คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : (past)แรกพบ
ความงดงามของผู้คนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาภายนอก หรือจิตใจภายใน ทุกอย่างคือความงดงาม
และสำหรับฮาคุริวที่มองว่าความแข็งแกร่งคือความงดงามของผู้คน เคียวสุเกะก็จัดได้ว่างดงามมากเลย
และเขาก็อยากได้คนๆนี้มาครอบครองสุดๆ
“ต้องการอะไร?”ไม่รอช้า เคียวสุเกะถามผู้มาใหม่
“ตัวนาย”ฮาคุริวตอบและนั่งลงข้างๆคู่สนทนา
“ตัวฉัน? หมายความว่าอย่างไง?”
“หือ? ฉันไม่คิดว่านายจะใสซื่อจนไม่เข้าใจที่ฉันสื่อหรอกนะ”
“…ชนชั้นสูงแบบนายจะหาใครมาสนองความใคร่ก็ได้ ทำไมต้องฉัน?”
“ฮะๆ ทำไมถึงคิดว่าฉันอยากได้อะไรแบบนั้นล่ะ ฉันก็แค่ถูกใจนายมากก็แค่นั้นเอง”
“เพราะอะไร?”
“อืม…ก็ตั้งแต่เมื่อวันก่อนล่ะมั้ง”
“วันนั้นมันเป็นเพราะธรรมชาติ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายทั้งนั้น”
“อืมๆ แต่ตอนนี้นายก็เป็นของฉันตามธรรมชาติแล้วนะ”
“ต่อให้ตัวฉันต้องเป็นของนายทั้งชีวิต ฉันก็ไม่คิดจะสุงสิงกับนาย ไปสะ”
พูดจบเคียวก็ลุกขึ้น หวังจะไปให้พ้นๆหน้าอีกฝ่าย
“…อ่า อย่างงี้นี่เอง นายไม่ได้เกลียดชนชั้นสูง”
แต่ก็ชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดบางอย่าง
“แต่นาย‘กลัว’ชนชั้นสูงต่างหาก ฉันพูดถูกมั้ย? เคียวสุเกะ”
คำพูดที่เหมือนมีดแทงลึกลงไปที่หัวใจ
“นายมันจะไปรู้อะไรกัน…”
“หึๆ ฉันจี้จุดถูกล่ะสิ-”
พึ่บ
เคียวสุเกะใช้แรงทั้งหมดที่มีคว้าคอเสื้อฮาคุริว ดึงอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วผลักใส่ตู้ล็อกเกอร์
ตึ้ง!!
“เออ ตรงจุดมากเลย”
“รุนแรงจังนะ”ฮาคุริวค่อยๆยืนขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อย แรงแค่นี้ไม่สะทกสะท้านกล้ามเนื้อของเขาหรอก
“ตอนแรกฉันก็แค่ชอบเพราะว่ากลิ่นถูกใจ แต่ทั้งการแข่งวันนี้แถมยังนิสัยหัวรุนแรงนิดๆ นายเริ่มตรงสเปคฉันเข้าไปทุกทีแล้วสิ”
“ขอบใจที่แจ้งให้ทราบ แต่ฉันไม่ได้อยากรู้ ลาก่อน”เคียวสุเกะอำลาตามมารยาท ก่อนเดินออกจากห้องไป
กึก
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว สองขาก็เริ่มอ่อนแรงอีกครั้ง ใบหน้าร้อนขึ้นไปพร้อมๆสายตาที่เริ่มพล่ามัวเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา
‘อีกแล้วเหรอ... ตอนนี้น่ะนะ’เคียวสุเกะพยายามประคอบตัวไว้ เขาต้องหาทางกลับบ้านที่เร็วที่สุดไม่ก็ซ่อนตัว
“อะไรกัน เมื่อกี้ยังซ่าอยู่เลยนี่”รึอาจจะมีตัวเลือกที่สามกันนะ?
“ไม่ต้องพ-พูด”เสียงที่หนักแน่นตอนนั้นเริ่มสั่นเคลือ สองมือยันกำแพงไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองที่พื้น
“หึๆ ให้ช่วยอีกมั้ยล่ะ? แต่รอบนี้ไปส่งที่อื่นนะ”
“ไม่…จะไปไหนก็ไป”
“ทั้งๆที่ไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้ก็ยังพยายามไล่ฉันรึ? แบบนี้ทำให้นายน่าสนใจขึ้นไปอีกนะ”
ฮาคุริวไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย ตรงดิ่งไปอุ้มเขาขึ้นมาพาดบ่าไว้
“เฮ้ย!อะไรเนี่ย!?”
“อะไรกัน วันก่อนอุ้มท่าเจ้าสาวยังไม่โวยวายสักคำเลย แค่พาดบ่าไม่เป็นไรหรอกน่า”
“มาเถอะ ให้ฉันช่วยอีกรอบนะ”
สิ้นเสียงฮาคุริว ร่างของทั้งคู่ก็หายไปในพริบตา
.
.
.
สักที่หนึ่งในเอนโจลิโก้
ตุ้บ แผ่นหลังร้อนๆสัมผัสเข้ากับเตียงคิงไซส์ เคียวสุเกะได้แต่นอนมองคนที่แบกตัวเองมาอย่างงุนงง
“อยากจะถามว่าที่นี่ที่ไหนล่ะสิ ห้องฉันเองน่ะ”ฮาคุริวตอบคำถามที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาทางสายตา ถอดรองเท้าและแจ็กเก็ตสีขาวที่ใส่ประจำออก
“ที่นี่คือคอนโดของตระกูลฉัน แต่ละชั้นจะมีห้องเดียว เอาง่ายๆมันก็คือบ้านที่ซ้อนกันจนเป็นตึกน่ะ และฉันก็อยู่ชั้นบนสุด ไม่มีใครผ่านมาหรอกสบายใจเถอะ”
“ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น…”คนที่นอนแผ่บนเตียงยังคงหอบไม่หยุด ในใจยังเต็มไปด้วยคำถามอีกมากมาย
“อยากรู้ว่าฉันเอานายมาห้องฉันทำไมน่ะเหรอ”แต่ราวกับอ่านใจเขาได้ หลังเก็บเสื้อตัวโปรดเข้าที่ฮาคุริวก็เดินมานั่งข้างๆ
“ก็แค่เหมือนวันนั้นล่ะมั้ง ก็ฉันเป็นอัลฟ่าที่นี่ไม่มียาแก้ฮีทหรอก”แล้วยกร่างที่อ่อนแรงขึ้นมานั่งบนตัก สองมือโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอม
“นี่นาย…ไม่ทำอะไร?”เคียวสุเกะยังแอบระแวงท่าทีของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ซบลงที่อกตามสัญชาตญาณราวกับที่ตรงนี้ช่างปลอดภัยเหลือเกิน
“หึๆ จะให้ฉันบังคับนายให้ทำแบบนั้นมันก็ได้อยู่แล้วแหละ แต่ว่านะ ฉันไม่อยากทำกับนายเหมือนพวกที่ผ่านๆมาหรอก”เมื่อเห็นว่าบุคคลในอ้อมแขนไม่ต่อต้าน ฮาคุริวค่อยๆลูบเส้นผมสีน้ำเงินเบาๆ
“ฉันอยากให้นายอยากอยู่กับฉันอย่างสมัครใจ เหมือนกับที่ฉันอยากอยู่กับนายตั้งแต่แรกเห็น”
.
.
.
“พี่เคียวไม่ตอบเลยแฮะ…ไม่รับสายด้วย”สาวน้อยผมยาวประบ่าบ่นพึมพำขณะเดินทางไปกับรถขนส่งสินค้า เธอยังคงจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์และกดโทรหาผู้เป็นพี่ชายต่อไป
“เอาน่าริ เขาอาจจะต้องการเวลาส่วนตัวก็ได้นะ”ไทกะที่นั่งข้างๆพยายามพูดในแง่ดี ทั้งคู่รับงานเป็นเด็กยกของให้กับบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งที่คอยขนส่งพืชผักผลไม้ให้ตามร้านค้าร้านอาหาร
“แต่ว่าหายไปดื้อๆมันก็แปลกนะ ว่าแต่นายเถอะ แข่งเสร็จตอนเช้าก็มาทำงานตอนบ่ายเลยร่างกายจะไหวเหรอ?”
“แหะๆ ก็ยังปวดอยู่นิดนึง แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินน่ะสิ ชนชั้นแบบพวกเราน่ะถ้าไม่ดิ้นรนจะไปมีชีวิตอยู่ได้ไง?”
“เฮ้อ งั้นนายยกของเบาไปแล้วกันนะ”
“อืมๆ ขอบใจนะ”
“เฮ้ยทั้งสองคน ถึงแล้วนะ นี่ล็อตสุดท้ายแล้ว พอเอาของลงหมดแล้วก็กลับบ้านกันเองล่ะ”พนังงานขับรถเปิดช่องเล็กๆที่เชื่อมกับตู้ขนสินค้าเรียกทั้งคู่ให้ทำงาน
“ที่นี่คือ..?”ฮาริเปิดประตูของตู้ขนสินค้าออก ตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าร้านไอศกรีมขนาดกลางๆ มีซอยเล็กๆข้างร้านซึ่งน่าจะเป็นทางเข้าไปหลังร้าน
“Hakuren Iceน่ะ เป็นร้านไอศกรีมที่ดังอยู่นะ และก็เป็นลูกค้าประจำเราด้วย”ไทกะที่ทำงานแถวเขตนี้อยู่บ่อยๆอธิบาย พลางยกกล่องผลไม้ลงจากรถขนส่ง
“ปกติเธอทำงานเขตอื่นอาจจะไม่เคยลอง แต่ร้านนี้อร่อยมากเลยนะ”
“เห…ขนาดนั้นเลยเหรอ?”ริพูดอย่างสนใจพลางยกกล่องผลไม้กล่องอื่นๆลงจนหมด
“อืม พอยกลงหมดแล้วก็เข้าไปเรียกเจ้าของร้าน จากนั้นเขาจะให้พนักงานมายกเข้าครัวไปอีกทีน่ะ”
“หือ นายใช้คำว่าครัว?”
“เพราะว่าที่นี่เรามีขนมและของหวานอย่างอื่นด้วยน่ะ อยากลองชิมวาฟเฟิลผลไม้ดูมั้ยสาวน้อย”
แต่อยู่ๆเสียงปริศนาก็ดังขึ้น ฮาริหันตามเสียงพบเข้ากับชายหนุ่มผิวเนียนขาว ผมสั้นแหลมสีเงินของเขาลู่ลงต่างจากคนส่วนใหญ่ที่มักจะชี้ขึ้น นัยน์ตาของเขามีสีเทาอมเขียวและหางตาตกเล็กน้อย
“สวัสดีครับคุณฟุบุคิ”ไทกะทักทายคนคุ้นเคยอย่างฟุบุคิ ชิโร่ เจ้าของร้านแห่งนี้และนักฟุตบอลตำแหน่งกองหน้ามืออาชีพที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นโค้ชให้ทีมฟุตบอลประจำโรงเรียนดังในเขตนี้
“ไงไทกะคุง วันนี้คงต้องรบกวนเอาไปไว้ข้างในหน่อย พอดีลูกจ้างฉันไปแข่งหมดเลยน่ะ”
“แข่ง???”ดวงตาสีแดงมองฟุบุคิอย่างสงสัย
“ลูกจ้างของฉันทั้งหมดเป็นลูกศิษย์จากโรงเรียนที่ฉันสอนอยู่ พวกเขาไปลงแข่งในฐานะทีมโรงเรียนฮาคุเรนน่ะ ไม่รู้ว่าเธอได้ยินเรื่องการแข่งฟุตบอลประจำปีมาบ้างรึเปล่า”
“อย่างงี้นี่เอง…งั้นพวกเราจะจัดการให้แทนเองค่ะ!”
“น้ำเสียงร่าเริงแข็งขันดีนะ เธอหวังอะไรจากฉันรึเปล่าเอ่ย?”
“อะ เอ่อ…”
“หวังของฟรีอีกแล้วล่ะสิ”ไทกะดักเพื่อนสนิทอย่างรู้ดี
“เห็นคุณฟุบุคิใจดีแบบนี้เขาอ่านคนเก่งนะ แต่ถ้าเธออยากกินฉันเลี้ยงก็ได้”
“ได้เหรอ!?”ฮาริหันมามองเพื่อนชาย สายตาเปล่งประกายไปด้วยความหวัง
“ไม่อะ เธอกินทีอย่างกับหลุมดำ ฉันไม่เสี่ยงหรอก”แต่ก็โดนจนได้
“อะไรกันอ่า! นี่นายหลอกให้ฉันมีความหวังหรอกเหรอ!”เด็กสาวที่ถูกหลอกเขย่าคอเสื้อของไทกะไปมา
“อืมมม ถ้างั้นฉันจะให้เธอกินฟรีอย่างนึงแล้วกันนะ เห็นแก่เธอเป็นเพื่อนเขาน่ะ”
“จริงเหรอค่ะ!? เย้!”พอได้ยินแบบนี้เธอก็กระโดดโลดเต้นจนผมแกละเล็กๆสองข้างสะบัดไปมา
“ผมว่าอย่าดีกว่านะ จานใหญ่สุดก็สู้กระเพาะเธอไม่ได้หรอก”
“เอาน่าๆ ไหนๆก็แวะมาแล้ว ลองชิมสักคำรับรองเธอจะอยากย้ายมาเขตนี้เลยล่ะ”
“พูดมาขนาดนี้งั้นฉันจะรีบทำงานให้เร็วที่สุดเลยล่ะค่ะ!”ไม่รู้เหมือนกันว่าครึกมาจากไหน แต่ตอนนี้ฮาริกำลังรีบขนกล่องผลไม้เข้าไปทางประตูหลังของครัวอย่างรวดเร็ว
“เจอของฟรีแล้วดีดตลอดจริงๆ เฮ้อ”ไทกะถอนหายใจให้ความเห็นแก่กินของเพื่อนสาว ยกกล่องใบเบาๆตามไป
แต่ในระหว่างที่กำลังขนของกันอยู่ หางตาของเขาก็สังเกตเห็นใครบางคนตรงสนามฟุตบอลอีกฝั่งของถนน
ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่หนึ่งจ้องไทกะเหมือนจะสงสัยอะไรสักอย่าง แต่มองไม่นานหนุ่มน้อยปริศนาก็หันไปสนใจกับฟุตบอลต่อ
แต่คนที่ถูกจ้องกลับยืนมองอีกฝ่ายแบบตาไม่กะพริบ ราวกับต้องมนต์บางอย่าง
“ฮั่นแน่ ทำไรน่ะไอหนุ่ม”
“เฮ้ย!!”รู้ตัวอีกทีฮาริก็ขนของเสร็จไปแล้ว แถมมายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“แหมๆ ไทกะคุงพ่อพระของทีมถูกใจหนุ่มน้อยเขตHเหรอจ๊ะ?”
“ม-ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยนะ ก็แค่…เอ่อ…”
“โอ้ ที่แท้ก็ยืนดูเฮียวกะอยู่นี่เอง”ฟุบุคิที่เดินมาตรวจสอบหลังร้านเข้าร่วมวงสนทนา
“คุณรู้จักเขาเหรอคะ?”
“อืม เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ทำงานที่นี่ เขาเคยบอกว่าอยากเป็นเหมือนฉันฉันก็เลยสอนบางอย่างให้เขาไปบ้างน่ะ”
“จะว่าไป เขาใส่เสื้อของฮาคุเรนนี่คะ ทำไมเขาไม่ไปแข่งล่ะ?”ฮาริถามพลางชี้ไปที่เด็กหนุ่มผู้มีผมสีกรมท่าชี้แหลมที่อยู่อีกฟาก ชุดของเขาเหมือนชุดของทีมฮาคุเรนไม่ผิดเพี้ยน
“ลองดูดีๆก่อนสิ เธอสังเกตที่สีของมันดีๆรึยัง”
“อืม…อะ!”
ทั้งคู่จ้องไปที่เขาสักพักก่อนจะสังเกตเห็นข้อแตกต่าง ถึงดีไซน์จะเหมือนกันแต่สีต่างการอย่างสิ้นเชิง
“ใช่ มันเป็นเสื้อเมื่อสิบปีที่แล้ว รึจะพูดก็คือ เสื้อของฉันเอง”
“แล้วเขาไม่มีเสื้อปัจจุบันเหรอครับ?”
“จะมีได้ไงกันล่ะ เขาไม่ได้เป็นนักเรียนของฮาคุเรนด้วยซ้ำ”
“เอ๊ะ!?ทำไมล่ะคะ?”
“ก็อ่า… ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้ส่งเขาเรียนหรอกนะ แต่เขาปฏิเสธที่จะเรียนต่อมัธยม”
“แปลกนะครับ…”
“ฉันก็ไม่อยากถามเหตุผลมากนักหรอก แต่การศึกษามันไม่ได้การันตีความสำเร็จในชีวิตหรอกนะ”
“…นินทาผมพอรึยังครับ”
“เย้ย!?”ทั้งสามคนที่หันไปรวมหัวซุบซิบกันหันไปตามเสียง หนุ่มน้อยที่อยู่อีกฟากในตอนนั้น ตอนนี้กำลังยืนมองพวกเขาอยู่
“พักหลังมาคุณชอบเอาเรื่องของผมไปเล่าต่อบ่อยเกินไปแล้วนะครับ คุณฟุบุคิ”
“แหะๆ โทษทีน้าเฮียวกะคุง”
“…ในเมื่อผลไม้มาแล้ว ผมไปทำงานก่อนนะครับ”แล้วเขาก็เดินเข้าประตูหลังร้านไป
“เอ เย็นชาชะมัด”ฮาริบ่น
“เธอก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
“แต่ฉันยังแนะนำตัวบ้างนะ!”
“เอาเถอะๆ ทั้งคู่เข้าไปตากแอร์เย็นๆในร้านก่อนดีกว่านะ”
.
.
.
“ทำไมไม่มีใครเลยล่ะคะ?”ฮาริถามขึ้นขณะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“วันอาทิตย์กับวันพุธเราจะเปิดแค่ครึ่งวันน่ะ เพื่อเตรียมไอศกรีมล็อตใหม่ ก็โชคดีเลยที่ฮาคุเรนแข่งตอนบ่าย”
“แล้วคนเมื่อกี้ล่ะครับ?”
“เขารับงานเด็กเสิร์ฟกับคนเตรียมส่วนผสมน่ะ ฝีมือการใช้มีดหั่นผลไม้ของเขาดีพอตัวเลย”
“เหไทกะจัง ปกตินายไม่ถามถึงคนแปลกหน้านะเนี่ย รึนายจะชอบเขาเข้าแล้วน่ะ”ฮาริเท้าคางกับโต๊ะมองไทกะแบบจับผิด เธอเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ทำตัวแปลกไป
“ก็แค่สงสัยเองนะ…เธอคิดมากไปเอง”
“แหม ฉันจะเชื่อวันนึงแล้วกันนะสหาย”
“หุๆๆ ถ้าจะจีบล่ะก็ยากหน่อยนะ เขาค่อนข้างซึนเลย”
“ก็บอกว่าแค่สงสัยไงครับ!”ไทกะเริ่มหน้าแดงขึ้นมานิดนึงจากการถูกแซวมากเกินไป ทำเอาฟุบุคิขำด้วยความเอ็นดู
“ฮะๆๆๆ เอาเถอะ น่าจะมีของบางอย่างเหลืออยู่บ้าง เดี๋ยวฉันเลี้ยงสักวันแล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับ/ค่า”เด็กน้อยทั้งสองขอบคุณผู้ใหญ่ใจบุญที่เดินเข้าครัวไปทำบางอย่าง
สิบนาทีผ่านไป
“มาแล้วๆ”ฟุบุคิกลับมาพร้อมจานสองใบ เขาวางมันลงตรงหน้าทั้งคู่
“ของสาวน้อยจะเป็นเค้กช็อกโกแลตลาวากับไอศกรีมนม ส่วนไทกะฉันทำเครปผลไม้รวมแบบที่เธอชอบสั่งให้ล่ะ ทานให้อร่อยนะ”
“ขอบคุณนะคะ! ฉันฮาริค่า!”เด็กสาวแนะนำตัวอย่างร่าเริง เธอไม่มีทางเย็นชาใส่คนที่ใจดีขนาดนี้หรอก
“ฉันฟุบุคิ เธอน่าจะรู้อยู่แล้วแหละ วันหลังก็แวะมาอีกได้นะถ้าเธอติดใจ”
“ค่า! วันหลังฉันจะเอาพี่ชายมาด้วยล่ะค่ะ”
“หือ?”แต่ขณะที่ฮาริและฟุบุคิกำลังคุยกัน หางตาของไทกะก็สังเกตเห็นเด็กหนุ่มผมสีกรมท่านั่นกำลังจ้องเขาอีกแล้ว
‘คนๆนี้ แอบมองพวกเรางั้นเหรอ? ทำไมกันล่ะ?’
แม้ว่าไทกะจะไม่ใช่คนใจร้อน แต่บางครั้งเขาก็อยากได้คำตอบเลย เขาลุกขึ้นแล้วตรงดิ่งไปหาเฮียวกะที่ยืนมองพวกเขาจากหลังเคาน์เตอร์
“สวัสดี ผมชื่อคิชิเบะ ไทกะ คุณชื่ออะไรเหรอ”และยิงคำถามใส่ทันที ท่ามกลางความประหลาดใจของอีกสองคนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่ง
“…ยูคิมูระ เฮียวกะ”และคนที่ตกใจกว่าดูจะเป็นฟุบุคิ การที่ลูกศิษย์ของเขาผู้เข้ากับคนอื่นได้ยากมากๆยอมตอบคำถามนับได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกสุดๆ
“พึ่งมาทำงานสินะ”
“อยู่มาเป็นเดือนแล้ว แค่อยู่หลังร้าน”
“แล้ว ทำไมถึงมองผมตั้งสองรอบล่ะ?”
“…ไม่ได้มองนาย”โกหกกันดื้อๆเลย
“เอาน่าๆ ผมไม่ถือสาอยู่แล้วล่ะ”
“…”เฮียวกะเบือนหน้าหนีไม่พูดอะไรต่อ
“งั้น โชคดีนะ”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะพูดอะไรต่อ ไทกะก็หันหลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะ
“ก-ก็”
แต่แล้ว
“นาย…ท-เท่มาก เลยนี่…”เฮียวกะก็ยอมพูดบางอย่างออกมา พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนจากสีขาวหิมะเป็นชมพูอ่อนๆ
“เมื่อเช้าน-น่ะ คือว่า คือ…”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดนะเฮียวกะ”
เมื่อเห็นลูกจ้างตัวน้อยเริ่มเลิกลั่ก ฟุบุคิก็เดินมาลูบหัวเด็กชายเบาๆ เป็นวิธีเรียกความกล้าให้เด็กคนนี้
“ค-ครับ ฮึบ!”เขารวบรวมความกล้าทั้งหมด
แล้วพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
“ม-เมื่อเช้าน่ะนายเท่มากๆเลยล่ะ! ท่าหลบลีกนั่นที่กวาดทุกอย่างออกไปแบบนั้นมันส-สุดยอดมากเลย! แถมตอนที่ยิงลูกหลอกเข้าไปตอนนั้นก็เจ๋งไปล-เลยด้วย! อยู่ๆก็ได้จ-เจอตัวเป็นๆฉันตกใจและก็ดีใจมากเลยนะ!”
“…อ๋อ”และพอเฮียวกะยอมพูดออกมาจนหมด ทุกคนก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว
ในการแข่งครั้งแรกนั้น เฮียวกะได้กลายเป็นแฟนคลับของไทกะเข้าให้แล้ว
โย้วๆ ถ้าถามว่าทำไมตอนนี้มาเร็ว คืออย่างงี้ครับ ตอนที่หนึ่งถึงจะปั่นแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้แต่งมาหลายปี เลยต้องรื้อฟื้นกันบ้าง ส่วนตอนที่สองบอกตามตรงเลยนะครับว่าจนถึงทุกวันนี้ ผมยังหานิยายอินาซึมะที่บรรยายฉากแข่งไม่เจอเลยค้าบบบบบ นั่นเลยทำให้ผมต้องจำใจหาทางเขียนออกมาให้รู้เรื่องที่สุด บวกกับตอนนั้นผมติดทั้งการเรียนจบมัธยม การสอบgatpat ทำให้ตัวผมไม่ได้กดเข้าเว็บนี้อีกเลย แต่ในตอนนี้มือก็กลับมาลุกโชนแล้ว แถมด้านเนื้อหาผมก็ไม่ต้องรีเสิร์ชอะไรเพิ่ม มันเลยเร็วอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
อย่างไงก็ หวังว่าทุกคนจะยังติดตามการเดินทางของทั้งตัวผม และเหล่าบรรดาหนุ่มสาวที่น่ารักน่าชังพวกนี้ต่อไปนะค้าบ สำหรับตอนนี้ บะบายค้าบ
ความคิดเห็น