คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #215 : The Show: In The Shadow Of The Blue Rascal
It's time 始めようか
ถึงเวลาแล้ว มาเริ่มเปิดฉากกันได้
随分イイ子で So far 待ってたようだね
ทำตัวเป็นเด็กดีแล้วรอคอยฉันอยู่จนถึงตอนนี้เลยล่ะสิ
Crank up 長い時を
เตรียมตัวให้พร้อม
待ち侘びてたのは 君の方だけじゃないさ
ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ต้องอดทนรอคอยหรอกนะ
— เดอะ โชว์, ทราวิส เจแปน
การแสดงของคณะละครสัตว์โทระเอนอาจทำให้อุซามิ อิโนริรู้สึกตื่นตา โดยเฉพาะกับการแสดงกายกรรมสัตว์ของหัวหน้าคณะละครสัตว์กับเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ที่จะทำให้เธอสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อมันแผดเสียงคำราม หากชายตัวเล็กผู้ควบคุมนั้นกลับทำให้มันดูเป็นเรื่องง่ายดาย และรู้สึกตื่นใจไปกับการแสดงมายากลอย่างที่เคยเห็นแต่ในรายการโทรทัศน์หรือม้วนวิดีโอของต่างประเทศเท่านั้น หากดูเหมือนเจสซี่ ลูอิส พี่ชายไม่แท้ของเธอ ผู้นิยมชมชอบทุกศาสตร์และศิลป์ที่สามารถสร้างความบันเทิงเริงใจให้แก่ตนเองได้จะบังเกิดความรู้สึกอันแรงกล้ามากกว่านั้น ถึงขนาดตัดสินใจลุกพรวดพราดขึ้นประกาศก้องอย่างแน่วแน่กลางมื้อค่ำในวันถัดมาว่า “ผมจะไปสมัครเข้าคณะโทระเอน!” โดยไม่ฟังคำทัดทาน ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นก่นด่า จากพ่อของเขาและแม่ของเธอที่ไม่เห็นด้วยกับทางเลือกแบบสิ้นคิด แล้วหอบกระเป๋าใบเดียวจากไปในค่ำคืนเดียวกันนั้นเอง
แต่ไม่ใช่กับอิโนริที่วิ่งตามไปโบกมือไหวๆ เอ่ยบอกลาเขาด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งแผ่กระจายอยู่เต็มใบหน้าหลังจากคำว่าโชคดี
“แล้วฉันจะกลับมาหา”
และอ้อมกอดที่แนบแน่นของเขา ก็ทำให้อิโนริแน่ใจได้ว่าเจสซี่จะต้องทำตามคำพูดที่เปรียบเหมือนคำสัญญาได้จริง
ทั้งอย่างนั้น คนที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาตลอดทั้งสัปดาห์ถึงขนาดบอกว่าจะตัดขาดความเป็นครอบครัวถ้าเขาทิ้งทุกอย่างออกไปเข้าร่วมกับคณะละครสัตว์ไร้หัวนอนปลายเท้านั่น กลับเป็นคนคนเดียวกับที่อ้อมแอ้มเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหารในตอนเช้าของวันธรรมดา บอกให้เด็กสาวที่กำลังก้มหน้าหั่นไข่ดาวอยู่ช่วยออกไปตามพี่ชายกลับบ้านหลังเลิกเรียนที
“แค่กลับมากินข้าวที่บ้านสักมื้อก็ได้” พ่อของเขาพูดแบบนั้น
“เย็นนี้ฉันจะทำแกงกะหรี่ที่ลูกชอบไว้ให้” และแม่ของเธอก็เสริมรับ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอิโนริ — ลูกสาวในไส้ — ไม่เคยชอบกินแกงกะหรี่
∞
เมื่อไม่มีการแสดงในค่ำคืนนี้ เต็นท์ละครสัตว์ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจึงดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวลงไปถนัดตา อิโนริจดจำได้แต่ภาพความคึกคักที่เคยมาเยี่ยมเยือนกับพี่ชายเมื่อหลายวันก่อน รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อยที่ถือวิสาสะเข้ามา ถึงจะส่งน้ำเสียงแผ่วค่อยเป็นการขออนุญาตที่คงไม่มีมนุษย์คนใดจะได้ยินมันแล้วก็ตาม ในเมื่อเธอไม่พบใครอยู่ด้านนอกเลยแม้แต่เงาที่วูบไหว อิโนริคิดว่าจะลองสำรวจดูรอบๆ ก่อนให้แน่ใจ แล้วถ้าอับจนหนทางจริงๆ ถึงตอนนั้นเธอก็คงจำเป็นต้องเสียมารยาทเข้าไปในเต็นท์ละครสัตว์ที่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอนุญาตให้คนนอกเข้าไปหรือเปล่าจนได้
โชคดีที่เธอไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ต้องการจะทำ เมื่ออิโนริจะได้เห็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเดินออกมาจากเต็นท์การแสดงใหญ่ ส่งยิ้มให้เธอที่กำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่ไกล เหมือนกับที่อิโนริจะค้อมหัวทักทายด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปหาเขาที่หยุดยืนเอาสองมือไขว้หลังตั้งแต่ก่อนนั้นแล้ว
“เอ่อ ฉันต้องขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาด้วยนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ เราเปิดรับทุกคนเสมอ”
ใบหน้าของเขายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นที่เป็นมา ไม่ว่าจะบนเวทีที่เขาสวมบทบาทของนักมายากลที่ทำให้อิโนริอ้าปากค้างได้ในวันนั้น หรือเบื้องล่างที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนธรรมดาในยามนี้ หัวใจของอิโนริเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรเกินกว่าใครคนใดที่ได้เคยพานพบอยู่ใกล้ๆ ถึงเจสซี่พี่ชายชาวต่างชาติของเธอกับเส้นผมสีแดงไม่เหมือนใครก็อาจให้คำนิยามเช่นนั้นได้ แต่อาจเพราะความเป็นพี่น้องกันมาตลอดห้าปี อิโนริจึงไม่เคยมองเขาในแง่นั้นเลยสักครั้ง
“ฉันมาตามหาพี่ชายค่ะ เขาบอกว่าจะมาสมัครเข้าคณะของคุณ เขาเป็นคนต่างชาติชื่อว่าเจสซี่ เอ่อ เจสซี่ ลูอิส” และทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทีอะไรออกมา แต่ความประหม่าของอิโนริจากคำถามที่พบเจออยู่บ่อยครั้งก็จะทำให้เธอเร่งร้อนเอ่ยต่ออย่างละล่ำละลักว่า “เอ่อ คือ...ที่เราหน้าตาไม่เหมือนกันเพราะว่าเราไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ น่ะค่ะ แค่ว่าพ่อกับแม่ของเราแต่งงานกันเฉยๆ อ๊ะ! ฉันชื่ออุซามิ อิโนรินะคะ”
ตอนที่เขาหัวเราะน้อยๆ ออกมา อิโนริก็แน่ใจได้ว่าใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอมีต้นเหตุมาจากคนตรงหน้า ไม่ใช่เพราะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ยังมีลมพัดโพยมาแผ่วๆ เช่นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมมัตสึดะ เก็นตะ”
ที่ที่เก็นตะพาเธอมาคือหน้าเต็นท์หลังเล็กที่อยู่ห่างไปไม่ไกล แต่อิโนริก็ยังมีเวลาสนทนากับเขาระหว่างช่วงเวลานั้น และสิ่งที่เธอเลือกจะทำก็คือการเอ่ยชมมายากลที่น่าทึ่งของเขาด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ก่อนสิ่งที่เต้นรัวแรงจะกลายเป็นหัวใจของเธอเอง เมื่อจู่ๆ เขาจะหยุดฝีก้าว แล้วหันมาจ้องสบตากับเธอที่เดินเคียงไปด้วยกันจนถึงก่อนหน้านั้นให้เธอต้องกระทำแบบเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปหลังใบหูของเธอ เสียงดีดนิ้วที่ดังขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจะทำให้เด็กสาวสะดุ้งโหยง เผลอตัวหลับตาแน่น แต่ก็แค่เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ที่เมื่อลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้ง อิโนริก็จะได้เห็นกุหลาบสีแดงดอกหนึ่งอยู่ตรงหน้า
“สำหรับคุณ”
เธอทั้งตกใจ ดีใจ และขัดเขินไปด้วยในเวลาเดียวกัน แม้อิโนริจะไม่เคยพิสมัยความงดงามตามธรรมชาติใด หากกลีบกุหลาบสีแดงที่สดสวยที่สุด บานสะพรั่งที่สุด เท่าที่ได้เคยเห็นมาตลอดทั้งชีวิตนี้ ก็สามารถทำให้เธอตื่นตะลึงได้
ไม่ใช่เพราะความเจิดจ้าไม่ต่างจากกุหลาบดอกงามที่ทำให้นัยน์ตาของเธอมัวพร่าตามไป ทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาในเต็นท์หลังนี้ มันมีเวทียกสูงเหมือนกับเต็นท์ละครสัตว์ที่พวกเขาใช้แสดง แตกต่างกันตรงแสงสีน้ำเงินเข้มที่อาบย้อม แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของอิโนริได้มากที่สุดคือแผ่นกระดานที่อยู่กลางเวทีนั้น พร้อมกับแสงสว่างราวกับสปอตไลท์ที่ฉาดฉายให้กับนักแสดงนำ — ชายหนุ่มคนที่เธอตามหา — แขนทั้งสองข้างของเขาถูกโลหะเหล็กล็อกติดไว้อย่างแน่นหนา ทว่ากลับไม่มีความพยายามที่จะเขยื้อน อาจเป็นเพราะนัยน์ตาที่ปิดหลับอยู่ แต่จากลมหายใจที่ผ่อนเข้าออก ก็ทำให้อิโนริรู้ว่าเขาแค่นอนหลับไป
“ความปรารถนาของคุณ”
ครั้นมองตามสายตาของเขาลงไป อิโนริก็จะได้เห็นว่าดอกกุหลาบสีแดงสดที่เคยถืออยู่ในมือ บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นใบมีดสีเงินวาววับที่จะทำให้เธอตกใจจนเผลอปล่อยมันร่วงหล่น
และทันทีที่เธอเงยใบหน้ากลับขึ้นไป ทันใดเก็นตะก็จะเหวี่ยงใบมีดในมือที่ก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่ามาจากไหนไปยังเป้านิ่งที่อยู่บนแผ่นกระดาน อิโนริหลุดกรีดเสียงร้องออกมา ทั้งอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่ขยับตัวใดๆ แม้ว่าใบมีดนั้นจะเฉียดผ่านใบหน้าที่ทิ้งรอยบาดและเลือดเอาไว้ ก่อนทะลุปักเข้าไปใกล้กับใบหูอย่างน่าหวาดเสียว
“คุณไม่อยากเล่นสนุกกับเขาเหรอ?” นัยน์ตาของอิโนริที่หันมาสบกับคนข้างกายวูบไหว “เหมือนที่เขาทำกับคุณตอนที่คุณหลับ”
∞
อิโนริเพิ่งจะรู้เรื่องนั้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน...
มันเป็นค่ำวันหนึ่งที่เธอไม่สบายจนต้องนอนซมอยู่ที่บ้านตั้งแต่เช้า แต่อาจเป็นเพราะการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ผนวกกับยาแก้ไข้และข้าวต้มที่แม่กลับบ้านมาทำให้ตอนพักกลางวัน ก็ทำให้เมื่อถึงหัวค่ำ อาการปวดหัวตัวร้อนของอิโนริจึงค่อยบรรเทา
หากสิ่งที่ปลุกเธอขึ้นมาจากความฝันเลือนลางที่ก็จดจำไม่ได้ว่ามันคืออะไร เธอก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของมือใหญ่ที่ปาดป่ายลูบไล้อยู่บนเนื้อตัว มือของเขาอุ่น อุณหภูมิร่างกายของเธอก็อุ่น แต่เลือดในกายของเธอกลับเย็นเฉียบจนได้แต่นิ่งค้าง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือเปิดเปลือกตามอง จากนั้นเขาก็เบียดตัวเข้าหา โน้มตัวขึ้นระดมจุมพิตเธอทั่วกรอบหน้า ใบหู หากไปไม่ถึงริมฝีปากที่อาจเป็นเพราะเขากลัวจะติดหวัด ครั้นพอใจแล้วก็เปลี่ยนสัมผัสล้วงเข้าไปข้างใต้นอกเหนือจากส่วนที่โผล่พ้นเสื้อยืดเปียกเหงื่อ อิโนริต้องพยายามกดกลั้นเสียงร้องที่ทำท่าว่าจะหลุดรอดออกมา ถึงจะไม่สำเร็จนักแต่มันก็อาจฟังเหมือนเสียงละเมอมากพอที่เขาจะไม่สงสัย ด้วยเสียงหอบหนักที่ดังออกมาจากลำคอ พร้อมกับเสียงของการกระทำบางอย่างที่เธอเข้าใจว่าเขากำลัง...ช่วยตัวเอง
ไปจนถึงวินาทีสุดท้ายที่เขาเรียกชื่อเธอซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
อิโนริไม่รู้ว่าเป็นเวลาเนิ่นนานเท่าไหร่กว่าที่เหตุการณ์นี้จะจบลง เจสซี่แตะริมฝีปากที่ข้างแก้มเธออีกครั้งเป็นการบอกลาแล้วเปิดประตูออกจากห้องไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรกับเธอมากกว่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ความคิดที่อิโนริมีต่อพี่ชายไม่แท้ผู้แสนดีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เจสซี่ยังคงปฏิบัติกับเธอเหมือนปกติในวันถัดมา ราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ที่อิโนริแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริง เธอไม่สามารถปรึกษาเรื่องนี้กับใครได้ หรือจะให้ถามเจสซี่ออกไปตรงๆ ก็ยิ่งไม่ได้ ทั้งที่เธอเริ่มคิดว่าตัวเองน่าจะมีอาการนอนไม่หลับจากความหวาดระแวง แต่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเมื่อเธอสามารถนอนหลับสนิทได้ในทุกค่ำคืนโดยแทบไม่ฝัน
มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเธอถูกวางยานอนหลับ
ถึงอย่างนั้นอิโนริก็ไม่สามารถปฏิเสธอาหารในบ้านได้ ไม่ใช่แค่เพราะเธอจะทำตัวมีปัญหาให้ครอบครัวต้องลำบากใจไม่ได้ แต่ยังเพื่อตัวเอง เธอจำเป็นต้องกินข้าวเย็นที่บ้าน เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องทนแสบท้องจากการถูกรีดไถทุกวัน จนไม่มีแม้แต่เงินซื้อขนมราคาถูกกินเสียด้วยซ้ำ อิโนริพยายามไม่ตีโพยตีพายให้เป็นเรื่องใหญ่ อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว ถึงตอนนั้นเธอจะออกไปหางานดีๆ ทำ เริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่คนเดียวให้ห่างไกลจากที่นี่...เมืองนี้ ไม่เอาอย่างพี่ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ยังซุกหัวนอนอยู่ที่บ้าน ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านสะดวกซื้อในละแวก และช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อยๆ แลกเศษเงินไปวันๆ ระหว่างนี้เธอยังพออดทนได้ แค่การแตะต้องตัวไม่มากไปกว่านั้นเพื่อให้เขาปลดปล่อยตัวเองก็ใช่ว่าจะเสียหายอะไร อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้รู้สึกตัว อิโนริคิดว่าชีวิตของเธอเหมือนกับนวนิยายของคาวาบาตะ ยาสึนาริ เรื่อง 'เนมุเรรุ บิโจ' (สาวงามที่กำลังหลับใหล) ที่เพิ่งเคยได้อ่านจากห้องสมุด
ก่อนที่เธอจะได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของสิ่งที่เคยคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เป็นครั้งแรก ในวันที่เธอฉีกยิ้มกว้างๆ ออกมา หลังจากที่เจสซี่ตัดสินใจว่าจะย้ายออกจากบ้านไปแสวงโชคกับคณะละครสัตว์ เธอที่วิ่งตามออกไปเพื่อบอกลาและแสดงความยินดีจากใจจริง ไม่ทันได้คิดว่าเขาจะฉุดกระชากลากเธอเข้าไปในตรอก ริมฝีปากของเขาในครั้งครานี้กดแนบลงไปบนส่วนเดียวกันที่เธอพยายามจะหันหนี แต่แรงบีบที่ข้อมือเล็กซึ่งเขากดตรึงลงไปกับกำแพงด้านหลัง ก็มากพอจะทำให้เธอต้องเปิดปากเพื่อหลุดส่งเสียงร้อง เปิดโอกาสให้เขาส่งปลายลิ้นเข้ามาเกาะเกี่ยว ก่อนมืออีกข้างหนึ่งจะดึงชั้นในที่อยู่ใต้กระโปรงของเธอออกไป อิโนริไม่อาจต้านทานเรี่ยวแรงของผู้ชายตัวใหญ่กว่าได้ และสิ่งที่เขาทำแม้จะแค่จากปลายนิ้วก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกดีได้เลย
“พี่! ไม่นะ! หยุดสิ! แค่ฉวยโอกาสตอนที่หลับยังไม่พออีกเหรอ!”
เจสซี่ไม่ได้มีสีหน้าตื่นตกใจกับสิ่งที่เธอแผดตะโกนออกมาของเลยแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะรู้ว่าเธอรู้มาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตอบมันเป็นคำพูด หากเป็นการกระทำในตอนที่ถอนปลายนิ้วทั้งสองออก แล้วดันตัวชิดเพื่อที่จะชำแรกตัวตนเข้าไปเติมเต็ม แม้จะอย่างเชื่องช้าในทีแรกก็หาใช่เพื่อเธอ ซึ่งทำได้แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจากความเจ็บปวดทั้งที่กายและที่ใจ นอกไปจากเพื่อความพึงพอใจของตัวเอง
“เธอจะได้รู้สึกถึงฉันในวันที่ฉันไม่อยู่”
อิโนริไม่อาจขัดขืนต่อการกระทำของเขาได้เลย ตลอดระยะเวลาเหล่านั้น เขาพร่ำบอกว่าเคยทำสิ่งใดกับเธอบ้างในตอนที่หลับใหล ด้วยถ้อยคำที่น่าละอาย กับเรื่องราวที่น่าหยาบคาย เหมือนกับการกระทำในโมงยามนี้ของเขา อิโนริได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเจสซี่ไม่ได้มองเธอเป็นน้องสาวอีกต่อไป หากเป็นได้แค่สิ่งสร้างความบันเทิงเริงใจหรืออาจรวมถึงความสุขสุดยอดในทุกๆ วันให้แก่เขาเพียงเท่านั้น
“แล้วฉันจะกลับมาหา”
เธออยากให้อ้อมกอดที่รัดแน่นของเขาบดขยี้กระดูกข้างใต้ให้ป่นปี้เป็นผุยผง ทำให้เธอแหลกสลายหายไป ไม่จำเป็นต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ อีกเลย
∞
“คนที่ทำกับคุณต่างหากไม่ใช่เหรอที่ควรจะหายไปซะ...” เก็นตะเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง เพื่อที่จะจับมือของเธอขึ้นมาพลิก แล้ววางมีดเล่มหนึ่งลงไปบนฝ่ามือทั้งที่ไม่มีวี่แวว อิโนริแน่ใจแล้วว่าว่าชายที่ชื่อเก็นตะต้องไม่ใช่แค่นักมายากลธรรมดาๆ เขาอาจมีพลังพิเศษบางอย่าง อย่างน้อยก็อาจสะกดใจเธอให้คล้อยตามไปได้ ในวินาทีที่เธอจ้องสบสายตากับเขาซึ่งเอ่ยต่อคำพูดก่อนหน้านั้นของตนเอง ด้วยเจตนาย้ำชัดที่หนักแน่นกว่าเดิมว่า “ตายไปซะ”
“แต่เขาเป็น...”
“พี่ชาย” เก็นตะเยาะหยันเมื่อเสริมต่อประโยคของเธอแทนให้เสร็จสรรพ “ที่ทำเรื่องน่าอายกับคุณในตอนที่หลับ เรื่องอัปยศในตอนที่ตื่น”
และเมื่อคิดถึงเรื่องอัปยศนั้นขึ้นมา อิโนริก็เผลอกำฝ่ามือเข้าหากันแน่นจนรู้สึกได้ถึงคมมีดที่บาดผ่านผิวหนัง พลันเรียกสติของเธอให้หวนกลับคืนมา เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน กระนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรเทียบเท่ากับความเจ็บที่พี่ชาย...ผู้ชายคนนั้น...มอบมันให้เธอ แรงกดแน่นขึ้นทุกขณะที่ความคิดประหวัดไปถึงทุกช่วงเวลาเหล่านั้นซึ่งเธอยังคงจดจำมันได้และคงจะไม่มีวันลืมเลือน ทั้งที่เธอควรจะขว้างมีดออกไป พรากสิ่งสำคัญในชีวิตอย่างลมหายใจของเขา เหมือนที่เขาพรากเอาความบริสุทธิ์โดยที่เธอไม่ได้ยินยอมมอบมันให้ไป หากความขลาดกลัวของคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าสัตว์เล็กสักตัว ก็ราวกับสิ่งที่ฉุดรั้งสัมปชัญญะและความดีงามของอิโนริเอาไว้
เจสซี่คือพี่ชายที่เคยแสนดีที่สุดสำหรับเธอ — แม้ว่าสิ่งที่เขากระทำหลังจากนั้นจะไม่ทำให้เธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอย่างเดิมได้อีก — แต่อย่างไรเขาก็ยังคงเป็นลูกชายที่แสนดีของพ่อผู้ให้กำเนิดและแม่ผู้ให้การเลี้ยงดู เป็นมนุษย์ที่แสนดีของใครก็ตามที่ได้ทำความรู้จัก ไม่เหมือนกับเธอที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงกับเขาได้เลยไม่ว่าจะในสายตาของใคร คนที่ถึงต่อให้จะหายไปก็ไม่มีใครที่จะระลึกถึง
เมื่อคิดถึงตรงนั้น ใบมีดก็ทำท่าว่าจะร่วงหล่นลงจากมือเธอ แต่ชายหนุ่มคนข้างกายที่ขยับฝีก้าวมาอยู่เบื้องหน้าจะฉวยคว้ามันเอาไว้ได้ทัน แล้วปามันเข้าใส่ฝ่ามือข้างขวาของเจสซี่เหมือนกันกับเธอ...ด้วยความเจ็บปวดที่เมื่อเขาตื่นมาแล้วจะได้เผชิญกับมันเหมือนกันกับเธอ
ก่อนที่เขาจะหมุนตัวหันกลับมา จับข้อมือข้างที่ของเหลวสีแดงเหนอะไหลซึมลงมาจนถึงข้อแขนนั้นไว้ เพื่อที่จะยกขึ้นมาลิ้มเลียมันโดยไม่นึกรังเกียจ ความแสบที่ถูกกระตุ้นจากปลายลิ้นของเขาแล่นปราดเข้ามาจนข้อมือของเธอเผลอกระตุก แต่อิโนริก็ยังคงสบดวงตาวูบไหวกับเก็นตะที่จ้องมองมาตลอดช่วงเวลาของการกระทำนั้น สิ่งที่เธอยินยอมจากก้นบึ้งของหัวใจโดยไม่ได้มาจากเวทมนตร์สะกดใจใดๆ ริมฝีปากที่เปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดยิ่งดูน่าหลงใหลภายใต้แสงสลัวนี้ และเมื่อเขาเปลี่ยนจากฝ่ามือมาเป็นอวัยวะส่วนเดียวกัน รวมถึงปลายลิ้นที่พยายามควานไขว่เพื่อลิ้มรสและแบ่งปันของเหลวในโพรงปาก แม้รสสนิมที่มาจากร่างกายของเธอเองจะฝืดเฝื่อน เช่นเดียวกับน้ำหนักที่กดลงมาอย่างหน่วงหนักโดยไม่มีช่องว่างซึ่งจะทำให้เธอหายใจแทบไม่ออก
แต่ก่อนที่เธอจะขาดใจตายเพราะไม่มีอากาศมาหล่อเลี้ยง เขาก็จะถอนริมฝีปากออก เพื่อนำมันมากระซิบที่ข้างใบหูของเธอว่า
“คุณไม่ได้ต้องการพี่ชายอีกแล้ว”
นักมายากลไม่ได้ต้องการคำยืนยันใดๆ เมื่อผละห่างจากเนื้อตัวของเธอที่ยังคงสั่นไหวแล้วดีดปลายนิ้วดังเป๊าะ เมื่อนั้นคนที่ถูกตอกตรึงอยู่บนแผ่นกระดานก็สะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เหมือนกับตอนที่เก็นตะจะขว้างมีดซึ่งเธอไม่รู้ที่มาไปปักลงบนฝ่ามืออีกข้าง ที่คราวนี้เจสซี่จะสามารถรับรู้ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้นได้จริงจนส่งสบถออกมาดังลั่น พยายามขยับตัวให้หลุดจากสิ่งที่พันธนาการไว้ ถึงขนาดออกแรงกระชากดึง แต่ก็ไม่เป็นผล
อิโนริมองตามแผ่นหลังของเก็นตะซึ่งย่ำฝีก้าวบนรองเท้าหนังไปยังแผ่นกระดานอยู่ครู่ขณะ จากนั้นจึงขยับทิศทางเปลี่ยนไปจ้องสบประสานสายตากับพี่ชายของเธอ ไม่ว่าจะถ้อยคำอ้อนวอน ด่าทอ หรือเสียงกรีดร้องที่ตามมาหลังจากนั้นของเขาก็ราวกับเป็นสิ่งที่อยู่ไกลห่างออกไป จากปลายมีดที่กดกรีดลงไปบนใบหน้า ริมฝีปาก ตลอดจนลำตัวที่ใช้ทำเรื่องทุเรศพรรค์นั้นกับเธอ ขณะที่เก็นตะก็กระซิบกระซาบถ้อยคำจากมุมปากที่ยกขึ้นแสดงความเยาะหยันซึ่งเธอไม่ได้ยิน ในวินาทีที่อิโนริรู้สึกถึงความอุ่นร้อนบนขอบตาก่อนมันจะไหลหยดลงมาอาบแก้ม กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเธอก็กระตุกไหว
“ฉันไม่ได้ต้องการพี่ชายอีกแล้ว”
แม้จะเป็นเสียงที่พร่ำพูดเพื่อตอกย้ำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา แต่หลังจบประโยคนั้น เก็นตะก็จะหยุดการกระทำแล้วหันกลับมาหาเธอ ด้วยรอยยิ้มที่แสดงความพึงพอใจ...เหมือนกับที่เธอกำลังทำอยู่
สติของเธอถูกรั้งเรียกกลับคืนมา และเสียงร้องโหยหวนเมื่อใบมีดถูกกดลงไปในช่องท้องก็จะพลันชัดแจ้งอยู่ในโสตประสาทของเธอ ทุกครั้งคราที่อิโนริคิดว่าต้องการให้เขาเจ็บปวดกว่านี้ ทุกข์ทรมานกว่านี้ เก็นตะก็จะคว้านใบมีดลึกเข้าไปราวกับตอบสนองต่อคำขอของเธอ
“ลาก่อนค่ะพี่ชาย”
เลือดที่พุ่งออกมาจากลำคอซึ่งถูกเชือดด้วยใบมีดคมกริบในคราวเดียวเป็นสีแดงที่เร่าร้อนรุนแรง เฉกเช่นตัวตนของเขาที่เป็นมาตลอด หากทว่าสิ่งที่แจ่มชัดอยู่ในแววตาของเธอกลับมีเพียงสีน้ำเงินที่สงบและเยือกเย็น เป็นดวงจันทร์ที่จะกล่อมให้เธอหลับใหลในยามค่ำคืน เขาจูบซับน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหลลงมา...จากความยินดีที่ท่วมท้นอยู่ข้างในอก ก่อนลากไล้ลงไปถึงกลีบปากที่สั่นระริกซึ่งเธอเต็มใจตอบรับมัน ด้วยการกระทำ ด้วยความต้องการ ด้วยความรุมร้อนที่เคลื่อนไปทั่วทั้งร่างกายและอีกไม่นานก็อาจจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ได้ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ที่มอดดับลงไปแล้ว ถึงต่อให้จะต้องจมดิ่งอยู่ในความมืดมิดที่ไม่อาจมองเห็นแสงสว่างได้อีกต่อไป แต่อิโนริก็พร้อมยินยอมมอบทุกอย่างให้แก่ชายที่ทำเพื่อเธอ แม้แต่จิตวิญญาณของตัวเอง
深く長いEcstasy
ความปีติที่ลึกล้ำ
感情剥き出しのCrazy
ความบ้าคลั่งที่ท่วมท้น
誘う水辺に二度と戻れない
เราไม่อาจหวนคืนสู่ผืนน้ำที่ล่อลวงเราได้อีก
夜の海に溶けてゆく Ah
แล้วหลอมละลายลงไปในท้องทะเลของยามราตรีกาล
— ทาบู, คัต-ตุน
_______________
ความคิดเห็น