ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #235 : TWO BELL SILENCE | Prologue: Katachi Aru Mono

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 64


    TWO BELL SILENCE
    Playlist: GLAY – Kokodewanai, Dokoka e  ここではない、どこかへ」 / L'Arc~en~Ciel – Pieces 













    .

    1

    ความสัมพันธ์ฉันคู่รักของเด็กใหม่อย่างนากามูระ เรย์ระ และเด็กหนุ่มเจสซี่ ลูอิส ที่เคยตัวติดหนึบชวนให้ใครต่อใครเป็นต้องรู้สึกอิจฉาตาร้อนตลอดหกเดือนที่ผ่านมา จนอาจเรียกได้ว่าเป็นภาพที่ชินตาของนักเรียนชั้นปี 2-B แห่งโรงเรียนรัฐบาลโคบาชิ ฉับพลันทันใด พอถึงเช้าวันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นการเมินเฉย ไม่มองหน้า ไม่ทักทาย ทีแรกทุกคนคิดว่าอาจเป็นแค่เรื่องทะเลาะกันของคู่รักเท่านั้น แต่เพราะความเครียดขึ้งจริงจังที่ปรากฏผ่านใบหน้ามึนตึงไร้รอยยิ้มตลอดทั้งวัน จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะละลาบละล้วง แม้จะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของความอึมครึมที่ก่อตัวอย่างเข้มข้นมากก็ตามที

    ก่อนการจับคู่ทำเวรในช่วงเย็นซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้คนทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนม จะกลายเป็นศึกไม่รู้ที่มาของการด่าทอและทำร้ายร่างกายให้ต้องเลือดตกยางออกกันทั้งสองฝ่าย จากแปรงลบกระดานที่เรย์ระจะหยิบขึ้นขว้างปาใส่ใบหน้าของเจสซี่อย่างเต็มที่ในตอนที่ยืนประจันหน้ากัน และจากแรงผลักของเจสซี่เพราะความเดือดดาลให้เรย์ระเสียการทรงตัวจนศีรษะไปกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ หากก็ยังพยายามกระเสือกกระสนเข้าไปจะยกหมัดขึ้นซัด ให้อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายสลัดคนดื้อด้านที่อย่างไรก็ไม่ยอมแพ้ด้วยกำลังจนกลายเป็นการโรมรันพันตู แม้ว่าเพื่อนร่วมห้องคนที่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะล็อกตัวเด็กหนุ่มนักกรีฑาออกไปได้จะวิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับอาจารย์ประจำชั้นด้วยความรวดเร็วมากพอจะยับยั้งแล้ว แต่ความเสียหายจากหยดเลือดสีแดงและรอยช้ำสีเขียวก็ยังคงปรากฏอยู่เป็นหลักฐานบนใบหน้าของทั้งสองฝ่าย

    เมื่อไม่มีใครยอมรอมชอม ผลจึงลงเอยที่ต่างถูกพักการเรียนหนึ่งสัปดาห์ ถึงกระนั้นก็ยังคงไม่ได้ทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสะทกสะท้านมากพอที่จะยอมเอ่ยปากขอโทษ หรือแค่จะพูดคุยกันดีๆ อยู่ดี

    และแม้ว่าเขาจะนั่งหน้าเธอตามการจัดลำดับเลขที่แล้วก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่นากามูระ ไคโตะทำ — เหมือนอย่างที่ทำมาตลอด — ก็คือการมองดูเธอกระชากกระเป๋าขึ้นสวมไหล่ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่เคยสนใจจะเหลียวแลมอง

    ทว่าโรงเรียนไม่ใช่เพียงสถานที่เดียวที่ไคโตะจะได้พบเธอ พ่อของเขาทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาดของบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ที่มีสวัสดิการคือบ้านพักแต่ละห้องให้กับพนักงานและครอบครัว ไคโตะไม่ใช่พวกสอดรู้ แต่แม่ที่เป็นแม่บ้านฟูลไทม์และมักใช้เวลาไปกับการจับกลุ่มพูดถึงผู้อยู่อาศัยห้องอื่นๆ ต่างหากที่จะคอยเอาเรื่องซุบซิบมาเล่าให้ฟัง ด้วยความที่มีนามสกุลเดียวกัน หากด้วยสถานะของบิดาที่ด้อยกว่ามากเพราะตำแหน่งพนักงานทั่วไป ครอบครัวสามคนพ่อลูกจึงได้ห้องอยู่ที่บ้านพักฝั่งตะวันตก และทำให้แม่ของเขาที่เก็บปากเก็บคำไม่ค่อยจะอยู่มักเผลอพูดจาอวดโอ่เวลาใครพูดถึงอีกครอบครัวนากามูระ ทั้งที่หล่อนก็หาได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ไคโตะจึงได้รู้ว่าเรย์ระเพิ่งย้ายมาจากฮาโกดาเตะ ดูเหมือนว่าคุณและคุณนายนากามูระจะแยกกันอยู่โดยไม่ได้หย่ามาหลายปี อย่างน้อยๆ ก็นานกว่าห้าปีที่คุณนากามูระ โทโมยะจะย้ายเข้ามาอยู่กับลูกชายเมื่อได้ตำแหน่งในบริษัท ให้ไคโตะที่อาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งชีวิตได้คุ้นหน้า กระทั่งแม่ของเธอเสีย เด็กสาวจึงได้กลับมาอยู่กับพ่อและพี่ชายในโตเกียวอีกครั้ง

    นากามูระ เรย์อะไม่ใช่แค่พี่ชาย...แต่คือพี่ชายฝาแฝดที่แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง อาจเว้นก็แต่ความเหินห่างซึ่งไคโตะมีต่อพวกเขาเท่านั้นที่เหมือนกัน

    แต่ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของคนทั้งสองจะไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกัน จนไม่ว่าใครก็ดูสถานะของพวกเขาไม่ออกหากไม่เอ่ยปากบอก อย่างไรทุกคนก็ยังสามารถนิยามคำว่าหน้าตาดีให้กับเรย์ระ ไม่ต่างจากพี่ชายฝาแฝดที่อยู่ต่างห้องและเป็นเด็กหนุ่มคนดังทั้งในโรงเรียนหรือตามหน้านิตยสารแฟชั่นได้ และการที่เด็กหนุ่มคนดังประจำห้องบีอย่างเจสซี่ ลูอิส ที่ไม่เคยมีทีท่าว่าสนใจใครมาก่อน จะเริ่มต้นแสดงออกว่าชอบเธอจนทำให้ไม่มีใครอยากเป็นคู่แข่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

    หากตลอดหกเดือนที่เพื่อนร่วมห้องทั้งสองต่างก็เป็นคนรักกัน ไคโตะก็ยัง ชอบ เรย์ระเหมือนเมื่อแรกพบอยู่ดี

     

    ไคโตะจำต้องกลับบ้านค่ำกว่าปกติ เพราะถูกเพื่อนในกลุ่มลากตัวไปงานเลี้ยงวันเกิดที่คาเฟ่ของเด็กผู้หญิงต่างห้องที่ชอบด้วยกันอย่างเสียไม่ได้ ตลอดระยะเวลาเหล่านั้น ความคิดของไคโตะก็เอาแต่ลอยละล่องไปถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นที่อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วยเลยก็จริง ทว่าอย่างไรเขาก็ไม่ควรนั่งเฉยแล้วปล่อยให้เธอถูกทำร้าย...หรือสติแตกเข้าไปทำร้าย...เด็กหนุ่มนักกีฬาแบบนั้น นั่นเป็นตอนที่ไคโตะสำนึกเสียใจขึ้นมาว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมลุกเข้าไปห้าม เรี่ยวแรงของเขาอาจเทียบกับเจสซี่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถเข้าไปดึงตัวเรย์ระออกมาจากความบ้าคลั่ง ไม่ก็แทรกกลางคนทั้งสองแล้วรับความเจ็บปวดนั้นไว้แทน เท่าที่คนอย่างเขาจะสามารถทำอะไรให้กับผู้หญิงคนที่เขาปรารถนาอยากจะปกป้องมาโดยตลอดได้

    ไม่ใช่การได้ยินเสียงตะโกนด่าทอกัน ระหว่างเส้นทางกลับบ้านเลียบแม่น้ำของสองพี่น้องอีกบ้านนากามูระอย่างที่ไคโตะไม่เคยคาดคิดถึง เรย์อะและเรย์ระไม่ใช่พี่น้องที่สนิทสนมกัน ไม่ว่าจะที่บ้านพักหรือที่โรงเรียน ไคโตะก็ไม่เคยเห็นทั้งสองคนจะเปิดปากพูดคุยกันหรือว่าอยู่ด้วยกันตามลำพังถ้าไม่มีพ่ออยู่ด้วย ถึงกระนั้นไคโตะก็ไม่เคยจินตนาการภาพเหตุการณ์เช่นนี้ออกมาเลยสักครั้ง

    “นึกอยู่แล้วว่าสักวันเธอจะต้องสร้างปัญหา”

    รวมถึงคำพูดและน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายที่เขาหรือใครๆ ในโรงเรียนก็ย่อมไม่เคยได้ยินจากเรย์อะ ซึ่งเปลี่ยนมาอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ พร้อมหอบหิ้วกระเป๋ากีตาร์เตรียมไปเล่นดนตรีในไลฟ์เฮาส์เหมือนทุกคืนวันศุกร์อื่นๆ ที่ไคโตะอาจไม่เคยไปดู แต่ความป็อปปูลาร์ของเรย์อะก็ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนผู้หญิงในห้องจะไม่เคยหยิบยกมาพูดถึงให้ได้ผ่านหู

    “ตัวไม่ได้โดนเองก็พูดได้สิ! ที่ฉันทำร้ายร่างกายเขา ยังไม่เท่ากับที่เขาทำร้ายจิตใจฉันเลยด้วยซ้ำ!”

    “แล้วมันคุ้มเหรอ!” เรย์อะสวนย้อนกลับไปด้วยเสียงตะโกนที่ขุ่นเคืองไม่แพ้กัน “มันคุ้มแล้วเหรอที่สร้างปัญหาให้พ่อต้องมานั่งเครียดแบบนี้!”

    “แล้วไง! อย่างกับว่าฉันอยากมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก!”

    “ถ้าไม่พอใจนักงั้นก็ไสหัวกลับฮาโกดาเตะไปซะสิ! แน่จริงก็กลับไปเลย! จะมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกทำไม!

    ไคโตะแน่ใจว่าไม่ใช่เพราะน้ำเสียงกราดเกรี้ยวจากถ้อยคำผรุสวาทเหล่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อความที่ดูเหมือนจะทำร้ายจิตใจเธอได้มากพอจนพุ่งตัวเข้าไปผลักคนตรงหน้าให้ซวดเซ ไม่มีคำพูดอื่นใดอีก แม้แต่คำสบถด่าทอเหมือนเมื่อเย็น ในตอนที่เธอจะวิ่งหนีผ่านมายังทิศทางที่เขายืนอยู่แทนที่จะหมุนตัวกลับบ้านไป และเรย์ระก็ทำในสิ่งที่ทำมาตลอด นั่นคือการไม่เคยเหลียวแลมองมาที่เขา

    การได้เห็นใบหน้าบึ้งตึงที่แสดงความโกรธเกลียดชังของเธอต่อผู้ชายอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากอดีตคนรัก สั่นคลอนปณิธานจนเขาทำได้แค่หยุดยืนนิ่ง แม้แต่ตอนที่เรย์อะซึ่งมีท่าทีหัวเสียไม่แพ้กันจะเดินหายลับไปคนละเส้นทางแล้วก็ตาม

    แต่เขาอยากจะเดินไปข้างหน้า เป็นได้แค่คนขี้ขลาดที่ไม่ยอมทำอะไร และจะไม่มีวันเป็นอะไรทั้งนั้นในสายตาของเธอแบบนี้ต่อไปจริงๆ น่ะหรือ?

    ไคโตะตัดสินใจไม่เสียเวลาฉุกคิดเพื่อหาคำตอบที่รู้แน่แก่ใจอยู่แล้วอีกต่อไป ขณะหมุนตัวรีบเร่งฝีเท้ากลับหลัง ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เขาจะได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวของวัตถุหนาหนักที่กระแทกเข้าหากันอย่างรุนแรง ตามมาด้วยเสียงแตรรถที่ดังต่อเนื่องยาวนานราวกับไม่ทีท่าว่าจะหยุด เช่นเดียวกับเสียงหวีดร้องด้วยความตื่นตกใจของผู้คน ถ้าขืนมันยังไม่ยอมเงียบเสียงลงไป อีกไม่นานเขาอาจจะสูญเสียการได้ยิน

    แต่การมองเห็นของไคโตะยังคงชัดเจนแจ่มแจ้ง ท่ามกลางผู้คนแตกตื่นที่แห่แหนกันเข้าไปรุมล้อม บ้างก็ถอยห่างออกมา หากไม่ได้หนีหายไปไหนเพราะอยากจะมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ตรงหน้า ความหวาดหวั่นที่แล่นปราดเข้ามาในชั่วขณะหนึ่งของเขาจะพลันเปลี่ยนไปเป็นความโล่งอกในตอนที่ได้มองเห็นเรย์ระยืนตัวแข็งค้างอยู่ริมถนน ดวงตาเบิกโพลงของเธอมองตามไปยังต้นเสียงที่รถกระบะพลิกคว่ำเพราะกระแทกเข้ากับราวกั้นซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่ดูเหมือนว่าต้นทางจะมาจากจุดที่เธอยืนอยู่ เมื่อมีรอยเลือดสีแดงบนพื้นปาดเป็นทางยาวอยู่เบื้องหน้า จากร่างของเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนที่ถูกล้อรถบดขยี้แล้วลากไปนอนจมกองเลือดในปริมาณมากพอที่จะเรียกว่าแอ่งเลือด แม้ไคโตะจะได้มองเห็นภาพนั้นแค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว มันก็ยังถือว่าเป็นภาพที่น่าสยดสยองสำหรับเด็กผู้ชายอย่างเขา

    อาจเช่นเดียวกับเด็กผู้หญิงอย่างเธอที่จะวิ่งหนีกลับมายังทิศทางเดิมนับแต่แรกเริ่ม พร้อมกับมือที่ยกขึ้นปิดปาก ไคโตะไม่จำเป็นต้องใช้เรี่ยวแรงมากนักในการไล่ตามเธอที่จะทรุดตัวลงไปบนพื้นสนามหญ้า เมื่อพ้นห่างออกมาจากเสียงแตรรถที่เปลี่ยนกลายเป็นเพียงสายลมที่แว่วแผ่ว

    “นากามูระ!”

    ใบหน้าของเธอที่เงยขึ้นตามเสียงเรียกของเขาบัดนี้เปื้อนเปรอะไปด้วยน้ำตา ไคโตะไม่เข้าใจเหตุผลของมัน หรือการกระทำของเธอต่อจากนี้ที่จะโผนเข้ามาหาเขาที่ย่อตัวลงอยู่เบื้องหน้า ไคโตะสัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาในตอนที่เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นซุกใบหน้าอยู่กับชุดนักเรียนของเขา และขณะที่เขายกมือขึ้นโอบกอดเธอไว้ด้วยความปรารถนาที่อยากจะปกป้องเธอมาตลอดอย่างแนบแน่น สิ่งที่เคยไร้รูปร่างก็พลันก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน ณ วินาทีนั้นเอง




    2

    ผ่านมาเกือบสามปีได้แล้วนับตั้งแต่แม่ของเธอแต่งงานใหม่กับผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ก่อนที่จะพาเธอโยกย้ายจากวากายามะเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว ยังบ้านพักบริษัทที่กว้างขวาง สะดวกสบายน่าอยู่ เมื่อเทียบกับบ้านหลังเล็กในย่านชุมชนเก่าที่ทั้งแออัด หนวกหู และน่ารำคาญ ไม่เคยมีความเป็นส่วนตัวเพราะการสอดรู้ของตากับยายที่จะคอยเปิดประตูห้องของเธอเข้ามาสอดส่ายสายตา ไม่ก็หาเรื่องรบกวนได้ไม่หยุดหย่อนอย่างไม่สนใจว่าจะเป็นเวลาเช้าค่ำ เช่นนั้นแล้วเด็กสาวอาโอะกับนามสกุลใหม่ว่ามาริคาวะ กับพ่อใหม่ที่ร่ำรวยและคอยให้การดูแลเป็นอย่างดีราวกับลูกในไส้ แต่ไม่เคยก้าวก่ายอิสรภาพใดๆ จึงแสนดีอกดีใจเป็นนักหนาที่สามารถหลุดพ้นช่วงเวลาอันแสนขื่นขมเหล่านั้นมาได้เสียที

    ไม่เพียงเท่านั้น เมื่ออาโอะจะได้ทำความรู้จักกับนากามูระ ไคโตะ เด็กหนุ่มอายุเท่ากันที่เป็นลูกชายหัวหน้าของพ่อเธอ หากก็ไม่ได้มีบรรยากาศความตึงเครียดอยู่รายล้อมรอบอย่างที่พ่อของเธอรู้สึกกับนากามูระผู้พ่อ เมื่อไคโตะจะคอยเอ่ยปากทักทายพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ ด้วยความเป็นมิตรเสมอในทุกครั้งคราวที่พบหน้าโดยไม่มีการถือตัว แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะเรียกว่าสนิทสนม ทั้งจากการที่เธอเรียนอยู่คนละห้องกับเขาไม่ว่าจะตอนมัธยมต้นหรือเลื่อนขึ้นชั้นไฮสคูล ไหนจะตารางเวลาที่ก็ใช่ว่าจะตรงกัน เมื่ออาโอะจะตื่นนอนไปโรงเรียนแต่เช้าตรู่ และกลับบ้านตอนเย็นย่ำถึงดึกดื่นเสมอจากกิจกรรมชมรมไม่ก็การเที่ยวเตร่กับกลุ่มเพื่อนๆ ขณะที่ไคโตะมักจะมาสายให้ได้เป็นที่เอือมระอาของอาจารย์เวรอยู่บ่อยครั้ง และจะตรงดิ่งกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียนเพราะไม่ได้สังกัดชมรมไหน ไม่บ่อยนักที่อาโอะจะได้เจอเขาในย่านศูนย์การค้าที่ร้านอาหารครอบครัวหรือไม่ก็เกมเซนเตอร์กับกลุ่มเพื่อนสนิทที่เป็นชายล้วน ส่วนวันหยุดไม่ว่าจะสุดสัปดาห์หรือปิดเทอมก็ดูเหมือนเขาจะขลุกอยู่แต่ในห้องกับเกมคอนโซล — ตามที่ได้ยินแม่ของเขาเอามาเล่าให้คนในบ้านพักฟัง — โดยแทบไม่ได้ออกจากห้องเกือบตลอดทั้งวัน ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาดำเนินเดินไปในแบบแค่คนรู้จักที่คุ้นหน้าค่าตากันเพียงเท่านั้น และอาโอะก็ไม่ได้ดิ้นรนอยากทำความรู้จักไคโตะให้มากไปกว่าที่เป็นอยู่ อย่างน้อยๆ ก็จนกระทั่งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมา

    นั่นคือตอนที่ไคโตะจะมาเคาะประตูหน้าบ้านเธอ ซึ่งกำลังจมจ่อมอยู่กับหนังสือที่เช่ามาอ่านและดีวีดีที่เช่ามาดูได้ทุกวี่วันเพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีก กลุ่มเพื่อนชายหญิงก็เลือกใช้เวลาไปกับคู่รักของตัวเอง เหลือแค่อาโอะคนเดียวที่ยังโสดและมุทำการบ้านกองพะเนินจนเสร็จตั้งแต่สัปดาห์แรก เพื่อที่จะได้ใช้อีกหลายสัปดาห์ที่เหลือไปกับความสนุกสนานของวันหยุดที่เฝ้ารอคอยในทีแรก ก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นความเบื่อหน่ายในภายหลัง และการได้เห็นรอยยิ้มขัดเขินของไคโตะอยู่หลังบานประตู ขอให้เธอที่มีผลการเรียนดีช่วยสอนการบ้านที่เขาค้างไว้เป็นดินพอกหางหมูกับเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม ก็จะทำให้อาโอะพยักหน้าตอบตกลงด้วยความเต็มอกเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

    ไคโตะชวนเธอไปที่ห้องของครอบครัวเขา แม้จะหมายถึงแค่ส่วนของห้องนั่งเล่นที่หรูหรากว่าห้องของเธอก็ตามที ดูเหมือนว่าวิชาการของเขาจะย่ำแย่มากจนความตกใจเปลี่ยนกลายเป็นความชวนหัว ถึงอย่างนั้นอาโอะก็ไม่ได้เหนื่อยหน่ายใจที่ต้องสอนเขา หรือพูดให้ถูกคือเฉลยคำตอบให้เขาง่ายๆ เลย อาจเพราะรอยยิ้มน่ารักกับคำพูดสนุกสนาน เธอถึงได้ต้านทานไม่อยู่ ถึงขนาดสลัดใบหน้าของเขาออกจากความคิดไม่พ้นกระทั่งเก็บเอาไปฝันด้วยเรื่องที่น่าอาย อย่างที่อาโอะในชีวิตจริงก็ยังไม่เคยได้ทำกับใคร

    แต่หลังจากวันเปิดภาคเรียน ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ครรลองของมันในแบบที่เคยเป็น อาจเว้นก็แต่ความรู้สึกของเธอเอง

    ถึงอย่างนั้นอาโอะก็ยังคงอดทนกับการแอบรักและเฝ้ามองเขาเพียงข้างเดียวแบบนี้ได้ ตราบเท่าที่ไคโตะจะยังคงไม่มีใคร ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบใคร หรือว่าจะมีเด็กคนไหนมาชอบเขาที่ก็ดูไม่ค่อยจะเอาไหนเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในโรงเรียน

    กระทั่งระหว่างเส้นทางเลียบแม่น้ำกลับบ้านที่อาโอะได้มองเห็นไคโตะโอบกอดเด็กผู้หญิงคนอื่นเข้ากับตาจริงๆ ก็จะทำให้หัวใจของเธอแหลกสลายจากความรักที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกกับเขาได้มากมายขนาดนี้จนแทบไม่มีชิ้นดี

     

    อาโอะรู้จักนากามูระ เรย์ระ ในฐานะน้องสาวฝาแฝดของเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมที่พักบริษัทอย่างเรย์อะ — ซึ่งสามารถคุยเล่นหัวกันได้จากความชอบในดนตรีเหมือนๆ กัน และคนรักของเจสซี่ — เพื่อนสนิทต่างห้องของเพื่อนผู้ชายในกลุ่มอย่างชินทาโร่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยมากพอจะคว้าใจเด็กหนุ่มคนดังที่สุดในชั้นเรียน หรืออาจจะในโรงเรียนไปได้อย่างไม่มีข้อกังขา แต่ไม่มีใครที่ไม่มีข้อเสีย เมื่อความสมบูรณ์แบบของคู่รักจะแลกมาด้วยนิสัยหึงหวงเกินไปของหล่อนที่ไม่ว่าใครต่างก็รับรู้และดูออกจากการคอยตามติดเขาต้อยๆ ไปแทบทุกที่ ก็เรียกได้ว่าไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ถ้าหากวันหนึ่งมันจะแตกหักลงไป แม้จะหมายถึงทางร่างกายที่เพิ่งจะเกิดขึ้นตอนเย็นวันนี้ พร้อมกับการที่เจสซี่จะด่าทอเรื่องอดีตคนรักอย่างยาวเหยียดให้ชินทาโร่กับเธอที่ถูกลากไปด้วยทั้งที่ไม่ได้เต็มใจนักฟัง จนแม้แต่อาโอะที่ไม่เคยตั้งแง่กับหล่อนเพราะไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรเป็นการส่วนตัวมาก่อนจะอดรู้สึกอคติขึ้นมาไม่ได้

    และการได้เห็นหล่อนกับผู้ชายคนที่เธอรักก็จะทำให้ความรู้สึกของอาโอะแปรเปลี่ยนไปเป็นความเกลียดชัง แค่เพราะหล่อนผิดหวังกับความรักเลยเที่ยวโอบกอดกับใครก็ได้...และใครก็ได้ก็คือเพื่อนร่วมห้องคนที่อาโอะเห็นว่าเรย์ระไม่เคยมีสายตาไว้เหลือบแลมองในทุกครั้งคราวที่เดินสวนทางกัน แม้จะเป็นตอนที่หล่อนกลับบ้านมาตามลำพังโดยไม่มีเจสซี่อยู่ด้วยเหมือนที่โรงเรียนหรือตามศูนย์การค้าก็ตาม

    เหมือนกับที่ไคโตะเองก็ดูจะไม่เคยให้ความสนใจกับเด็กผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ ไม่แม้แต่เรย์ระที่เธอไม่เคยนึกหวาดระแวงสักเพียงเสี้ยววินาทีเดียว

    ก่อนที่อาโอะจะตระหนักได้ว่า หรือไม่เขาก็อาจแค่พยายามไม่ให้ความสนใจเพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นมีคนรักอยู่แล้วก็ได้

     

    อาโอะไม่รู้ตัวเลยว่าเดินออกห่างจากบ้านมาจนถึงไหน หรือว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว คล้ายกับว่าทุกอย่างจะพลันว่างเปล่าขึ้นมา ไม่ว่าจะความรัก ความเจ็บปวด หรือความรู้สึกอื่นใดที่มนุษย์พึงมี บางทีถ้ามันจะหายไปตลอดกาลเลยก็คงดี

    ก่อนฝีเท้าของเธอจะผ่อนช้าลงในตอนที่ได้ยินเสียงดนตรีแว่วดังมา แล้วหยุดลงอยู่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มผมสีทองที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ริมถนน โดยไม่สนใจว่าผู้คนนับร้อยพันที่เดินผ่านไปมาจะหยุดยืนฟังเหมือนกับเธอหรือไม่ ถึงจะเป็นเพียงท่วงทำนองและคอรัส อาโอะก็จำได้ว่ามันคือเพลง เดียเรสต์ เลิฟของลาร์ค-ออง-เซียล วงดนตรีที่เธอรัก ถึงชายผู้เป็นที่รักของเธอจะไม่ได้รักมันมากเท่ากับเธอ เพราะเขามีซิงเกิลของวงนี้อยู่ในห้องแค่ห้าแผ่น และทุกแผ่นก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงประกอบการ์ตูนที่เขาดู ไม่ก็เกมที่เขาเล่นเท่านั้น แต่เมื่อเธอประหวัดนึกไปถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ว่า ทำไมหัวใจของฉันที่รักเธอเหลือเกินถึงได้แตกสลาย ขอบตาของเธอก็พลันรู้สึกถึงความร้อนรื้น ใบหน้าที่เคยซีดขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เช่นเดียวกับเนื้อตัวที่สั่นเทาเพราะพยายามกดกลั้นมันเอาไว้ ดวงตาที่มัวพร่าของเธอทอดเลยไปไกลแสนไกลยังวันวานที่ไม่อาจหวนย้อนกลับคืนมา จนไม่อาจมองเห็นภาพเบื้องหน้าที่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะกำลังแหงนเงยขึ้นมองดูผู้ชมเพียงคนเดียวในโมงยามนี้

     

    泣かないで泣かないで 大切な瞳よ

    ดวงตาที่แสนล้ำค่าคู่นั้น อย่าร้องไห้สิ อย่าร้องไห้ไปเลย

    悲しさにつまずいても真実を見ていてね

    ต่อให้ความโศกเศร้าจะมาเยือน ก็เผชิญหน้ากับความเป็นจริงเถิดนะ

    そのままのあなたでいて

    ยืนหยัดเข้าไว้

     

    ที่สุดแล้วน้ำตาที่กักเก็บไว้ของเธอก็จะไหลลงมาอย่างไม่อาจห้าม แต่อาโอะรู้ว่าไคโตะจะไม่เป็นไร เพราะเขาได้มอบฝ่ามือที่อบอุ่นเฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนให้กับคนที่เขาปรารถนาไปแล้ว เหมือนกับที่เธอก็รู้ว่าตัวเองจะไม่เป็นไร เพราะเมื่อไหร่ที่ได้รับการเยียวยา แล้วชิ้นส่วนจะต่อเติมกลับมาได้เอง












    2021年08月14日
    _______________
    ★ มิติใหม่คือมึงได้เห็นรูปก่อนกูเอาฟิคลง และยังจะมีรูปก่อนฟิคให้มึงได้เห็นอีกต่อไปในอนาคต ก๊ากๆ เอาจริงนักวาดกูทุกคนก็เอารูปลงก่อนหมดแหละแค่มึงไม่ได้เห็นเพราะเค้าอยู่ในเฟสน่ะ 55555 ขอบคุณภาพที่สวยเป๊ะปังจากคุณ doly ที่กูอยากได้งานภาพที่ดูให้ความเป็นญี่ปุ่นยุคเก่าๆ จนไปเจอเค้านี่แหละ (กูว่าได้อยู่นะ หรือมึงคิดเห็นยังไง) เล่าหน่อยว่าตอนแรกอาโอะจะได้อยู่โรงเรียนอื่นกูเลยให้ใส่คนละชุด แต่เอาวะ ชุดสีแดงคิดซะว่าฟีลร็อค ใครจะทำไม 55555 แต่ชุดนักเรียนในเรื่องจริงๆ คือแบบของเรย์ระ เวลาไปเรียนก็ใส่รองเท้านักเรียนปกติกันหมดนั่นแหละ แค่ในรูปกูต้องการความหวือหวา ความร็อค เลยให้ใส่รองเท้าบู๊ตกับส้นหนาๆ ในเมื่อมันเป็นรูปหน้าปก กูอยากจับแต่งตัวละครเว่อร์แค่ไหนก็ได้ไหมล่ะ ส่วนฉากตึกก็พอจะอนุมานได้ว่ามันคือบ้านพักของทั้งสองคนนี้ และที่เลือกใช้สีน้ำเงินเป็นโทนฟิคเรื่องนี้เพราะเกลย์มาจากเมืองหนาว มันก็ต้องวูบๆ เย็นๆ เหมือนกับที่ฟิคเรื่องนี้อ่านแล้วเราจะรู้สึกเย็นใจ (และชื่อของอาโอะที่มึงส่งมาซึ่งก็บังเอิญแปลว่าสีฟ้าพอดี ว้าว)
    ขอระบายว่าช่วงนี้งานรุมเร้าเยอะมากแม่เย้ด ที่แต่งไว้เป็นสิบๆ เรื่องก็มีแค่ท่อนต้นร้อยกว่าคำ ทีนี้ตอนต้นเดือนกูทำงานไปเบื่อๆ เลยกดดูคอนฯเกลย์ในยูทูบไปแล้วก็เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ต้องบอกให้โลกรู้ว่านี่คือวงร็อควงแรกที่รักตั้งแต่สมัยประถมโว้ย! เป็นวงที่พอกลับมาฟังเพลงเก่าๆ ตอนโตแล้วดันอินกว่าที่คิด สงสัยวัยมันได้กับฟีลเพลงแล้วว่ะ แต่เนื้อเรื่องจะดำเนินช่วงไฮสคูลในยุคสองพันกลางๆ (ตีไปเลยว่า 2008 เพลงประกอบของเกลย์กูอาจกระโดดข้ามปี แต่ในเรื่องจะไม่มีทั้งหนัง เพลง ฯลฯ ข้ามปีแน่นอน) เพราะตอนเพิ่งรู้จักเกลย์เราก็อยู่ในช่วงวัยเรียน ฟังแล้วหวนนึกถึงวันวานเลยอยากเรียกความรู้สึกของช่วงที่บ้าญี่ปุ่นสมัยนั้นให้หวนรำลึก ชื่อเรื่องมาจากชื่อเพลงของเกลย์ ตอนแรกจะมีแค่เกลย์นี่แหละ แต่อยู่ๆ มึงก็มาพูดเรื่องลาสต์ควอเตอร์ (ก่อนเอามิไรลง) กูที่ยังวางพล็อตให้อาโอะไม่ได้ก็ปิ๊งแว่บขึ้นมา เลยคิดว่างั้นให้ฝั่งเรย์ระเป็นเกลย์ (อุมิที่ร้องวินเทอร์, อะเกน) ฝั่งอาโอะก็เป็นลาร์ค (ไทกะที่ชอบวินเทอร์ฟอลล์) ไปเลยสิวะ! ที่จริงกูก็ยังคิดอยู่ดีว่าเจสซี่เหมาะกับอดัม แต่พอพูดถึงลาร์คก็นึกถึงไทกะ แล้วพอกูนึกว่าถ้าไทกะร้องเพลงของป๋าจะเป็นยังไงก็เลยไม่ได้ละ อิจิบังของกูก็จริง แต่เพื่อแฟนลาร์คอย่างมึงแล้วกูแบ่งปันให้ได้เว้ยเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้นพี่เจสซี่ก็ยังเด่นอยู่นะ ฝรั่งๆ / ลืมโม้ว่าเรย์ระมาจากฮาโกดาเตะเพราะเป็นบ้านเกิดของเกลย์ ส่วนอาโอะมาจากวากายามะในคันไซเหมือนป๋าไฮด์จ้า
    ★ พล็อตบางส่วนมาจากเรื่องชิตโตะที่เคยแต่ง เพราะอย่างน้อยก็เป็นแรงบันดาลใจให้ฟิคจากเกลย์ครั้งหนึ่ง ฉะนั้นบ้านพักบริษัทมันจะวนเวียนอยู่กับเราแบบนี้แหละ เพราะกูชอบจริง นึกภาพจากไลฟ์แอคชั่น Hot Gimmick: Girl Meets Boy ได้เลย เป๊ะ เผื่อมึงนึกไม่ออกก็ไปกูเกิ้ลดู สะพานริมน้ำอะไรก็มี (มันก็คือเฮาส์ซิ่งคอมเพลกซ์ที่แปลไทยยังไงก็ไม่ถูกใจ ฟีลอพาร์ตเมนต์มากกว่าแต่อยากใช้คำว่าบ้าน ก็เลยเลือกเป็นบ้านที่เป็นห้อง งงไหม งงก็งงต่อไป แต่ก็หรูหราไปตามตำแหน่ง) ถึงแม้ว่าตัวหนังจะ cringe มาก ขนาดนี่ที่ชอบฮิโรยะกับมิซึกิฉิบหายยังขนลุก พล็อตก็บ้าบอมาตั้งแต่เวอร์ชั่นมังงะ แต่ฉากสวยจริง ดนตรีก็เพราะมาก งานภาพก็สวยมาก สวยโคตรๆ สวยที่สุด (กูย้อนไปอ่านทวิตเก่าที่ดูเรื่องนี้ตอนลงนฟวันแรกเลย แล้วกูก็เขียนว่าชอบมาก ชอบเนื้อเรื่อง ชอบฉากรักถึงมันจะ cringe แต่ชอบมาก กรี๊ดมาก กูเหม่อ) / ชื่อเพลงโดโดคาฯ แปลได้ว่า 'ไปยังที่อื่นซึ่งไม่ใช่ที่นี่' (ส่วนมึงไปไกลๆ อุมิกูเลย) ส่วนชื่อตอนมาจากเพลงของโคจังที่ประกอบละครเรื่องอยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลกที่เคยฉายทางช่องไอทีวี แปลได้ว่า 'สิ่งที่ก่อตัวเป็นรูปร่าง' แล้วก็บังเอิญที่กูเลือกเพลง Pieces มาให้ไทกะร้องเพราะเนื้อเพลงท่อนต้นที่บอกว่าอย่าร้องไห้เฉยๆ ส่วนเดียเรสต์เลิฟกูแค่เลือกเพราะตอนท้ายจะให้ไทกะเล่นกีตาร์ยาวๆ ไป แต่พอคิดว่าจะให้อาโอะคิดถึงเนื้อเพลงแล้วก็มีคำว่าแตกสลายพอดี เฮ้ย! มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว! ส่วนแผ่นซิงของลาร์คในเรื่องที่อุมิซื้อมีเรดี้ฯ, เดย์เบรคฯ, ลิงค์, สปิริตดรีมส์ฯ (ไฟนอลภาคเดอะสปิริตส์วิทอินที่แม่พาเราไปดูในโรงแล้วคนเต็มโรงเลย สมัยรุ่งเรืองเพราะเกมไฟนอลเจ็ดแปดเก้า จำได้ U_U) แล้วก็ดริงค์อิทดาวน์ (เดวิลเมย์ครายสี่)
    ★ ที่เลือกชื่อเรย์ระเพราะเกลย์มีเพลงชื่อ Layla (เดอะกาเซตต์ก็มีเพลงชื่อ Reila และอุมิก็ชอบเพลง GLAMOROUS SKY ที่ประกอบเรื่องนานะซึ่งก็มีตัวละครชื่อเรร่า อันหลังไม่เกี่ยวหรอกแต่กูจะให้เกี่ยวเอง และนิสัยของเรย์ระในฟิคนี้ก็คือฮาจิมากกว่า สวัสดี) แล้วทีนี้ก็เอ้า! มันเอามาคล้องกับเรย์อะได้นี่! (แต่คันจิคำว่าเรย์ใช้ตัวที่แปลว่าสวย ส่วนระนี่บังเอิญมีตัวที่แปลว่าระฆังที่เข้ากับชื่อเรื่องได้พอดี) แล้วไหนๆ เราก็มีวงแบนด์ที่เวลาเล่นดนตรีก็โคตรจะร็อคแล้ว งั้นก็เอาเซเว่นเม็นมาเด่นสักเรื่องเลยแล้วกัน ตอนแรกจะวางให้เรย์อะเป็นว่าที่พระเอกอีกคนของเรย์ระด้วย และจะเป็นแค่พี่น้องที่พ่อแม่แต่งงานกัน (อ๋อเอามาจากเรื่องฮอตกิมมิคนี่แหละ แล้วไงอ่ะ คงไม่ต้องมานั่งเตือนเป็นเรื่องๆ เพราะเขียนตั้งแต่หน้าบทความแล้วว่าคนแต่งเหี้ย พล็อตเลยเหี้ยหมด ทั้งพี่น้อง ครูอาจารย์ คบชู้อีกเป็นล้านเรื่อง งั้นก็ไม่น่าจะอ่านสักเรื่องในบทความนี้ได้ตั้งแต่แรกนะถ้าเป็นคนดี๊ดีขนาดนั้น คิดว่าไงอ่ะ ไม่อยากเป็นพวกขี้ครอกก็อย่ามือถือสากปากถือศีล เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง มาตอดเล็กตอดน้อยจิ๊กโน่นก๊อปนี่ในฟิคเหี้ยๆ ที่แม่งเอาไปแอบแซะเลย อายแทน) แต่สุดท้ายก็เลือกเปลี่ยนเป็นอีกคนเพราะเซชุนอามีโกในโชคุระ พี่น้องเลยอดได้กันค่ะ :p / ปล. ที่จริงกะเอาคาแรคฯมาลงด้วย แต่ยังคิดบทไม่ลงตัวสักที แต่ก็บอกล่วงหน้าเลยแล้วกันว่ามึงจะได้เห็นรูปคอมมิชจากเรื่องนี้ก่อนอีกรูปแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไร งานสวยก็อยากโชว์ เอาไว้กูค่อยมาเมาท์มอยเรื่องบรีฟตั่งต่างในฟิคทีหลังก็ได้ไม่รีบ ขำๆ 55555
    ★ คันปากขอสปอยล์เลยแล้วกันว่าเหตุการณ์จะเริ่มขึ้นจากการตายของเด็กผู้หญิงคนนี้แหละ แต่พูดมากกว่านี้ไม่ได้แล้วกรี๊ดๆๆ และถึงจะก็อปโมริมึงมา แต่ก็ยังยืนยันว่าฟิคเรื่องนี้คือแนวดราม่าธรรมดาทั่วไป ฟีลละครญี่ปุ่นช่อง WOWOW พล็อตไม่มีต่ำตมแบบชิองมึงแน่นอนจ้า (มึงด่าว่ากูแต่งมาจากนิยายคุณมินะโตะไม่ใช่หนังชิอง แถมก็อปกูแล้วยังมีหน้ามาด่ากูอีสัส สันดาน)
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×