ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #47 : Chapter 40 : First Date II

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 55





    Chapter 40 : First Date II

     

     

                หลังจากใช้เวลาบนรถเมล์มาร่วมชั่วโมงตอนนี้ซองมินกับคยูฮยอนมายืนอยู่หน้าตลาดซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย เป็นตลาดที่จะเปิดเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น ร้านที่เปิดขายของมีตั้งแต่ร้านอาหาร ของเล่นของใช้ต่างๆ รวมไปถึงพวกเสื้อผ้าแฟชั่น ถือเป็นแหล่งวัยรุ่นขนาดย่อมแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้

                “ไปกันเถอะ” ซองมินออกปากก่อนจะคว้ามือของคยูฮยอนมากุมไว้เพื่อให้เดินไปด้วยกัน

                ตลาดแห่งนี้มีคนมาเดินค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่มักใช้เวลาช่วงเย็นมาเดินเล่นหรือหาอะไรกินกันก่อนกลับเข้าหอ ซองมินพาคยูฮยอนเดินไปดูของร้านนั้นร้านนี้อย่างอารมณ์ดี มือที่กอบกุมกันกระชับแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อผู้คนที่เดินสวนไปมาเริ่มหนาตาขึ้นทุกที แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของทั้งคู่ก็ยังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขกับการที่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบนี้

                เดินเล่นกันมาเรื่อยเปื่อยได้ของติดไม้ติดมือมาบ้างเล็กน้อยจนเดินเข้าสู่เขตของร้านอาหารที่เป็นตึกแถวเป็นแนวยาวราวร้อยเมตร และเนื่องจากใช้พลังงานไปมากจากช่วงเวลาที่ผ่านมา กลิ่นหอมๆ ของอาหารจากร้านต่างๆที่ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณก็ทำให้ท้องไส้มันเริ่มปั่นป่วนส่งเสียงร้องคำรามเสียยกใหญ่

                “หิวแล้ว หิวมากๆด้วย” ซองมินทำปากยื่นปากยาวหันไปบอกคยูฮยอน มือทั้งสองข้างก็ลูบท้องไปด้วยเป็นท่าทางประกอบ

                “แล้วจะกินอะไรกันดีล่ะ หิวมากแล้วเหมือนกัน” อมยิ้มเล็กน้อยขณะตอบคำถามเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กของซองมิน ส่วนสายตาก็มองหาร้านอาหารที่จะเข้าไปทานมื้อดึกกันในวันนี้

                “ร้านนั้นเป็นไง เห็นเพื่อนบอกว่าอร่อยดี” ช่วยกันมองหาไม่นานซองมินก็ชี้นิ้วไปยังร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก ชื่อร้านนั้นคุ้นหูเหมือนร้านอาหารในตลาดนี้ที่เพื่อนเขาเคยมาทานและออกปากชมว่าอร่อย

                คยูฮยอนพยักหน้ารับและเป็นฝ่ายจับมือซองมินเดินไปยังร้านอาหารที่ว่าทันที เพราะตอนนี้ท้องมันเริ่มร้องประท้วงว่าอยากได้อาหารชุดใหญ่มาให้ย่อยเต็มที

                เวลานี้ในร้านมีลูกค้าค่อนข้างเยอะแต่ยังพอมีที่นั่งเหลืออยู่ซึ่งต้องขึ้นไปชั้นสองของร้านแถมยังเลือกที่นั่งไม่ได้เสียด้วย เนื่องจากโต๊ะดีๆนั้นถูกจองเต็มหมดแล้ว นี่คงเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งที่บอกได้ว่าอาหารร้านนี้นั้นอร่อยอย่างที่ซองมินว่าจริงๆ เพราะไม่อย่างนั้นลูกค้าคงไม่เต็มร้านแบบนี้

                โต๊ะที่ซองมินกับคยูฮยอนได้นั้นเป็นโต๊ะสำหรับสองที่อยู่ด้านในทำให้มองไม่เห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกแต่ทั้งสองก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก เมื่อเดินมาถึงโต๊ะคยูฮยอนก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้ซองมินนั่งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้

                “ขอบคุณนะ” ซองมินเอ่ยบอกเสียงอ้อมแอ้มกับพฤติกรรมของคยูฮยอนที่รู้สึกไม่ชินเท่าไหร่ แต่การได้ทำอะไรแปลกใหม่ที่พวกเขาไม่เคยทำให้กันมันก็ทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบ

                “ครับผม” คยูฮยอนตอบรับด้วยคำสุภาพแบบที่ไม่เคยใช้กับซองมินมาก่อน ก่อนเขาจะเดินอ้อมไปนั่งที่ของตัวเอง

                “นายพูดแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบนะ” พูดจบซองมินก็หัวเราะเบาๆ การที่คยูฮยอนทำแบบนี้และพูดจาแบบนี้มันเหมือนเขาเป็นคุณหนูยังไงก็ไม่รู้

                “ชอบเหรอ ต่อไปจะได้พูดบ่อยๆ”

                “ไม่หรอก มันเป็นทางการไป แบบเดิมแหละดีแล้ว” ส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ แล้วส่งยิ้มไปให้ ถ้าหากมาเปลี่ยนการพูดกันป่านนี้ต่อไปจะพูดจาอะไรทีก็คงอึดอัดกันน่าดูเลยล่ะ

                คยูฮยอนอมยิ้มรับก่อนจะหันไปรับเมนูอาหารจากพนักงานเสิร์ฟ เมื่อเลือกเมนูได้รอไม่นานนักอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ทั้งซองมินและคยูฮยอนมองอาหารตรงหน้าตาเป็นประกายเพราะความหิวมันพุ่งทะลุความรู้สึกอื่นออกมาอย่างเด่นชัด ไม่รอช้าก็ได้เวลาลงมือหม่ำอาหารที่รอคอยเสียที

                กินไปคุยไป พลัดกันตักให้กันบ้างตามโอกาส อาหารที่มีอยู่เต็มจานก็เริ่มพร่องลงไปทีละนิด ความอร่อยของรสชาติอาหารและความสุขที่ได้อยู่กับคนรักทำให้หลงลืมแทบทุกสิ่ง ทั้งสิ่งรอบข้างและเวลาที่เดินไปข้างหน้า ตอนนี้ซองมินกับคยูฮยอนไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด มีเพียงความรู้สึกดีๆที่ส่งให้แก่กันผ่านคำพูดและการกระทำในเวลานี้ ณ ขณะนี้

                คยูฮยอนนั่งยิ้มขณะที่ซองมินส่งเสียงพูดเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องราวต่างๆนานาที่เจ้าตัวสรรหามาพูดได้ไม่หยุดหย่อนแต่คนฟังก็ไม่ได้มีท่าทีเบื่อหน่ายแต่อย่างใด จนกระทั่งเข็มยาวของนาฬิกามันเดินวนไปและย้อนกลับมาที่เลขเดิม ผู้คนในร้านเริ่มบางตาลงไปเนื่องจากเวลาที่เลยผ่าน หากแต่ทั้งสองกลับไม่ได้มีท่าทีร้อนรนใดๆแม้แต่นิด ถึงแม้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ก็จะถึงเวลาที่หอต้องปิดแล้ว

                “ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย! จะได้เวลาหอจะปิดแล้ว!” เอาแต่พูดอยู่นานเมื่อได้หันมองนาฬิกาซองมินก็ร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะเพียงแค่สิบห้านาทีหอก็จะปิดแล้ว

                ในเมื่อเวลาไม่คอยท่าแล้วจะอยู่ต่อมันก็คงไม่ได้การ คยูฮยอนเรียกพนักงานเก็บเงินทันทีก่อนจะพากันเดินลงมาจากร้านที่คนดูบางตาลงมากจากตอนแรกที่เข้ามาอย่างมาก เมื่อลงมาชั้นล่างได้ซองมินก็รีบเดินไปหน้าร้านแต่ก็ต้องเบรกกะทันหันเมื่อท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งตอนนี้ฝนกลับพร่ำตกลงมาไม่ขาดสายถึงแม้มันจะไม่ได้ตกหนักมากก็ตาม แต่หากวิ่งฝ่าออกไปยังไงก็ต้องเปียกร้อยเปอร์เซ็นต์

                หันไปมองนาฬิกาอีกรอบแล้วก็ได้แต่มองหน้ากัน ร่มก็ไม่มีใครพกมาเพราะไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนว่าฝนจะตก เวลาก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ทางเดียวที่ต้องเลือกคือวิ่งตากฝนกลับไป

                คยูฮยอนถอดเสื้อแขนยาวตัวนอกออกก่อนจะใช้มันคลุมศีรษะของตัวเองและซองมินเอาไว้ พื้นที่ภายใต้เสื้อตัวบางที่แสนคับแคบทำให้สองร่างนั้นอยู่แนบชิดสนิทกันท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาเหมือนจงใจแกล้งเมื่อทั้งคู่ก้าวเดินออกจากร้าน วงแขนเล็กๆโอบกอดเอวอีกคนที่ทำหน้าที่ถือเสื้อกันฝนเอาไว้ ใบหน้าหวานก้มลงแอบอิงยามเมื่อน้ำฝนสาดกระเซ็นมาโดน คยูฮยอนจึงกระชับวงแขนดันร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น

                ยิ่งเข้าใกล้ที่หมายฝนก็ยิ่งตกหนักจนเสื้อที่ใช้กำบังไม่สามารถช่วยกันสายฝนได้อีกต่อไป ซองมินมองตามหยดน้ำที่ไหลอาบแขนและใบหน้า ของที่ใช้กันฝนแต่มันกันฝนไม่ได้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร

                “รีบวิ่งไปกันเถอะคยูฮยอน อีกไม่กี่นาทีหอจะปิดแล้วนะ” ซองมินมุดตัวออกไปจากเสื้อตัวบางของคยูฮยอนก่อนหันกลับมาตะโกนแข่งกับสายฝน

                “งั้นใครถึงประตูหอก่อนชนะ” พูดจบคยูฮยอนก็วิ่งนำหน้าซองมินไปทันที ทำให้คนถูกท้าต้องรีบวิ่งตามไป แต่ช่วงขาที่สั้นกว่ามันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เลยได้แต่วิ่งไปโวยวายไปท่ามกลางสายฝนแบบนี้ หากแต่ใบหน้านั้นยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขต่างจากการวิ่งมาราธอนจับหัวขโมยกระเป๋าสตางค์นั่นลิบลับ ก็เพราะคนที่วิ่งนำหน้าอยู่ตอนนี้เป็นโจรขโมยหัวใจที่ยินยอมยกให้อย่างเต็มใจน่ะสิ

    “วิ่งช้าแบบนั้นหอปิดก่อนไม่รู้ด้วยนะ” คยูฮยอนหันกลับมาตะโกนบอกซองมินที่วิ่งตามหลังพร้อมกับชะลอความเร็วลงด้วย ทำให้คนที่วิ่งตามอยู่เร่งความเร็วขึ้นมา

    เสียงหัวเราะกับเสียงตะโกนดังขึ้นตลอดระยะทางที่ไร้ผู้คนท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนฟ้ารั่ว และสุดท้ายทั้งสองก็วิ่งไล่จับกันจนมาถึงหอพักที่เงียบสงบไร้วี่แววของนักศึกษาคนอื่นๆซึ่งคงไม่มีใครบ้าบอออกมาข้างนอกในเวลาที่ฝนตกหนักแบบนี้

    มาถึงหน้าหอซองมินกับคยูฮยอนก็พากันบิดน้ำออกจากเสื้อผ้าตัวเองไม่ให้มันไหลย้อยไปตามทางเพื่อเพิ่มภาระให้คนทำความสะอาดหอ จากนั้นจึงรีบวิ่งขึ้นห้องเพราะการอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานอาจเกิดความเสี่ยงที่จะได้เจอในสิ่งที่ไม่อยากเจอเข้า โดยเฉพาะในวันฝนตกบรรยากาศน่ากลัวแบบนี้ ถึงจะอยู่ด้วยกันสองคนแต่ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน

     

     

    เข็มสั้นชี้ไปที่เลขสิบเอ็ดบอกเวลาห้าทุ่มตรง ภายในห้องพัก 1347 เวลาที่ล่วงเลยมาขนาดนี้แต่แสงไฟก็ยังคงเปิดสว่างอยู่ ฝนที่ตกกระหน่ำมาหลายนาทียังคงโปรยปรายลงมาโดยไม่ทีท่าทีว่าจะหยุด ดังแข่งกับเสียงน้ำจากฝักบัวที่ไหลอาบชโลมเพื่อชำระล้างร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ร่างกายขาวเนียนชวนมองโดยไร้ซึ่งสิ่งปกคลุมยืนอยู่ท่ามกลางสายน้ำเหล่านั้น และเมื่อร่างกายถูกชำระล้างจนสะอาด สายน้ำจากฝักบัวจึงถูกปิดลง เสื้อคลุมสีทึบที่แขวนอยู่บนราวถูกนำมาสวมใส่ก่อนเจ้าตัวนั้นจะเดินออกจากห้องมา

    “ใช้ห้องน้ำต่อไปแล้วนะ” ซองมินพูดขึ้นเมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำ ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นคือคยูฮยอนที่กำลังค้นเสื้อผ้ามากมายออกมาจากตู้เสื้อผ้า เขาคิดว่าคงกำลังหาชุดนอนเพื่อสำหรับใส่คืนนี้อยู่

    “อืม” ส่งเสียงเบาๆตอบกลับมาก่อนคยูฮยอนจะลุกขึ้นเดินหอบเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้เข้าห้องน้ำไป

    ซองมินส่งยิ้มบางๆให้แฟนหนุ่มก่อนตัวเองจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าบ้าง กวาดสายตามองหาชุดนอนชุดโปรดที่ใส่อยู่ทุกวัน แต่แล้วหัวข้อสนทนาที่คุยกันตอนอยู่บนรถเมล์ก็ผุดขึ้นมา ข้อตกลงที่คุยกันไว้ว่า คืนนี้ห้ามใส่ชุดนอนสีที่ชอบ งั้นแบบนี้ก็คงต้องหาชุดอื่นใส่สินะ

    ชุดนอนสีชมพูอ่อนที่ถูกเล็งไว้ถูกเมินทันทีเมื่อเจ้าของไม่คิดที่จะใส่มัน ซองมินเปิดดูชุดในตู้ไปเรื่อยๆเพื่อหาชุดที่พอจะใส่นอนได้ เพราะถึงจะบอกว่าไม่ให้ใส่ชุดนอนสีที่ชอบ แต่ชุดนอนของเขามันก็มีแต่สีชมพู แล้วจะให้เอาชุดนอนจากไหนมาใส่กันล่ะ

    “ชุดนี้คงได้มั้ง” พึมพำขึ้นมาเมื่อเจอชุดที่คิดว่าน่าจะใส่ได้ ซองมินอมยิ้มบางๆก่อนจะหยิบชุดนั้นออกมาและลงมือใส่มือทันที

    ด้านคยูฮยอนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็จัดการใส่ชุดนอนที่ค้นออกมาจากตู้เสื้อผ้าก่อนหน้านี้ ชุดนอนที่ไม่ใช่สีเขียว ชุดนอนที่ใส่แล้วรู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเก็บมาใส่ใจ มันก็แค่ชุดนอนนี่นา จะใส่อะไรก็คงเหมือนกันทั้งนั้น

    แต่งตัวเสร็จแล้วก็ส่งยิ้มให้ตัวเองในกระจกอีกสักทีเพื่อสร้างความมั่นใจ ก่อนคยูฮยอนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมากวาดสายตาหาใครอีกคนที่บัดนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้ริมฝีปากที่เคยเหยียดตรงค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนมันจะกลายเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ เรียกให้ซองมินหันมามอง

    “หัวเราะอะ...” ถามยังไม่ทันจบซองมินก็เงียบเสียงไป ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นคยูฮยอน ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน

                คยูฮยอนเปลี่ยนจากการหัวเราะมาเป็นอมยิ้มจนแก้มตุ่ยเมื่อวันนี้ซองมินสุดน่ารักของเขาอยู่ในชุดนอนสีเขียวอ่อนตัวโปรดของเขากำลังนั่งหัวเราะอยู่บนเตียง คนตัวเล็กออกจะอวบนิดๆเมื่ออยู่ในชุดสีสดใสแบบนี้มันน่ามองไม่น้อยเลย ยิ่งเมื่อเจ้าตัวกำลังส่งเสียงใสๆหัวเราะไม่หยุด ทำให้แก้มขาวๆมีเลือดฝาด ยิ่งมองยิ่งน่าหมั่นเขี้ยว

                ซองมินเองก็หัวเราะเสียจนเหนื่อยเมื่อคยูฮยอนที่เคยใส่แต่ชุดนอนสีเขียวตอนนี้กลับเอาชุดนอนสีชมพูของเขาไปใส่ ถึงมันจะแปลกตาแต่ก็ดูน่ารักดี คนที่มีบุคลิกนิ่งขรึมกับชุดนอนสีชมพู ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่แต่ ณ ขณะนี้ มันถูกใจเขามากๆเลยล่ะ

                “จะขำอะไรนักหนา” เห็นอีกคนหัวเราะไม่หยุดมันเลยทำให้คยูฮยอนเริ่มขาดความหมั่นใจ ช่วงขายาวๆก้าวเข้าไปหาก่อนจะลงมือขยี้ผมซองมินแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว นี่ถ้าไม่เกรงใจล่ะก็จะจับหอมแก้มให้แก้มช้ำไปเลย

                “น่ารักดี” ตอบแล้วยิ้มแก้มปริ ทำเอาคนถูกชมหน้าเริ่มแดงขึ้นมาทีละนิด

                “งั้นเหรอ” คยูฮยอนตอบรับงึมงำแล้วก็ไม่วายได้ยิ้มแก้มจนปากแทบฉีกเมื่อซองมินพยักหน้าหงึกหงัก ถึงแม้จริงๆแล้วเขาไม่ค่อยชอบให้ใครชมว่าน่ารักก็เถอะ

                ส่งยิ้มให้กันไปมาแล้วมันพาลให้เลือดสูบฉีดดีเป็นพิเศษ แก้มขาวๆเลยขึ้นสีแดงกันทั้งคู่อย่างช่วยไม่ได้ คยูฮยอนยกมือขึ้นจับหน้าแล้วก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิของร่างกายที่เปลี่ยนไป เพราะเขาไม่เคยแสดงอาการแบบนี้ให้ซองมินเห็นมาก่อนมันเลยช่วยไม่ได้ที่จะเกิดอาการเขินอายกันบ้าง

                “เช็ดผมให้นะ” เห็นบรรยากาศเริ่มเงียบซองมินเลยเปลี่ยนเรื่อง สถานการณ์ที่ดูจะไปได้สวยแบบนี้ต้องทำเรื่องดีๆให้คยูฮยอนบ้าง ไม่ต้องรอคำอนุญาตซองมินก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมา

    คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นเมื่อร่างกายถูกดึงรั้งให้ลงไปนั่งบนเตียง ก่อนจะถูกผ้าขนหนูผืนน้อยนั่นคลุมผมเอาไว้ และแล้วสัมผัสที่แสนนุ่มนวลก็ได้เริ่มขึ้นเมื่อซองมินขยับมือเช็ดผมของเขาเบาๆ จากทางด้านหลัง แถมยังกลิ่นหอมของสบู่ที่ลอยมาตามอากาศทำให้รู้สึกดีไม่น้อยเลย

                “นี่คยูฮยอน นายว่าในกลุ่มเพื่อนเราจะมีใครเป็นแบบเราบ้างมั้ย” เช็ดผมไปได้สักพักซองมินก็เริ่มชวนคุย เมื่อสมองมันดันนึกถึงเหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่สถานะของแต่ละคนนั้นก็ดูคลุมเครืออยู่ไม่น้อย ยกเว้นก็แต่คังอินกับอีทึกที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว

                “แบบเรา แบบไหนล่ะ” เอ่ยถามกลับไปเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจในคำถามมากนัก แต่มันกลับทำให้คนถามเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาได้ทันใด

                “ก็....” ลากเสียงยาวเหมือนอยากให้คยูฮยอนนึกออกเอง ถ้าจะให้บอกว่าแบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนรักเพื่อน หรือแบบชายรักชาย มันคงไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่

                “แบบที่ฉันรักนายน่ะเหรอ” คยูฮยอนหันหน้ากลับมาตอบด้วยใบหน้าที่ดูสงสัยในคำตอบ ทำเอามือที่กำลังจับผ้าขนหนูเช็ดผมให้นั้นหยุดชะงักไปชั่วครู่

                คนถูกถามกลับพยักหน้ารับหงึกหงัก แก้มขาวๆขึ้นสีแดงจางๆไม่หยุดหย่อนเมื่อเลือดที่ไหลเวียนมันถูกกระตุ้นให้สูบฉีดมากกว่าปกติอยู่เรื่อยๆ และก่อนที่จะเขินไปมากกว่านี้ซองมินจึงทำการจับหน้าคยูฮยอนให้หันกลับไปทางเดิมเพราะถ้าขืนยังมองหน้ากันอยู่เขาคงทำอะไรไม่ถูก

    ครั้งที่สองของวันแล้วนะที่พวกเขาบอกรักกัน

                “ว่าไงล่ะ นายว่าจะมีมั้ย” ถึงจะเขินแต่ซองมินก็ไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะอยากจะรู้ว่าคยูฮยอนแอบเชียร์เพื่อนคนไหนหรือคิดว่าใครแอบชอบกันอยู่แต่ยังปากแข็งไม่ยอมพูดออกมาบ้างหรือเปล่า

                “มีสิ”

                “ใครล่ะ”

                “อย่างเยซองก็ชอบเรียวอุก และเรียวอุกก็คงรู้อยู่แล้วด้วย” คยูฮยอนตอบออกไปตามที่ตัวเองเห็น ท่าทางของเยซองแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น ถ้าเรียวอุกไม่รู้ตัวก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไง แต่ดูจากท่าทางแล้วก็ใช่ว่าเรียวอุกจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับเยซอง อยู่ใกล้กันขนาดนั้นมันก็คงมีหวั่นไหวกันบ้าง

                “คิบอมกับดงแฮก็คงชอบกันอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าบอก” ซองมินพูดถึงคู่ที่เขาเชียร์อยู่บ้าง เพราะถึงแม้ทั้งคิบอมและดงแฮจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนแต่การกระทำที่แสดงออกมันไม่เหมือนเพื่อนกันเลยสักนิด

                “แล้วนายว่าคู่ไหนจะลงเอยก่อนกัน” ซองมินถามต่อ

                “คงเป็นเยซองกับเรียวอุกมั้ง แค่เรียวอุกยอมรับก็เรียบร้อยแล้ว” จากการประเมินสถานการณ์แล้วเขาคิดว่าอีกไม่นานเยซองคงทำสำเร็จ แต่สำหรับคิบอมกับดงแฮถ้าไม่ยอมรับกันทั้งคู่ก็คงอยู่ในสานะเพื่อนกันไปอีกนาน

                “แต่ฉันเชียร์ดงแฮมากกว่า ฮยอกแจก็ด้วย ดูเหมือนมีความลับอยู่กับฮันคยองเลย” แล้วซองมินก็เริ่มโยงไปหาอีกคู่ที่ดูคลุมเครือไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแหวนที่ฮยอกแจคล้องคออยู่ มันสร้างปมปริศนาให้อยากรู้ยิ่งนัก แต่ถามไปยังไงเจ้าตัวก็ไม่ยอมตอบ

                “งั้นคู่ซีวอนกับฮีชอลก็น่าสนนะ” เมื่อเริ่มแล้วก็คงจะต้องยกออกมาให้ครบทุกคู่ อีกคู่ที่ดูเหมือนจะทะเลาะกันตลอดเวลาแต่ฮีชอลที่ดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูดขนาดนั้นมันคงยากที่คนใกล้ชิดอย่างซีวอนจะห้ามใจไหว

                “นายว่าใครจะเป็นคู่ต่อไป” ถามจบซองมินก็อมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงว่าใครจะยอมสารภาพความจริงออกมาและกลายเป็นคู่รักคู่ใหม่เหมือนเขากับคยูฮยอนกัน

                “พูดถึงแต่คนอื่น สนใจแฟนตัวเองบ้างสิ” พูดจบคยูฮยอนก็หมุนตัวกลับไปนั่งหันหน้าเข้าหาซองมิน คนที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็ดผมให้ตกใจเล็กน้อยและชะงักมือไป

                “อย่าทำแบบนี้สิ ฉันตกใจนะ” พอหายตกใจซองมินเลยจัดการขยี้ผมคยูฮยอนแรงๆเป็นการลงโทษ  

                “เบาๆสิ เจ็บนะ” ร้องโอดโอยไปตามประสา พลางส่งสายตาคาดโทษไปให้

                “ก็ฉัน...กำลังสนใจนายอยู่นี่ไง กำลังดูแลอยู่นี่ไง”

                สองสายตาสบกันนิ่งท่ามกลางความรู้มากมายที่เริ่มถาโถมเข้ามา คยูฮยอนยกยิ้มอย่างชอบใจก่อนวาดวงแขนโอบกอดรอบเอวซองมินเอาไว้ มือที่เคยสาละวนอยู่กับผ้าขนหนูเพื่อเช็ดผมอีกคนให้แห้งละออกมาสัมผัสกับใบหน้าที่นึกรักหนักหนา วงแขนที่ประคองกอดกระชับแน่นยิ่งขึ้นทำให้ร่างทั้งสองเบียดชิดแนบแน่น กระทั้งสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารินรดกันและกัน

                ใบหน้าหวานของคนรักที่อยู่ใกล้เพียงนิดเรียกร้องให้คยูฮยอนอยากเข้าไปริมรสริมฝีปากอิ่มที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ยิ่งเมื่อลำแขนของอีกฝ่ายเปลี่ยนมาคล้องกอดรอบลำคอเหมือนเป็นการเรียกร้องให้เริ่มกระทำสิ่งที่ต้องการ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงลมหายใจขยับใกล้ชิดกันมากขึ้นก่อนสิ่งที่ต่างใยต่างเรียกหาจะสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา

                เมื่อการกระทำเริ่มล้ำลึกความรู้สึกที่มีก็ยากที่จะควบคุม จากการจูบที่แสนธรรมดาไร้การรุกราน คยูฮยอนเลื่อนมือขึ้นกดท้ายทอยซองมินเอาไว้เพื่อให้สัมผัสนั้นแนบชิดยิ่งขึ้น เรียวลิ้นที่โหยหาดุนดันเข้าไปภายในโพรงปากแสนหวาน กวาดต้อนหยอกล้อกันอย่างไม่รู้เบื่อ แรงที่ดูดดันยิ่งสร้างอารมณ์วาบวามจนยากจะห้ามใจ

                คยูฮยอนดันร่างของซองมินให้นอนลงกับที่นอนโดยที่ตัวเขาทาบทับอยู่ด้านบน จูบที่แสนหวานจบลงโดยคยูฮยอนเป็นฝ่ายผละออกมาแต่ก็ยังคงคลอเคลียอยู่บริเวณแก้มใสไม่ห่าง ใช้ริมปากสัมผัสกดจูบไปทั่วใบหน้าหวานอย่างหลงใหล เสื้อนอนสีเขียวอ่อนถูกถกขึ้นเมื่อมือที่เคยประคองกอดเริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้อยู่ภายใต้ใต้เสื้อตัวบางกับผิวกายที่ยากแก่การได้สัมผัส

    ซองมินนอนหลับตาพริ้ม เอียงคอรับการพรมจูบที่ไล้ลงมาถึงลำคอโดยไม่คิดที่จะขัดขืน ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามความต้องการของร่างกายและหัวใจ เสียงครางงึมงำดังขึ้นเบาๆในลำคอเมื่อคยูฮยอนดูดดึงผิวกายแรงๆฝากร่องรอยความเป็นเจ้าของเอาไว้ กับสัมผัสภายใต้เสื้อที่เริ่มจะรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ

                “อ๊ะ!” เสียงอุทานดังเล็ดลอดออกมาเมื่อมือซุกซนเลื่อนไปครอบครองสิ่งสงวนที่แผนอกแบนราบ คยูฮยอนผละออกมาเล็กน้อยมองใบหน้าที่ออกจะตื่นตระหนกเล็กๆของซองมินก่อนจะเขาเข้าไปประกบจูบปลอบขวัญ

                บรรยากาศที่แสนจะเป็นใจ สายฝนยังคงพร่ำตกลงมาไม่ขาดสายนานนับชั่วโมง ไอเย็นจากน้ำฝนแผ่กระจายไปทั่วห้องพักเล็กๆ หากแต่เจ้าของห้องคงไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นนั้นแม้แต่นิด เมื่อต่างฝ่ายต่างมอบความอบอุ่นให้กันผ่านการสัมผัสทางร่างกายที่มีความรู้สึกเป็นตัวนำพา

                “ดึกแล้วนะ ไม่ง่วงเหรอ” เมื่อคยูฮยอนผละริมฝีปากออกซองมินจึงเอ่ยถามออกมาเบาๆ ดวงตากลมนั้นเยิ้มเป็นประกายเมื่อความรู้สึกที่โดนกระตุ้นนั้นยังไม่จางหายไป และที่ถามออกมานั้นไม่ได้คิดจะขัดความรู้สึก เพียงแต่เขายังไม่อยากถลำลึกไปมากกว่านี้เท่านั้น

                “ง่วงแล้วเหรอ” แทนที่จะตอบคำถามคยูฮยอนกลับถามกลับไปแทน เอนตัวลงนอนด้านข้างหันหน้าเข้าหาซองมินโดยใช้ศอกเท้ากับที่นอนพลางยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมซองมินเล่นเบาๆ

                “ก็ยังหรอก ใครจะไปหลับลง” พูดจบแก้มขาวๆก็ขึ้นสีอีกรอบ เรียกร้อยยิ้มจากคยูฮยอนได้ไม่หยุดหย่อน

                “เมื่อกี้ กลัวเหรอ”

                “เปล่าหรอก แต่ฉันว่าเรายัง....” ส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเขาเพียงแค่ตกใจเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นหากจะทำอะไรเกินเลยกว่านี้เขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา มันเร็วเกินไปและเขายังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนั้นด้วย

                “เข้าใจแล้ว ขอโทษนะ” คยูฮยอนรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไงถึงแม้ซองมินยังพูดไม่จบประโยคดีก็ตาม เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากบังคับขืนใจซองมิน และเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าต้องผูกมัดกันทางร่างกายแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าบรรยากาศมันพาไปก็เท่านั้น

                “ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่นา” ซองมินตอบกลับเบาๆ แก้มแดงๆพองลมขึ้นเล็กน้อย มันดูน่ารักจนทำให้คยูฮยอนแทบอดใจไม่ไหวอีกรอบ

                “ก็เป็นแบบนี้ จะอดใจไหวเหรอเนี่ย” พูดจบก็จิ้มแก้มนั่นแรงๆซะหนึ่งที

                “เจ็บนะคยูฮยอน! นี่! ผมนายน่ะก็ยังเช็ดไม่แห้งเลยนะ” พอโดนแกล้งซองมินเลยเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ผลักคยูฮยอนให้นอนราบไปกับที่นอน หยิบผ้าขนหนูที่หล่นอยู่ข้างๆขึ้นมาแล้วคลุมหน้าคนช่างแกล้งเอาไว้ก่อนใช้มือขยี้ผมที่ยังไม่แห้งดีนั่นแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว

                “ชอบเล่นแรงๆใช่มั้ย” โดนแบบนี้มีหรือที่คยูฮยอนจะยอมอยู่เฉยๆ จับมือของซองมินเอาไว้จนขยับไม่ได้ก่อนดันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วผลักให้ซองมินเป็นฝ่ายนอนราบกับที่นอนแทน พร้อมกับย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งคร่อมร่างเล็กเอาไว้กันหนี

                “จะทำอะไรน่ะคยูฮยอน” ซองมินตีสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อแขนทั้งสองข้างโดนตรึงเอาไว้ เล่นกันแบบนี้ก็ไม่เคยมาก่อนซะด้วย คยูฮยอนที่เป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยเจอบ่อยนักเลยไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง ถึงจะเป็นแค่การแหย่กันเลยเฉยๆก็เถอะ

                “ก็ทำแบบนี้ไง”

     

     

                เวลาที่เกือบเที่ยงคืน ฝนที่ตกหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกับหอพักที่มีเรื่องราวอาถรรพ์คงไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าออกมานอกห้องพัก หากแต่เวลานี้เรียวอุกกลับก้าวเดินออกมาจากห้องเมื่อบทเรียนที่ต้องใช้ตอบคำถามของอาจารย์สุดโหดพรุ่งนี้อ่านกี่ทีก็ไม่เข้าใจ จนต้องออกมาเผชิญความน่ากลัวในยามวิกาลของหอแห่งนี้เพื่อก้าวไปหากุญแจที่จะสามารถไขความไม่เข้าใจที่มีอยู่ได้

                “หวังว่าคงยังไม่นอนหรอกนะ” เรียวอุกพึมพำขึ้นมาเบาๆ สายตากวาดมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวงพลางเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น เลคเชอร์วิชาที่เรียนด้วยกันเมื่อสัปดาห์ก่อน หวังว่าดึกป่านนี้แล้วซองมินคงยังไม่เข้านอนหรอกนะ

                ใช้เวลาเพียงไม่นานเรียวอุกก็มายืนอยู่หน้าห้องของซองมินกับคยูฮยอน เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้เรียวอุกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่คนในห้องยังไม่เข้านอนไปเสียก่อน และเพื่อไม่ให้ช่วงเวลาที่แสนน่ากลัวดำเนินไปอย่างยืดเยื้อเรียวอุกจึงรีบเคาะประตูห้อง

                “ทำไมยังไม่มาเปิดอีกล่ะเนี่ย” ผ่านมาเกือบนาทีแต่ก็ยังไร้วี่แววของเพื่อนตัวอวบหรือพ่อรูมเมทตัวสูงที่สมควรออกมาเปิดประตูให้ ด้วยความกลัวทีมีอยู่ฝังใจเรียวอุกจึงลองบิดลูกบิดดูและพบว่าประตูไม่ได้ล็อก จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที

                “นะ...นายสองคนทำอะไรกันเนี่ย!!!!!!!!!” เรียวอุกร้องออกมาเสียงดังกับภาพที่เห็นตรงหน้า ทำเอาคนที่กำลังคลอเคลียกันอยู่บนเตียงเดี่ยวแคบๆผละออกจากกันแทบไม่ทัน

                “เรียวอุก!” ซองมินเองก็เรียกชื่อเพื่อนออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน ในเวลาแบบนี้เรียวอุกมาที่ห้องเขาทำไมกัน

                คนที่ดูอารมณ์เสียที่สุดคงหนีไม่พ้นคยูฮยอนที่นั่งทำหน้าบูดอยู่ข้างซองมิน เมื่อกี้เกือบจะได้จูบซองมินแล้วแท้ๆแต่เรียวอุกดันโผล่เข้ามาขัดในเวลาที่ไม่สมควรจะมาได้แบบนี้ แต่ก็คงโทษใครไม่ได้ในเมื่อเขาคงลืมล็อกประตูเอง แต่มันก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

                “ไม่ได้แล้วๆ นายมากับฉันเลยนะซองมิน” พูดจบเรียวอุกก็เดินเข้ามาดึงซองมินให้เดินตามตัวเองออกไปจากห้องทันที

     

                “อะไรกันเนี่ยเรียวอุก” ซองมินถามด้วยความสงสัยไม่น้อย แต่ก็ยอมเดินตามเรียวอุกออกไปโดยไม่มีการขัดขืน

                “นายอยู่ไม่ได้แล้วคืนนี้ ไม่งั้นเสร็จคยูฮยอนแน่ บรรยากาศแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ คืนนี้นายต้องไปนอนกับฉัน” เรียวอุกพูดไปส่ายหน้าไป ยังไงเขาก็ไม่ยอมยกซองมินให้คยูฮยอนตอนนี้เด็ดขาด เพิ่งจะคบกันได้ไม่นาน จะมาเกินเลยกันถึงขั้นนี้มันยังเร็วเกินไป

                “เอ่อ...คือ” ซองมินเถียงอะไรไม่ออกเลยได้แต่ทำหน้าจ๋อยให้เรียวอุกเดินพาไปยังห้องของตัวเอง ยังไงถ้าเรียวอุกพูดแบบนี้เขาก็คงขัดอะไรไม่ได้

                “ทำอะไรของนายน่ะเรียวอุก จะพาซองมินไปไหน” คยูฮยอนที่เกิดอาการมึนงงไม่แพ้กันเดินตามเรียวอุกออกมา แต่พอพูดออกไปแบบนั้นเรียวอุกกลับหันมาถลึงตาใส่

                “ฉันเชียร์ให้นายคบกับซองมินไม่ได้ให้มาทำแบบนี้นะ ชิ! คิดจะมีอะไรกับซองมินน่ะ มันยังเร็วไป!” พูดจบเรียวอุกก็พาซองมินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูเสียงดัง ปัง!

                คนที่โดนว่าเลยได้แต่ทำหน้าเหวอ ไม่ต่างจากซองมินที่ได้แต่หันมายิ้มแหยๆให้ก่อนโดนเรียวอุกดึงเข้าไปในห้อง  

                “มีอะไรกันงั้นเหรอ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” สุดท้ายแล้วคยูฮยอนก็ได้แต่ยืนพึมพำอยู่คนเดียว ลองเรียวอุกมาพาไปแบบนี้ทางที่จะให้ซองมินกลับมาคงจะเป็นไปได้ยาก

    “คืนนี้ต้องนอนคนเดียวงั้นเหรอเนี่ย ทั้งที่คิดว่าจะได้นอนกอดซองมินทั้งคืนแท้ๆ” เสียงถอนหายใจดังออกมาเบาๆ ก่อนคยูฮยอนจะเดินกลับหลังหันเข้าห้องของตัวเองไป

    คืนนี้คงต้องยอมทำใจ แต่อย่าให้ถึงตาเขาเมื่อไหร่ คิมเรียวอุก จะเอาคืนให้สาสมเลย




    kr...Talk
    ก่อนอื่นเลยต้องขอประทานโทษที่หายหัวไปเกือบ 10 เดือน
    วันนี้วันดีไรเตอร์ทำใจได้แล้วเลยกลับมาอัพ = ="
    ความจริงยังเหลืออีก 1 ตอนที่แต่งไว้ ก็ดองไว้ชาติกว่า
    หลังจากนี้ตั้งใจว่าจะแต่งให้จบล่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะ
    ถ้ายังไม่ลืมกันล่ะก็ฝากติดตามต่อด้วยนะ
    ขอบคุณมากจ้า


    ขอให้สนุกกับการ ^ ^



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×