คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #499 : โลกพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ -ควอลิเดีย โค้ด- เล่ม 2 การเมืองมืดมน
สำนักพิมพ์:
Luckpim
ราคาปก: 175 บาท
แนวเรื่อง:
Action,
Fantasy, School, Sci-Fi
แต่งเรื่อง: Wataru Watari
Illustration: saitom
แปล: K.
Freeman
สถานะปัจจุบัน:
นิยายเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจค “Shared World” ที่รวมเอานักเขียนชื่อดังต่างสำนักพิมพ์
มาเขียนเรื่องราวในโลกใบเดียวกัน ประกอบด้วย
โลกพรรค์นั้นทำลายมันไปซะเถอะ -Qualidea Code- โดย อ.โซ
ผู้แต่งน้องเหมียวยิ้มยาก มีทั้งหมดสองเล่ม ดูหน้าปกCLICK มีแปลไทยแล้วดูรีวิวที่นี่ เล่ม 1 เล่ม 2
Qualidea Code โลกใบนั้นฉันจะกอบกู้มันเอง โดย
อ.โคชิ ผู้แต่ง DATE A LIVE มีทั้งหมดสองเล่ม
ดูหน้าปก CLICK มีแปลไทยแล้วดูรีวิวที่นี่ เล่ม 1-2
โลกพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ -ควอลิเดีย โค้ด- โดย อ.วาตารุ
ผู้แต่งเรื่องยาฮาริ ออกมาแล้วหนึ่งเล่ม ดูหน้าปก CLICK มีแปลไทยแล้วดูรีวิวที่นี่ เล่ม 1
Kuzu to Kinka no Qualidea ผลงานแต่งร่วมของอ.โซกับอ.วาตารุ
ออกมาแล้วหนึ่งเล่ม ดูหน้าปก CLICK
Qualidea
Code รวมตัวเอกของนิยายทั้งสามภาคไว้ด้วยกันมีทั้งแบบอนิเมและนิยาย
ดูหน้าปก CLICK
เรื่องย่อ:
ในอนาคตอันใกล้
ที่โลกล่มสลายจากศัตรูที่ไม่รู้ตัวตนแน่ชัดอย่าง <อันโนน>
จิงุสะ
คาสึมิที่อาศัยอยู่ในเมืองปราการ จิบะ ซึ่งตอนนี้ยังทำสงครามกับ <อันโนน>
อย่างต่อเนื่อง
ถูกสั่งย้ายให้มาอยู่สาขาการผลิตและต้องทำแต่งานล่วงเวลาโดยไม่ได้ทำ
หน้าที่ดั้งเดิมของสาขายุทธการ
จากความจริงที่ว่ามีการแบ่งระดับการควบคุม ทำให้
หัวหน้าสาขาการผลิตอย่างสึรุเบะ
อาซากาโอะ วางแผนลงสมัครเลือกตั้งประธานเมือง
เพื่อที่จะต่อต้านสาขายุทธการ
แต่ความดันแตกเสียก่อนทำให้ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ส่วน
แผนการที่คาสึมิคิดขึ้นมาเพื่อที่จำทำให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์นี้ก็คือ!? เชิญชม
นิยายเล่ม 2
ที่เขียนเรื่องราวทุกอย่างเกียวกับ 'กลุ่มจิบะ' ที่กำลังออกฉายอยู่ใน
อนิเม 'ควอลิเดีย โค้ด'
กันได้เลย!
ความคิดเห็นหลังจากอ่านจบ:
นิยายชุดนี้เกิดจากความร่วมมือนักเขียน
3 ท่าน ที่ร่วมกันเขียนเรื่องในจักรวาลเดียวกัน
ที่เป็นเรื่องแนว Post-Apocalyptic ที่มนุษยชาติทำสงครามกับสัตว์ประหลาดจนโลกย่อยยับ
ชาวโลกต้องฝากความหวังกับกลุ่มวัยรุ่นที่มีพลังพิเศษให้มาคอยปกป้องโลก และกลุ่มตัวเอกคือพวกวัยรุ่นจิตป่วนที่มีความโรคจิตในตัว
แต่ถึงแม้จะกำหนดธีมแบบเดียวกัน
แต่เรื่องราวทั้ง 3 มีอารมณ์ต่างกัน ภาคโตเกียวของอ.โซ
จะออกแนวตัวเอกโรคจิตที่ต้องต่อสู้กับสังคมบิดเบี้ยวที่มีตรรกะเพี้ยนๆ ส่วนของอ.โคจินี่ตัวละครมีแต่ทุ่งดอกไม้ทั้งดอกลิลลี่ดอกลาเวนเดอร์เต็มหัวไปหมด
และในภาคจิบะของส่วนอ.วาตารุนั้นกลับเน้นเรื่องการเมืองกับสังคมของโลกยุคหลังสงครามกับสัตว์ประหลาด
ผมรู้สึกเศร้านิดๆที่ในนิยายแม้จะเป็นยุคสมัยที่คนตายเป็นเบือจากสงคราม
อารยธรรมบางส่วนก็ย่อยยับไปแล้ว แต่สังคมในเรื่องก็ยังเป็นประชาธิปไตย
เลือกผู้นำจาการเลือกตั้ง ในขณะที่บางประเทศตอนเขียนบทความนี้ยังจัดเลือกตั้งไม่สำเร็จเลยแฮะ
แต่ระบบประธิปไตยในนิยายก็ไม่ได้สมบูรณ์
เนื่องจากเป็นโลกที่ยังมีการทำสงครามกับสัตว์ประหลาดอยู่เนืองๆ
สังคมในนิยายจึงให้ความสำคัญกลุ่มต่อสู้ที่มีความสามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาด
หรือก็คือทหารนั่นเอง ทำให้พวกนี้ได้รับอภิสิทธิ์มากมาย เวลาเลือกตั้งก็ได้ครองตำแหน่งผู้นำตลอด
ในภาคโตเกียวนั้นอ.โซก็เล่นประเด็นความเหลื่อมล้ำของผู้มีความสามารถกับผู้ที่ไม่มี
แต่ค่อนไปทางประเด็นความขัดแย้งทางจิตใจมากกว่า ประมาณว่าคนที่มีความสามารถ(หรือในสังคมปัจจุบันคือคนรวย)
ย่อมมีศักยภาพทำประโยชน์ให้สังคมมากกว่า ก็ควรได้อภิสิทธิ์มากกว่าคนทั่วไป
และคนที่ไม่มีความสามารถไม่ปัญญาทำประโยชน์ให้สังคมถึงจะโดนทอดทิ้งก็สมควร
แต่ในภาคโตเกียวก็ไม่ได้มีข้อสรุปประเด็นนี้เท่าไหร่ แม้ว่าพระเอกจะพยายามรวบรวมคนที่ไร้ความสามารถมาทำประโยชน์เพื่อเปลี่ยนกระแสสังคมแต่สุดท้ายก็จบด้วยความวายป่วงและดูไม่ได้ข้อสรุปในท้ายสุด
แต่ภาคจิบะของอ.วาตารุนั้นฟันธงไปเลยว่าความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดี
และนำเสนอการแก้ไขเรื่องนั้นเป็นระบบ ผ่านการฟาดฟันในสงครามเลือกตั้งของสองตัวละคร
2 ตัวคือ นัตซึมิ กับ อาซากาโอะ
แม้ว่าตัวละครหลักของเรื่องนี้จะเป็นพี่น้องคาซึมิกับอาสึฮะ แต่ช่วงแรกๆนั้นผมว่าเนื้อหาก็เทไปที่คู่นัตซึมิกับอาซากาโอะไม่เบาเลย
นัตซึมิกับอาซากาโอะนั้นแม้จะเป็นคู่แข่งทางการเมือง
แต่ทั้งคู่ก็เคยเป็นเพื่อนรักและต่างก็ต้องการแก้ปัญหาที่กลุ่มยุทธการหรือทหารได้รับการเอื้อประโยชน์มากเกินไป
แต่วิธีที่ทั้งคู่ใช้กลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
นัตซึมิที่เป็นผู้นำฝ่ายยุทธการนั้นพยายามแก้ปัญหาโดยการโยกคนฝ่ายยุทธการไปนั่งอยู่ในส่วนงานต่างๆ
เพื่อลดการแบ่งเขาแบ่งเรา และค่อยๆกระจายผลประโยชน์ของฝ่ายยุทธการให้กลุ่มอื่นๆในระยะยาว
ส่วนอาซากาโอะที่ไม่ใช่ฝ่ายทหารนั้นใช้แผนดึงกลุ่มอื่นๆที่ไม่ใช่ฝ่ายยุทธการมารวมตัวกันเพื่อที่จะมีอำนาจต่อรองกับฝ่ายยุทธการ
เพราะแม้สังคมจะให้ความสำคัญกับคนที่มีความสามารถสู้รบ
แต่สังคมก็ไม่อาจขับเคลื่อนได้ด้วยทหารอย่างเดียว คนที่ไม่ได้สู้รบแต่มีหน้าที่อื่นเช่นผลิตสินของ
ทำงานธุรการก็จำเป็นกับสังคมเช่นกัน ซึ่งวิธีของทั้งคู่ต่างก็มีข้อเสีย
แผนของนัตซึมิถูกมองว่าเป็นการขยายอำนาจ ส่วนอาซากาโอะที่พยายามดึงกลุ่มต่างๆโดยใช้กระทั่งวิธีสีเทาแบบให้สินบนสุดท้ายก็เจ๊ง
ในบรรควอลิเดีย โค้ดทั้ง 3 ภาค
ภาคจิบะนี้เป็นเรื่องที่มีความแอคชั่นน้อยที่สุดแล้ว เน้นการต่อสู้ทางการเมืองกับแนวคิดมากกว่า
แต่กลับเป็นภาคที่ผมว่ามันที่สุด ปกติอ.วาตารุแกขายความเนคกาทิฟของตัวละคร
ไปโรงเรียนแบบมืดมน ไปทำงานแบบมืดมน ใช้ชีวิตประจำวันแบบมืดมน พอมาจับหัวข้อที่มืนมนอยู่แล้วแบบเรื่องการเมืองแข่งเลือกตั้ง
เลยยิ่งมืดมนเข้มข้นไปใหญ่เลย
แต่น่าเสีดายที่แม้ช่วงแรกจะปูเรื่องได้น่าสนใจ
เรื่องนี้กลับมาตายตอนจบ อาจจะเป็นเพราะอ.ทั้ง 3 วางแผนให้ทั้ง 3 เรื่องเป็นนิยายสั้นๆเหมือนฉากเปิดตัวเกริ่นเรื่อง ไว้ทำเนื้อเรื่องต่อ
ทำให้ตอนจบเป็นไปอย่างรวบรัดมาก เรื่องราวเข้าสู่บทสรุปอยากรวดเร็ว
เกิดการหักหลังอย่างงงๆ ปฏิวัติอย่างงงๆ แล้วก็ยึดอำนาจแบบงงๆ จนอ่านจบแล้วงงว่าถ้าผู้นำมันขึ้นเป็นกันง่ายๆแบบนี้
แล้วตอนแรกจะวางแผนกันเยอะแยะทำไมฟะ
ระดับความพึงพอใจ:4/5 เหลืออีกสองภาค ค่ายรักจะเก็บได้ครบไหมน่อ
ความคิดเห็น