คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : Sloth
We drag ourselves out of bed every day
เราลากตัวเองลงจากเตียงทุกวัน
Brush our teeth and hair
แปรงผมและแปรงฟัน
Put on the best face
สวมใบหน้าที่ดีที่สุดของเรา
Embarrassed by the
boss
โดนเจ้านายทำให้ขายหน้า
Not early? Then you're late
ไม่ได้มาก่อนเวลา? ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่ามาสาย
Disappointed teacher
คุณครูผิดหวัง
Angry classmates
เพื่อนในห้องก็อารมณ์เสีย
Back home,
time to scroll away
กลับบ้านก็ได้เวลาเลื่อนโทรศัพท์
And get shit on for every selfie you take
และโดนสังคมเยาะเย้ยบนเซลฟี่ทุกรูป
Every point you make
ทุกสิ่งที่พยายามสื่อ
Every word you say
ทุกคำที่กล่าวออกไป
Wanna escape?
อยากหนีไหม?
Somewhere far away
ไปที่แสนไกล
You stared at my avocado toast
เธอจ้องขนมปังปิ้งหน้าอโวคาโดของฉัน
Won't leave me alone
ไม่ยอมปล่อยฉันสักที
I took a bite and swallowed
ฉันกัดและกลืน
Another dose of your ego*
อีกหนึ่งครั้งที่ต้องฝืนรับอีโก้ของเธอ
Silently silently
อย่างเงียบงัน
The words steep
คำพูดอาบร่าง
Violently violently
อย่างรุนแรง
Sink into me
จมลงในกาย
'Cause everyone wants to be a judge
เพราะทุกคนอยากเป็นฝ่ายตัดสินคนอื่น
They'll never admit that you're enough
พวกเขาจะไม่มีวันยอมรับว่าเธอดีพอ
Pretend there's no one around but yourself
ลองทำเป็นว่าไม่มีใครอื่นนอกจากตัวเธอเองสิ
See? In the mirror
เห็นไหม? ในกระจกนั่น
There's a sloth
มีสลอธอยู่ตัวหนึ่ง
With an awkward blackened smile
พร้อมรอยยิ้มเงอะงะที่กลายเป็นสีดำ
It's fine you can't love yourself
ถ้ารักตัวเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
But can't you love a sloth?
แต่รักสลอธไม่ได้เหรอ?
So the other day I was on YouTube
พอดีวันก่อนฉันเข้ายูทูป
Listening to a song I really like
ฟังเพลงที่ชอบมากเพลงหนึ่ง
Though usually I don't look that far
ถึงปกติจะไม่ได้สนใจอ่านความเห็นมากมาย
A comment stood out to me
แต่คอมเมนต์หนึ่งก็ดึงสายตาไว้
It was a 10-year-old
มันเป็นของเด็กสิบขวบ
Having suicidal thoughts
ที่คิดฆ่าตัวตาย
And the guy below was like
และคนมาตอบก็บอกว่า
"Same, I'm 12"
“เหมือนกัน ฉันสิบสอง”
And the whole thing made me extremely sad
และทั้งหมดนั่นทำให้ฉันเศร้ามาก
I thought
ฉันคิดว่า
How long would the future last?
อนาคตจะอยู่ได้อีกนานเท่าไรกัน?
Rest in peace
หลับให้สบาย
Memento mori**
ระลึกไว้ว่าเราต้องตาย
This shall be the end
นี่จะเป็นจุดจบ
Of our friendship
ของมิตรภาพของเรา
Relationship
ความสัมพันธ์ของเรา
Ship ship shit ship***
พันธ์ พันธ์ พัน พันธ์
Silently silently
อย่างเงียบงัน
The words steep
คำพูดอาบร่าง
Violently violently
อย่างรุนแรง
Sink into me
จมลงในกาย
I find others tiring to be around
ฉันรู้สึกว่าพออยู่กับคนอื่นแล้วก็เหนื่อยใจ
Am I doomed to be alone?
นี่ฉันถูกลิขิตให้อยู่โดดเดี่ยวตลอดหรือ?
I find myself difficult to love
ฉันรู้สึกว่ามันยากที่จะรักตัวเอง
Though I gotta say
แต่ฉันก็ต้องพูดเหมือนกันว่า
I don't hate it this way
แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
Isn't it more comfortable to let yourself go?
มันไม่สบายกว่าหรือที่จะปล่อยตัวเองบ้าง?
Than forming your physique to their critique
แทนที่จะปั้นร่างกายตามแบบที่พวกเขาติเตียน
Can't you hear the cries
ไม่ได้ยินเสียงร้อง
Coming from the mirror
ที่มาจากกระจกหรือ?
There's a sloth
มีสลอธอยู่ตัวหนึ่ง
With an awkward blackened smile
พร้อมรอยยิ้มเงอะงะที่กลายเป็นสีดำ
It's fine you can't love yourself
ถ้ารักตัวเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
But can't you love a sloth?
แต่รักสลอธไม่ได้เหรอ?
* อีโก้ ถ้าแปลตามแบบทั่วไปก็จะแปลว่า “อัตตา”
หรือ “ความทระนงตน” หมายถึงคนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่ฟังคนอื่น ส่วนถ้าแปลในแบบจิตวิทยาจะหมายถึงส่วนของจิตใจที่คอยปรับสมดุลระหว่างความต้องการตามสัญชาตญาณ
(Id) เช่น ความกระหาย
ความรุนแรง และส่วนที่เป็นศีลธรรมและจริยธรรม (superego) ในเพลงนี้น่าจะหมายถึงแบบแรก
เราไม่ค่อยแน่ใจว่าท่อนขนมปังอโวคาโดหมายถึงอะไร
แต่ที่เข้าใจคือตัวคนร้องใช้ขนมปังอโวคาโด(ซึ่งเป็นอาหารสุขภาพ)เป็นตัวแทนความเห็นของ
“เธอ” ในเพลง(ซึ่งก็คือสังคม) ว่า นี่นะ เธอต้องกินอาหารดีๆ มีหุ่นดี รูปร่างดีนะ
การบังคับให้คนร้องกินขนมปังอโวคาโดก็เหมือนบังคับให้กล้ำกลืนอีโก้ของสังคม
จ้องจนกว่าเธอจะกิน ทำนองนั้น (แต่เราไม่รู้ว่าทำไมเค้าใช้ว่า ขนมปังปิ้งอโวคาโดของฉัน
คือ คนร้องโดนบังคับให้ไปหาขนมปังนี่มากินเหรอ?)
**เมเมนโต โมรี สำนวนเท่ๆ ภาษาละตินที่แปลว่า “จำไว้ว่าคุณต้องตาย”
และหมายถึงสัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องระลึกถึงความตายของคน เช่น หัวกะโหลก ยมทูต
*** ตรงนี้ Mili เล่นคำว่า Ship กับ Shit เหมือนจะบอกว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่มันเชี่ยมาก
เราเลยใส่คำว่า “พัน” ไปเพราะบางทีความสัมพันธ์ที่เรามีกับคนไม่ดีก็เหมือนเชือกที่พันเราไว้จนทำอะไรไม่ได้
ความคิดเห็น