คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5
“นี้ เซน อย่าอ่านแต่หนังสือสิ”
เด็กชายผมทองกล่าวออกมาหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ที่รถไฟได้ออกมาจากสถานี
“...”
เด็กชายไม่สนใจว่าคนข้างหน้านั่นจะทำยังไง เพราะตอนนี้เด็กชายนั่นเริ่มที่จะรำคาญอีกฝ่ายมากๆเลย นั่นจึงทำให้เด็กชายหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแถมยังไปปิดหนังสือวางไว้อีกฝั่ง
“หึหึ น่ารำคาญ~ เสียงร้องของเธอเวลาโดนทรมานจะเป็นไงนะ~”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับจับคางอีกฝ่าย นั่นจึงทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงเป็นอย่างมากและเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพยายามที่จะดิ้นให้ออกจากตัวเด็กชาย
“กลัวเหรอ~ นั่นสินะ ก็เพราะตัวฉันเป็นแบบนี้นิ”
“ถึงทำให้ไม่มีเพื่อน”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับปล่อยมือออกจากคางอีกฝ่ายพร้อมกับกำลังจะกลับไปอ่านหนังสือไว้เหมือนเดิมแต่อีกฝ่ายจับข้อมือของเด็กชายแล้วลากเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ถึงฉันจะกลัวนายเมื่อกี้ แต่..”
“ฉันบอกแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกับนายก็จะเป็น”
เด็กชายผมทองกล่าวออกมานั่นจึงทำให้เด็กชายที่ตอนแรกที่จะเตรียมตัวที่จะต่อยอีกฝ่ายหยุดมือไว้และมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูตอนนี้จะจริงจังผิดกับตอนเจอกัน
“ถึงผม..จะเป็นคนสองบุคลิกนะเหรอ”
เด็กชายกล่าวออกมาเพราะตัวเองรู้ตัวอยู่แล้วว่าตนนั่นเป็นพวกสองบุคลิกถึงในอดีตจะพยายามควบคุมยังไงก็ตาม หาเพื่อนยังไงก็ไม่ทางได้ทัน เพราะเมื่อได้แล้วไม่นานบุคลิกที่สองก็ออกมาตลอดนั่นจึงทำให้เด็กชายเริ่มที่จะไม่มีเพื่อนและไม่สนใจมัน แต่ในใจตัวของเด็กชายก็อยากที่จะได้เพื่อนอยู่ดี
เด็กชายผมสีทองเมื่อเห็นว่าเด็กชายถามและดูจะการพูดแล้วน่าจะเป็นคนละบุคลิกกัน นั่นจึงทำให้เด็กชายผมทองยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้า
“อืม ไม่เป็นไรฉันจะเป็นเพื่อนกับนายเอง เซนเพื่อนสนิทที่จะพยายามรับมือกับบุคลิกที่สองเอง”
“หึ ถ้าเธอเลิกเป็นเพื่อนกับฉันเมื่อไร ฉันจะทรมานเธอให้ตายทั้งเป็น”
เด็กชายกล่าวออกมาโดยที่มีรอยยิ้มที่แปลกประหลาดอยู่แต่เด็กชายผมทองก็ได้แต่ยิ้มรับ เพราะบอกไปแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกับคนข้างหน้าเขาก็จะเป็น
“อืม ฝากตัวอีกรอบนะเซน”
“อา ผมขอฝากตัวด้วยนะ นิโค
เด็กชายกล่าวออกมาโดยการที่ยิ้มให้แต่ใบหน้าก็ยังนิ่งๆอยู่ แต่เด็กชายผมทองก็ไม่ได้ว่าอะไร เด็กชายนั่งลงและดูเหมือนว่าจะนั่งอ่านหนังสือต่อแต่ดูอีกฝ่ายไม่อยากให้เด็กชายอ่านหนังสือต่อ
“เซน คิดว่าจะได้อยู่บ้านไหนเหรอ”
“ไม่รู้”
เด็กชายตอบมาทันทีโดยที่ไม่สนอีกฝ่ายถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันแบบจริงๆแล้วก็ตามแต่เด็กชายก็มีนิสัยที่ไม่ค่อยสนใจคนอื่นเป็นนิสัยแล้ว จึงทำให้ไม่ค่อยสนใจอีกฝ่ายเท่าไร
“ฉันคิดว่าแค่ไม่ใช่กริฟฟินดอร์ก็พอ”
เด็กชายได้ยินแบบนั่นก็ทิ้งหนังสือที่อ่านไปสนใจอีกฝ่ายที่นั่งข้างๆเพราะตัวของเด็กชายดูแล้วว่าบุคลิกแบบนี้น่าจะได้อยู่กริฟฟินดอร์มากกว่าถ้าอ่านตามหนังสือ กริฟฟินดอร์เป็นบ้านที่มีความกล้าหาญและช่วยเหลือคนอื่นนิ
“ทำไม”
“ก็ไม่รู้สิ ดูแล้วน่าจะวุ่นวายละมั่ง”
เด็กชายผมทองกล่าวออกมานั่นทำให้เด็กชายถึงกับอยากที่จะเอามือไปต่อยอีกฝ่ายยังไงไม่รู้
‘วุ่นวายเหรอ แค่นี้นายก็มาวุ่นวายชีวิตผมแล้ว’
“จะไปรู้เหรอ อยู่กริฟฟินดอร์อาจจะน่าสนใจก็ได้”
“พูดแบบนี้ อย่าบอกนะว่านายอยากอยู่กริฟฟินดอร์นะ”
“หึ ขอบายดีกว่า ถึงอยู่บ้านนั่นคงวุ่นวายแย่”
เด็กชายกว่าออกมาพร้อมกับหันไปสนใจหนังสือต่อแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงหนังสือมาไว้ที่ตัวเองแถมยังเปิดอ่านอีกด้วย
“นิยายเลือดสาด เหรอ”
“เอาคืนมา”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับพยายามแย่งหนังสือออกมาจากมืออีกฝ่ายแต่อยู่ๆดันสะดุดเท้าตัวเองจนล้มไปทับกับอีกฝ่าย หน้าทั้งคู่แดงออกมา หลังจากที่ทับประมาณนาทีหนึ่งเด็กชายก็ลุกขึ้นพร้อมกับเอาหนังสือออกมาจากอีกฝ่าย
“หึ ถ้ามีอีกครั้งเธอตายแน่~”
จากนั่นภายในห้องนั่นเงียบเป็นป่าช้า แต่ยังดีว่ามีคนบอกว่าอีกไม่นานจะถึงฮอกวอตส์ให้เปลี่ยนเสื้อ จนทั้งสองเปลี่ยนเสื้อกันเสร็จจนรถไฟนั้นหยุดอยู่ที่สถานีฮอกส์มีด เด็กชายเดินออกมาโดยที่ไม่ใจอีกฝ่ายแต่เมื่อเด็กชายผมทองเห็นก็รีบลุกตามไป
“ปีหนึ่งมาทางนี้!”
ชายคนหนึ่งตะโกนออกมานั่นจึงทำให้เด็กชายเดินตามเสียงนั่นไป เด็กชายผมทองที่เห็นว่าเพื่อนตนเดินไปตามเสียงก็รีบวิ่งตามไป
“ขอโทษ เซน วันหลังจะไม่แย่งหนังสือนายอีกแล้ว”
เด็กชายผมทองกล่าวออกมาพร้อมกับเดินง้ออีกฝ่าย แต่เด็กชายหาสนใจไม่ เดินชายนั่นหันไปทางอื่นจนอีกฝ่ายกล่าวออกมา
“ถ้าหางอน ฉันมีนิยายเลือดสาดอยู่ที่บ้านอีกเยอะจะให้ที่บ้านส่งมาให้นายอ่าน เอาไหม”
เด็กชายหยุดสักพักแล้วก็หันมาหาอีกฝ่ายด้วยสายตาที่น่ากลัวนั่นจึงทำให้เด็กชายผมสีทองรู้แล้วว่าคนตรงหน้านั่นเปลี่ยนบุคบิกไปแล้ว
“น่าสนใจ อย่าลืมนะ”
“อืม”
จากนั่นเดินชายก็เดินไปพร้อมกันจนชายที่ตะโกนนั่นเรียกให้มารวมตัวกันแน่นอนว่าเด็กชายนั่นทำหน้าเบื่อสุดๆ
‘น่ารำคาญ’
“ตามฉันไปขึ้นเรือ”
ชายคนนั่นตะโกนออกมาพร้อมกับโบกมือให้กับนักเรียนปีหนึ่งให้ตามมาและทุกคนในที่นี้ก็ตามกันอย่างว่าง่าย เรือไม้ขนาดเล็กมาจอดอยู่ต่อหน้าเหล่านักเรียนปีหนึ่งและดูจะบรรจุได้สองถึงสามคน เด็กชายเลยจับมืออีกฝ่ายไปนั่งเพราะไม่อยากนั่งกับคนอื่น
ปราสาทหลังใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าเป็นปราสาทที่สวยงามและดูเข้ากับความมืดยามราตรีแต่ก็ดูพิศวงอยู่ไม่น้อย ปราสาทที่สร้างโดยหินที่ดูงดงามทำให้เด็กเด็กชายไม่สามารถหลบสายตากับมันได้
เรือไม้ได้มาจดที่ประตูทางเข้าฮอกวอตส์ เกล่านักเรียนได้ลงมาอยู่ด้านหน้าปลายทางได้มีหญิงสาวรออยู่
“ขอต้อนรับสู่ฮอกวอตส์ ในไม่ช้าพวกเธอทุกคนจะได้เดินผ่านประตูนี้เข้าไปในห้องโถงใหญ่เพื่อที่จะพบกับเหล่าเพื่อนร่วมชั้นและรุ่นพี่ แต่ก่อนที่เธอจะนั่งประจำที่ พวกเธอทุกคนต้องผ่านการคัดสรรเข้าบ้านทั้งสี่ก่อน...”
“ซึ่งมีกริฟฟินดอร์ สลิธีริน ฮัพเฟลพัฟและเรเวนคลอ”
หญิงสาวกล่าวเสร็จไม่นานประตูไม้ก็เปิดต้อนรับผู้มาเยือน เหล่านักเรียนปีหนึ่งเดินตามหญิงสาวที่ดูท่าทางแล้วอาจจะเป็นศาตราจาย์ หญิงสาวพาเดินมาถึห้องโถงใหญ่ที่มีโต๊ะอยู่สีแถวและเหมือนจะแบ่งตามบ้าน โดยที่บริเวณหัวโต๊ะนั่นจะเง้นไว้สำหรับนักเรียนปีหนึ่ง ข้างหน้ามีศาตรจาย์อยู่ เพดานเวทย์มนตร์ที่ดูเหมือนกับท้องฟ้ายามมีด้านนั่นทำให้เด็กชายตาเป็นประกายออกมา
“พวกเธอทั้งหมดรออยู่ตรงนี้”
หญิงสาวทำสัญญาณเพื่อให้นักเรียนปีหนึ่งหยุดและดูเหมือนว่านักเรียนปีหนึ่งทุกคนจะอยู่กลางห้องโถงใหญ่และมีพื้นที่ว่างอยู่ด้านหน้ามีเก้าอี้และหมวกใบเก่าสีทึบอยู่
“ก่อนที่พิธีคัดสรรจะเริ่มขึ้น ศาตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์อยากจะขอกล่าวอะไรสักเล็กน้อย”
หญิงสาวกล่าวออกมาพร้อมกับมีชายคนนึงที่อยู่ตรงกลางลุกขึ้นมาจากเก้าอี้พร้อมกับกำลังจะกล่าวอะไรสักอย่าง
“ขอต้อนรับทุกคนกลับสู่ฮอกวอตส์และยินดีต้อนรับเหล่านักเรียนปีหนึ่งทุกคน ขอให้ทราบและจำให้ขึ้นใจทุกคนด้วยว่า ป่าต้องห้าม เป็นเขตหวงห้ามสำหรับนักเรียนทุกคน จงหมั่นตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและอย่าลืมที่จะสร้างมิตรภาพกับเพื่อนฝูง ชัยชนะจะทำให้แต้มให้บ้านของพวกเธอ ขอบใจ”
จากนั่นชายคนนั่นก็นั่งลงไปจากนั่นหญิงสาวก็หยิบหมวกใบเก่าขึ้นเพื่อที่จะดำเนินการไปขั้นต่อไป
“เมื่อฉันขานชื่อใคร จงก้าวออกมา”
“ฉันจะสวมหมวกคัดสรรนี่ไว้บนหัวของพวกเธอทุกคนและเธอจะถูกจัดว่าพวกเธอทุกคนนั่นเหมาะจะไปอยู่บ้านไหน”
หญิงสาวกล่าวออกมาพร้อมกับขานชื่อแรกไป หญิงสาวขานไปเรื่อยๆแบบไม่รีบร้อยแต่ส่วนใหญ่จะไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์กันมากกว่า
“เบลลาทริกซ์ แบล็ก”
เด็กสาวผมสีดำฟูและดวงตาสีเขียวเดินออกมาอย่างสง่านั้นทำให้เด็กชายสนใจในตัวของเด็กสาวเป็นอย่างมาก
“สลิธีริน!!!”
จนรายชื่อถูกเรียกออกมาไปเรื่อยๆ นั้นจึงทำให้คนที่ยังไม่ถูกเรียกเริ่มมีอยู่น้อยเต็มทีจนมาถึงเด็ฏชายผมทองอย่างนิโค
“นิโค เอซ น็อตต์”
หญิงสาวกล่าวออกมาพร้อมกับเด็กชายผมทองที่อยู่ใกล้ๆเด็กชายนั่นเดินออกมาเบื้องหน้าที่อีกไม่นานจะได้รู้โดยที่เด็กชายมองอยู่นั่น หญิงสาววางหมวกไปแปปเดียวก็ประกาศ
“เอาละ!ใช่แล้ว! สลิธีริน”
ชื่อยังประกาศต่อไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ชื่อของเด็กชายนั่นทำให้ทั้งห้องมองเป็นตาเดียวก็เพราะว่า
“น็อคติส เซน เพฟเวอเร็ต”
เด็กชายเดินออกมาเบื้องหน้าโดยที่ผู้คนในห้องมองเป็นตาเดียวแถมเด็กชายผมทองที่ตอนนี้ได้เป็นเพื่อนกับแล้วนั่นถึงขั้นสำลักน้ำฟักทองออกมาเลยก็ว่าได้
“เพฟเวอเร็นนี้ตระกูลที่เกี่ยวกับยมทูตนิ”
“ได้ข่าวว่าตระกูลล่มสลายแล้วนิ”
“ต้องเขาไปทำความรู้จักซะแล้วสิ”
“เพฟเวอเร็ตเหรอ เป็นไปได้ไง”
เสียงมากมายที่กล่าวออกมาแต่เด็กชายก็ไม่สนใจเสียงเหล่านั่นเด็กชายเดินตรงไปที่เก้าอี้อย่างสง่างามแต่สายตานั่นจับจ้องไปที่เหล่าผู้ที่แอบนินทาตนอยู่ จนเด็กชายนั่งลงที่เก้าอี้และหมวกคัดสรรถูกสวมอยู่ที่เด็กชาย
“อืม ยากใช้ได้ เจ้าผู้ใฝ่เรียนรู้และรักในการอ่านหนังสือแต่ก็มีความที่กระหายอำนาจอยู่ไม่ใช้น้อย”
หมวกคัดสรรกล่าวออกมาหลายรอบและเด็กชายก็นั่งรอคำประกาศอยู่แถมผู้คนข้างล่างยังจำจ่อมองเด็กชายจนเด็กชายเลยทดไม่ไว้
“เร็วๆสิ~ก็ที่ฉันจะพยายามเผาคุณ หึหึ”
“ได้โปรดอยากเผาข้าเลยหนุ่มน้อย ข้าตัดสินใจได้แล้วตัวเจ้าน่าจะเหมาะกับบ้านหลังนี้มากกว่า”
“สลิธีริน!!!!”
หมวกคัดสรรกล่าวออกมา เสียงต้อนรับจากบ้านสลิธีรินดังขึ้นแต่สายตาของคนอื่นและอาจาย์ยังคงจับจ่อไปที่เด็กชายและดูมีคนนึงที่จับจ้องเด็กชายเป็นพิเศษนั่นก็คือ นิโค เอซ น็อตต์
ความคิดเห็น