คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : petrichor
ll I feel some warmth in your arms. ll
____________________________________________________
"ให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ..เดี๋ยวเล่นเดี๋ยวทะเลาะกันคนเขาจะนึกว่าเป็นบ้าเอานะ"
[ Role: King 1 ]
________________________________________________
ชื่อ - สกุล :: คคนานต์ พลลภัตม์ l Cakhanant Phonlapat
ชื่อเล่น :: คราม l Khram
อายุ :: 18 - year - old
รูปร่างลักษณะ ::
'ผู้ชายที่แค่สบตาก็เผลอทำให้รู้สึกใจเต้นได้เเล้ว' — คำนิยามนั้นแหละที่เหมาะกับผู้ชายอย่าง
คคนานต์ พลลภัตม์ หรือ คราม มากที่สุด
ต่อให้เขามักจะทำสีหน้าเฉยชาและใช้ดวงตาราบเรียบนั้นจ้องมองไปที่ผู้คนรอบกาย
นั่นกลับทำให้เขาดวงตาของเขายิ่งน่าหลงใหลมากเข้าไปใหญ่ จุดเด่นของครามก็คือดวงตา
สีน้ำตาลอมทองนั้นไม่ใช่สีที่โดดเด่นเท่าไหร่
คิดว่ามันคงเป็นเพราะแววจริงจังที่ดูน่าเชื่อถือบวกกับใบหน้าหล่อเหลาปนน่ารักน้อย
ๆ ตามประสาขวัญใจพวกสาว ๆ นั่นแหละที่ทำให้พวกเธอมักพากันใจเต้นตอนที่สบตากับเขา
เเถมเส้นผมสีเดียวกับดวงตาที่ยาวปรกใบหน้าน้อย ๆ
นั่นก็เข้ากับเขามากอย่างกับอะไรดี แม้ว่าเขาจะชอบขมวดคิ้วบ่อย ๆ
ก็เถอะ..ครามเป็นผิวขาว ใบหน้าและเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน
ผิวเขาเนียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก เว้นเพียงมือสองข้างที่ออกจะกระด้างไปบ้าง
รวมถึงมีรอยถลอกกับฟกช้ำประปรายตามเนื้อตัว ถ้าถามถึงเรื่องรูปร่าง
ครามนั้นไม่ใช่เด็กที่ตัวสูงเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับเตี้ย
เรียกได้ว่าเป็นไซส์มาตรฐานเด็กไทยซะมากกว่า ดูผ่าน ๆ แล้วเขาอาจจะดูตัวบางไปบ้าง
แต่เชื่อเถอะว่าผู้ชายคนนี้ซ่อนรูปกว่าที่คิด..หรืออย่างน้อยน้ำหนักตัวที่เห็นนั่นก็มาจากกล้ามเนื้อเพียว
ๆ ไม่มีไขมันผสมแต่อย่างใดล่ะนะ (175ซม. l 66กก.)
โดยปกติแล้วการเเต่งตัวและสไตล์ของครามจะเน้นไปที่ความเรียบง่ายเป็นหลัก เขาชอบเสื้อผ้าโทนสีพื้น ๆ อย่างสีน้ำตาล สีดำ หรือสีขาว ไม่ค่อยชอบสีที่แสบตามากนัก แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านเองก็ไม่ได้ดีอะไรนัก ร้านเสื้อผ้าที่ครามกับน้องชายมักแวะเวียนไปเป็นประจำจึงเป็นร้านเสื้อผ้ามือสอง ไม่ก็ร้านเสื้อผ้าแบบสามตัวร้อยซะมากกว่า นั่นทำให้เขามีเสื้อยืดลายแปลก ๆ ที่ดูไม่เข้ากับหน้าหล่อ ๆ และบุคลิกของเขาอยู่อีกเป็นกระตัก (แน่นอนว่าครามใส่มันได้แบบชิล ๆ ไม่ได้สนสักเท่าไหร่ว่าชาวบ้านจะมองยังไง) ปกติเขาชอบสวมกางเกงห้าส่วน ไม่ก็จะสวมกางเกงวอร์มหรือพวกขาสั้นบ้างตามแต่โอกาส หนีบแตะสักคู่เป็นพิธีก็ออกนอกบ้านได้เเล้ว แต่ถ้านัดไปทำงานหรือมีธุระสำคัญ ครามก็พอมีเสื้อผ้าดี ๆ ไว้ให้ใส่ออกนอกบ้านกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจเจ็ดสมัยอยู่เหมือนกันนะ
ลักษณะนิสัย ::
• he's the best of the king in
this place
คำจำกัดความของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็น "คิงอันดับ1 แห่งณบูลวิทยา" นั้นคืออะไร? หลังสิ้นคำถามนี้
ทุกคนก็คงพร้อมใจกันตอบว่า "เพอร์เฟค" คคนานต์ พลลภัตม์ หรือ คราม
นั้นเป็นเด็กที่เหมาะกับคำว่าเพอร์เฟคเสียยิ่งกว่าอะไรดี
เริ่มจากหน้าตาของเขาที่หล่อเหลาและติดน่ารักเล็กน้อย
เป็นไปในแบบที่ชื่นชอบของคนส่วนมาก แม้ว่าครามมักจะทำสีหน้านิ่งเรียบไม่ไหวติงอยู่เสมอ ผู้คนก็มักพูดว่านั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาอยู่ดี
รูปลักษณ์และลักษณะการวางตัว ท่าทางการเดินหรือการปฏิบัติกิจกรรมต่าง
ๆ ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นคง เป็นคนที่แค่มองเห็นก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าไม่ธรรมดาแน่
ๆ ซึ่งก็คงไม่ผิดจากนั้นสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ขึ้นชื่อว่าได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์ทุกคน อีกทั้งยังเป็นชื่นชอบนับถือของเหล่านักเรียน ก็ย่อมเป็นคนที่มีเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่กับตัวอยู่เเล้ว
ครามนั้นเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนณบูลวิทยา คงไม่ต้องบอกเลยว่า
คนที่ได้ตำแหน่งนี้จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง เริ่มแรกคือความเป็นผู้นำของเขา
บุคลิกของครามส่วนมากเเล้วคือคำจำกัดความที่ดูจริงจัง แน่วแน่ มักคิดและกระทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบเสมอ เขาเป็นคนใจเย็นกับสถานการณ์ต่าง
ๆ ต่อให้เรื่องรอบตัวจะดูวุ่นวายแค่ไหน
ครามก็ยังนิ่งสงบเเละแก้ปัญหาอันวุ่นวายได้อยู่ดี
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นพวกถือคติช้า ๆ ได้พร่าเล่มงามอะไรหรอก ตรงกันข้ามเลย ครามชอบการทำงานที่กระฉับกระเฉงรวดเร็ว เขาต้องการให้งานที่รับผิดชอบนั้นเสร็จสมบูรณ์ได้ในเวลาที่เหมาะสม
รวมถึงมีคุณภาพด้วย นั่นจึงทำให้เขามีความเจ้าระเบียบอยู่ในตัว
ที่มักจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะก็
แต่ครามก็ไม่ใช่คนที่จะเอาแต่ดุด่าเพื่อนร่วมทีมของเขาหากมีเรื่องผิดพลาด
เขามักร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาซะมากกว่า หากครามเป็นหัวหน้า
ไม่เพียงวางแผนสั่งงาน เขาจะลงไปปฏิบัติงานนั้นเเละให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมด้วยตนเองเสมอ สกิลคำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริง รวมถึงทักษะที่เขามีทำให้ทุกคนประทับใจในการทำงานร่วมกับครามเสมอ
เขาแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว ต่อให้ทำงานกับคนที่เกลียดก็ยังทำออกมาได้ดี
แต่ครามนั้นเกลียดคนที่ชอบเอาอารมณ์มาปนกับงานเป็นที่สุด และยิ่งเกลียดพวกที่ใช้สันดานไม่ดีทั้งหลายของตัวเองคอยถ่วงเพื่อน
เเน่นอนความเด็ดขาดของเขาย่อมไม่รีรอที่จะตัดชื่อคนไม่ร่วมลงมือลงแรงทิ้งอย่างไม่ไยดีเลยล่ะ
• scary eyes with low tone can
kill you
แต่ต่อให้ครามจะเป็นคนที่เก่งกาจน่านับถือขนาดไหน
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือเขาเป็นคนที่ออกจะค่อนข้างใจร้ายแถมยังดุสุด
ๆ เลยทีเดียว ครามทำตามกฎอย่างเคร่งครัดเสมอ เขาไม่เคยอนุโลมให้กับใครเเม้แต่เพื่อนสนิทตัวเอง
หากเขาเป็นตัวแทนรับส่งงาน ต่อให้เพื่อนมาส่งสายไปแค่ครึ่งชั่วโมง
เขาก็จะปฏิเสธไปตามกฎอยู่ดีไม่ว่ายังไงก็ตาม ครามใจแข็งมากซะจนน่ากลัว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการโน้มน้าวใจครามเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอก
ถ้าเขาตัดสินใจไปแล้ว มันก็จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เว้นก็แต่ว่าจะมีเหตุผลมากพอ รวมถึงผู้พูดเหตุผลนั้นเป็นคนที่น่าเชื่อถืออีกด้วย
นอกจากนี้ครามยังมีสีหน้าที่เรียบนิ่งอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นคนที่มีปัญหาด้านการแสดงอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
แทบจะไม่มีใครเดาได้เลยว่าครามรู้สึกยังไงในตอนที่เขานั่งอยู่เฉย ๆ เหมือนกับว่าทั้งหน้านั่นมีแค่ส่วนเดียวที่ขยับไปตามอารมณ์
นั่นคือคิ้วของเขาเอง ครามติดนิสัยชอบขมวดคิ้วในตอนที่หงุดหงิด รำคาญใจ
สงสัย หรือกระทั่งตอนที่กำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง หรือบางครั้งถ้าเขาอยากถามใครว่า
'มีอะไร' เขาก็ชอบเลิกคิ้วเเทนขยับปากพูด นั่นทำให้บางทีครามอาจจะถูกคนรอบตัวนึกว่าไปกวนประสาทเอาได้ ทั้งที่ความจริงมันก็แค่บุคลิกเคยตัวอย่างหนึ่งของเขาเท่านั้นเอง
ครามไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ เป็นคนที่ชอบนั่งนิ่งมากกว่าขยับปากพูด
ไม่ใช่ไม่เก่งเรื่องการสื่อสารอะไรหรอก..เวลาที่ต้องพรีเซนต์งาน
คุยเรื่องสำคัญ หรือตอบสัมภาษณ์อะไรเขาก็ตอบได้อย่างฉะฉานเหมือนเคย
แค่ว่าปกติเเล้วจะไม่ชอบพูดเนื่องจากขี้เกียจสนทนากับมนุษย์โลกแค่นั้นเอง
อาจเป็นเรื่องประหลาด แต่เหตุผลมันก็แค่นั้นจริง ๆ อีกอย่าง ครามน่ะเกลียดเสียงดัง
เพราะงั้นเขาเลยมีโทนเสียงเดียวในตอนที่พูด ซึ่งมันก็แอบน่ากลัวไม่น้อยเลยล่ะ..ไม่แปลกเลยที่หลายคนจะชอบเรียกเขาว่า
'เจ้าชายน้ำแข็ง' น่ะ แต่เพราะเขามันเป็นพวกพูดน้อยต่อยหนัก บางทีก็พูดตรงจนเขาหน้าเสียไปบ้าง คนบางจำพวกก็เรียกเขากันลับหลังว่า 'ผีดิบ' ด้วยนี่น่ะสิ..เป็นคำข่อนแขวะอย่างหนึ่งนั่นแหละ
• multi-talented in this genius
guy
อัจฉริยะของจริงที่เรียกได้ว่ารับพรจากพระเจ้ามาตั้งแต่เกิดโดยเเท้ IQ ในหัวที่สูงปรี๊ดอย่างน่าชื่นชม (ถึง EQ ในหัวจะต่ำไปหน่อยก็เถอะ..) ครามเรียนรู้ได้ไวมาก เขามีความจำดีระดับที่อ่านหนังสือต่าง ๆ
ก็จำมันได้ในครั้งแรกแล้ว สามารถทำความเข้าใจบทความหรือบทวิจัยยาก ๆ ได้ด้วยการนั่งอ่านพิจารณาเพียงครู่
ครามหัวดีกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความระมัดระวัง
ไม่หลงตัวเอง คอยทบทวนบทเรียนเสมอ นั่นทำให้เขาเป็นเอกเรื่องวิชาการ ผลการเรียนของเขาการันตีความสามารถด้านนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เรียกได้ว่าในโรงเรียนณวิบูลวิทยาไม่มีใครจะฉลาดไปกว่าเขาเเล้วก็ว่าได้
เขาเป็นคนที่มีความกล้าและความมั่นใจในตัว เพราะงั้นต่อให้ครามจะไม่ได้เก่งรอบด้าน เขาก็สามารถศึกษางานรอบด้านได้เช่นกัน
ตอนแรกเขาเก่งแค่วิชาการ แต่เมื่อมีวิชาพละให้เรียน
เขาก็กลับบ้านไปศึกษากฎของกีฬาชนิดนั้น ๆ กับวิธีเล่นมา
และตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ครามเป็นคนทำอะไรสักอย่างก็จะทำให้เต็มที่ เขาเกลียดอะไรที่มันครึ่ง ๆ กลาง ๆ ถ้าจะทำเเล้วมันก็ต้องทำให้สุด ไม่ใช่ว่ามันยากเเล้วก็โยนทิ้งกันซึ่งหน้า บางครั้งก็เลยออกจะเป็นคนที่รั้นตะเเบงสักหน่อย..แถมยังรั้นเเบบที่หัวแข็งโป๊ก
เคาะทีมือคนเคาะแตกอีกต่างหาก
เป็นคนที่ให้ความสนใจกับสิ่งต่าง
ๆ รอบตัว มีความขี้สงสัยไม่น้อย เรื่องที่ไม่เคยเรียนหรือเจอจะสนใจเป็นพิเศษ แต่คนเขาก็ดูไม่ค่อยออกหรอกว่าครามตื่นเต้นเป็นไหม เพราะตอนที่ตื่นเต้น
อาการเดียวที่แสดงออกมาคือครามจะนั่งนิ่งมาก ซึ่งมันตรงข้ามกับอาการของคนตื่นเต้นทั่วไปโดยสิ้นเชิงเลย
แต่ที่ครามทำแบบนั้น ก็เพราะเขากำลังพยายามทำเป็นใจเย็นอยู่น่ะสิ
• please keep a distance from
him
ความสงบใด ๆ
ล้วนเป็นเครื่องตื่นเเห่งโลก ความลับข้อที่สามของนาย คคนานต์ พลลภัตม์
นั่นคือเขาเข้ากับมนุษย์โลกไม่ได้อย่างรุนแรง — ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอก ครามน่ะมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม เขาเกลียดเสียงดัง ไม่ชอบความวุ่นวาย และพลังงานในตัวเขาก็มักจะลดต่ำอย่างรวดเร็วโดนเฉพาะถ้าต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมคนเป็นฝูง เป็นไปได้ครามก็อยากจะนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ
หรืองีบหลับคนเดียวมากกว่าการออกไปเที่ยวสังสรรค์กับใคร มีความ introvert ในตัวสูงถึง70% วันหยุดครามเเทบจะไม่เหยียบเท้าออกจากบ้านด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะเปลืองเงินเเล้ว เขายังไม่ชอบไปฝ่าแดดร้อนกับฝูงชนในวันหยุดอีกด้วย
อีกเรื่องคือครามเป็นคนขี้งกมาก เขาจึงไม่ค่อยเที่ยวหรือซื้อของอะไรเท่าไหร่เลยล่ะ
คนจำพวกที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าการไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่
ๆ มันสนุกตรงไหน? สิ่งที่ครามเห็นนั้นคือวุ่นวายและน่าปวดหัว อาจเป็นเพราะว่าประธานนักเรียนหนุ่มคนนี้มีเพื่อนสนิทไม่กี่คนด้วยนั่นแหละ
เขาถึงทำตัวไม่ถูกนักเวลาอยู่กับคนเยอะ ๆ ถ้าจะไปเที่ยวเขาก็ขอไปกันแค่สามสี่คนที่สนิทกันดีก็พอ
พวกกิจกรรมนัดบอดอะไรพวกนี้ยิ่งไม่ต้องฝันเลย แค่ได้ยินว่าต้องไปกินข้าวกับคนแปลกหน้า
ครามก็สับตีนแตกหนีไปสามโยชน์แล้วโน่น —
แต่ถึงอย่างนั้นครามก็ไม่ได้จะกีดกันทุกคนออกจากชีวิตแต่อย่างใด
เขาสามารถทำความรู้จักเพื่อนใหม่ได้ หากเพื่อนใหม่คนดังกล่าวจะช่วยใจเย็น ๆ
แล้วฟังเขาสักหน่อย — ครามรับมือการพุ่งชนเเบบเต็มกำลังไม่ค่อยไหว เขามักจะเกร็งตอนที่มีใครพยายามเข้าหาเขามาก ๆ โดยไม่สนสี่แปดอะไรเลย และครามจะไม่ทนด้วย ถ้าไม่พูดออกไปเลยตรง ๆ ว่ารำคาญหรืออึดอัด
เขาก็จะเดินหนีอีกฝ่ายตั้งเเต่ที่เห็นในระยะร้อยเมตรเลยล่ะ
เพราะงั้นถ้าอยากสนิทกันก็ช่วยใจเย็นแล้วเข้าหากันแบบปกติชนทีเถอะนะ..ขอล่ะพ่อ
• don't let him be mad
คนนิ่ง ๆ แบบนี้บางทีก็มีมุมที่จี๊ดขึ้นหัวอยู่เหมือนกัน ครามใจเย็น แต่ก็ไม่ได้เย็นมากพอจะปลงสังขารกับทุกสิ่งบนโลก ถ้าเจอเรื่องที่ไม่ชอบใจ ต่อมความอดทนเขามันก็ระเบิดได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
โดยปกติครามจะไม่เอาตัวไปยุ่งกับของที่เกลียดหรือไม่ชอบ รวมถึงคนจำพวกที่เขาไม่ชอบใจด้วย แต่เมื่อไหร่ที่ต้องยุ่งด้วย
เส้นขีดความอดทนเขามันก็มักจะต่ำลงมาทุกที เห็นได้ชัดว่าตาเขาจะดุกว่าทุกทีมาก แถมยังขมวดคิ้วปั้นบึ้งอีกด้วยในตอนที่หงุดหงิด เช่นการต้องไปตากแดดแรง ๆ ครามที่ผิวไหม้ง่ายจะหงุดหงิดสุด ๆ เเต่เขาก็ไม่ใช่คนชอบโวยวายใส่ชาวบ้านหรอก
แค่ว่าหงุดหงิดเเล้วชอบปล่อยรังสีทะมึนออกมาจนคนเขาไม่กล้าเข้าใกล้แค่นั้นเอง ปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวก็หายเองนั่นแหละ
หากว่าพูดถึงในเรื่องของความโกรธเเล้ว
มันจะค่อนข้างแตกต่างจากเดิมไม่น้อย ปกติเเล้วเด็กหนุ่มคนนี้มักแก้ปัญหาด้วยเหตุผลเสมอ แต่เขาไม่ใช่คนช่างเจรจา การจัดการด้วยกฎเเละระเบียบเป็นเรื่องที่ครามถนัด คนที่ดีแต่เห่ามักทำอะไรไม่ได้เมื่อต้องเจอกับกฎที่มีข้อบังคับชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะดีแต่เอากฎมาขู่หรอก..เรื่องหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้นั่นคือหมัดของครามนั้นหนักเสียยิ่งกว่าอะไรดี และเขาก็สามารถซัดหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายให้ดั้งมันยุบกลับเข้าไปได้ง่าย ๆ
เลยล่ะ เรียกได้ว่าไม่ใช่พวกยอมทนให้โดนด่า
มิหนำซ้ำยังจะซัดเปรี้ยงคืนอีกเท่าตัวอีกต่างหากนั่น
ครามมีของที่เกลียดอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ที่เขาเกลียดมาก ๆ จริง ๆ นั่นก็คือ 'เสียงดัง' ทั้งเสียงกรี๊ด
เสียงก่อสร้าง เสียงฟ้าผ่า หรือกระทั่งเสียงของคนตอนที่ตะคอกใส่เขา เขาเกลียดมันทั้งหมด ครามมักน็อตหลุดง่ยา ๆ ตอนที่ถูกตะคอกด่าใส่ ต่อให้ภายนอกเขาจะดูนิ่งอยู่ แต่แววตาก็ส่อชัดเจนว่าให้ 'หุบปาก' การตะโกนใส่คนอื่นน่ะเป็นสิ่งที่ไม่มีมารยาทนะ..เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้
ก็อย่าแหกปากกันนักเลยเถอะนะ?
• the one who can touch his
family is only him
ของสำคัญของใคร
คนนั้นก็รักทั้งนั้น สำหรับครามเเล้วสิ่งที่สำคัญมาก ๆ นั่นคือครอบครัวของเขา เพราะว่ามีกันอยู่แค่นั้น แค่เขา พ่อ ปู่ และน้องชายตัวเเสบนั่น โดยเฉพาะอย่างเจ้าน้องชายที่แสนซนซะเหลือเกิน แถมพวกเขาก็โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เเล้ว มันจึงไม่แปลกเลยถ้าครามจะรักน้องชายของเขามาก ต่อให้ภายนอกครามจะเเสดงออกว่าเฉยชา ไม่ค่อยหืออืออะไรเท่าไหร่ เเละมือไวพอจะพร้อมฟาดกบาลไอ้น้องตัวดีสักเปรี้ยงตลอดเวลาที่มันทำซ่าไปเป้วติงใส่คนอื่นแค่ไหน
เขาก็ยังเป็นคนที่คอยสอดส่องว่าน้องชายคนนั้นสบายดีรึเปล่า รวมถึงคอยจัดการพวกที่เข้ามาวุ่นวายกับอีกฝ่ายด้วยอีกต่างหาก
ครามถือคติว่า "น้องใคร
คนนั้นก็ต่อยได้แค่คนเดียว" (?) เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่เข้ามารังแกหรือหาเรื่องน้องชายของเขา
เขาก็จะไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ ๆ
ครามเป็นคนอ่อนไหวมากถ้าเป็นเรื่องครอบครัว ยิ่งเป็นเรื่องของน้องชาย ความตระหนกพวกนั้นก็จะเพิ่มขึ้นสูงสวนทางกับปรอทความอดทนที่ลดต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งการเรียน หรือกระทั่งการฝึกต่อยมวยนั้น เขาก็ทำเพราะอยากทำเพื่อน้องชายล้วน
ๆ ครามมีปัญหาใหญ่หลวงที่สุดนั่นคือเขาไม่มีความฝันหรือความต้องการเป็นของตัวเอง สิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้เป็นการแค่การทำเพื่อให้น้องชายไม่ต้องมาเป็นห่วงพี่ชายแบบเขาเท่านั้น
ไม่ใช่การทำเพื่อตัวเองเลยสักนิด ดังนั้นเเล้วถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับน้องชาย
เขาก็คงทำใจไม่ได้แน่ ๆ..
แต่ถึงจะพูดไปซะขนาดนั้นเเล้ว
สิ่งที่ผู้คนมักได้เห็นบ่อย ๆ กับเป็นภาพฉากการวิ่งไล่จับ (?) ของสองพี่น้องบ้านพลลภัตม์ ที่มักมีคนพี่คอยไล่วิ่งเตะเพ่นกบาลไอ้น้องชายตัวดีอยู่เป็นประจำเสียนี่
ครามยอมรับนะว่าเขารักน้องมากระดับที่ใจอ่อนกว่าทุกคนโข แต่ก็ใช่ว่าจะเลี้ยงมันเป็นไข่ในหินซะหน่อย
ถ้าหาเรื่องมาให้ปวดหัวหรือไปทำตัวแกว่งเท้าหาเสี้ยนล่ะก็ เขาเนี่ยแหละจะเอาหมัดบ่งเสี้ยนให้มันกะโหลกแยกเลยเชียว
• what the "love"
is mean?
ความลับขั้นปิดตายของ คคนานต์
พลลภัตม์ แล้ว นอกจากจะเป็นคนคลั่งน้อง (?) เขายังเป็นมนุษย์ที่ไม่สันทัดด้านความรักเลยแม้แต่น้อย หลายต่อหลายครั้งที่พูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา ใบหน้าของครามก็มักจะว่างเปล่า สมองขาวโพลน นั่งนิ่งเป็นหุ่นนกระบอกแบบคนไม่รู้จะออกความเห็นอย่างไรดี เพราะไม่เคยเเม้แต่จะคิดถึงคำว่า
"รัก" มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
สำหรับครามเเล้วความรักนั้นเป็นสิ่งที่ไกลตัวเป็นอย่างมาก
นานทีปีหนเขาถึงจะหันไปสนใจมันซะบ้าง
แต่อันที่จริงก็ไม่เชิงสนใจนักหรอก..เรียกได้ว่าโดนเพื่อนมางอแงใส่เพราะอกหักต่างหากล่ะ..
ครามมักเป็นผู้ให้คำแนะนำเรื่องต่าง
ๆ แก่เพื่อน ๆ ของเขา แต่พอเป็นเรื่องความรัก ไอ้หนุ่มคนนี้กลับทำเป็นแค่อย่างเดียว นั่นคือการตักไอติมเข้าปากแล้วรับฟังเรื่องรักเส้า
ๆ ของผองเพื่อนแบบเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาเท่านั้น
เขาไม่หือไม่อือแม้ว่าเพื่อนจะงอแงร้องโวยวายบอกว่า "กูรักเขามึง
กูอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีเขา" ครามก็จะทำเพียงแค่พยักหน้าเเล้วบอกว่า
"จะตายวันไหนล่ะ" แค่นั้นเอง เป็นเหตุให้เขาโดนเพื่อนปาของใส่ประจำเพราะเหตุนี้นั่นเอง
แต่ถึงจะเฉยชาเสียขนาดนี้ พอเจอเข้าจริงครามก็แตกตื่นไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ — เห็นได้ชัดเลยเวลาที่เผลอมีสาวน้อยใจกล้าสักคนเข้ามาสารภาพรักกับเขา
ครามมักจะเหงื่อแตกพลั่ก ตาสั่นระริกระดับสิบริกเตอร์พร้อมส่งสัญญาณ SOS
ให้เพื่อน ๆ ให้ช่วยพาเขาไปจากสถานการณ์นี้ที
(ซึ่งเเน่นอนว่ามันก็ไม่ค่อยจะช่วยเขากันสักเท่าไหร่หรอก) วิธีการที่ครามมักเอาไว้ใช้จัดการจึงมักจบด้วยการพูดว่า
"ขอโทษนะ" แล้วเดินหนีแบบสับตีนแตกสุดชีวิตแค่นั้นเอง
แต่ไม่รู้ว่าหน้ามันนิ่งเสียงมันคุมโทนไปรึเปล่า คนเขาเลยมองเป็นโมเมนต์แบดบอยนิด
ๆ (?) ยิ่งดูกร๊าวใจสาว ๆ น่าเอาชนะเข้าไปใหญ่เลยพวกผู้ชายเย็นชาเนี่ย
แต่ขอเถอะพระผู้เป็นเจ้า..เขาไม่ได้อยากมีความรัก เขาไม่ได้คิดจะมีแฟนตอนนี้..เพราะงั้นเลิกส่งคนพวกนั้นมาตามไล่กวดเขาเหมือนผีดิบในหนังสยองขวัญสักทีเถอะ วิ่งจนกล้ามขาปูดหมดเเล้วนะโว้ย!!
ประวัติ ::
งานอดิเรก ::
• อ่านหนังสือ/ทบทวนบทเรียน
[เพราะด้วยความที่ว่าเป็นนักเรียนทุน เเล้วปล่อยให้เกรดตกไม่ได้
ครามมักจะใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน
อีกทั้งบ้านเขายังไม่มีเงินมากพอให้ไปเรียนพิเศษ ครามเลยเลือกเรียนทางยูทูป
หรือไม่ก็ขอซีร็อกซ์เอกสารอาจารย์มาเรียนเองเป็นหลักซะมากกว่า
ซึ่งบางทีเขาก็อ่านอยู่ที่บ้าน แต่ถ้าวันไหนเนือยจัดก็ออกไปอ่านที่ร้านคาเฟ่นมใกล้
ๆ บ้านเเทน]
• ชกมวย [ครามไปที่ค่ายมวยใกล้ ๆ
บ้านอาทิตย์หนึ่งสามวันเป็นอย่างต่ำ เขาเรียนต่อยมวยมาตั้งแต่ตอนเขาอายุแค่สิบสองแล้วล่ะ
เรียกได้เป็นจนเซียนจัด เหลือแค่ขึ้นสังเวียนก็สวมมงคลได้เลยล่ะ]
• ปลูกต้นไม้ [ครามปลูกต้นไม้เก่งมาก
ไม่ว่าจะชนิดไหนก็งอกเงยได้หมด ล่าสุดเขาไปซื้อทานตะวันมาลงดินเรียบร้อยแล้วนั่น]
• ช็อปปิ้งด้วยตา
[ชอบเข้าไปนั่งไถหน้าซื้อของออนไลน์เพื่อหาของที่ชอบแล้วกดใส่ดาวไว้ แต่ไม่ซื้อ
เพราะเสียดายเงิน —]
• อ่านตำราทำอาหาร [ไม่ปลื้มที่โดนคลื่นสบประมาทว่าเป็นนักปรุงอาวุธชีวิภาพด้านโภชนาการ เลยพยายามอ่านและแอบลอบเข้าครัวไปฝึกทำกับข้าวบ่อย ๆ แต่ก็มักจบด้วยการทำครัวระเบิด (?) ตลอด จึงเป็นเหตุให้คลื่นระแวงมากถึงขนาดล็อคครัวไว้ตอนเขาอยู่บ้านคนเดียวเลยทีเดียว (บ้านครามจะมีตู้เย็นสองตู้ คือตู้ในครัวกับตู้ที่ตั้งไว้ในห้องนั่งเล่น วันไหนคลื่นไม่อยู่บ้านก็จะเอาของกินแช่ตู้ในห้องนั่งเล่นไว้ กันพี่ชายอดตายนั่นเอง]
สิ่งที่ชอบ ::
• ทาโกะยากิไส้ปลาหมึก [ชอบมาก ชอบที่สุดในโลก
ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่เอาเป็นว่ามีเจ้าประจำ กินทีถึงกับเเสงออกปาก]
• ต้นไม้/ดอกไม้ [ก็..มันทำให้ใจสงบดีล่ะมั้ง?]
• สถานที่เงียบ ๆ
[เขาไม่ชอบเสียงดัง ดังนั้นการได้อยู่ในสถานที่เงียบสงบจึงเป็นที่ถูกจริตไม่น้อยเลย]
• ของลดราคา
[ประหยัดเงินดี
แต่ลำบากนิดหน่อยตรงที่ต้องทำสงครามกับพวกคุณป้าแม่บ้านทั้งหลายนี่สิ..]
• แอปเปิ้ล
[อร่อยดี แต่เขาจะชอบแค่แอปเปิ้ลกรอบ ไม่ค่อยชอบพวกเนื้อซุยเท่าไหร่
ในตู้เย็นน่ะมีแอปเปิ้ลเเช่ไว้ตลอดเลยล่ะ]
• กลิ่นฝน
[เขารู้สึกมันเย็นและสดชื่น ตอนที่ฝนตก ครามจะรู้สึกผ่อนคลายมาก เผลอ ๆ
เขาอาจจะงีบหลับไปเลยก็ได้ด้วยซ้ำ]
สิ่งที่ไม่ชอบ / เกลียด ::
• หนู,แมลงสาบ
[ศัตรูอาฆาตที่แพร่เชื้อโรคภายในบ้านของเขา
รับรองเขาจะไม่ให้มันรอดไปได้สักตัวเลยเชียว.. *กำไบกอนกับกาวดักหนูเเน่น*]
• ฝุ่นควันจากท่อไอเสีย [เขาจะเป็นมะเร็งปอดตายก่อนไหม?..และด้วยเหตุนี้นั่นเองที่ทำให้ครามไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนไกลสักเท่าไหร่
เขาไม่ชอบนั่งรถประจำทาง จะขึ้นแท็กซี่ก็แพง
ดังนั้นถ้าไม่ได้อยู่ในระยะแค่ขี่จักรยานไปได้ เขาก็ไม่ค่อยอยากขยับตัวไปนักหรอก]
• แดดแรง ๆ [ผิวของเขาจะแสบมากถ้าตากแดดนานเกินไป
เขาเลยไม่ชอบแดดแรง ๆ สักเท่าไหร่]
• พวกผลัดวันประกันพรุ่ง
[ผลัดอีกนิดงานก็ไหม้เเล้ว..เอ็งจะส่งดี ๆ หรือให้ไปตามถึงบ้านห๊ะ!?]
• คนที่ชอบเกาะชาวบ้านเขา [ถ้าอยากได้ผลสำเร็จหรือคะเเนนก็ต้องลงทุนลงแรงด้วยสิ ไม่ใช่ดีแต่จะเกาะชาวบ้านเขา..แบบนั้นน่ะหน้าด้านนะรู้ไหม?]
• เสียงดัง [ทั้งเสียงพูด เสียงรถ เสียงฟ้าผ่า
จะดังแบบไหนก็ไม่ชอบทั้งนั้น เเน่นอนว่าไม่ชอบให้คนมาตะโกนใส่ด้วย
โดนทีไรเป็นอันต้องคิ้วกระตุก คุมปากไม่ไหวต้องได้ด่ามันสักทีสิน่า]
• เครื่องในสัตว์ [หมายถึงพวกเครื่องในสัตว์ในอาหารต่าง ๆ เขารู้สึกว่ามันแหยะ ก็เลยไม่ชอบสักเท่าไหร่]
สิ่งที่กลัว ::
• ที่สูง [เป็นอาการกลัวเข้าขั้นโรค Acrophobia
เขามักจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้
ปลายนิ้วเย็นเฉียบและเหงื่อไหลออกมาตลอดถ้าต้องขึ้นไปในที่ ๆ สูงมากเกินไป
(กะประมาณตั้งแต่ตึกหกชั้นขึ้นไป) แถมถ้าอยู่นานเกินไป
ก็อาจจะช็อกเเล้ววูบลงไปตรงนั้นได้เลยล่ะ / Damage: ♥♥♥♥♥ ]
• สวนสัตว์ [เหตุเกิดเพราะเคยไปเที่ยวสวนสัตว์ตอนเด็ก ๆ แล้วมันมีลิงหลุดออกมาจากกรง..วันนั้นครามโดนลิงกระโดดเกาะหัวไปค่อนวันเลยนะ เขาสาบานกับตัวเองแบบเเน่วแน่เลยล่ะว่า จะไม่ไปเหยียบสวนสัตว์อีกแน่ ๆ / Damage: ♥♥♥♥ ]
สิ่งที่แพ้ :: -
ลักษณะการพูด ::
ครามเป็นคนที่ลักษณะน้ำเสียงจะเรียบ ๆ นิ่ง ๆ เป็นหลัก
มักพูดด้วยระดับเสียงปานกลาง ไม่เบาไม่ดังเกินไป และไม่ชอบการตะคอกหรือตะโกน
เนื้อเสียงต่ำและดุ แถมติดวาจาที่เน้นไปทางพูดน้อยต่อยหนัก
เลยเป็นเหตุให้บางคนอดเกร็งเวลาที่คุยกับเขาไปบ้างซะไม่ได้ เวลาที่คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ก็จะแทนตัวว่า
'ผม' และลงท้าย 'ครับ' ตามปกติ
แต่ถ้าคุยกับเพื่อนก็จะแทนตัวว่า 'เรา' ในขณะที่คุยกับรุ่นน้องเขาจะแทนตัวเองว่า 'พี่'
ซึ่งจะเรียกคนทั้งหมดด้วยชื่อ
ไม่ค่อยมีคนเห็นครามพูดคำหยาบเท่าไหร่นัก สบถก็ไม่ค่อยจะมี
เว้นแต่กับเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ที่เขาจะใช้ 'กู' 'มึง' บ้างในบางครั้ง
ไม่ก็กับคนที่ทำให้รู้สึกรำคาญอยากจะด่าหรือเพ่นกบาล (?) มันสักป้าป
เป็นต้น ท้ายสุดนี้ครามนั้นมีน้องชายอยู่หนึ่งคน
มันจะมีความพิเศษของสองพี่น้องก็คือพวกเขาสนิทกันมากจนแทบจะเป็นเพื่อนกันแทนเเล้ว
ทั้งสองจึงเเทนตัวเองและเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อในเวลาที่คุยกันแค่สองคนซะเป็นส่วนใหญ่
example1; you got the point
"นับไม่คิดว่าวันนี้ตัวเองปากแดงไปหน่อยเหรอ"
เด็กสาวที่กำลังนั่งปาดปลายนิ้วลงบนหน้าจอมือถือถึงกับสะดุ้งเฮือก
แน่นอนว่าเธอจำเสียงของเพื่อนคนนี้ได้ดี ไม่สิ..ต้องบอกว่าใคร ๆ
ก็จำเสียงเขาได้ต่างหาก
ก็ใครล่ะมันจะไปลืมเสียงเย็นเจี๊ยบอย่างกับตู้เเช่เย็นแบบนี้ไปได้
พอเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดสักนิด..ว่าแต่ทำไมคนอย่างประธานนักเรียนแบบครามถึงได้มาโผล่ที่หลังตึกเรียนแบบนี้ได้นะ?
"พูดอะไรน่ะคราม"
ถึงอย่างนั้นนับก็ยังพยายามตีเนียนไปก่อน
ถ้าให้พูดกันแล้วเธอว่าวันนี้เธอแต่งมาเนียนมาเลยนะ.. "เค้าเเต่งหน้าซะที่ไหน
เนี่ยหน้าสดสุด ๆ เเล้ว ครามไม่เห็นเหรอว่าโคตรดูไม่ได้เลยอะ"
"อืม
ก็ดูไม่ได้จริง"
เอ้า ไอ้นี่ —
เหมือนเส้นประสาทมันกระตุกเบา ๆ
แต่ใครล่ะมันจะไปกล้าเถียงคุณประธานคนเก่ง เด็กสาวพยายามสูดหายใจเข้าปอด
แสร้งตีมึนไม่รับรู้การด่าแบบ (ไม่) อ้อมนั่น "ถ้างั้นเดี๋ยวเค้าไปก่อนนะ
จะเข้าเรียนเเล้วด้วย" ว่าจบก็เตรียมเดินเบี่ยงไปทันที
ติดที่ว่าอีกคนดันคว้าไหล่เธอไว้ซะนี่น่ะสิ..
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่มองเธอนิ่ง
ๆ เเต่เหมือนมือจะมีกาวตุ๊กตาแปะไว้ สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดซะทีนี่สิ
ครามล้วงมือเข้าหยิบอะไรสักอย่างในกระเป๋านักเรียน
ปรากฏว่ามันคือทิชชู่กับคลีนซิ่ง..ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพกของแบบนี้ติดตัว
แต่รับรองเลยว่าถ้าเธอรับมาล่ะก็ คราวนี้ล่ะหน้าศพของเเท้แน่
"เห็นแก่ที่เป็นเพื่อนกัน
ครามปล่อยเค้าไป —"
"จะลบดี ๆ
หรือให้ลากไปห้องปกครอง"
"...." บางทีก็งงนะว่าเมื่อก่อนฉันกรี๊ดนังผีดิบนี่ลงไปได้ยังไง..
example2; just wanna take a nap
สภานักเรียนช่วงนี้น่ะเต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวาย
มีงานหลายอย่างให้ทำเยอะมากซะจนคนในสภาแทบจะไม่ต้องหลับต้องนอนกันเเล้ว
ไหนจะงานในห้องอีก แค่พวกสมาชิกก็เหนื่อยแทบล้มตึงกันเเล้ว
ไม่ต้องพูดถึงประธานสภานักเรียนเลยว่าจะหนักกว่าขนาดไหน แค่เพื่อน ๆ
ทุกคนในสภาเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของคนนำตำแหน่งก้าวเท้าเดินเข้ามา
ก็พากันเป็นห่วงกันถ้วนหน้าเเล้ว
"ไปนอนห้องพยาบาลจะไม่ดีกว่าเหรอคราม"
เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยทัก
เธอเดินเข้าไปหาหมายจะอาสาเป็นคนพาอีกฝ่ายไปพักที่ห้องพยาบาลเอง
แต่ครามกลับเอี้ยวตัวหลบ เขาส่ายหน้าเบา ๆ พ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมาจมูกทั้งสีหน้าเรียบเฉย
แม้ว่าจะดูซีดเซียวกว่าปกติมากก็ตาม
"แค่ง่วงนอนเท่านั้นแหละ.."
ตอบออกไปแบบนั้น
เเล้วเดินไปนั่งจัดการเอกสารต่อทั้งหน้าตาเฉย
ด้านเหล่าเพื่อนฝูงแม้จะห่วงกันมากแค่ไหนแต่เห็นแบบนั้นเเล้วคงพูดอะไรมากไม่ได้
ก็ครามน่ะ..หัวรั้นอย่างกับอะไรดีเลยนี่นา..
example3; you have to take it easy
"ทำอะไรดึกดื่นทำไมไม่นอน"
เสียงร้องว๊ากด้วยความตกใจดังขึ้นเเทบจะทันทีเมื่อเขาขยับปากพูดขึ้น
ครามขมวดคิ้วน้อย ๆ มองน้ำชายอย่างคลื่นที่สะดุ้งตกใจเสียเกินพอดี
ด้านน้องชายเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นคน
ไม่ใช่สิ่งในจินตนาการล้านแปดของตนก็เป็นถอนหายใจเฮือก แต่ยังไม่วายปั้นบึ้งใส่เขา
กอดอกบ่นเป็นการใหญ่ว่า
"คราวหลังถ้าครามจะเข้ามาในห้องคลื่นก็ส่งเสียงก่อนสิ
ผลุ่บ ๆ โผล่ ๆ แบบนี้คลื่นหัวใจวายตายจะทำไงอะ"
ครามส่ายหัวน้อย ๆ
เหมือนจะบอกว่านั่นเป็นความคิดไร้สาระ
เขาเดินเข้าไปใกล้น้องชายตัวดีตรงโต๊ะเขียนหนังสือ
ปรากฏว่าบนนั้นมีหนังสือวิชาวิทยาศาสตร์กองอยู่เต็มไปหมด
เขาหันไปมองหันอีกฝ่ายเล็กน้อย ซึ่งคลื่นก็ไม่แม้แต่จะยอมสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ
เพราะรู้ดีว่าจะต้องโดนดุแน่ถ้าครามมารู้ว่าเขาอ่านหนังสือยันตีหนึ่งแบบนี้
"..อาทิตย์หน้ามีสอบเก็บคะแนนนี่นา"
"แต่วันนี้มันดึกแล้วนะ"
"โธ่คราม
คลื่นไม่ได้เป็นเอ็กซ์แมนแบบครามนะถึงจะอ่านรอบเดียวเเล้วจำได้อะ"
น้องชายตัวดีร้องโวยวายเป็นการใหญ่
กระนั้นครามก็ยังเห็นแววตาเหนื่อยล้าจากอีกฝ่ายไม่น้อย เขานิ่งไป
ก่อนจะตัดสินใจคว้าหนังสือทั้งหมดมากอดเอาไว้
เล่นเอาคลื่นถึงกับร้องลั่นเลยทีเดียว
"คราม!
เดี๋ยวคลื่นอ่านไม่ทัน เอาคืนมาเลยนะ!"
"เดี๋ยววันเสาร์อาทิตย์ครามช่วยติว" สิ้นคำเขาพูด คลื่นก็ชะงักไปเล็กน้อย
เขานำหน้าประหลาดใจมาก เพราะปกติเเล้วพี่ชายคนนี้มักจะยุ่งอยู่เสมอ
แต่ครามก็ไม่ได้คิดอธิบายอะไรเพิ่มนัก เขาลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
เป็นการให้กำลังใจทางอ้อม แล้วจึงเดินไปปิดไฟก่อนออกจากห้องนอนของคลื่นไปในที่สุด
example4; have you finished?
"ไอ้คราม!!"
ขณะที่ครามกำลังเดินไปยังห้องสภานักเรียน
เขากลับถูกใครบางคนกระชากไหล่เอาไว้เต็มแรง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแทบจะทันที
ไม่ใช่ว่าเพราะแรงกระชากตรงหัวไหล่ แต่กลับเป็นเสียงที่ดังจนน่าหนวกหูนั่น
เหมือนว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้ของเขาจะไม่มีความอดทนหรือรู้จักเรื่องมารยาทเท่าไหร่เลยจริง
ๆ
"อะไร?" เด็กหนุ่มถามกลับเรียบ ๆ
ดูรำคาญไม่น้อยกับเสียงโหวกเหวกวุ่นวายนี้
"มึงไม่ได้ใส่ชื่อกูลงไปในรายงานเหรอ?"
ครามร้องอ้อออกมาเบา ๆ
ทันทีในเวลาต่อมา ไอ้เขาก็นึกว่าเรื่องอะไรถึงทำให้อีกฝ่ายเป็นบ้าเป็นบอขนาดนี้ เด็กหนุ่มผงกศีรษะรับอย่างว่าง่าย "ก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง
จะให้เราใส่ชื่อให้ได้ไง"
"มึงไม่รู้รึไงว่างานนี้มันยี่สิบคะเเนน!"
คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย
เหมือนกับการถามทางอ้อมว่า 'แล้วยังไงต่อ?' มันทำให้ความอดทนของคนตรงหน้าหมดลง
เด็กหนุ่มพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อเขาเต็มแรงจนตัวเขาถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย
กดเสียงข่มรอดไรฟันด้วยความโมโหสุดขีดว่า
"มึงอย่าคิดว่ามึงเป็นลูกรักครูในโรงเรียนแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงนะคราม
ถ้ามึงก้าวเท้าออกจากโรงเรียนเมื่อไหร่นะ —"
"จบรึยัง"
"ห๊ะ?"
ถ้อยคำมากมายที่เตรียมพ่นสบถด่าใส่คนตัวเล็กกว่านั้นเป็นอันหยุดชะงัก
เมื่อครามเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แสนเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย
ต่อให้สถานการณ์จะดูย่ำแย่ขนาดไหน เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวอะไรเลย
ครามเพียงแค่จ้องคนตรงหน้านิ่งด้วยสายตาที่ดูน่ากลัวเสียยิ่งกว่าท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั่นซะอีก
ดวงตาของเขาวาววาบ เป็นอีกครั้งที่เด็กหนุ่มนั้นเอ่ยถามย้ำออกไปว่า
"กูถามว่ามึงพล่ามจบรึยัง"
example5; where are you going?
"มึงว่าเราแอบอู้มาอยู่ห้องสมุดแบบนี้อาจารย์เขาจะจับไม่ได้จริงเหรอวะ"
เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ จากเด็กหนุ่มที่นั่งหลบอยู่ตรงระหว่างชั้นหนังสือมากมาย เรียกให้เพื่อนร่วมแผนการ
'ย่องหนีติวสอบ' ต้องเหลือบมามองน้อย ๆ
เขามีท่าทีสบายกว่ามากนัก เพราะเคยโดดคาบติวแบบนี้มากว่าสองครั้งเเล้วน่ะสิ
แถมฝากเพื่อนในห้องเช็คชื่อไปแล้วด้วย ไม่มีปัญหาหรอก
"หรือมึงอยากไปร้านเกมแทนล่ะ
จะได้โดดออกไปเลยให้จบ ๆ" แต่พอเห็นหน้าเพื่อนกระวนกระวายซะขนาดนั้นก็อดขำปนสงสารมันไม่ได้
เออ พาเพื่อนเปิดโลกทั้งทีก็ต้องใจดีกับมันหน่อยเเหละเนอะ
และทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น
เพื่อนชายคนดังกล่าวก็รีบพยักหน้ารับทันที
นั่นทำให้พวกเขาสองคนตัดสินใจเดินออกไปจากห้องสมุดเพื่อเตรียมโดดเรียนเต็มที่
แต่ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องสมุดแอร์เย็นฉ่ำ
พวกเขาก็ต้องเบรกหัวเเทบทิ่มเมื่อเจอเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าซะก่อน
"ปะ ประธาน!?"
เด็กหนุ่มคนแรกอุทานลั่น ทำหน้าเหมือนเห็นผีไม่มีผิด ในขณะที่ 'ประธาน' ที่ว่าน่ะเเค่เลิกคิ้วขึ้นมาแค่นิดเดียวเท่านั้น
แต่เหมือนว่าเขาจะช่างสังเกตไม่น้อย
หลังจากเลิกคิ้วขึ้นไม่นาน
ครามก็ทำการขมวดคิ้วแน่นทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้สองหน่อนี่มันเด็กม.หกเหมือนกันกับเขา
แถมนี่ยังเป็นคาบติวอีกต่างหาก..แล้วนั่นก็กระเป๋านักเรียน..
"คะ
คือว่าพวกเราโดนใช้มาเอาหนังสือให้อาจารย์น่ะ"
ครามเงยหน้ามองคนพูดเล็กน้อย
เขาร้อง "อ้อ" ออกมา
เขาเบี่ยงตัวหลบให้สองหนุ่มอย่างว่าง่าย ทั้งคู่จึงรีบพุ่งตัวออกไปทันที
แต่ก้าวไปได้แค่สองก้าวเท่านั้นแหละ
ตัวต้นเเผนการก็โดนคว้าหลังคอซะหน้าแทบหงายเลยทีเดียว
"ได้ข่าวว่าห้องติวอยู่ตึกขวาไม่ใช่เหรอ"
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงจนสัมผัสได้ถึงความเย็นเจี๊ยบจนหนังหัวชายิบ
น้ำลายกลืนลงคอไปอีกอึกใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อีกฝ่ายกระชับมือให้แน่นขึ้น
เเล้วเอ่ยถามออกมาอีกครั้งว่า
"คิดจะไปไหนกันไม่ทราบ?"
บอกได้เลยคำเดียวเลยนะครับนาทีนี้
ว่า..ชิบหายเเน่นอน
เพิ่มเติม ::
• ความหมายของชื่อถูกกำหนดเอาไว้ว่า: คคนานต์ -
ท้องฟ้า l พลลภัตม์ - เป็นที่รักที่สุด l คคนานต์ พลลภัตม์ - { ผู้เป็นที่รักเหนือม่านฟ้าทั้งปวง
}
• บ้านครามเป็นบ้านสามชั้น
ชั้นแรกทำเป็นร้านอาหาร ส่วนสองชั้นบนนั้นเอาไว้อยู่อาศัย
โดยสวนหลังบ้านจะปลูกต้นไม้ไว้เยอะมาก
นอกจากนี้บ้านเขายังอยู่ห่างจากโรงเรียนไปไม่เท่าไหร่
ตอนเช้าก็จะปั่นจักรยานซ้อนหลังไปกับคลื่นประจำ
• แม่เป็นคนจีน
พ่อเป็นไทยแท้ ซึ่งพ่อของครามก็จะคอยสอนภาษาจีนให้สองพี่น้องอยู่บ่อย ๆ
ดังนั้นทั้งคู่จึงพูดได้สามภาษา นั่นคือ ไทย จีน และอังกฤษ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
เขาไม่เก่งภาษาจีนสักเท่าไหร่หรอก แค่พอคุยกับฟังรู้เรื่องบ้างเเค่นั้นแหละ..)
• มองเผิน ๆ
เหมือนไม่มีกล้าม แต่เชื่อเถอะว่าไม่ควรไปท้าทายพี่แกเขา
เพราะถ้าโดนต่อยเต็มแรงสักที รับรองเลยล่ะว่ามีวิ้งดาวขึ้นหัว
แทบจะวิ่งไปเข้าเฝ้ายมบาลเเทบไม่ทันเลยทีเดียว
• ครามวิ่งไวมาก
และเขาก็รู้ทุกซอกทุกมุมเส้นทางการหลบหนีซ่อนตัวในโรงเรียนเป็นอย่างดี
ไม่ใช่ว่าไปแย่งงานสารวัตรนักเรียนเขาหรอก
ต้องบอกว่าพ่อคุณเขาคอยวิ่งหนีคนจะมาสารภาพรักต่างหาก..ถึงได้เป็นเซียนหลบหนีขนาดนั้นน่ะ
• อาโป
พลลภัตม์: น้องชายสุดที่รัก
(เหรอ --) ผู้เป็นแรงจูงใจในการออกกำลังกายวิ่งไล่จับและงานอดิเรกต่อยมวยของคราม
เด็กผู้ชายวัยกำลังโตที่นิสัยเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ซะเลยเช่นเดียวกับชื่อเล่นของเขา
(คลื่น) เป็นคนกวนโอ๊ยที่ชอบแกล้งปั่นประสาทชาวบ้านเขาไปทั่ว
แต่เวลาอยู่กับพี่จะช่างงอแง เนื่องจากไม่สามารถเถียงหรือเอาชนะได้เลยสักอย่างเดียว
เว้นเรื่องเดียวก็คือเรื่องทำอาหารที่เขาเอาชนะครามได้อย่างขาดลอย
แต่เห็นอย่างนี้แล้วก็เป็นคนที่ขยันตั้งใจเรียนเหมือนกับพี่ชายนั่นเเหละ
ที่สำคัญคือคลื่นไม่หวงพี่ชาย ไม่ห่วงด้วยเวลาที่ครามโดนหาเรื่อง เขามักจะยิ้มแห้ง
ๆ แล้วบอกคนที่ไปหาเรื่องพี่ชายเขาว่า 'ขอให้ไปสู่สุขคตินะ'
แค่นั้นเป็นอันจบ
_______________________________________________________
Role-Play
ประตูห้องผู้อำนวยการโรงเรียนถูกเปิดออกด้วยฝีมือของคุณหลังจากที่ได้ยินเสียงประกาศขอพบนักเรียนตามรายชื่อดังกล่าว
ด้านหน้าของคุณคือโต๊ะทำงานของผู้อำนวยการ
หญิงวัยกลางคนหมุนเก้าอี้กลับมาหาคุณอย่างไม่รีบร้อน
ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดยกยิ้มขึ้นราวกำลังทักทาย
"สวัสดี ตอนนี้นายก็อยู่ ม.6 กันแล้วนะ รู้สึกพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า? ถ้ายังไม่พอใจ อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรไหม?"
:: ทันทีที่เขาก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในตัวห้องนั้น
ครามยกมือไหว้ผู้อาวุโสด้วยความนอบน้อมทันที เขาเอ่ยปาก "ขออนุญาตนะครับ" และเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาต
เขาจึงหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงหน้า
รับฟังคำถามของผู้อำนวยการที่กำลังยกยิ้มทักทายเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แล้วจึงขยับปากตอบคำถามออกไปในเวลาถัดไปไม่นานนัก
"ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ครับ" เด็กหนุ่มว่า เขานึกไปถึงเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตที่ยังดูไม่เป็นที่ทางดีเท่าที่ควร "มีอีกหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้น่ะครับ
แล้วผมก็คิดว่าตัวเองยังมีจุดที่ต้องแก้ไขอีกเยอะเพื่อให้พอใจในตัวเองได้ด้วย"
เขาตอบคำถามทั้งสองข้อในทีเดียว
โดยเป็นคำถามแบบรวม ๆ ที่ไม่ได้เจาะจงในเรื่องใดเท่าไหร่นักเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเอง
เธอยกยิ้มขึ้นอีกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
เอกสารรายชื่อนักเรียนที่วางอยู่ตรงหน้าถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า
ดวงตากวาดมองข้อมูลของนักเรียนครู่หนึ่งก่อนที่จะมุ่งตรงมายังคุณอีกครั้ง
"คนแบบไหนที่นายอยากสนิทด้วย
แล้วคนแบบไหนที่นายคิดว่าอย่ารู้จักกันเลยดีกว่า?"
:: 'คนที่อยากสนิทด้วย?' ครามทวนคำถามนั้นอยู่ในใจ แวบหนึ่งเขาเเสดงความสงสัยผ่านทางแววตา
แต่นั่นก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น
ไม่นานมันก็กลายเป็นสีหน้าที่ดูครุ่นคิดท่ามกลางความเรียบเฉยเหล่านั้นเช่นเคย
ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง กว่าครามจะสามารถเรียบเรียงคำพูดอันเป็นคำตอบในความคิดของเขาออกมาให้แก่หญิงวัยกลางได้ดังว่า "จริง ๆ ถ้าจะสนิทกับใครสักคน ผมก็คงมองหลาย ๆ
อย่างมากกว่านิสัยของเขานะครับ"
"ส่วนคนที่คิดว่าอย่ารู้จักกันเลยน่าจะดีกว่า.." นิ่งไปเล็กน้อย
จากนั้นจึงพยักหน้ารับกับตัวเองเป็นการตัดสินใจอะไรสักอย่าง "พวกที่ชอบเอาอารมณ์ส่วนตัวมาปนกับงานจนทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน..ไม่ก็คนที่ชอบเกาะชาวบ้านเขาล่ะมั้งครับ"
หญิงวัยกลางคนหัวเราะในลำคอ นิ้วเรียวยาวปิดเอกสารเล่มหนานั้นลง
ใบหน้าดูมีความพึงพอใจในคำตอบที่ได้รับอยู่ไม่มากก็น้อย
"แล้วอนาคตข้างหน้าต่อไปคิดว่าตัวเองอยากเป็นอะไร?
ทำงานอะไร จะมีชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไงล่ะ?"
:: สิ้นคำถามที่ถูกเอ่ยออกมา
เด็กหนุ่มตรงหน้าก็นิ่งไปในทันที หากสังเกตดูดี ๆ
จะพบว่าแววตาของเขาไหววูบไปชั่วขณะ
ครามหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยคล้ายกับว่าพยายามเลี่ยงที่จะสบตา
และเอ่ยสารภาพไปตามตรงว่า
"ขอโทษนะครับ..แต่ว่าผมยังตัดสินใจไม่ได้"
..บางทีคงจะเป็นงานที่ได้เงินดีล่ะมั้ง..เขาเพิ่มเติมคำตอบของตัวเองไว้ในใจ
แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปแต่อย่างใด
"เอาล่ะ
คำถามต่อไปนี้อยากให้นายลองถามตัวเองดูให้ดี
และตอบตามความคิดความรู้สึกของตัวเอง"
เธอเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนริมฝีปากจะขยับเอื้อนเอ่ย
"คิดอย่างไรกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน"
:: "ครับ?" เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มการสัมภาษณ์มาที่ได้เห็นเด็กคนนี้หลุดความมึนงงออกมา
ครามถึงกับกะพริบตาปริบ ๆ กับคำถามที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอหรือถูกใครถามมาก่อน
เขาย้อนกลับไปถามตัวเองดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
แล้วก็พบว่าสมองค่อนข้างว่างเปล่าไม่น้อย คนแบบ คคนานต์ พลลภัตม์
ไม่ถนัดมากที่สุดก็คือการทำอาหาร รองลงมาจึงเป็นเรื่องความรัก
แล้วอิหรอบนี้เขาจะต้องตอบยังไงดีล่ะเนี่ย..?
เอาเถอะ..พูดภาพรวมความคิดไปก่อนเเล้วกัน
ใช่ว่าผู้อำนวยการจะถามเจาะจงอะไรขนาดนั้นสักหน่อยนี่นา..
"ส่วนตัวผมไม่ได้มีอคติในเรื่องนี้ครับ" หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือไม่เคยมีเรื่องรัก
ๆ ใคร่ ๆ ในสมองเลยก็ว่าได้ "อีกอย่าง LGBT+ เองก็ไม่ได้แปลกแยกหรือแตกต่างอะไรจากเรานะครับ
ก็เป็นคนธรรมดาที่มีสิทธิ์จะใช้ชีวิตส่วนตัวในแบบของเขานั่นแหละ"
"จำคำตอบของตัวเองไว้ให้ดีล่ะ ขอให้โชคดี"
ผู้อำนวยการสาวผายมือไปทางประตูเพื่อเป็นการบอกโดยนัยว่าเธอได้ถามคำถามที่ต้องการและได้รับคำตอบมาทั้งหมดแล้ว
หลังจากที่คุณเดินออกจากห้องไป ดวงตาคู่คมยังคงจ้องมองที่ประตูบานนั้น
พลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในทันที
"ได้เวลาสนุกแล้วสิ"
_______________________________________________________
Talk To Lemon-Soda
สวัสดีค่า ไรท์มีนามแฝงว่า เลม่อน และ โซดา นะคะ
สามารถเรียกได้ตามความสะดวกเลยค่า ผู้ปกครองชื่ออะไรเอ่ย?
:: สวัสดีทั้งสองคนนะคะ! ทางนี้มีชื่อว่ารันรันค่า
วันนี้มาสมัครบทอะไรคะ?
:: มาสมัครบทคิงเบอร์หนึ่งค่ะ <3
ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้และบทนี้เอ่ย?
:: เราอยากหาอะไรที่มันสบายสมองอ่านน่ะค่ะ
แล้วในเรื่องของพล็อตเองก็มีความน่าดึงดูดอยู่หลายจุดมาก ๆ
ก็เลยลองอ่านดีเทลแล้วไล่หาบทที่เราชอบที่สุด ไป ๆ มา ๆ หวยก็มาออก (?) ที่น้องคิงเบอร์หนึ่งเนี่ยแหละค่ะ ฮา
นิยายเรื่องนี้จะอัพสลับกับเรื่อง ยมทูตซ่าท้ายมโลก นะคะ
สามารถรอได้ไหมเอ่ย?
:: รอได้ไม่มีปัญหาแน่นอนค่า
หากตัวละครที่ส่งมาไม่ติดจริงๆ จะว่าอะไรไหมเอ่ย?
:: ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ 555555 จะพยายามคิดให้อินเนอร์มันเหมือนสมัครเข้าทำงานค่ะ
ถ้าไม่ติด ก็แปลว่าเราไม่ดีพอเท่านั้นเอง แต่ถึงไม่ติดก็คงจะติดตามนั่นแหละค่ะ
เพราะว่าพล็อตน่าสนใจมากจริง ๆ
ยังไงก็ขออนุญาตส่งกำลังใจในการเขียนให้คุณไรท์ทั้งสองตรงนี้เลยนะคะ ♥
ขอให้โชคดีมีชัยนะคะ~ ฝากติดตามด้วยน้า 3
ความคิดเห็น