คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 : Grey
บทที่ 3 : สีเทา
‘ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว’
-วิลเลียม เชกสเปียร์-
บนโลกนี้ล้วนมีสีสันมากมายที่มีพลังและความหมายแตกต่างกันไป เฉกเช่นเดียวกับ สีขาว และ สีดำ ในขณะที่สีขาวนั้นเปรียบเสมือนกับแสงสว่างและความดี สีดำก็ถูกเปรียบดั่งความมืดและความชั่วร้าย
แม้จะมีความหมายตรงกันข้าม แต่ทั้งสองสีกลับจับคู่กันได้อย่างลงตัว เปรียบเสมือนหยินหยางที่มิอาจแยกกันได้
และเมื่อนำทั้งสองสีมารวมเข้าด้วยกัน สีที่ได้ก็จะกลายเป็น..
สีเทา
สีที่เกิดจากการผสมความดีและความชั่วเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
จิตใจของมนุษย์เองก็ถูกย้อมด้วยสีเทา เปรียบดั่งเหรียญสองด้านที่มีทั้งด้านหัวและก้อย เฉกเช่นเดียวกับความดีและความชั่ว
แต่ความเข้มและความอ่อนของสีนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ล่ะคน
ณ โกดังสินค้าในท่าเรือแห่งหนึ่งของเขต S
ตึกๆ
“เฝ้ากันให้ดีล่ะ”ชายชุดดำ 4-5 คนที่เดินวนรอบทางเข้าโกดังคอยคุ้มกันเวรยามอย่างนั้นแน่นไม่แม้แต่ปล่อยให้มดสักตัวหลุดเข้าไปในนั้นได้
แกร๊ก แต่กระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตบนตู้คอนเทนเนอร์เลยว่ามีมือซุ่มยิงคนหนึ่งกำลังเล็งปืนไรเฟิลซุ่มยิงแบบเก็บเสียงมาที่กลางหัวของพวกเขา
ปิ้ว และกว่าจะรู้ตัว พวกการ์ดก็ยิงเข้าที่กระหม่อม จนตายคาที่เรียบร้อย
ตุ้บ จากนั้นมือซุ่มยิงหนุ่ม ย้อมผมสีน้ำเงิน สวมหน้ากากหมาในปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคอตั้งแขนยาวสีเขียวอมน้ำเงิน พันผ้าพันคอสีฟ้าก็กระโดดลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์พร้อมกับชายหนุ่มผมดำหยิกหยักศกในหน้ากากมัมมี่สีดำเปิดตาข้างซ้าย สวมเสื้อยืดรัดรูปสีแดงทับด้วยเสื้อกั๊กหนังและกางเกงหนังสีดํา
“เคลียร์”
“เริ่มแผนได้”
ในเวลาเดียวกันที่ด้านในโกดัง
ซ่า!! ชายแก่คนหนึ่งก็เพิ่งจะสาดน้ำใส่ชายหนุ่มวัย 30 ผู้เป็นทายาทลำดับที่ 2 ของตระกูลอาคาริ ‘อาคาริ มาเอดะ’ ที่ถูกจับมัดติดกับเก้าอี้และเพิ่งจะถูกการ์ดของชายแก่ซ้อมจนอ่วมจนสลบไปเพราะต้องการเค้นความลับบางอย่างจากเขา
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าพวกกบฎอยู่ที่ไหน?”
“ถุย!”มาเอดะถ่มน้ำลายใส่เท้าคนตรงหน้าทันทีด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท
“จ้างก็ไม่บอกหรอก ไอ้แก่!!”
ผัวะ! ชายแก่หมดความอดทน จนถึงขั้นลงไม้ลงมือต่อยหน้ามาเอดะทันทีด้วยความอารมณ์เสีย ก่อนจะบีบคางมาเอดะ ถลึงตาใส่เขา
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้ายนะ พวกกบฎอยู่ที่ไหน?”
“ต่อให้ต้องตาย กูก็จะไม่มีวันบอกมึงเด็ดขาด”
“ดี งั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย..”
แกร๊ก พูดจบชายแก่ก็ชักปืนจ่อหัวมาเอดะ พอดีกับที่..
พรึ่บ
“!?”
ไฟในโกดังดับลง
ผัวะ!!ตุ้บตั้บ!ฉัวะ!!
“อ๊ากกกกกกก!!!”
พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของเหล่าลูกน้องของชายแก่ที่ดังจ้าละหวั่นทั่วทุกสารทิศขึ้นๆในเวลาไล่เลี่ยกัน
“ใคร?ฝีมือใคร!?”
แกร๊ก
“ฉันเอง..”และทันที่ไฟมา ทุกอย่างก็ชัดเจน สภาพของลูกน้องมากมายที่นอนจมอยู่ในกองเลือดประจักษ์ต่อหน้าต่อตาชายแก่ ขณะเดียวกันเขาก็กำลังถูกชายหนุ่มในหน้ากากมัมมี่คนหนึ่งจ่อปืนเข้าที่กลางหลังหัวในระยะเผาขน ในขณะเดียวกันมือซุ่มยิงหนุ่มที่มากับเขาก็กำลังช่วยแก้มัดให้กับมาเอดะ
“ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ ไอ้ระยำ”
ชายแก่หันไปมองนักฆ่าหนุ่มด้วยความประหลาดใจ
“ก-แกเป็นใคร?”
เขาเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเล่าย้อนความหลัง
“ยังจำได้ไหมเมื่อ 10 ปีก่อนที่ผับแห่งหนึ่งในเขต S แกกับพวกของแกเคยฉุดหญิงสาวคนหนึ่งไปข่มขืน รุมย่ำยีขืนใจเธอราวกับเห็นเธอเป็นเพียงของเล่นระบายอารมณ์ พอเบื่อแล้วก็ฆ่าเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี”
ชายแก่ร้องอ๋อทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
“อ๋ออออ ฉันจำได้แล้ว ยัยหนูคิงาคาวะนั่น..ช่วยไม่ได้ ก็ตอนนั้นมันฮีทเอง ใครจะไปอดใจไหวล่ะ”
กรอดด นักฆ่าหนุ่มกัดฟันแน่น
“ว่าแต่แกรู้เรื่องนี้ได้ไง?”
ป้าบ! ไม่ว่ากล่าว ชายหนุ่มตรงหน้าก็ยันชายแก่ลงบนพื้น และยิงมือทั้งสองข้างของเขาทันที!
ปัง!
“อ๊ากกกกก!!!”
"ฉันรู้ได้ไงไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าคนที่แกข่มขืนน่ะ…"ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมกับย่อตัวลงตรงหน้าชายแก่
“คือพี่สาวของฉัน คิงาคาวะ คิซึกิ ที่กำลังอยู่ต่อหน้าแกคนนี้ไงล่ะ”
ฟุ้บ
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่แกต้องชดใช้แล้ว”พูดจบ ชายหนุ่มก็ลากชายแก่มามัดติดกับเก้าอี้ที่เคยมัดมาเอดะไว้ จากนั้นก็หยิบถัง น้ำมันที่อยู่ใกล้ๆมาราดหัวเขาจนชุ่ม
แกร๊ก จากนั้นก็จุดไฟแช็ค
“อย่านะ ได้โปรด ยกโทษให้ฉันด้วย!”ชายแก่รีบร้องอ้อนวอนขอความเมตตาทันทีอย่างน่าสมเพช
“แล้วตอนที่พี่สาวของฉันขอร้องแก แกเคยเมตตาเธอบ้างไหมล่ะ!”ชายหนุ่มตะคอกใส่ชายแก่จนเขาสะดุ้ง
“น่าสมเพช คนอย่างแกมันสมควรตายไปให้หมด!!”
เฟี้ยววว..ตุ้บ พรึ่บ!
พูดจบก็เขวี้ยงไฟแช็กใส่ชายแก่ตรงหน้า ส่งผลเกิดไฟลุกเผาไหม้ร่างกายของเขาในทันที ชายแก่กรีดร้องดังลั่น ดิ้นทุรนทุรายเพราะทุกข์ทรมานกับความร้อนระอุของเปลวเพลิงที่กำลังกลืนกินไปทั่วร่าง ใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดอันเกินคณานับ ผิวหนังไหม้เกรียม ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาอย่างไม่น่าอภิรมย์ ใบหน้าเริ่มอัปลักษณ์จนไม่เหลือเค้าโครงของความเป็นมนุษย์อีกต่อไป
ทั้งเจ็บปวดและทรมานดั่งถูกไฟนรกแผดเผาทั้งเป็น
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลกรรมที่เขาก่อไว้ทั้งสิ้น..แม้แต่ความตายเองก็ยังมิอาจมากพอที่จะชดใช้ด้วยซ้ำไป
“....”
“เพื่อน เราต้องไปกันแล้ว”
“อือ”คิซึกิกล่าวกับ ทริกเกอร์ มือซุ่มยิงคนสนิทของเขา จากนั้นทั้งคู่ก็พามาเอดะออกไปข้างนอก และจุดเผาไฟโกดังทิ้งทำลายหลักฐาน
ฟู่~
ปล่อยให้ทุกอย่างมอดไหม้ไปกับกองเพลิงอยู่เบื้องหลัง..
ขณะเดียวกัน ณ เรือสปีดโบ๊ทลึกลับที่จอดอยู่ใกล้ๆกับท่าเรือ
“พวกนั้นทำสำเร็จแล้ว”ชายหนุ่มผมขาวในชุดเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีเทากางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมหน้ากากแมลงสาบสีเขียวปกปิดใบหน้าพึมพำเบาๆ หลังจากหยิบกล้องส่องทางไกลมาดูเหตุการณ์
“ฮาซามะ ฉันว่าเราลงไปรับพวกนั้นกันเถอะ”
“เดี๋ยวพวกเขาก็มาเองแหละ ดัน”ศัลยแพทย์หนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำย้อมสีขาวครึ่งหัว สวมชุดเสื้อคลุมสีดำ ผู้มีสมญานามว่า 'แบล็คแจ็ค' กล่าวด้วยน้ำเสียงใจเย็นขณะนั่งอ่านหนังสือกายวิภาคศาสตร์อยู่บนเรือ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่กลุ่ม Hunter Dueller ทำภารกิจสำเร็จ พวกเขาบุกเข้าช่วย อาคาริ มาเอดะ หนึ่งในสมาชิกระดับสูงและสายของกลุ่มต่อต้าน 'ZERO-X' จากการถูกจับตัวไปได้อย่างปลอดภัย
ณ ซอยแห่งหนึ่งในย่านคนผิวสีของเมืองก็อตแธม เมืองประจำเขต G
ผัวะ!โครม!
“อั่ก!”
“Red Robin วันนี้แกไม่รอดแน่!!”
เคร้ง!
“ใครกันแน่ที่ไม่รอด?”นักฆ่าหนุ่มในชุดรัดรูปสีแดงตัดกับกางเกงขายาวสีดำ คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีดำแซมเหลืองใส่ถุงมือกับรองเท้าบูทสีดำ สวมหน้ากากปกปิดใบหน้า ถามนักเลงที่พุ่งเข้ามาด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากที่เอาท่อนเหล็กฟาดหัวเขาจนเกือบบุบ พร้อมกับกระโดดซัดพวกแก๊งนักเลงผิวสีในซอยที่กำลังจะเจรจาซื้อขายยากับแก๊งมาเฟียอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นหุ้นส่วนของมัน
แน่นอนว่าตอนนี้เขาจัดการคนของพวกมันไปได้เกินกว่าครึ่ง
แกร๊ก
“!?”แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีนักเลงคนหนึ่งจ่อปืนเข้าที่กลางหลังหัวเขาในจังหวะที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว..
ปัง! ทว่าคนที่โดนยิงกลับไม่ใช่ตัวของเขาแต่เป็นตัวของนักเลงที่จ่อปลายปากประบอกปืนของเขาเอง เพราะอยู่ๆก็มีกระสุนปืนปริศนาพุ่งทะลุหัวมันจากด้านหลัง
“ถ้าฉันมาช้าอีกก้าวเดียว นายได้ตายจริงๆแน่ ทิมมี่”และทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือของนักสู้หนุ่มชุดเกราะสีเทาเข้ม สวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีน้ำตาล ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากไอ้โม่งเหล็กสีแดง เขาเป่าควันที่ลอยออกมาจากปลายปากกระบอกปืนก่อนจะเก็บมันเหน็บเข้าที่ข้างเอว
“ใครต้องการความช่วยเหลือจากนายกันล่ะ เจย์”
“นี่ ฉันอุตส่าห์มาช่วยนะ ดีใจหน่อยสิ”ชายหนุ่มผู้มีนามว่าเจย์บ่น
หวอออออออ
แต่ยังไม่ทันไร เสียงรถตํารวจก็ดังขึ้นเสียก่อน เป็นเหตุให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องหยุดเถียงกันในทันที
“ชิ”เจย์เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ “ทำไมต้องมาขัดจังหวะเอาตอนนี้ทุกทีเลยว่ะ?”
ฟุ้บ! แต่พอหันไปอีกที อีกฝ่ายก็กระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรียบร้อยแล้ว
“อ้าวเฮ้ย!อย่าทิ้งกันเซ่!!”
ว่าแล้ว เจย์ก็รีบกระโดดขึ้นตามอีกฝ่ายไปในทันที
ณ คฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งในเขต L
แอ๊ดดดด..
“นายท่านคะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”ทันทีที่สาวใช้เข้ามารายงาน เศรษฐีวัยกลางคนที่นั่งพิงโซฟาบุเบาะนวมกำมะหยี่สีแดงถือไม้เท้าประดับหัวฝังเพชรนั่งยกยิ้มมุมปากในมุมมืด จากนั้นเขาก็สั่งกับสาวใช้ว่า
“ให้เข้ามาได้..”
พลัน สาวใช้ก็พาสาวงาม หุ่นอ้อนแอ้นอรชร เจ้าของเรือนผมสีบลอนส์ ดวงตาสีฟ้าคริสตัล ปกปิดเรือนร่างด้วยชุดราตรีกระโปรงยาวแหวกข้าง เกาะอกสีขาวแซมน้ำเงิน ประดับประดาด้วยไข่มุกและคริสตัลเข้ามาในห้องที่ไร้ซึ่งหน้าต่างด้านใดๆมีเพียงแค่ความมืดปกคลุม แต่กระนั้นแสงสลัวๆจากด้านนอกก็ส่องให้เห็นใบหน้าอันงดงามที่เฉิดเฉยในความมืดได้เป็นอย่างดี
“โอ้..”
และเพียงเท่านั้นชายวัยกลางคนก็ตาลุกวาวทันทีที่ได้เห็นเธอ
“แม่สาวน้อย เธอช่างงดงามยิ่งนัก..”
“....”
“มาทางนี้สิ”ชายวัยกลางคนกวักมือเรียกหญิงสาวเข้ามาข้างในห้อง แม้เธอจะไม่ได้ตอบรับอะไรแต่เธอก็เดินตรงมาหาเขาโดยมิได้ขัดขืนอะไร ราวกับทำด้วยความเต็มใจ
“ฉันมีของขวัญจะให้เธอด้วยนะ”พูดจบก็หยิบปลอกคอสีฟ้าอ่อนประดับอัญมณีสีเงินห้อยคอมาสวมใส่ให้กับหญิงสาวตรงหน้า และจ้องมองเธออย่างโหยหา
“เธอชอบมันมั้ย?”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
“จากนี้ไปเธอคือเทพธิดาของฉัน..และจะเป็นของฉันตลอดไป”ว่าแล้วเขาก็คว้าตัวหญิงสาวมานั่งบนตัก ปลดเสื้อผ้าเธอลงซุกไซร้ใบหน้าลงบนหน้าอกและเรือนร่างของเธออย่างหื่นกระหาย
“งั้นเหรอ?”หญิงสาวเอ่ยออกมาเบาๆ ขณะที่เฒ่าหัวงูตรงหน้ากำลังลุ่มหลงในกามรมณ์จนมิได้ระวังตัว และมิได้สังเกตเลยว่ารอยยิ้มบางๆของคนตรงหน้านั้นกำลังค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอาฆาตอันแฝงไปด้วยเลศนัย
“ถ้าเช่นนั้น เทพธิดาคนนี้ไม่เกรงใจล่ะนะคะ...”
ขณะเดียวกันที่ด้านนอกคฤหาสน์
เปรี้ยง!!ได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ระหว่างพวกบอดี้การ์ดที่เพิ่งเข้าโจมตีชายหนุ่มเอเชียผิวขาวซีดอมสีเหลืองอ่อน เจ้าของเรือนผมสีดำดั่งสีน้ำหมึกที่พึ่งฝนเสร็จ ตา 2 ชั้นที่หลบในและนัยน์ตาสีนิลสวยที่ถึงแม้จะมีขอบตาดำคล้ำอยู่ใต้หนังตาแต่นั่นกลับยิ่งขับความขาวของผิวของเขาเป็นอย่างดี ซึ่งสวมเสื้อคอเต่าสีดำคลุมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีเดียวกัน คู่กับกางเกงขายาวสีเข้มคู่และรองเท้าหนังขัด ติดตุ้มหูห้อยสายโซ่ ที่ดูดีมีสเน่ห์จนทำให้ใครต่อใครหลงเวลาที่ได้เห็นเขา
วืดดดด และในทันทีที่ชายคนนั้นวาดนิ้วไปบนอากาศ
แปร๊บ...เปรี้ยง!
ก็ได้มีลำแสงยิงออกมาจากปลายนิ้วของเขาและพุ่งเข้าโจมตีพวกการ์ดจนสลบเหมือดคาที่โดยไม่ต้องออกแรงต่อยตีแม้แต่น้อย
ปัง! จากนั้น พอจัดการกับพวกที่อยู่ข้างนอกหมดแล้วเขาก็พังประตูเข้าไปในคฤหาสน์ทันที
“ว้าย!”แน่นอนว่าการปรากฏตัวของเขาสร้างความตกใจให้กับพวกสาวใช้ที่อยู่ด้านในเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าคอของสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังจะหนีเพื่อเค้นถามอะไรบางอย่าง
“บอกมาว่าเจ้านายแกอยู่ที่ไหน?”
“ค-คุณท่าน อยู่ที่ห้องนอนชั้น 2 ทางปีกซ้ายค่ะ!”สาวใช้บอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และเมื่อได้คำตอบชายคนนั้นก็ปล่อยเธอลง
ตึกๆ หลังจากนั้น เขาก็ตรงดิ่ง วิ่งขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2 ตรงไปยังห้องที่สาวใช้คนนั้นบอกในทันที
ปัง!
“พี่อุบล!”
“มาช้าจังนะ”ทว่าในวินาทีที่พังประตูเข้ามา ชายหนุ่มก็ต้องตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นภาพที่อยู่ในนั้น
“อุ๊บ!”เขาอุทาน พร้อมกับปิดจมูก เมื่อได้กลิ่นคาวคลุ้งของเลือดที่ส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องนอนมืดๆ ซึ่งถูกชโลมไปด้วยเลือดสดๆที่เจิ่งนองไปทั่วพื้นห้อง อีกทั้งข้างของในห้องก็หล่นเกลื่อนกลาดราวกับมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
แต่หญิงสาวที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงกลับไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านกับภาพห้องสีเลือดนี้เลย ในมือของเธอถือเชือกที่ทำมาจากเถาวัลย์ซึ่งอาบไปชะโลมไปด้วยเลือด สภาพชุดราตรีสีขาวของเธอนั้นถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานจากเลือดสดๆที่ไหลอาบทั่วร่าง ทว่าเลือดที่ว่านั้นกลับไม่ใช่เลือดของเธอหรอก กลับกันมันเป็นเลือดทั้งหมดของเศรษฐีวัยกลางคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงนั้นต่างหาก ซึ่งบัดนี้เป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณไร้ลมหายใจไปแล้ว และสภาพศพของเขานั้นก็ช่างดูแปลกประหลาดเหลือเกิน ทุกส่วนของร่างกายบิดเบี้ยว แขนขาบิดงอไม่สมประกอบ ร่างกายก็มีบาดแผลจากการถูกของบางอย่างมัดจนแน่นรัดไปถึงด้านในร่างจนกระดูกแหลก แต่จุดเด่นนั้นคงหนีไม่พ้น ร่างที่แห้งกรอบของเขา ที่สภาพนั่นดูไม่ต่างอะไรไปจากซากศพเลย ราวกับถูกดูดเลือดไปจนหมดตัว…ด้วยฝีมือของกุหลาบสีขาวชนิดพิเศษซึ่งงอกออกมาจากร่างที่บัดนี้กลีบของมันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีเลือดสีเดียวกับของเหลวสีแดงฉานจากร่างกายของเหยื่อที่มันดูดซับเข้าไป
“ตกใจหมดเลย นี่พี่ใช้ไอ้นั่นอีกแล้วหรอ?”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ แจ็คกี้”หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะใช้พลังเปลี่ยนรูปร่างหน้าตากลับไปเป็นเหมือนเดิม เผยให้รูปโฉมที่แท้จริง ที่เป็นหญิงสาวผมดำขลับที่ยาวสลวยจนถึงสะบักหลัง ซึ่งมีผิวสีขาวซีดอมเหลืองตัดกับสีปากที่เป็นสีแดงปะการังอ่อนๆ ผิดกับนัยน์ตาที่เป็นสีเทาเข้มซึ่งดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป
"กว่าจะจัดการลงได้ ลำบากแทบแย่.."
หมับ! แต่แทนที่จะต่อว่า ชายตรงหน้ากลับดึงหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วงเสียมากกว่า
“แค่พี่ปลอดภัย ผมก็พอใจแล้ว”
แจ็คกี้กล่าวพร้อมกับเอามือปัดปอยผมของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“หือ จะว่าไปวันนี้กลิ่นตัวพี่ดูแปลกๆนะ?”
ก่อนจะทำจมูกฟึดฟัดเมื่อได้กลิ่นแปลกๆจากร่างของพี่สาวที่ดูหอมเกินไปจนดูผิดปกติ
“อ๋อ พี่ใช้น้ำหอมที่เลียนแบบกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกมันไม่มีผลกับพวกเรา..”
อุบลกล่าว ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“จริงสิ ได้เตรียมชุดมาตามที่พี่บอกรึเปล่า?”
“แหม่ ต้องเตรียมมาอยู่แล้ว ผมไม่ลืมหรอก”พูดจบชายหนุ่มก็โยนกระเป๋ากีฬาสะพายข้างที่เตรียมมาโดยเฉพาะให้คุณพี่สาวคนสวยทันที
“ขอบคุณนะคะ น้องรัก”พูดจบก็จุ๊บแก้มแจ็คกี้ไปทีหนึ่งแทนการให้รางวัล จากนั้นอุบลก็ให้เขาไปยืนรออยู่ข้างนอกเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็เปลี่ยนจากชุดราตรีมาสวมสูทแบบนักธุรกิจกับกางเกงขาบานสีดำคู่กับรองเท้าส้นสูงที่ทำมาจากหนังแทน และเปลี่ยนมาเกล้าผมขึ้น ปักปิ่นที่ทำมาจากไม้เนื้อหอมหลากหลายชนิด ถอดปลอกคอสีชมพูออกเขวี้ยงทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี
“เสร็จแล้ว”
แจ็คกี้ยิ้มทันทีที่พี่สาวเปิดประตูออกมาหา
“ครับ รีบกลับไปหาทุกคนกันเถอะ”
พูดจบก็ส่งแว่นกันแดดดีไซน์หรูคู่ใจให้อุบลใส่ แล้วจากนั้นก็อุ้มเธอออกไปในทันที…
ณ ริมฟุตบาทแห่งหนึ่งในเขต Z
สึรุกิ ฮาริ คือน้องสาวแท้ๆของ สึรุกิ เคียวสุเกะ อดีตกัปตันทีมนักฟุตบอลทีม คุโร โนะ คิชิดัน โอเมก้าหนุ่มที่มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเขากับพรรคพวกในทีมนั้นอยู่ในกลุ่มต่อต้านรัฐบาล กลายเป็นเหตุให้ถูกทางการตามล่าตัวพวกเขาไปทั่ว จนต้องหลบหนีหายหน้าไปจากผู้คนที่รัก ซึ่งนั่นรวมไปถึง โทราสุเกะ บุตรชายสุดที่รักเพียงหนึ่งเดียวที่ถึงแม้ว่าจะถือกำเนิดมาจากไอ้อัลฟ่าสารเลวที่ใช้กำลังบังคับขืนใจเขาในตอนที่กำลังตกอยู่ในอาการฮีทเมื่อหลายปีก่อน แต่เจ้าตัวก็ยังคงมอบความรักที่มีให้กับเด็กน้อยคนนี้ราวกับแก้วตาในดวงใจอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย ไม่เคยรังเกียจและเอาบาดแผลอันเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นกับตนไปลงที่เขา ซึ่งฝากให้น้องสาวดูแลในระหว่างที่ไม่อยู่
และตอนนี้..
“เฮ้อ...”ริก็กำลังมองดูรูปถ่ายในมือถือของตัวเอง ซึ่งเป็นรูปของพี่ชายที่กำลังอุ้มหลานของเธอในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดู โดยทางฝั่งซ้ายมีภาพเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเธออยู่ข้างๆเขา ในขณะฝั่งขวานั้นมีเด็กหนุ่มอีกคนที่แก่กว่าเธอนิดหน่อยยืนอยู่ข้างๆกัน อย่างอดคิดถึงไม่ได้ ขณะดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะเดินเตร็ดเตร่อยู่บนท้องถนน
เมื่อไหร่พี่จะกลับมานะ…
ริคิดในใจก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋า และเดินตรงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ตรงทางผ่านของเธอเพื่อเลือกน้ำอัดลมจากในตู้แช่เย็นมาดื่มแก้เซ็ง
“หยุด!นี่คือการปล้น!!”แต่ยังไม่ทันได้เลือก อยู่ดีๆไอ้โม่งสองสามคนก็ดันโผล่เข้ามาในร้าน มันชักมีดจ่อคอพนักงานแคชเชียร์เป็นเชิงขู่ แน่นอนว่าริที่อยู่ในนั้นก็โดนลูกหลงกับเขาไปด้วย
“เฮ้ย ยัยหนูที่อยู่ตรงนั้นน่ะ อย่าขยับนะ ไม่งั้นฉัน..”มันคนหนึ่งชักมีดมาขู่ริ ทว่าริกลับไม่ได้กล้ว มิหนำซ้ำยังพูดจากวนสหบาทาพวกมันอีก
“เรื่องดิ ลุง เป็นคนนะไม่ใช่รูปปั้น ทำไมต้องฟังคำสั่งลุงด้วยล่ะ หือ?”
“หนอย คิดจะหาเรื่องกันรึไง?!”
ทันทีที่ถูกยั่วโมโห นักเลงคนนั้นก็ปรี๊ดแตก และคว้าคอริทันที
วูบ!แต่ริก้มหลบ และต่อยหมัดแย็ปหนักเข้าที่ท้องมันสักสองสามรอบ จนมันชะงัก และพอได้จังหวะเธอก็ต่อยหมัดอัปเปอร์คัตเสยคางมันจนลอยกระเด็นลงบนพื้นทันที
“อุ้ย โทษที เส้นมันกระตุกอ่ะลุง~”ริแกล้งทำหน้าซื่อๆผิดกับบุคลิกที่แสดงออกมาอย่างสะใจเอาสุดๆ จนทำให้ไอ้โม่งคนอื่นถึงกับหันมาโฟกัสที่เธออย่างเคืองๆ
“ลูกพี่!!ไม่ต้องห่วงผมจัดการเอง!!”
ว่าแล้ว ไอ้โม่งคนสองก็โผล่มา ชักปืนมาเผชิญหน้ากับริ แน่นอนว่าริเองก็ชักมีดออกมาเช่นกัน แต่ทว่ามีดสั้นที่เธอเอาออกมานั้นกลับไม่ได้มีแค่เล่มเดียว และทุกเล่มที่เธอมีนั้นก็ล้วนเป็นสีแดงหมดราวกับสีของโลหิตเลยก็มิปาน
"เข้ามาเลย กำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี!!"
ณ บนหลังคาพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ อัลฟ่าโทเปีย ในเมืองหลวงเอนโจลิโก้
ฟุ้บ!หญิงสาวชาวเอเชียผิวน้ำผึ้งไว้ผมบ๊อบสีดำ ติดกิ๊บสีขาว แปะพลาสเตอร์ที่บริเวณจมูก สวมเฮดโฟนสีเงิน แต่แต่งตัวมิดชิด สวมหน้ากากปิดปากสีดำและเสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่ยาวคลุมเข่าสะดวกต่อการพรางตัวในเงามืด ก็กำลังย่องขึ้นไปบนหลังคาเพดานกระจกที่เชื่อมต่อกับห้องโถงในพิพิธภัณฑ์ ที่เมื่อมองใกล้ๆก็พบว่าที่ใจกลางห้องนั้นเป็นที่ตั้งของตู้โชว์โดมบาเรียโฮโลแกรมที่ใส่ระบบรักษาความปลอดภัย 3 ชั้น เพื่อป้องกันหัวขโมยที่จ้องจะมาฉกสมบัติอันล้ำค่าที่มีมูลค่ามหาศาล
และสมบัติที่ว่านั้นก็คือ หน้ากากโคลอมบินาสีทองอร่าม ซึ่งมีปลายแหลมๆงอกออกมาคล้ายๆกับรัศมีของดวงอาทิตย์ ตกแต่งด้วยรายละเอียดยิบยับที่ยากจะเลียนแบบ อีกทั้งยังประดับทับทิมสีแดงเม็ดโตกลางหน้าผาก ฝังพลอยโกเมนเล็กๆน้อย ดูหรูหรามีชาติตระกูล
แกร๊ก..ฟู่
และเพื่อไม่ให้เสียเวลา โจรสาวลึกลับก็หยิบปากกาเลเซอร์ออกมาตัดกระจกเพดาน เป็นวงกลม จนกลายเป็นรูโหว่กว้างพอที่จะเข้าไปในนั้น จากนั้นก็โรยตัวลงมาด้วยสายสลิง โดยโหนสลิงห้อยหัวลงมาเป็นไอ้แมงมุม
ปี๊บ จากนั้นก็ทำการแฮกระบบรักษาความปลอดภัยของโดมบาเรียด้วยริสแบนด์พิเศษที่มีไว้สำหรับการแฮกระบบรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ
วูบบบบ ซึ่งทันทีที่การแฮกเสร็จสิ้น โดมบาเรียก็คลายลง เป็นเหตุให้โจรสาวสามารถหยิบหน้ากากสีทองออกมาอย่างง่ายดาย
“นี่น่ะเหรอ หน้ากากอพอลโล หนึ่งในคอลเลคชั่นหน้ากาก 12 เทวะแห่งโอลิมปัส ที่ทุกคนต่างก็อยากครอบครอง..”หญิงสาวพึมพำเบาๆขณะยกหน้ากากขึ้นมาเชยชม แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจคุ้นค่าของมันเลยนิดเดียว ถ้าไม่ใช่เพื่อเงินแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่มีทางก้าวเข้ามาในนี้หรอก
“ก็ไม่เท่าไหร่นี่”
ฟึ้บ พูดจบก็ดึงตัวขึ้นไป ปีนออกนอกเพดาน และวิ่งออกจากพิพิษภัณฑ์ไปอย่างว่องไว โดยหารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วหน้ากากที่เธอขโมยไปนั้น..
เป็นของปลอมต่างหาก
เอ๋ แล้วก่อนหน้านั้นใครเป็นคนขโมยไปล่ะ?
“นึกแล้วเชียวว่าเธอต้องมา”
จอมโจรสาวในชุดรัดรูปสีดำสวมเสื้อโค้ทสีแดงสดกับหมวกเฟโดร่ากล่าวกับใครบางคนผ่านวิทยุสื่อสารที่มาในรูปแบบตุ้มหูเจาะหู พร้อมกับเดินออกมาจากที่ซ่อนหลังรูปปั้นขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตู้โชว์ใจกลางห้องโถงพอสมควร
“หมายถึงใครเหรอ เรด?”
“จอมโจรไนท์ เพื่อนเก่าฉันน่ะ จำเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังไม่ได้หรอ เพลเยอร์?”
“ถ้าเรื่องนั้นฉันจำได้อยู่แล้ว รุ่นน้องที่เธอเคยเจอที่ไวล์อคาเดมี่ก่อนที่เธอจะหนีออกจากที่นั่นใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่”
“แต่ถึงยังไงก็สู้จอมโจรคาร์เมน ซานดิเอโก้ อย่างเธอไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ”
“ไม่หรอก หล่อนก็แค่มาช้ากว่าฉันไปก้าวเดียวเอง”พูดจบคาร์เมนก็หยิบหน้ากากอพอลโลที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมสีแดงสดของเธอออกมา
“พอมองใกล้ๆก็ดูสวยดีนะ”
“เรื่องนั้นค่อยพูดทีหลังก็ได้ รีบออกจากที่นั่นก่อนดีกว่าน่า เรด”
“โอเคๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ในที่สุดเวลาที่ลินน์รอคอยก็มาถึง
บรื้นนนนนนนนน
เธอขับไลท์ไบค์ตรงไปยังจุดนัดพบที่เบคบอกกับเธอ ซึ่งก็คือตึกร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์และตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาห่างจากตัวเมือง เดอะ กริด พอสมควรและมีเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น
เอี๊ยด
“.…”หญิงสาวจอดรถของเธอตรงหน้าทางเข้าตึก จากนั้นก็เดินลงจากรถและ เข้าไปในตึกที่ถูกความมืดปกคลุมและเงียบสงัด ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตจำพวกหนูและแมลงสาบที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น นอกจากเศษซากปรักหักพังและก้อนหินเล็กๆน้อยๆที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น แต่เธอก็ไม่ลดละความพยายามที่จะเฝ้ารอ ในเมื่อข้างล่างไม่มีก็ไปหาข้างบนก็ได้ คิดได้ดังนั้นก็เลยลองขึ้นไปบนดาดฟ้า..
“.…”
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบวี่แววของใคร
“และแล้วคุณก็มา”
มั้งนะ?
ควับ ลินน์ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงที่ดังเหนือหัวเธอ พอเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอก็พบกับ
“ทรอน”ซึ่งกำลังนั่งแกว่งขาเล่นอยู่บนโครงเหล็กวางแท้งค์น้ำเก่า เขาคนนั้นสวมชุดไลท์ไซเบอร์สูทสีขาวโพลน สลักอักษรตัว T กลางหน้าอกเสื้อ สวมหมวกเกราะปกปิดใบหน้าซึ่งเหมือนกับคนในภาพวาดที่ลินน์วาดทุกประการ
"แล้ว…"
ตุ้บ พูดจบ ชายหนุ่มก็กระโดดลงมายืนตรงหน้าเธอทันที
"คุณต้องการจะบอกอะไรกับผม?"
ลินน์นิ่งไป ก่อนจะเริ่มแนะนำตัว
“ฉันชื่อลินน์ค่ะ ฉันต้องการที่จะเข้าร่วมกับคุณเพื่อต่อกรคลู”
เธอกล่าว
“และฉันก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพังด้วย คุณมีกลุ่มคนที่เข้าร่วมกับคุณอยู่เท่าไหร่?”
ลินน์ถามทรอนด้วยความสงสัย
“ไม่มาก ฉันยังตามหาพวกอาสาสมัครอยู่…”
ทรอนพูดบอกกับลินน์
“ตอนนี้ คุณไม่ต้องตามหาพวกเขาแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันรู้จักผู้คนเหล่านั้น ผู้คนมากมายที่อยากจะต่อสู้เคียงข้างคุณ..”ลินน์บอกกับทรอน
“กี่คน?”
“มากกว่าที่คุณจินตนาการไว้เลยล่ะ ฉันสามารถพาคุณไปพบกับพวกเขาได้นะ..”
“น่าสนใจ…”
ตู้ม!!!! พอพูดจบ ทรอนกับลินน์ก็ได้ยินเสียงระเบิดที่ดังมาจากในตัวเมืองเดอะกริดทันที และในตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นควันที่ลอยออกมาจากอุโมงค์ในสะพานทางเข้าของเมือง เนื่องจากว่าที่ที่พวกเขานัดพบกันนั้นไม่ได้อยู่ไกลกับตัวเมืองมากนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะเห็นวิวในเมืองได้
“โอ้ ไม่”ทรอนอุทานก่อนจะกระโดดลงไปที่ชั้นล่างโดยมีลินน์ตามมาติดๆ
“เธอรีบกลับบ้านไป เดี๋ยวฉันจะไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้น!!”
“ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยคุณ ดังนั้นฉันจะไปกับคุณด้วย!!”ทรอนเงียบไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนและยอมให้ลินน์รีดตามมากับเขาด้วยในที่สุด
“ดี”จากนั้นทั้งสองก็กระโดดขึ้นขี่ไลค์ไบค์พุ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังแอบจับตาดูพวกเขาอยู่จากที่ไกลๆก่อนจะหายไปในความมืดเพื่อไปรายงานสถานการณ์กับผู้เป็นนายที่ตนรับใช้
บรื้นนนนน
“ถ้าทหารมา ให้อยู่ข้างหลังฉันไว้นะ!”
“รับทราบค่ะ!”
เอี๊ยด! ซึ่งในทันทีที่ทั้งคู่มาถึง ก็พบกับซากรถบัสที่ถูกระเบิดจนเกิดไฟลุกไหม้ แน่นอนว่ามีคนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
“โอย..”ทรอนพุ่งตัวเข้าไปช่วยชายคนหนึ่งที่ถูกชิ้นส่วนของรถบัสขนาดใหญ่ทับร่างจนขยับออกไปไม่ได้
“ลินน์ มาช่วยตรงนี้หน่อย!”เขาออกแรงทั้งหมดยกชิ้นส่วนนั้นขึ้น เพื่อให้ลินน์วิ่งเข้าไปลากชายคนนั้นออกมาได้อย่างปลอดภัย
“ต-ตรงนั้น..”แต่แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อชายคนนั้นบอกกับเธอเพียงแค่คำเดียว
“ทรอน!!”ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะให้ลินน์เข้าใจ
“มีคนอยู่ในนั้น!!”เธอตะโกนบอกเขา และเมื่อได้ยินดังนั้น ทรอนก็พุ่งตัวไปที่รถทันที
พรึ่บ! แต่ไฟก็ดันลามมาขวางทางเขาเสียนี่
ตู้ม!
และหลังจากนั้น รถบัสก็ได้ระเบิดจนเละเป็นจุน จนทำให้ทรอนถูกแรงระเบิดลอยกระเด็นกระแทกพื้น
“ทรอน!”ลินน์วิ่งเข้ามาพยุงทรอนลุกขึ้น
ฟุ้บ..ตึกๆ
และเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็มีเงาลึกลับอุ้มร่างของหญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากเปลวเพลิงด้วยท่าทางสุขุมและเยือกเย็น โดยที่เปลวไฟไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
“….”
ทรอนกับลินน์หรี่ตามองบุคคลปริศนาด้วยความสงสัย และทันทีที่เห็นภาพอย่างชัดเจน ทั้งคู่ก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นก็คือ..
“ฮาเดส!?”
บุคคลอันตรายที่ทางการต้องการตามล่าตัวมากที่สุดในตอนนี้เช่นเดียวกับทรอนนั่นเอง
“....”ทรอนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นดูโอ้ของเขาปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าโดยไม่ได้ปริปากพูดอะไร เพียงอุ้มร่างของหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บมาวางข้างๆกับผู้โดยสารรถบัสคนอื่นๆที่นอนไม่ได้สติต่อหน้าลินน์รีดที่รู้สึกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้เห็นคนตรงหน้าที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอแบบตัวเป็นๆ
“ลินน์ วันนี้เราต้องแยกย้ายกันแล้ว พรุ่งนี้ตอนเย็นเจอกันที่เดิม”
ทว่ายังไม่ทันได้ถามอะไร ทรอนก็ได้ดึงความสนใจจากลินน์ไปเสียก่อน
“ฉันจะรอเธอกับเพื่อนของเธอนะ”
บรื้นนนนนน
และทันทีที่ลินน์แยกกับทรอนไปได้ไม่นาน ทรอนก็หันมาพูดกับฮาเดสทันที
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ณ ตึกร้างแห่งเดิม หลังจากที่ทรอนลากฮาเดสมาคุย
“เธอจงใจใช่มั้ย?”
ฮาเดสส่ายหน้าแทนคำตอบ
“อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นว่ะ? เลิกโกหกฉันซะทีเถอะ”
“เปล่าซะหน่อย”ฮาเดสพูด “ฉันแค่บังเอิญผ่านมา แล้วรถนั้นก็ระเบิดตู้มพอดี…”
“พูดจริงแน่นะ?”
“ฉันสาบาน ถ้าโกหกขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นหมา”
ยืนกราน จนในที่สุดเบคก็ยอมเชื่อในคำตอบที่เธอให้
“แล้วตอนที่ฉันไม่อยู่ คุยอะไรกันบ้างล่ะ?”
เซนถามและพอถูกซักปุ๊บ เบคก็รีบเล่าเรื่องที่ลินน์บอกกับเขาให้เซนฟังทันทีจนหมดเปลือก
“โอ้ แบบนี้ก็ดีสิ ได้พวกเพิ่มมา”ก่อนที่ในเวลาต่อมา พวกเขาทั้งสองคนจะนั่งลงบนชั้นดาดฟ้าตึก ชำเลืองมองทิวทัศน์ของ เดอะ กริด ในยามกลางคืน
“ใช่”
“.….”
“แต่คงจะดีกว่านี้นะ ถ้าเธอมาเข้าร่วมกับเราด้วย”
ตัดมาทางด้านริ
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ด้วยความยินดี”ริกล่าวกับตำรวจนายหนึ่ง ที่ขอบใจเธอหลังจากที่เธอช่วยจับหัวขโมยที่บุกเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ และส่งตัวพวกมันให้กับเขา
ปัง และพอยัดพวกมันทั้งหมดใส่รถแล้วตำรวจนายนั้นก็ขับรถกลับไปที่สถานีตำรวจ ขณะที่ริก็เดินตรงไปยังร้านอาหารของแอน
“โทราจ๋าาาา น้ามารับแล้ว~”
“น้าริ!!”พอได้ยินคนเรียกเท่านั้นแหละ เด็กชายวัยสองขวบในคราบเด็กประถมที่โตไวเว่อแตกต่างกับเด็กคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตเข้มสดใสกลมโตแฝงไปด้วยแววตาสีเหลืองทองอันแปลกประหลาด ค่อนข้างยากจะอธิบาย ซึ่งมีทรงผมสีน้ำเงินเหมือนกับผู้เป็นแม่ทุกอย่างยกเว้นเพียงบริเวณหน้าม้า ใส่เสื้อไหมสีเขียวขาวขอบคอเสื้อสีเหลือง สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินและรองเท้าสีเดียวกับขอบคอเสื้อ ก็รีบวิ่งตรงเข้ามากระโดดกอดริทันทีที่ได้ยินเสียงของเธอดังขึ้น
“รอน้านานรึเปล่า เจ้าตัวเล็ก?”
ริถามขณะอุ้มและหอมแก้มหลานของตัวเองอย่างเอ็นดู ก่อนที่แอนจะเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่
“มาได้ซะทีนะ ริ วันนี้โทราซดต้มยำกุ้งไปตั้งสิบกว่าชามเลย แม่ฉันเหนื่อยแทบแย่ ไหนจะข้าวเหนียวปิ้งอีก”
“ก็อาหารฝีมือพี่แอนอร่อยนี่นา”โทราบอก “..ผมก็เลยกินเพลินไปหน่อย”
“แต่พี่เป็นห่วงนี่นาว่าเธอจะท้องเสีย”
“ฮ่าๆ แอนเอ้ยยย ไม่เอาน่า โทราแข็งแรงจะตายไป กินแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก..”ริพูดไปหัวเราะไปอย่างติดตลก
“ปัดโธ่เอ้ย น้าหลานคู่นี้ไม่ต่างกันเลย”
“เอาเถอะ ยังไงวันนี้ก็ขอบใจที่ช่วยดูแลหลานฉันนะ”
“เพื่อนกันน่า อีกอย่างนะ โทราน่ารักแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากดูแลทั้งนั้นแหละ”
“ง่าาาาา พี่แอนอ่ะ อย่าชมสิ ผมเขินนะ”โทราบิดตัวด้วยความเคอะเขิน ทำให้แอนถึงกับหัวเราะ
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะ แอน”
“อืม ระวังตัวด้วยนะ ริ”หลังจากนั้น ริก็แบกโทราออกจากร้านอาหารไทยของแอน ขึ้นรถบัสประจำทางกลับไปยังสลัมที่เธออยู่
“ฟี้~”แน่นอนว่าระหว่างทางโทราก็หลับปุ๋ยคาหลังของน้าสาว ในขณะที่เธอพาเขากลับบ้านหลังเล็กๆของเธอ
แอ๊ดดด และทันทีที่มาถึง ริก็พาโทราขึ้นไปนอนบนห้องนอนของเขาทันที
ปิ๊งปอง แต่แล้วริก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่ดังมาจากหน้าบ้าน ด้วยความสงสัยเด็กสาวจึงเดินลงไปเปิดประตู
“นั่นใคร..”ทว่ากลับต้องชะงักไปพอได้เห็นใบหน้าและเรือนผมสีน้ำเงินเข้มอันแสนคุ้นเคยของแขกผู้มาเยือน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ริ”
ริจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความตะลึงงัน เธอนิ่งเงียบไปหลายวิ ก่อนจะเอ่ยชื่อเขาออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“พ-พี่เคียว”
ขอคอมเมนต์ และกำลังใจด้วยนะครับ ตอนหน้า ลี คาริน่าของคุณ MikaBai ฉายเดี่ยวได้รับบทเด่น แต่ไรต์ก็ไม่ลืมเอาตัวละคร oc ท่านอื่นมาใช้เหมือนกัน เพราะบทต่อไป ไรต์จะเปิดตัวตัวละครจำพวกกบฎ และ ฐานลับของกลุ่มต่อต้าน ZERO-X แล้วจ้าาา
แก้คำผิดและปรับเรื่องของเซนกับเบค เนื่องจากตอนสองปิดการเข้าถึงจึงต้องรอการแจ้งรายละเอียดเพิ่มอีกที
ปล. เนื้อเรื่อง Akiba Idol School ของคุณ MikaBai มีการรีใหม่นะครับ ย้ายไปลงใน Readawrite แล้ว เดี๋ยวจะลงลิ้งค์ให้หลังจากอัพตอนสองเสร็จฮะ
ความคิดเห็น