คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EP [4] ภัยที่คืบคลาน ✓
ปัง!
ปัง! ปัง! เอี๊ยดด!
เสียงล้อรถเสียดสีดังทั่วท้องถนน
รถคันหนึ่งเบรกตัดหน้าขบวนรถจึงต้องเบรกหยุดรถกันอย่างระมัดระวัง
อีกทั้งเสียงปืนที่ดังขึ้นยังทำให้เหล่าบอดี้การ์ดตื่นตัวรู้ได้ในทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
“คุณหนูหมอบลงไปครับ!!”
ทิมที่รู้สึกตัวจากการกราดยิงล้วงลงไปใต้เบาะรถที่มีปืนพกเก็บซ่อนอยู่
พลางหันไปบอกคุณหนูของตนให้ก้มหัวให้ต่ำที่สุด ถึงแม้รถจะกันกระสุนแต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ไว้ใจได้
“!!” ไอวี่ที่ตกใจก้มลงตามคำบอกของทิม เมื่อตั้งสติได้ก็คว้าหยิบปืนใต้เบาะรถทันที
เห็นเธอเป็นแบบนี้แต่เธอก็มีทักษะการยิงปืนมาบ้างเหมือนกันแน่นอนว่าคนที่สอนคือคิว
“รู้ไหมว่าพวกไหน!”
“ยังไม่ทราบครับ”
ทิมจัดการลดกระจกลงเล็กน้อยก่อนจะยิงตอบโต้ศัตรูก่อนจะยกเครื่องมือสื่อสารติดต่อกับบอดี้การ์ดคนอื่น
ไอวี่ไม่รอเป็นภาระลูกน้องเธอขันไกปืนพลางสอดส่องด้านนอกหน้าต่างไปด้วยและเมื่อเห็นว่ามีศัตรูเข้ามาในระยะที่สามารถจัดการได้เธอก็ไม่ลังเลเลยที่จะยิง
คิวเคยสอนเอาไว้ว่าหากศัตรูไม่ตายก็เป็นตนเองที่ต้องตาย..
ปัง! ปัง!
เสียงทิมคุยผ่านวิทยุสื่อสาร
ไอวี่รู้สึกตื่นตระหนกที่ทุกอย่างชุลมุนจนฟังไม่รู้เรื่อง
ทว่าครู่หนึ่งทุกเสียงก็เงียบลงจนได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นมา
“เตรียมตัวเดี๋ยวฉันจะไปรับ”
เสียงคิวดังขึ้นพร้อมๆ
กับเสียงปืนที่ดังแว่วเข้ามา ไอวี่เก็บของก่อนจะรออีกฝ่ายมารับระหว่างนั้นเธอก็ช่วยยิงสกัดศัตรูด้วย
อีกด้านหนึ่ง
คิวที่อยู่บนรถยกปืนยิงตอบโต้ศัตรูที่กำลังล้อมเข้ามาก่อนจะขับรถแซงคันอื่นๆ
ตามขึ้นไป ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเพราะพวกมันมีไม่ต่ำกว่าสามสิบคน และเมื่อเห็นรถของคิวที่เคลื่อนที่อยู่คันเดียวพวกมันจึงกราดยิงมาอย่างต่อเนื่อง
คิวเสียเปรียบเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ยากเกินกว่าความสามารถเพราะลูกน้องที่มีน้อยกว่านั้นคอยช่วยกันยิงสกัดให้ทั้งด้านข้างและด้านหลังจึงทำให้คิวเห็นช่องทางขับรถไปต่อได้
“เชี่ยเอ้ย!”
คิวสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อเขาจะเปิดประตูรถแต่ก็โดนดักยิงกันเอาไว้
เขาจัดการยิงตอบกลับไปอย่างหงุดหงิดก่อนจะเหยียบคันเร่งเพื่อไปจอดตีคู่กับรถของทิม
ทิมเห็นว่าเจ้านายของตนขับมาจอดเทียบข้างห่างเท่าที่ควรก็เปิดประตูรถออกมายิงสกัดคุ้มกันให้
“คุณคิวมาแล้วครับ!” ทิมพูดพลางยิงสกัดศัตรูเอาไว้เพื่อให้คุณหนูได้เปลี่ยนรถ ทว่าเมื่อคุณหนูของทิมเปิดประตูศัตรูก็ยิงสกัดเสียก่อน
ปัง!
ปังๆ! กรี๊ดด!
คิวเห็นท่าไม่ดีเลยวิทยุสื่อสารให้เมืองสิงห์ที่ขับปิดท้าย
ยิงสกัดพวกที่ล้อมหลังไม่ให้ยิงผ่านมาทางนี้ได้
“ขึ้นมาเร็ว!” คิวเปิดประตูรถของตนก่อนจะสั่งไอวี่เสียงเข้ม หน้าตาตึงเครียดทำให้ไอวี่ทำตามอย่างว่าง่าย
เธอเปิดประตูรถก่อนจะขึ้นไปนั่งแล้วรีบปิดประตู “คาดเบลท์และถือปืนเอาไว้ให้ดี
จำที่สอนได้รึเปล่า!”
“จำได้!” ไอวี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี
เสียงสบทจากคิวทำไอวี่ตกใจ
ไม่ใช่อะไรเพราะเธอไม่เคยเห็นเขาหงุดหงิดและกระวนกระวายขนาดนี้มาก่อน และสิ่งที่ทำให้คิวสบทออกมานั้นคืออีกฝ่ายไม่สามารถขับรถเลี่ยงไปจากสถานการณ์นี้ได้
เพราะมีรถของศัตรูปิดด้านหน้าและหลังเอาไว้!
“สิงห์เปิดทางให้ฉัน”
คิวกรอกเสียงลงในเครื่องมือสื่อสารให้เมืองสิงห์เปิดทางด้านหลังให้
และด้วยความที่เป็นมืออาชีพเมืองสิงห์ก็จัดการได้ในเวลาต่อมา คิวเอี้ยวตัวมองทางด้านหลังจัดการหมุนพวกมาลัยรถด้วยมือข้างเดียวก่อนจะใช้ทักษะถอยรถจนรถเคลื่อนตัวถอยหลังแล้วหมุนกลับลำได้ในที่สุด
คิวรีบขับรถออกจากสถานการณ์นั้นในทันทีเพราะรู้ว่าด้านตนเองเสียงเปรียบมากแค่ไหน
ถึงจะต้องเสียลูกน้องไปบางส่วนก็ต้องยอมเพราะคนที่สำคัญและจะต้องปลอดภัยคือหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
ของเขา!
“คิว!” ไอวี่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มมอเตอร์ไซต์น่าสงสัยขับตามมา แน่นอนว่าต้องเป็นศัตรูเพราะพวกมันคว้าปืนขึ้นมาแล้ว!
“หมอบลง!” คิวสั่งเสียงเข้ม มือข้างหนึ่งขับรถอีกข้างใช้ยิงสวนขู่ ก่อนจะหักเลี้ยวไปอีกทางที่เป็นทางเปลี่ยว
คิวเร่งความเร็วจนทิ้งห่างมาพอสมควร เมื่อเห็นว่ามีเวลาคิวก็เหยียบเบรกหมุนพวงมาลัยจนรถกลับตัว
“เอาปืนมา”
คิวบอกไอวี่เสียงเครียด
“นี่
จะไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ไอวี่ถามเสียงสั่นก่อนจะส่งยปืนให้กับคิว แรกเริ่มเพราะเธอตกใจจึงทำทุกอย่างได้โดยสัญชาตญาณทว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“ก้มหน้าลงไป
ถ้าฉันไม่บอกให้ลงมาก็อยู่ในรถจนกว่าจะจบเรื่อง เข้าใจรึเปล่า” คิวกำชับเสียงเข้ม
หน้าตาบ่งบอกว่าจะต้องเชื่อฟังเท่านั้น!
ไอวี่พยักหน้า
ทว่าเมื่อเห็นว่าคิวจัดการเหน็บปืนของเธอไว้ด้านหลังกำลังจะออกไปเธอจึงคว้ามือแกร่งเอาไว้
“นายจะไปไหน”
“...”
คิวไม่ตอบแต่ใช้สายตาดุเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
ดวงตาของไอวี่สั่นคลอนเพราะกลัวว่าคิวจะเป็นอะไรไป “ฉันจะไม่ตาย”
คำพูดของคิวทำให้เธอยอมปล่อยมือ
และเมื่อไอวี่ปล่อยมือคิวก็เปิดประตูรถลงไป ไอวี่ได้ยินเสียงล็อครถ แน่นอนว่าต้องเป็นคิวที่ทำแบบนั้น
เธอรีบหันไปมองคิวด้วยความเป็นห่วง
คิวลงจากรถมาก็รีบวิ่งไปด้านหลังเพื่อให้ตัวรถกำบังตัวเองเอาไว้เมื่อรถมอเตอร์ไซต์ของศัตรูเข้ามาในระยะจึงยกปืนเล็งที่ลำคอ
ความจริงต้องเล็งที่หัวแต่พวกมันใส่หมวกกันน็อคเอาไว้ทุกคน หากจะยิงที่ลำตัวก็กลัวจะมีเสื้อกันกระสุน
เล็งที่คอหรือช่วงแขนน่าจะเป็นการดีที่สุด เมื่อล็อคเป้าหมายได้คิวก็กดเหนี่ยวไกลทันที
ปัง!
ปัง! ปังๆ! เอี๊ยดด! โครมม!
คิวยิงศัตรูล่วงไปสามคันเหลืออีกไม่กี่คันด้านหลังที่รู้ทันหลบหลีกไปได้
คิวยิงสวนไปอีกครั้ง คราวนี้เก็บศัตรูได้สองคนทว่าจังหวะที่เขาเอี้ยวตัวหลบแขนของเขาก็ถูกยิงโดยศัตรูคนหนึ่งเสียแล้ว
คิวสบทเสียงดังพร้อมกับความเจ็บตรงแขน
ทว่าแผลแค่นี้ไม่ได้ทำอะไรคิวได้เลยแม้แต่น้อย
ร่างสูงสะบัดความเจ็บปวดก่อนจะทิ้งกระบอกปืนที่หมดกระสุนแล้วเอื้อมหยิบปืนอีกกระบอกที่พกเอาไว้ด้านหลังขึ้นมายิงโต้ตอบอีกครั้งเพราะศัตรูยังเหลืออยู่อีกสองคัน
ศัตรูจอดรถก่อนจะใช้ตัวรถเป็นที่กำบัง
พวกมันสองคนยิงสวนมาคล้ายจะจัดการคิวให้ได้ คิวเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มคำนวณระยะยิงด้วยสายตาก่อนจะลั่นไกปืนไปตรงถังน้ำมันรถของพวกมัน
ปังๆ! ปังๆ! พรึ่บ! ตู้มม!
หลังจากที่คิวยิงตัวรถก็ระเบิดในทันที
ทำให้ศัตรูถูกระเบิดและไฟครอกตาย คิวเห็นว่าเหตุการณ์กลับมาสงบลงแล้วจึงเดินเข้าไปที่ร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่นอนเกลื่อนกราด
ก่อนจะค้นตัวพวกมันและพบบางอย่างเข้า คิวหยิบสองสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่เกือบจะโชกไปด้วยเลือดแล้วเดินกลับมาที่รถของตนเอง
“นี่
นายไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ไอวี่ถามเสียงสั่น
“อืม”
คิวตอบรับก่อนจะหาบางสิ่งบนรถตัวเอง
“คิว!
นายโดนยิงเหรอ!” ไอวี่เห็นเลือดซึมออกมาจากเสื้อที่มีรอยกระสุนยิงทะลุก็เลยรู้สึกกลัวขึ้นมา
“ไม่ได้สำคัญ”
คิวปัดก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ไม่สำคัญอะไรล่ะนายโดนยิงนะ
เจ็บมากรึเปล่ามีอาการแปลกๆ อะไรมั๊ย?! นาย..นายต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
“ฉันอยู่ในซอยเปลี่ยว”
จบคำคิวก็เหวี่ยงโทรศัพท์เอาไว้แถวๆ คันเร่งเกียร์ ก่อนจะโยกตัวเหวี่ยงเสื้อตัวนอกไว้ด้านหลังรถทว่ามือของเขาถูกมือบางคว้าเอาไปจับไว้
“อะไรของเธอ”
“นายต้องไปหาหมอ!”
ไอวี่ตะหวาดขึ้นมาเพราะดูเหมือนคนถูกยิงจะไม่สนใจคำสั่งของเธอแถมยังนั่งวิเคราะห์สิ่งของที่หยิบติดมือมานั่นอย่างสบายอารมณ์ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งถูกยิงมาเลยแม้แต่น้อย!
คิวถอนหายใจด้วยความหน่าย
แผลที่แขนไม่ได้เจ็บเลยแม้แต่น้อย ทว่าที่เขาแสดงท่าทางแบบนี้ก็เพราะสีหน้าที่น่ารำคาญของหญิงสาวต่างหาก
“เดี๋ยวทิมจะมารับเธอไปส่งที่เรือนแก้วเตรียมตัวซะ”
“ไม่!
ฉันสั่งให้นายไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินเหรอไง!”
“ไปส่งเธอก่อนค่อยแวะไปก็แล้วกัน”
คิวถอนหายใจออกมาอีกรอบ
เอ่ยรับปากไปเพื่อจะได้จบเรื่องโดยเร็ว สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คิวรับสายลูกน้องทันที
“อย่างนั้นก็พาทิมกับทุกคนกลับไปก่อน
เดี๋ยวฉันจะไปส่งเอง”
คิววางสายก่อนจะสตาร์ทรถของตนเองที่มีร่องรอยถูกยิงบ้างปะปลายกลับเรือนแก้วในทันที
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถึงที่หมาย คิวก็ลงรถมาด้วยสีหน้าที่ใครก็คาดเดาไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน
เป็นเมืองสิงห์ที่เดินเข้ามาเป็นคนแรก
“ผมให้พาคนเจ็บไปที่โรงหมอแล้วครับ”
คิวพยักหน้ารับ
โรงหมอที่ลูกน้องคนสนิทว่าก็คือโรงพยาบาลขนาดเล็กที่อยู่ในความดูแลของตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุล
“เอานี่ไปตรวจ
แยกเบอร์ที่โทรเข้าออกข้อความและสื่อโซเชียลทั้งหมด และเอานี่ไปเช็คให้ด้วย”
คิวยื่นสิ่งที่ตนแอบหยิบมาจากพวกมือสังหาร เป็นบางอย่างที่มีความเป็นเอกลักษณ์น่าจะหาข้อมูลมาได้ง่ายๆ
“รับทราบครับ”
เมืองสิงห์
คิวสั่งงานเพิ่มอีกเล็กน้อย
เพราะช่วงที่ทิมบาดเจ็บเมืองสิงห์จะต้องทำงานแทนในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งยังสั่งเปลี่ยนคนติดตามคุณหนูเรือนแก้วจากชุด
A เป็นชุด B ออกมาทำหน้าที่แทน
หลังจากสั่งงานเสร็จเมืองสิงห์ก็แยกย้ายไป
คิวหันกลับมาก็พบว่าคุณหนูเจ้าของเรือนแก้วยังยืนอยู่ที่เดิม
“ทำไมยังไม่เข้าไปข้างใน”
“นายโดนยิง..นายต้องไปหาหมอได้แล้ว”
สีหน้าไอวี่ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นห่วงแค่ไหน
ยิ่งคิวไม่คิดจะไปหาหมออย่างที่เธอหวังเธอจึงเอาแต่ยืนกดดันเขาไม่ยอมขยับไปไหน
“ถ้านายไม่ไปฉันจะโทรเรียกหมอกิตติมา”
“แค่โดนถากๆ
ทายาเดี๋ยวก็หาย” คิวพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน เพราะแผลที่ได้มานั้นแค่ถากๆ
ไม่ได้มีกระสุนฝังลึก ทว่าคุณหนูเจ้าของเรือนแก้วเหมือนจะไม่เชื่อคิวจึงเสื้อให้ดูแผลชัดๆ
“แค่ถลอกจริงๆ
นะ” ไอวี่เห็นว่าเป็นแผลที่โดนกระสุนเฉียดๆ ก็โล่งใจแล้วหันไปสั่งริต้าไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาให้ที่ห้องนั่งเล่น
“ตามฉันมา”
ไอวี่สั่งและแน่นอนว่าคิวทำตามอย่างว่าง่าย
“ไม่ต้องเดี๋ยวทำเอง”
คิวพูดขึ้นเมื่อไอวี่หยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์เพื่อจะมาเช็ดตรงช่วงแขนบริเวณรอบแผลให้
ก่อนจะแย่งอุปกรณ์ทั้งหมดไปทำด้วยตนเองโดยไม่สนใจสายตาเป็นห่วงเป็นใยหรืออยากจะทำให้
และนั่นทำให้หญิงสาวมองด้วยความไม่พอใจ
“นายรู้หรือเปล่าว่าเป็นฝีมือของใคร”
“ไม่ต้องไปสนใจ”
“ไม่ให้สนได้ไงมันเรื่องของฉันเหมือนกัน”
ไอวี่เกือบจะบอกว่าเป็นเพราะพวกมันทำคิวเจ็บเธอจึงยอมไม่ได้
ทว่าเธอกลับพูดคำอื่นไปแทน
“ให้คนไปสืบอยู่”
คิวพูดเสียงเรียบก่อนจะจัดการแผลตนเองต่อ
“ไม่เป็นอะไรมากใช่มั๊ย
อีกนานรึเปล่ากว่าแผลจะหาย”
“คงอีกสามสี่วัน”
คิวตอบ
ไอวี่ไม่วางใจยังคงมองสำรวจแผลของคิวอยู่อย่างนั้น
ทว่าระหว่างนั้นอีกฝ่ายดันพูดทำลายความเงียบ และสิ่งที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาทำเอาไอวี่โมโห
“อาทิตย์หน้าเธอมีนัดทานข้าวกับลูกชายนายกรัฐมนตรี”
“ฉันไม่ไป! ปู่จะให้ฉันไปดูตัวอีกแล้วล่ะสิ!” ไอวี่ตอบเสียงแข็ง
ทำไมปู่ต้องให้เธอไปดูตัวซ้ำๆ
ซากๆ ทั้งๆ ที่เธอก็บอกไปตั้งหลายครั้งว่าเธอไม่ชอบ ไอวี่เกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปู่ของเธอ
เกลียดที่ปู่ชอบบังคับ เกลียดจนไม่อยากจะได้ยินหรือรับรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับคนๆ
นี้ ทว่าเธอไม่เคยหนีพ้น ปู่ยังสั่งนู่นสั่งนี่ผ่านคิวมาตลอดเพราะรู้ว่าคิวสามารถควบคุมเธอได้
ไอวี่น้ำตาซึมขึ้นมาเมื่อเห็นว่าใบหน้านิ่งเฉยนั้นมองมาด้วยสายตาที่นิ่งเรียบเสียกว่าทุกครั้ง
มันเหมือนกับเขาจะบอกผ่านสายตาว่าอย่าทำตัวมีปัญหามากนัก
“นายมันก็ใจร้ายพอๆ
กับปู่ของฉันนั่นล่ะ! รู้ว่าฉันไม่ชอบแต่ก็ยังจะพาฉันไปดูตัว ถามจริงนายดูไม่ออกหรือไงว่าฉันเกลียดการบังคับเกลียดการจับคุมถุงชน! และที่ฉันเกลียดมากกว่านั้นคือการที่นายเป็นคนพาฉันไปดูตัวทุกครั้ง!”
ไอวี่ยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเสียใจที่จุกแน่นอยู่ในอก
“ใช่สินายจะไปรู้สึกอะไรนายไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉันอยู่แล้วนี่”
ใช่..เธอไม่ชอบที่คิวทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งๆ
ที่เขาอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เขาลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอชอบเขา เธอไม่อยากจะเป็นคนน่าสมเพสที่ต้องสวมหน้ากากเข้าหาผู้ชายที่ผู้ใหญ่เลือกให้ต่อหน้าคนที่ตัวเองชอบหรอกนะ!
“ก็มันเป็นหน้าที่ฉัน”
“หน้าที่
หน้าที่สินะ หึ ถ้านายชอบที่จะทำตามคำสั่งของคนบ้านนั้นนักก็เชิญ
เชิญไปรับใช้ปู่ฉันโน่นไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก!!”
ไอวี่มองหน้าคิวอย่างตัดพ้อแล้ววิ่งขึ้นมาบนห้องขังตัวเองเอาไว้กับความรู้สึกน้อยใจและเสียใจปนเปกันไปหมด
ไอวี่พยายามเข็มแข็งแล้วแต่ต่อหน้าคิวเธอไม่เคยทำมันสำเร็จเลยสักครั้ง ยิ่งสายตาเขาตอกย้ำว่าในนั้นไม่มีเธอก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นกว่าดิม
เธอรู้สึกพ่ายแพ้อีกครั้ง
และทุกๆ ครั้งคนที่ชนะก็ยังเป็นเขาเสมอ
ไอวี่หยิบซองสีน้ำตาลที่สั่งริต้าไปสืบขึ้นมาดู
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในก็ยิ่งตอกย้ำให้เธอเจ็บปวดขึ้นไปอีก
ภาพและข้อมูลของผู้หญิงที่ ‘คิริณ เกียรติเกรียงไกร’ หรือ ‘แคลร์’ ผู้หญิงที่ทำให้คิวเสียอาการ
ในนี้มีประวัติคร่าวๆ และมีรูปถ่ายหลายใบ ไอวี่อ่านและดูข้อมูลจนหมดทุกแผ่นก็ยิ้มขมขื่นขึ้นมา
ผู้หญิงที่ชื่อแคลร์เป็นแฟนของพี่คินทร์ที่เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับคิว
ข้อมูลทุกอย่างเหมือนกับที่สาลี่เพื่อนของเธอบอกทว่ามีบางสิ่งที่เธอเพิ่งจะรู้
คิวสนิทกับผู้หญิงคนนี้มาก
มากเสียจนภาพที่ริต้าหามาแปดในสิบใบจะมีภาพคู่ของทั้งสองคน อีกทั้งแต่ละภาพย้ำเตือนให้เธอได้รู้ว่าคิวมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองมากแค่ไหน
ดูได้จากรอยยิ้มในภาพเธอก็รู้
ว่าเธอไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้จากคนอย่างคิวกรณ์เลย..
ไม่รู้ว่าเธอหลับไปตอนไหน
พอตื่นขึ้นมารอบด้านก็มืดไปเสียหมด มองนาฬิกาก็พบว่านี่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆ ไอวี่ออกมาจากห้องนอกไม่ลืมหยิบซองสีน้ำตาลติดออกมาด้วย
เมื่อเดินออกมาด้านนอกก็เห็นว่าคนที่เฝ้าหน้าห้องเธออยู่ตอนนี้เป็นริต้าคนสนิทของเธอเอง
“ทำไมพี่ไม่ไปนอน”
“ตอนนี้เป็นเวรของฉันค่ะ”
“ในเรือนแก้วมีใครอยู่บ้าง”
เหมือนจะถามเป็นนัยๆ แต่คนสนิทของเธอก็รู้ดีว่าหมายความว่ายังไง
“มีแค่คุณทิมและลูกน้องบางคนค่ะ”
“แล้วเขาไปไหน”
“คุณคิวกับคุณเมืองสิงห์ออกไปตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วค่ะ
คืนนี้น่าจะไม่กลับ” ไอวี่เงียบไปพักหนึ่ง
“ไปเตรียมรถ
ฉันจะออกไปข้างนอก”
“คุณหนูจะไปไหนคะ”
พี่ริต้าถามแต่ฉันก็ไม่ได้บอกอะไรไป ขืนบอกแน่นอนว่าการที่แอบออกไปข้างนอกจะต้องรู้ถึงหูใครสักคนแน่ๆ
เมื่อคนเป็นนายไม่ตอบริต้าเองก็รู้หน้าที่
สั่งให้คนไปเตรียมรถและไม่วายแจ้งทิมที่เป็นคนสนิทกับเจ้านายอีกคนได้ทราบเอาไว้ก่อน
“คุณหนูจะไปไหนครับ”
เมื่อไอวี่แต่งตัวและลงมาด้านล่างก็พบกับทิมที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วเธอหันไปมองริต้าก่อนจะถอนหายใจ
“ผมเห็นคนเตรียมรถพอดีเลยเข้ามาดูครับ”
ทิมกล่าวขึ้นทันที
“จะออกไปข้างนอก
ไม่ต้องตาม”
“ไม่ได้ครับ
คุณคิวสั่งไว้ว่าให้ตามอารักขาคุณหนู..”
“ใครเป็นเจ้านายของนายกันแน่”
ไอวี่ถามอย่างไม่พอใจ
ทิมเองก็เงียบไปเพราะเจ้านายจริงๆ
ของตนคือคุณหนูไอวี่ และรองลงมาคือคุณคิว แต่แน่นอนว่าทุกๆ คนรู้ดีว่าถึงอย่างนั้นคำสั่งคุณคิวสำคัญกว่าเพราะความปลอดภัยของคุณหนูต้องมาก่อน
“คุณหนูครับ..”
ทิมทำท่าจะแย้งแต่ไอวี่ไม่เปิดโอกาสให้
“งั้นก็ตามนั้นไม่ต้องตามเพราะฉันจะไปกับริต้า”
ไอวี่สั่ง
ริต้ารู้หน้าที่จึงเดินไปเปิดประตูรถให้คุณหนูส่วนเธอจะเป็นคนขับรถเอง
เมื่อพร้อมริต้าก็ออกรถทันที
ทิมมองตามรถที่เพิ่งแล่นออกไปก่อนจะกดโทรศัพท์รายงานเจ้านาย
จากนั้นก็ให้คนเตรียมรถเพื่อที่จะได้ตามรถของคุณหนูไอวี่ไป
“จะไปไหนคะคุณหนู”
ริต้าถามทันทีที่ขับรถออกมาได้สักพักหนึ่ง
“พี่บอกทิมเหรอว่าฉันจะออกไปข้างนอก”
“เปล่าค่ะคุณทิมเธอทราบเอง”
ริต้าโกหกเพราะเธอไม่อยากให้คุณหนูมองเธอเป็นคนนอก “ตกลงคุณหนูจะให้ฉันขับไปส่งที่ไหนคะ”
“พี่ขับไปตามที่ฉันบอกนั่นล่ะขืนบอกก่อนมีหวังคงไปไม่ถึง..”
ยังไม่ทันที่ไอวี่จะพูดจบโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เมื่อยกขึ้นมาดูก็ต้องทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย
‘ไอ้บ้ากฎระเบียบ’
“ให้ตายข่าวเร็วชะมัด”
ไอวี่กดปิดเครื่องทันทีแล้วหันไปมองวิวยามค่ำคืนรอบด้านแทน ทว่าไอวี่คงลืมไปว่าถึงเธอจะปิดเครื่องแต่โทรศัพท์ของบอดี้การ์ดที่ขับรถให้เธออยู่นั้นยังคงเปิดปรกติ
“คุณคิวโทรมาค่ะ”
ริต้ารายงานคุณหนูทันทีที่สายเรียกเข้าดัง
“ไม่ต้องรับ”
ไอวี่สั่ง เธอยังไม่อยากเจอเขาในตอนนี้แต่ก็คงเลี่ยงได้ไม่นานเพราะเธอรู้ว่าคิวจะต้องตามตัวเธอเจอแน่
ริต้ายอมฟังคำสั่งเก็บโทรศัพท์ก่อนจะขับรถไปยังสถานที่ที่คุณหนูสั่ง
เธอรู้ดีว่าถึงคุณหนูไอวี่หรือเธอไม่บอกว่าอยู่ที่ไหนแต่คุณคิวก็รู้อยู่ดี
เพราะเครื่องมือสื่อสารและเครื่องประดับบางชนิดถูกติดตั้งระบบตามตัวเอาไว้..ซึ่งแน่นอนว่าข้อนี้คุณหนูเธอไม่ทราบ
ริต้าขับพาเจ้านายของตนมาถึงที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าเธอคุ้นตาดีเพราะเป็นคนไปหาข้อมูลให้คุณหนูเองกับมือ
ความคิดเห็น