คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : high me up
ll all I know is everybody loves me. ll
____________________________________________________
ชื่อ - นามสกุล:: ไซควาริ มาริโอ l Zyqarri Mario
ชื่อเล่น - ชื่อที่เรียก:: ไซริ l Zyri (ส่วนมากถ้ารู้จักกันไปได้สักพักทุกคนก็จะเรียกเขาเเบบนี้)
อายุ:: 16 - year - old
เพศ:: Male
รูปร่างลักษณะ::
ไซควาริ มาริโอ หากจะให้บรรยายถึงเด็กหนุ่มคนนี้ สิ่งแรกที่ผู้คนมักนึกถึงและกล่าวขานออกมา นั่นคือรอยยิ้มหวานหยดที่ดูละมุนละไมและประดับไว้บนใบหน้าของเขา มันเต็มไปด้วยความซุกซนและขี้เล่น ส่งเสริมให้ใบหน้าที่กอปรขึ้นมาจากโครงสร้างสมบูรณ์เหล่านั้นดูน่ามองมากยิ่งขึ้นเข้าไปใหญ่ ดวงตาสีเงินประกายมุกคู่นั้นแสดงออกถึง 'บางสิ่ง' ที่เข้าใจยากในหัวสมองของเขา ผิวขาว ๆ เข้ากันได้ดีกับเส้นผมสีบลอนด์ที่เจ้าตัวไม่ใส่ใจจะจัดทรงสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ทำให้ตัวเขาดูโดดเด่นมากขึ้นในสายตาของคนอื่น ๆ นั่นก็คือรอยสักลวดลายสวยงามขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่บนหลังคอและช่วงแขนขวาของเขา นอกจากนี้ไซริยังเจาะใบหูของเขาเกือบอีกนับสิบรู รวมถึงบริเวณริมฝีปากด้วย ดีอยู่ที่ว่าเมื่ออยู่ในสถานที่ศึกษา เขาจะไม่สวมต่างหูหรือโซ่คล้องที่ดูเว่อวังเกินพอดี แต่จะสวมแค่ต่างหูหมุดอันเล็กสีดำเท่านั้น แต่นั่นก็ยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่ดี ว่ารอยสร้างสรรค์ต่าง ๆ บนร่างเหล่านี้ มันไม่ผิดกฎระเบียบอะไรเลยจริงหรือ?
หากสังเกตด้วยสายตาแล้ว จะพบว่าไซริมีรูปร่างที่สูงใหญ่และเจริญเติบโตไวมากถ้าเทียบกับเพื่อนในวัยเดียวกันเเล้ว เขาเป็นคนตัวสูง แต่ไม่ได้ผอมแห้ง ร่างกายมีกล้ามเนื้อสมบูรณ์พร้อม ไม่มีไขมันส่วนเกินใด ๆ เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและความเป็นคนเล่นกีฬาของเขา ฝ่ามือของเขาค่อนข้างใหญ่ ผิวขาว ๆ นั่นจะบางครั้งก็มีรอยถลอกจากการกระแทกหรือรอยขีดข่วนบางอย่างปะปนอยู่บ้างเช่นกัน ตามปกติเเล้วไซริจะไม่ใช่คนเจ้าแฟชั่นสักเท่าไหร่ เขาสวมแค่เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงขายาว และปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบใส่สบายสักคู่ หยิบอะไรได้ก็ใส่อันนั้น โชคดีที่หุ่นดีถึงได้ออกมาดูน่ามองไปซะหมด ไซริชอบสวมเเหวนที่นิ้วนางข้างขวา แถมแหวนที่ว่านั่นก็มักเปลี่ยนแบบไปเรื่อยอยู่ตลอดเลยนี่สิ (187ซม. l 84กก.)
ลักษณะการพูดการจา::
มนุษย์ที่ควรได้รับการขนานนามว่า 'สามารถฆ่าคนตายได้ด้วยเพราะปาก' ทั้งที่มีรอยยิ้มหวานหยดขนาดนั้นแท้ ๆ แต่กลับเป็นคนที่ปากกรรไกรอย่างไม่น่าให้อภัย คำพูดของเขามักชวนให้รู้สึกคิ้วกระตุกอยู่ตลอดเวลา ไซริเป็นคนกวนประสาททางคำพูด สามารถหาเรื่องหรือด่าคนอื่นจนเลือดกระอักอกได้ง่าย ๆ ด้วยการพูดแบบน้ำเสียงปกติซะจนนึกว่าพูดเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่ ปกติแล้วไซรินั้นจะเป็นคนที่ไม่เปลี่ยนโทนเสียง เนื้อเสียงของเขานุ่มเเละเบา ฟังแล้วรื่นหู แต่น่าประหลาดมากที่ทำให้ชาวบ้านเขารู้สึกเหมือนโดนด่าอยู่ตลอดเวลาได้ซะอย่างนั้น เขาชอบแทนตัวเองว่า 'ฉัน' และใช้คำว่า 'ผม' เมื่อต้องพูดกับคนมากวัยกว่า มีหางเสียงบ้างเเล้วแต่โอกาส คำเรียกผู้อื่นก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์เเล้วแต่ว่าจะเป็น 'คุณ' 'เธอ' หรือว่า 'นาย' แน่นอนว่าไซริไม่ใช่คนสุภาพ เพราะฉะนั้นหากเห็นเขาหลุดคำสบถทั้งหน้ายิ้มก็ไม่ต้องตกใจไปหรอกนะ
example1; that guy.
"นี่ ได้ยินรึเปล่า? เรื่องของเด็กเกรด10คนนั้นที่ถูกย้ายไปห้องFFน่ะ"
"แน่สิ เขาลือกันให้ทั่วเลยนะว่าหมอนั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นของตัวเองจนอีกฝ่ายเจ็บหนักเลยน่ะ"
เสียงกระซิบกระซาบระหว่างรุ่นพี่สาวเกรดสิบสองทั้งสองที่ดังขึ้นอย่างออกรส พูดถึงรุ่นน้องที่กำลังเป็นเล่าลือคนนั้นด้วยสีหน้าและสายตาสนอกสนใจไม่น้อย แม้ว่าปากจะพูดถึงเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ มากมายเกี่ยวกับเขา ทั้งพฤติกรรมแย่ ๆ หรือการกระทำที่ส่อจนถึงสันดาน ลามไปถึงหน้าตาที่หล่อเหลาขัดแย้งความประพฤติ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นทั้งสิ้น
"ว่าแต่เด็กนั่นชื่ออะไรกันล่ะ?" จนกระทั่งมาถึงคำถามหนึ่งที่ดังขึ้น ความเงียบก็เริ่มโรยตัวเมื่อพวกเขาดูจะนึกชื่อนั้นไม่ออกสักเท่าไหร่
แต่ก่อนที่ใครสักคนจะได้เอ่ยตอบคำถามนั้น มันก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นซะก่อนว่า
"ไซควาริ มาริโอ"
เสียงกรี๊ดดังลั่นทันทีจากสองสาวผู้ไม่ทันจะรู้ตัวว่าตอนนี้พวกเธอมีเพื่อนร่วมวงสนทนาหน้าใหม่เข้าซะเเล้ว ใบหน้านั้นดูตกอกตกใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ก้าวเท้าออกมายืนอยู่นอกห้องเรียนวิทยาศาสตร์เต็มตัว ใบหน้าเขาประดับด้วยรอยยิ้มหวานดูซุกซน ไซริยกแขนขึ้นกอดอกขณะเอนหลังยืนพิงประตูหน้าห้อง จ้องมองสองรุ่นพี่สาวที่ทำหน้าเหมือนผีหลอกไปซะเเล้วในตอนนี้
"อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่..ดูท่ากำลังนินทาผมกันซะสนุกปากเลยนะครับเนี่ย?"
example2; get out
ปึง!
แรงเหวี่ยงปริมาณมากทำให้เกิดเสียงกระแทกดังก้องไปทั่ว ทั่วทั้งห้องเงียบสงัดทันที มีเพียงเสียงหอบหายใจหนักของผู้มาใหม่ในตอนนี้เท่านั้นที่กำลังเดือดจัด พวกเขาจดจ้องไปที่เด็กคนนั้น รวมไปถึงเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย
"ฝีมือแกใช่ไหม!!" เด็กผู้ชายเจ้าของเส้นผมสีดำและใบหน้าที่หลายคนคุ้น ๆ ว่าเขาเป็นลูกชายของศาสตราจารย์คนหนึ่งในโรงเรียนเอ่ยขึ้น ใบหน้านั้นแดงก่ำจากอาการโกรธ แต่ก็เปียกซกไปหมดไม่ต่างอะไรจากกระเป๋านักเรียนบนโต๊ะตรงหน้าเขาเลย
ไซริหลุบสายตามองสิ่งที่วางอยู่ ไม่แสดงอาการอะไรซะนอกจากการยิ้มแย้มน้อย ๆ บนใบหน้า "อะไรเหรอ?"
"ยังมีหน้ามาพูดอีก! แกใช่ไหมที่เหวี่ยงถังน้ำลงมาใส่หัวฉัน!"
จนถึงตอนนั้นเอง ที่ทุกคนเริ่มสังเกตว่าศีรษะของเด็กหนุ่มผู้พูดเริ่มมีของเหลวบางอย่างไหลออกมา เสียงหลุดอุทานดังขึ้น และเมื่อเจ้าตัวเริ่มรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่แค่เปียกซกไปด้วยน้ำล้างห้องน้ำ เขาก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
"ไอ้เวรไซริ คอยดูเถอะ แกโดนพ่อฉันเล่นแน่! ฉันไม่มีทางยอม — !"
"เอาแต่เห่าทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยแบบนั้นน่ะไม่ได้นะ"
แต่แล้วคนที่กำลังแหกปากโวยวายนั่นกลับต้องหุบปากฉับทันที เมื่อเขาถูกเด็กหนุ่มที่เอาแต่นั่งกดสมาร์ทโฟนพูดแทรกขึ้นมา ไซริทำอะไรสักอย่างกับสมาร์ทโฟนของเขา เสียงชัตเตอร์ลั่น 'แชะ!' ดังขึ้นในเวลาต่อมา เด็กหนุ่มคู่กรณีของเขาสะดุ้งโหยง ในขณะที่ไซรินั่งหัวเราะกับตัวเองไม่หยุด
"มุมนี้นายขึ้นรูปชะมัด ให้ตาย น่าเอาไปปริ้นแปะฝาบ้านเป็นบ้า" ไซริว่าพลางกดส่งกระจายรูปนั้นลงไปในกรุ๊ปแชทสนทนา ในขณะที่เจ้ากรณีนั้นเหมือนจะปรี๊ดแตกอยู่รอมร่อ เเต่เสียงกริ่งกลับดังขึ้นก่อน นั่นทำให้ไซริชะงักไปเล็กน้อย เด็กหนุ่มแสร้งถอนหายใจทั้งที่สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าเขารอเสียงนี้อย่างใจจดใจจ่อมากแค่ไหน
"กลับห้องไปก่อนเถอะมาร์ติน"
"แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน"
"กริ่งมันดังเเล้วนี่นา อีกอย่างนะ เผื่อว่านายจะลืมไป.."
เสียงของเขาเบาลงชั่วขณะหนึ่ง จนทั่วทั้งห้องนั้นเงียบสงัดแทบไร้ลมหายใจ เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีสภาพแปลกปลอมที่สุด เขาหลุดชะงักออกมาน้อย ๆ ตอนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่ากำลังถูกสายตาคมกริบทั่วทั้งห้องจดจ้องมาด้วยความไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
ไซริเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ หากดวงตาที่หรี่มองลงกลับเต็มไปด้วยรังสีมุ่งร้าย เขายกยิ้ม เอ่ยออกมาสั้น ๆ ว่า
"ที่นี่น่ะมันห้องFFนะ?"
example3; just kidding.
เหมือนว่าเขากำลังจะซวย
เสียงในหัวกระซิบบอกเขาแบบนั้น ท่ามกลางวงล้อมของรุ่นพี่ร่างยักษ์อีกสามคนที่มีสีหน้าถมึงทึงสุด ๆ ไซริได้แต่พยายามนึกทบทวนอยู่กับตัวเองในหัว ว่าเขาทำอะไรผิดกันแน่ถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้
"บอกว่าให้ขอโทษมาไงวะ!"
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..ใช่ว่าไซริจะไม่รู้ซะทีเดียวหรอกว่าไปทำอะไรมาบ้าง แค่ว่าเขาไม่คิดว่าเรื่องที่ทำไปก่อนหน้านี้มันหนักหนา หรือเป็นเรื่องที่ต้องมาใส่ใจถึงขั้นตามมาดักลากคอเขาเอาในโรงเรียนแบบนี้เลยนี่นา..
"อ่า ขอโทษนะ" จนสุดท้ายเเล้วเขาก็เอ่ยปากออกไป แต่เหมือนว่าจะคนละจุดประสงค์ไปหน่อย "คือพวกพี่ขวางทางผม — เอ้อ เอาเป็นว่ารับนี้ไปละกันครับ" แล้วเขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีทันทีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าแทบจะแยกเขี้ยวพ่นไฟใส่เขาได้อยู่เเล้ว
รุ่นพี่ร่างยักษ์ตรงหน้าก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือตน มันเป็นกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบยี่ห้อดัง เขานึกประหลาดใจนิดหน่อยที่เด็กเวรตรงหน้ายื่นของมาให้ตนแบบนี้ แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ต้องสบถออกมาเสียงดังลั่น เมื่อฝ่ามือที่เคยเกาะกุมมือเขาไว้หลวม ๆ เลื่อนขึ้นมาเปิดกระป๋องน้ำอัดลมในตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัว และนั่นทำให้น้ำอัดลมที่ถูกเขย่ามาตลอดทาง ระเบิดตัวเองออกมาผ่านทางด้านบนและพุ่งเข้าใส่หน้าเขาทันที
เสียงหัวเราะดังพรืดอย่างอดไม่อยู่กับสภาพเหนียวโคล่าแบบนั้นสร้างความปรี๊ดให้ผู้ถูกกระทำไม่น้อย เขารีบปาดน้ำโคล่าออกจากหน้า หันรีซ้ายขวาหมายจะเตะไอ้เวรตัวดีสักเปรี้ยง แต่เขากลับไม่พบใครเลย เมื่อหันมองดี ๆ ก็พบแผ่นหลังวิ่งหนีไปไว ๆ ตรงคลองสายตาเสียแล้ว
"ไอ้เวรไซริ กลับมานี้เดี๋ยวนี้เลยนะ!"
ไซริยกยิ้มพลางกลอกตาไปมา เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ โดยไม่วายสับฝีเท้าให้ไวขึ้นไปด้วยว่า "กลับให้โง่สิวะ ไอ้กร๊วกเอ๊ย"
example4; Uhm...
"ไซริ"
"หือ?"
"คิดว่าตัวเองมีอะไรดีบ้างไหม"
ฝ่ามือที่กำลังพยายามคัดลอกบทความจากสมุดของเพื่อนภายในห้องลงไปในสมุดของตนหยุดชะงักไปเล็กน้อย ผู้ถูกเอ่ยถามนั้นเงยหน้าขึ้นไปสบตาคนถูกถาม สื่อสารการทางอ้อมว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมถึงถูกถามแบบนั้น ก่อนไซริจะร้องอ้อในเวลาไม่นาน เมื่อเพื่อนสาวร่วมห้องกำลังทำหน้าหงิกสุดขีด ในขณะที่พยายามร่ายความเหลวแหลกของเขาออกมาเต็มที่
"นายน่ะทั้งสันดานเสีย ปากหมา ไม่มีมารยาท ตอแหล ไม่สนสี่สนแปด แถมยังขี้เกียจตัวเป็นขน ดูสิ! ขนาดการบ้านง่าย ๆ แค่นี้นายยังไม่ยอมทำแล้วมาลอกฉันเลย!" เธอแว้ดใส่เขาด้วยเสียงที่แหลมสูง ดวงตาฉายประกายหงุดหงิดไม่น้อยเลยเชียว
และเพราะสายตาแบบนั้นเเหละที่ทำให้ไซริต้องนิ่งเงียบไป ตอนแรกเด็กสาวคิดว่าเขาคงรู้สึกโกรธ หรือไม่ก็อาจจะหน้าชานิด ๆ กับคำด่าของเธอ แต่ตรงกันข้ามเลย..เพราะทันทีที่เราสบตากันอีกครั้ง เขาก็ยกยิ้มหวานหยดให้เธอพลางเอ่ยออกมาว่า
"ข้อดีก็คือฉันหล่อ" ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่กวนตีนเป็นที่สุดอีกด้วย "หรือเธอว่าไม่จริง?"
เด็กสาวถึงกับพูดไม่ออก เธออ้าปากพะงาบ ๆ เสียหมดสวย ฝ่ามือกำแน่นพลางนับหนึ่งถึงสิบในใจ อยากจะด่าหรือโต้เถียงอะไรมันสักฉาก ติดแค่อย่างเดียวก็คือ..ไอ้เวรนี่มันดันหล่อจริง ๆ นี่น่ะสิ!
example5; I think I'm fu_king calm.
เสียงร้องกรี๊ดดังลั่นมาจากเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่ตรงสวนด้านนอกกับเพื่อนของเธอ เมื่อร่างของใครคนหนึ่งดันถูกเหวี่ยงทะลุหน้าต่างกลิ้งออกมาไกลถึงข้างนอก เด็กสาวเหล่านั้นพากันยืนขาเเข็งด้วยความตกใจ ในขนาดที่ผู้ก่อเหตุท่ามกลางความวุ่นวายนั้น กลับปืนหน้าต่างตามออกมาด้วยสีหน้าสบายอารมณ์เป็นที่สุด มิหนำซ้ำ ในมือซ้ายของเขายังมีไม้เบสบอลถือติดมาด้วยอีกต่างหาก
"ไซริ! ไอ้เวรเอ๊ย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"
ทว่าก่อนที่เขาจะได้เข้าไปซ้ำเด็กหนุ่มอีกคนที่นอนขยับไม่ออกอยู่บนพื้นพร้อมเลือดท่วมหัว คนในห้องนั้นก็รีบตามออกมาห้ามทันที เด็กหนุ่มสองคนกระชากแขนเขาเอาไว้ ในขณะที่อีกคนพยายามดันตัวเขาไว้และเอ่ยปากขอให้ไซริหยุดการกระทำบ้า ๆ พวกนี้สักที
"ใจเย็นก่อนน่า! ขืนทำไปมากกว่านี้นายได้ซวยของจริงแน่"
ไซริขมวดคิ้วน้อย ๆ ในตอนที่ได้ยินประโยคนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังไม่วายพยายามกระชากแขนตัวเองออกมาจากการเกาะกุมอยู่ดี
"นี่ฉันว่าฉันก็โคตรจะใจเย็นแล้วนะ?"
"ใจเย็นที่บ้านพ่อแกน่ะสิ!!"
เสียงร้องตะโกนแหกปากด่าดังขึ้นทันที แล้วหลังจากนั้นมันก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่ เมื่อไซรินั้นสามารถกระชากตัวเองออกมาจากการเกาะกุมได้สำเร็จ และเเม้ว่าเขาจะหยิบไม้เบสบอลของตนติดมือมาด้วยไม่ได้ก็ตาม เด็กหนุ่มก็ยังพุ่งตัวเข้าไปคร่อมคู่กรณีของเขาแล้วซัดหน้าอีกฝ่ายต่อทั้งที่มีพวกเพื่อน ๆ พยายามกระชากตัวเขาออกมา กลายเป็นความวุ่นวายที่หาจุดจบไม่ได้ขนาดย่อมไปในที่สุด
อุปนิสัย::
• some people say "all kid is good".
จะสามารถบรรยายภาพลักษณ์ของ ไซควาริ มาริโอ ในครั้งแรกที่พบเจอได้อย่างไร? บางทีอาจจะต้องบอกว่าเขามีลักษณะที่เหมือนกับเด็ก ไม่ใช่ความเดียงสา หรือความงอแงเอาแต่ใจ แต่เป็นความซุกซนที่ระบายไว้กับรอยยิ้มนั้นต่างหาก หากรู้จักกันแรก ๆ ผู้คนก็มักบอกว่าถ้าตัดเรื่องรูปลักษณ์ของเขาออกไปแล้ว ไซริก็เหมือนเด็กวัยสิบหกทั่วไปนั่นแหละ ที่มีทั้งความซุกซน อยากรู้อยากเห็นในบางเรื่อง และความร่าเริงที่ไม่มากจนเกินไป แต่ก็ทำให้เขาเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดี เว้นแต่ดวงตาที่ดูจะมองออกได้ยากเสียหน่อย ว่าความจริงแล้วไซริกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ในตอนนั้น เพราะว่ามันก็จริงที่เขาไม่ใช่พวกหน้าตายไร้อารมณ์อะไร แต่ไซริก็ไม่ใช่คนช่างแสดงสีหน้าสักเท่าไหร่นักหรอก..ส่วนมากแล้วก็มักจะชอบยิ้มอยู่ตลอดเวลาซะมากกว่านะ
ไซริเป็นคนที่ใส่ใจเรียนรู้ ถึงบางครั้งเขาจะแอบงีบหลับบ้างในคลาสเรียนต่าง ๆ แต่ก็มักจะเห็นเขานั่งอ่านหนังสือ รวมถึงจดเลคเชอร์ทำสรุปอยู่เสมอ พอกลับไปที่ห้องเขาก็จะอ่านหนังสือนอกเวลาอยู่บ้าง แต่น่าแปลก แม้ว่าเขาจะมีบุคลิกของคนใฝ่เรียนรู้ แต่กลับไม่มีบุคลิกความขยันขันแข็งอยู่ในนั้น เพื่อน ๆ มักจะเห็นไซริมานั่งปั่นการบ้านในช่วงเช้าหรือก่อนเข้าคาบประจำ ซึ่งไซริก็มักตอบแค่ว่า เขาลืม อยู่ตลอด บางครั้งเพื่อน ๆ ก็อาจมีบ้างที่เห็นใจเขาเเล้วให้ลอก แต่ก็มีหลายครั้งเช่นกันนะที่ไซริทำการบ้านด้วยตนเอง ก็..มันไม่ได้ยากอะไรสักเท่าไหร่สำหรับเขานี่นะ? ไซริน่ะเป็นเด็กที่ฉลาดมากถ้าพูดกันตามตรงเเล้ว ไอคิวเขามากกว่าคนในรุ่นเดียวกันเอาเรื่องเลยทีเดียว เป็นคนจำพวกน่าหมั่นไส้แบบที่ว่า อ่านหนังสือรอบเดียวก็จำได้เกือบหมดเเล้วล่ะ แบบนั้นนั่นแหละ แต่ว่าคนอื่นน่ะไม่ค่อยจะรู้เท่าไหร่หรอก อ้อ ใช่..อีกเรื่องที่พวกเขาไม่ค่อยรู้ นั่นก็คือไอ้ที่บอกว่าลืมทำการบ้านนั่นน่ะ — ก็แค่พูด ๆ ไป แค่นั้นเองล่ะ
หลายคนพูดว่า คนที่พูดดีมักมีเสน่ห์ในตัวของพวกเขา ไซริก็เป็นคนที่มีสกิลการพูดอยู่กับตัวเหมือนกัน เก่งนักเรื่องการพลิกขาวเป็นดำ เป็นคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับปลาไหลในบางครั้ง เพราะเขาไหลลื่นเก่งไปเรื่อยอย่างกับอะไรดี เคยมีคนพูดเอาไว้ว่าไซริพาชาวบ้านออกนอกเรื่องเก่งมาก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะพาทุกคนออกนอกเรื่องอยู่ตลอดเวลาซะหน่อย..ก็แน่ล่ะ ถ้าเรื่องไหนอยากฟังเขาก็จะฟัง แต่ถ้ามันน่ารำคาญ ก็แค่เปลี่ยนเรื่องแล้วเมินมันไปก็พอแล้วนี่?
• smiling, lying and bashing.
ผู้ชายที่เอาแต่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา หลายคนแปะป้ายชื่อนี้ให้กับเขา เพราะไซริเป็นมนุษย์หน้ายิ้ม ไม่ว่าจะตอนไหน เพื่อน ๆ ก็มักหันไปเห็นเขายิ้มหวานอยู่เสมอ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกประหลาด จะบอกว่ามันทำให้เขาดูน่ามอง..มันก็ใช่หรอก แต่ในอีกทางนึง รอยยิ้มของไซริก็ดูเป็นอะไรที่ไม่มีอะไรเลย คนบางคนยิ้มเพราะเขินอายหรือมีความสุข แต่สำหรับไซริ การยิ้มและการหัวเราะนั้นเป็นแค่สิ่งที่ทำ ๆ ไปก็พอแล้ว เคยมีคนบอกว่าเขาเส้นตื้น เพราะไซริหัวเราะได้กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เขาก็แค่หัวเราะเพราะมันชิน เหมือนกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ไซริตอบกลับปฏิกิริยาของหลาย ๆ อย่างด้วยการยิ้มเเละการหัวเราะ ซึ่งบอกตามตรงนะ บางครั้งมันก็มองดูแล้วโคตรกวนประสาทเลยล่ะ
เสียงหวานนุ่มรื่นหู เอ่ยออกไปกี่คำคนเขาก็คงอยากฟังทั้งหมด แต่ถ้าพูดกันตรง ๆ..มันก็น่าจะมีเรื่องโกหกปนลงไปบ้างสิ? ไซริไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์ขนาดนั้น หรือต้องบอกว่าเขาไม่ใช่พวกซื่อตรงกันแน่นะ? จริงอยู่ว่าเขาไม่สามารถโกหกตลดเวลาได้ แต่ถ้าจะให้ทำมันก็ไม่ยากอะไรนัก แต่ต่อให้จับได้ ก็ใช่ว่าเขาจะยอมรับจะต้องยอมรับว่าโกหกซะเมื่อไหร่ ไซริไม่เชื่ออะไรที่มันเป็นแค่ลมปาก จะสัญญา คำสาบาน หรือคำบอกเล่าก็ช่าง ของแบบนั้นน่ะมันไร้สาระ ถ้าอยากให้เชื่อมันก็ต้องมีหลักฐานหรืออะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันมายืนยันกันก่อนสิ ถึงจะมีค่าให้น่าเชื่อถือหน่อย ถ้าอยู่ ๆ จะมาใส่ร้ายว่าเขาเทกาวลงไปในถาดอาหารของฝ่ายนั้นดื้อ ๆ โดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย นั่นมันก็จะฟังดูโหดร้ายไปหน่อยนะ..แต่ถึงอยากจะหาหลักฐานก็หาไม่เจอหรอก แน่ล่ะ ใครจะโง่ทิ้งไว้ล่ะ จริงไหม?
การตอบโต้ด้วยหมัดไม่ใช่คำตอบของเขา ไซริมีหลายวิธีการในการจัดการปัญหาของเขา อย่างแรกคือการใช้สมอง อย่างที่สองคือการใช้ปากให้เป็นประโยชน์ เจรจาก่อนสิเเล้วค่อยว่ากัน ใจเย็น ๆ แล้วมาคุยกันเถอะนะ ต่อให้ปัญหามันจะหนักขนาดว่าเขาเผลอเล่นแรงไปหน่อยจนอีกฝ่ายแขนหัก เราก็ควรคุยกันก่อนนะ..อาจจะเป็นเรื่องประหลาด แต่เด็กที่เอาแต่ยิ้มเเละมีรอยยิ้มซุกซนคนนั้นนั่นแหละ ที่มีท่าทีคุกคามต่อคนรอบตัวได้อย่างมากมาย อาจจะเพราะรูปร่าง? บรรยากาศ? การใช้คำพูด? สายตา? ทุกอย่างนั่นแหละที่ทำให้คู่กรณีของไซริมักต้องยอมคุยกับเขาดี ๆ หรือจะเป็นเพราะผลงานที่เขาเคยทำไว้ในอดีตมันอลังการมากไปหน่อยล่ะมั้ง อีกฝ่ายถึงตราตรึงซะจนไม่อยากเจออะไรแบบนั้นอีก ถึงขนาดยอมจบเรื่องกันง่าย ๆ แล้วคิดไปซะว่าไม่ต้องวนมาเจอกันอีกก็พอ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราคุยกันด้วยคำพูดไม่ได้ การใช้กำลังก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่สักเท่าไหร่หรอกนะ
• he's not a good guy type.
ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ เด็กดีของครูบา เพื่อนผู้ใจดีของทุกคน ไซริไม่เคยใกล้เคียงกับสิ่งเหล่านั้นเลย เพราะต่อให้ภาพลักษณ์แรก ๆ ของเขาจะเต็มไปด้วยเรื่องหลอกตาอย่างทั้งรอยยิ้ม เสียงหวานนุ่ม หรือหน้าตาดี ๆ กับการแสร้งทำไปบ้างบางครั้งนั่นก็ตาม หากได้ลองใช้ชีวิตกับเขาสักสัปดาห์หรือมากกว่านั้น พวกคุณก็คงจะเข้าใจเองว่าไซริน่ะ ไม่มีคำไหนจะเหมาะกับเขาไปมากกว่าคำว่า 'ไอ้เวร' อีกแล้วล่ะ ทั้งปากนั่นที่ทำอย่างกับว่าเลี้ยงสุนัขเอาไว้ทั้งฟาร์ม ยิ้มหวานอยู่แท้ ๆ แต่กลับพูดแซะกัดจิกกัดได้หน้าตาเฉย มนุษย์จำพวกที่สามารถฆ่าคนอื่นตายได้ด้วยปาก อย่าคาดหวังคำปลอบใจจากคนจำพวกนี้ เพราะนอกจากจะไม่มีแล้ว เกิดเขารำคาญคุณเมื่อไหร่ คงได้โดนซ้ำเติมจนกระอักเลือดตายเข้าแน่ ๆ เลยล่ะ
มนุษย์ที่กวนตีนทั้งทางคำพูด การกระทำ และสีหน้า การแสดงออกของไซรินั้นหากมองนาน ๆ เข้าอาจจะไมเกรนกิน เพราะมันโคตรจะแสนเต็มไปด้วยความเว้าวอนและกวนส้นอย่างถึงที่สุด ถึงไซริจะบอกว่าเขาก็ทำตัวเหมือนปกติทุกที่ก็เถอะ..บางทีอาจเป็นเพราะว่าหมอนี่เป็นมนุษย์ที่เป็นเลิศด้านการยั่วโมโหก็ได้ หลายครั้งที่มีคนตบะแตกเพราะต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับไซริ เเถมเจ้าตัวดูจะอารมณ์ดีเวลามีคนโดนตัวเองกวนประสาทซะด้วย เป็นจำพวกอยู่ดีไม่ว่าดี ต้องหาเรื่องให้ได้โดนเขกกบาล นั่นคือชอบไปกวนชาวบ้านเขา ไม่ใช่ว่าเหงา แต่แค่อยากหาอะไรทำ..มันก็แค่นั้นแหละ
ปกติเเล้วเขาไม่ใช่คนใจดีเท่าไหร่ ไม่ชอบช่วยเหลือใคร และไม่มีจิตอาสาขนาดนั้น ไซริฉลาดและเเข็งแรง แต่กลับไม่ชอบใช้คุณสมบัติพวกนั้นโดยเปล่าประโยชน์ เขาไม่ค่อยขยับตัวทำอะไรนักถ้าไม่ได้มีผลกระทบหรือให้ประโยชน์อะไรต่อเขา เว้นก็แต่ว่าเขาจะนึกอยากทำขึ้นมาเอง ค่อนข้างจะผีเข้าผีออก เอาแน่เอานอนไม่ได้ เห็นมันไม่สนไม่แคร์โลกอย่างนั้น วันดีคืนดีอาจเห็นเขาช่วยอาจารย์ยกของอยู่ก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นไปตามความพึงพอใจส่วนตัวก็ได้ นั่นก็เท่ากับว่า ถ้าเรื่องไหนเขาไม่อยากทำ เขาก็จะไม่ทำ และก็ไม่มีวันทำแน่ ๆ
• there are no rules.
มนุษย์ผู้ไม่อยู่ในกรอบของอะไร และไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วสั่ง กฎโรงเรียนมีเยอะแยะ แต่เขากลับแหกมันเล่นเหมือนว่าข้อความเหล่านั้นเป็นแค่บันทึกประจำวันโง่ ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเเบบว่า กฎทุกกฎต้องแหก อะไรอย่างนั้นหรอกนะ เขาแหกแค่เฉพาะกับอันที่มันน่ารำคาญและไม่อยากทำตามแค่นั้นเอง เห็นได้ชัดว่าต่อให้ไซริจะสัก เขาก็ยังเข้าเรียนตามปกติ ทำงานส่ง และไม่ทำลายข้าวของโรงเรียนเล่น เหมือนกับว่าสำหรับเขาเเล้ว การจะแหกกฎได้ต้องมีอะไรมาจูงใจสักอย่าง เช่นว่าปกติแล้วจะห้ามทำลายข้าวของ แต่ถ้ามีคนกวนประสาท ก็ถือว่าเป็นกรณียกเว้นได้เช่นกันว่าสามารถเอาแจกันในห้องเรียนมาทุบหัวมันได้
เหตุผลอีกหนึ่งข้อใหญ่ ๆ ที่ไซริมักไม่ทำตามกฎของคนอื่น นั่นก็เพราะเขามีกฎของตัวเอง เด็กหนุ่มคนนี้ปฏิบัติตามความพึงพอใจของเขาเองทั้งสิ้น ทำทุกอย่างไปตามความเคยชินและสัญชาตญาณของเขา โดยที่การใช้ชีวิตนั้นจะต้องไม่ขัดต่อกฎที่เขาเคยกำหนดไว้ใช้กับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ห้ามร้องไห้ หรือ การเอาคืนไม่มีการแบ่งแยก เด็ก ผู้หญิง คนแก่ และไม่มีการกำหนดเรทความรุนเเรง (?) ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กฎของไซริมักเกิดขึ้นมาจากความกลัว เขาเป็นคนที่เรียนรู้จากความกลัว สมัยยังเด็กมาก ๆ ไซริถูกทุบตีเสมอถ้าเขาร้องไห้ ดังนั้นเเล้วเขาที่หวาดกลัวว่าจะถูกตี จึงได้ตั้งกฎกับตัวเองว่าห้ามร้องไห้ มันฝังหัวเขาได้ง่ายเมื่อเป็นสิ่งที่ทำให้ขวัญผวา สุดท้ายเเล้ว ก็กลายเป็นว่าร่างกายตอบสนองต่อมันอย่างสมบูรณ์ ต่อให้อยากร้องไห้ให้ตาย เขาก็ยังไม่ร้องออกมาอยู่ดี..
และอย่างน้อยท้ายที่สุดเเล้ว ไซริก็ยังเคารพสิ่งที่เรียกว่ากฎหมาย อาจจะไม่ถึงขนาดว่าทำตามทุกกฎอย่างเคร่งครัด แต่เขาก็ยกเว้นไว้ให้ในข้อที่ว่า 'การฆ่าคนนั้นถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย' อย่างเข้มงวด หลายครั้งที่ผู้คนเห็นเขาก่อเหตุกระทำความรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่ท้ายสุดเเล้ว เขาก็จะหยุดก่อนที่คู่กรณีเขาจะถึงขนาดว่ากูไม่กลับอยู่เสมอ นั่นเพราะเขาไม่ต้องการถูกจับในฐานะฆาตกร ต่อให้มันมีกฎหมายเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายอยู่อีก ไซริก็ไม่ใช่คนที่โง่พอจะทำมันในสถานที่โจ่งแจ้ง หรือทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่ม ตอนที่เขาอยากซัดหน้าใครสักคนเขา เขาก็อาจจะยั่วโมโหอีกฝ่ายมาก ๆ เข้า จนฝ่ายนั้นเริ่มก่อนเเล้วค่อยสวนกลับ แล้วถ้ายิ่งฝ่ายนั้นใช้อาวุธนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย..จะแค่คัตเตอร์ก็ช่าง แต่ถ้าหยิบอาวุธขึ้นมาแล้ว หลังจากนั้นมันก็จะถือเป็นการป้องกันตัวนะ?
• life is just a game.
ไซริมีนิสัยเสียในตัวอยู่เยอะมากจนน่าปวดประสาท แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนทั้งเกลียดทั้งกลัวเขา นั่นคือความขี้แกล้งในตัว ไซริชอบแกล้งคนอื่นอยู่เสมอเพราะมันทำให้เขาสนุก ก็เหมือนกับการกวนประสาทชาวบ้านเขานั่นแหละ เวลาเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายโกรธเคืองขึ้นมาหรือดูบิดเบี้ยว มันก็ทำให้เขาตื่นเต้นสนุกสนานไม่หยอกเลย อาจจะเพราะว่าเขาขี้เบื่อสักหน่อย เลยต้องหาอะไรทำไปเรื่อย การแกล้งแหย่คนรอบตัวเล่นก็ดูจะเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่เลว..แต่ว่านะ เหมือนว่าเขาจะเผลอแกล้งคนพวกนั้นแรงเกินไปหน่อยตลอดเลยนี่สิ..
ขาดจิตสำนึก ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ และมีความผิดปกติภายในที่ทำให้รู้สึกสนุกสนานบนความทุกข์ของผู้อื่น นั่นคือสามสิ่งหลัก ๆ ที่ทำให้ไซริมักกระทำการณ์เกินกว่าเหตุเสมอ เด็กมัธยมแกล้งกันมันก็คงไม่มีอะไรมากนัก แต่กับไซริมันไม่ใช่เลย การแกล้งของเขามันอันตรายเกินกว่าคำ ๆ นั้นไปมาก ไซริเคยโยนถังเหล็กที่ใส่น้ำลงไปทั้งถังใส่หัวคนที่เขาเกลียดขี้หน้า เคยแม้แต่บังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งเย็บแม็กใส่มือของเธอเองจนเป็นแผลเหวอะ เพราะทั้งคู่นั้นมีปากเสียงกันและเขาถูกเธอตบซะจนหน้าหัน จะอะไรก็ช่าง ไซริก็แค่ทำไปเพราะอยากทำ ไม่ใช่แค่การแก้เบื่ออย่างเดียว แต่บางครั้งมันก็เป็นการแก้แค้นด้วยเหมือนกัน ใครจะรู้ล่ะ ความจริงแล้วเด็กคนนี้ก็เป็นคนที่แค้นฝังหุ่นและจำเรื่องในอดีตได้แม่นซะยิ่งกว่าอะไรดีเลยด้วยนะ
ไซริไม่เคยสนความรู้สึกของคนอื่น ถ้าจะพูดเเบบนั้นมันก็ไม่ผิด ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาไปกลั่นแกล้งคนอื่นเพื่อความสนุกของเขาเองแต่เป็นแทบทุกเรื่อง เขามีความคิดแปลก ๆ ตรรกะที่ดูพังไปบ้างจนคนอื่นรู้สึกกลัว ไซริเหมือนว่ามองโลกนี้เป็นเกม เห็นเพื่อน ๆ และคนรอบตัวเป็น NPC ที่รู้สึกเจ็บไม่เป็น จะทำอะไรก็ช่าง อย่างไรซะก็เกิดเริ่มต้นใหม่ได้ทั้งที่ความจริงแล้วมันทำไม่ได้ อีกทั้งความอยากรู้ของเขายังมากเกินขอบเขตที่ควรจะเป็นของเด็กคนหนึ่งไปอีกด้วย นอกจากนี้ถึงปกติไซริจะทำเป็นพยายามพูดคุยกับคู่กรณีของตนเอง มันก็ต้องยอมรับว่าไซริติดนิสัยใช้ความรุนแรง และเขารู้สึกปลอดโปร่งเสมอในตอนที่สามารถชกคนปากดีให้ลงไปนอนกองบนพื้นได้ อดีตที่เคยผ่านมาทำให้เขามีความคิดแปลก ๆ ที่ว่า ถ้าเจ็บ ก็ทำให้อีกฝ่ายเจ็บมากกว่า แล้วเขาก็หายเจ็บเอง แน่นอนว่านั่นเป็นความคิดที่อันตรายมากเลยล่ะ..แต่ถ้าจะให้รักษาเอาตอนนี้ ก็คงจะไม่ทันเเล้วล่ะนะ
• sometimes loneliness may better.
ความรักไม่ใช่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไซริ มิตรภาพก็ไม่ได้เป็นอะไรที่น่าสนใจขนาดนั้น เขาอาจจะคบเพื่อนในห้อง พูดคุยกันได้บ้างอะไรแบบนั้น แต่ก็ยังไม่เคยมีใครเห็นไซริมีเพื่อนสนิทระดับว่าไปไหนไปกันตลอดเวลา พอถึงเวลาพักก็มักจะหายหัวไปไหนคนเดียวตลอด เลิกเรียนแล้วก็รีบกลับหอพัก ไม่ไปเที่ยวกับใครเว้นแต่จะโดนลาก (แบบลากจริง ๆ) ให้ไปด้วย ไซริไม่ชอบสังสรรค์สักเท่าไหร่ เขาเลือกจะนอนมากกว่าไปปาร์ตี้สนุก ๆ กับคนอื่นเขา อาจเพราะว่ารสนิยมเขามันไม่ค่อยไปกับชาวบ้านเขาเท่าไหร่ก็ได้ล่ะมั้ง ไซริถึงได้ไม่กระตือรือร้นจะสนิทสนมกับใครเลย
มิหนำซ้ำเขายังเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เบื่อไม่น้อย การอยู่ติดกับคน ๆ หนึ่งนานเกินไปไม่ใช่วิสัยของเขา เช่นเดียวกับเรื่องที่ว่าเขามักไม่แกล้งคน ๆ เดิมซ้ำไปซ้ำมา แต่จะสลับไปเรื่อยแล้วแต่โอกาส ความบังเอิญ และเวรกรรม ประมาณว่าถ้าใครโผล่มาเจอไซริตอนเขากำลังเบื่อ ๆ แล้วไปทำให้เขาคิ้วกระตุกขึ้นมา ก็เตรียมพนมมือสวดภาวนาความชิบหายให้ตัวเองได้เลย เพราะชีวิตหลังจากนั้นอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ของคุณ จะเป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ (สำหรับไซริ) ไปเลยล่ะ
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะปฏิเสธการมีเพื่อนหรอกนะ ไซริมีเรดาห์การเเสกนมนุษย์เพื่อนดีปานกลาง ค่อนข้างแยกได้ดีว่าคนไหนมันร้ายแท้ร้ายกะเทียม อันไหนที่เข้าหาหมายหวังประโยชน์หรือไม่จริงใจ เขาก็จะไม่อะไรมากนัก ออกแนวกระดิกเท้ารออีกฝ่ายทนรับความกวนประสาทของเขาเองไม่ไหวแล้วเผ่นแน่บไปเองซะมากกว่า แต่คนไหนเกิดถูกใจ หรือดันได้ทำความรู้จักพูดคุยช่วยเหลือกันบ่อย ๆ ไซริก็จะมีความสนิทใจกับอีกฝ่ายมากขึ้น ยอมบอกเรื่องของตัวเองมากขึ้นทั้งที่ปกติจะเป็นคนปากหนัก ไม่แพร่งพรายความลับ นอกจากนี้ความสนิทสนมยังนับเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งของเขาด้วย ถ้าหากเพื่อนขอให้ช่วย ไซริก็ช่วยหากมันไม่ได้หนักหนามากซะจนเกินไป เพราะงั้นถ้าอยากเห็นใครประสาทกินกบาลสักวันสองวันก็บอกได้ เดี๋ยวจะจัดให้แบบด่วนจี๋เลยล่ะ
• anyway, keep smiling.
คำถามสุดท้ายสำหรับวันนี้ ถ้าไซริโมโหจะเป็นยังไง? ก็..ไม่ค่อยต่างจากปกติเท่าไหร่ อย่างที่เราทราบกันดี ไซริยิ้มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นในความหมายนี้จริง ๆ เขาไม่เคยหุบรอยยิ้มของเขาลงเลย กระทั่งตอนที่โกรธก็ตาม แต่เพราะว่าโกรธเเล้วยิ้มไปด้วยนั่นแหละมันถึงได้สยอง บางทีเขาระเบิดถึงขนาดเข้าไปซัดตะลุมบอนกับอีกคนจนเลือดอาบหัว แต่กลับชกหมัดใส่อีกฝ่ายทั้งที่กำลังยิ้มหวานหยดเหมือนทุกที มันดูโรคจิตสุด ๆ ไปเลยน่ะสิ (แต่ก็เพราะงั้นด้วยนั่นแหละ เขาเลยดูหล่อตลอดเวลาจนน่าหงุดหงิด — ขอเถอะพระเจ้าช่วย ใครสั่งใครสอนให้ปั้นหน้าไอ้เวรนี่ออกมาดีขนาดนี้เนี่ย?)
"ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ยิ้มเอาไว้ซะ" นั่นคือคำพูดที่ใครบางคนเคยบอกกับเขา นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไซริถึงเอาแต่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา เขาไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรได้ไหม ไม่รู้ด้วยว่ายิ้มไปแล้วจะทำให้หายโกรธได้ด้วยเหรอ..? เขาก็แค่ทำ ๆ ไปทั้งแบบนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ฝังหัวมาตั้งแต่เด็ก ถึงได้ปฏิเสธไม่ได้เท่านั้นเอง
แต่มันก็ยังมีอยู่เหมือนกัน ช่วงเวลาที่รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไปจากใบหน้าของไซริ นั่นคือเวลาที่เขาเศร้า เสียใจ หรือรู้สึกสะเทือนใจอย่างหนัก ความหน่วงหนักเเละอาการเหล่านั้นจะทำให้เขายิ้มไม่ออก ไซริไม่ร้องไห้ แต่ความเจ็บปวดของเขาเเสดงผ่านแววตา เขาเป็นเด็กที่เข้มแข็งมากถ้าพูดกันตามตรง เพราะต่อให้เจ็บปวดทางกายหรือโกรธขนาดก็ยังยิ้มได้ ถ้าอย่างนั้น..หัวใจของเขาจะต้องเจ็บมากขนาดไหนถึงจะไม่สามารถฝืนยิ้มออกมาได้อีก? อ่า มันก็คงเหมือนกับตอนที่สูญเสียคนสำคัญไปล่ะมั้ง..
งานอดิเรก::
• เล่นเบสบอล [เป็นการเล่นเบสบอลที่ประหลาดสักหน่อย แต่ไซริจะชอบไปเล่นกับพวกเด็ก ๆ ที่บ้านเด็กกำพร้ามากกว่าเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน หรือไม่เขาก็ชอบไปฝึกที่สนามกีฬา ไม่ก็ฝึกปาลูกกับกำแพงซะมากกว่า]
• ออกกำลังกาย [ไซริออกกำลังกายทุกวันอย่างสม่ำเสมอเพื่อบริหารร่างกายของตนให้เเข็งแรงอย่างต่ำวันละ1ชั่วโมง]
• นั่งรับลม [ถ้าเมื่อไหร่ที่สมองมันตึง ๆ หรือรู้สึกหงุดหงิด วิธีนี้จะช่วยเขาได้มากทีเดียว]
สิ่งที่ชอบ::
• เทียนหอม [ชอบกลิ่นที่เกี่ยวกับดอกไม้เป็นพิเศษ หรือจะเป็นกลิ่นผลไม้ก็ได้ ไซริชอบเอามาจุดตอนกลางคืนบ่อย ๆ เลยล่ะ]
• ลมแรง [อาจจะเพราะว่าเป็นคนขี้ร้อนด้วย บวกกับลมแรง ๆ จะทำให้หัวเขาปลอดโปร่ง เขาเลยชอบมันมาก]
• รอยสัก [มันเป็นศิลปะแบบนึงที่เขาหลงใหล และเขาคงรั้นถึงที่สุดแน่ ๆ ถ้าใครคิดจะให้เขาลบรอยสักที่เขามีออกไป]
• เบสบอล [เป็นกีฬาที่ไซริชอบเล่นมากที่สุด เพราะพ่อของเขามักจะชวนไซริให้มาเล่นเบสบอลด้วยกันอยู่บ่อย ๆ นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในความทรงจำอันน้อยนิดที่พ่อเขาหลงเหลือไว้ให้ด้วย]
• การสร้างความพึงพอใจส่วนตัว [มันมีได้หลายความหมาย แต่หลัก ๆ แล้วนั่นคือการได้แกล้งคนที่มากวนประสาทเขา หรือคนที่เขาเกลียดขี้หน้า ไม่ก็อาจจะเป็นการแกล้งหยอกคนรอบตัวบ้างแล้วแต่อารมณ์ ก็ว่ากันไปล่ะนะ]
• นมร้อน [ดื่มตอนกลางคืนทุกคืน มันทำให้เขานอนหลับง่ายดี]
สิ่งที่ไม่ชอบ::
• กาแฟ [ปกติหลับยาก เขาก็เลยไม่ชอบดื่มกาแฟน่ะนะ]
• วิชาดนตรี [ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง แต่มันน่าเบื่อ เขาก็เลยไม่ชอบ]
• สิ่งที่ดูเป็นระเบียบมากเกินไป [เห็นแล้วอึดอัด มวนท้อง คันไม้คันมือ ไซริว่าอะไรที่ระเบียบเกินมันดูไม่ใช่มนุษย์ (เพื่อนก็งงว่าตรรกะอะไรของมัน..)]
• รสชาติขมจัด [หลายคนว่ามันเป็นรสชาติของพวกผู้ใหญ่..เอาเป็นว่าถ้าต้องกินรสขมเพื่อให้ดูโตขึ้น เขาขอเป็นเด็กตลอดไปแล้วกัน]
สิ่งที่เกลียด::
• เคนเน็ธ ควินเซนต์ [เรื่องที่เคนเน็ธทำกับเขานั้นมันมากมายเกินไปจนเขาไม่สามารถทนให้อภัยอีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นความเกลียดที่เขาต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกที่สุด เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลักไอ้สารเลวนั่นออกไปจากชีวิตเขาได้..]
• สัตว์ทุกชนิด [ไซริเข้ากับพวกสัตว์ไม่ได้ เขาโดนพวกมันขู่ใส่ตลอดไม่ว่าจะเป็น นก เเมว สุนัข หรือกระทั่งเม่น ดังนั้นเขาจึงเกลียดพวกมันไปโดยปริยาย เพราะถ้าเผลอเข้าใกล้ที ก็จะได้ข่วนไม่ก็โดนงับโดนจิกตลอดเลยน่ะสิ]
กลัว::
• เคนเน็ธ ควินเซนต์ [มันอาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูน่าตลก แต่สำหรับไซริเเล้ว มันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าต่อให้เขาจะเกลียดเคนเน็ธแค่ไหน หมอนี่ก็ยังเป็นผู้ชายที่เหมาะกับความสมบูรณ์ที่สุดอยู่ดี มิหนำซ้ำนิสัยที่ร้ายกาจเกินกว่าเขาไปไกลลิบนั่นบวกกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้น มันก็ทำให้เขากลัวอีกฝ่ายถึงขนาดที่เลือกจะหนีมากกว่าไปเผชิญหน้ากันตรง ๆ อย่างที่เขาทำมาตลอดเลยด้วย]
• เครื่องเล่นหวาดเสียว [หลายคนจะไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะไซริไม่ค่อยไปเที่ยวพวกสวนสนุกมากนัก แต่เขากลัวเครื่องเล่นหวาดเสียวมาก ยิ่งพวกรถไฟเหาะนี่ยิ่งกลัวเลย จะสังเกตได้ว่าถ้าไปสวนสนุก เขาจะไม่เดินไปใกล้เครื่องเล่นพวกนี้เด็ดขาด หรือถ้าเพื่อนอยากขึ้น ตัวเองก็จะหาเรื่องเนียนปลีกตัวออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม **ย้ำ** ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาจะ ไม่ - ขึ้น - มัน - เด็ด - ขาด (นั่นเพราะว่าถ้าไซริขึ้นเครื่องเล่นหวาดเสียว เขาจะกรี๊ด — )]
ประวัติ::
สเป็คที่ชอบ:: ไซริไม่ได้มีความสนใจในเรื่องเชิงรักใคร่สักเท่าไหร่ สำหรับเขา ความรักเป็นเรื่องเข้าใจยากพอ ๆ กับความน่าเบื่อในตัวมันเอง เขาไม่ขวนขวายหาความรัก ดังนั้นเขาจึงไม่มีสเป็คที่ตายตัวสักเท่าไหร่ (ประมาณว่าใครก็ได้ ถ้ามันคลิ๊กก็โอเคหมดนั่นแหละ)
รีเควสอะไรเพิ่มเติมให้เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องหลัก:: อยากเห็นนางโดนเพื่อน ๆ ในห้องไล่ตีค่ะ — /แค่ก. หยอก ๆ นะคะ 55555 (แต่อยากเห็นจริงนะ (..)) คือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีฉากที่ไซริได้เจอกับเคนเน็ธสักฉากน่ะค่ะ แหะ
ถ้าเป็นไปได้อยากจะคุยหรือเป็นเพื่อนกับใคร?:: ในความเป็นจริงเเล้วไซริไม่ได้มีความรู้สึกอยากสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษนัก อารมณ์ประมาณว่าคุยได้กับทุกคน แต่จะมีใครทนเขาไหวบ้างนี่ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมน่ะนะ..แต่ถ้าถามว่าสนใจใครเป็นพิเศษ..ก็คงจะเป็นยัยสาวหน้าตายคนนั้นล่ะมั้ง? (P.s. พ้อยท์หลักไม่ได้อยู่ที่ความถูกชะตา ความเข้ากันได้ หรือความชอบพอ แต่เป็นความกวนตีนส่วนบุคคลทั้งนั้นที่อยากสนิทด้วยเพราะอยากกวนประสาทอีกฝ่ายเฉย ๆ l **ยังไม่มั่นใจว่าควรจิ้มน้องคนไหนในบทนี้ เพราะฉะนั้นขออนุญาตรอส่องก่อนนะคะ ;;)
ชื่อหรือเจ้าของไอเดียของตัวละคร:: รันรัน
ข้อมูลเพิ่มเติม::
• Birthday: 17, Aug / Blood group: B
• ความหมายของชื่อนั้นถูกกำหนดไว้ว่า: ไซควาริ - เทวดา, มาริโอ - ผู้รักในสงคราม, ไซควาริ มาริโอ - { เทวดาผู้ลุ่มหลงในสงคราม}
• ไซริมักทำตัวไม่ถูกเวลาถูกสารภาพรัก เพราะเขาไม่คิดว่าสันดานเสียแบบเขามันจะมีคนมาชอบได้ ดังนั้นเขาจึงมักวิ่งหนีเด็กหนุ่มหรือเด็กสาวคนใดก็ตาม ที่ดันหน้ามืดตามัว (ในความคิดเขา) จนเผลอมาตกหลุมผู้ชายแบบเขาเข้าได้ตลอดเลยล่ะ
• ไซริเข้าเรียนที่นี่โดยการเป็นนักเรียนโควต้า เขามีไอคิวที่ดีมาก น่าแปลกที่เหมือนว่าคนอื่นจะไม่ค่อยอยากเชื่อเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่
• ความลับของไซริที่ชาวบ้านไม่ค่อยรู้: ไซริสายตาสั้นมาก ข้างซ้าย600 ข้างขวา450 ที่เห็นยังใช้ชีวิตปกติได้นี่ก็เพราะว่าเขาใส่คอนเทคเลนส์..และ ใช่ — แท้จริงแล้วสีตาของไซริคือสีฟ้าอ่อน ไม่ใช่สีเงินประกายมุกอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ซึ่งเวลาอยู่คนเดียวในห้องพักก็จะเห็นไซริใส่แว่นอ่านหนังสือ เล่นเกม ดูหนังปกติ ไม่ได้ใส่คอนเทคเลนส์ตลอดเวลาแต่อย่างใดนะ
• ไซริมักจำหน้าตาของผู้คนไม่ค่อยได้ แต่เขามีหูที่ดี ดังนั้นจึงนิยมจำคนที่เสียงมากกว่าใบหน้า
• พกไม้เบสบอลใส่กระเป๋าแบกติดตัวไว้ด้วยตลอดเวลา ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้อยู่ชมรมเบสบอลแต่อย่างใด และก็ไม่ได้พกเอาไว้เล่นด้วย
• เพราะกำลังพยายามเลิกบุหรี่ตามที่พี่ชายขอ ไซริจึงติดนิสัยชอบพกอมยิ้มติดตัวเอาไว้แก้ขัดอยู่เสมอ
• โดนเพื่อนด่าว่าไอ้เวรบ่อยมาก เพราะนิสัยจริง ๆ ก็เวรสมชื่อนั่นแหละ —
• ลูเธอร์ มาริโอ ศึกษาอยู่ในโรงเรียนการแพทย์เฉพาะทาง เขาสนิทกับเคนเน็ธตั้งแต่ตอนที่เข้าเรียน และในขณะที่เขามองเพื่อนคนนั้นเป็นเหมือนกับครอบครัวคนสนิท เขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าจุดเริ่มต้นความผิดพลาดในตัวของไซรินั้น มันเริ่มมาจากอีกคนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันของเขาเองนั่นแหละ
• พ่อบุญธรรมของไซริมีชื่อว่า คาร์สัน มาริโอ (Karson Mario) เขาเคยเป็นนักเบสบอลมืออาชีพ เเต่ก็เกษียณตัวเองเพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่เข่า และเลือกมาทำงานบริษัทท่องเที่ยวแทน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟชนเมื่อตอนอายุ48ปี
• เคนเน็ธ ควินเซนต์ ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลเครือข่ายยักษ์ในอเมริกา เป็นเด็กที่ฉลาดและเก่งด้านกีฬามาก มีความสนใจในตัวของไซริ แต่ไม่ได้ถึงขั้นหมกมุ่นขนาดว่าต้องตามติดไป ก็แค่คิดว่าให้เด็กนั่นเล่นสนุกจนกว่าจะพอใจซะก็พอ..เพราะตราบใดที่เคนเน็ธยังเป็นเพื่อนสนิทของลูเธอร์ เขาก็ยังมีโอกาสได้เจอกับไซริอยู่ดี
• เหตุผลที่ไซริไม่บอกเรื่องการกระทำของเคนเน็ธกับลูเธอร์ นั่นก็เพราะว่าเขากลัวว่าเคนเน็ธจะใช้อำนาจของครอบครัวเอาทุนคืนจากลูเธอร์ และทำให้พี่ชายเสียโอกาสไป ไซริจึงเลือกอดทนแทน ทว่าสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว จึงเลือกหนีไปโรงเรียนประจำ เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากับเคนเน็ธอีก
• นิสัยที่ชอบแกล้งคนอื่นอย่างรุนเเรงเป็นสิ่งที่ฝังรากมาตั้งแต่เด็ก เขาเรียนรู้มาจากเคนเน็ธก็จริง แต่ก็เป็นไซริเองที่ซึมซับมันตลอดเวลาช่วงเด็กจนติดเป็นสันดาน ล่าสุดนี้เขาก็ไปแกล้งเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งจนอีกฝ่ายถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไซริถึงมาอยู่ที่ห้อง FF ได้
ภายในห้องอันกว้างใหญ่ที่เงียบสนิทปรากฎร่างของคนสองคนขึ้นมา อีกหนึ่งเป็นร่างของเด็กอีกหนึ่งเป็นร่างของผู้ใหญ่ บรรยากาศที่น่าอึดอัดได้ก่อนตัวขึ้นรอบบริเวณด้วยสถานะหลายๆอย่าง อย่างที่ว่าแหละอันที่จริงถ้าไม่มีปัญหาหรือไม่ผิดปกติอะไรก็ไม่ควรถูกส่งเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ผอ. :: ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่
วาจาที่เอ่ยลั่นออกมาจากคนเบื้องหน้าเชิงจะเป็นการตำหนิและประชดประชัน ไม่เพียงแค่คำพูดเท่านั้นอะไรบางอย่างที่หนักอึ้งทวีคูณเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว
"ขอบคุณครับ" ไซริยกยิ้มเล็กน้อย เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหวานนุ่ม เป็นคำพูดที่ไม่ได้เข้ากับสถานการณ์เอาเสียเลย ถึงแม้ว่าตัวเขาเองรู้ดีแต่แรกว่าคำพูดแบบนั้นไม่มีทางสื่อไปในทางที่ดีแน่ ๆ ไซริก็ยังคงไม่รู้สึกรู้สา เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้สบายใจเฉิบ กุมมือไว้หลวม ๆ ส่งสายตาคล้ายกับจะบอกว่า ถ้าอีกฝ่ายอยากพูดอะไรกับเขา ก็เชิญพูดมาได้เลย
คนที่แก่กว่ามองลึกเข้ามาในดวงตาอย่างคาดคั้นก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า...
ผอ. :: สาเหตุที่เธอตัดสินใจเลือกทำลงไปมันเพราะอะไร?
คราวนี้คำถามที่ถูกเอ่ยออกมานั้นไม่ได้รับการตอบกลับเเต่อย่างใด มีเพียงแค่การหยักไหล่เสียหนึ่งครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวานหยดเหมือนอย่างเคย สีหน้าพวกนั้นยั่วอารมณ์คนได้ดีเสียไม่มี ถึงอย่างนั้นมันก็คงไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับการนั่งเงียบอมพะนำไม่ยอมพูดยอมจา เหมือนกับอยากจะบอกให้ผู้อำนวยการคนเก่งลองเดาดูเองอีกต่างหากนั่นหรอก
เขาพยักหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะผ่อนคลายลงจากเมื่อตะกี้
ผอ. :: รู้ใช่มั้ยว่าเธอจะต้องไปอยู่ที่่ห้อง FF เธอคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับห้องนั้นมาบ้างแล้วใช่มั้ย?
"อ่า มีบ้างครับ" ไซริขานรับด้วยท่าทีไม่กระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ต่อให้เขาจะเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ตอนมัธยมปลายหรือปีนี้เอง เขาก็พอได้ยินข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับ 'ห้อง FF' มาไม่น้อยเลยทีเดียว
"บางทีมันอาจจะเหมาะกับผมก็ได้นะ ใครจะรู้ล่ะ?" ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเฉื่อยชา ทำเพียงยิ้มด้วยสายตาไม่ยินดียินร้ายต่อไปก็เท่านั้น
เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะรับคำพูดของเด็กมีปัญหา ก่อนที่จะไล่อีกฝ่ายให้ออกจากห้องไปและได้อวยพรให้โชคดีตามประสาของคนที่สูงอายุกว่า
ผอ :: เฮ้อ....งานหนักอีกแล้วสิเรา
ความคิดเห็น