คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : -- chapter 3 --
เลื่อนลงไปอ่านตอนล่าสุดด้านล่างนะคะ
| ||||
| ||||
Name : ONLY-1.*< My.iD > [ IP : 118.172.142.55 ] |
| ||||
| ||||
Name : kulda [ IP : 124.121.48.195 ] |
| ||||
| ||||
Name : ryeohyuk< My.iD > [ IP : 61.19.149.37 ] |
| ||||
| ||||
Name : คิดไม่ออก..จิงๆนะ< My.iD > [ IP : 61.90.5.54 ] |
| ||||
| ||||
Name : รักไก่ยิ้ม [ IP : 58.64.83.8 ] |
| ||||
| ||||
Name : รักไก่ยิ้ม [ IP : 58.64.83.8 ] |
| ||||
| ||||
Name : รักไก่ยิ้ม [ IP : 58.64.83.8 ] |
| ||||
| ||||
Name : รักไก่ยิ้ม [ IP : 58.64.83.8 ] |
| ||||
| ||||
Name : tma [ IP : 110.169.0.226 ] |
| ||||
| ||||
Name : สาวกsweet [ IP : 61.90.14.71 ] |
| ||||
| ||||
Name : piggy-oun< My.iD > [ IP : 124.120.41.215 ] |
| ||||
| ||||
Name : --oson--< My.iD > [ IP : 124.121.19.203 ] |
| ||||
| ||||
Name : kyo* [ IP : 125.24.41.97 ] |
| ||||
| ||||
Name : OHM-TOON [ IP : 118.172.219.4 ] |
| ||||
| ||||
Name : katomnam< My.iD > [ IP : 58.9.47.200 ] |
3
“ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอคิบอม”
ซองมินพลิกตัวมาเอ่ยถามเจ้าของบ้าน ซึ่งคิบอมที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้สนใจในคำพูดของเขาแม้แต่นิด หากแต่ดวงตาสีนิลกำลังล่องลอยไปที่ที่หนึ่งที่ฮยอกแจพูดออกมาเมื่อครู่
...สถานีรถไฟ
“คิบอม”
“หืม”
ร่างหนาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อตื่นจากภวังค์ ซองมินจึงมองขึ้นไปบนเพดานห้อง ก่อนจะปล่อยให้หยาดน้ำตาค่อยๆ เอ่อไหลออกมาอีกครั้ง มันเป็นครั้งที่เท่าไรในรอบสัปดาห์นี้แล้วก็ไม่อาจจะนับได้ แต่คิบอมก็ไม่อยากจะให้เพื่อนตัวเล็กของเขาต้องรู้สึกเศร้าแบบนี้เลยจริงๆ
“เมื่อกี้ที่ฮยอกแจพูดน่ะ นายจะไปหาเขาหรือเปล่า”
ทั้งสองคนต่างมองหน้าของกันและกันเนิ่นนาน และเมื่อคิบอมไม่ยอมพูดออกมาเสียที ร่างเล็กก็ลุกจากที่นอนไปนั่งขดอยู่บนโซฟาเล็กๆ ในมุมหนึ่งของห้อง ทว่าดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอุ่นก็ยังคงจ้องมองมาที่ร่างหนาอย่างรอคอยคำตอบ
“พูดแบบนี้ นายอยากให้ฉันไปหรือไง”
“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ”
“คงไม่อยากให้ไปสินะ”
ซองมินยิ้มแหยเมื่อสิ่งที่คิบอมพูดออกมามันตรงกับความคิดของเขาทุกอย่างเลย ซองมินไม่ได้อยากให้คิบอมออกไปพบกับฮยอกแจเลยสักนิด เพราะเขารู้ว่าคิบอมจะต้องเดินคอตกกลับมาที่ห้องไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณ เพราะเขารู้ดีว่าคิบอมยังคงรู้สึกอย่างไรกับผู้ชายที่ชื่อว่าอี ฮยอกแจ
...แต่ทั้งๆ ที่ซองมินเองก็รู้ เขาก็ยังยอมที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัวแล้วเหนี่ยวรั้งคิบอมให้อยู่เคียงข้างตัวเอง
“ถ้าฉันไม่ให้นายไปล่ะคิบอม นายก็จะไม่ไปหาฮยอกแจใช่ไหม”
เหมือนคำขอร้องนี้จะเป็นการบังคับคิบอมเสียมากกว่า ร่างหนาค่อยๆ ชันตัวขึ้นมาจากที่นอน เขามองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูว่าอากาศในวันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง และเมื่อคิบอมเดินไปเปิดหน้าต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลมหนาวก็พัดเข้ามากระทบใบหน้าจนรู้สึกชา ดังนั้นระหว่างฮยอกแจที่คิบอมรักมาเพียงหนึ่งปี กับซองมินที่คิบอมรู้จักมาเกือบครึ่งชีวิต เขาควรจะเลือกใครดีนะ
“ฉันจะไปไม่นาน ให้ฉันไปนะซองมิน”
ร่างสูงเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆ กับคนตัวเล็ก เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแตกต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง ก่อนจะดึงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของซองมินเข้ามากอดเอาไว้ แล้วน้ำตาของซองมินก็รินไหลออกมาอีกครั้ง
Time
คิมมีแรไม่ได้กลับไปยังบ้านพักชานเมือง หากแต่เขากลับไปยังบ้านหลังใหญ่ที่มีพ่อ แม่ และพี่ชายของเขาอยู่ด้วย ร่างสูงคิดว่ามันน่าจะดีกว่าหากเขากลับไปเอาเสื้อผ้ามาจากที่บ้านหลังนั้น เพราะอย่างน้อยก็จะได้ปลอดภัยจากการที่จะต้องพบคิบอมในปัจจุบัน
“ไหนลูกบอกว่าเดือนนี้จะไม่กลับบ้าน”
ผู้แป็นแม่เดินตามต้อยๆ เมื่อลูกชายคนเล็กของเธอเดินเข้ามาในบ้านอย่างรีบร้อน คิมมีแรพยายามจะไม่หันไปสบตาอยู่แล้ว แต่เสียงของแม่ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมากอด และเมื่อได้สัมผัสอ้อมกอดของแม่เท่านั้น คิบอมที่มาจากในอนาคตก็ปล่อยให้น้ำตาไหลทันที
“คิบอม เป็นอะไรไป...หืม”
“แม่สบายดีหรือเปล่า”
คำถามง่ายๆ ที่ถูกเปล่งออกมาทำให้แม่รู้สึกแปลกใจ เพราะตั้งแต่ลูกชายคนนี้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ก็มีไม่กี่ครั้งนักที่จะกลับมาเยี่ยมเธอ ถ้าหากเงินในกระเป๋าสตางค์หมดจนซื้อข้าวกินไม่ได้นั่นแหละ ลูกชายของเธอถึงจะโผล่หน้ามาที่บ้านสักครั้งหนึ่ง
“แม่ก็สบายดีอยู่แล้ว ลูกต่างหากที่ไม่สบาย สมองเสื่อมหรือไงถึงได้มากอดแม่เสียแน่นเลย”
“ผมคิดถึงแม่”
“ลูกคนนี้นี่!!”
เหมือนแม่ทำท่าจะตีลูกชาย แต่สุดท้ายก็ต้องลดมือที่เหี่ยวย่นลงมาแนบข้างลำตัวเมื่อคิมมีแรพูดขึ้น
“แม่ครับ แม่อย่าทานอาหารที่เป็นไขมันมากนะ เดี๋ยวอาการเบาหวานของแม่จะกำเริบ แล้วพี่ชาย...ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะพากันไปออกกำลังกายบ้างนะครับ ผมอยากให้แม่กับพี่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง”
ร่างสูงพูดจบก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง ทิ้งให้คนเป็นแม่ยืนน้ำตาซึมอยู่ตรงบันได เพราะคิมมีแรรู้ดีว่าในอนาคตแม่ของเขาอาจจะต้องมีโรคแทรกซ้อนมากมายจากโรคเบาหวาน เขาไม่อยากให้แม่ป่วยแบบนั้น เขาไม่ต้องการให้แม่รู้สึกทรมาน แม้แต่น้อยนิดก็ไม่อยากเลยจริงๆ
“หวังว่าไอ้คิมชาติที่แล้วนั่นคงใส่เสื้อผ้าไซส์เดียวกับเราได้นะ”
คิบอมบอกกับตัวเองพลางหยิบเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะได้ออกไปจากห้องนอน ใครบางคนก็อ้อมมาทางด้านหลังแล้วใช้มือนุ่มปิดตาของเขาไว้
“ทายสิใครเอ...”
“พี่ฮีชอล”
“ว้า...ไม่สนุกเลย นายทายถูกอีกแล้ว”
พี่ชายที่ชอบทำตัวปัญญาอ่อนเสมอยืนบูดบึ้งหลังจากที่แกล้งเขาไม่สำเร็จ ผิวของพี่ชายในช่วงเวลานี้ยังขาวใสอยู่เลย เขาคิดถึงพี่ชายเหลือเกิน ถ้าหากคิมมีแรดึงพี่เข้ามากอดได้ เขาก็คงทำไปแล้ว แต่พี่ฮีชอลไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะร่างกายของเขาสักเท่าไร เพราะพี่เป็นคนขี้รำคาญ ถ้าคิมมีแรทำ มีหวังไม่โดนฝ่ามือก็โดนเท้าของพี่ชายฟาดกลับมาแน่ๆ
“นี่จะขนเสื้อผ้าไปไหนน่ะ ไปนอนกับฮยอกแจสุดที่รักเหรอ”
พี่ฮีชอลคงยังไม่รู้สินะว่าคิบอมบอกเลิกฮยอกแจไปแล้ว บอกเลิกไปโดยที่ไม่ได้ให้เหตุผลแก่คนตัวเล็ก บอกเลิกไปทั้งๆ ที่ต้องเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเอง และบอกเลิกไปทั้งๆ ที่คิบอมก็ยังคงรักฮยอกแจอยู่เช่นเดิม
“พี่ฮีชอล ผมกับฮยอกแจเลิกกันแล้วนะ”
“นายประสาทเสียไปแล้วคิม คิบอม”
“เอาไว้เจอกันวันหลังผมจะเล่าให้พี่ฟัง”
“ไอ้บ้าคิบอม แกไปขอคืนดีฮยอกแจเดี๋ยวนี้นะเว้ย กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะไอ้น้องบ้า แกบ้าไปแล้วที่ปล่อยสิ่งที่มีค่าที่สุดไปจากชีวิต ไอ้โง่ ไอ้งั่ง ไอ้งี่เง่า ไอ้พี่ชายไม่สั่งสอน โธ่เว้ย!!”
คิมมีแรรีบเดินหนีออกมาจากบ้าน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นวิ่งให้เร็วสุดชีวิต แต่เสียงแปดหลอดของพี่ชายของเขาก็ยังคงฝ่าอากาศเข้ามากระทบโสตประสาทของเขาได้อยู่ดี ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่ฮีชอลชอบแฟนตัวเล็กของน้องชายมากแค่ไหน เพราะฮยอกแจเป็นคนนอบน้อม เพราะฮยอกแจเป็นคนยิ้มง่าย พี่ฮีชอลจึงสนับสนุนความรักของเขากับฮยอกแจอย่างเต็มที่ แต่ถ้าคิมมีแรคุยกับพี่ชายตอนนี้ ให้เคลียร์กันทั้งวันก็คงไม่จบแน่
...เพราะฉะนั้นเหตุผลที่คิบอมเลิกกับฮยอกแจ รอให้เจ้าตัวที่อยู่ในเวลาปัจจุบันมาบอกพี่ฮีชอลเองก็แล้วกัน
Time
หลังจากเลยเวลานัดมาเกือบสองชั่วโมง ฮยอกแจก็ยังคงนั่งชันเข่ากอดตัวเองไว้อยู่ที่ม้านั่งบริเวณชานชาลา ไม่มีวี่แววว่าคิบอมจะโผล่มาเลยสักนิดเดียว มีเพียงรถไฟที่ผ่านไปขบวนแล้วขบวนเล่า หากแต่ร่างบางก็ยังไม่หมดความอดทนที่จะรอคอยใครคนนั้น
“ฉันคิดว่ามันคือความฝัน แต่จริงๆ แล้วมันคือความจริงต่างหาก”
นิ้วเรียวไล้วนไปรอบๆ กล่องของขวัญสีแดงประกายมุก ภายในกล่องมีนาฬิกาทรายที่ฮยอกแจซื้อมาให้เป็นของขวัญวันครบรอบหนึ่งปีที่พวกเขารู้จักกัน แม้ตอนนี้จะมีแต่ความเศร้า แต่พอนึกถึงวันที่ได้พบกับคิบอมครั้งแรกที่ชานชาลาแห่งนี้ มันก็ทำให้ฮยอกแจคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
‘เรียนที่เดียวกันเลยนี่นา’
‘หือ?’
ในวันนั้นคิบอมเอ่ยทักคนตัวเล็กด้วยคำพูดที่แตกต่างจากคนทั่วไปเวลาที่เขาพบกันครั้งแรก เป็นเพราะเครื่องแบบนักศึกษาที่ใส่เหมือนกันทำให้ฮยอกแจรู้ความหมายในคำพูดของร่างสูง แต่ยังไงคนตัวเล็กก็ยังสับสนอยู่ดีว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาทักทายเขาเพื่ออะไร
‘เดินไปเรียนพร้อมกันทุกวันเถอะ’
ฮยอกแจไม่ได้ตอบอะไรออกไปในวันนั้น หากแต่คนที่ไม่มีเพื่อนอย่างฮยอกแจก็เริ่มที่จะรู้สึกชื่นชอบในความแปลกประหลาดของคิบอมขึ้นมาบ้างแล้ว ใบหน้าคมคายส่งยิ้มตาหยีจนฮยอกแจก็อดที่จะยิ้มบางๆ ออกมาด้วยไม่ได้ และความสัมพันธ์ที่คลุมเครือก็เปลี่ยนมาชัดเจนยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนหลังจากวันแรกที่พบกัน
“นั่งตากลมนานๆ อยากแข็งตายหรือไง”
เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฮยอกแจสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะรีบหันไปมองทางต้นเสียงเมื่อ จำได้เป็นอย่างดีว่าเสียงที่ดังขึ้นมานั้นเป็นใคร
“ในที่สุดนายก็มา”
“ฉันมาที่นี่ก็เพราะรู้ว่าจะมีคนโง่อย่างนายนั่งรอคอยฉันจนกว่าสถานีรถไฟจะปิดยังไงล่ะ”
แม้คำพูดจะดูเหมือนเป็นห่วง ทว่าสายตาที่ส่งมานั้นกลับไม่ใช่สายตาของคนที่เคยรักกันเลยแม้แต่นิดเดียว ฮยอกแจหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาให้คิบอม แต่ร่างสูงกลับมองกล่องใบนั้นราวกับเขาไม่รู้เลยว่ากล่องของขวัญที่ฮยอกแจนำมาให้เขามีความสำคัญอย่างไร
“นี่อะไร”
“ก็ของขวัญสำหรับวันครบรอบหนึ่งปีที่เรา...”
“แต่เมื่อวานเราเลิกกันไปแล้วนะ”
ฮยอกแจค่อยๆ ชักมือที่ถือกล่องกลับมาวางไว้ข้างลำตัวตามเดิม แม้ว่าคิบอมจะยังพูดจาร้ายๆ กับเขาอยู่อย่างนี้ แต่ฮยอกแจก็ยังเชื่อมั่นเสมอว่าคิม คิบอมยังคงรักเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าภาพที่คิบอมเดินจากไปกับซองมินยังคงชัดเจนในสายตาของเขา แต่ฮยอกแจก็ยังเลือกที่จะปิดตาไม่ยอมรับความจริง
“คิบอม ขอแค่นายพูดออกมาคำเดียวว่านายจะกลับมาคบกับฉัน ฉันจะลืมคำพูดร้ายๆ ของนายให้หมดเลย ฉันจะไม่ทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญอีกแล้ว ฉันจะไม่สนใจว่านายจะอยู่กับซองมินมากกว่าฉันหรือเปล่า คุยกับซองมินมากกว่าฉันหรือเปล่า ฉันจะไม่สนใจทั้งนั้น”
“แล้วยังไง”
“แค่นายบอกมาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องโกหก”
“ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา ฉันเคยพูดโกหกนายด้วยเหรอ”
ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่คิบอมพบกับฮยอกแจเมื่อปีก่อน ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดโกหกอี ฮยอกแจคนนี้ คิบอมเลือกที่จะพูดความจริงเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือจะเป็นเรื่องใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม ยกเว้นเมื่อวานนี้ที่เขาได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พังลง เพียงเพราะเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาอี ซองมิน
“กลับไปซะฮยอกแจ กลับไปยังที่ที่นายเคยอยู่ ลืมซะว่านายรู้จักคิบอมคนนี้ เพราะฉันดูแลนายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
ถ้าหากฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาสบตาคิบอมอีกสักนิด ร่างบางก็คงจะรู้ว่าในเวลานี้ดวงตาที่แข็งกร้าวของคิบอมกำลังปวดร้าวมากเพียงใด ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะดูแลฮยอกแจ แต่เป็นเพราะคิบอมไม่สามารถทิ้งให้ซองมินใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังได้ต่างหาก
“ฉันลืมไปแล้วว่าก่อนที่จะพบกับนาย ฉันใช้ชีวิตมาได้ยังไง”
“ถ้านายจำไม่ได้ นายก็เริ่มเรียนรู้ใหม่อีกครั้งสิ ยอมรับความจริงเถอะฮยอกแจ อย่าพยายามติดต่อฉันอีก เพราะ...ฉันลืมความรักของนายไปแล้ว”
“ไม่...ไม่นะคิบอม”
ฮยอกแจเอาแต่ยืนครวญครางอยู่ที่เดิมเช่นนั้น และคิบอมก็ค่อยๆ เดินจากเขาไปอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้คงทำได้แค่ยืนมองดูแผ่นหลังของร่างสูงสินะ ไม่ว่าจะเหนี่ยวรั้งเท่าไรก็คงจะไม่สามารถทำให้คิบอมเปลี่ยนใจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เลย
...แต่สุดท้ายคิบอมก็หันหลังแล้วเดินกลับมา
“...ฮึก...คิบอม...”
“อย่ามาทำตัวไร้ค่ารอคอยความอบอุ่นจากฉันอีก เพราะฉันจะไม่ใช่คนที่ถือเสื้อกันหนาวมาให้นายอีกต่อไปแล้ว”
เสียงทุ้มเบสบอกเรียบๆ ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ของเขามาคลุมร่างกายที่สั่นเทาของฮยอกแจเอาไว้ แล้วในที่สุดคิบอมก็เดินจากฮยอกแจไปจริงๆ หรือว่าที่จริงแล้วอี ฮยอกแจจะเข้าใจผิดไปเองนะว่าเทพเจ้าเป็นคนสร้างโลกและกำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์
...บางทีคิบอมอาจจะพูดถูก เขาต่างหากที่เป็นคนเลือกว่าจะเดินไปทางซ้ายหรือขวา มนุษย์เดินดินเท่านั้นที่จะเป็นคนเลือกเอง
Time
“...ฮึก...”
หลังจากคิบอมเดินออกไปแล้ว แทนที่ฮยอกแจจะเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง เรียนรู้ที่จะไม่ทำตัวให้ไร้ค่า ร่างบางกลับนั่งลงที่ม้านั่งตามเดิมด้วยความเหน็ดเหนื่อย เหนื่อยหัวใจที่เขาจะต้องคิดถึงคิบอมอยู่อย่างนี้ เหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องทนเหงาอยู่เพียงคนเดียว
...เหงา ก็เพราะว่าไม่มีคิม คิบอม
“อึนจา/อึนฮยอก”
เสียงร่าเริงของใครสองคนทำให้ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นแล้วรีบปัดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว คิมกวาโกอยู่ในเสื้อขนสัตว์ตัวใหญ่ ส่วนคิมมีแรก็ใส่เสื้อโค้ชสีแดงเพลิงอย่างโดดเด่น พวกเขาเดินไปที่ใดก็คงจะมีแต่คนเข้าใจว่าทั้งสองเป็นฝาแฝดที่หน้าตาดีคู่หนึ่งอย่างแน่นอน ทั้งๆ ที่จริงแล้วพวกเขาก็คือคนๆ เดียวกันต่างหาก
“อึนฮยอกของฉันต้องร้องไห้อีกแล้ว น่าสงสารจังเลย”
“อึนจาของเรา ไปเที่ยวกันเถอะ เดี๋ยววันนี้ฉันกับมีแรจะพานายไปขึ้นสวรรค์เอง”
ฮยอกแจผงะเล็กน้อยกับคำพูดของคิมกวาโกที่ดูเหมือนจะเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เพียงแต่คำว่า ‘พาไปขึ้นสวรรค์’ ก็ทำให้เขารู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับการไปเที่ยวในครั้งนี้
“ไอ้ชาติที่แล้ว ที่นายพูดถึงมันคือชิงช้าสวรรค์ต่างหากล่ะ สอนไม่รู้จักจำเลยจริงๆ”
“มันก็ขึ้นสวรรค์ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่เว้ย!!”
คิบอมตวาดเสียงดังใส่คิมกวาโก เขาหันมายิ้มจนตาหยีอีกแล้ว และฮยอกแจก้หลุดขำกับความน่ารักของทั้งสองคนไม่ไหว ท่าทางของคิมมีแรทำให้ฮยอกแจเดาไม่ถูกเลยว่าจะมีหนทางไหนที่ทำให้คิบอมกลับมาคืนดีกับเขาและรักเขาอย่างที่เคยเป็น
...ฮยอกแจนึกภาพในวันนั้นไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไปเที่ยวสวนสนุกกันเถอะอึนฮยอก”
“ถ้าพวกนายสองคนเลี้ยง ฉันก็จะไป”
“ไม่มีปัญหา!!”
ทั้งสองคิมตะโกนขึ้นมาพร้อมกันราวกับฝาแฝด นับวันสองคนนี้ก็จะเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้วนะเนี่ย ถ้าไม่รวมตอนที่พวกเขาทั้งสองเถียงกันเรื่องคิบอมว่าใครถูกใครผิด ก็ถือว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกมีความสุขตามไปด้วยเลยล่ะ
“ส่งมือของนายมาสินางฟ้า คิมมีแรกับคิมกวาโกสัญญาว่าจะพานางฟ้าฮยอกแจกลับไปมีความสุขอย่างที่เคยเป็นให้ได้”
“ใช่!! พวกเราสัญญา”
คิมมีแรเอ่ยสมทบกับคำพูดของคิมกวาโก ทั้งคู่ยื่นมือหนาไปให้ฮยอกแจได้เกาะเกี่ยวเอาไว้ ร่างบางจึงเก็บกล่องของขวัญสีแดงใส่กระเป๋าสะพายของคิมมีแร ก่อนจะวางมือเล็กๆ ทั้งสองข้างลงบนมือที่แสนอบอุ่นของคิมทั้งสองอย่างเชื่อมั่น
...ตอนนี้ฮยอกแจพร้อมที่จะไปสวรรค์แล้ว
Time
“ไหนบอกว่าไปไม่นานไงล่ะคิบอม”
เสียงเล็กของซองมินแหลมต่อว่าทันทีเมื่อร่างสูงโปร่งเดินกลับเข้ามาในบ้านพัก ซองมินแต่งตัวรอคอยคิบอมตั้งหลายนาทีแล้ว วันนี้ทั้งคู่สัญญาว่าจะออกไปเที่ยวด้วยกัน แม้ตอนนี้ซองมินจะยังรู้สึกเหมือนกับตัวเองไม่มีความสุขเลยก็ตาม
“ฉันขอโทษ”
“ช่างเถอะ ขอโทษไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันว่าเราควรจะรีบออกไปกันได้แล้ว”
ซองมินบอกร่างสูงก่อนจะเดินไปสวมรองเท้าผ้าใบสีเขียวอ่อนที่วางอยู่หน้าประตูบ้าน คิบอมจึงเดินมาข้างๆ แล้วโอบไหล่ของคนตัวเล็กเอาไว้ ร่างสูงคิดเพียงอย่างเดียวว่าถ้าหากมีทางไหนที่พอจะให้ซองมินคลี่ยิ้มออกมาได้ เขาก็พร้อมที่จะทำ
“เดี๋ยวซองมิน”
“หือ?”
“นายจะไปที่ไหนก่อน ได้คิดไว้หรือยัง”
คิบอมถามคนตัวเล็กในขณะที่กำลังเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ซองมินกอดอกแน่นเพราะอากาศที่หนาวเย็น ก่อนจะเหม่อมองออกไปยังทางเดินที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนในเวลาหัวค่ำเช่นนี้ ขาเรียวหยุดที่จะทำให้ร่างกายของตัวเองสูญเสียการทรงตัวโดยการยืนอยู่นิ่งๆ กับที่แล้วหันมาสบตาร่างสูง ซึ่งพอคิบอมมองหน้าของเพื่อนรัก เขาก็เข้าใจความหมายทุกอย่างได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องมีการอธิบายใดๆ
“ไปเยี่ยม ‘เขา’ ก่อนก็ได้”
Time
Talk with Lee Seen
ข้อสงสัยทุกอย่างอาจจะมีเฉลยอยู่ในตอนต่อไป
‘เขา’ คือใคร ช่วยติดตามด้วยนะคะ
ความคิดเห็น