ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M E S S A F T E R S T O R M "

    ลำดับตอนที่ #47 : สุริยะเคียงบัลลังค์ 3

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 59


     

     

    “บ้าชิบ...”

                เสียงสบถที่รับรุ่งอรุณที่สดใสในวันต่อมานั้นไม่อาจทำให้ใจของผู้สบถเย็นลงได้ ตะวันที่ตอนนี้ยืนอยู่ริมหนองน้ำด้วยสภาพที่หนักใจอย่างสุดแสน

                เกิดมาเบ็ดตกปลายังไม่เคยจับ นี่จะให้มาจับปลามือเปล่าเนี่ยนะ!!

                แว่นก็ไม่มี เห็นก็ไม่ชัด จะให้แปลงร่างเป็นหมีดมกลิ่นแล้วควักปลาขึ้นจากน้ำรึไงตอบ!!

                หลังจากที่เมื่อคืนเห็นว่าคนเจ็บได้หลับไปแล้ว เธอก็เดินไปตักน้ำที่หนองน้ำอีกรอบและกลับมาเช็ดตัวให้กับคนป่วย และเพราะไม่มียาลดไข้หรือว่าอะไรเลยเพราะเธอไม่รู้จักสมุนไพรใดๆในธรรมชาติยกเว้นก็แต่ว่านหางจระเข้ แต่ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน เธอถึงต้องเช็ดตัวให้เขาทั้งคืนป้องกันการไข้ขึ้นสูงจนช็อค และตอนนี้เมื่อเห็นว่าไข้ลดมาในระดับที่ไว้ใจได้ เธอก็ต้มน้ำทิ้งไว้ให้ข้างตัวพร้อมกับผ้าเย็นที่แปะอยู่บนหน้าผากและออกมาที่หนองน้ำนี้ สรุปคือเธอได้เพียงแค่พักสายตาเป็นระยะๆ แต่นั่นก็ไม่ได้มีปัญหามากมายอะไรสำหรับเธอที่อดหลับอดนอนอยู่เป็นประจำ

                แต่ถ้าหน้ามืดล้มหน้าทิ่มในหนองน้ำนี่ก็ค่อยว่ากัน.....

                เธอลองมองหาหินก้อนใหญ่ๆสองกันที่พอจะจับทุ่มใส่กันให้เกิดเป็นเสียงสั่นสะเทือนใต้น้ำให้ปลาเบลอ(หรือตาย) แต่กระนั้นมันก็ไม่มี ซึ่งนั่นทำให้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มันดีจริงๆที่ไม่มี เพราะเธอไม่อยากจับ แต่เพราะว่ามีคนป่วยที่(จำเป็น)ต้องดูนั่นทำให้รู้สึกน้ำตาไหลพราก

                แล้วจะเอาโปรตีนที่ไหนให้คนป่วยกินวะ... ลองจับดูก่อนก็แล้วกัน

                โอ๊ย! เจ้าแม่กวนอิมที่ลูกนับถือ! ลูกทำบาปมากเลยใช่ไหมเนี่ย!

     

                เหวินเจี้ยนลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสบายตัวขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อวาน ชายหนุ่มกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับโฟกัสก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง

                แปลบ...

                ความเจ็บที่แล่นปลาบเข้ามาทำให้ต้องมองลงมาที่หน้าท้องของตนเอง ผ้าพันแผลที่ทำจากเถาวัลย์ตั้งแต่เมื่อวานทำให้เขานึกขึ้นได้

                “...เสี่ยวหยาง?”

                มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กๆนั่นอยู่แห่งใด มีเพียงไฟที่ยังคงปะทุอยู่พร้อมกับกิ่งไม้ยาวๆสามอันที่ปักอยู่ข้างกับกองเพลิง

                แกรก...

                ดวงตาเรียวหันมามองสิ่งที่อยู่ใต้ร่าง มันคือเสียงหญ้าแห้งที่เขาใช้นอนเมื่อคืนที่เสียดสีกันยามที่เขาขยับ และเมื่อไล่สายตาห่างออกไปเล็กน้อย ข้างๆที่นอนก็มีกระบอกไผ่ใส่น้ำวางไว้อยู่สองกระบอก เหวินเจี้ยนยื่นมือออกไปก่อนจะยกจิบ ความร้อนที่แทบจะไม่มีบ่งบอกว่าคนทำคงวางทิ้งไว้นานแล้ว

                แล้วเสี่ยวหยางหายไปไหน?

                “&*$? @%&((#

                เหวินเจี้ยนหันไปมองตามต้นเสียงแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคนที่ตนมองหานั้นเปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มือข้างหนึ่งถือสิ่งที่หน้าตาไม่เคยเห็นแต่จำได้ว่าเป็นสิ่งที่เสี่ยวหยางสวมใส่ และสิ่งนั้นรู้สึกจะเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เปียก

                “เจ้าไปทำอะไรมา?” เหวินเจี้ยนถาม แต่แทนที่เขาจะได้รับเป็นคำตอบที่รู้ว่าฟังให้ตายก็ไม่รู้เรื่อง เสี่ยวหยางกลับเอาสิ่งที่อยู่ในมือวางแล้วเอามือประกบกันพลางทำท่าเลื้อยไปมา

                .... อะไรน่ะ?

                ดูท่าว่านางจะรู้ว่าเขาไม่เข้าใจ เสี่ยวหยางชี้ไปที่ทางไปบ่อน้ำ ทำท่าเมื่อครู่อีกครั้ง ก่อนจะทำท่าเหมือนใช้ตักอะไรสักอย่างเข้าไปในปากตัวเอง

                จะบอกว่าไปแม่น้ำจับปลามาทำเป็นอาหารรึ?

                แต่ดูท่าจะล้มเหลว เพราะการที่นางกลับมามือเปล่าและทั้งตัวเปียกโชก เสี่ยวหยางถอนหายใจออกมาก่อนจะพาตัวเองไปยืนอยู่ข้างกองไฟและกางแขนออก

                ..... นางกางแขนออกทำไม

                และคำตอบก็ประจักษ์และทำให้เขาหันหน้าหนี ดวงหน้าคมขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเสี่ยวหยางเปิดอาภรณ์ของตนแล้วสะบัด

                คงตั้งใจจะทำให้ตัวเองแห้ง แต่นางน่าจะรู้ว่าเขาที่เป็นบุรุษยังอยู่ตรงนี้

                “Wénjiàn” คำเรียกนั้นทำให้เขาหันไปมอง ก็พบว่าเสี่ยวหยางมาอยู่ตรงหน้าทั้งที่เรือนผมสีดำที่รวบตึงยังคงเปียกชุ่ม นางชี้มาที่ท้องของเขาก่อนจะกอดตัวเองไว้แล้วทำสีหน้าเจ็บปวด และหันมามองหน้าเขาเหมือนกับรอคำตอบ

                เสี่ยวหยางถามเขาว่ายังเจ็บอยู่รึเปล่า งั้นรึ?

                เขาส่ายหัว ก่อนที่จะเผลอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนางตรงหน้าแนบหลังมือที่หน้าผากของเขา ขณะที่อีกข้างจับของตัวเอง ก่อนที่หลังมือนั้นจะเลื่อนมาแตะที่ข้างแก้มและลำคอก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เสี่ยวหยางผละออกไปโดยที่ไม่ลืมจะหยิบเศษผ้าที่เข้มที่ร่วงหล่นไปขึ้นมาและเดินตรงไปที่หนองน้ำ เพียงอึดใจนางก็กลับมา แขวนผ้าผืนน้อยไว้ที่ไม้ที่เสียบอยู่ข้างๆกองไฟ และเดินไปทางอีกมุม ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจออกมา

                เพราะบริเวณนั้น มีเถาวัลย์และไม้ไผ่เต็มไปหมด

                เหวินเจี้ยนแหงนหน้ามองแสงสุริยะ คาดเดาเวลานี่คงเป็นยามสาย นางตื่นตั้งแต่ยามใดกัน?

                “Wénjiàn #^&*@&$^&” เหมือนเสี่ยวหยางจะพูดอะไรสักอย่าง นางหยิบกริชที่เป็นของเขาขึ้นมาก่อนจะค่อยๆตัดเถาวัลย์ที่พันอยู่ที่เอวอย่างใจเย็น ได้ยินเสียงบ่นงึมงำอยู่ตลอดเวลายามที่นางตัด และเมื่อเถาวัลย์หลุดออกมา นางก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

                ผ้าทั้งสองผืนนั้นเลือดก็ไม่มากและเป็นสีเข้มเรียบร้อย หมายความว่าเลือดหยุดไหลมาพอสมควร

                “*#*)&@!&*(@^$!@#$%^&*” เสี่ยวหยางพูดอะไรอีกครั้ง ก่อนที่จะเอาปลายผ้าสีขาวที่เคยเป็นอาภรณ์ของเขา เอาบริเวณที่ยังไม่เปื้อนเลือดจุ่มน้ำที่นางเตรียมไว้ในไม้ไผ่ ก่อนจะบรรจงเช็ดคราบเลือดรอบๆแผล ก่อนจะเดินกลับไปทางแม่น้ำอีกครั้ง

                เขาก้มลงมองแผลของตัวเองที่ไม่ลึกมาก แม้บัดนี้ยังเป็นแผลสดแต่คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พวกทหารคนอื่นๆน่าจะเริ่มออกตามหาเขา ประมาณวันพรุ่งหรือหลังวันพรุ่งก็น่าจะเจอเขา เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็อดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้

                กลับไปมีเรื่องเตรียมสะสางแน่ ฐานคิดลอบกัดเขา

                “Wénjiàn?” เสียงเรียกนั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบเสี่ยวหยางที่ขมวดคิ้วอยู่ไม่ไกล ด้านหลังของนางมีผ้าสองผืนที่ใช้ปิดแผลที่ถูกตากไว้ นางดูจะถามอะไรสักอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจ แต่การที่นางเอื้อมมือมาแตะหน้าผากเขาทั้งที่มือตัวเองมีความเย็นจากสายน้ำ นางมองแผลที่ท้องเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูด

                “อะ... อะไร?”

    หืม?

    เมื่อครู่นางถามข้าว่า อะไร รึ?

    สีหน้าที่ดูลุ้นๆนั่นหลังจากที่พูดออกมาว่า ‘shén me?’ ทำให้เขาเผลอขมวดคิ้วออกมาได้ไม่ยาก นางพยายามจะสื่ออะไร แต่เสี่ยวหยางก็ชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง ก่อนจะเลื่อนไปชี้ที่หน้าท้องของตัวเอง และชี้มาที่คิ้วตัวเองพลางทำหน้าขมวด แล้วชี้กลับมาที่เขา ก่อนนางจะถามออกมาอีกครั้ง “อะไร?”

    เหวินเจี้ยนดูแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเผลอหลุดยิ้มออกมาเมื่อพอจะเดาสิ่งที่นางจะสื่อได้

    นางอยากจะถามเขา ว่า เป็นอะไรสินะ การที่ชี้มาที่ศีรษะก็เพื่อจะถามว่าปวดหัวรึเปล่า ชี้มาที่ท้องก็ถามว่าเจ็บแผลรึเปล่า คงเพราะนางเห็นเขาคิ้วขมวดเมื่อครู่ถึงได้ถามแบบนั้น ประกอบกับที่นางอังหน้าผากเขาเมื่อครู่ มันคงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากแบบนี้

    “ข้าไม่เป็นไร”

    แม้จะเป็นประโยคที่คิดว่านางอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่มันมีคำว่า ไม่อยู่ในประโยคนางอาจจะเข้าใจ เพราะเมื่อเย็นวานนางยังสั่งเขาว่า ไม่ๆๆๆอยู่ ซึ่งเสี่ยวหยางก็หรี่ตาลง ไม่ใช่ท่าทางที่ดูไม่เข้าใจ แต่เหมือนกับพยายามจับผิด แต่แล้วก็ยักไหล่พลางหยิบเกราะของเขามาวางด้านหลังและพยายามดันให้ล้มตัวนอน พลางพูดอะไรสักอย่างประกอบการกระทำ แต่เขาไม่เข้าใจ แต่ท่าทางแล้ว...

    นางกำลังบังคับให้นอนทั้งที่เขาเพิ่งจะตื่นงั้นรึ?

    “เสี่ยวหยาง ข้าเพิ่งจะตื่น ข้าไม่ง่วง” เขาว่าพลางจับที่ข้อมือเล็กกว่าทั้งสองข้างของนางเพื่อหยุดการกระทำ และนั่นทำให้เขาเพิ่งจะเห็น

    ข้อมือทั้งสองข้างของนางเป็นรอย แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าที่ลำคอที่เห็นได้ชัดเป็นรูปฝ่ามือ

    “...ขอโทษ”

                จู่ๆหลังจากที่เขาพูดคำนั้น นางก็ตวัดสายตามามองเขาพลันจนเผลอสะดุ้ง เสี่ยวหยางดึงมือออกจากเขาก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วพูดอะไรสักอย่างที่เป็นประโยคซ้ำๆ

                นางกำลังให้เขาพูดขอโทษอีกรอบ?

                “ขอ - โทษ”

                ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่ทำ แต่นี่เป็นเสี่ยวหยาง เพราะทันทีที่เขาพูดช้าๆชัดๆอีกครั้งนางก็กำหมัดแล้วอุทานออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะพูดออกมาเป็นประโยคยาวเหยียดซึ่งเขาจับใจความได้แค่คำว่า ขอโทษที่เขาเพิ่งจะพูดให้นางฟังเท่านั้น

                นางดีใจที่เขาขอโทษนางงั้นรึ?

                “Wénjiàn” จู่ๆนางก็เรียกเขา พร้อมกับที่ชูกริชขึ้นมาแล้วบอกชัดถ้อยชัดคำ “ขอโทษ!

                แล้วนางขอโทษเขาพร้อมกับชูกริชทำไม?

                นางทำท่าทางพร้อมสั่งเป็นภาษาที่เขาไม่เข้าใจอีกครั้ง แต่ท่าทางเหมือนกับให้เขานั่งอยู่เฉยๆ ก่อนที่นางจะลุกยืนแล้ววิ่งไปอีกทางซึ่งเป็นคนละทางกับหนองน้ำอย่างอารมณ์ดี โดยที่ในมือเล็กๆนั่นถือกริชของเขาติดมือไปด้วย เหวินเจี้ยนขมวดคิ้วงง

                นางขอโทษเรื่องกริช.... เหตุอันใดล่ะ?

                เมื่อวานก็เช่นกัน นางโบกกริชในมือพร้อมกับยิ้มและพูดอะไรสักอย่าง และสีหน้าที่นางขอโทษเมื่อครู่นั้นก็เป็นสีหน้าที่คล้ายกับเมื่อวานเช่นกัน คิ้วโก่งสวยขมวดเป็นปมอย่างที่พยายามจะเข้าใจอย่างยิ่งว่าจู่ๆเสี่ยวหยางขอโทษพร้อมกับกริชทำไม และเมื่อยิ่งคิดมันยิ่งทำให้ปวดหัวสุดท้ายเหวินเจี้ยนก็ยอมแพ้ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง

                “เรื่องของคนแปลกหน้าทำให้ข้าปวดหัวยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองเสียอีก...”

                เมื่อนึกถึงคนแปลกที่หน้าที่ว่าก็ทำให้เหวินเจี้ยนคิดพิจารณาอีกครั้ง เสี่ยวหยางมาจากที่ใด? การแต่งกายที่ไม่เคยเห็นพร้อมกับที่ภาษาไม่คุ้นหู แต่กระนั้นกลับรู้ภาษาจีนได้เป็นบางคำ ตัวอย่างง่ายๆอย่างคำทักทายในตอนแรกที่เขาพยายามเรียกนางเมื่อวาน ถ้าให้เดา นางน่าจะพูดคำว่า สวัสดีออกมาหลายภาษาเพื่อดูว่าเขาเข้าใจภาษาใด แต่คำถามคือนางเป็นใครถึงได้รู้หลายภาษา

                เพราะตอนแรกที่เขาขอบคุณนาง ดูเหมือนนางจะเข้าใจว่าเขาขอบคุณ เพราะนางยิ้มพร้อมโบกไม้โบกมือคล้ายกับบอกว่าไม่เป็นไร แต่กลับไม่พูดออกมา หรือนางจะรู้เพียงแค่คำง่ายๆบทสนทนาพื้นฐาน?

                ถ้าเป็นแบบนั้น การที่เมื่อครู่นางให้เขาพูดขอโทษอีกครั้งเพื่อจะเรียนรู้งั้นรึ? แต่เหมือนจะเป็นคำที่นางรู้อยู่แล้วแต่ลืมเพราะดูจากปฏิกิริยาของนาง และเมื่อวานที่หลังจากเขาตัดสินใจจะเรียกนางว่า เสี่ยวหยางจู่ๆนางก็หัวเราะออกมาและพูดประโยคที่เขาฟังเข้าใจแต่ไม่เข้าใจที่นางจะสื่อ

                เพราะนางพูดว่า เสี่ยวหยาง...เสี่ยว

                แม้คำตรงกลางนั้นเขาจะไม่รู้ แต่การที่นางหัวเราะทำให้เขาเดาว่าคำว่า เสี่ยวหยาง ไม่สิ คำว่าเสี่ยวน่าจะมีความหมายอื่นในภาษาของนาง และคงเป็นคำที่น่าจะตลกพอดูถึงได้หัวเราะออกมาแบบนั้น แต่ในภาษาจีน ชื่อของนางที่เขาตั้ง หมายถึง พระอาทิตย์ดวงเล็กจากการที่นางชี้ไปที่พระอาทิตย์และวาดรูปพระอาทิตย์ยามที่เขาถามชื่อนาง และเขาคิดว่าชื่อ เสี่ยวหยางดูจะเหมาะกับนางที่สุด

                เพราะนางเป็นสตรีที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ทำให้เขาได้ตื่นมาเห็นดวงตะวันอีกครั้ง

                แม้จะยากที่อยากจะมีเรื่องมากมายที่อยากจะถาม ทั้งการปฐมพยาบาล การจุดไฟ การหาน้ำ เขาที่มองนางทำทุกอย่างอยู่ตลอดนั้นมันดูราวกับว่าเสี่ยวหยางเค้นเอาความรู้ทุกอย่างออกมาใช้เพื่อเอาตัวรอด จะว่านางอาศัยอยู่ที่ป่าแห่งนี้ก็ไม่น่าจะใช่ หรือจะเป็นชนเผ่า? รูปร่างหน้าตาก็ไม่คล้ายเสียเท่าใด

                มันดูเหมือนกับว่านางเพิ่งจะมาที่นี่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน จากการที่นางร่ายคำว่าสวัสดีมาหลายภาษาเพราะต้องการจะรู้ว่าเขาเป็นคนชาติใด

                “เจ้าเป็นใครกัน เสี่ยวหยาง...”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×