้รับอธิบาย ไม่มากก็น้อย แต่ยังไงสิ่งที่คังอินกำลังเป็นอยู่คงไม่ใช่การหักหลังเขาอย่างแน่นอน
~KT. Love A Lot~
เสียงประตูคอนโดเปิดขึ้นกลางดึก กว่าร่างสูงจะกลับมาเวลาก็ล่วงเลยเข้าวันใหม่เสียแล้ว ไฟห้องนั่งเล่นเปิดสว่างโร่เมื่อคนที่ขึ้นมาก่อน กลับไม่ไปนอนในห้องดีๆ คาดว่าคงจะรอจนหลับนั่นแหละ
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกไปยังห้องนอน อีทึกในชุดนอนบางเบาพลิกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อหลังบางแนบกับพื้นเตียง
“เพิ่งกลับมาหรอ”
“อืม” ร่างสูงปลดกระดุมเสื้อตัวใหญ่แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆที่อีทึกรอฟัง แม้กระทั่งร่างสูงล้มตัวลงนอนอีกด้านของเตียงแล้ว ก็ยังคงมีเพียงความเงียบที่ครอบคลุมห้องกว้างให้โดดเดี่ยวและอ้างวางในห้วงความรู้สึกของคนทั้งสอง
..คนหนึ่งที่อยากเก็บไว้เป็นความลับเพื่อความสบายใจของคนรัก
..ส่วนอีกคนที่อยากรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาความเศร้าใจของคนข้างกาย
มันจะเจ็บปวดมากแค่ไหน ถ้าหากเราไม่รู้เลยว่า ระหว่างเราเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ความหมางเมินและความลับจะก่อตัวขึ้นช้าๆ จนกัดเซาะความรู้สึกดีๆในหลายๆวันที่ผ่านมา มันช่างเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ.......
.....นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?.....
เช้าวันต่อมาที่โรงเรียน อีทึกและคังอินไปโรงเรียนด้วยกันตามปกติ ที่จะไม่ปกติก็คงดีกรีความหวานที่ลดปริมาณเข้าขั้นติดลบ ชนิดว่าขมกว่ากาแฟเสียอีก สีหน้าท่าทางที่เมินเฉยแลดูตึงเครียดจากทั้งคู่ ทำให้คนที่มองมาแปลกใจไม่น้อย คังอินปลีกตัวไปห้องทะเบียนเพื่อทำธุระบางอย่าง บอกแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปทันที ทิ้งอีทึกให้เดินมาที่โต๊ะประจำกลุ่มคนเดียว อีทึกเองก็ได้แต่จนใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะถามก็ไม่กล้า จะวีนก็ไม่อยาก ความรู้สึกตอนนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าใครพยายามเข้ามาอ่อยคังอินเสียอีก
“เห้ย..เป็นไรวะ ทำหน้ายังกะคนขี้ไม่ออกอย่างงั้นแหละ” คิมฮีชอลหนึ่งในกลุ่มเพื่อนซี้เอ่ยขึ้น นิสัยแก่นแก้ว เซี้ยวซ่าส์และขาใหญ่ประจำปีสามนั่นเป็นจุดสนใจของใครต่อใครได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเพ่งมองมากนัก เพราะฮีชอลน่ะ แรงตัวแม่!!
“เออดิ ไหนไปฮันนีมูนมา ไม่มันส์หรอวะ ทำหน้าหงอยเหมือนหมาอดผสมพันธุ์เชียว” ลีฮงกิ เจ้าของสีผมสุดสว่างแสบตาเอ่ยขึ้น แต่สายตายังคงไม่ละไปจากขนมที่อยู่ตรงหน้า ส่วนโนมินวู หรือโรสก็เอาแต่ขำ อยู่ข้างๆฮีชอล
“พ่อมึงสิ..มันส์เว้ย!! อย่าให้เซด!! เอากันกี่ท่ากูไม่อยากจะฝอย แต่แม่ง...ช่างเหอะ เฮ้ออ...” อีทึกสบถใส่ดังลั่นเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนตัวดีทั้งสาม อยู่ดีๆน้ำเสียงก็ตัดไปเข้าโหมดเศร้าเสียจนเพื่อนตกใจ ร่างบางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเศษขนมก่อนจะนั่งลงที่นั่งที่เว้นไว้พอดี มือบางเท้าคางพลางทอดสายตาไปไกลลิบ อีทึกโหมดนี้ ทำทุกคนแปลกใจจนแทบตกเก้าอี้
“เห้ย ตกลงมึงเป็นไร?” ฮีชอลถามออกมาด้วยน้ำเสียงเครียด ปกติไอ้ทึกมันอารมณ์ดีจะตาย แล้วนี่เป็นไรวะเนี่ย?
“ไอ้ห่าคัง มันนอกใจมึงช่ะ? แม่งเลว #@%]o[$%@!” ฮงกิสบถด่าออกมาเป็นทางยาว
“พอเหอะ มึงพล่ามเยอะไปละ แดกขนมมึงไป เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” โรสที่นั่งอยู่ข้างๆเกิดอดรนทนไม่ไหวคว้าขนมไปยัดปากฮงกิเต็มแรง เสี้ยมจริงๆอีนี่!!
“ตกลง มันเกิดอะไรขึ้น? เล่ามาดิ!!”
“คือว่า.....” แล้วทั้งกลุ่มก็จับกลุ่มสุมหัวรีดไถเรื่องราวจากอีทึกสุดฤทธิ์ ชนิดที่ว่าไม่พลาดแม้แต่ช๊อตเดียว เรื่องราวต่างๆตั้งแต่วันแรกของทริปลัลล้าจวบจนเหตุการณ์ล่าสุดปัจจุบันทันด่วนพร่างพรูออกมาจากปากอีทึกจนหมดเปลือก
“สรุปพวกมึงเอากันทุกคืน!! กำจัดพวกเห็บหมาจนสิ้นซาก!! สวีวี๊วีจนหมดแรงคาระเบียง!! แล้วไหงสุดที่รักมึงถึงหมางเมินวะ? หรือว่ามึงหลวมแล้ว? โถ่ๆ เพื่อนกูน่าสงสารจริงๆ”
เป็นฮงกิเจ้าประจำที่พูดห่ามๆและวาจาชวนแสลงหู ประกอบกับคำถามที่ตรงโคตรจะตรงท่าทางตกอกตกใจพร้อมกับตาโตๆที่เบิกกว้างเสียจนน่าถีบ เจ้าตัวจึงโดนตีนมหัศจรรย์ของโรสเข้าไปเต็มแรง
พลั่ก กก!!!
“นั่นปากหรอมึง?..หยุดพูดเลยไป แดกๆไปเลยป่ะขนมมึงอ่ะ รสร.ฉิบหาย”
“อะไรวะ รสร.” คนโดนถีบเงยหน้ามาถามด้วยความงุนงง พลางคลำตูดตัวเองป้อยๆ
“ไร้สาระ!!!” จุกและเจ็บ!! นี่แหละ โรส!!
“ฮ่าๆ ๆๆ” ทั้งโรสและฮงกิหัวเราะเสียงดังลั่น เล่นกันประจำแหละ ไอ้กัดด้วยปากแล้วถากด้วยถีบเนี่ย ..ฮีชอลก็ได้แต่ส่ายหน้าระอาให้กับความปัญญาอ่อนติ๊งต๊องของสองเพื่อน ก่อนจะหันมาถามคนอมทุกข์ด้วยความเป็นห่วง
“กูว่า คังอินอาจจะมีปัญหากับที่บ้านก็ได้นะเว่ย” เป็นฮีชอลที่มีสติสตังค่อยข้างจะปกติที่สุดในบรรดาคนที่เหลือเอ่ยขึ้น มือบางแตะไหล่เพื่อนรักอย่างเห็นใจ
“เออว่ะก็จริงอย่างที่ฮีชอลพูดนะเว่ย มันอาจจะไม่กล้าบอกมึงก็ได้” โรสเอ่ยเสริมหลังจากหัวเราะกับฮงกิเสร็จแล้ว
“แล้วทำไมเขาต้องไม่กล้าบอกกูด้วยวะ?”
“กูว่าที่บ้านมันรับไม่ได้ที่ไอ้คังเอามึงทำเมียแหงๆ”
“กูบอกให้มึงหุบปากไง ไอ้อ้วน!!” โรสหันไปด่าฮงกิ
“ทำไมคะ น้องหล้า” แล้วฮงกิก็สวนกลับมาอีก ทั้งสองคนเลยเข้าฟัดกันไม่หยุด เจ้าแม่ประจำกลุ่มจึงปรี๊ดแตกแบบเหลืออด
“พวกมึงทั้งคู่อ่ะ หุบปากไปเลยไป!! หนวกหูฉิบหาย ปัญญาอ่อนกันอยู่ได้ ไม่เห็นรึไงว่าไอ้ทึกมันเครียดจะตายห่าแล้ว” เสียงตวาดสุดลั่นโลกหยุดการกระทำของสองเพื่อนชะงักลง อีทึกก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี ส่วนฮีชอลก็อยากช่วยเพื่อนจะแย่แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงเพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรสักอย่าง สงสัยคราวนี้ต้องให้การ์ดส่วนตัวไปทำงานซะหน่อยแระ ....
คังอินที่เดินหลบออกมาจากอีทึกด้วยข้ออ้างว่ามีธุระที่ห้องทะเบียน ขายาวเดินเตะพื้นดินผืนหญ้าอย่างหดหู่ สีหน้าอมทุกข์แผ่รังสีความเศร้าออกมาแต่ไกล หัวใจแกร่งกำลังเศร้าสลดถึงขีดสุด เรื่องที่รับรู้มามันเกินกว่าที่เขาจะรับไหว ถ้อยคำที่บิดาบังเกิดเกล้าตอกย้ำใส่ในหัวยังคงวนเวียนทำร้ายอยู่อย่างกับเงาตามตัว ร่างสูงเดินไปที่ประจำกลุ่มเรื่อยๆ หลังจากนัดแนะกับซีวอนและเพื่อนในกลุ่มเรียบร้อยแล้ว
“ไงไอ้คุณคัง มึงมาเช้าเชียวนะครับวันนี้ ฮันนีมูนกับเมียมึงเป็นไงมั่งครับ สุดเหวี่ยงล่ะสิ” น้ำเสียงเย้าๆดังขึ้นจากคนข้างๆพร้อมกับแขนแกร่งที่พาดมาได้ไม่เกรงใจคังอินเลยสักนิด คนอย่าง เจย์คิมน่ะหรือ ทั้งห่าม ทั้งเหี้ย ทั้งเหี้ยม ตระกูลห. เลยล่ะ
“ไอ้เจย์มึงก็พูดไป จุ๊ๆๆ ไม่สุภาพเลยนะครับ อย่างคุณคังอินน่ะเค้าพูดครับตลอด มึงไม่เห็นหรอกับคุณเมียนี่แทบจะใช้ราชาศัพท์ ฮ่าๆๆๆๆ” นี่ก็อีกคน ฝาแฝดเจย์คิม คิมจองโม ปากหมาก็ที่หนึ่ง กวนตีนก็ที่หนึ่ง ชอบแกล้งชาวบ้านก็ที่หนึ่ง เอาเข้าไปสิ กลุ่มนี้มีแต่พวกอะไร
“ถุย..ไอ้แฝด มึงก็พอกันแหละ แอ๊บไม่ขึ้นหรอกพวกมึงนะ ตระกูลกลัวเมียน่ะ อย่ามาปากดี” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เจ้าของฉายาคุณชายแหวกทางทั้งเจย์และจองโมออก เพื่อมาคุยกับคังอินที่ทำหน้าอย่างกับหมีขาดน้ำผึ้ง
“โห่ว ไรแว๊...มึงอย่าเสียงดังดิ เดี๋ยวเด็กกูรู้!” เจย์คิมพูดพลางจุ๊ปากไปมา หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง
“งั้นกูบอก โรส” ซีวอนพูดอย่างเป็นต่อ
“โอเค.. กูยอม!!~”
“ฮ่าๆ ๆๆๆๆๆๆๆ” ซีวอนและจองโมแท๊กมือกันด้วยความสะใจ เพราะนานๆจะข่มเจย์คิมลงได้ มันก็ต้องแสดงความสะใจสักหน่อย ทุกคนในกลุ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น คงจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรถ้าคนที่ปกติอารมณ์ดีกว่าใคร กลับทำหน้าเป็นตูดเป็ด ไม่ขำซะงั้น
“เห้ย ไอ้คังมึงเป็นไรเนี่ย ทำหน้าตูมเหมือนปลาขาดน้ำซะงั้น เมียมึงโดนเด็กแทะรึไงวะ” จองโมเอ่ยถามอย่างเย้าๆ ปากหมาๆปล่อยประโยคสุดแสนจะห่วงเพื่อนแต่ไม่วายก็พ่วงวาจากวนบาทาอยู่ดี
“กูเหนื่อยว่ะ” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโคนต้นไม้ เพื่อนๆที่ขำกันจึงพร้อมใจกันนั่งลง มุมลับประจำกลุ่มเขาทำให้พอจะปรึกษาอะไรกันได้โดยไม่กลัวคนอื่นล่วงรู้ความลับ
“ทำไมวะ..เหนื่อยของมึงนี่เรื่องอะไร?” ซีวอนถาม มือทั้งสองข้างก็คอยปิดปากเจย์คิมและจองโมไม่ให้พูดมาก ไม่งั้นเรื่องคงไม่ได้รู้ คงได้ขำจนปวดตับก่อนแหละ ไอ้สองตัวนี้ชอบกวนประสาทไม่รู้เวลา
“ พ่อกูจะให้กูหมั้น”
“ห๊า..หมั้น?/ หมั้น/ หมั้น” เสียงของเพื่อนทั้งสามตัวตะโกนออกมาด้วยความตกใจกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รู้ เพื่อนกูจะชิงแต่งเมียแล้ววุ้ย..อิจฉาฉิบหาย!!
“เออดิ กูถึงได้นั่งเครียดอยู่นี่ไง” คังอินบ่นอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ทั้งๆที่น่าจะดีใจมากแท้ๆที่ได้หมั้นกับอีทึก สุดที่รักของมัน!!
“มึงจะเครียดทำไมวะ กูก็เห็นว่าพวกมึงรักกันดีออก” เจย์คิมเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ กับท่าทางของคังอินที่ไม่เหมือนคนดีใจสักนิด
“นั่นสิ..เห็นสวีทกันจนน้ำตาลเรี่ยราดทุกที่ที่มึงเดินผ่าน แล้วมึงจะเครียดทำไม ทำอย่างกับว่ามึงไม่อยากหมั้นงั้นแหละ” จองโมเอ่ยเสริม
“เดี๋ยวนะ..ที่มึงบอกว่าพ่อมึงให้หมั้นนี่หมั้นกับใคร?” ซีวอนเอ่ยถาม ฟังไปฟังมา ชักยังไงๆ
“อ่าว..ไอ้วอน มึงจะบ้าหรอก็ต้องกับอีทึกดิ” จองโมเอ่ยแย้ง แต่สีหน้าและท่าทางของซีวอนไม่เล่นด้วยเหมือนทุกที คังอินกลั้นเสียงพูดออกมาหลังจากที่พยายามเอ่ยชื่อที่ไม่อยากจะพูดถึง
“พ่อกู จะให้กูแต่งกับ... ชเวมิยอง”
“O,,O * *”
“ฉิบหายแล้วไง!! แล้วนี่อีทึกรู้รึยัง?” ซีวอนถาม ตอนนี้ทั้งเจย์คิมและจองโมต่างก็ช็อกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ได้ยินชื่อ หญิงสาวที่ทั้งแรง ทั้งร้าย ทั้งแรด ทั้งร่าน และสารพัดจะสุดๆ ยิ่งกับประสบการณ์ที่ทั้งสองเคยพานพบมาแล้วล่ะก็ อาการช็อกอาจจะน้อยไป!!
“ยัง..กูไม่ได้บอก กูกลัวอีทึกเสียใจ” คังอินตอบน้ำเสียงอ่อยๆ เขารู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังจะแตกในไม่ช้า ไม่รู้หนทางข้างหน้าเลยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าหากคนรักของเขารู้เรื่องนี้เข้า และผู้หญิงอย่าง ชเวมิยองน่ะหรือ จะยอมปล่อยเขาไปมีความสุขกับอีทึก..ฝันเฟื่องเสียจริง!!
ซีวอนเองก็ได้แต่กลุ้มแทนเพื่อน เห้อ..ปัญหาครั้งนี้ช่างหนักหนาสาหัสนัก แล้วกูจะรายงานเมียที่เคารพกูว่าไงล่ะทีนี้ มีหวังบอกไม่ทันจบ ฮีชอลคงโมโหแล้วซ้อมตัวเองแทน กูละเหนื่อยใจกับเรื่องของพวกมึงจริงๆ ..แต่ยังไงก็ต้องช่วยสินะ ถ้าไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะช่วยใคร จริงมั้ย?..งานนี้ซีวอนกลุ้มอะเกน!!!
…………………............
เฮ้ โย่ว ว...เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? ความสงสัยที่ทุกคนอยากจะทราบ ฮี่ๆ เรื่องมันชักซับซ้อนทุกขณะจิตจริงจัง โฮะๆ เราต้องมาดูกันว่า ถ้าอีทึกรู้จะเป็นยังไง? แล้วคังอินจะทำยังไงต่อไป? จะแก้ไขได้หรือไม่แล้วผญ.ที่เข้ามาคนนี้จะร้ายแค่ไหน ต้องติดตามๆนะคะ ^^
(ความจริง เบลเกือบจบไม่ลงแน่ะ แบบว่าช่วงนี้อารมณ์ดีเกินคาด มาปั่นดราม่ากระชากตับไม่ค่อยขึ้นจริงๆ ฮ่าๆๆ )
รับรองค่ะว่า จะยิ่งมันส์ขึ้นเรื่อยๆ ตามคอนเซปของเบล ฮี่ๆ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ กดโหวตได้นะคะ ถ้าชอบ เม้นบ้างให้กำลังใจกันหน่อย : )
Kt.= kidteung = Kang ♥Teuk
ความคิดเห็น