คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : บทที่ 20 : ฟ้าผ่าบนหอคอย
ภบทที่ 20 : ฟ้าผ่าบนหอคอย
**กรุณาเปิดเพลงเพื่อเพิ่มอรรถรส**
ทั้งสามคนแยกกันกลับไปที่ห้องนั่งเล่น
เฮเลนเดินอย่างเร็วรี่ไปหยิบน้ำยานำโชคของตัวเองยัดใส่มือเฮอร์ไมโอนี่ในระหว่างที่แฮร์รี่กำลังเล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกเขาฟัง
เธอย้ำให้ทุกคนใช้น้ำยานำโชคหลังจากที่เธอไป
เพราะเฮเลนสังหรณ์ว่ามันจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน สิ่งที่ดีกว่านั้นคือเธอไม่ลืมที่จะแบ่งมันออกมานิดหนึ่งเพื่อใครบางคนด้วย
พวกเขากลับมารวมตัวอีกครั้งในห้องโถงใหญ่
เธอบังคับให้แฮร์รี่กับเดรโกจิบน้ำยานำโชคคนละนิดและสุดท้ายเธอก็จิบเป็นคนสุดท้าย
มันหมดขวดพอดี ดัมเบิลดอร์คอยอยู่ข้างประตู้ไม้โอ๊ก
แฮร์รี่เหวี่ยงผ้าคลุมล่องหนคลุมตัวสามคนยกเว้นดัมเบิลดอร์
เอาจารย์ใหญ่เดินนำออกไปนอกปราสาท
แฮร์รี่อยากจะเปิดบทสนทนาใจแทบขาดแต่เฮเลนจุ๊ปากไม่ให้เขาพูดอะไร
พวกเขาเดินไปสู่ฮอกส์มี้ด
ความมืดเริ่มแผ่ลงมาและเมื่อมาถึงถนนใหญ่ราตรีก็เข้ามาเยี่ยมเยือน
และเมื่อใกล้ร้านไม้กวาดสามอันพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังๆ
“อย่ากลับมาอีกล่ะ!!”
มาดามโรสเมอร์ทาพูดพลางโยนพ่อมดหน้าตามอมแมมออกมาจากร้าน “สวัสดีค่ะ อัลบัส
ออกมาดึก0จังนะคะ”
“สายัณห์สวัสดิ์โรสเมอร์ทา
ขอโทษนะ วันนี้ฉันจะไปร้านหัวหมู อย่าโกรธกันล่ะ”
นาทีต่อมาพวกเขาก็เลี้ยวหัวมุมไปในซอยซึ่งป้ายร้านหัวหมูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ
ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัด ร้านขายเหล้านี้ว่างเปล่าตรงกันข้ามกับร้านไม้กวาดสามอันอย่างสิ้นเชิง
“เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปหรอก”
ดัมเบิลดอร์พึมพำ “วางมือบนแขนฉัน -- ใครก็ได้ -- แล้วพวกเธอก็จับมือกันไว้ให้แน่นล่ะ
ฉันเพียงแค่นำทางให้พวกเธอไปด้วยเท่านั้น นับสามนะ หนึ่ง... สอง... สาม”
เฮเลนกลั้นหายใจวูบ ความรู้สึกเหมือนถูกบีบผ่านท่อยางหนาๆ อีกแล้ว เธอหายใจไม่ออกเลย เธอคิดว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจตายแล้ว และในที่สุดสองเท้าก็วางลงบนพื้นแข็งๆ ยืนอยู่ในความมืดเย็นฉ่ำ สูดอากาศที่มีแต่ไอเค็มเข้าเต็มปอดจนแทบสำลัก
เสียงคลื่นซัดสาด
สายลมเย็นเยียบพัดผมของเธอปลิวสยาย
แฮร์รี่เก็บผ้าคลุมล่องหนพลางมองไปยังทะเลที่อาบไล้ไปด้วยแสงจันทร์และท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว
พวกเขายืนอยู่บนยอดโขดหินสีดำทะมึน น้ำแตกเป็นฟองและปั่นป่วนอยู่เบื้องล่าง
หน้าผาสูงลิบตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
“พวกเธอคิดว่าไง”
ดัมเบิลดอร์ถาม ราวกับจะให้ตอบว่ามันเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปิกนิกหรือไม่
“มันไม่น่าเป็นสถานที่พักผ่อนนะ”
เดรโกว่า
“พวกเขาไม่ควรพาเด็กๆ
มาที่นี่” เฮเลนต่อ
ทั้งสามนึกไม่ออกเลยว่าจะมีที่เที่ยวใดที่น่าเพลิดเพลินน้อยกว่าที่นี่อีกไหม
“ไม่ใช่ตรงนี้หรอก”
ดัมเบิลดอร์บอก “มีที่คล้ายๆ หมู่บ้านอยู่ระหว่างทางมาหน้าผาข้างหลังนี่
ฉันเชื่อว่าพวกเขาพาเด็กกำพร้าไปที่นั่นเพื่อรับลมอากาศจากทะเลนิดหน่อย
ฉันคิดว่ามีแค่ทอม ริดเดิ้ลและเหยื่อผู้เยาว์ของเขาเท่านั้นที่มาถึงที่นี่”
ทั้งสามคนมองไปยังผาอีกครั้ง
ขนลุกชูชัน ดัมเบิลดอร์เรียกพวกเขาให้ไปที่ขอบหิน ซึ่งมีหลุมขรุขระคมๆ
ทอดต่อกันเป็นแนว เป็นการไต่ลงที่อันตรายมาก หินก้อนล่างๆ นั้นลื่นเพราะน้ำทะเล
หยดน้ำเค็มๆ เย็นๆ กระเซ็นมากระทบใบหน้า
“พวกเธอเห็นไหม” ดัมเบิลดอร์พูดเบาๆ พลางชูไม้กายสิทธิ์ติดไฟขึ้นสูง เฮเลนมองเห็นรอยแยกเป็นช่องลึกในหน้าผา ซึ่งน้ำสีดำกำลังพัดหมุนวนเข้าไป “มันก็อาจจะต้องเปียกกันนิดหน่อยนะ”
ดัมเบิลดอร์ไถลตัวจากก้อนหินลงไปในทะเลและเริ่มแหวกว่ายท่ากบอย่างสวยงามไปที่ช่องหินนั้น
ปากคาบไม้กายสิทธิ์ที่จุดสว่างเอาไว้ ทั้งสามเดินตามไปโดยมีแฮร์รี่เดินนำไปก่อน
น้ำเย็นเฉียบโอบรอบร่างกายของเฮเลนดุจถูกน้ำแข็งก้อนมหึมาเคลือบเอาไว้
กลิ่นเกลือและสาหร่ายลอยเข้ามาเตะจมูกจนเฮเลนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
ทั้งสามคนว่ายน้ำตามดัมเบิลดอร์ไปในหน้าผา
ไม่นานนักช่องลึกนั้นขยายออกเป็นอุโมงค์มืด
ซึ่งสามารถบอกได้ว่าน้ำจะขึ้นมาเต็มแน่นอนเวลาน้ำขึ้น
กำแพงลื่นเป็นเมือกสองข้างห่างกันแค่สามฟุตและส่องแสงวาววับเหมือนน้ำมันดินเปียกๆ
ท่ามกลางแสงไฟจากไม้กายสิทธิ์ของดัมเบิลดอร์ที่เคลื่อนผ่านไป
พวกเขาว่ายเรียงกันตามหลังดัมเบิลดอร์ไป
มือที่เริ่มแข็งชาแตะถูกหินขรุขระและพวกเขาก็เห็นดัมเบิลดอร์ขึ้นจากน้ำอยู่ข้างหน้า
เมื่อแฮร์รี่ไปถึงจุดนั้นเขาก็ดึงแขนเฮเลนให้เดินตามขึ้นมาบนบันไดตามด้วยเดรโก
บันไดนั้นนำพาเข้าไปสู่ถ้ำใหญ่ น้ำไหลพรูจากเสื้อผ้าที่ชุ่มโชก พวกเขาก็ทนไม่ไหวที่จะโอบกอดตัวเองด้วยสองมืออันสั่นเทาท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง
“ใช่ที่นี่ล่ะ”
ดัมเบิลดอร์พูด
“อาจารย์รู้ได้ยังไงครับ”
แฮร์รี่ถามเสียงสั่น
“มีร่องรอยเวทมนตร์อยู่”
เขาตอบเรียบๆ
ไม่มีใครตอบได้ว่าอาการสั่นเทาของทุกคนหมายถึงความหนาวจากการลงไปว่ายน้ำหรือร่องรอยของเวทมนตร์กันแน่
พวกเขาจ้องมองในขณะที่ดัมเบิลดอร์หมุนตัวอยู่กับที่ราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่าง
เขาขยับเข้าไปใกล้ผนังถ้ำและลูบไล้ผนังด้วยนิ้วดำเกรียมพึมพำภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ
ดัมเบิลดอร์เดินรอบถ้ำสองสามรอบ สัมผัสหินกระด้างไปทั่วเท่าที่จะทำได้
จนกระทั่งในที่สุดเขาก็หยุดนิ่ง มือกดแนบบนผนัง
“ตรงนี้”
เขาพูด “เราจะไปต่อผ่านตรงนี้”
ไม่มีใครถามว่าดัมเบิลดอร์รู้ได้อย่างไร
ไม่เคยมีใครเห็นพ่อมดคนใดแก้ปัญหาแบบนี้มาก่อนเลย ดัมเบิลดอร์ก้าวถอยจากผนังถ้ำและชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หิน
ครู่หนึ่งโครงร่างรูปโค้งปรากฏขึ้นตรงนั้น
ส่องแสงแวววาวราวกับมีไฟแรงกล้าอยู่เบื้องหลังรอยแตก
“อาจารย์...
ทะ ทำได้!” เฮเลนพูดผ่านฟันที่กระทบกันกึกกัก
แต่ก่อนที่คำพูดนั้นจะพ้นออกมาจากริมฝีปาก โครงร่างนั้นก็หายไป
ทิ้งให้หินว่างเปล่าและกลับไปเป็นเช่นเดิม ดัมเบิลดอร์หันกลับมา
“ขอโทษ
ฉันลืมไป” เขาพูด ชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่ทั้งสามและในทันทีทันใด
เสื้อผ้าของพวกเขาก็อุ่นและแห้งได้ราวกับได้ไปแขวนอยู่บนราวตากผ้ากลางแดดอบอุ่น
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน คลายมือออกจากการโอบกอดตัวเอง
ดัมเบิลดอร์หันกลับไปสนใจผนังถ้ำอีกครั้ง เขาไม่ได้พยายามใช้เวทมนตร์อีก
แต่แค่ยืนอยู่ตรงนั้น จ้องดูมันเขม็ง ราวกับว่ามีสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งถูกเขียนเอาไว้
ทุกคนเงียบ ไม่มีใครต้องการทำลายสมาธิดัมเบิลดอร์
และแล้วหลังจากผ่านไปได้สองสามนาที
“มันช่างหยาบเหลือเกิน”
“มีอะไรเหรอครับอาจารย์”
เดรโกถาม
“ฉันเดาว่า...”
ดัมเบิลดอร์พูด สอดมือข้างที่ไม่บาดเจ็บเข้าไปในเสื้อคลุมและดึงมีดเงินสั้นๆ
ที่เคยใช้ในระหว่าการปรุงยาออกมา “เราจำเป็นต้องจ่ายค่าผ่านทางน่ะ”
“ค่าผ่านทาง?”
เฮเลนทวน “เราต้องให้บางอย่างกับประตูเพื่อผ่านเข้าไปเหรอคะ”
“ใช่แล้ว”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเป็นเลือด”
“เลือด!”
เดรโกกับแฮร์รี่อุทาน
“ฉันถึงได้บอกไงว่ามันหยาบ”
ดัมเบิลดอร์บอก น้ำเสียงดูหมิ่นหรือแม้กระทั่งผิดหวังด้วยซ้ำ
ราวกับว่าโวลเดอมอร์มีมาตรฐานตกต่ำยิ่งกว่าที่ดัมเบิลดอร์คาดไว้ “ฉันแน่ใจว่าพวกเธอคงพอเดาได้ว่าเขามีความตั้งใจที่จะทำให้ศัตรูอ่อนแรงลงเพื่อที่จะเข้าไป
นี่คืออีกครั้งที่ลอร์ดโวลเดอมอร์ไม่เข้าใจว่ามีสิ่งอื่นที่ร้ายกาจกว่าการบาดเจ็บทางกายมาก”
“แต่เราควรจะเลี่ยง...”
แฮร์รี่พูดเขาคงคิดว่าตอนนี้พวกเขาเจ็บปวดมากพอที่จะไม่หาเรื่องเจ็บเพิ่ม
“แต่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ดัมเบิลดอร์ว่าพลางสะบัดแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนของมือที่บาดเจ็บ
“แต่อาจารย์ครับ!”
เดรโกท้วง “ให้ผมทำเถอะครับ ผม...”
ยังพูดไม่ทันได้จบประโยค
ดัมเบิลดอร์ก็กดปลายมีดลงไปบนผ่ามือเรียบร้อยแล้ว
เลือดสีแดงเข้มกระฉูดออกมาจากฝ่ามือ
ผิวของหินนั้นมีหยดมันวาวสีเข้มสาดกระเซ็นไปทั่ว
“เธอใจดีมากนะเดรโก”
ดัมเบิลดอร์บอก เขาวาดไม้กายสิทธิ์เหลือแผลบนฝ่ามือของตนเองทำให้แผลปิดลงทันที “แต่เลือดของพวกเธอมีค่ามากกว่าเลือดของคนแก่ๆ
อย่างฉัน”
โครงร่างสีเงินเจิดจ้ารูปประตูโค้งปรากฏขึ้นบนผนังอีกครั้งและคราวนี้ไม่ได้เลือนหายไป
หินที่เคยมีเลือดกระจายภายในกรอบประตูนั้นหายวับไปเฉยๆ
และเปิดเป็นช่องว่างที่มืดสนิทเอาไว้
“ตามมา”
ดัมเบิลดอร์พูดและเดินผ่านช่องประตูโค้งเข้าไปโดยมีแฮร์รี่
เฮเลนและเดรโกเดินตามเข้าไปติดๆ พร้อมกับจุดไม้กายสิทธิ์ของตัวเองไปด้วย
ภาพที่เห็นนั้นน่าขนลุก ทั้งสี่ยืนอยู่ริมทะเลสาบใหญ่สีดำ กว้างใหญ่เสียจนไม่อาจเห็นอีกฝั่งหนึ่งได้เลย
มันอยู่ในถ้ำที่เพดานสูงเสียจนมองไม่เห็นเช่นกัน
แสงไฟสีเขียวส่องสว่างมาแต่ไกลเหมือนกับมันอยู่ใจกลางทะเลสาบ แสงเรืองสีเขียวและแสงจากไม้กายสิทธิ์สี่อันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่โดดเด่นในความมืดแต่ลำแสงส่องไปได้ไม่ไกลเท่าที่เฮเลนได้หวังไว้
ความมืดมิดดูจะแน่นหนากว่าที่คิดคาดการณ์เอาไว้
พวกเขาออกเดินไปริมทะเลสาบ
เสียงฝีเท้าแปะๆ ของทั้งสี่สะท้อนไปตามแนวหินแคบๆ ที่ล้อมรอบน้ำเอาไว้
พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ แต่ทิวทัศน์ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ด้านหนึ่งของพวกเขาเป็นผนังถ้ำขรุขระ
อีกด้านหนึ่งคือความราบเรียบของน้ำเหมือนกระจกไร้ขอบเขต
ซึ่งตรงกลางมีประกายสีเขียวลึกลับอยู่ ความเงียบสงัดนี้ทำให้อึดอัดและเสียขวัญ
“ฉันคิดว่าบางอย่างคงจะเกิดขึ้นถ้าพยายามอย่างโจ่งแจ้งที่จะเอาฮอร์ครักซ์มาให้ได้”
“เราไม่รู้ใช่ไหมคะว่ามันคืออะไร”
เฮเลนพูด มองไปยังพื้นน้ำ
“เธอหมายถึง
พวกมัน คืออะไร” ดัมเบิลดอร์บอก “ฉันสงสัยว่าในน้ำนั่นคงไม่ได้มีแค่ตัวสองตัวหรอก
จริงไหม”
“อาจารย์ครับ”
“ว่าไงแฮร์รี่”
“อาจารย์คิดว่าพวกเราจะต้องลงไปในทะเลสาบนี่รึเปล่าครับ”
“ลงไปในนั้นน่ะเหรอ
ต่อเมื่อเราโชคร้ายจริงๆ เท่านั้นล่ะ”
ทั้งสามนิ่วหน้า
มองอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ใต้น้ำ
“อาจารย์ไม่คิดว่าฮอร์ครักซ์อยู่ที่ก้นทะเลสาบเหรอครับ”
เดรโกถาม
“ไม่เลย...
ฉันคิดว่าฮอร์ครักซ์อยู่ตรงกลางนั่น”
ดัมเบิลดอร์ชี้ไปทางแสงสีเขียวพร่ามัวที่กลางทะเลสาบ
“แสดงว่าเราต้องข้ามทะเลสาบไปเอามันมาใช่ไหมครับ”
แฮร์รี่พูด
“ใช่”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “ฉันคิดว่าอย่างนั้นล่ะ”
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
สมองของพวกเขาคิดถึงแต่เรื่องที่ว่าสัตว์อะไรที่อยู่ใต้น้ำนี้ งูยักษ์ ปีศาจ กรินดี้โลว เคลปี้หรือนางพราย...
“ฮ้า!”
ดัมเบิลดอร์ร้องและหยุดเดินอีกครั้ง “ฉันเจอที่แล้ว”
พวกเขาไม่รู้ว่าดัมเบิลดอร์หมายถึงอะไร
เท่าที่บอกได้คือชายฝั่งมืดๆ บริเวณนี้ก็เหมือนส่วนอื่นๆ ทุกประการ
แต่ดัมเบิลดอร์ดูเหมือนจะตรวจจับสิ่งพิเศษได้
คราวนี้เขาไม่ได้ลูบไล้มือไปตามผนังหิน แต่ผ่านอากาศว่างเปล่าราวกับคาดว่าจะพบและจับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นได้
ทันใดนั้นเองโซ่ทองแดงห่วงหนาขึ้นสนิมปรากฏขึ้นจากที่ว่างเปล่าห้อยยาวจากห้วงน้ำลึกมาอยู่ในมือที่กำแน่นของดัมเบิลดอร์
เขาแตะโซ่
ซึ่งเริ่มเลื้อยผ่านกำมือของเขาราวกับงูแล้วขดม้วนอยู่บนพื้นเสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วผนังหิน
มันดึงบางอย่างขึ้นมาจากห้วงน้ำลึกสีดำสนิท เฮเลนอุทานเบาๆ
ในขณะที่ส่วนหัวเรือลำน้อยผุดขึ้นมาจากผิวน้ำลอยมาทางฝั่งที่พวกเขายืนอยู่โดยแทบไม่ทำให้เกิดระลอกคลื่น
“อาจารย์รู้ได้ไงครับว่ามันอยู่ตรงนั้น”
แฮร์รี่ถามน้ำเสียงประหลาดใจ
“เวทมนตร์นั้นทิ้งร่องรอยไว้เสมอ”
ดัมเบิลดอร์ตอบขณะที่เรือชนตลิ่งเบาๆ “บางทีก็เป็นร่องรอยที่ชัดเจนมาก
ฉัยเคยสอนทอม ริดเดิ้ลมาก่อน ฉันรู้วิธีการของเขา”
“แล้ว...”
เดรโกอ้ำอึ้ง มองเรือลำเล็กด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “เรือนี่จะปลอดภัยเหรอครับ”
“ฉันคิดว่าปลอดภัย
โวลเดอมอร์จำเป็นต้องสร้างพาหนะเพื่อข้ามทะเลสาบโดยไม่ก่อกวนอารมณ์ร้ายของสิ่งมีชีวิตที่เขาใส่ไว้ใต้น้ำนั่น
ถ้าเผื่อว่าเขาอยากจะกลับมาเยี่ยมเยือนฮอร์ครักซ์ของเขา”
“ถ้าแบบนั้น
พวกที่อยู่ใต้น้ำจะไม่ทำอะไรเราถ้าเราข้ามไปด้วยเรือของโวลเดอมอร์ใช่ไหมคะ”
เฮเลนถาม
“ฉันคิดว่าเราต้องยอมรับความจริงนะ”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “ว่าพอถึงช่วงเวลาหนึ่ง พวกมันก็คงรู้ว่าเราไม่ใช่โวลเดอมอร์
ยังไงก็ตาม มาจนถึงตอนนี้ เราก็ทำได้ดีพอใช้ได้ เพราะมันยอมให้เรายกเรือนี่ขึ้นมา”
“แล้วทำไมมันปล่อยให้เราทำได้ครับ”
แฮร์รี่ถาม เฮเลนแอบคิดถึงช่วงที่พวกเขากำลังลอยอยู่กลางทะเลสาปแล้วอยู่ๆ
ก็มีอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมาลากพวกเขาลงไปใต้น้ำนั่น
“โวลเดอมอร์คงจะมั่นใจพอสมควรว่าไม่มีใครจะสามารถพบเรือนี่ได้นอกจากพ่อมดที่ยิ่งใหญ่จริงๆ”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “ฉันคิดว่าเขาคงจะเตรียมเสี่ยงกับสิ่งที่เขาคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด
คือการที่ใครอื่นจะมาพบเรือลำนี้เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองได้วางเครื่องกีดขวางอื่นๆ
ไว้ข้างหน้าแล้ว ซึ่งมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถผ่านไปได้”
“และบางทีเราอาจจะรู้เมื่อไปถึงตรงนั้น”
เฮเลนพึมพำ ดัมเบิลดอร์พยักหน้าให้เธอเบาๆ
พวกเขาทั้งสี่จัดแจงข้ามทะเลสาบไปด้วยเรือลำเล็กนั้นไปจนถึงแสงสีเขียว พวกเขาก็ได้พบกับน้ำยาที่คาดว่าจะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตมาก
ดัมเบิลดอร์ออกคำสั่งให้พวกเขาทำยังไงก็ได้ให้เขาดื่มน้ำยาอันตรายนี้ลงไปให้หมดซึ่งมันเป็นไปอย่างยากลำบาก
แฮร์รี่และเดรโกพยุงร่างของเขาเอาไว้ส่วนเฮเลนเป็นคนตักน้ำยาให้เขาดื่มจนกระทั่งมันหมดลง
“น้ำ”
ดัมเบิลดอร์พูดเสียงแหบแห้ง
“น้ำ”
เฮเลนทวนคำ “ได้ค่ะศาสตราจารย์”
เฮเลนถือแก้วน้ำไว้มั่นและท่องคาถาออกมา
“อากัวเมนตี!”
แก้วนั้นมีน้ำใสเต็มขึ้นมา
แต่สักพักมันก็ว่างเปล่า เธอพยายามร่ายคาถาซ้ำแต่ก็ไม่เป็นผล มันกลับไปว่างเปล่า
“มันคงจะมีทางเดียวที่จะเอาน้ำมาได้”
เฮเลนพูดพลางหันไปมองผืนน้ำสงบนิ่ง “ต้องตักน้ำนั่น”
“แต่มันมีตัวอะไรไม่รู้อยู่ใต้นั่นนะ”
แฮร์รี่พูด มือที่ประคองดัมเบิลดอร์สั่นน้อยๆ
“ให้ฉันไปตักให้ดีกว่า”
เดรโกออกตัว เฮเลนส่ายหน้า
“ไม่ต้อง”
เธอพูด “พวกนายประคองเขาไว้ ฉันจะไปตักเอง”
เฮเลนค่อยๆ
เดินลงไปริมตลิ่งและตักน้ำขึ้นมาจนเต็มแก้วแต่ว่าความรู้สึกเย็นเยือบที่ข้อมือมันไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดจากการสัมผัสกับน้ำ
มือขาวลื่นเป็นเมือกรัดข้อมือของเธอเอาไว้แน่นและสิ่งมีชีวิตนั้นกำลังดึงแขนของเธอให้ลงไปในน้ำ
ผิวหน้าทะเลสาบตอนนี้ไม่ได้ราบเรียบอีกต่อไป มันกำลังปั่นป่วน หัวและมือขาวๆ
กำลังโผล่ขึ้นมาจากน้ำสีดำ ผู้ชาย ผู้หญิงหรือแม้กระทั่งเด็กๆ
ที่มีดวงตาโหลลึกมองไม่เห็น
“สตูเปฟาย!”
แฮร์รี่ตะโกน แสงสีเงินฟุ่งผ่านเฮเลนไปยังเจ้าของมือนั่นทันที
เด็กสาวถอยหลังครูดด้วยความตกใจกลัว “อินเฟอไร!”
“ศพ!
สยองที่สุด” เฮเลนโวยวาย
เธอเขวี้ยงแก้วน้ำใส่หัวอินเฟอไรตัวหนึ่งที่กำลังตะเกียดตะกายขึ้นมาจากน้ำ
เฮเลนยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับที่เดรโกกับแฮร์รี่ดึงดัมเบิลดอร์ให้ลุกขึ้นยืนแต่อินเฟอไรจำนวนมากกำลังปีนขึ้นมาบนหิน
มือที่มีแต่กระดูกข่วนจับบนพื้นหินลื่นๆ ดวงตาขุ่นมัวว่างเปล่า จับจ้องมายังพวกเขา
เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งชุ่มน้ำเลื้อยห้อยเป็นหาง
“เพ็ตตริฟิคัส
โททาลัส!” เฮเลนตะเบ็งเสียง ถอยหลังไปรวมกลุ่มกับดัมเบิลดอร์ เดรโกและแฮร์รี่ พวกมันหกเจ็ดตัวล้มคว่ำลงแต่อีกมากยังมุ่งหน้ามามาทางพวกเขา
“อิมปินิเมนต้า!”
เหมือนการร่ายคาถาจะแทบไม่ได้ผลกระทบกับพวกมันเลย
มือยุบยับยื่นออกมาหาเฮเลน
มันดึงแขนของเธอกระชากออกไปในขณะที่เดรโกพยายามประคองดัมเบิลดอร์เอาไว้และดึงตัวเธอไว้ด้วย
โชคร้ายนักที่แฮร์รี่และเดรโกไม่สามารถสู้แรงอินเฟอไรทั้งๆ
ที่ยังประคองดัมเบิลดอร์อยู่ได้
“ริกตัสแซมปร้า!
โอ๊ย! ปล่อยฉันนน!!”
มือลีบไร้ซึ่งเลือดเนื้อเย็นดุจดั่งความตาย
ฉุดกระชากร่างบางหลุดจากมือของแฮร์รี่และเดรโกที่พยายามจะยื้อเอาไว้
มันดึงเธอลงไปอย่างเชื่องช้าเพื่อกลับลงไปสู่ห้วงน้ำและเฮเลนรู้ดีว่าไม่มีทางจะหลุดพ้นแน่นอน
เธอกำลังจะต้องจมลงไปและกลายเป็นผู้พิทักษ์ไร้ชีวิตอีกรายในน้ำนั่น!
ปลายเท้าถูกดึงลงน้ำเย็นเฉียบ
ร่างกายสั่นสะท้านความรู้สึกกลัวทำให้ร่างกายไม่รู้จะขยับไปทางไหนให้ตัวเองหลุดพ้นจากอินเฟอไร
แต่แล้วผ่านความมืดมิดเปลวไฟลุกโชตช่วงขึ้นมา
วงแหวนไฟสีแดงซึ่งล้อมรอบหินทำให้อินเฟอไรที่จับร่างของเฮเลนไว้ผวาสะดุดไม่กล้าผ่านเปลวเพลิงเพื่อลงไปในน้ำ
พวกมันสะบัดร่างเล็กทิ้งลง เธอตกลงไถลบนหินแขนครูดกับด้านคมจนเป็นแผลเลือดอาบเต็มแขน
เฮเลนรีบตะกายออกจากริมน้ำไปหาดัมเบิลดอร์ที่โบกสะบัดไม้กายสิทธิ์อยู่เหนือสุดของที่นั่น
แฮร์รี่วิ่งขึ้นไปหยิบล็อกเก็ตมากำไว้ในมือส่วนเดรโกก็รีบเข้ามาประคองเฮเลนเอาไว้มั่น
พวกอินเฟอไรเดินชนกันเองและพยายามหลบหนีจากเปลวไฟที่ล้อมพวกมันอยู่อย่างมืดบอด
พวกอินเฟอไรมัวแต่สนใจเปลวไฟ
ดูเหมือนพวกมันจะไม่ได้รับรู้เลยว่าเหยื่อกำลังจะหนีไปแล้ว
ดัมเบิลดอร์พาพวกเขาเดินกลับไปที่เรือ วงแหวนไฟเลื่อนตามพวกเขาไปด้วย
อินเฟอไรที่น่าสงสาร
พวกมันสับสนเดินจมลงไปในห้วงน้ำและดำดิ่งลงไปในน้ำอันมืดมิดอย่างยินดี
“เราทำอะไรไม่ถูกเลย”
แฮร์รี่พูดเสียงสั่น “ผมลืมไปเลยครับเรื่องไฟ”
“พอจะเข้าใจได้”
ดัมเบิลดอร์พึมพำตอบ ทุกคนดูตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของเขา
ดวงตาของเดรโกฉายแววกังวลขึ้นมาในทันที “อย่าลังเลเดรโก
ถ้าเกิดว่าถึงเวลาที่จะต้องทำให้พวกเขาเห็น”
“ครับ
ศาสตราจารย์” เขาพยักหน้า “ผมจะพยายาม”
เรือกระแทกเบาๆ
เมื่อแล่นมาถึงฝั่ง แฮร์รี่พยุงดัมเบิลดอร์ขึ้นไปยืนบนฝั่งส่วนเดรโกค่อยๆ
ดึงร่างเฮเลนขึ้นมาจากเรือ ดัมเบิลดอร์เก็บไม้กายสิทธิ์เข้าไปในเสื้อคลุม
วงแหวนไฟหายวับไปและพวกอินเฟอไรไม่ได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำอีก
เรือลำเล็กจมลงไปในน้ำเช่นเดิม ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจเบาๆ และเอนตัวพิงผนังถ้ำ
“ฉันไม่มีแรงเลย”
เขาพูด
“ไม่ต้องห่วงครับ”
แฮร์รี่บอกทันที “อย่าห่วงเลยครับ เราจะพากลับไปเอง”
“การป้องกันทำไว้ดีมาก”
เดรโกพูด “ถ้าคุณมาคนเดียวคงทำไม่สำเร็จ อาจารย์”
“พวกเธอทำได้ดีมาก”
ดัมเบิลดอร์เอ่ย พยายามจะยิ้ม "เกินความคาดหมายจริงๆ"
“อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะศาสตราจารย์”
เฮเลนบอก “เก็บแรงเอาไว้ พวกเรากำลังจะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว”
“ประตูนั่นคงจะปิดไปแล้ว”
ดัมเบิลดอร์พูดเสียงแหบแห้ง “มีดของฉัน...”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
เฮเลนพูด “หนูมีแผล แค่บอกว่าต้องป้ายมันไปตรงไหน”
“ตรงนั้น”
เฮเลนป้ายแขนไปตรงหินก้อนหนึ่ง
เมื่อได้รับเลือดเป็นค่าผ่านทาง ประตูโค้งนั่นก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
ทั้งสี่เดินข้ามมาสู่ถ้ำชั้นนอก เฮเลนตัดสินใจว่าเราควรหายตัวกลับไป
“ไม่ต้องห่วงนะครับ”
แฮร์รี่พูด ทั้งสามรู้สึกกังวลเนื่องจากความอ่อนแรงของดัมเบิลดอร์ “เราใกล้จะออกไปข้างนอกแล้ว
เราจะหายตัวกลับไปครับ”
“ฉันไม่ห่วงเลย”
ดัมเบิลดอร์บอก “ก็ฉันอยู่กับพวกเธอนี่”
เฮเลนจับมือของเดรโกเอาไว้แน่น
ในใจนึกถึงหอดูดาวของฮอกวอตส์และมุ่งมั่นที่จะกลับไปอย่างแน่วแน่
ความรู้สึกที่เหมือนถูกท่อยางบีบกลับมาอีกครั้ง
เฮเลนรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกเอาเสียเลย
จนกระทั่งในที่สุดเท้าทั้งสองข้างก็กลับมายืนอยู่ที่หอดูดาว
เฮเลนขนลุกซู่เมื่อลองได้นึกถึงตอนที่มือของอินเฟอไรจับแขนเธอ
โชคดีมากที่ตั้งสมาธิได้แล้วไม่เห็นอินเฟอไรบนหอคอยดูดาวตอนนี้
“เราทำได้แล้ว!”
เฮเลนพูดพลางถอนใจออกมาแรงๆ “เราได้ฮอครักซ์มาแล้ว!”
ดัมเบิลดอร์เซล้มลง
เฮเลนสะดุ้งเฮือกวิ่งเข้าไปช่วยประคองดัมเบิลดอร์ทันที
ใบหน้าของเขาซีดเผือดมากกว่าที่เคย
“อาจารย์สบายดีหรือเปล่าครับ”
เดรโกถาม เขารู้สึกอยากตบหน้าตัวเองแรงๆ จริงๆ ที่พูดแบบนั้นไป
“น้ำยานั่นไม่ได้ช่วยบำรุงสุขภาพนะเดรโก”
ดัมเบิลดอร์ตอบ “ฉันต้องการศาสตราจารย์สเนป”
“แต่เราควรไปหามาดามพรอมฟรีย์...”
“ไม่เฮเลน”
ดัมเบิลดอร์ส่ายหน้า “คนที่ฉันต้องการคือศาสตราจารย์สเนป”
ดัมเบิลดอร์ล้มตัวลงนั่งและออกปากไล่แฮร์รี่
“ไปปลุกเซเวอร์รัส
แฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างอ่อนแรง “บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น พาเขามาหาฉัน
อย่าทำอะไรอื่น อย่าพูดกับใครทั้งนั้น และสวมผ้าคลุมล่องหนด้วย ฉัน เดรโก
และเฮเลนจะคอยอยู่ตรงนี้”
“แต่...”
“เธอสาบานว่าจะฟังฉัน
แฮร์รี่... ไป!”
เฮเลนเห็นแฮร์รี่ดิ่งไปยังประตูลงไปยังบันไดเวียน
ดัมเบิลดอร์ยันตัวลุกขึ้นทันทีพร้อมกับเดรโกที่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
และดึงเฮเลนเอาไว้ประชิดตัว เขายกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจ่อเอาไว้ที่ลำคอขาว...
เด็กสาวสะดุ้งตกใจ หรี่ตามองเขาอย่างงุนงง แขนซ้ายของเขากดลงบนลำคอของเธอแรงจนเฮเลนไม่สามารถออกเสียงใดๆ
ได้มากนัก
“เดรโก!”
เฮเลนกระซิบ “นี่นายกำลัง...”
“พวกมันกำลังมา”
เขากระซิบเสียงสั่น เปลี่ยนทิศทางไม้กายสิทธิ์ไปทางดัมเบิลดอร์
เฮเลนสังเกตว่าเสียงเปิดประตูดังขึ้น แต่ไม่ใช่เสียงฝีเท้าวิ่งออกไป
กลับเป็นเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังก้าวเดินอย่างช้าๆ ขึ้นมาที่นี่แทน
เสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมกับอะไรบางอย่างที่เริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ
ท้องฟ้าเหนือโรงเรียน
ปรากฏหัวกะโหลกสีเขียวสว่างจ้า มันอ้าปากกว้างปรากฏลิ้นยาวรูปงูออกมา
เป็นตราที่ผู้เสพความตายมักทิ้งเอาไว้เบื้องหลังเมื่อใดก็ตามที่พวกมันฆ่าคนตาย...
เฮเลนคิดว่าดัมเบิลดอร์เสกคาถาไร้เสียงทำให้แฮร์รี่ขยับตัวไม่ได้
กระนั้นเดรโกเองก็ดูท่าจะรู้แล้วว่าคงมีผู้เสพความตายสักคนกำลังเดินขึ้นมาบนหอดูดาว
เด็กสาวอยากจะดิ้นให้สุดแรงแต่ว่าความกลัวจากอินเฟอไรยังไม่หายไปหมดจากใจของเธอ
ดัมเบิลดอร์ยืนพิงกำแพง
ใบหน้าซีดจัดแต่ไม่ได้มีสีหน้าตกใจหรือทุกข์โศก เขาเพียงแต่มองไปยังใครบางคนที่ก้าวเดินขึ้นมา
ในขณะที่เขากำลังจะเอื้อนเอ่ยประโยคอะไรสักอย่าง
เดรโกก็ร่ายคาถาปลดอาวุธของเขาเสียต่อหน้าของคนที่เดินขึ้นมาในตอนนั้น
ดัมเบิลดอร์ยิ้มจางๆ
“สวัสดีคุณแม็กมาเวลล์”
แท็คก้าวออกมาข้างหน้า ดวงตาจับจ้องมายังเดรโกที่กำลังจับเฮเลนเอาไว้พลางยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ผมรู้สึกเหมือนว่าน่าจะมีอีกคนอยู่ที่นี่”
เขาพูด กวาดตามองไปรอบๆ “แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่อยู่เหรอครับ”
“ฉันว่าฉันควรจะเป็นคนถามเธอ”
ดัมเบิลดอร์กล่าว “เธอมาที่นี่มีธุระอะไรงั้นเหรอ”
“มีผู้เสพความตายอยู่ที่นี่ครับ”
เขาตอบ “ในโรงเรียนแห่งนี้”
“ดีจริง
ดีจริง” ดัมเบิลดอร์พูด “เดรโก เธอพาพวกเขาให้เข้ามาได้ล่ะสิ ใช่ไหม”
เดรโกเม้มปาก
เข้าสูดลมหายใจเข้าปอด เฮเลนสังเกตได้ว่าเขากำลังสั่นเทาด้วยความกลัว
“ใช่”
เขาตอบ “ใต้จมูกคุณ และคุณก็ไม่เคยรู้เลย”
“ช่างคิดจริงๆ
นะ” ดัมเบิลดอร์พูดน้ำเสียงชื่นชม ก่อนจะเบือนหน้าไปหาแท็ค “ขอโทษทีนะ
พวกเขาอยู่ไหนแล้วล่ะตอนนี้ ดูเหมือนไม่มีใครมาสนับสนุนเธอเลยนี่”
“พวกเขาเจอยามของคุณน่ะครับศาสตราจารย์”
แท็คแสยะยิ้ม มือลูบไม้กายสิทธิ์ไปมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “คงสู้กันได้ไม่นานหรอก
พอดีผมมารอดูผลงานของใครบางคน เขามีงานจะต้องทำ”
เกิดความเงียบเข้าคลอบคลุม
ร่างของเฮเลนสั่นเทิ้ม ดวงตาเหลือบมองเดรโกที่ดวงตาแดงก่ำ
หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
เขาจ้องมองดัมเบิลดอร์ผู้ที่ยังคงยิ้มได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เดรโก...
เธอไม่ใช่ฆาตกรหรอกนะ”
“อาจารย์จะรู้ได้ยังไง”
เขาถามกลับทันควัน “อาจารย์ไม่รู้หรอกว่าผมทำอะไรไปบ้าง!”
“ผมว่าบางทีเขาอาจจะรู้สิ่งที่ผมทำมากกว่านะ”
แท็คพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆ “ใช่ไหมล่ะครับ”
“ฉันคิดว่าจะเป็นแบบนั้น”
ดัมเบิลดอร์พูดอย่างอ่อนโยน “เธอเกือบจะฆ่าแคตี้ เบลล์และโรนัลด์ วีสลีย์เสียแล้ว
แถมเธอยังพยายามฆ่าฉันมาตลอดปีนี้ด้วย แต่นั่นเป็นการพยายามฆ่าที่แย่จริงๆ มันดูกะปลกกะเปลี้ยไปหน่อยนะ”
“ผมไม่ได้อยากทำหรอกครับ”
แท็คหัวเราะเบาๆ “ผมแค่หาเรื่องแก้ขัดในช่วงที่คุณมัลฟอยกำลังซ่อมตู้อันตรธานต่างหาก”
ที่ไหนสักแห่งลึกลงไปในปราสาทข้างล่าง
เฮเลนได้ยินเสียงตะโกนแว่วๆ เดรโกและแท็คเหลือบตาไปดูนิดหน่อย
คิดว่าคงมีใครสังหารใครได้อีกแล้วกระมัง
“มีคนกำลังสู้...”
ดัมเบิลดอร์พูดเหมือนชวนคุย “ฉันมั่นใจว่าศาสตราจารย์สเนปคอยจับตาดูพวกเธอ...”
“เขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของอาจารย์”
เดรโกตอบ เสียงสั่นเครือ “เขาสัญญากับแม่ผม...”
“แน่นอนว่านั่นคงจะเป็นสิ่งที่เขาบอกกับเธอ
เดรโก แต่...”
“เขามันนกสองหัว”
เดรโกพึมพำ “เขาไม่ได้ทำงานให้คุณเลย”
“แต่ฉันก็ยังคงเชื่อใจเขานะ”
“ดี!”
แท็คยิ้ม “เพราะเขาเอาแต่เอ่ยปากจะช่วยเหลือตั้งเยอะแยะ
แต่ไม่มีใครบอกเขาเลยว่าเรากำลังจะทำอะไรกัน “
“แล้วโรสเมอร์ทา...”
ดัมเบิลดอร์พูด “เขาอยู่ใต้อำนาจคำสาปสะกดใจมานานแค่ไหนแล้วล่ะ”
“นานแล้วล่ะครับ”
แท็คหัวเราะหึๆ เฮเลนสังเกตว่าดัมเบิลดอร์ไถลลงไปอีกนิ้วหนึ่งในระหว่างนั้น
“เอาล่ะเรื่องคืนนี้”
ดัมเบิลดอร์พูด “ฉันรู้สึกฉงนเล็กน้อยว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง”
“เดรโกไง”
แท็คตอบ “เขาส่งข่าวบอกผมว่าวันนี้เขาถูกเรียกให้ออกไปพบคุณ”
เดรโกเม้มปาก
เฮเลนรู้สึกได้ว่าร่างกายเขาสั่นเทามากกว่าเดิม
แขนข้างที่เขาล็อกคอเธอไว้กดแน่นจนรู้สึกว่าไม่อาจเปล่งเสียงออกไปได้ เธออึ้งไป
เดรโกเป็นคนบอกแท็คว่าวันนี้พวกเขาจะไม่อยู่?
หมายความว่าเขาคือคนที่เปิดช่องทางให้แท็คพาผู้เสพความตายเข้ามา...
“มีคนตาย”
แท็คพูด “หนึ่งในพวกนั้นนั่นแหละ ผมไม่รู้หรอกว่าใคร มันมืด
ผมก็เลยเดินข้ามร่างนั้นมา”
“แล้ว...”
ดัมเบิลดอร์ลากเสียง “เธอปิดบังมานานแค่ไหนแล้วเดรโก เรื่องนี้น่ะ”
“สักพักแล้วครับ”
เขาตอบ “ผมขอโทษ ศาสตราจารย์ที่ต้องทำแบบนี้ แต่ท่านบอกแม็กมาเวลล์มาว่า...”
“งั้น”
ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างเมตตา “ฉันก็จะถือว่าเธอไม่ได้ผิดอะไรก็แล้วกันนะ”
มีเสียงระเบิดปังและเสียงตะโกนโหวกเหวกจากเบื้องล่าง
ดังขึ้นเรื่องๆ
ฟังเหมือนกับว่ามีใครกำลังสู้กันอยู่ที่บันไดเวียนซึ่งนำมาสู่ตรงจุดที่พวกเขากำลังยืนคุยกันอยู่
แต่ไม่นานนักเสียงฝีเท้าดังโครมครามขึ้นมาทางบันไดและวินาทีต่อมาแรงผลักจากทางด้านหลังทำให้เดรโกต้องหันไปมอง
ในขณะเดียวกันแขนที่กดอยู่ตรงคอของเฮเลนก็คลายออกด้วย
“ปล่อยฉันนะ!”
เด็กสาวตวาด “อย่ามาแตะตัวฉัน!!”
“เงียบนะ!”
ชายร่างอ้วนเผละมีรอยยิ้มบิดเบี้ยวพิกลสงเสียงตวาดลั่น
เดรโกรีบคว้าร่างของเธอมาจับเอาไว้อีกครั้ง
และคราวนี้เฮเลนเลือกที่จะสะบัดตัวออกให้ได้
แม้ว่าสีหน้าของเดรโกจะบอกว่าเขารู้สึกผิดมากมายเพียงใดก็ตาม
ถึงแม้ว่าดัมเบิลดอร์เคยบอกว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้
แต่เธอก็รู้สึกว่าทนไม่ได้ทำเดรโกหันไปร่วมมือกับแท็ค!
“ดัมเบิลดอร์จนมุม!”
ชายคนเดิมพูดแล้วหันไปหาผู้หญิงร่างเตี้ยม่อต้อ เธอยิ้มกว้างอย่างกระตือรือร้น “ดัมเบิลดอร์ไม่มีไม้กายสิทธิ์
ดัมเบิลดอร์อยู่คนเดียว ดีมากเดรโก! ทำได้ดีมาก!!”
“สวัสดี
อะมีคัส” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างสงบ ราวกับว่ากำลังต้อนรับเขาเข้าสู่งานเลี้ยงน้ำชา
“คุณพาอะเล็กโตมาด้วยนะ... ช่างดีจริงๆ”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะในลำคอ
“คิดว่าเรื่องตลกพวกนี้จะช่วยให้คุณรอดตายหรือไง”
เธอเย้ย
“ตลก?
ไม่ใช่เลย นี่เรียกว่ามารยาทต่างหาก” ดัมเบิลดอร์ตอบ
“จัดการซะสิ”
แท็คกระซิบ
“ใช่..
หรืออยากให้ฉันจัดการแทนล่ะ” ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเอ่ยขึ้น
เฮเลนหันไปมองหน้าเขา เขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ แขนขายาว ผมและเคราะสีเทาเป็นกระเซิง
เสียงของเขาเป็นเสียงกระโชคราวกับคำราม กลิ่นสาปแรงๆ ลอยมาจากตัวเขา
และสิ่งที่ได้กลิ่นแน่ๆ คือกลิ่นคาวเลือด
“นั่นคุณเหรอ
เฟนเรีย” ดัมเบิลดอร์ถาม
“ใช่”
อีกฝ่ายตะคอกตอบ “ดีใจที่เจอฉันไหม ดัมเบิลดอร์”
“ไม่เลย
ผมไม่อาจบอกได้ว่าดีใจ...”
เฟนเรีย
เกรย์แบ็กยิ้มกว้าง อวดเขี้ยวแหลมคม เลือดไหลหยดลงมาที่คาง เขาเลียริมฝีปากช้าๆ
อย่างน่ารังเกียจ เฮเลนขนลุกซู่พยายามจะดิ้นออกจากการจับกุมของเดรโก
ความกลัวแล่นเข้ามาในจิตใจลามขึ้นไปถึงสมอง
เฮเลนยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรก็ตามออกไปในเวลานี้
“แกก็รู้ว่าฉันชอบเลือดของเด็กๆ
มากแค่ไหน ดัมเบิลดอร์”
“จะให้ผมเข้าใจว่าแม้จะไม่ใช่คืนที่พระจันทร์เต็มดวงคุณก็ลงมือทำร้ายแล้วงั้นเหรอ
ผิดปกติที่สุด คุณนิยมชมชอบเนื้อมนุษย์จนไม่อาจพอใจแค่เดือนละครั้งแล้วงั้นเหรอ”
“ถูกต้อง”
เกรย์แบ็กตอบ “มันทำให้แกกลัวล่ะสิ”
“อ้อ
ผมไม่อาจแกล้งทำเป็นไม่รังเกียจได้หรอกนะ” ดัมเบิลดอร์พูด “และใช่แล้ว
ผมตกใจบ้างเหมือนกันที่มีใครต่อใครตั้งมากมาย แต่คุณแม็กมาเวลล์ซึ่งอยู่ตรงนี้ได้เชื้อเชิญพวกคุณเข้ามาในโรงเรียนที่มีเพื่อนๆ
ของเขาอยู่...”
“ผมไม่ได้จะให้เขามา”
แท็คยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะมา แต่ก็นั่นแหละ
ผมไม่ได้สนใจหรอก”
“ฉันไม่มีวันพลาดการเดินทางมาฮอกวอตส์หรอก
ดัมเบิลดอร์” เกรย์แบ็กคำรามบาดหู “ไม่มีทางในเมื่อมีลำคอสวยๆ รอให้ฉันฉีกจนเหวอะ
เหมือนกับยัยเด็กนี่...”
เขายกมือที่มีเล็บยาวสีเหลืองเข้มขึ้นมาลูบลงบนคอยาวระหงของเฮเลน
เดรโกดึงร่างบางให้ห่างจากเขา ด้วงตาคมสีฟ้าซีดจ้องเกรย์แบ็กด้วยสายตารังเกียจ
มนุษย์หมาป่าแยกเขี้ยว เขาหันกลับไปมองดัมเบิลดอร์
“บางทีฉันอาจจะจัดการแกเป็นของหวานก็ได้นะ
ดัมเบิลดอร์...”
“ไม่ได้”
ผู้เสพความตายอีกคนพูดเสียงห้วน “เราได้รับคำสั่งมาว่าเดรโกต้องเป็นคนลงมือ
เร็วเข้าสิ!”
ใบหน้าของเดรโกซีดลงอีก
เฮเลนรู้สึกได้ว่าเขาตัวสั่นมากกว่าเดิม
“นาย...
จะต้องทำ” เธอกระซิบ “เพื่อไม่ให้ฉันต้องผิดหวังไปมากกว่านี้เดรโก”
เฮเลนจ้องมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเมตตาของดัมเบิลดอร์
ดวงตาสีฟ้าหลังกรอบแว่นครึ่งวงพระจันทร์ยังคงเต็มไปด้วยความสดใสทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองต้องตาย
เดรโกยังคงไม่ละไม้กายสิทธิ์ไปจากดัมเบิลดอร์ เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หนึ่งครั้งและพยักหน้าเบาๆ
ให้กับเฮเลน
“ฉันจะ...”
เขากระซิบเสียงแหบแห้ง “ฉันจะพยายาม... ขอโทษ”
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมจอมมารถึงต้องวุ่นวายอยากจะฆ่าแกด้วย!”
ผู้เสพความตายที่ชื่ออะมีคัสโวยวาย “เร็วเข้าเดรโก!
ลงมือสักทีสิ!!”
แต่ในขณะนั้นเอง
มีเสียงต่อสู้ดังมาจากเบื้องล่างอีกครั้ง
เหมือนมีใครบางคนพยายามขึ้นมาที่นี่และดูเหมือนว่าพวกผู้เสพความตายที่อยู่ข้างบนสร้างสิ่งกีดขวางเอาไว้ข้างล่างเท่านั้น
“เดี๋ยวนี้
เดรโก!” ชายหน้าเหี้มพูดอย่างกราดเกรี้ยว มือของเดรโกสั่นจนแทบเล็งไม่ได้
“ฉันทำเอง!”
เกรย์แบ็กตะคอก พลางขยับไปทางดัมเบิลดอร์
“ฉันบอกว่าอย่า!”
ชายหน้าเหี้ยมตะโกนลั่น แสงสว่างวาบขึ้น มนุษย์หมาป่ากระเด็นออกไปอีกทาง
เขากระแทกกำแพงและยืนโซเซ ท่าทางโกรธสุดขีด
“เดรโก
ลงมือซะ!” ผู้หญิงกรีดร้องเสียงแหลม “ไม่งั้นก็หลบไป!”
ในนาทีนั้นเสียงประตูก็เปิดออกและสเนปยืนอยู่ตรงนั้น
เฮเลนตัวแข็งทื่อจ้องมองใบหน้าเฉยชานั้นอย่างตกใจ เขาถือไม้กายสิทธิ์เอาไว้ในมือและกวาดตามองภาพตรงหน้าช้าๆ
“เรามีปัญหาแล้วสเนป!”
อะมีคัสพูดขึ้น “เด็กนี่เหมือนจะไม่กล้าทำ”
“เซเวอร์รัส...”
เสียงดัมเบิลดอร์วิงวอน มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้เฮเลนรู้สึกตกใจและหวาดหวั่น
สเนปไม่พูดอะไร เขาก้าวมาข้างหน้าและผลักร่างของเดรโกและเฮเลนไปอีกทาง
ผู้เสพความตายอีกสามคนถอยหลังออกไปโดยไม่พูดจา
แต่เกรย์แบ็กดูเหมือนจะตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว
สเนปจ้องดัมเบิลดอร์อยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง
“เซเวอร์รัส...
ได้โปรด...”
สเนปยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นและชี้ตรงไปที่ดัมเบิลดอร์
“อะวาดา
เคดาฟรา!”
แสงสีเขียวพุ่งออกมาจากปลายไม้ของสเนป ถูกตรงอกของดัมเบิลดอร์พอดี เฮเลนเบิกตากว้างใช้แรงเฮือกสุดท้ายสะบัดตัวหลุดออกจากเดรโกและพยายามจะวิ่งไปหาดัมเบิลดอร์ในขณะที่เขาถูกระเบิดลอยตัวไปในอากาศและหล่นหงายหลังลงไปจากหอช้าๆ เหมือนตุ๊กตาผ้าตัวใหญ่ ข้ามพ้นกำแพงและหายลับไปจากสายตา
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น