ลำดับตอนที่ #45
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : Thomas Alva Edison : ราชาแห่งสิ่งประดิษฐ์
Caster : โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)
ราชาแห่งสิ่งประดิษฐ์
เอดิสันเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก เขาเป็นคู่ปรับตลอดกาลกับนิโคล่า เทสล่า (Nikola Tesla) เขาเกิดมาในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นชายชาวอเมริกันผู้ซึ่งประสบความสำเร็จมากมายนับไม่ถ้วน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดัดแปลงและประยุกต์งานประดิษฐ์ของคนบุกเบิกคนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย เขาเป็นคนนอนน้อย หลับเพียง 3 - 4 ชั่วโมงต่อวัน และนอกจากนั้นที่เหลือจะเป็นเวลาทำงานของเขา เขายังมีความสัมพันธ์กับนักประดิษฐ์คนอื่นๆด้วยอย่าง อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์เครื่องแรกของโลก และชาร์ลส์ แบบเบ็จ (Charles Babbage) ผู้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ด้วยเครื่องจักรไอน้ำ แต่สำหรับเทสล่านั้นเป็นข้อยกเว้น
จากการที่อัญเชิญเขาออกมา รูปร่างของเขาจะต่างจากตัวตนจริงของเขา มีหัวเป็นสิงโต ซึ่งทำให้สติปัญญาจากเดิมของเขาลดลงมา ทำให้ผู้คนที่สนิทกับเขารู้เลยว่า นี่คือเอดิสันแน่นอน หลังจากบทสนทนาเล็กน้อย เขาเป็นคนที่มีบุคลิกตรงไปตรงมาอย่างมาก ทำให้มีข้อระมัดระวังเมื่อมีเขาเป็นเซอร์แวนท์บ้าง เขาทำงานอย่างหนักวนไปวนมาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นควรดูแลเวลาหลับนอนของเขาและการทำงานหักโหมไปบ้าง สำหรับคู่ปรับของเขาเทสล่า ทั้งคู่ขัดแย้งกันจนสามารถต่อยกันได้
ตัวตนจริงของเขาได้แบบมาจาก ชายนักประดิษฐ์ระดับโลกชาวอเมริกัน นามว่า โทมัส อัลวา เอดิสัน เขาเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1847 เป็นนักประดิษฐ์และนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ เขาพัฒนาสิ่งของต่างๆมากมายที่มีใช้ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องฉายภาพเคลื่อนไหว และที่โดดเด่นที่สุดคือหลอดไฟ ทำให้เขาได้สมญานามว่าเป็น "พ่อมดแห่งสวนเมนโล (Menlo Park)" เขาเป็นผู้มีสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากที่สุดในโลก ถ้านับจากการที่เขาจดที่อเมริกาอย่างเดียว ก็มีสิทธิบัตรไปกว่า 1093 สิทธิบัตร และนอกจากนั้นยังไปจดที่อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี
สิ่งประดิษฐ์ที่เขาจดสิทธิบัตรนั้น เช่น เครื่องบันทึกเสียง เครื่องเล่นแผ่นเสียง ภาพเคลื่อนไหว หลอดไฟ เครื่องตอกตั๋ว แบตเตอรี่รถยนต์ พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น สิทธิบัตรแรกของเขาคือเครื่องนับคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในช่วงต้นชีวิตของเขา เขาเป็นพนักงานในบริษัทโทรเลขแห่งหนึ่ง ซึ่งเอดิสันก็ได้พัฒนาระบบไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน ธุรกิจและโรงงาน โรงงานไฟฟ้าแห่งแรกของเขาอยู่ที่ถนนเพิร์ล (Pearl) ในแมนฮัตตัน (Manhattan) นครนิวยอร์ก (New York)
เอดิสันเกิดที่เมืองมิลาน (Milan) รัฐโอไฮโอ (Ohio) และเติบโตมาในเมืองพอร์ต ฮูรอน (Port Huron) รัฐมิชิแกน (Michigan) เขาเป็นลูกคนที่เจ็ดและคนสุดท้ายของซามูเอล โอกเด็น เอดิสัน จูเนียร์ (Samuel Ogden Edison Jr.) และแนนซี่ แมธธิวส์ เอลเลียต (Nancy Matthews Elliott) พ่อของเขาเป็นลูกของผู้ลี้ภัยและย้ายมาจากโนว่า สโกเทีย (Nova Scotia) และเริ่มต้นใช้ชีวิตที่ออนทาริโอตะวันตกเฉียงใต้ (Ontario) ในหมู่บ้านที่ชื่อว่าชิวส์เบอรรี่ (Shewsburry) หลังจากนั้นเขาก็ออกมาจากออนทารีโอเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกบฏแม็คเคนซี่ (Mackenzie) ในปี 1837 สายตระกูลครอบครัวนั้นเป็นชาวดัตช์มาก่อน ทำให้นามสกุลเก่าของเขานั้นมีชื่อว่า เอเดสัน (Edeson)
เอดิสันเข้าเรียนเพียงไม่กี่เดือน ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้เรียนกับแม่ของเขาเอง การศึกษาของเขามาจากการอ่านหนังสือต่างๆมากมาย เอดิสันเป็นคนที่มีปัญหาทางการได้ยินตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากไข้ผื่นแดงที่ทำให้หูส่วนกลางของเขาอักเสบ จนกระทั่งช่วงกลางๆในชีวิตการทำงานของเขา อาการอักเสบของหูของเขาก็ได้แย่ลงจนเกือบไม่ได้ยิน ซึ่งมีผลมาจากตู้รถไฟที่เป็นห้องวิจัยของเขาเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ทำให้เขาต้องกระโดดลงมาจากรถไฟในเมืองสมิธส์ ครีก (Smiths Creek) รัฐมิชิแกน
ในตอนเด็กๆ เอดิสันเป็นเด็กขายขนมลูกอมและหนังสือพิมพ์บนรถไฟจากเมืองพอร์ท ฮูรอน ไปยังเป็นดีทรอยท์ (Detroit) รวมถึงขายผักด้วย ต่อมาเขาจึงมาเป็นพนักงานโทรเลขในบริษัทแกรนด์ ทรังค์ เรลเวย์ (Grand Trunk Railway) ที่เป็นสถานีรถไฟในเมืองแสต็ทฟอร์ด (Stratford) รัฐออนทาริโอ ตอนอายุ 16 ปี
เอดิสันได้เข้าทำงานเป็นพนักงานโทรเลขได้เนื่องจากเขาเข้าไปช่วยเหลิือเด็กอายุ 3 ปีที่ชื่อจิมมี่ แม็คเคนซี่ (Jimmie MacKenzie) จากการติดอยู่ในขบวนรถไฟของผู้อพยพ พ่อของจิมมี่ที่เป็นนายสถานีนามว่า เจ. ยู. แม็คเคนซี่ (J. U. MacKenzie) แห่งภูเขาเคลเมนส์ (Clemens) ในรัฐมิชิแกนได้ขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก และรับเขาเข้าฝึกเป็นพนักงานโทรเลข จนผ่านไปประมาณสามปี ในปี 1866 เอดิสันได้ย้ายไปที่เมืองหลุยส์วิลล์ (Louisville) รัฐเคนตักกี้ (Kentucky) ที่ๆ เขาเป็นพนักงานของบริษัทเวสเทิร์น ยูเนี่ยน (Western Union) เขาทำงานเกี่ยวกับสายข่าวของแอสโซเซีนท์ เพรส (Associated Press) ซึ่งเขาเลือกทำงานกะดึก เพราะตัวของเขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาชิบโดยไม่รบกวนใครนั่นก็คือการอ่านหนังสือกับการทดลอง จนคืนหนึ่งในปี 1867 เขาได้ทดลองเกี่ยวกับแบตเตอรี่กรดตะกั่ว เมื่อเขาเผลอทำกรดซัลฟิวริกหกบนพื้นและไหลเข้าไปข้างใต้โต๊ะของเจ้านาย ทำให้เช้าต่อมา เอดิสันก็ถูกไล่ออก
จนในปี 1871 ในวันที่ 25 ธันวาคม เอดิสันที่อายุได้ 24 ปีก็ได้แต่งงานกับแมรี่ สติลเวล (Mary Stilwell) ที่อายุได้ 16 ปี หลังจากพบกันแค่สองเดือน เธอเป็นพนักงานในร้านค้าแห่งหนึ่งของเขา พวกเขาก็ได้มีลูกด้วยกันสามคนคือ มาเรียน เอสเทล เอดิสัน (Marion Estelle Edison) โทมัส อัลวา เอดิสัน จูเนียร์ (Thomas Alva Edison Jr.) และวิลเลี่ยม เลสลี่ เอดิสัน (William Leslie Edison) แต่ต่อมาแมรี่ก็ได้เสียชีวิตลงด้วยเนื้องอกในสมองหรือการใช้มอร์ฟีนเกินขนาด จนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1886 เอดิสันที่อายุได้ 39 ปีก็ได้แต่งงานกับมิน่า มิลเลอร์ (Mina Miller) ที่อายุ 20 ปีในเมืองเอครอน (Akron) รัฐโอไฮโอ เธอเป็นลูกสาวของนักประดิษฐ์นามว่าเลวิส มิลเลอร์ (Lewis Miller) หนึ่งในผู้ก่อตั้งของเชอท็อคเค อินสติทูชั่น (Chautauqua Institution) ซึ่งทั้งคู่ก็ได้มีลูกด้วยกันสามคนคือ มาเดลีน เอดิสัน (Madeleine Edison) ชาร์ลส์ เอดิสัน (Charles Edison) และธีโอดอร์ มิลเลอร์ เอดิสัน (Theodore Miller Edison) มิน่ามีอายุยืนกว่าเอดิสัน และได้เสียชีวิตในวันที่ 24 สิงหาคมปี 1947
เอดิสันเริ่มงานในฐานะนักประดิษฐ์ในเมืองเนวาร์ค (Newark) รัฐนิว เจอร์ซี่ (New Jersey) ด้วยการพัฒนาเครื่องโทรเลขให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วก็คือการประดิษฐ์เครื่องเล่นแผ่นเสียง โจเซฟ เฮนรี่ (Joseph Henry) ประธานของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติในตอนนั้นก็ได้ยกย่องเขาให้เป็นนักประดิษฐ์ที่ฉลาดที่สุดในประเทศ ในเดือนเมษายน ปี 1878 เอดิสันได้เดินทางไปยังวอชิงตัน (Washington) เพื่อจะแสดงเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเขาให้คนอื่นชม หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ (Washington Post) ได้บรรยายว่า เขาเป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะ
เอดิสันเสียชีวิตลงด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในวันที่ 18 ตุลาคม ปี 1931 ที่บ้านของเขาที่มีชื่อว่าเกลนมอนต์ (Glenmont) ในสวนเลเวลลิน (Llewellyn Park) ในเมืองเวสต์ ออเรนจ์ (West Orange) รัฐนิว เจอร์ซี่ ที่ๆเขาได้ซื้อไว้ให้เป็นของขวัญแก่ภรรยาของเธอ มิน่าในปี 1886 ในงานศพของเขาได้สตีเฟ่น เจ. เฮอร์เบน (Stephen J. Herben) เป็นประธานงานให้ และศพของเอดิสันก็ได้ถูกฝังไว้ที่หลังบ้านของเขาเอง
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาถูกเก็บไว้ในหลอกทดลองที่พิพิธภัณฑ์เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry Ford) ใกล้ๆกับเมืองดีทรอยท์ ฟอร์ดได้ขอให้ชาร์ลส์ เอดิสัน ลูกชายของเขาเป็นคนเก็บลมหายใจของเขาเอง และยังขอให้พอกหน้าของเอดิสันเอาไว้เพื่อเก็บเป็นอนุสรณ์อีกด้วย
ความสามารถเฉพาะคลาส
การสร้างอุปกรณ์ (Item Construction) EX (D)
บ้างก็ว่าเขาสร้างสิ่งประดิษฐ์มากมาย บ้างก็ว่าเขาแค่ทำสิ่งที่คนอื่นสร้างไว้ให้ดีขึ้น เขาจึงมีทั้งความสามารถในการสร้างและเสริมพลังให้กับสิ่งของ ยิ่งสิ่งของมีความเกี่ยวข้องกับความลี้ลับน้อยเท่าไหร่ความสามารถที่เสริมเข้าไปก็จะสูงเท่านั้น
การสร้างอาณาเขต (Territory Creation) EX (D)
ความสามารถในการสร้างโรงการผลิตสิ่งของ คนที่ทำงานให้กับเอดินสันจะถูกบังคับให้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
ความสามารถเฉพาะตัว
การผลิตจำนวนมาก (Mass Production) A
ความสามารถในการสร้างสิ่งของออกมาได้อย่างรวดเร็วและไร้ขีดจำกัดตราบเท่าที่ยังมีวัตถุดิบ
การปรับปรุงแนวคิด (Conceptual Improvement) A+
ความสามารถในการเปลี่ยนสิ่งของธรรมดาให้กลายเป็นสมบัติวีรชนระดับต่ำได้และสามารถเพิ่มคุณสมบัติต่างๆเข้าไปเช่น ทำให้หนักขึ้น ทนขึ้น เร็วขึ้น เป็นต้น
การเปลี่ยนร่าง (Shapeshift) C
ความสามารถในการเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งต่างๆ
การจดจ่อกับสิ่งๆหนึ่ง (Single-Mindedness) B
ความสามารถตั้งใจทำบางสิ่งบางอย่าง ทำให้มีสมาธิในระดับที่เหนือมนุษย์
สมบัติวีรชนที่ครอบครอง
"ฉันจะแบ่งแสงให้กับทุกๆคนอย่างเท่ากัน นั่นคือสิ่งที่อัจฉริยะควรจะทำ เวิร์ลด์ เฟท โดมิเนชั่น! ฮ่าฮาฮ่า!"
World Faith Domination เวิร์ลด์ เฟท โดมิเนชั่น : W.F.D
ประเภท : ต่อต้านประชากร
ระดับ: EX
มันเกิดจากวีรกรรมที่เขาได้สร้างสิ่งที่กำจัดความมืด สิ่งที่สามารถกักเก็บเสียง และสิ่งที่สร้างภาพเสมือนจริงออกมาได้ ทำให้มันเป็นสมบัติวีรชนที่ต่อต้านความลี้ลับ สิ่งที่ได้รับพลังจากการเป็นสิ่งลี้ลับจะสูญเสียพลังไป และทำให้ความเชื่อของผู้คนต่อสิ่งลี้ลับกลายเป็นศูนย์
-------------------------------------------------------------------------
Facebook Fanpage : Kokowa ฉันแค่อยากแปล
-------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบไปแล้วนะครับ กับประวัติของวีรชนท่านนี้ โทมัส อัลวา เอดิสัน ประวัติเขายาวมากๆ ไม่สามารถเล่าได้หมดนะครับ แต่จะเอาที่สำคัญมาให้ ถ้าข้อมูลน้อยไปหรือผิดพลาดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ เอาเป็นว่าใครที่ชอบก็อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจ กดหัวใจ กดเรท กดแชร์ให้กับเรื่องนี้ต่อไปด้วยนะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น